Monday, 7 July 2025
Hard News Team

“ทิพานัน”จวก “พิธา”ทำนาบนหลังม็อบ ลงทุนน้อยหวังกำไรมาก เชื่อ ปชช.-มวลชน เห็นธาตุแท้ แนะ ให้ชวนม็อบลดรุนแรง คุยสันติวิธี

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  กล่าวกรณีที่ประชาชนในชุมชนต่างๆแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การชุมนุมของมวลชนกลุ่มต่างๆ จะส่งผลต่อการเมืองและการแก้ไขปัญหาโควิด-19 และการฟื้นฟูประเทศ ว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มุ่งมั่น จริงใจ พยายามทำทุกวิถีทางที่จะคลี่คลายสถานการณ์ทั้งวิกฤตโควิดและวิกฤตการเมือง ไปพร้อมกันอย่างดีและเร็วที่สุด ส่วนที่มีนักการเมือง เช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์หลังการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ส.ค.เชื่อว่า ประชาชน กลุ่มมวลชน รู้เท่าทันนักการเมืองว่ามีเจตนาอะไร 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การแสดงตนหลังสถานการณ์จบลง แล้วถ่ายภาพเผยแพร่ในโซเชียล เพื่อเรียกคะแนนนิยม ช่วงชิงมวลชนใช่หรือไม่ หากมีความจริงใจและเป็นผู้นำที่แท้จริง ต้องลงพื้นที่ช่วยพูดคุย ควบคุมและนำมวลชนให้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบสันติวิธีและไม่ผิดกฎหมาย จึงจะเป็นฮีโร่ที่แท้จริง ไม่ใช่เดินเกมแก้เก้อ หวังผลทางการเมือง หวังคะแนนมวลชนแบบหลบหลังม็อบ สิ่งที่นายพิธาและพรรคก้าวไกล ควรทำคือช่วยรณรงค์สื่อสารให้ม็อบชุมนุมโดยสันติ ไม่พกพาอาวุธ ไม่ยั่วยุเจ้าหน้าที่หรือกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายไม่ทำให้ประชาชนทั่วไป ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายและฝ่าฝืนมาตรการควบคุมการแพรระบาดโควิด-19 ช่วยกันสร้างเวทีพูดคุย ลดการปะทะและยั่วยุอย่างสร้างสรรค์เป็นธรรม 

“สิ่งที่นายพิธา ทำ ลงทุนน้อยแต่หวังกำไรมาก เชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุม ดูออกแล้วว่าธาตุแท้ของนักการเมืองทำนาบนหลังม็อบ ที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างที่ตนเองย้ำมาตลอดนั้น หน้าตาเป็นแบบไหน” น.ส.ทิพานัน กล่าว

รบ.สหรัฐฯ ส่อแววเมิน ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน พร้อมยินดีรับรองตอลิบาน หากเคารพสิทธิเด็ก-สตรี

เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ส.ค. 64 สหรัฐฯ ระบุว่า จะรับรองรัฐบาลตอลิบานในอัฟกานิสถาน ก็ต่อเมื่อพวกเขาเคารพสิทธิสตรีและตีตัวออกห่างจากขบวนการเคลื่อนไหวหัวรุนแรงต่าง ๆ อย่างเช่นอัลกออิดะห์ ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธยืนยันว่ายังให้การรับรอง อัชราฟ กานี ในฐานะประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานอยู่หรือไม่

"ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อพูดถึงท่าทีของเราต่อรัฐบาลใด ๆ ของอัฟกานิสถานในอนาคต มันจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของรัฐบาลนั้น ๆ มันจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของตอลิบาน" เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการรับรอง

"รัฐบาลอัฟกานิสถานในอนาคตที่ยึดมั่นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนของพวกเขา ไม่ให้แหล่งพักพิงแก่พวกก่อการร้ายและปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนของพวกเขา ในนั้นรวมถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้หญิงและเด็ก ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากร รัฐบาลนั้น ๆ จะเป็นรัฐบาลที่เราสามารถทำงานร่วมกันได้" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

