Monday, 19 May 2025
Hard News Team

‘รถถัง’ เคลื่อนไหวหลังตกตาชั่งเสียแชมป์โลก ONE มวยไทย ลั่นทำเต็มที่แล้ว พร้อมขอร้องชาวเน็ต “อย่าว่าเมียผม”

(8 พ.ย.67) หลังจาก 'รถถัง จิตรเมืองนนท์' เจ้าของฉายา ดิไอรอนแมน ยอดนักชกชาวไทย ตกตาชั่งอีกครั้ง ทำน้ำหนักไม่ผ่านตามกำหนด ก่อนคิวเตรียมขึ้นชกกับ จาค็อบ สมิธ ผู้ท้าชิงจากสหราชอาณาจักร เพื่อป้องกันแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ที่สนามมวยลุมพินี (รามอินทรา) ในวันที่ 9 พ.ย. นี้ ทำให้ รถถัง ต้องถูกริบเข็มขัดแชมป์โลกตามกฎ ONE Championship แต่การชกจะยังคงมีอยู่ตามกำหนดการเดิม โดยถ้า สมิธ ชนะ จะคว้าแชมป์ไปครองทันที หาก สมิธ แพ้ แชมป์จะว่างลง

โดยทางรถถัง ได้เคลื่อนไหว ด้วยการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า "7ปีที่เราอยู่ด้วยกันมา ผมเต็มที่ที่สุดแล้ว จากกันแล้วก็จะไม่จากไกลผมสัญญาว่าจะเอากลับมาให้ได้ #ไม่ต้องด่าคนอื่นนะพี่ ๆ ด่าผมคนเดียวผม ผมเต็มที่ที่สุดแล้ว" โดยมีแฟนคลับเข้าไปให้กำลังใจจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ 'บอย ท่าพระจันทร์' โดยได้คอมเมนต์ว่า 

ไม่ว่าใครจะด่า หรือว่าน้องยังไง อยากให้รู้ว่าพวกพี่ ๆ และเพื่อน ๆ เป็นกำลังใจให้น้องเสมอ #สู้

นอกจากนี้ รถถังยังได้ออกมาโพสต์ขอร้องทุกคนอย่าคอมเมนต์เสีย ๆ หาย ๆ ถึงภรรยาของตน เพราะเป็นคนที่คอยกำลังใจตนอยู่ตลอด โดยระบุว่า

"ใช่ คุณด่าได้เต็มที่เลยว่าผมไม่มืออาชีพ แต่อยากบอกอะไรให้นะ คุณมาลองอยู่กับผมสักไฟต์สิว่าผมทำอะไรบ้างแต่ละวัน ผมแม่งโคตรอยากทำให้ได้เลย ผมอยากไลฟ์สดให้ดูเลยว่าผมต้องอดทนขนาดไหน ผมแม่งโคตรอยากรักษาเข็มขัดเส้นนี้ไว้ไห้นานเลย พวกคุณรู้มั้ย"

"คุณลองมาเป็นผมดูมั้ยก่อนที่จะด่าจะว่าอะไรออกมาเคยลองคิดกลับไปมองตัวเองมั้ยว่าด่าเขาแล้วผมจะทำได้มั้ย ผมไม่เคยด่าเลยนะ เพราะผมรู้ว่าถ้าผมอยู่จุดแต่ละคนแล้วผมคงทำไม่ได้แน่ สักวันคุณจะเข้าใจ และขอฝากไว้นะครับ ทุกวันนี้ผมทำเพื่อครอบครัวและประเทศไทยจริงๆ มวยไทยผมรักมากที่สุด ขอบคุณที่ทนอ่านนะครับและขอร้องอย่าเมนต์เสีย ๆ หาย ๆ ว่าเมียผมเลยเขาคือคนที่ให้กำลังใจผมตลอดเวลา"

