Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

ศบค. สรุปภาพรวม คิกออฟ ฉีดวัคซีน เป็นตามเป้า คึกคัก ราบรื่น ปชช. ให้ความร่วมมืออย่างดี 

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงภาพรวมคิกออฟฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ว่า วันนี้เป็นวันสำคัญในประวัติศาสของประเทศไทยเพราะเป็นวันที่เราเริ่มฉีดวัคซีนครั้งใหญ่วันแรกอย่างเป็นทางการ ตามนโยบายวาระแห่งชาติด้านการฉีดวัคซีน โควิด-19 โดย นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม,รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีน ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คือที่สถานีกลางบางซื่อ โดยนายกรัฐมนตรีได้เปิดโครงการฉีดวัคซีนอย่างเป็นทางการทั่วประเทศโดยได้วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้กำลังใจและตรวจเยี่ยม 5 จุดใหญ่ ที่จังหวัดชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ นครราชสีมา สถานีกลางบางซื่อ

สรุปในภาพรวมที่สถานีกลางบางซื่อมีผู้มารับการฉีดวัคซีนตามที่กำหนดไว้ ได้แก่ ผู้พิการ 250 คน เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่จะต้องให้บริการประชาชน 750 คน ครูในเขตกรุงเทพมหานคร 4,000 คน และประชาชนที่จองคิวผ่านทางแอพพลิเคชั่น และระบบต่างๆ 5,000 คน โดยเป้าหมายในวันเดียวกันนี้จะฉีดให้ได้ 10,000 คน

ในการตรวจเยี่ยมของนายกรัฐมนตรีจะได้เห็นระบบการไหลเวียนของการบริการเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนที่มารับบริการได้รับความสะดวกสบายพอสมควร ทั้งนี้การบริการที่สถานีกลางบางซื่อได้ให้บริการมาตั้งแต่ 24 พฤษภาคม-6 มิถุนายน 2564 มียอดรวมผู้ที่ได้รับบริการไปแล้ว 155,028 คน โดยการใช้อัตรากำลังเจ้าหน้าที่ต่อวันประมาณ 374 คน ประกอบด้วยแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกรและเจ้าหน้าที่สนับสนุนอื่นๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน โดยรับการสนับสนุนจากเอกชนเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นค่ายบริษัทมือถือต่างๆ ในภาพรวมถือว่าประชาชนได้รับบริการได้อย่างรวดเร็วเฉลี่ยประมาณ 51 นาทีต่อคน

นายกรัฐมนตรียังได้ไปตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนที่สนามกีฬาเวสน์2 ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ของกรุงเทพมหานครซึ่งมีการฉีดให้กับกลุ่มผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ที่สำนักงานประกันสังคมเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ 

ในภาพรวมวันนี้ได้มีการเปิดจุดฉีดทั้งหมดทั่วประเทศตามที่ได้รับรายงานเมื่อเวลาเที่ยงตรงของวันเดียวกันนี้ ทั้งหมด 986 จุด มีผู้ที่ได้รับการฉีดที่เข้าสู่ระบบรายงานมาแล้วทั้งหมด 143,116 คน โดยใช้เวลาในการฉีด 2-3 ชั่วโมง เป็นไปตามเป้าหมายทุกประการ ซึ่งสถานการณ์ในการฉีดเป็นไปด้วยความรอบราบรื่น ไม่มีการแออัด ไม่มีการติดขัด มีเพียงบางจุดที่มีปัญหาบ้างเล็กน้อย เช่น ผู้ที่จองคิวมาในระบบหมอพร้อมแล้วชื่อตกหล่น แต่เมื่อมีการยืนยันจากการโหลดแอพพลิเคชั่นแล้วว่ามีการนัดหมายจริงทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้บริการไปอย่างเรียบร้อย ดังนั้นโดยภาพรวมถือว่าเรียบร้อยดี อาจจะมีขลุกขลักในบางจุดก็คงจะได้มีการพัฒนา ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

จากการรายงานผู้ที่ฉีดวัคซีนในเวลาเที่ยงตรงของวันนี้ซึ่งถือเป็นวันคิกออฟสำคัญ ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปีได้รับบริการฉีดวัคซีนไปทั้งสิ้น 73,273 คน ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคที่อายุน้อยกว่า 60 ปี ได้รับการฉีดวัคซีนไปทั้งสิ้น 21,924 คน อสม. และบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ อีก 12,081 คน 

