Monday, 19 May 2025
Hard News Team

SpaceX-Tesla รับอานิสงส์ ดันโครงการอวกาศ ลดภาษีคนรวย

(7 พ.ย. 67) การกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวของ โดนัลด์ ทรัมป์ อีกสมัยอาจเป็นชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับหนึ่งในผู้สนับสนุนเขามากที่สุดนึงก็คือ นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกเจ้าของ SpaceX และรถยนต์ไฟฟ้า Tesla จะเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจขนาดใหญ่ที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ 2.0

อีลอน มัสก์ ระบุข้อความผ่าน X ว่า "ประชาชนชาวอเมริกันได้มอบออำนาจที่ชัดเจนให้กับ @realDonaldTrump เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในคืนนี้"

นอกจากนี้ ในสุนทรพจน์แห่งชัยชนะที่ศูนย์การประชุมปาล์มบีช ทรัมป์ใช้เวลาหลายนาทีชื่นชมมัสก์และเล่าถึงความสำเร็จในการลงจอดของจรวดที่ผลิตโดยบริษัท SpaceX ของเขา นอกจากนี้ในการแถลงชัยชนะทรัมป์ได้กล่าวถึงมักส์โดยระบุว่าเตรียมดึงตัวมหาเศรษฐีผู้นี้ร่วมทีมเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์พิเศษของประธานาธิบดี

สำหรับนายมักส์ในฐานะผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งของว่าที่ประธานาธิบดี มหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยีผู้นี้ได้บริจาคเงินมากกว่า 119 ล้านดอลลาร์ (4.17 พันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนกลุ่มการเมืองเชียร์ทรัมป์หรือ Super PAC

สำนักข่าวบีบีซีได้เผยบทวิเคราะห์ระบุถึงผลประโยชน์ที่นายมักส์ จะได้รับหลังการกลับสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์ โดยมัสก์มีโอกาสรับผลประโยชน์มากมายอาทิ รับตำแหน่งในกระทรวง "DOGE" โดยนายทรัมป์ว่าที่ประธานาธิบดีได้กล่าวว่าในวาระที่สอง เขาจะเชิญมัสก์เข้าร่วมคณะบริหารเพื่อกำจัดความสิ้นเปลืองของรัฐบาล

มัสก์เรียกความพยายามที่อาจเกิดขึ้นนี้ว่า "กระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล" หรือ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งเป็นชื่อของมีมและเงินคริปโทที่เขาได้ทำให้เป็นที่นิยม

โครงการSpaceX รับอานิสงส์ดาวเทียมของรัฐ มากไปกว่านั้น มัสก์อาจได้รับประโยชน์จากการเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์ผ่านความเป็นเจ้าของ SpaceX ซึ่งครองตลาดธุรกิจการส่งดาวเทียมของรัฐบาลขึ้นสู่อวกาศ บทวิเคราะห์ของบีบีซีอ้างว่า ด้วยการมีพันธมิตรที่ใกล้ชิดในทำเนียบขาว มัสก์อาจแสวงหาโอกาสในการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์กับรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น ก่อนหน้านี้ มัสก์วิจารณ์คู่แข่งรวมถึงโบอิ้งเกี่ยวกับโครงสร้างสัญญากับรัฐบาล ซึ่งเขากล่าวว่าไม่จูงใจให้ทำงานเสร็จตามงบประมาณและตรงเวลา

SpaceX ยังได้ขยายไปสู่การสร้างดาวเทียมสอดแนมให้กระทรวงกลาโหม โดยเพนตากอนและหน่วยงานสอดแนมของอเมริกาดูเหมือนจะพร้อมที่จะลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในด้านนี้

Tesla รับอานิสงส์จากการผ่อนคลายกฎระเบียบ ขณะเดียวกัน Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของมัสก์ อาจได้รับผลประโยชน์จากการบริหารที่ทรัมป์กล่าวว่าจะมี ภาระด้านกฎระเบียบที่ต่ำที่สุด เมื่อเดือนที่แล้ว หน่วยงานของสหรัฐ ที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยบนท้องถนนได้เปิดเผยว่ากำลังตรวจสอบระบบซอฟต์แวร์ขับขี่อัตโนมัติของTesla

มัสก์ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าพยายามขัดขวางคนงานTesla จากการรวมตัวเป็นสหภาพ โดยสหภาพแรงงานยานยนต์ (UAW) ได้ยื่นข้อกล่าวหาการปฏิบัติด้านแรงงานที่ไม่เป็นธรรมต่อทั้งทรัมป์และมัสก์ หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันเกี่ยวกับการที่มัสก์อ้างว่าได้ไล่คนงานที่นัดหยุดงานออกในระหว่างการสนทนาบน X

สุดท้ายคือการที่ทรัมป์ประกาศในหลายครั้งว่าจะลดภาษีความมั่งคั่งสำหรับบริษัทและคนรวย ซึ่งแน่นอนว่ามัสก์ในฐานะมหาเศรษฐีผู้รวยที่สุดในโลกน่าจะได้รับผลประโยชน์นี้โดยตรง

พ.ต.ท.สำรวย สมาน สว.ตม.จว.อุทัยธานี รับรางวัล ITA AWARDS 2024 อันดับที่ 1 ของประเทศ

พ.ต.ท.สำรวย สมาน สว.ตม.จว.อุทัยธานี รับรางวัล ITA AWARDS 2024 อันดับที่ 1 ของประเทศ(หน่วยงานส่วนราชการระดับต่ำกว่ากรม ผ่านดีเยี่ยม) และข้าราชการตำรวจดีเด่น ด้านบริหารหน่วยงานดีเด่น เนื่องในวันตำรวจ ปี 2566 และ ปี 2567 