เส้นทางขนส่ง 'MIDDLE Corridor' กระตุ้นการค้าระหว่าง ​​ประเทศในเอเชียกลางและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กรุงเทพ, 30 ตุลาคม 2567 สถานทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทยได้จัดสัมมนาในหัวข้อเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศทรานส์แคสเปียน (Middle Corridor) และประเทศคาซัคสถานในฐานะจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงที่มีศักยภาพ ผู้ร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้ประกอบไปด้วยตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ, นักวิชาการ ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการขนส่งที่มีประสบการณ์

​นาย อาร์มัน อิสเซตอฟ เอกอัครราชทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทย กล่าวเปิดงานโดยเน้นย้ำว่าประเทศคาซัคสถานที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญบนเส้นทาง ทรานส์แคสเปียน คาซัคสถานประเทศซึ่งเป็นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาคยูเรเชียน โดยมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงด้านการค้าและการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในศตวรรษที่ 21 คาซัคสถานได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ณ วันนี้มีจุดผ่านแดนประเทศของเราถึง 11 จุด โดยเส้นทางที่สำคัญที่สุดคือเส้นทางทรานส์แคสเปียน

​ข้อมูลจากองค์กรระหว่างประเทศที่เผยแพร่โดยธนาคารโลกเมื่อปี 2023 ระบุว่าเส้นทางขนส่ง Middle Corridor ช่วยย่นระยะเวลาขนส่งระหว่างประเทศจีนและยุโรปอีกทั้งเพิ่มการขนส่งขึ้นถึงสามเท่าจนถึงระดับ 11 ล้านตันภายในปี 2030 UN ESCAP ในแผนนโยบายที่ได้แถลงเมื่อปี 2023 กล่าวว่า Middle Corridor และเส้นทางรถไฟจากประเทศจีนเชื่อมสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่เปิดในปี 2021 จะช่วยกระตุ้นการค้าระหว่างภูมิภาคเอเชียกลางและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

​การสัมมนายังได้เชิญผู้ประกอบการขนส่งจากบริษัท Rhenus Logistics นายศิวาพัชญ์ เผ่าพรหม ตัวแทนบริษัทฯ ขึ้นพูดเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ด้านการขนส่งที่เชื่อมโยงจากประเทศไทยสู่ประเทศคาซัคสถาน โดยเน้นถึงโอกาสการเติบโตทางด้านการค้าและศักยภาพที่สำคัญในการเชื่อมโยงการขนส่ง และ นายพีระพล พิภวากร ตัวแทนจาก Kazakh Thai Alliance มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการเปิดตลาดคาซัคสถาน รวมถึง วิธีการ และ แนวทางในการนำสินค้าเข้าไปเปิดตลาดในประเทศคาซัคสถาน

​ช่วงท้ายของการสัมมนาได้เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น รวมไปถึงการพูดคุยกับหน่วยงานต่างๆที่มาร่วมงานเพื่อสร้างความร่วมมือในอนาคต สถานทูตคาซัคสถานขอขอบคุณผู้ร่วมงานทุกท่านและวิทยากรที่สละเวลามาร่วมงานในครั้งนี้ อีกทั้งอยากเน้นย้ำถึงความสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศคาซัคสถานและประเทศไทย

ออสเตรเลียเล็งออกกฎเข้ม ต่ำกว่า 16 ปีห้ามใช้โซเชียลมีเดีย คาดบังคับใช้ปลายปีหน้า

นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซีของออสเตรเลียประกาศว่า รัฐบาลออสเตรเลียเตรียมออกกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบระบบตรวจสอบอายุผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยคาดว่ากฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ได้เร็วที่สุดในปลายปีหน้า

ผู้นำออสเตรเลียกล่าวว่า การใช้งานโซเชียลมีเดียที่มากเกินไปส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็ก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่อาจถูกล่อลวงให้เผยแพร่ภาพร่างกายที่ไม่เหมาะสม หรืออาจเผชิญกับปัญหาการถูกกลั่นแกล้ง (Bullying) ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งทางรัฐบาลได้วางแผนจะนำเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อรัฐสภาในปีนี้ และหากได้รับความเห็นชอบ จะมีผลบังคับใช้ใน 12 เดือนหลังจากที่รัฐสภาให้สัตยาบัน

