Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่หลักเกณฑ์เปรียบเทียบความผิด ผู้ไม่สวมแมสก์ ปรับ 3 ระดับ ตั้งแต่ไม่เกิน 1 พัน ถึงสูงสุด 2 หมื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (7 มิถุนายน) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบความผิดกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 พ.ศ.2564

โดยระบุถึงมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ที่สำคัญคือ การให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ และป้องกันมิให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และจำกัดวงในการระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ ในกรณีที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อได้ออกคำสั่งห้ามผู้ใดกระทำการซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ โดยการไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคโควิด-19 แพร่ออกไป แล้วผู้นั้นฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558

ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร จึงเห็นสมควรกำหนดหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบความผิดกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ โดยการไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคโควิด-19 แพร่ออกไปไว้เป็นการเฉพาะ

โดยบัญชีอัตราการเปรียบเทียบแนบท้ายระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบความผิด กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 พ.ศ.2564

ข้อหาความผิดมาตรา 51 ฐานความผิด ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะโดยการไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคโควิด-19 แพร่ออกไป ระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

ทั้งนี้ อัตราค่าปรับที่กำหนดให้เปรียบเทียบ (บาท) ครั้งที่ 1 ไม่เกิน 1,000 บาท ครั้งที่ 2 มากกว่า 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ครั้งที่ 3 เป็นต้นไป มากกว่า 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 20,000 บาท

มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ชวน” อบรมตร.สภา ทำหน้าที่อย่างเข้มงวด-ยึดความสุภาพ อย่าเกรงใจใคร ชี้นักการเมืองระวังตัวกลัวเป็นข่าวเสียหายชาวบ้านไม่เลือก แต่ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากคนติดตาม “อวดเบ่งอ้างลูกพี่”

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้โอวาทกับเจ้าหน้าตำรวจรัฐสภา ตอนหนึ่งว่า การปกครองของประเทศไทยมี3ฝ่าย คืออำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ซึ่งพวกเรา อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ต้องออกฎหมายให้คนทั้งประเทศปฏิบัติตาม ดังนั้นเราต้องเป็นตัวอย่างในการเคารพกฎหมาย กฎเกณฑ์ของบ้านเมือง และทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่เท่าเทียมกัน ซึ่งเราก็เห็นกันอยู่ว่าเราปกครองด้วยคนดีหรือด้วยกฎหมาย ความจริงเป็นเรื่องที่ต้องการทั้งคนดี และกฎหมาย ลำพังคนดีไม่พอ เพราะคนอาจจะเปลี่ยนได้ พอมีผลประโยชน์เข้ามาก็เปลี่ยน รักประชาธิปไตยแต่โกงเลือกตั้งซื้อเสียง ก็ไม่ใช่นัก ประชาธิปไตยเหมือนทุกวันนี้ 

นายชวนกล่าวต่อว่าดังนั้นฝ่ายนิติบัญญัติเป็นฝ่ายที่พวกเราทำหน้าที่อยู่ ตนขอให้พวกเราได้ศึกษาเรียนรู้ แม้จะไม่ใช่ส.ส. แต่เป็นส่วนหนึ่งของสถาบันนี้ก็ต้องรู้ว่ากระบวนการทำงานเป็นอย่างไร และขอให้ทุกคนรู้ว่าทุกองค์กรมีคนดี และไม่ดีเสมอ คนดีปกครองบ้านเมืองก็เคารพกติกา คนไม่ดีปกครองบ้านเมืองก็ทุจริตโกงกินก็มีให้เห็นอยู่ เราต้องไม่เหมาว่าไม่ดีทั้งหมด ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสภาก็จะเจอกับคนหลายกลุ่มโดยเฉพาะส.ส. ซึ่งทั่วไปคนที่มาจากการเลือกตั้งไม่ใช่มาได้ง่ายๆ และคนที่ได้รับเลือกจากประชาชนก็มาจากที่ต่างๆ กัน จึงยากแนะนำว่าโดยทั่วไปส.ส.ก็ระมัดระวัง ตนรู้ดีเพราะหากเขามีอะไรที่เป็นข่าวขึ้นมาเขาก็เสียหาย ชาวบ้านรู้ก็จะไม่เลือกเขา ดังนั้นนักการเมืองก็จะระวังไม่ทำอะไรที่ผิด หรืออื้อฉาวไม่ดี