พ.ต.ท.สำรวย สมาน สว.ตม.จว.อุทัยธานี บก.ตม.5 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า ที่ได้รับรางวัล “การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ITA AWARDS 2024 อันดับที่ 1 ของประเทศ ของหน่วยงานระดับต่ำกว่ากรม (สำนักงานเขต กรุงเทพมหานคร อำเภอ และสถานีตำรวจ ทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2567” เป็นอันดับที่ 1ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ และอันดับที่ 1 ของส่วนราชการในจังหวัดอุทัยธานีได้รับคะแนน คิดเป็นร้อยละ 99.41 (เต็ม 100 คะแนน) ด้วยผลคะแนนรวมทั้ง 3 ด้าน ผ่านประเภท ดีเยี่ยม โดย จำแนกการประเมินข้าราชการตำรวจ ทุกนาย มุ่งมั่น ร่วมแรงร่วมใจ เพื่อปฏิบัติติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ตามหลักธรรมาภิบาล นำมาซึ่งผลคะแนนที่บ่งบอกถึงคุณภาพในการปฏิบัติติราชการ โดยได้นำเอาหลักการมีส่วนร่วมของข้าราชการที่ปฏิบัติงานในหน่วย ลูกจ้าง ภาคีเครือข่าย ร่วมแรงร่วมใจ ในการทำงานโดยมุ่งหวังในมิติการมีส่วนร่วมของข้าราชการตำรวจและประชาชนร่วมในการมีส่วนร่วม

ซึ่งผลคะแนนทั้ง 3 ด้านประกอบด้วย 
1. ด้านการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน : IIT ได้ 100 คะแนน 
2. ด้านการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก : EIT ได้ 98.02 คะแนน 
3. ด้านการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ : OIT ได้ 100 คะแนน

โดยที่ผ่านมาได้รับรางวัลตำรวจดีเด่น 2 ปีซ้อน ตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีนโยบายให้จัดทำโครงการคัดเลือกข้าราชการตำรวจดีเด่น เนื่องในวันตำรวจ ประจำปี 2566 และ ปี 2567 เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชู สร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ผลการปฏิบัติราชการดีเด่น ในรอบปีงบประมาณ พ.ศ.2566 และ พ.ศ.2567 โดยจัดพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ผลการปฏิบัติราชการดีเด่น โดย พ.ต.ท.สำรวย สมาน สว.ตม.จว.อุทัยธานี ได้รับคัดเลือกด้านบริหารหน่วยงานดีเด่น ระดับ สว.ตม.จว. 2 ปีซ้อน ด้วยคะแนนสูงสุดใน บก.ตม.5 โดยมีผลงานดีเด่นด้านพัฒนาสถานที่ทำการและพื้นที่ให้บริการ ด้านพัฒนาบุคลากรและส่งเสริมสวัสดิการ และด้านพัฒนารูปแบบการทำงานและระบบเทคโนโลยี
  
พ.ต.ท.สำรวย  กล่าวต่อไปอีกว่า ตั้งแต่ได้ดำรงตำแหน่ง ได้นำแนวคิดเรื่องธรรมาภิบาลหรือการบริหารบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) นโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มาใช้ในด้านการบริหารงาน นำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่ ภายใต้อำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ ในการปฏิบัติราชการตามกรอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

การทำงานแบบบูรณาการทำงานเป็นทีม ซึ่งปรากฏว่าด้วยการรวมพลังการทำงานบูรณาการทำงานเป็นทีม ทำคนน้อย ให้เป็นคนมาก ใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน ร่วมแรง ร่วมใจกันของข้าราชการตำรวจและพนักงานจ้างทำให้ผลการประเมิน ในปี 2567 ได้รับคะแนนรวมทะลุถึง 99.41 (เต็ม 100 คะแนน) เป็นหน่วยแรก และหน่วยเดียวของ สตม.และของ จว.อุทัยธานี ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงคุณภาพในการปฏิบัติราชการในทุกมิติทั้งด้านการบริหารจัดการ ด้านการบริหารงานบุคคลและการมีส่วนร่วม ด้านการบริหารงานการเงินและการคลัง ด้านการบริการสาธารณะ ด้านธรรมาภิบาล 

 อีกทั้งได้นำระบบศูนย์ราชการสะดวก (GECC :Government Easy Contact Center) มาขับเคลื่อนเพื่อให้เป็นหน่วยงานที่ให้บริการประชาชนที่มุ่งเน้นการอำนวยความสะดวก โดยมีมาตรฐาน ระบบงาน เชื่อมโยงการทำงานร่วมกัน ส่งมอบบริการด้วยใจ การบริการเหนือความคาดหมายเช่น บริการในวันหยุด เพื่อให้ประชาชน ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย ประชาชนมีความพึงพอใจต่อบริการ ของภาครัฐ

องค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace)โดยมีแผนงานสอดคล้อง มีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิบัติราชการ ได้แก่ แอพพลิเคชัน “Uthai on Mobile” เพื่อให้ประชาชน ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย สามารถใช้บริการได้ทุกที่ทุกเวลา สอดคล้องกับการนำหลักองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace) มาใช้ในการปฏิบัติราชการ โดยใช้ความสุขพื้นฐานแปดประการ ในการทำงาน(Happy 8) ประกอบไปด้วย Happy Body (สุขภาพดี) ,Happy Heart (น้ำใจงาม) ,Happy Society (สังคมดี) ,Happy Relax (ผ่อนคลาย) ,Happy Brain (หาความรู้) ,Happy Soul (ทางสงบ) ,Happy Money (ปลอดหนี้) และ Happy Family (ครอบครัวดี)

ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของบุคลากรของ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุทัยธานี ที่ยึดถือแนวทางนี้ในการปฏิบัติราชการ เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาล เพื่อการบริหารจัดการบริการสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดคืนสู่ประชาชนต่อไป

 ตม.จว.อุทัยธานี สร้างองค์กรให้มีมาตรฐานสากล เป็นต้นแบบของหน่วยงานราชการขนาดเล็กที่ดีเยี่ยม แม้ขาดแคลนกำลังพล แต่ได้เสริมด้วยการจ้างเหมาบริการบุคคลภายนอก และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน ทำให้ประชาชนสะดวก สบาย ในการมาติดต่อราชการ จัดทำอาคารสถานที่ ให้สะอาด สวยงาม ทันสมัย มีมุมพักผ่อน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน 