ปัจจุบันหลายประเทศได้มีการออกกฎหมายควบคุมการใช้งานโซเชียลมีเดียของเด็ก โดยออสเตรเลียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเข้มงวดมากที่สุด เนื่องจากจะไม่มีข้อยกเว้นให้เด็กใช้งานได้ แม้ได้รับการอนุญาตจากพ่อแม่ ขณะที่ในฝรั่งเศสได้มีการเสนอให้ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีใช้โซเชียลมีเดีย แต่อนุญาตให้ใช้ได้หากได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง และในสหรัฐอเมริกาได้มีการเรียกร้องให้บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ติดตั้งระบบปิดกั้นการเข้าถึงโซเชียลมีเดียสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 13 ปีหากไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครอง

วิกฤต Nissan!! เลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน หั่นเงินเดือน CEO เซ่นกำไรฮวบรอบ 15 ปี

(8 พ.ย.67) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น Nissan รายงานผลประกอบการขาดทุนในไตรมาสล่าสุด ทำให้ต้องประกาศเลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน หรือประมาณ 6% ของพนักงานทั้งหมด เนื่องจากยอดขายของรถยนต์ Nissan หลายรุ่นในสหรัฐอเมริกาไม่ดีในไตรมาสที่ผ่านมา

ตามรายงานของ AP Makoto Uchida ซีอีโอของ Nissan กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สถานการณ์นี้ 'เป็นเรื่องร้ายแรงมาก' โดยเขาได้ตัดสินใจลดเงินเดือนตัวเองลงครึ่งหนึ่ง และยังมีแผนลดกำลังการผลิตทั่วโลกลง 20% อีกด้วย

ในปี 2022 Uchida มีรายได้รวม 673 ล้านเยน (ประมาณ 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตามรายงานของ BBC

"นิสสันจะปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น" Uchida กล่าวเสริม

ทั้งนี้ Uchida ไม่ใช่ซีอีโอคนแรกที่ลดเงินเดือนเมื่อธุรกิจประสบปัญหา ในปี 2023 Eric Yuan ซีอีโอของ Zoom ได้ลดเงินเดือนตัวเองลง 98% ท่ามกลางการเลิกจ้าง และต่อมา Satish Malhotra ซีอีโอของ Container Store ก็สมัครใจลดเงินเดือนลง 10% เพื่อให้พนักงานได้รับโบนัสตามผลงาน

นอกจากนี้ ในปี 2013 ซีอีโอของ Nintendo ก็เคยลดเงินเดือนตัวเองลงครึ่งหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการเลิกจ้างเช่นกัน

8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436 วันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว กษัตริย์นักประชาธิปไตย ผู้สละราชบัลลังก์เพื่อประชาชน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันพุธ แรม 14 ค่ำ เดือน 11 ปีมะเส็ง เวลา 12.25 น. หรือตรงกับวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436 

โดยเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 96 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระองค์ที่ 14 ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468

โดยตลอดรัชสมัยพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่สำคัญหลายด้าน เช่น ด้านการปกครอง โปรดให้ตั้งสภากรรมการองคมนตรี ทรงตรากฎหมายเพื่อควบคุมการค้าขายที่เป็นสาธารณูปโภคและการเงิน ระบบเทศบาล ด้านการศาสนา การศึกษา ประเพณีและวัฒนธรรมนั้น พระองค์โปรดให้สร้างหอพระสมุด ทรงปฏิรูปการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย 

นอกจากนี้ มีการปรับปรุงการศึกษาจนยกระดับมาตรฐานถึงปริญญาตรี ทรงตั้งราชบัณฑิตยสภา โปรดให้จัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับพิมพ์อักษรไทยสมบูรณ์ ชื่อว่า “พระไตรปิฎกสยามรัฐ” เป็นต้น ความไม่พอพระราชหฤทัยและการเพลี่ยงพล้ำในการคัดค้านคณะราษฎรในหลายโอกาสนำไปสู่การสละราชสมบัติ และพระองค์ยังทรงถูกฟ้องคดียึดทรัพย์