นายชวนกล่าวอีกว่า ที่เราเจอบ่อยคือผู้ติดตามบางทีทำบัตรอนุญาตหาย บางที่เป็นคนนอกเอาบัตรมาใช้ ดังนั้นเราต้องเข้มกันมากไม่เช่นนั้นจะมีปัญหา ถ้ามีการแลกบัตรก็ต้องให้เอาบัตรมาเปลี่ยน เพราะการที่เราอนุญาตบางคนให้เข้ามาในนี้ก็ต้องใช้ที่จอดรถ มาปะปนกับคนในสภาฯ และตอนนี้เป็นช่วงของสถานการณ์โควิด-19 ก็ต้องคุมเข้มมากๆเพื่อลดความหนาแน่นของคนในสภาฯ และเพื่อช่วยให้ความเสี่ยงของการติดเชื้อลดน้อยลง เราจึงต้องมีมาตรการพิเศษ ดังนั้นพวกเราที่เจอปัญหา นักการเมืองบางคนอาจจะไม่รู้ เพราะเดิมเคยพาผู้ติดตามมาเยอะแต่ตอนนี้พามาได้คนเดียว

“ดังนั้นสิ่งที่จะแนะนำส่วนตัวคือพวกเราก็ทำหน้าที่ของตัวเองไม่ต้องเกรงใจใคร ขอให้รักษาระเบียบวินัยให้ดี และขอให้ทำหน้าที่อย่างจริงจัง แต่สุภาพ พูดจากับเขาดีๆ ใครทำอะไรไม่ถูกต้องก็พูดแนะนำเขาดีๆ ผมเคยแนะนำพวกเราไปว่าคนที่เข้ามาแล้วไม่มีหน้ากากอนามัยก็ไม่ให้เข้า ต้องกลับไปเอาที่บ้านเพราะเขาต้องรับผิดชอบตัวเอง เพราะสิ่งที่ใหญ่ที่สุดคือความรับผิดชอบของแต่ละคน เพราะขณะนี้บ้านเมืองของเรามีปัญหาในเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเราซึ่งทำงานในเรื่องระเบียบวินัย จำเป็นที่จะต้องเข้มงวด ผมขอให้กำลังใจพวกเราอย่าไปทำหน้าที่ผิดมารยาท หรือเกินหน้าที่ แต่อย่าไปดูดาย หากเห็นว่าอะไรไม่ถูกต้องก็เตือน ใช้วัฒนธรรมของเราให้สุภาพเรียบร้อย บางคนอาจไม่เจตนาซึ่งเราก็ต้องเข้าใจเขา แต่ถ้าใครที่เบ่งอ้างลูกพี่ ซึ่งคนที่เป็นส.ส.เขาไม่ทำเพราะเขากลัวคะแนนเสียง แต่ผู้ติดตามนี่ได้ยินบ่อย เช่นตอนฉีดวัคซีนที่สภาฯ ผู้ติดตามนักการเมืองคนหนึ่งพูดจาไม่ดีกับเจ้าหน้าที่พยาบาล ซึ่งก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่เราอย่าไปเหมาว่าผู้ติดตามนักการเมืองทุกคนจะเป็นอย่างนั้นเพราะเป็นเรื่องพฤติกรรมเฉพาะบุคคลนั้น”นายชวนกล่าว

นายชวนกล่าวต่อว่าดังนั้นขอให้ตำรวจสภาทุกคนศึกษากฎระเบียบการรักษาความปลอดภัยในรัฐสภาให้เข้าใจ แต่ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่าสภาฯก็คือสมบัติของประชาชน และในการปกครองระบอบประชาธิปไตยสภาฯเป็นที่เปิดให้ประชาชนมาร้องทุกข์ได้ เราจึงต้องให้อำนวยความสะดวกและดูความเรียบร้อยเพื่อป้องกันเหตุร้าย ซึ่งก็ต้องเข้มงวดเช่นเดียวกัน