อีกทั้งให้ความสำคัญ เรื่องสวัสดิการข้าราชการตำรวจ ครบทุกด้าย อาทิ โครงการอาหารกลางวัน ,โครงการประกันชีวิต "ออมสิน อุ่นใจ ให้คุ้มๆ"  ,โครงการตัดผมฟรี ,โครงการส่งเสริมการออกกำลังกาย ,โครงการมอบทุนการศึกษาให้บุตรหลานข้าราชการและลูกจ้างในสังกัด เป็นต้น อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างจริงจังและจริงใจ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน ลดขั้นตอนการติดต่อ ลดขั้นตอนการสัมผัส ทำธุรการผ่านระบบ Application “Uthai on Mobile” ถือเป็นต้นแบบได้รับการชื่นชมจากกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดินวุฒิสภา เมื่อครั้งตรวจเยี่ยม จว.อุทัยธานี และหลายหน่วยงานได้เข้ามาศึกษาดูงานเพื่อนำไปปรับใช้ในหน่วยงานของตน

การที่ ตม.จว.อุทัยธานี ได้รับรางวัล ITA AWARDS 2024 ไม่เกินความคาดหมายมากนัก ผลตอบรับได้กับประชาชนที่มาติดต่อราชการ ลดต้นทุนหน่วย เป็นเรื่องที่น่าพึงพอใจที่สุด และยังได้รับรางวัลข้าราชการตำรวจดีเด่น ด้านบริหารหน่วยงาน และด้านอำนวยการอละสนับสนุน เนื่องในวันตำรวจแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ.2567 อีกด้วย

ตม.จว.อุทัยธานี มีสถิติผลการปฏิบัติงาน ตามมาตรการเชิงรุก 5 ด้าน อยู่ในระดับดีเยี่ยม ของ สตม. ตอบสนองนโยบายผู้บังคับบัญชาสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายขนคน ตม.จว.อุทัยธานี ร่วมบูรณาการขยายผลร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กรณีจับกุมเครือข่าย น.ส.เมเตและพวก รวม 11 ราย ขยายผลแจ้งข้อกล่าวหา 1 ราย ออกหมายจับ 4 ราย จับกุมแล้ว 3 ราย จัดทำ Application Line OA เป็นต้นแบบเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับชาวต่างชาติ และผู้ประกอบการตม.จว.อุทัยธานี ได้คะแนนการตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ 2567 เป็นลำดับที่ 2 ของ บก.ตม.5 ด้วยคะแนน 99.38 คะแนน

ปณิธาน ความมุ่งมั่นของ ตม.จว.อุทัยธานี "เป็นองค์กรใช้กฎหมาย ที่ประชาชนเชื่อมั่น และศรัทธา บริการ เหนือความคาดหมาย รวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม นำองค์กรสู่ ความเป็นเลิศ"

'พิชัย' เปิด Thailand Pavilion ยกทัพเอกชน โชว์เสน่ห์ซอฟต์พาวเวอร์ไทย ในงาน CIIE ที่จีน ชวนคนทั่วโลกเป็น ‘ลูกค้าประจำของสินค้าไทย‘ ใช้แล้วติดใจ! 

เมื่อวานนี้ (6 พ.ย.67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิด Thailand Pavilion แสดงภาพลักษณ์ประเทศไทย ในฮอลล์ Country Exhibition ที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงาน China International Import Expo หรืองาน CIIE ครั้งที่ 7 ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์ จำนวน 20 บริษัท อาทิ อาหาร ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และธุรกิจบริการเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ บนพื้นที่กว่า 250 ตารางเมตร คาดเกิดมูลค่าเจรจาการค้าไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท และสาธิตการทำอาหาร เมนูแกงมัสมั่น บริโภคกับข้าวหอมมะลิไทย เพื่อแจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทดลองชิม และช่วยโปรโมตซอฟต์พาวเวอร์ไทยด้วย

นายพิชัย กล่าวว่า งาน CIIE เป็นงานที่ประเทศจีนจัดเพื่อเปิดกว้างสำหรับทุกประเทศให้เข้ามาขายของ ถือว่าเป็นโอกาสดีของไทยในการเข้ามา ครั้งนี้มี 80 บริษัทเข้าร่วม โดยเป็นของกระทรวงพาณิชย์ 20 บริษัท มีทั้งเรื่องอาหารไทย ซอฟต์พาวเวอร์ ฟิล์ม มวย ข้าวและปีนี้มีข่าวดี ที่พึ่งได้รับรายงานจากกรมการค้าต่างประเทศว่า ไทยส่งออกข้าวได้มากเกินเป้าจากที่คาดว่าจะได้ 8.2 ล้านตัน ตอนนี้ทะลุ 9 ล้านตันแล้ว ปลายปีต้องมากกว่านี้ ถือเป็นข่าวดีของชาวนาไทย  ขอเชิญชวนคนจากทั่วโลกให้มาช่วยซื้อของไทยเยอะๆ มาเป็นลูกค้าประจำของสินค้าไทย มาอุดหนุนเสน่ห์ซอฟพาวเวอร์ไทยกันให้มาก ถ้าท่านทดลองใช้ของไทยแล้วจะติดใจ ทั้ง อาหาร ผลไม้ นวด ชกมวย มาใช้ของไทยแล้วจะชอบ

ต่อจากนั้น รมว.พาณิชย์ยังได้เป็นประธานเปิดบูธจัดแสดงสินค้าของหน่วยงานพันธมิตร เช่น หอการค้าไทยจีน ที่ขนทัพแบรนด์สินค้าไทย เช่น มาม่า ส.ขอนแก่น ชบา มาร่วมจัดแสดง จับคู่ธุรกิจ จำหน่าย แจก รวมถึงเอกชนไทยรายใหญ่ที่มีแบรนด์สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เช่น CP มาร่วมแสดงศักยภาพของสินค้าและบริการไทยด้วย สำหรับสินค้าไฮไลต์ที่นำมาโชว์ในงาน เช่น ผงน้ำมะพร้าวฟรีซดราย กะทิอัดเม็ด น้ำมะพร้าวพร้อมดื่ม น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ขนมครกและขนมบ้าบิ่นสำเร็จรูป น้ำจิ้มฟรีซดราย เครื่องแกง ผงปรุงรส ทูน่าสเปรดแบบวีแกน อาหารแพลนต์เบสพร้อมรับประทานและพร้อมปรุง ผลไม้ฟรีซดราย ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น