ในภาพรวมถือว่าสถานการณ์การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนให้ความสนใจในการมา รับบริการการฉีดวัคซีน และให้ความร่วมมือด้วยดีทางกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะรวบรวมข้อมูลและปรับการดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์และจะมีการรายงานผลการฉีดวัคซีนให้ทราบเป็นระยะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีประชาชนส่วนหนึ่งที่จองคิวในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ แต่ได้รับการขยับนัดไปเป็นวันอื่น มีเหตุผลความจำเป็นในการเลื่อนออกไปอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า เรามีนโยบายว่าผู้ที่ได้รับการนัดหมายให้มาฉีดก็พยายามฉีดให้ตรงกับวันที่นัดหมายไว้ให้มากที่สุด ยกเว้นกรณีที่อาจจะมีเหตุขัดข้องบางประการก็ขออนุญาตว่าจะนัดวันถัดไป เนื่องจากนัดครั้งแรกบางจุด อาจจะมีการนัดเกินกว่าโควต้าที่ได้รับ ขอให้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการ โรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ปรับให้สอดคล้องและเหมาะสมแต่ให้ยังคงเป็นไปตามนโยบายที่ทางรัฐบาลกำหนด ยืนยันว่าทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนและจะพยายามฉีดให้ตรงกับที่นัดหมายมากที่สุด ส่วนใครที่ไม่ได้ตรงกับที่นัดหมาย เนื่องจากเหตุขัดข้องบางประการก็ต้องกราบขออภัย และจะพยายามนัดหมายให้ได้เร็วที่สุดต่อไป

'ดร.นิว' แฉเผด็จการตัวจริง เบื้องหน้าปกป้องสถาบัน แต่ลับหลังหนุนฝ่ายล้มสถาบัน

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ระบุว่า...เผด็จการตัวจริงของประเทศนี้ คือ #เผด็จการนายทุน ซึ่งอยู่เบื้องหลังทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมาตลอดระยะเวลานับสิบๆ ปี คอยตักตวงผลประโยชน์จากทรัพย์สมบัติของชาติ สูบเลือดสูบเนื้อของประชาชนจากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจและสัมปทานผูกขาด ตลอดจนการคอร์รัปชันอีกจำนวนมาก แล้วหลบเร้นอยู่ภายใต้ความขัดแย้งระหว่างประชาชน โดยเบื้องหน้าปกป้องสถาบันฯ แต่ลับหลังกลับให้การสนับสนุนฝ่ายที่ล้มล้างสถาบันฯ

 

ที่มา : https://www.facebook.com/suphanat.aphinyan


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“วิษณุ” ปัดตอบ ข้อข้องใจฝ่ายค้านกรณีตั้งงบลับ ชี้ ให้สำนักงบฯ แจง ส่วนพ.ร.ก.กู้ 5 แสนล้าน ให้ “รมว. คลัง” แจง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายค้านออกมาตั้งข้อสังเกตว่าแต่ละหน่วยงานของรัฐบาลตั้งงบลับจำนวนมาก ว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่ทราบเรื่อง ให้ถามสำนักงบประมาณจะดีกว่า และไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ละหน่วยงานสามารถตั้งงบประมาณลับของตัวเองได้ ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ขอตอบ เพราะไม่รู้เรื่อง และไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำงบประมาณ เมื่อถามย้ำว่านายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีความสงสัยในเรื่องนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็อ่านอยู่เหมือนกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 มิ.ย.นี้ ต้องซักซ้อมความพร้อมให้รรม.ก่อนที่จะชี้แจงพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ที่จะเข้าอภิปรายสภาฯ วันที่ 9 มิ.ย.นี้ อย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี เพราะเป็นเรื่องของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจง

ดัน “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 - ทัวร์เที่ยวไทย” เริ่ม ส.ค.นี้ 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กำลังพิจารณาแนวทางการฟื้นฟูการท่องเที่ยวในประเทศ หลังจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ค่อย ๆ คลี่คลายลง และมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นส่วนใหญ่แล้ว โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว เบื้องต้นถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนในเดือนส.ค.นี้ จะเริ่มต้นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 และทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้กำหนดจำนวนคนร่วมโครงการเอาไว้ประมาณ 3 ล้านคน พร้อมกันนี้ยังเตรียมหามาตรการอื่น ๆ มาเสริมด้วย เพื่อจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ 

