Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ เผย เครื่องดื่มน้ำแข็ง รับประทานได้เหมือนเดิม แต่กระบวนการผลิตต้องสะอาด

จากกรณีพบการติดเชื้อแบบคลัสเตอร์ที่โรงงานน้ำแข็งที่จังหวัด สมุทรปราการ และจังหวัดชลบุรี ทำให้หลายคนมีความกังวลในเรื่องของการบริโภคน้ำแข็งอยู่ไม่น้อย นายแพทย์นนท์ จินดาเวช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้ออกมาเตือนประชาชนควรงดการบริโภคน้ำแข็งโดยตรง เช่น ใส่กับเครื่องดื่ม หรือขนมหวาน เพราะมีความเป็นไปได้ที่เชื้อจะอาศัยอยู่ในน้ำแข็งได้นานกว่าอุณหภูมิปกติ หากน้ำแข็งนั้นมีการปนเปื้อน

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีที่ชาวบ้านกังวลว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจจะติดมากับน้ำแข็งได้นั้นขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทางอาหารและน้ำ แต่อาจจะติดเชื้อจากบรรจุภัณฑ์ที่ใส่น้ำแข็งมากกว่า หากกระบวนการผลิตไม่สะอาดก็อาจจะมีเชื้อโควิด-19 ติดมากับน้ำแข็งได้ ซึ่งเชื้อโควิด-19 นั้นมีโอกาสอยู่ในน้ำแข็งได้นาน 2-3 วัน

ล่าสุด นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เคยระบุไว้ว่า โรคโควิด-19 ไม่ติดต่อทางการกินอาหาร เหมือนกับ โรคติดต่อทางการกินอาหาร หรือการดื่มน้ำ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบ A, โรคท้องร่วงจากโนโรและโรตาไวรัส ทั้งนี้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อหลักๆ ทางการหายใจ ดังนั้น คลัสเตอร์ โรงงานต่างๆ รวมถึงเรือนจำ ที่อยู่อย่างแออัดและไม่มีการระบายอากาศที่ดีพอ จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เชื้อโควิด-19 ได้ง่าย ส่วนอาหารแช่แข็ง อาหารสด อาหารญี่ปุ่น เครื่องดื่มน้ำแข็ง รับประทานได้เหมือนเดิม แต่กระบวนการผลิตต้องสะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน จะปลอดภัยจากทุกเชื้อโรค

 

ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/regional/469483


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สหรัฐฯ มีแผนสำหรับบริจาควัคซีนโควิด-19 ในเบื้องต้น 7 ล้านโดส จากทั้งหมด 80 ล้านโดส แก่ประเทศต่างๆ ในเอเชีย ในนั้นรวมถึงมาเลเซีย และไทย รัฐบาลอเมริการะบุในเอกสารข้อเท็จจริงที่เผยแพร่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในเอกสารข้อเท็จจริงที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาว ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า มีแผนแบ่งปันวัคซีนโควิด-19 ของอเมริกาแก่ทั่วโลก อย่างน้อย 80 ล้านโดส ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน โดยชุดแรกจะมีประมาณ 25 ล้านโดส

เอกสารระบุว่า เกือบ 19 ล้านโดส หรืออย่างน้อย 75% ของวัคซีนชุดแรก 25 ล้านโดส จะเป็นการแบ่งบันผ่านโครงการโคแว็กซ์

แผนการจัดสรร 19 ล้านโดสของสหรัฐฯ นั้น ในนั้นราวๆ 7 ล้านโดสจะมอบแก่ประเทศต่างๆ ในเอเชีย อาทิ มาเลเซีย อินเดีย เนปาล บังกลาเทศ ปากีสถาน ศรีลังกา อัฟกานิสถาน มัลดีฟ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ลาว ปาปัวนิวกินี ไต้หวันและหมู่เกาะแปซิฟิกทั้งหลาย

นอกจากนี้แล้ว เอกสารข้อเท็จจริงระบุด้วยว่า อีกจำนวน 6 ล้านโดสในวัคซีนเกือบ 19 ล้านโดส จะมอบแด่ประเทศต่างๆ ในอเมริกาใต้และอเมริกากลาง และราว 5 ล้านโดส มอบแก่ชาติต่างๆ ในแอฟริกา ซึ่งจะเป็นการเลือกภายใต้ความร่วมมือกับสหภาพแอฟริกา