นายพิชัย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับการโปรโมตซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยในจีน ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ในจีน 7 แห่ง ได้ผนึกกำลังกันโปรโมตอย่างเต็มที่ โดยใช้โอกาสช่วงที่ภาพยนตร์ “หลานม่า” เข้าไปฉาย ได้ร่วมมือกับร้านอาหาร Thai SELECT 37 แห่ง ใน 13 เมือง (ปักกิ่ง ชิงต่าว หนานจิง ซูโจว เซี่ยงไฮ้ หางโจว เซี่ยเหมิน ฝูโจว กวางโจว หนานหนิง คุนหมิง ฉงชิ่ง และเฉิงตู) ในการเป็นจุดโปรโมต และบางร้านได้จัดเสิร์ฟเมนูพิเศษจากภาพยนตร์หลานม่า เช่น ปลาทอดสมุนไพร ก๋วยเตี๋ยว และโจ๊กอาม่า เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้ลิ้มลองรสชาติเมนูจากภาพยนตร์ดังกล่าวด้วย

“อนาคตผมเชื่อว่าประเทศจีนจะเป็นประเทศที่มีรายได้ประชาชาติสูงสุดในโลกและหวังว่าประเทศไทยจะร่วมมือกับจีนในการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยกัน ปัจจุบันประเทศจีนมีการลงทุนในประเทศไทยสูงที่สุด หวังว่าการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับจีนจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าทางจีนจะเห็นไทยเป็นคู่ค้าและเป็นพี่น้องกัน ขอบคุณประเทศจีนที่เปิดกว้าง เราจะขายของให้ประเทศจีนได้มากขึ้น เมื่อวานตนได้พบผู้ประกอบการ 16 ราย กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายหลักในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยค้าขายในจีนหรือประเทศต่างๆได้มากขึ้น เราอยากสนับสนุนส่งเสริม 80% อีก 20% เป็นแค่เรกูเลเตอร์กำกับดูแล เน้นส่งเสริมสินค้าไทย ผู้ประกอบการไทยออกมาขายของได้มากๆ อยากเห็นการค้าไทยขยายตัวมากๆ เห็น GDP เราทะลุเกิน 4-5% ขึ้นไป อยากตามจีนให้ทัน ในความรู้สึกของคนไทยคนจีนมีความผูกพันกันเยอะ และปีหน้าจะเป็นปีที่จะ เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ผมว่าความรู้สึกนี้เกินกว่าการค้าหรือการลงทุน ความรู้สึกรักใคร่กันเป็นเรื่องที่สำคัญ จะนำมาซึ่งการค้าที่ดีต่อไปในอนาคต ผมเชื่อว่าไทยกับจีนจะต้องก้าวหน้าไปด้วยกันในอนาคตอย่างแน่นอน“ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

สีจิ้นผิงแสดงความยินดี โดนัลด์ ทรัมป์ กลับทำเนียบขาว

(7 พ.ย. 67) ซินหัวรายงานว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่าจีนขอแสดงความยินดีกับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โฆษกกล่าวคำข้างต้นระหว่างตอบคำถามเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ออกมาแล้ว และโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันเป็นผู้คว้าชัยชนะ

โฆษกระบุว่าจีนเคารพการเลือกของประชาชนชาวอเมริกัน และขอแสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ

"จีนเคารพการเลือกของประชาชนชาวอเมริกัน และขอแสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ"

เหมาหนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ยังกล่าวว่าอีกว่านโยบายของจีนที่มีต่อสหรัฐฯ นั้นยังคงมีความสอดคล้องกัน

เหมากล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำวันเพื่อตอบคำถามในประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นกิจการภายในของสหรัฐฯ และ “เราเคารพในทางเลือกของประชาชนชาวอเมริกัน”

ทั้งนี้ เหมาระบุว่า “นโยบายของจีนต่อสหรัฐฯ ยังคงมีความสอดคล้องกัน” โดยชี้ว่าจีนจะยังคงมีมุมมองและจัดการความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ โดยยึดหลักการความเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

รัฐ-เอกชน-นักวิชาการ ชี้ ก๊าซฯ แหล่งพื้นที่อ้างสิทธิไทย-กัมพูชา จำเป็นต่อความมั่นคงด้านพลังงานของไทย

(7 พ.ย.67) รัฐ-เอกชน-นักวิชาการ หนุนเดินหน้าเจรจาแหล่งพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา (OCA) ดึงก๊าซฯ มาใช้ประโยชน์สร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศ ปตท. ระบุ ก๊าซ LNG ยังจำเป็นในช่วงที่ OCA ยังไม่มีความชัดเจน พลังงานแนะเอกชนนำเข้า LNG ในอนาคตควรเน้นเป็นสัญญาระยะยาว ช่วยลดต้นทุนราคาก๊าซฯ และค่าไฟฟ้าประชาชนได้

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวในงานเสวนา 'พลังงานราคาถูก ทางรอดเศรษฐกิจไทย' ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจว่า การใช้ไฟฟ้าของไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วง 2 ปีนี้ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนมากขึ้น โดยในปี 2566 ยอดการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 7% จากปกติจะเติบโตประมาณ 2% ทุกปี และในปี 2567 นี้ คาดว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 5-6% แสดงให้เห็นว่าไทยยังมีความต้องการปริมาณไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้ากลับลดลง จากเดิมเคยผลิตก๊าซฯได้ 70-80% ปัจจุบันเหลือเพียง 56% ของความต้องการใช้ก๊าซฯ ส่งผลให้ต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาทดแทน ซึ่งในอดีตเมื่อ 8 ปีที่แล้วไทยเคยนำเข้า LNG ประมาณ 4-5 ลำเรือ แต่ปัจจุบันต้องนำเข้าถึง 90 ลำเรือ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ก๊าซฯ ในอ่าวไทยกลับลดลงและแหล่งผลิตก๊าซฯ เริ่มถดถอยลงหลังจากใช้งานมานาน ส่วนปริมาณน้ำมันที่จัดหาได้และใช้ในประเทศก็เริ่มลดลงจากเดิมเคยจัดหาได้ 15% แต่ในปี 2567 เหลือเพียง 7% ของความต้องการใช้ทั้งหมด