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตอนนี้ได้ตั้งเป้าหมายสตาร์ทการท่องเที่ยวในประเทศให้ได้ภายในเดือนส.ค.นี้ แต่การจะเริ่มต้นขึ้นได้จริงจัง คือต้องดูสถานการณ์ให้แน่ใจก่อน ซึ่งหลัก ๆ แล้วก็ต้องไปดูเรื่องของวัคซีน โดยในช่วง 1-2 เดือนนี้ การฉีดวัคซีนจะระดมฉีดให้กับจังหวัดนำร่องต่าง ๆ ทั้ง 10 จังหวัดท่องเที่ยว รวมทั้งจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศด้วย ดังนั้นเมื่อถึงเดือน ส.ค.แล้วน่าจะมีจำนวนการฉีดวัคซีนที่มากขึ้นได้ และน่าจะเริ่มเปิดการเดินทางในประเทศ โดยตอนนี้ยังมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทยอยู่ คงผลักดันโครงการนั้นมาใช้ก่อน

ส่วนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังจากเปิดจังหวัดภูเก็ต นำร่องในวันที่ 1 ก.ค.นี้แล้ว กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังเตรียมส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว เดินทางไปเที่ยวภูเก็ตด้วย โดยภายในปลายเดือนมิ.ย. นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมลงนามความร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อดึงสมาชิกของหอการค้าทั่วประเทศ เดินทางไปเที่ยวภูเก็ตเป็นการนำร่องสร้างความมั่นใจ โดยจัดเที่ยวบินพิเศษนำสมาชิกที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเดินทางลงไปเที่ยวประมาณ 200 คน  

“ธนาธร” เทียบชัด! เปิดข้อมูลโควิดรัฐไทย-ตปท.ต่างกันฟ้ากับเหว มีไฟล์ก็โหลดไม่ได้-วอนรัฐเปิดเผยโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นประชาชน

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะะก้าวหน้า จัดเฟซบุ๊กไลฟ์รายการ “คิดไปข้างหน้ากับธนาธร” ทางเพจ Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดและการจัดการวัคซีน โดยยกตัวอย่างการจัดการที่น่าสนใจจากต่างประเทศ มานำเสนอให้เห็นทิศทางการจัดการที่เหมาะสม

โดยนายธนาธร ระบุว่าเดือนมิถุนายนนี้เป็นเดือนที่สำคัญ ที่รัฐบาลไทย มีแผนที่จะฉีดวัคซีนในปริมาณมากให้แก่ประชาชน โดยมีเป้าหมายที่จะฉีดในให้ได้ภายในเดือนมิถุนายน 5-6 ล้านโดส หมายความว่าในหนึ่งวันจะต้องฉีดถึง 2 แสนโดสต่อวัน และเดือนต่อๆ ไปอาจจะต้องเพิ่มศักยภาพในการฉีดไปถึง 5 แสนโดสต่อวัน 

ซึ่งหากรัฐบาลทำไม่ได้ตามแผนนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ประเทศไทยจะกลับสู่สภาวะปกติได้ช้าลงไป แต่ละวันที่ผ่านไปคือความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน

***ยกเคส “ดีทรอยท์” เปิดข้อมูลสารพัด เข้าถึงง่าย โหลดได้ทันที มีทุกอย่าง ตั้งแต่จำนวนวัคซีนไปถึงการใช้จ่ายของรัฐ***

โดยนายธนาธรได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจ คือกรณีของเมืองดีทรอยท์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่มีประชากร 6 แสนคน พื้นที่ 300 กว่าตารางกิโลเมตร หากเข้าไปดูที่หน้าเว็บไซต์ของเมืองดีทรอยท์ จะเห็นได้ว่าเมื่อเข้ามาถึงจะพบกับกำหนดการฉีดวัคซีนทันที เมื่อเลื่อนลงมาดูก็จะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด และข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนควรรับรู้เป็นลำดับถัดมา

จากนั้น นายธนาธรได้นำเสนอหน้าเว็บไซต์ของเมืองดีทรอยท์ พร้อมแสดงให้เห็นว่าในเว็บไซต์เพียงเว็ปเดียวนี้ มีข้อมูลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด ไม่ว่าจะเป็นไทม์ไลน์ ซึ่งสามารถดูย้อนหลังได้, จำนวนเตียงที่มีอยู่และใช้ไปแล้ว ทั้งในโรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม ฮอสปิเทล และห้องไอซียู, ผลการตรวจหาเชื้อในประชากร แสดงจำนวนและสัดส่วนระหว่างผลบวกและผลลบ รวมถึงแยกเป็นตามพื้นที่และประเภทการตรวจ