ส่วนที่เหลืออีกเกือบๆ 25% ของวัคซีนชุดแรก 25 ล้านโดส หรือคิดเป็นราวๆ 6 ล้านโดส มีเป้าหมายส่งมอบแก่ภูมิภาคต่างๆ ตามลำดับความสำคัญและความเป็นพันธมิตร โดยผู้ได้รับจะรวมไปถึง เม็กซิโก แคนาดา เกาหลีใต้ เวสต์แบงก์ ฉนวนกาซา ยูเครน โคโซโว เฮติ จอร์เจีย อียิปต์ จอร์แดน อินเดีย อิรัก และเยเมน เช่นเดียวกับบรรดาเจ้าหน้าที่แนวหน้าของสหประชาชาติ

เอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า โครงการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ชุดแรก 25 ล้านโดส ที่สหรัฐฯ มีแผนแบ่งปันกับทั่วโลก เวลานี้เหลือเพียงขั้นตอนเห็นชอบทางกฎหมายและผู้ควบคุมกฎระเบียบเท่านั้น

สหรัฐฯ บอกว่า จะดำเนินการอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ภายใต้การปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมายและกฎระเบียบของทั้งสหรัฐฯ เองและเหล่าประเทศเจ้าบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกการส่งมอบวัคซีนแก่นานาชาติอย่างปลอดภัยและวางใจได้

แม้กระบวนการนี้จะต้องใช้เวลา แต่ในเอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สั่งการรัฐบาลอเมริกาให้ใช้ทุกหนทางปกป้องผู้คนจากไวรัสโควิด-19 เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ในเอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะทำมากกว่าการให้เงินทุนสนับสนุนโครงการโคแว็กซ์ และจะบริจาคเสบียงวัคซีนโควิด-19 ของพวกเขาแก่ทั่วโลก และจะสนับสนุนประเทศอื่นๆ ให้บริจาควัคซีนแบบเดียวกัน รวมถึงจะทำงานกับบรรดาผู้ผลิตสัญชาติสหรัฐฯ ในการเพิ่มกำลังผลิตวัคซีนโควิด-19 เพื่อส่วนอื่นๆ ของโลก และจะช่วยประเทศต่างๆ เพิ่มเติมในการขยายศักยภาพด้านการผลิตวัคซีน

ทั้งนี้ ในรายละเอียดแผนแบ่งปันวัคซีนแก่ทั่วโลก 80 ล้านโดสของสหรัฐฯ เอกสารข้อเท็จจริงระบุว่า 75% จะเป็นการจัดสรรผ่านโครงการโคแว็กซ์ ส่วนที่เหลืออีก 25% จะเป็นการแบ่งปันตามความจำเป็นเร่งด่วน และช่วยชาติต่างๆ ที่กำลังเผชิญเคสผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูง

 

ที่มา: มาเลเซียเมล์

https://mgronline.com/around/detail/9640000054662


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘บิ๊กตู่’ ขอโทษ ทำหลายคนไม่สบายใจ ยอมรับทำงานคนหมู่มากย่อมมีปัญหา ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ พร้อมแสดงความเสียใจคนฉีดวัคซีนมีปัญหา ยืนยันรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ

ที่สถานีกลางบางซื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ บุคลากรทางการแพทย์ ที่จุดบริการฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยระบุว่า การฉีดวัคซีนในวันนี้เป็นการฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศ ที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา 3.5 ล้านโดส ทั้งวัคซีน AstraZeneca และซิโนแวค และเข้ามาเพิ่มในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะต้องบริหารสถานการณ์ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน โดยปัจจุบันมีการจัดสรรวัคซีนเตรียมพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และวันนี้อยู่ในขั้นตอนการฉีดเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน โดยจะบริหารวัคซีนรายสัปดาห์และนำมาแจกจ่ายตามสถานการณ์ ทุกกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจกับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีปัญหาทุกคน ยืนยันว่า ทุกคนทำงานกันอย่างเสียสละ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลพยายามทำเต็มที่ คำว่าเต็มที่ก็คือเต็มที่ตามสถานการณ์ที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งในประเทศและสถานการณ์วัคซีนโลก เราจำเป็นต้องบริหารให้สอดคล้องกับความเสี่ยง อะไรที่ทุกคนไม่สบายใจตนต้องขอโทษ และจะทำให้ดีที่สุด พร้อมระบุว่าทุกคนทำเพื่อคนไทย แน่นอนว่าต้องมีปัญหาเพราะคนจำนวนมาก แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจกับสาธารณสุข ทุกคนก็เหนื่อยพอสมควร แรงกดดันสูง ในเมื่อทุกคนอยากฉีด เราก็มีหน้าที่ในการหาวัคซีน ในช่องทางที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็พูดได้หมด ขอให้สงบเรียบร้อย พร้อมกับระบุว่า การใช้สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการรับคนได้จำนวนมากก็ดี เพราะถือว่าให้ทุกคนได้รู้จากสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน นี่แหละคืออนาคตที่รัฐบาลที่แล้วทำไว้ให้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นขอให้คิดถึงสิ่งดีๆ หาสิ่งดีๆ ให้เจอบางทีก็อาจจะมองไม่เห็น จริงๆ ตอนไม่ได้ไปตรวจแต่ไปเยี่ยมให้กำลังใจเพราะเขาทำกันดีอยู่แล้ว