ดังนั้นจะเห็นว่า สิ่งสำคัญสำหรับไทยในปัจจุบันคือการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งคุณภาพการให้บริการไฟฟ้าของไทยยังอยู่ในระดับต้นๆ ของอาเซียน โดยไทยใช้เกณฑ์ความมั่นคงไฟฟ้า LOLE ที่มีดัชนีโอกาสเกิดไฟฟ้าดับตลอด 1 ปีไม่เกิน 0.7 วันต่อปี ดังนั้นไทยยังมีความมั่นคงด้านพลังงานและยังเป็นประเทศที่น่าลงทุน จะเห็นได้จากในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 มียอดการขอรับการสนับสนุนการลงทุนกว่า 722,500 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยการลงทุนกว่า 93,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนด้าน Data Center และ Cloud Service โดยเรื่องหลักที่ผู้ลงทุนต้องการคือ ไฟฟ้าสีเขียว ซึ่งกระทรวงพลังงานมีความพร้อมทั้งด้านปริมาณ คุณภาพ ราคาและความยั่งยืน เช่น การเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าสีเขียวตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2567-2580 หรือ PDP 2024 ให้มากขึ้นจาก 26% เป็น 51%

ทั้งนี้กระทรวงพลังงานไม่ได้มองแค่ราคาพลังงานถูก แต่ยังมองเรื่องความมั่นคง การรักษาเสถียรภาพด้านราคา ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม การลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในประเทศ ไปพร้อมกันด้วย

นายสาร์รัฐ ประกอบชาติ รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การใช้ไฟฟ้าของไทยมีความเปลี่ยนแปลงที่ต้องคำนึงถึงในอนาคตให้มากขึ้น ได้แก่  1.การเกิดยอดการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีคไฟฟ้า) ที่เปลี่ยนจากช่วงกลางวันมาเป็นกลางคืน 2.การเปลี่ยนแปลงด้านไฟฟ้า ที่เกิดการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองมีมากขึ้น 3.การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เติบโตแบบก้าวกระโดด และ 4.การเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นตามแผนพลังงานชาติ

ดังนั้นในร่างแผน PDP 2024 จึงมุ่งดูแลใน 3 มิติ ได้แก่ 1. การเพิ่มเป้าหมายไฟฟ้าสะอาดมากขึ้นเป็น 51% ภายในปี 2580 โดยลดการใช้ก๊าซฯ ลงจาก 60% เหลือ 41% แต่ก๊าซฯ ยังจำเป็นต่อการรองรับความมั่นคงด้านพลังงานประเทศ 2.นโยบายยังยึดมั่นด้านความมั่นคงพลังงาน สิ่งแวดล้อม และราคาที่เป็นธรรม และ 3.ต้องบริหารจัดการระบบสมาร์ทกริดรองรับไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่จะเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตามในแผน PDP 2024 ไม่ได้พิจารณาถึงการจัดหาก๊าซฯในแหล่งพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ( Overlapping Claims Area หรือ OCA) เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอ ซึ่งแผน PDP 2024 จำเป็นต้องพิจารณาเฉพาะแหล่งพลังงานที่มีความชัดเจนก่อน ส่วน OCA ก็ยังถือว่าจำเป็น เนื่องจากจะเป็นแหล่งก๊าซฯ ราคาไม่สูงเกินไป และราคาไม่ผันผวนเมื่อเทียบกับ LNG ถ้าสามารถเดินหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรม ก็จะสอดคล้องกับแผนพลังงานชาติที่ต้องการก๊าซฯ ระยะยาว แต่หาก OCA ยังไม่เกิดขึ้น การบริหารจัดการก๊าซ LNG แบบสัญญาระยะยาวก็จำเป็นและต้องมีสัดส่วนที่มากขึ้น เนื่องจากจะได้ราคาที่ถูกกว่าซื้อจากตลาดจร

นายคุรุจิต นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมและพลังงานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ยืนยันว่าการเจรจา OCA ภายใต้กรอบความร่วมมือ MOU 2544 ควรเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงด้านพลังงานประเทศ เนื่องจากจะเห็นได้ว่าปัจจุบันการนำเข้า LNG มีมากขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อราคาค่าไฟฟ้าประชาชน ขณะที่ OCA จัดเป็นแหล่งก๊าซฯ ที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ซึ่งใช้เวลาเพียง 3 เดือนก็สามารถวางระบบท่อเพื่อนำก๊าซฯ มาใช้ได้เลย เพราะไทยมีท่อก๊าซฯ อยู่ 3 เส้นรองรับก๊าซฯ ได้ 3,800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่มีการใช้งานจริงเพียง 2,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งหากเกิดการใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพจะทำให้ค่าผ่านท่อถูกลงได้ด้วย

สำหรับในเรื่องพลังงานนั้นเห็นว่าสิ่งที่ไม่ควรทำคือ อย่าอุดหนุนราคาพลังงานแบบเหวี่ยงแห อย่าฝืนกลไกตลาดเสรี และปิดประเทศ รวมทั้งอย่าอ้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเกินควร จนกระทบความมั่นคง ราคา และธรรมาภิบาล นอกจากนี้อย่าสร้างกระแสเกลียดชังพลังงาน โดยอ้างเกี่ยวกับการระแวงเพื่อนบ้าน, ปัญหาสิ่งแวดล้อม, สินค้าแพง หรือตลาดทุนนิยม เป็นต้น

แต่สิ่งที่ควรทำด้านพลังงานคือ ตั้งงบประมาณมาช่วยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทั้งราคาน้ำมัน ราคาค่าไฟฟ้า, ปล่อยให้ราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม (LPG) ลอยตัว ไม่ฝืนกลไกตลาด เพราะจะเสี่ยงขาดแคลน, เร่งเจรจาแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ( TC-OCA ) เพื่อเปิดพื้นที่สำรวจและเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซฯ แทนที่จะปล่อยให้นำเข้า LNG มากขึ้นเรื่อย ๆ, ปรับโครงสร้างกิจการไฟฟ้าและการซื้อไฟฟ้าให้มีการแข่งขันมากขึ้น ไม่ต่อสัญญาโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) หรือ โรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPP) ที่จะหมดอายุ แต่ให้มาแข่งขันเสนอค่าไฟฟ้าในตลาดเสรีแทน และการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ แต่ควรมีกติกาที่โปร่งใส การซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศควรใช้ระบบประมูลค่าไฟฟ้า ไม่ใช่เจรจารายโครงการ