สำหรับชีวิตส่วนพระองค์นั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวอภิเษกสมรสกับหม่อมเจ้ารำไพพรรณี สวัสดิวัตน์ (ต่อมาเฉลิมพระนามเป็นสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี) ไม่มีพระราชโอรสและพระราชธิดา แต่มีพระราชโอรสบุญธรรมคือพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต 

ทั้งนี้พระองค์ทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2478 รวมดำรงสิริราชสมบัติ 9 ปี และเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 สิริพระชนมพรรษา 47 พรรษา หลังสวรรคต พระองค์ได้รับการยกย่องจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 เนื่องในวโรกาสฉลองวันพระราชสมภพครบ 100 ปี พระองค์ทรงได้รับการยกย่องจากนักประวัติศาสตร์ว่าเป็น "กษัตริย์นักประชาธิปไตย" ผู้เผชิญหน้าการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และยอมสละราชบัลลังก์ เพื่อให้คนกลุ่มใหม่ปกครองประเทศ เพราะไม่อยากสู้รบให้คนไทยต้องเสียเลือดเนื้อ

กบง. ปรับสูตรน้ำมันดีเซล ป้องกันราคาพุ่ง หลังราคาน้ำมันปาล์มดิบดีดตัวสูง เริ่ม 21 พ.ย. นี้

(7 พ.ย. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาแนวทางการกำหนดสัดส่วนของน้ำมันไบโอดีเซล B100 ในช่วงที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) สูงขึ้นมาก 

ภายหลังจากการประชุม นายพีระพันธุ์ฯ กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคา CPO ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาไบโอดีเซลอยู่ที่ประมาณ 48 บาทต่อลิตร หรือ 2 เท่าของราคาเนื้อน้ำมัน ทำให้ต้นทุนน้ำมันดีเซลสูงขึ้นตามไปด้วย และจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลที่ขายให้ประชาชนมีราคาสูงขึ้น ดังนั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและ เพื่อให้การจัดการราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ประชุม กบง. จึงมีมติเห็นชอบการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล ดังนี้ 
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 7 โดยปริมาตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 19 และไม่สูงกว่าร้อยละ 20 โดยปริมาตร ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์แต่อย่างใด 

ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีมติ กบง. เปลี่ยนแปลง โดยมอบหมายให้ กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ออกประกาศ ธพ. เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. 2567 ให้สอดคล้องกับการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล และ มอบหมายให้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) นำเสนอการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล ต่อคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เพื่อทราบต่อไป

รร.นานาชาติโชรส์เบอรี เปิดอาคารใหม่ ซิตี้แคมปัสสร้างสิ่งแวดล้อมเป็นครู

(7 พ.ย.67) โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ซิตี้แคมปัส หนึ่งในโรงเรียนนานาชาติชั้นนำของประเทศไทย ประกาศเปิดตัวอาคารเรียนส่วนต่อขยายเพื่อการรองรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล (Early Year) วัย 2-5 ปี อย่างเป็นทางการที่สาขาซิตี้แคมปัส ใจกลางย่านสุขุมวิท-พระราม 9 เพื่อรองรับความต้องการสมัครเรียนของนักเรียนระดับวัยอนุบาลที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันในธุรกิจโรงเรียนนานาชาติที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย 

โดยโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรีกรุงเทพ ซิตี้แคมปัส เป็นโรงเรียนหลักสูตรอังกฤษสำหรับเด็กปฐมวัย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกิจกรรมต่างๆ และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้มาตรฐานระดับโลก เปิดรับนักเรียนตั้งแต่อายุ  2-11 ปี