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธการตอบคำถามสื่อมวลชน พร้อมกับระบุว่า ขออย่าซักถามเพราะจะนำให้เกิดการตีความ ก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘อนุทิน’ ยืนยัน มิ.ย.นี้ ไม่มีโรคเลื่อน ประชาชนได้ฉีดวัคซีนตามนัด พร้อมจัดสรรเมื่อได้รับอนุมัติครอบคลุมช่วงอายุ 3 ขวบ ย้ำ ให้รับข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขที่เดียว ไม่ต้องฟังโรงพยาบาล กันสับสน

เมื่อเวลา 08.10 น. ที่สถานีกลางบางซื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการคิกออฟวันฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศวันเดียวกันนี้ว่า วันนี้เป็นวันสัญลักษณ์จะมีการจัดการวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งที่สถานีกลางบางซื่อเป็นการฉีดให้กับบุคลากรทางด้านขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงมาก ต้องสัมผัสกับคนเยอะ ซึ่งก็ฉีดไปได้เยอะแล้ว และสัปดาห์นี้เราจะเน้นการฉีดครูทั่วกรุงเทพฯ เพื่อรองรับการเปิดเทอมของนักเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองสบายใจและมั่นใจได้ว่าครูมีความปลอดภัย ได้รับวัคซีนถ้วนหน้า และเมื่อได้ข่าวมาว่าวัคซีนซิโนแวค ซึ่งเราใช้อยู่ กำลังขอครอบคลุมอายุไปจนถึง 3 ขวบ ซึ่งเราก็อยากให้การอนุมัติได้เร็วที่สุด รัฐบาลให้ความมั่นใจ ให้คำยืนยันว่า เมื่อมีการอนุมัติไปถึงช่วงอายุใด เราก็จะจัดวัคซีนไปให้บริการกับคนทุกช่วงอายุ เพื่อให้วัคซีนอย่างทั่วถึง

เมื่อถามว่า สำหรับประชาชนทั่วไปตั้งเป้าจะฉีดให้ได้ประมาณเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้หลายโรงพยาบาลบอกว่าจะเลื่อนในวันที่ 8 มิ.ย.ออกไปก่อน นายอนุทิน กล่าวว่า ฟังกระทรวงสาธารณสุข ไม่ต้องไปฟังโรงพยาบาล เมื่อถามอีกว่าแต่ตอนนี้ประชาชนสับสน นายอนุทิน ตอบว่า สับสน เพราะฟังหลายทาง ฟังทางไลน์ ทางโซเชียลมีเดีย แต่ไม่ได้ฟังผู้ที่รับผิดชอบ คือรมช.สาธารณสุข ปลัดสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมการแพทย์ เราก็ให้การสื่อสารมากที่สุดเท่าที่จะมากได้แล้ว แต่ละโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขต้องออกมาแก้ข่าวว่าไม่มีการเลื่อน และไม่ได้เคยเลื่อน ฉะนั้นต้องฟังจากคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ต้องสั่งเยอะ ให้ฟังที่เดียว เมื่อถามว่ายืนยันเดือนมิ.ย.วัคซีนเข้ามา 6 ล้านโดสใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยืนยันว่ามีวัคซีนฉีดตามนัด ใครนัดได้วันไหนก็มีวัคซีนฉีดวันนั้น


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

Click on Clear เที่ยงตรง ประจำวันที่ 7 มิถุนายน 2564

Click on Clear เที่ยงตรง ประจำวันที่ 7 มิถุนายน 2564 กับประเด็น D-DAY ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครั้งประวัติศาสตร์ และคุยสดๆ กับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน

.