ดร.อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า ไม่อยากให้ยึดนโยบายราคาพลังงานถูก เพราะจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม แม้ราคาถูกในวันนี้ แต่จะแพงในวันหน้าได้ และการตรึงค่าไฟฟ้าระยะยาว จะนำไปสู่ภาระหนี้ที่ประชาชนต้องจ่ายในภายหลัง ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับพลังงานที่เป็นธรรม รักษาสมดุลเศรษฐกิจ ที่รับได้ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค

สำหรับทางออกด้านพลังงานของประเทศไทยคือ 1.ปรับบทบาทโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ให้ทำหน้าที่เสริมความมั่นคงไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่ไม่เพียงพอแทน ส่วนกรณี OCA ถือว่ามีประโยชน์อย่านั่งทับไว้เฉยๆ 2. เร่งลงทุนพลังงานสะอาด โดยเฉพาะระบบแบตเตอรี่ การมีส่วนร่วมลดการใช้ไฟฟ้าภาคสมัครใจ 3.รัฐควรปรับระบบผลิตและซื้อขายไฟฟ้า ให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น ในรูปแบบกิจการไฟฟ้าเสรี ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด   

นายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ก๊าซฯ ยังมีความจำเป็นต่อประเทศไทยอยู่ การแสวงหาก๊าซฯ จากแหล่งใหม่ๆ ทั้ง OCA และแหล่งอื่นๆ ก็จะช่วยลดต้นทุน และเสริมความมั่นคงด้านพลังงานได้ แต่ถ้าแหล่งก๊าซฯ อยู่ใกล้ไทยจะดีกว่าเพราะมีโครงสร้างท่อก๊าซฯ รองรับอยู่แล้ว และลักษณะทางธรณีวิทยาก็ใกล้เคียงไทย ซึ่งรูปแบบความร่วมมือก็มีหลายรูปแบบที่จะทำให้เกิดต้นทุนที่ต่ำลงได้

สำหรับ OCA ยังไม่ชัดเจนว่าจะนำก๊าซฯ ขึ้นมาใช้ได้เมื่อไหร่ ดังนั้นการทำแผนพลังงานต้องมีหลายทางเลือกไว้ โดยเมื่อยังไม่มีความชัดเจน ก็ต้องนำเข้า LNG มาใช้ไปก่อน ซึ่งบางช่วง LNG ก็มีราคาถูกและเป็นประโยชน์ต่อประเทศเช่นกัน

เปิดปัจจัย คามาลา แฮร์ริส พ่ายแพ้ แม้แต่ผู้ใช้แรงงานยังโหวตทรัมป์

(7 พ.ย.67) นางคามาลา แฮร์ริส ได้ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้หลังทราบผลการเลือกตั้ง ต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกล่าวกับผู้สนับสนุนว่า จะต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง และเผยว่าก่อนหน้านี้ได้ต่อสายถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน พร้อมแสดงความจำนงว่าร่วมมือถ่ายโอนอำนาจการบริหารประเทศ พร้อมกับโจ ไบเดน ผู้นำคนปัจจุบัน

ภายหลังการทราบผลเลือกตั้ง สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เผยบทความวิเคราะห์ถึงความพ่ายแพ้ของนางแฮร์ริสซึ่งถือว่าเธอทำคะแนนได้แย่กว่าที่คาดคิด โดยรอยเตอร์วิเคราะห์ว่า นางแฮร์ริสซึ่งมาจากพรรคเดโมแครตนั้นกลับไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากสหภาพแรงงานทรงอิทธิพลแห่งหนึ่งซึ่งเคยเป็นพันธมิตรของพรรคเดโมแครตมาอย่างยาวนาน กลายเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เธอพ่ายแพ้ 

ในการประชุมระหว่างแฮร์ริสกับสหภาพแรงงาน (International Brotherhood of Teamsters) ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของเดโมแครตเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา แฮร์ริสกล่าวว่าเธอเองจะปกป้องงานของสหภาพแรงงานและความเป็นอยู่ของคนงานได้ดีกว่า โดนัลด์ ทรัมป์  

แต่สหภาพแรงงานกลับไม่เชื่อมั่นในคำพูดของเธอ แม้เธอจะแย้งว่าทรัมป์ไม่ใช่ผู้สนับสนุนชนชั้นแรงงาน ผู้นำสหภาพแรงงานจึงถามเธอว่า ตัวเธอเองและประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ช่วยเหลือคนงานเพียงพอแล้วหรือยัง ไม่กี่วันหลังจากนั้นสหภาพแรงงานทีมสเตอร์ได้ออกมาปฏิเสธที่จะสนับสนุนผู้ชิงตำแหน่งจากพรรเดโมแครต ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี ที่สหภาพแรงงานออกมาเคลื่อนไหวไม่สนับสนุนพรรคฝ่ายซ้ายอย่างเดโมแครต

รอยเตอร์ยังวิเคราะห์ต่อว่า แคมเปญหาเสียงของทีมแฮร์ริสก็เป็นอีกปัญหาที่ทำให้เธอต้องพ่ายแพ้ เพราะเธอนอกจากผู้สมัครชิงตำแหน่งแล้วยังถือเป็นรองประธานาธิบดีที่อยู่ในรัฐบาลไบเดน ซึ่งประสบปัญหาในการเอาชนะเงินเฟ้อและการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นประเด็นคู่ขนานที่การสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าทรัมป์ได้คะแนนจากเรื่องเหล่านี้ 

“การพ่ายแพ้ของเธอเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการการเมืองของอเมริกาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนใช้แรงงาน (Blue-collar voter) หันมาสนับสนุนพรรครีพับลิกันมากขึ้น" เมลิสสา เด็กแมน (Melissa Deckman) นักรัฐศาสตร์และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทวิจัย พับลิก รีลิเจียน รีเสิร์ช อินสทิทิวต์  ให้ความเห็นว่า แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐในยุคหลังโควิด-19 จะเติบโตค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่กลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เจริญก้าวหน้าขึ้นในทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ทีมหาเสียงของแฮร์ริสอธิบายได้ไม่ดีนักว่านโยบายของเธอจะช่วยเหลือชนชั้นกลางได้อย่างไร ข้อความในการหาเสียงของเธอไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากนัก

การฝึกผสมกองทัพบกไทย ร่วมกับ 'กองทัพบกอินเดีย รหัส MAITREE 2024'

กองทัพบกไทย ร่วมกับ กองทัพบกอินเดีย จัดการฝึกผสมร่วมกัน ภายใต้รหัส 'MAITREE 2024' ประจำปี 2567 ในช่วงวันที่ 2 - 14 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ จังหวัดตาก เป็นการฝึกตามโครงการฝึกระหว่างหน่วยของกองทัพบกไทย กับกองทัพมิตรประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทหาร และการทำงานร่วมกัน ในระดับยุทธวิธี 2) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถส่วนบุคคลในการปฏิบัติการร่วมกับกำลังทหาร 3) เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้, ประสบการณ์, เทคนิคการปฏิบัติทางการทหารแนวความคิดในการปฏิบัติการและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ และ 4) เพื่อฝึกแผนปฏิบัติการร่วม ตลอดจนการฝึกควบคุมบังคับบัญชาหน่วยกำลังผสม มีผู้เข้าร่วมการฝึกฯ จำนวน 154 นายประกอบด้วย ฝ่ายไทย จำนวน 76 นาย และฝ่ายอินเดีย จำนวน 78 นาย

กองทัพภาคที่ 3 ได้รับมอบหมายให้จัดกำลังพลในส่วนของการฝึกฯ ในครั้งนี้ โดยจัดจากกรมทหารราบที่ 14 กองพลทหารราบที่ 4 จำนวน 76 นาย เรื่องที่ทำการฝึก ประกอบด้วย 1) การจัดแสดงสาธิตอาวุธยุทโธปกรณ์ กองทัพบกไทย Static Display 2) อาวุธศึกษา 3) การติดต่อสื่อสาร 4) แผนที่เข็มทิศ 5) การฝึกลงทางดิ่ง 6) การดำรงชีพในป่า 7) การต่อต้านระเบิดแสวงเครื่อง 8) การปฏิบัติการร่วมกับสุนัขทหาร 9) การฝึกแลกเปลี่ยน (Cross Training Exercise (CTX)) 10) mรฝึกภาคสนาม (Field Training Exercise (FTX)) 11) การฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง 12) การยิงปืนเวลากลางคืน และ 13) การฝึกปฏิบัติการทางยุทธวิธี 48 ชั่วโมง

สำหรับการฝึกผสม MAITREE 2024 ประจำปี 2567 ถือเป็นการฝึกระหว่างกองทัพบกไทย และกองทัพบกอินเดีย โดยถือเป็นความสำเร็จในการพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางทหารระดับยุทธวิธีร่วมกันทั้งสองกองทัพ และทั้งสองกองทัพจะได้นำไปประยุกต์ใช้ต่อการปฏิบัติการทางทหารที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับความร่วมมือในการฝึกผสมฯ ดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมในการสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศ ในการพัฒนาการฝึกผสมฯ กับมิตรประเทศอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของกองทัพไทย รวมถึงเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ในการสร้างผลประโยชน์ของชาติให้มั่นคงยิ่งขึ้นสืบไป

รัสเซียชูไอเดีย 'รีเซ็ตการทูต' ฟื้นสัมพันธ์สหรัฐฯ หลังทรัมป์ชนะ

(6 พ.ย. 67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นาย Kirill Dmitriev ผู้บริหารกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัสเซีย ซึ่งใกล้ชิดทำเนียบเครมลินกล่าว ว่า โอกาสใหม่ๆ ในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกและวอชิงตันได้เปิดขึ้นแล้ว หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ โดยความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติบั่นทอนลงอย่างมากในรอบ 4 ปีนับตั้งแต่สงครามขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ปะทุขึ้นในปี 2022 ทำให้ความสัมพันธ์ของวอชิงตันกับมอสโกย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาในปี 1962

Dmitriev กล่าวว่า ชัยชนะของทรัมป์และพรรครีพับลิกันทั้งในทำเนียบขาวและวุฒิสภาสะท้อนว่าคนอเมริกันทั่วไปเบื่อหน่ายกับการโกหก ความไร้ความสามารถ และความอาฆาตพยาบาทที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของรัฐบาลไบเดน

Dmitriev  อดีตนายธนาคารโกลด์แมนแซคส์ ซึ่งเคยมีสายสัมพันธ์กับทีมงานของทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า “นี่เปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับการรีเซตความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ” 

ทั้งนี้ ในปี 2009 ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในขณะนั้น เคยเสนอแนวคิดการ "รีเซ็ต" ความสัมพันธ์กับมอสโก แต่เนื่องจากข้อผิดพลาดในการแปลที่ชัดเจน ประกอบกับสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศโดยเฉพาะประเด็นการผนวกดินแดนไครเมีย ทำให้การรีเซ็ตความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และบารัค โอบามา ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร

‘อนุสรณ์ อุณโณ’ นักวิชาการ มธ. คว้ารางวัลวิจัยดีเด่น จากผลงานวิจัย ‘ให้มันจบที่รุ่นเรา : ขบวนการเยาวชนไทยฯ’

(6 พ.ย. 67) รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คว้ารางวัล ‘ผลงานวิจัยดีเด่น สาขาสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2567’ จากผลงานวิจัย ‘ให้มันจบที่รุ่นเรา: ขบวนการเยาวชนไทยในบริบทสังคมและการเมืองร่วมสมัย’ เป็นงานวิจัยที่รวบรวมเส้นเรื่อง ปัจจัยการก่อตัว แนวทางการเคลื่อนไหว ฯลฯ เปรียบได้กับการบันทึกประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ในปี 2563 ที่ค่อนข้างละเอียดครอบคลุม โดยนักวิชาการ 5 คน ประกอบด้วย อนุสรณ์ อุณโณ, สามชาย ศรีสันต์, เสาวนีย์ ตรีรัตน์ อเลกซานเดอร์, อสมา มังกรชัย และ ชัยพงษ์ สำเนียง