อแมนดา เดนนิสัน ครูใหญ่และครูผู้บริหารรุ่นก่อตั้งโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ซิตี้แคมบัส กล่าววว่า ปัจจุบันโรงเรียนตั้งเป้ารับนักเรียนวัยอนุบาลเพิ่มเป็น 232 คนต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 33% จากแผนเดิม ซึ่งส่วนต่อขยายนี้เป็นการรองรับความต้องการของผู้ปกครองที่จะส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาที่โรงเรียนมาขึ้น ด้วยความโดดเด่นของโรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานการเรียนรู้ที่แข็งแกร่งแก่เด็กนักเรียนตั้งแต่ยังเล็ก เรามีการออกแบบหลักสูตรที่ให้เด็กเป็นผู้นำการเรียนรู้ บรรยากาศภายในห้องเรียนจึงเน้นการเรียนและเล่นอย่างผสมผสาน สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนเชิงบวกให้กับเด็กครบทุกด้าน

นางอแมนดา ยังกล่าวอีกว่า ในเชิงการออกแบบอาคารมีการคำนึงถึงการสร้างแวดล้อมแห่งการเรียนรู้เป็นพิเศษ โดยได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด 'Environment as the Third Teacher' หรือการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เป็นครูคนที่สามแก่เด็กๆ ช่วยส่งเสริมกระตุ้นการเรียนรู้และความยากรู้อยากเห็นของเด็กตามธรรมชาติ

สร้างบรรยากาศการเรียนที่ผ่อนคลาย มีความสุขพัฒนาทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต โรงเรียนจึงได้สร้างอาคารขึ้นมาอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อให้เด็กเล็กใช้เท่านั้น ทั้ง ห้องเรียน เฟอร์นิเจอร์ สิ่งของต่าง ๆ รวมถึงต้นไม่และสวนโดยรอบอาคาร ได้รับการออกแบบจัดวางอย่างเหมาะสมแก่เด็ก ๆ นอกจากนั้นยังมี Early Years Hub ซึ่งเป็นพื้นที่ตรงกลางเชื่อมต่อห้องเรียนเข้ากันอย่างกลมกลืน ไม่มีระเบียงกั้นทางเดินเหมือนกับโรงเรียนโดยทั่วไป เพื่อให้เด็กสามารถเคลื่อนไหวร่างกายและใช้พื้นที่เพื่อทำกิจกรรมเสริมทักษะได้อย่างอิสระ นอกจากนั้นบริเวณพื้นที่นี้ยังสามารถให้ผู้ปกครองสร้างปฏิสัมพันธ์กับเด็กและระหว่างผู้ปกครองด้วยกันได้อีกด้วย

ด้านนางแคธเทอรีน โอคิล ผู้ช่วยครูใหญ่ฝ่ายอนุบาลและประถม กล่าวว่า โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ซิตี้แคมปัส เปิดสอนมาตั้งแต่ปี 2561 นับเป็นการขยายสาขาของโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ริเวอร์ไซด์ ที่เปิดการสอนครั้งแรกในกรุงเทพตั้งแต่ปี 2546 โดยสาขาซิตี้ แคมปัส เป็นการขยายเพื่อรองรับการเรียนการสอนนักเรียนระดับก่อนอนุบาล จนถึง ระดับประถมต้น จากนั้นนักเรียนสามารถไปเรียนต่อจนถึงอายุ 18 ปีที่สาขาริเวอร์ไซด์ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย

สำหรับระบบการเรียนการสอนของสาขาซิตี้แคมปัส นางโอคิล กล่าวว่า ด้วยความโดดเด่นของทีมครูผู้สอนที่พร้อมด้วยคุณวุฒิรับรองจากกระทรวงศึกษาของประเทศอังกฤษ (UK's Qualified Teacher Status-QTS) มีการนำหลักสูตรพัฒนาเด็กเล็กของอังกฤษ Early Years Foundation Stage และแนวทางการเรียนรู้แบบ Reggio Emillia Approach มาใช้กับการสอนที่นี่ ทำให้ในแต่ละปีมีเสียงเรียกร้องจากผู้ปกครองรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ทางโรงเรียนจึงขยายเพิ่มเติมออกมาจากอาคารหลังเดิม ด้วยเป้าหมายที่จะมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณภาพ