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"แรมโบ้" จวก "เลขาฯ พท." ยุพรรคร่วมแตกแยก หวังเตรียมการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ล้างมลทินตระกูลชินวัตร

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคร่วมรัฐบาลกำลังจะแพแตก ว่ารัฐบาลยังมีเสถียรภาพมั่นคง และทำงานยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน โดยนายกรัฐมนตรี เน้นให้ทุกคนเสียสละ อย่าหวังผลประโยชน์ส่วนตัว ที่พรรคเพื่อไทยออกมาพูด เพราะอยากมีอำนาจรัฐ และน่าสังเกตว่าช่วงนี้นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาเคลื่อนไหววิจารณ์รัฐบาลบ่อยครั้ง มีเป้าหมายคือล้มรัฐบาล อยากกลับขึ้นมามีอำนาจ และหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ได้สำเร็จเป้าหมายต่อไปคือออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยล้างมลทินให้กับตระกูลชินวัตร นำสองคนพี่น้องกลับบ้านให้ได้ 

นายเสกสกล กล่าวว่า นายทักษิณ บอกว่าถ้ากลับมาเป็นผู้นำจะแก้ปัญหาประเทศให้จบภายใน 6 เดือน ขี้โม้มากกว่า แค่งานที่เคยรับปากประชาชนตอนเป็นผู้นำรัฐบาล คือ แก้ปัญหาจราจรในกทม.ภายใน 6เดือน อยู่นานกว่า 5 ปี และมีรัฐบาลที่นายทักษิณ สั่งการได้อีกสามนายกฯ ยังแก้ไขไม่ได้ ไม่สมราคาคุย ส่วนพรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงรับปากว่าจะให้ชาวนาหมดหนี้สินทุกครัวเรือน แต่กลับทิ้งหนี้สินให้ชาวนา จนต้องผูกคอตายไปหลายราย และทำรัฐบาลนี้ต้องตามใช้หนี้ จึงเชื่อถือในคำพูดนายทักษิณไม่ได้ แค่ปั่นกระแสดราม่าให้ตนเองให้สมุนหรือเครือข่ายฮึกเหิม  โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะแตกแยก โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน

"พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีเวลามาเล่นการเมือง เหมือนนายทักษิณ แต่พูดจริงทำจริง ประกาศฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ มีแนวทางเปิดให้นักท่องเที่ยวจากประเทศปลอดภัยจากโควิดและฉีดวัคซีนครบแล้วเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย มีโครงการเครือข่ายคมนาคม การลงทุนก่อสร้าง นี่คือนายกฯตัวอย่างที่ใจซื่อมือสะอาด นายกฯคนที่ไม่ต้องคุยขี้โม้โอ้อวด แต่ลงมือทำจริง ไม่เสียเวลาคิดหาเงินทอนใส่กระเป๋าตนเอง หรือแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง นายกฯมีความตั้งใจเดินหน้าทุ่มเททำงาน และรักษาผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ”

“บิ๊กตู่” เยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง “บิ๊กป้อม” ไม่น้อยหน้านำ รมต.พปชร.รุดต้อนรับ

ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังจากที่ได้ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ที่สถานีกลางบางซื่อ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พร้อมรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยให้การต้อนรับ และที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง ก็ไม่น้อยหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ยังมีนายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับด้วย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ห่วงใยผู้ใช้แรงงาน ตนจึงมอบหมายสำนักงานประกันสังคม บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงการคลัง โดยธนาคารกรุงไทย และสถานพยาบาลเครือข่ายประกันสังคม ทั้งภาครัฐและเอกชน บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้กระจายออกสู่วงกว้างทั้งในโรงงาน และสถานประกอบการ ในเบื้องต้นได้กำหนดจัดการฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 7 - 26 มิ.ย.64 ซึ่งวัคซีนล็อตแรกจำนวน 1 ล้านโดส จะฉีดให้กับผู้ประกันตนที่แจ้งความประสงค์ต้องการรับวัคซีนโควิด-19 กับนายจ้าง และบันทึกลงระบบ e-service ตามที่สำนักงานประกันสังคมได้ทำการสำรวจตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้จัดลำดับคิวการฉีดวัคซีนไว้เรียบร้อยตามลำดับที่นายจ้างได้แจ้งความประสงค์ผ่านระบบ และได้ประสานนายจ้างจัดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เข้ารับการฉีดวัคซีนตามจุดที่สำนักงานประกันสังคมได้กำหนดไว้ทั้งสิ้น 45 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร เช่น สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาคารซันทาวเวอร์ ศูนย์กีฬาบางขุนเทียน และตามที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสถานประกอบการที่ลูกจ้าง/ผู้ประกันตนทำงานอยู่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-12 ได้จัดเตรียมสถานที่ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร อุปกรณ์ทางการแพทย์จากโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม 23 แห่ง โดยมีศักยภาพในการฉีดได้วันละ 50,000 คน ซึ่งทุกศูนย์ให้บริการระหว่างเวลา 08.00 - 17.00 น. 

“ขอให้ผู้ประกันตนทุกคนมั่นใจ กระทรวงแรงงานพร้อมดำเนินงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการวัคซีนโควิด-19 อย่างแน่นอน สำหรับผู้ประกันตนที่ลงทะเบียนไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการนัดหมายให้เข้ารับการฉีดวัคซีนในล็อตแรก หากสำนักงานประกันสังคมได้รับการจัดสรรวัคซีน จะนัดหมายให้เข้ารับการฉีดในล็อตถัดไป เรียงตามลำดับการลงทะเบียน ทั้งนี้ หากท่านไม่มาตามกำหนดเวลา จะถือว่าสละสิทธิ์ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 รวมถึงการเข้ารับการรักษา ติดต่อสายด่วน 1506 กด 6 และ   หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ติดต่อสายด่วน 1506 กด 7 เจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ” นายสุชาติ กล่าว

จากนั้นนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 พร้อมให้กำลังใจผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน

“สงคราม” ชี้ช่วยธุรกิจต้องจริงใจอย่าลอยแพรายย่อย หวั่น “บิ๊กตู่” กู้ 5 แสนล้านแจกพรรคการเมืองสร้างฐานเสียงในพื้นที่

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ส่งผลกระทบกับคนไทยทุกคน ประกอบกับการที่รัฐบาลบริหารจัดการวัคซีน ล้มเหลว ไม่ให้ความสำคัญเรื่องวัคซีนมากที่ควร และจำกัดให้ประชาชนฉีดวัคซีนที่รับจัดหาให้ หลายรายพบว่าเกิดอาการไม่พึงประสงค์หนักบ้าง เบาบ้างต่างกันไป ที่หนักสุดคือเสียชีวิต รัฐควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นในวัคซีนมากกว่านี้ เพราะวัคซีนคือทางออกของประเทศ อย่างแท้จริง เพราะประชาชนต้องการวัคซีน ทุกวันนี้มีคนติดเชื้อ มากกว่า 1 แสนคน เสียชีวิตมากกว่า 30 คน ต่อวัน รัฐบาลใจดำมากที่มองคนที่เสียชีวิตเป็นเรื่องธรรมดา นิ่งเฉยต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้รัฐบาลกู้เงินมหาศาลเพื่อมาใช้จ่าย โดยที่ผ่านมารัฐบาลมาขอให้อนุญาตจากสภาเพื่อออกพระราชกำหนดเงินกู้ 1 ล้านล้าน ที่โดยอ้างว่าจะนำไปช่วยผู้ประกอบการธุรกิจ เอสเอ็มอี แต่เงินที่กู้มารัฐนำไปใช้ในการสร้างฐานการเมืองมากกว่า นำไปทำถนน หรือ ขุดลอกคูคลองในพื้นที่ของนักการเมืองพรรครัฐบาล หวังสร้างฐานการเมือง เป็นการใช้เงินซ้ำซ้อนกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งรัฐบาลไม่แสดงความจริงใจ ที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ รัฐปล่อยลอยแพผู้ประกอบการรายย่อย