จำนวนผู้ป่วยแยกย่อยถึงระดับรายอำเภอและตำบล, จำนวนผู้ได้รับวัคซีนแล้ว, จำนวนวัคซีนที่ได้รับมาจากรัฐบาลกลาง ลงรายละเอียดไปถึงว่ามีวัคซีนยี่ห้ออะไรในจำนวนเท่าไหร่บ้าง, สถานที่ฉีดวัคซีนทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน มีในจุดใดบ้าง และมีวัคซีนยี่ห้ออะไรให้เลือกบ้าง, และข้อมูลนโยบายที่จูงใจให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ ในหน้าเว็บไซต์ยังมีการแสดงข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสถานการณ์โควิด ทั้งข้อมูลกิจกรรมที่มีการเบิกจ่าย จำนวนเงินที่มีการเบิกจ่าย ฯลฯ ที่ทำให้เห็นว่ารัฐบาลใช้งบประมาณไปกับอะไรบ้าง เบิกจ่ายให้กับใครไปบ้าง

ซึ่งทั้งหมด ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและสามารถเข้าดูได้ทันทีผ่านออนไลน์ โดยไม่มีการปกปิดหรือขั้นตอนที่ยุ่งยากในการเข้าดู

***เปิดเว็ปรัฐบาลไทยเทียบจะๆ ไร้ฐานข้อมูลเปิดให้ประชาชน ถึงมีปุ่มให้กดแต่ก็โหลดไม่ได้*** 

จากนั้น นายธนาธรได้ลองเข้าเว็บไซต์ของฝั่งไทยเพื่อเปรียบเทียบกัน โดยยกตัวอย่างหน้าเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานครฯ ซึ่งแม้จะมีอินโฟกราฟฟิก แต่ก็ไม่มีฐานข้อมูลที่ลึกและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ไม่ว่าจะเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนวัคซีนที่ได้รับมา และมีวัคซีนอะไรบ้าง รวมถึงข้อมูลประชากรที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด ซึ่งบนหน้าเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานครฯ ล้วนแต่ไม่มีข้อมูลเหล่านี้อยู่เลย

ส่วนบนหน้าเว็บไซต์ data.go.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ฐานข้อมูลกลางของรัฐบาล จะพบว่ามีข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิดจำนวนหนึ่ง เช่นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน ซึ่งสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ แต่ต้องกรอกอีเมล วัตถุประสงค์การใช้งาน และรายละเอียดของการใช้ข้อมูล

ซึ่งทำให้เห็นว่าการจะเข้าไปหาข้อมูลที่มีความสำคัญเช่นนี้ ไม่สะดวกสบายและไม่ง่ายเลยสำหรับประชาชน เมื่อเทียบกับตัวอย่างของเมืองดีทรอยท์ ที่ประชาชนสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ทุกข้อมูลในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งพาวเวอร์พอยท์และเอ็กเซล พร้อมให้ประชาชนเข้าถึงได้ในทันที

ส่วนรายงานข้อมูลด้านอื่นๆ เช่น รายงานข้อมูลโควิดในแต่ละเคส มีการแสดงผลให้ดาวน์โหลดได้ในรูปแบบ API แต่เมื่อกดเข้าไปแล้ว กลับไม่สามารถเข้าถึงหรือดาวน์โหลดได้ ขึ้นแสดงผลบนหน้าจอเป็นเพียงข้อความว่า “ไม่สามารถเปิดหน้าเว็ปนี้ได้ เนื่องจากเซิฟเวอร์หยุดการโต้ตอบ”

***ธนาธรโทรเอง! ต่อ DGA ขอทางเข้าถึงข้อมูลวัคซีน สุดท้ายได้คำตอบ “โหลดไม่ได้เหมือนกัน” ***

จากนั้น นายธนาธร ได้กดโทรศัพท์ไปสอบถามวิธีการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว กับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ซึ่งเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ ซึ่งต้องพบกับข้อความอัตโนมัติให้กดเบอร์ภายในหรือกดเลือกติดต่อกับโอเปอเรเตอร์ โดยนายธนาธรเลือกกดติดต่อโอเปอเรเตอร์เพื่อสอบถามการเข้าถึงข้อมูล เจ้าหน้าที่ได้โยนให้นายธนาธรติดต่อไปที่อีกเบอร์หนึ่งแทน