ตู่ ไล่ ตู่ ซ้ำ! กลุ่มไทยไม่ทน บุกทำเนียบ ยื่น จี้ ให้รบ.ลาออก เหตุ เอื้อกลุ่มทุนใหญ่ ฮุบประเทศ จ่อ บุกสภา ยื่น ไล่ฝ่ายค้าน หลัง ตรวจสอบรัฐบาลล้มเหลว

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล  กลุ่มไทยไม่ทน "คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย" นำโดย นายจตุพร พรหมพันธ์ุ ประธาน นปช., นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535, นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน, นางพะเยาว์ อัคฮาด, นายจอมพล รุ่งเรืองชูเลิศ คณะปราบโกงชาติ, นายไทกร พลสุวรรณ เลขาธิการแนวร่วมอีสานกู้ชาติ  เดินทางมายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม  และ ครม. เพื่อขอให้ลาออก

นายจตุพร กล่าวว่า ประเด็นที่มียื่นในวันนี้เพื่อชี้ให้เห็นขอผิดพลาดการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งมีการผูกขาด เศรษฐกิจ และ การเมือง ฉ้อฉลอำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ภายหลังสนับสนุนให้กลุ่มทุนต่างๆ อาทิ กลุ่มทุนพลังงาน กลุ่มทุนค้าปลีก กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ ยึดครองประเทศปล่อยให้มีอำนาจเหนือรัฐบาล และ รัฐสภา และ กำลังจะมีอำนาจเหลือระบอบการปกครอง อย่างไรก็ตามวันนี้ระบอบประยุทธ์เลวร้ายอยู่แล้ว กลับปล่อยให้กลุ่มทุนผูกขาดมีอำนาจเหนือการปกครองอีก อยากถามพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำประเทศจะไม่ทราบเลยหรือ "วันนี้ยิ่งกว่าคำว่าทุนสามานย์เสียอีก ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ของประเทศก็ควรลาออกไป ผมจะไม่ให้อภัยเพียงเพราะท่านออกมาขอโทษ"

นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ระบุว่าที่ตนออกมาเรียกร้องในวันนี้ เพราะต้องการผลักดันเรื่องการปรองดองและนิรโทษกรรม ตนอยากเรียนว่าตนมาครั้งไหน นายเสกสกล ก็ไม่เคยออกมารับหนังสือสักครั้งเดียว ทั้งนี้ เมื่อมีการพูดคุยเรื่องปรองดองและนิรโทษกรรมครั้งใด จุดจบคือเก็บใส่ลิ้นชัก ดังนั้น ไม่มีเวลาและ โอกาสแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออก ไม่ต้องมาพูดเรื่องปรองดองและ นิรโทษกรรมอะไรทั้งนั้น เพราะการคุยก่อนหน้านี้เป็นการหลอกไปคุย ที่ตนมาวันนี้ไม่ได้มาเรื่องปรองดองและนิรโทษกรรมแล้วแต่มาเรื่องประเทศชาติ 

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ในวันที่ 9 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา  พวกตนจะไปยื่นหนังสือผ่านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (ปธ.วิปฝ่ายค้าน) เพื่อขอให้ส.ส. ฝ่ายค้านทั้งหมด ลาออกจากเป็น ส.ส.เพราะไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลและปกครองผลประโยชน์ประเทศชาติได้ 

‘ตั๋วช้าง’ พ่นพิษ อำนาจมืดคุกคาม ‘โรม’ เปิดหลักฐาน ‘บุคคลปริศนา’ สะกดรอยภรรยา เชื่อเบื้องหลังเป็น ‘นายตำรวจยศใหญ่’ ยืนยัน อภิปรายด้วยเจตนาบริสุทธิ์ในฐานะผู้แทนฯ และจะทำหน้าที่ตรวจสอบผู้มีอำนาจต่อไป ย้อนถาม บ้านเมืองนี้จะอยู่กันอย่างนี้หรือ?