ขณะที่ ผลงานวิจัยดังกล่าว ยังถูกนำมาปรับปรุงเป็นหนังสือ ในชื่อเดียวกัน คือ ‘ให้มันจบที่รุ่นเรา” : ขบวนการเยาวชนไทยในบริบทสังคมและการเมืองร่วมสมัย” โดยเป็นการศึกษาว่า “ขบวนการเยาวชนไทย” ในปัจจุบันก่อตัวขึ้นบนเงื่อนไขปัจจัยอะไร ผู้เข้าร่วมประกอบด้วยใคร มีมูลเหตุและแรงจูงใจอะไร ขณะเดียวกันก็ศึกษาว่าพวกเขาจัดรูปองค์กรการเคลื่อนไหวในลักษณะใด ในการสร้างเครือข่ายอย่างไร เสนอข้อเรียกร้องอะไร อาศัยกลวิธีใดในการเคลื่อนไหว และได้รับการตอบสนองอย่างไรทั้งจากรัฐและสังคม

นอกจากนั้น ‘ให้มันจบที่รุ่นเรา’ ยังเป็นประโยคบอกเล่าที่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งของสังคม ของบ้านเมือง ได้ถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์ ถึงเรื่องราวและบริบททางการเมืองและสังคม อันเป็นแรงจูงใจในการชุมนุมเคลื่อนไหวของนักเรียน นิสิต นักศึกษาและเยาวชน ที่ขยายตัวอย่างกว้างขวาง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา โดยการใช้คำพูดนี้ในการประกาศรวมตัวกันเรียกร้องดังที่ปรากฎ “อย่าให้เรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นเรื่องของลูกหลานเรา ที่ต้องมาเรียกร้องความยุติธรรมอย่างไม่จบสิ้น…ให้มันจบในรุ่นของพวกเรา…”

ผู้นำนานาชาติร่วมยินดี 'โดนัลด์ ทรัมป์' คัมแบ็คปธน.สหรัฐ

(6 พ.ย. 67) ภายหลังที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ประกาศชัยชนะในศึกการเลือกตั้งเหนือนางกมลา แฮร์ริส ผู้ท้าชิงจากพรรคแดโมแครต ซึ่งนับเป็นการหวนคืนกลับทำเนียบขาวอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ในรอบ 4 ปี

บรรดาผู้นำจากหลากหลายประเทศเริ่มส่งข้อความแสดงความยินดีแก่นายทรัมป์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในหลายแพลตฟอร์ม อาทิ

โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน โพสต์ข้อความบน X ว่า "ย้อนกลับไปเดือนกันยายน ตอนที่ผมพบกับประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างยูเครนและสหรัฐ  แผนแห่งชัยชนะ และวิธียุติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

ผมชื่นชมความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อแนวทางสันติภาพด้วยความแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นหลักการนำสันติภาพอันแท้จริงมาสู่ยูเครน เรามองเห็นยุคสมัยแห่งความเข้มแข็งภายใต้ภาวะผู้นำอันเด็ดขาดของประธานาธิบดีทรัมป์ และยูเครนยังคงพึ่งพาการสนับสนุนทวิภาคีอันเข้มแข็งจากสหรัฐต่อไป
เราทั้งสองชาติยังคงสนใจที่จะพัฒนาผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจร่วมกัน ยูเครนในฐาน

ที่เป็นหนึ่งในกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของยุโรป ให้คำมั่นว่าจะรักษาความสงบสุขและความมั่นคงในยุโรป ชุมชนพันธมิตรลุ่มสมุทรแอตแลนติกต่อไป หากยังมีการสนับสนุนจากพันธมิตร"

เบนจามิน เนทันยาฮู  นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า “ถึง โดนัลด์ และเมลาเนีย ทรัมป์ ขอแสดงความยินดีกับการหวนคืนทำเนียบขาวครั้งยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับอเมริกาและคำมั่นสัญญาอันทรงพลังต่อพันธมิตรอันยิ่งใหญ่ระหว่างอิสราเอลและอเมริกา ”

นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย โพสต์ข้อความบน X แสดงยินดีกับทรัมป์ว่า “ขอแสดงความยินดีอย่างสุดหัวใจเพื่อนของผม @realDonaldTrump สำหรับชัยชนะการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของคุณ”

เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งสารแสดงความยินดีมีใจความว่า "ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของทรัมป์ ผู้ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี ผมรอคอยที่จะได้ร่วมทำงานกับคุณไปอีกหลายปีต่อจากนี้

ในฐานะพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด เราเคียงบ่าเคียงไหล่กันเพื่อปกป้องคุณค่าที่เรายึดถือร่วมกัน ทั้งเสรีภาพ ประชาธิปไตย และกิจการสำคัญต่างๆ ผมรู้ว่าสหราชอาณาจักรและสหรัฐจะยังคงเจริญไมตรีของทั้งสองฟากฝั่งของแอตแลนติกต่อไปอีกหลายปีจากนี้”

เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส โพสต์ว่า “ขอแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมที่จะทำงานร่วมกันเหมือนอย่างที่รู้ดีว่าจะทำอย่างไรในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยความเชื่อมั่นของคุณกับผม ด้วยความเคารพและความทะเยอทะยาน เพื่อสันติภาพและเจริญมากขึ้น”

จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีหญิงของอิตาลี ระบุผ่านโพสต์ว่า ขอแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อิตาลีและสหรัฐฯถือเป็นพันธมิตรที่มั่นคง มันเป็นสายสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งฉันมั่นใจว่าเราจะยิ่งแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก

ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัสเซียโพสต์ทางบัญชีเทเลแกรมว่า “ทรัมป์ มีคุณสมบัติหนึ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับเรา เขาเป็นนักธุรกิจโดยแก่นแท้ เขาไม่ชอบใช้จ่ายเงินให้กับพวกคนสอพลอ พันธมิตรสอพลอ โครงการการกุศลที่ไม่ดี และพวกองค์กรระหว่างประเทศที่โลภมาก”

ทั้งนี้ นายทรัมป์ วัย 78 ปี เคยกล่าวให้คำมั่นในหลายครั้งว่า เขาจะยุติสงครามในยูเครนอย่างรวดเร็วหากได้รับการเลือกตั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้อธิบายว่าเขาจะทำได้อย่างไรก็ตาม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top