ซึ่งนายธนาธรได้ติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ได้รับมา ซึ่งเป็นส่วนของ DGA Contact Center ก็ต้องพบกับระบบข้อความอัตโนมัติเหมือนเดิม และเมื่อติดต่อกับโอเปอเรเตอร์ได้แล้ว นายธนาธรได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามถึงการเข้าถึงข้อมูลเป็นระยะหนึ่ง ก่อนที่จะได้รับคำตอบว่าข้อมูล API ดังกล่าวไม่สามารถดาวน์โหลดได้ และทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ก็ไม่สามารถช่วยให้นายธนาธรเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน นายธนาธรจะสามารถดาวน์โหลดได้เฉพาะข้อมูลที่มีหน้าแสดงผลขึ้นมาให้ดาวน์โหลดได้เท่านั้น พร้อมแนะนำให้นายธนาธรติดต่อไปขอข้อมูลจากกรมควบคุมโรคโดยตรงแทน

นายธนาธร จึงได้สอบถามกลับไปว่าถ้าไม่ให้ดาวน์โหลดแล้วเหตุใดจึงมีแท็บให้กดดาวน์โหลด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ตอบกลับว่าข้อมูลในส่วนนี้ ตนทราบเพียงว่าทางกรมควบคุมโรคเป็นผู้นำมาลงในเว็บไซต์ แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดว่าเหตุใดจึงไม่อนุญาตให้ดาวน์โหลดได้ และทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลก็ไม่สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้เช่นเดียวกัน

***วอนรัฐบาลปรับปรุงการทำงาน เปิดข้อมูลทุกด้าน สร้างความเชื่อมั่นประชาชน จูงใจประชาชนรับวัคซีน***

หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว นายธนาธรได้กล่าวต่อไป ว่าจากการค้นหาเพิ่มเติม ตนก็พบว่าความจริงภาครัฐก็มีการเปิดเผยข้อมูลบางส่วนอยู่บ้าง ในเรื่องของการเก็บรักษา การกระจาย และจำนวนสต็อกวัคซีนเช่นกัน เช่น บนเว็บไซต์ของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

แต่เมื่อลงไปดูในรายละเอียด ก็จะพบได้ว่าฐานข้อมูลที่นำมาแสดงยังน้อยเกินไป ไม่มีการอัพเดทให้เท่าทันสถานการณ์ ไม่มีการเปิดเผยอย่างกว้างขวางให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีฐานข้อมูลนี้ หนำซ้ำข้อมูลบางอย่างก็ไม่ตรงกันเอง บ้างก็ขัดแย้งกันเองด้วย

นายธนาธรกล่าวต่อไป ว่าเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลมีความสำคัญอย่างมาก เพราะรัฐบาลที่มีความใส่ใจในประชาชนอย่างแท้จริง ย่อมต้องให้ความสำคัญและมีความพยายามอย่างมากในการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนเข้าถึงได้ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับวัคซีน ไม่ว่าจะเรื่องของจำนวนที่มีอยู่ ยี่ห้ออะไรบ้าง ฉีดไปแล้วเท่าไหร่ในแต่ละพื้นที่ เหลือวัคซีนอยู่เท่าไหร่ รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อแยกย่อยเป็นรายพื้นที่

การเปิดเผยข้อมูลเช่นนี้จะทำให้คนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาล และยังทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย เข้าถึงข้อมูลได้หมด ซึ่งจะนำไปสู่การชักจูงให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนมากขึ้น เพราะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาล

วัตถุประสงค์ของการฉีดวัคซีน คือการฉีดให้เยอะที่สุดและเร็วที่สุด ที่จะทำให้เกิดการป้องกันการแพร่ระบาดและการเสียชีวิตของประชาชน ซึ่งจะทำอย่างนี้ได้รัฐบาลต้องให้ข้อมูลกับประชาชนให้มากที่สุด ทำให้ประชาชนไว้ใจรัฐบาลและได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น