ที่อาคารรัฐสภา รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เเถลงต่อสื่อมวลชนกรณีที่มีบุคคลไม่ทราบชื่อติดตามคุกคามตนและภรรยาในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจมีมูลเหตุมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

“เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ได้รับแจ้งจากพนักงานประจำอาคารที่พักที่เช่าอยู่อาศัยว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.25 น. มีชายไม่ทราบชื่อจำนวน 2 คน ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฌป3978 กรุงเทพมหานคร เข้ามาและพยายามขอให้พนักงานเปิดประตูอาคารให้เข้าไปยังห้องพัก โดยบุคคลดังกล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นเพื่อนของภรรยา พร้อมกับแสดงรูปถ่ายซึ่งเป็นรูปที่ปกติแล้วใช้ในการติดต่อกับราชการ แต่พนักงานประจำอาคารก็ไม่ได้อนุญาตให้เข้าไปได้ เหตุการณ์ที่ได้กล่าวมา มีภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ตอนที่บุคคลดังกล่าวขับรถยนต์เข้ามา ไปจนถึงตอนที่เข้ามาติดต่อกับพนักงานเพื่อขอให้เปิดประตู ยืนยันว่าผมและภรรยาไม่ได้รู้จักอะไรกับบุคคลทั้งสองคนดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย และไม่มีทางที่จะยินยอมให้เข้าไปยังห้องพักได้”

รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า ในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 12.56 น. มีผู้ติดต่อเข้ามายังโทรศัพท์ของภรรยาด้วยหมายเลข 094-9413723 แล้วถามว่าปลายสายคือภรรยาของนายรังสิมันต์ใช่หรือไม่ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อแล้ววางสายไป หลังจากนั้นตนได้พยายามติดต่อกลับอีกหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อกลับได้ ซึ่งจากการสืบหาข้อมูลพบว่าผู้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวผ่านทางแอพลิเคชันที่เอาไว้ใช้ตรวจสอบว่าหมายเลขดังกล่าวเคยถูกบันทึกไว้อย่างไรก็พบว่าเคยมีผู้บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวว่า “พี่แม้ว ส น”

รังสิมันต์ ระบุว่า ในเบื้องต้นได้เข้าร้องทุกข์ต่อเหตุที่อาจจะนำมาซึ่งความไม่ปลอดภัยไปยังสถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในท้องที่ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางพนักงานสอบสวนจะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถ นอกจากนี้ ยังได้เปิดถึงข้อมูลเชิงลึกอีกว่าจากที่ทราบมา หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวถูกจดทะเบียนโดยคนต่างชาติ ซึ่งถูกใช้โดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งของราชการตำรวจ ส่วนทะเบียนรถมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นทะเบียนปลอมยิ่งไปกว่านั้นยังทราบมาว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่มียศระดับสูงมาก ซึ่งมีส่วนได้เสียกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องตั๋วช้างในวงการตำรวจเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา

“ความพยายามดังกล่าวไม่ใช่การสืบราชการลับ ไม่ใช่การทำหน้าที่ตามปกติวิสัยของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นความพยายามที่ตั้งใจมุ่งหมายไปที่ภรรยาของตน เพื่อให้ผมและภรรยาเกิดความหวาดกลัวในการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จึงไม่ได้กระทบต่อผมเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาลได้ทุกคน แล้วถ้าขนาดผู้แทนราษฎรยังถูกข่มขู่คุกคามแบบนี้ ประชาชนในประเทศนี้จะเหลืออะไร สุดท้ายนี้ ขอยืนยันว่าจะยังคงทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และขอให้รู้ว่าผู้ก่อเหตุจะไม่ได้ความหวาดกลัวจากผม แต่จะได้การทำหน้าที่ที่มีการตรวจสอบที่มากกว่าเดิม เข้มข้นกว่าเดิม จนกว่าจะสร้างประเทศที่ปราศจากความหวาดกลัว มีผู้นำที่ไม่ใช้เงินภาษีประชาชนไปอย่างฟุ่มเฟือยและไร้ประสิทธิภาพได้”

“สงคราม” อัดแผนกระจายวัคซีนล้มเหลวทำคนไทยผิดหวัง ชี้ประชาชนผิดหวังไม่ได้ฉีดวัคซีนเหตุแอพหมอทำรายชื่อหาย