"ที่สำคัญเราไม่ได้เพียงแค่เตรียมความพร้อมและให้การศึกษาที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนเท่านั้น แต่ยังเน้นสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้เชิงบวก ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานการเรียนรู้อันแข็งแกร่งที่จะอยู่ติดตัวเด็กๆ ต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน ภายหลังจบการศึกษาแล้ว” เดนนิสัน กล่าวทิ้งท้าย

อาคารอนุบาลหลังใหม่นี้ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ที่ตอบโจทย์การเรียนรู้และการเล่นของเด็กนักเรียนอย่างเต็มที่ มีสวนธรรมชาติติดกับห้องเรียนทุกห้อง ตั้งแต่ระดับ Nursery ถึง EY2 นักเรียนยังได้รับสิทธิ์ใช้พื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ของโรงเรียนอย่างครบครัน เช่น โรงยิม ห้องกีฬา สระว่ายน้ำขนาดใหญ่สองสระ หาดทรายจำลอง สนามฟุตบอลหญ้าธรรมชาติ และศูนย์การเรียนรู้สร้างสรรค์ของโรงเรียน ที่จัดไว้รองรับกิจกรรมด้านดนตรี ศิลปะ การออกแบบ และเทคโนโลยี ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของโรงเรียนที่มุ่งเน้นคุณภาพการศึกษาที่ดีที่สุด

ฉางอันแจงดราม่าราคา EV เป็นแคมเปญเฉพาะ Motor Expo 2024 เท่านั้น

(7 พ.ย. 67) CHANGAN Automobile ผู้ผลิตรถไฟฟ้าแบรนด์ DEEPAL ชี้แจงกรณี ดราม่าการลดราคารถยนต์ DEEPAL S07 โดยบริษัทขอยืนยันว่าไม่มีนโยบายลดราคารถยนต์ DEEPAL S07, S07L และ L07 แต่เป็นเพียงแคมเปญ Motor Expo และ Big Surprise Deal เพื่อมอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่ทำการจองและวางมัดจำระหว่างวันที่ 1 พ.ย. -  10 ธ.ค. 67 และทำการส่งมอบรถภายในวันที่ 31 ธ.ค. 67 เท่านั้น 

ทั้งนี้ แคมเปญสุดพิเศษในช่วง Motor Expo 2024 และช่วงสิ้นปีที่กำลังจะมาถึง มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าทุกท่านที่ซื้อรถยนต์ DEEPAL S07, DEEPAL S07 L และ DEEPAL L07

โดยข้อเสนอที่น่าสนใจของ DEEPAL S07 และ DEEPAL S07 L ยกตัวอย่างเช่น ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อมพ.ร.บ. นานสูงสุด 2 ปี มูลค่า 60,000 บาท, รับข้อเสนอพิเศษ Motor Expo 2024 อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% เมื่อดาวน์ 25% และผ่อนชำระ 60 เดือน

นอกจากนี้ยังฟรีฟิล์มติดรถยนต์ มูลค่า 10,000 บาท รวมไปถึงรับเงินคืน 34,000 บาท หลังส่งมอบรถภายในวันที่ 31 ธ.ค. 67 และยังมีสิทธิพิเศษ Big Surprise Deal ช่วยผ่อน 4 เดือน เดือนละ 25,000 บาท มูลค่ารวม 100,000 บาท เป็นต้น

‘สุริยะ’ ยังไม่ชงแก้สัญญารถไฟเชื่อม 3 สนามบินเข้า ครม. ยัน ไม่ติดพรรคร่วม แต่ต้องให้นักกฎหมายดูให้รอบคอบ

‘สุริยะ’ ชี้ แก้ 'สัญญารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน' ยังไม่เข้าครม. เพราะต้องดูให้รอบคอบชัดเจนและรัฐไม่เสียเปรียบก่อน ยัน ไม่ติดพรรคร่วม

(7 พ.ย. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่อง การแก้สัญญารถไฟเชื่อมสามสนามบิน ว่า สัปดาห์หน้าน่าจะยังไม่นำเข้าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะยังมีเรื่องรายละเอียดที่ต้องดูกันให้รอบคอบอีกครั้ง