“อยากฝากถึงรัฐบาล ว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่ผมนำเสนอไม่ได้เกินความสามารถ ใช้แล้วในหลายเมืองทั่วโลก ประเทศไทยก็มีศักยภาพที่จะทำได้ ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจในการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดให้กับประชาชน ประชาชนจะได้ไม่ต้องมาสับสนกันว่าตกลงตอนนี้วัคซีนรับมาเท่าไหร่แล้ว มีอยู่ในมือเท่าไหร่ จะต้องไปลงทะเบียนที่ไหน ก็หวังว่ารัฐบาลจะมีการปรับปรุงกระบวนการตรงนี้ เพื่อให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วที่สุด ประชาชนจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อการยืดเยื้อของสถานการณ์โควิดเช่นนี้” นายธนาธรกล่าวทิ้งท้าย

กลุ่มชาวเขา ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้ เนื่องจากไม่มีสถานะทางทะเบียนแม้ว่าบางคนจะเป็นผู้สูงอายุ เกือบ 80 ปี รวมถึงบางคนที่เกิดในประเทศไทยแต่ไม่มีบัตรประชาชน วอน!! ต้องการเข้าถึงวัคซีนป้องกันไวรัส ชี้!! ที่ผ่านแม้แต่วัคซีนไข้เลือดออกก็ไม่เคยได้สิทธิ์ 

หลังจากในจังหวัดเชียงราย ประชาชนส่วนใหญ่ได้ลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ทั้งทางแอปพลิเคชันหมอพร้อม หรือลงทะเบียนด้วยตัวเองตามจุดต่างๆ และทำให้ในวันนี้ (7 มิ.ย. 64 ) ได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงแล้ว

 แต่ในอีกมุมหนึ่ง พิกัดเดินทางห่างจากตัวเมืองเพียง 1 ชั่วโมง กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่บ้าน ‘เฮโก’ (ชนชาวเขาเผาลีซู) ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่มีประชากรประมาณ 400 คน บ้านเรือน 50 หลังคาเรือน เป็นหมู่บ้านชาวเขาที่มีฐานะยากจน มีอาชีพหลักคือทำเกษตรและหาของป่า อยู่บริเวณเส้นทางผ่าน จากบ้านกิ่วสะไต ต.ป่าตึง อ.แม่จัน ไปดอยแม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย กำลังถูกตกสำรวจจากการฉีดวัคซีน

นายอาหลู งัวยา อายุ 50 ปี ผู้นำชุมชนหมู่บ้านเฮโก กล่าวว่า ในหมู่บ้านมีประชากรประมาณ 400 คน ซึ่งในส่วนนี้มีผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชนหรือสถานะทางทะเบียนประมาณร้อยละ 10 หรือประมาณ 40 คน ทว่าในกลุ่มนี้เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านมาตั้งแต่เกิด แต่มีการตกสำรวจในช่วงแรกๆ ทำให้ไม่ได้มีสิทธิ์หรือสถานะทางทะเบียน รวมไปถึงทายาทที่เกิดตามมา

โดยในกลุ่มนี้มีความต้องการที่จะฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 เช่นกัน เพราะเขาเองก็ต้องเดินทางเข้าไปในชุมชน หรือ ตัวเมือง อ.แม่จัน เพื่อนำผลผลิตไปจำหน่าย หรือไปทำงานรับจ้าง แต่ก็กลัวที่จะติดไวรัสโควิด-19 แต่เนื่องจากไม่มีบัตรประชาชน ทำให้ไม่ได้สิทธิ์ในการช่วยเหลือจากทางภาครัฐ ทั้งการเยียวยาจากการเสียรายได้ สิทธิ์สวัสดิการต่างๆ แม้กระทั่งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า ก็ตาม

"ก่อนหน้านี้ที่มีการระบาดในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ทางหมู่บ้านก็ได้มีการปิดหมู่บ้านไม่ให้มีการเข้า-ออก เพื่อป้องกันคนนอกหมู่บ้านเข้ามาและนำเชื้อไวรัสเข้ามาติดในหมู่บ้าน ซึ่งในขณะนี้การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย ชาวบ้านต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงชีพหลังจากที่ปิดหมู่บ้านมากว่า 1 เดือน แต่ก็ไม่กล้าที่จะออกไปนอกหมู่บ้าน เพราะไม่มีสิทธิ์รับวัคซีนจากภาครัฐ แม้ว่าจะมีข่าวให้เอกชนนำวัคซีนเข้ามาได้ ก็ไม่สามารถหามาฉีดได้ เพราะไม่มีเงินซื้อเอง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลกลุ่มดังกล่าวด้วย" ผู้นำชุมชนบ้านเฮโก กล่าว