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลประกาศปูพรมฉีดวัคซีนให้ประชาชน ในวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่า หลายโรงพยาบาล ประกาศ เลื่อนนัดหมายฉีดวัคซีน เพราะได้รับการจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอให้บริการประชาชน รวมทั้งได้วัคซีนเพิ่มเติมหลายพื้นที่ไม่มีความพร้อม และสร้างความสับสนให้ประชาชน ผู้ที่ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนโควิดไว้ ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งทางแอพพลิเคชั่น "หมอพร้อม" รวมถึงลงทะเบียนผ่านเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม.ในพื้นที่ ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ โดยพบว่าในพื้นที่ จังหวัดเลย จังหวัดราชบุรี และพื้นที่ จ.อื่นๆ ถูกเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ประกอบกับการที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์หยุดให้บริการฉีดวัคซีน เพราะวัคซีนหมด อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า ที่อำเภอสังขละ จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับการจัดสรรจัดการฉีดวัคซีนเพียง 8 โดสเท่านั้น

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า ระบบการลงทะเบียนผ่านแอพหมอพร้อม ปรากฎว่าถึงเวลา หมอพร้อม แต่วัคซีนไม่พร้อม ส่งผลประชาชนต้องผิดหวังกับนโยบายรัฐ เพราะเสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย เดินทางเพื่อฉีดวัคซีนแต่ไม่ได้รับบริการ แม้จะมีการลงทะเบียนไว้แล้ว หลายคนพบว่าไม่มีรายชื่อในระบบทั้งๆ ที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งปัญหาเกิดจากระบบแอพหมอพร้อมล้มเหลว ในขณะเดียวกันอีกหลายพื้นที่หมอไม่ให้บริหารอ้างประชาชนอยู่นอกเขตให้ไปฉีดที่จังหวัดต้นทางแทน

“ปัญหาที่เกิดขึ้น พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์โควิด ต้องรับผิดชอบ จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะประกาศกลางสภา ว่า วัคซีนที่รัฐบาลมีเพียงพอให้บริการ การที่รณรงค์ให้ประชาชนมาฉีดวัคซีน รัฐบาลจะนำวัคซีนที่ไหนฉีดให้ประชาชน ทั้งนี้คนไทยควรได้ฉีดตามความประสงค์หรือไม่ เมื่อไหร่ ยี่ห้อใดเหมาะสมกับอายุใดแน่ รัฐต้องชัดเจนและจริงใจในการให้บริการประชาชน อย่าสร้างภาพเป็นพระเอก เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่ต้องการพระเอกแต่ต้องการคนที่จริงใจทำงาให้ประชาชน”

“เลขาฯ สมช.” คาด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เริ่มทัน 1 ก.ค.นี้ เผย ต้องนำเรื่องเข้าศบค.ก่อน เน้น ความปลอดภัยของปชช. "บิ๊กเล็ก" กั๊กตอบพปชร.จัดประชุมใหญ่พรรค ขอนแก่น ขอดูรายละเอียดก่อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือโควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ว่า เรื่องนี้ยังจะไม่เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์นี้ เพราะจะต้องนำเข้าศบค.พิจารณาก่อน โดยคาดว่าจะหารือภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำลังหารือกับกระทรวงสาธารณสุข จะหารือกันก่อนในสัปดาห์นี้ ส่วนรายละเอียดที่จะพิจารณาคือบางกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขยังห่วงใยอยู่ เช่น การจัดวางเส้นทางเพื่อไม่ให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ โดยกระทรวงสาธารณสุข จำเป็นต้องมีมาตรการที่ดีที่สุดเพื่อให้ประชาชนปลอดภัยที่สุด หากการหารือได้ข้อยุติและกระทรวงการท่องเที่ยวฯสามารถดำเนินการได้ตามที่สธ.แนะนำมาก็จะ โครงการดังกล่าวจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งผู้ประกอบการที่หารือร่วมกับเราอยู่ตลอดจะทราบล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะสามารถดำเนินการได้เมื่อใด

พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงพรรคการเมืองจะจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีได้หรือไม่ในสถานการณ์กำลังแพร่ระบาดโควิด ว่า ต้องขอดูในรายละเอียดก่อน ส่วนพรรคการเมืองจะไปจัดประชุมต้องดูข้อกำหนดของแต่ละพื้นที่ด้วย ถ้าเป็นกรุงเทพฯก็ต้องดูกันละเอียด แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดหากสถานการณ์คลี่คลายก็สามารถทำได้ โดยจะต้องส่งรายละเอียดมาให้ ศบค.พิจารณาก่อน สำหรับการขอดูรายละเอียด ก็จะมีเรื่องจำนวนคนที่ต้องดูด้วย ยกตัวอย่างเปิดประชุมสภาฯ ก็สามารถทำได้ ถ้ามีมาตรการป้องกันโรค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขก็ยอมรับได้ 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายงานข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะไปจัดประชุมวันที่ 20 มิ.ย.ที่จ.ขอนแก่น ที่จะต้องรวมตัวสมาชิกจำนวนมาก สามารถใช้มาตรการเหมือนทางสภาฯ ได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จ.ขอนแก่น ไม่ใช่พื้นที่สีแดงเข้ม ก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องมีมาตรการเพราะคนที่ไปจากกรุงเทพฯก็อาจทำให้เกิดข้อกังวล จึงต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน จึงไม่สามารถตอบได้ในเวลานี้

“บิ๊กเล็ก” เลขาฯ สมช.ปัดตอบ ส.ส.กทม. พรรคใหญ่ ล็อกโควตาวัคซีน แจง ยึดหลักกระจายตามแผน “ทั่วประเทศ ระบาดหนัก-พื้นที่ศก.” เผย “ไฟเซอร์-จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน” เข้าไทย มาไตรมาส 3 หรือ 4 มั่นใจเข้า 100 ล้านโดส ทยอยเข้าไทยในปีนี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ผอ.ศปก.ศบค.) กล่าวกรณีที่หลายโรงพยาบาลเลื่อนการฉีดวัคซีนเนื่องจากการจัดสรรไม่เพียงพอ ว่า จำนวนยอดวัคซีนที่เข้ามาเดือน มิ.ย.นี้ จะเข้ามา 6 ล้านโดส โดยทยอยเข้ามาเป็นงวด ปัจจุบันส่งเข้ามาแล้วประมาณ 3.54 ล้านโดส ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะทยอยส่งไปตามจังหวัดต่างๆและในภาพรวม มีสถานพยาบาลที่ฉีดวัคซีนพันแห่ง ทำการฉีดไปแล้วด้วยความเรียบร้อย อาจมีบางแห่งที่ยังไม่เข้าใจว่าในเดือนมิ.ย.ได้รับเท่านี้ แต่ความจริงจะทยอยเข้ามาในงวดต่อไป ทราบว่า 1-2 วันนี้ ก็จะทยอยลงไปในพื้นที่อีก ขอย้ำว่าวัคซีนจะส่งไปเป็นงวด ๆ ไม่ใช่ทั้งก้อนทั้งหมด 6 ล้านโดส ส่งมา 3.54 ล้านโดส ก็แจกไปทั้งหมด ส่งมา 2 แสนโดส ก็ส่งไป 2 แสนโดส 