เมื่อถามว่า มีปัญหาติดขัดที่ทำให้ล่าช้าหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ตนมองว่าหลักๆคือการแก้ไขครั้งนี้มันเป็นการไปเปลี่ยนหลักการ ก็ต้องไปเช็กให้ชัดเจนก่อน

เมื่อถามต่อว่า ไม่ได้ติดอยู่ในพรรครวมใช่หรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ไม่เกี่ยว

เมื่อถามว่า แล้วจะนำเข้าครม. ได้ในปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนธ.ค.หรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ก็ต้องดูรายละเอียดให้เรียบร้อยก่อน เรียบร้อยเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

เมื่อถามว่า การแก้ไขสัญญาครั้งนี้อาจจะทำให้การก่อสร้างยื่นออกไปอีกใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า การแก้ไขสัญญาณนี้มันเป็นเรื่องหลักการเพียงอย่างเดียว ที่เปลี่ยนจากสร้างจนเสร็จแล้วทางรัฐค่อยจ่าย เป็นการสร้างไปจ่ายไป และมีการวางเงินค้ำประกัน ก็ต้องไปเช็กดูว่าตรงนี้จะขัดหลักการหรือไม่ แต่ตนจะต้องขอย้ำอีกทีว่าที่เปลี่ยนสัญญาเป็นจ่ายรายปีต่อปีนั้น เพราะทางภาคเอกชนก็ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ว่าจะต้องจ่ายเงินโครงการได้ตามเวลาที่กำหนด และทางฝ่ายรัฐบาลเองก็ไม่สามารถส่งพื้นที่ให้กับทางเอกชนได้ เมื่อต่างคนต่างผิดสัญญา ก็ต้องหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้โครงการนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เดินต่อไปได้ จึงต้องแก้ไขสัญญา แต่การแก้ไขสัญญานี้ก็จำเป็นจะต้องมีนักกฎหมายมาดูเพื่อที่ทางรัฐจะไม่เสียเปรียบ

สหรัฐเตรียมคืนโบราณวัตถุบ้านเชียง กรมศิลปากรจัดงานรับมอบวันที่ 14พ.ย.นี้

(7 พ.ย. 67) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานยูเนสโกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ณ กรุงเทพฯ และกรมศิลปากร จะจัดพิธีส่งมอบโบราณวัตถุจากแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

พิธีส่งมอบโบราณวัตถุบ้านเชียงและการเสวนาในโอกาสวันสากลเพื่อการต่อต้านการลักลอบค้าทรัพย์สินทางวัฒนธรรม จะจัดขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 10:30 - 15:00 น. ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพมหานคร

ในการนี้ ฯพณฯ โรเบิร์ต แฟรงก์ โกเด็ค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ ฯพณฯ ราฟีค แมนซัวร์ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา จะทำพิธีส่งมอบโบราณวัตถุแก่ ฯพณฯ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ซูฮย็อน คิม ผู้อำนวยการสำนักงานยูเนสโกภูมิภาค ณ กรุงเทพฯ เป็นสักขีพยาน พร้อมกับมีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสอบถามข้อมูล

นอกจากนี้ ภายในงานทางยูเนสโกได้จัดการเสวนาผู้เชี่ยวชาญเนื่องในวันสากลเพื่อการต่อต้านการลักลอบค้าทรัพย์สินทางวัฒนธรรม โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย พิพิธภัณฑ์ และองค์กรนานาชาติ มาร่วมพูดคุยถึงความท้าทายและแนวทางแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันอาชญากรรมดังกล่าว

ผู้ร่วมอภิปรายประกอบด้วยตัวแทนจากสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศิลปากร และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน จากนิวยอร์ก จะร่วมกันอภิปรายในประเด็นกรอบกฎหมาย ความร่วมมือระหว่างประเทศ และหลักการซื้อขายอย่างมีจริยธรรมในตลาดศิลปวัตถุและโบราณวัตถุ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top