 

ที่มา: ณัฐวัตร ลาพิงค์/เชียงราย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สคบ. จ่อ คุมห้ามขายหัวเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ปลอม

นายพิฆเนศ ต๊ะปวง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้หารือถึงแนวทางการควบคุมสินค้าที่มีลักษณะเป็นหัวเสียบเข็มขัดนิรภัยสำหรับรถยนต์ ซึ่งใช้เสียบลงไปเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยดังขึ้น และสามารถขับรถโดยที่ไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย โดยเรื่องนี้ที่ประชุมเห็นว่า ควรออกมาแจ้งเตือนให้ประชาชนไม่ให้ซื้อสินค้าประเภทนี้มาใช้เพราะนอกจากผิดกฎหมายทางด้านจราจรแล้วยังมีความเสี่ยงหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น อาจทำให้ร่างกายได้รับการบาดเจ็บที่รุนแรง  

สำหรับสินค้าในลักษณะนี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีการนำมาขายอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการขายผ่านออนไลน์ตามแพล็ตฟอร์มชื่อดังต่าง ๆ โดยผู้ขายจะโฆษณาว่า สินค้าชนิดนี้ใช้ได้กับรถยนต์ทุกยี่ห้อ มีลักษณะเป็นหัวเข็มขัดนิรภัยที่ทำออกมาเลียนแบบหัวเข็มขัดนิรภัยที่ใช้จริงในรถยนต์ มีราคาหลักร้อยต้น ๆ วิธีใช้เพียงแค่เสียบหัวเข็มขัดนิรภัยปลอมนี้เข้ากับที่เสียบเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ก็ทำให้สัญญาณเตือนให้คาดเข็มขัดดับลง และผู้ขับก็ไม่ต้องคาดเข็มขัดในเวลาขับรถ เพราะจะทำให้เกิดความอึดอัด และสามารถขับรถได้สะดวกมากขึ้น 

ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาถึงสินค้าประเภทนี้ โดยมีความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน เช่น เรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า ซึ่งทางผู้แทนของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม รายงานว่า ในปัจจุบันเข็มขัดนิรภัยมีมาตรฐานอุตสาหกรรมกำกับอยู่แล้ว แต่จะครอบคลุมเข้มขัดนิรภัยทั้งชุด ไม่ได้แยกแค่หัวเสียบออกมาเหมือนที่มีผู้ผลิตแยกออกมาขาย เป็นหัวเข็มขัดปลอมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเสียงเตือน ดังนั้นสินค้าที่นำมาวางขายจึงไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแล

ทอ. แจง! กรณีใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุวัดพระศรีมหาธาตุ ยัน ค่าใช้จ่ายการณาปนกิจศพเป็นราคาสวัสดิการ หลังศาลปกครองชี้การใช้ประโยชน์ไม่ชอบด้วย กม.

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า จากกรณีสำนักข่าวอิศราได้นำเสนอข่าว ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 321/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 1037/2558 ลงวันที่ 29 มี.ค.2564 พิพากษาให้เพิกถอนหมายเหตุในทะเบียนที่ราชพัสดุ แปลงเลขทะเบียนที่ กท.1436 ที่ให้กองทัพอากาศใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุบริเวณสุสานและฌาปนกิจสถาน บริเวณวัดพระศรีมหาธาตุ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น ผมขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

1.) ที่ดินพิพาทจำนวน 7 แปลง (บริเวณฌาปนสถาน กองทัพอากาศ) เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา 1304 (3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และเป็นที่ราชพัสดุ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ.2518 โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามความเห็นของ คณะกรรมการกฤษฎีกา และมีกองทัพอากาศเป็นผู้ใช้ประโยชน์มาโดยตลอด 

2.) ค่าใช้จ่ายการในการณาปนกิจผู้ที่เสียชีวิตมีความเป็นธรรมและมีการแสดงราคาค่าใช้อย่างชัดเจน รวมทั้งเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเลือกบริการหรือจัดหาสิ่งของบางอย่างมาเองได้ตามอัธยาศัย มิได้มีการบังคับแต่อย่างใด รวมทั้งเน้นการบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส โดยมีกองการฌาปนกิจสงเคราะห์ กรมสวัสดิการทหารอากาศ เป็นหน่วยงานดูแลรับผิดชอบ มีวัตถุประสงค์เพื่อไว้เป็นสถานที่ในการฌาปนกิจศพทหารผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเป็นสถานที่ให้กำลังพลกองทัพอากาศ ทั้งในและนอกประจำการ ตลอดจนสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์กองทัพอากาศได้ใช้เป็นที่ฌาปนกิจศพ รวมทั้งบริการด้านสุสานในการเก็บศพและเก็บอัฐิในราคาสวัสดิการ  