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท แต่ว่าที่ผ่านมามันเต็มไปด้วยการปกปิดหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ถ้ารัฐบาลเคารพประชาชน ก็ต้องสื่อสาร และให้ข้อมูลมากกว่านี้ นอกจากนี้ยังไม่มีอะไรการันตีว่าเงิน 5 แสนล้านบาทที่จะกู้จะถูกนำไปใช้ถูกทิศถูกทาง เพราะคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินก็ยังใช้ชุดเดิม ไม่มีหน่วยงานหรือกลไกที่จะมาช่วยเร่งรัดการเบิกจ่ายที่เป็นปัญหาในพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท หากรัฐบาลไม่สามารถชี้แจงได้คงให้ผ่านไม่ได้

“การจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ พลเอกประยุท์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องไม่ตั้งเงื่อนไขที่เป็นกำแพงหนาทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ และต้องไม่เลือกปฎิบัติช่วยเฉพาะผู้ประกอบการชั้นดี เพราะหากทำเช่นนั้นเงินกู้จำนวน 500,000 ล้านบาท จะล้มแหลวรอบ 2 เพราะไม่สามารถที่จะกู้ชีวิตผู้ประกอบการที่กำลังโคม่าได้ แต่รัฐบาลจะเป็นคนดึงสายอ็อกซิเจนของผู้ประกอบการอก สุดท้ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก็ไม่สามารถรอดจากวิกฤติที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน” นายสงคราม กล่าว

สมอ. เปิดมิติใหม่ให้บริการทางออนไลน์ 100% ครบทุกกิจกรรม รับนโยบายรัฐบาลอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการและประชาชนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ล่าสุดเปิดระบบ e-Accreditation ในการออกใบรับรองระบบงาน ISO ทางออนไลน์ ผู้ประกอบการแห่ยื่นขอเกือบ 40 ราย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในกระบวนการทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจให้ผู้ประกอบการ ตามนโยบาย Ease of Doing Business ของรัฐบาล และมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีภารกิจด้านการอนุญาต จะต้องนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในกระบวนการทำงานทั้งระบบให้ครบทุกกิจกรรม

ล่าสุด สมอ. สามารถนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในกระบวนการออกใบอนุญาตครบทุกกิจกรรม ตั้งแต่ การยื่นคำขอใบอนุญาต มอก. การตรวจติดตามการจำหน่ายสินค้าในท้องตลาด และการตรวจโรงงานทางออนไลน์ รวมถึงการชำระค่าบริการต่างๆ เพื่อยกระดับการให้บริการผู้ประกอบการและประชาชนได้อย่างทั่วถึงภายใต้สถานการณ์โควิด-19 และเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

ด้านนายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจาก สมอ. ประสบความสำเร็จในการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในกระบวนการทำงาน เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการและประชาชนตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ทั้งการยื่นขอใบอนุญาต มอก. ผ่านระบบ e-License การตรวจติดตามผลผู้ได้รับใบอนุญาตผ่านระบบ e-Surveillance และการชำระค่าบริการต่างๆ ผ่านระบบ e-Payment ตลอดจนการขออนุญาตนำเข้าสินค้าที่ สมอ. ควบคุม กว่า 300 คำขอ ต่อวันผ่านระบบ National Single Window หรือ NSW ที่มีการเชื่อมโยงกับกรมศุลกากร เพื่อป้องกันการนำสินค้าไม่ได้มาตรฐานเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ซึ่ง สมอ. ได้มีการพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา ได้เปิดใช้ระบบ e-Accreditation เพื่อออกใบรับรองระบบงาน ISO แก่ผู้ประกอบการอย่างเต็มรูปแบบ เช่น การรับรองห้องแล็ปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2017 เพื่อให้ห้องแล็ปได้รับการยอมรับและมีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับของสากล และลดการตรวจสอบซ้ำจากประเทศคู่ค้า เป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของสินค้าและบริการของไทยในตลาดโลก และเป็นประโยชน์ต่อการค้าระหว่างประเทศ การรับรองหน่วยตรวจตามมาตรฐาน ISO/IEC 17020 : 2012 เป็นการรับรองระบบงานของหน่วยตรวจว่ามีความสามารถ และมีความเป็นกลางในการดำเนินงาน การให้บริการงานตรวจเป็นไปตามมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับของสากล

สำหรับการให้บริการผ่านระบบดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการด้านการตรวจสอบและรับรองกว่า 700 ราย ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 สามารถยื่นขอการรับรองระบบงาน ISO ผ่านทางออนไลน์ได้ ตั้งแต่การยื่นคำขอ การประสานงาน การตรวจประเมินทางไกล (Remote assessment) และการรับรองตนเอง (Self declaration) แทนการออกไปตรวจประเมินสถานที่จริง

โดยผู้ตรวจประเมินจะประสานงานการตรวจประเมินทางออนไลน์ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และแอปพลิเคชันต่างๆ บนเว็บไซต์ และสมาร์ทโฟน ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการยื่นคำขอผ่านระบบแล้วเกือบ 40 ราย

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าระบบได้ที่ https://www.tisi.go.th/website/Accreditation/eAccreditation หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ โทร. 0 2202 3531 หรือ e-mail: [email protected]

“สมอ. ได้พัฒนาระบบการออกใบอนุญาตผ่านทางออนไลน์ 100% ครบทุกกิจกรรม เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจให้ผู้ประกอบการและประชาชนตามนโยบายรัฐบาล และมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของ สมอ. ให้มากยิ่งขึ้น และจะพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” เลขาธิการ สมอ. กล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กลายเป็นอีกประเด็นที่น่าติดตามเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีน หลังจากผู้คนกว่า 3 หมื่นรายในสิงคโปร์ หันมารอฉีด Sinovac เนื่องจากพบผู้ที่มีอาการข้างเคียงรุนแรงกว่า 2 พันคน จากผู้ฉีดเข็มแรกของ Pfizer และ Moderna

จากเฟซบุ๊ก Pat Sangtum ของคุณแพท แสงธรรม นักวิชาการอิสระ ด้าน Communication Facilitator และอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในอีกหลายแขนง ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...

ภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis)

ผู้คนกว่า 3 หมื่นในสิงคโปร์ รอฉีด Sinovac หลังจากพบผู้ที่มีอาการข้างเคียงรุนแรงกว่า 2 พันคน จากผู้ฉีดเข็มแรกของ Pfizer และ Moderna ไปแล้ว

สิงคโปร์ มีวัคซีนของ Sinovac ร่วม 2 แสนโดส แต่ยังไม่ผ่านการรับรองของสาธารณสุขสิงคโปร์ หรือกรมวิทยาศาสตร์สุขภาพ ถึงกระนั้นก็จะปล่อยสต็อก Sinovac ให้นำไปใช้ได้ ผ่านมาตรการพิเศษ โดยไม่คิดค่าวัคซีน แต่อนุญาตให้โรงพยาบาลและคลินิกเรียกเก็บเงินค่าบริการการฉีดได้ โดยจะจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้รับวัคซีนในภายหลัง

สำหรับอาการที่พบในผู้มีอาการแพ้หลังจากฉีด mRNA ได้แก่ อาการภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน ดังนั้นผู้ที่มีอาการภูมิแพ้รุนแรงอยู่แล้ว จึงต้องเลี่ยงการใช้วัคซีนชนิด mRNA

แต่ต่อมาไม่นาน สาธารณสุขสิงคโปร์ ก็ได้ยกเลิกคำสั่งนี้ไป

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับวัคซีน mRNA ของ Pfizer และ Moderna ไปแล้วเข็มแรก และเกิดอาการภูมิแพ้ จะไม่ถูกบังคับให้ฉีดเข็มที่สอง และเปลี่ยนไปใช้ Sinovac แทนได้

ทั้งนี้ เดิมที Sinovac ไม่ได้อยู่ในแผนวัคซีนของสิงคโปร์ และผู้ที่เลือก Sinovac จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง แต่เมื่อ WHO รับรอง Sinovac แล้ว ทางสาธารณสุขสิงคโปร์ จึงบรรจุ Sinovac เข้าไว้ในแผนวัคซีนของชาติ และจ่าย Sinovac ให้ฟรี

สำหรับอาการภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis) คือ อาการภูมิแพ้ที่มีปฏิกิริยารุนแรงอย่างเฉียบพลัน เมื่อร่างกายได้รับสารกระตุ้นบางอย่าง เช่น อาหารหรือยาบางชนิด แมลงกัดต่อย หรือสารอื่นๆ เนื่องจากระบบภูมิต้านทานของบุคคลนั้นไวต่อสารกระตุ้นดังกล่าวมากกว่าคนปกติ

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4138315072873291&id=100000845184675


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top