เมื่อถามว่า นายกฯระบุได้ลงนามจัดซื้อวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ และ วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จำนวน 25 ล้านโดส จะเข้ามาเมื่อไหร่ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า จะเข้ามาช่วงไตรมาส 3 หรือ ไตรมาส 4 เรื่องนี้ยังไม่อยากบอกวันที่แน่นอนไปก่อน เพราะเมื่อไม่ได้ตามนั้นจะถูกตำหนิว่าบอกจะมาวันนั้นวันนี้แล้วทำไมไม่มา ซึ่งตามสัญญาจะใช้เป็นห่วงระยะเวลา จึงขอสื่อฯ ทำความเข้าใจเรื่องนี้กับประชาชน โดยหลักขณะนี้เรามีวัคซีนแอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส วัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 5 ล้านโดส วัคซีนซิโนแวค ประมาณ 8 ล้านโดส รวมจำนวน ประมาณ 100 ร้อยล้านโดส ที่กำลังเข้ามาตามแผน แต่ทั้งหมดไม่ใช่ของที่มีอยู่ในคลัง เวลาจะฉีดค่อยนำออกมา แต่เรากำหนดฉีดตามแผนที่วัคซีนจะเข้ามาบางครั้งอาจคลาดเคลื่อนไปบ้างก็ขอให้กำลังใจกระทรวงสาธารณสุข ที่พยายามทำอย่างเต็มที่ ที่ได้วัคซีนมาทุกคนในประเทศก็อยากให้วัคซีนมาเร็วแต่การนำเข้ามาไม่สามารถควบคุมได้ และ นายกฯ ให้นโยบายการแจกวัคซีนไปแล้วว่าเมื่อมีวัคซีนเข้ามาจำนวนหนึ่งให้เกลี่ยไปได้ทุกจังหวัด ส่วนที่เหลือให้เพิ่มเติมในส่วนจังหวัดที่แพร่ระบาดมากและรุนแรงมาก อีกส่วนหนึ่งคือไปที่จังหวัดเศรษฐกิจ นี่คือเกณฑ์ที่ใช้ในการกระจายวัคซีนล่าสุดและยังใช้ต่อไปขอย้ำว่าวัคซีนที่เข้ามาในประเทศจะครบ 100 ล้านโดสในปีนี้แน่นอน

เมื่อถามว่ากรณีที่มีบางพรรคการเมือง แฉว่าส.ส.กทม. พรรคใหญ่รับลงทะเบียนให้คนมาฉีดวัคซันที่สถานีกลางบางซื่อเข้าข่ายล็อกโควตาหวังผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่  พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขออนุญาตไม่ตอบเรื่องนี้ 

รัฐบาล ยืนยัน โรคลัมปีสกิน ในโค-กระบือ รักษาหายขาดได้แน่ เข้ม ป้องกันลักลอบข้ามชายแดน ด้าน ก.เกษตร เร่งกระจายวัคซีน เปิดทางเอกชน-กลุ่มเกษตรกร นำเข้า ตั้งวอร์รูมจัดการทั้งระบบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามและห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคลัมปีสกินที่กำลังระบาดในหลายจังหวัด ซึ่งเป็นโรคไวรัสผิวหนังในโค-กระบือ ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน มีแมลงเป็นพาหะ   

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ทางนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า กรมปศุสัตว์ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ และมีการแจ้งเตือนเกษตรกรตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน  ล่าสุด พบว่ามีโค-กระบือ ป่วยเป็นโรคลัมปีสกิน 2.9 หมื่นตัว รักษาหายแล้ว 1 หมื่นตัว เสียชีวิต 374 ตัว ซึ่งกรมฯ ได้เข้าดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาตัวที่ป่วยอยู่ให้หายขาด โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน และไม่ติดต่อสู่คน หรือสัตว์ชนิดอื่น เมื่อรักษาหายขาด เนื้อนำมาบริโภค   

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รมว.เกษตรฯ ยังสั่งการให้กรมปศุสัตว์เข้มงวดเรื่องการเคลื่อนย้ายสัตว์ โดยเฉพาะการลักลอบเคลื่อนย้ายตามแนวชายแดนทุกแห่ง หากพบผู้กระทำผิดให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกัน ควบคุม และเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุโรคลัมปีสกิน เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์โรคระบาด วางแผนการกระจายวัคซีน การป้องกันกำจัดโรค จัดหน่วยพ่นยาฆ่าเชื้อทำลายเชื้อโรค แจกสารกำจัดแมลง ยารักษา วิตามิน แร่ธาตุ และยาบำรุง เพื่อรักษาและฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ ส่วนมาตรการชดเชยเยียวยาเกษตรกรก็มีความชัดเจนเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ในส่วนของวัคซีน เนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ กรมฯ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศล็อตแรกจำนวน 60,000 โดส กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ แล้ว และอีก 300,000 โดส จะมาถึงในสัปดาห์นี้ ที่สำคัญกระทรวงเกษตรฯ เปิดให้กลุ่มเกษตรกร สมาคมผู้เลี้ยงโค-กระบือ ตลอดจนภาคเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนได้ เพื่อนำมาใช้ฉีดป้องกันโรคและสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศ โดยผู้ประสงค์นำเข้าวัคซีนต้องทำหนังสือถึงกรมปศุสัตว์ หลังจากนั้น กรมฯ จะทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอผ่อนผันการนำเข้าวัคซีนที่มีทะเบียนในต่างประเทศ แต่ยังไม่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย

“นายกรัฐมนตรีมีความเชื่อมั่นในแนวทางของกระทรวงเกษตรฯที่ดำเนินการอยู่ จะควบคุมการแพร่ระบาดโรคลัมปีสกินได้ และยังกำชับให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องบูรณาการอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการจับกุมการลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์ตามแนวชายแดน ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมการแพร่ระบาด รัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่” น.ส.รัชดา กล่าว

“อนุชา” มอบ พศ. สำรวจความพร้อมพระสงฆ์ฉีดวัคซีน ยันมีความจำเป็นเพราะต้องรับกิจนิมนต์และบิณฑบาตร

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดและดูแลการฉีดวัคซีนให้พระภิกษุว่า ได้สั่งการให้พศ.ประจำจังหวัดรวบรวมรายชื่อพระสงฆ์ที่แสดงเจตจำนงที่จะฉีดวัคซีน ในส่วนของโรงพยาบาลสงฆ์ก็ได้รับวัคซีนเพื่อเตียมนำไปฉีดให้พระสงฆ์ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการฉีดให้พระสงฆ์ในกทม.ไปแล้วหมื่นกว่ารูปซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญในการเร่งฉีดวัคซีนให้พระสงฆ์และดำเนินการตามความเหมาะสมมาแล้ว รวมทั้งพื้นที่เสี่ยงที่อยู่ต่างจังหวัดก็ได้ดำเนินการไปแล้วโดยประสานกับกระทรวงสาธารณสุข โดยขณะนี้พยายามทยอยฉีดอย่างเร่งด่วนเพราะพระภิกษุจำเป็นต้องรับกิจนิมนต์และมีภารกิจที่เสี่ยงพอสมควรโดยเฉพาะเรื่องการบิณฑบาตรตอนเช้า เช่นเดียวกับการเยียวยาให้พระสงฆ์ก็ดำเนินการมาโดยตลอดโดยประสานสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

"แรมโบ้" ดักคอ "ตู่ จตุพร" แค่ต้องการให้นายกฯ ทำงานเข้มข้น เชื่อไม่ได้ตั้งใจบี้ ถึงลาออก

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์และนายวีระ สมความคิด จะเดินทางมายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตนเคยคุยเรื่องเป้าหมายของนายจตุพรไว้ว่าต้องการให้รัฐบาลดูเรื่องของความปรองดอง อย่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่หลังจากเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้ไม่ค่อยได้คุยกัน แต่มั่นใจในฐานะที่เป็นเพื่อนกันมา 30-40 ปี คิดว่านายจตุพรมีความน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะขาดการพูดคุยกันที่ต่อเนื่องจากรัฐบาล คิดว่าจะหาทางพูดคุยได้เพราะถ้าไม่ติดวิกฤตโควิดก็จะมีความคืบหน้าในการพูดคุย จึงคิดว่าเป้าหมายของนายจตุพรไม่ได้ต้องการที่จะล้มนายกรัฐมนตรี เพราะคิดไม่ออกเหมือนกันว่าการที่บอกว่าใครก็ได้ที่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเป็นการพูดอะไรก็พูดได้ แต่ถ้าเกิดได้คนที่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ และเลวร้ายมากและทำให้บ้านเมืองเสียหายมากขึ้น นายจตุพรจะรับผิดชอบได้หรือไม่ การที่มายื่นหนังสือตนมองว่าลึกๆ ไม่ได้เป็นเป้าหมายไล่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็นสัญญาณว่าต้องการให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการปฏิรูปประเทศให้เข้มข้นกว่านี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top