สำหรับรายได้จะนำเข้ากองทุนฌาปนสถานกองทัพอากาศ เพื่อไว้ใช้จ่ายในกิจการฌาปนสถาน อาทิเช่น ค่าบุคลากร ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายในการสร้าง รักษา ซ่อมแซม และบูรณะอาคารสถานที่ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา กองทัพอากาศได้มีการพัฒนาการปรับปรุงและก่อสร้างเมรุเผาศพขึ้นใหม่เพื่อให้ได้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและถูกต้องตามกฎหมาย โดยผ่านเกณฑ์การตรวจจากกรุงเทพมหานคร เพื่อการให้บริการที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น

3.) คดีพิพาทดังกล่าว อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ของศาลปกครองสูงสุด หากศาลมีคำพิพากษาเป็นประการใด กองทัพอากาศยินดีปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลทุกประการ

ทั้งนี้ โฆษกกองทัพอากาศยืนยันว่า “กองทัพอากาศมีความพร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคม โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ”

‘ผู้นำคนพิการ’ แสดงความยินดี และนำเสนอนโยบายด้านคนพิการ กับ ‘นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองชาก’ จังหวัดชลบุรี

นายณรงค์ ไปวันเสาร์ นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก และรองนายกสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยพี่น้องประชาชนคนพิการที่อาศัยอยู่ในเขตตำบลหนองซาก เข้าพบ นายยงยุทธ สิทธิภานุวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลหนองชาก และ นายคมกริช สิงห์โตทอง รองนายกเทศมนตรีฯ เพื่อแสดงความยินดี และคารวะ ในการที่ท่านได้รับเลือกตั้ง เป็นผู้บริหารเทศบาลชุดใหม่

ในการนี้ ‘ผู้นำคนพิการ’ ยังได้มีการปรึกษาหารือ พูดคุยเกี่ยวกับ นโยบายด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการในเขตตำบลหนองชาก อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ที่จะร่วมมือกับ ‘องค์กรคนพิการระดับชาติ’ ช่วยกันส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ ด้านต่างๆ อาทิ เช่นด้านการศึกษา ด้านอาชีพด้านความเป็นอยู่ ด้านสาธารณะสุข และอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์กับคนพิการ

อีกทั้ง ‘ผู้นำคนพิการ’ ยังหารือเกี่ยวกับการจัดตั้ง ‘ชมรมคนพิการเทศบาลตำหนองชาก’ เพื่อเป็นศูนย์บริการและให้การช่วยเหลือในด้านต่างๆ กับคนพิการในเขตพื้นที่ให้ได้รับความอำนวยสะดวกต่างๆ อย่างเท่าเทียมกับบุคคลอื่นต่อไป

นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยมติ ครม. ที่ได้อนุมัติค่าตอบแทนแก่ ‘อสม.ลำปาง’ และ ‘อสม.ทั่วประเทศ’ ต่ออีก 3 เดือน โดยจะเริ่มในเดือน ก.ค. 2564 นี้

จังหวัดลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยมติ ครม. ที่ได้อนุมัติค่าตอบแทนแก่ ‘อสม.ลำปาง’ และ ‘อสม.ทั่วประเทศ’ ต่ออีก 3 เดือน โดยจะเริ่มในเดือน ก.ค. 2564 นี้

ทั้งนี้ ครม. ได้อนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.อีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. 2564 วงเงินรวมไม่เกิน 1,575.4950 ล้านบาท เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีแก่ อสม. ผู้ปฏิบัติงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในชุมชน ซึ่งที่ผ่านมา อสม. ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติมอย่างถ้วนหน้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.2563-มิ.ย 2564 เป็นระยะเวลา 16 เดือน กรอบวงเงินรวม 8,348.6965 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติในอนาคต และกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาเห็นว่ามีความจำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนเพิ่มเติม ก็สามารถขอรับเงินค่าตอบแทนเพิ่มเติมให้แก่ อสม. เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน อสม. ได้ต่อไป

 

ที่มา: ภาวินันท์ บุตรหล้า


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top