ไพรซ์ บอกด้วยว่า ซัลเมย์ คาลิลซัด ผู้แทนเจรจาของสหรัฐฯ ด้านอัฟกานิสถาน ยังคงอยู่ในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ดินแดนที่ตอลิบานมีสำนักงานทางการเมืองและการทูต พร้อมระบุเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อยู่ระหว่างเจรจากับตัวแทนของตอลิบานในประเทศแห่งนี้

ตอลิบาน บุกจู่โจมและเข้ายึดกรุงคาบูลได้อย่างรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ ในวันอาทิตย์ที่15 ส.ค. 64 สามารถโค่นล้มรัฐบาลอัฟกานิสถาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางทหารจากสหรัฐฯ มานานกว่า 2 ทศวรรษได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ทั้งนี้ ตอลิบานเคยกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดสำหรับสตรีระหว่างที่พวกเขาขึ้นปกครองประเทศช่วงปี 1996-2001 ในนั้นรวมถึงห้ามมอบการศึกษาแก่เด็กผู้หญิง ก่อนที่สหรัฐฯ จะยกทัพโค่นล้มรัฐบาลตอลิบาน ตามหลังโศกนาฏกรรมโจมตีนิวยอร์กและวอชิงตัน 11 กันยายน 2001

ระหว่างแถลงข่าวในวันจันทร์ (16 ส.ค.) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธยืนยันว่าสหรัฐฯ ยังคงให้การรับรอง อัชราฟ กานี ในฐานะประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานหรือไม่ ขณะที่เขาหลบหนีออกนอกประเทศในวันอาทิตย์ (15 ส.ค.) หลังจากพวกนักรบตอลิบานสามารถโค่นล้มรัฐบาลของเขาได้ภายในไม่กี่สัปดาห์

"นี่เป็นบางอย่างที่เรากำลังทำงานร่วมกับประชาคมนานาชาติ" ไพรซ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อถูกถามว่าวอชิงตันจะให้การรับรองใครในฐานะผู้นำอัฟกานิสถาน

นอกจากนี้แล้ว ไพรซ์ ยังปฏิเสธตอบคำถามที่ว่า แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งพูดคุยทางโทรศัพท์กับ กานี ในวันเสาร์ (14 ส.ค.) ทราบหรือไม่ว่าในตอนนั้นประธานาธิบดีอัฟกานิสถานอยู่ที่ไหน หรือได้รับการบอกกล่าวจากกานีหรือไม่ ว่าเขากำลังหลบหนีออกนอกประเทศ

"สถานการณ์ทางการเมืองกำลังมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว เราจะปล่อยให้ประธานาธิบดีกานีเป็นคนเล่าเองว่าเขาบอกอะไรกับท่านรัฐมนตรี ยังไม่มีการถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นทางการ" ไพรซ์ ระบุ

สำนักข่าวอัลจาซีเราะห์รายงานว่า กานี บินหลบหนีไปยังอุซเบกินสถาน อย่างไรก็ตามทางรอยเตอร์ยังไม่ยืนยันข่าวนี้


(ที่มา : รอยเตอร์)

https://mgronline.com/around/detail/9640000080738


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“พระครูแจ้” หนุนเกษตรกรพิจิตร เหมาแตงโม 8,000 โล แจกประชาชนที่มาฉีดวัคซีน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่  อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้มีรถกระบะบรรจุผลไม้มาเต็มคันรถ  และจากการสอบถามทราบว่ารถคันดังกล่าว  ได้มีการลำเรียงผลไม้มาเป็นจำนวนมากเดินทางมาจากทางจังหวัดพิจิตร  โดยการสนับสนุนจากท่าน​  พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  ที่มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรชาวสวนจังหวัดพิจิตร จึงได้ให้การสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรชาวสวน โดยการสั่งผลไม้ประเภท แตงโม  ของพี่น้องชาวสวนจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและให้กำลังใจเกษตรกรชาวสวนเพื่อช่วยกันฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19

โดย  ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  กล่าวว่า  ผลไม้ทั้งหมดได้สั่งตรงมาจากสวนผลไม้ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและอุ้มพี่น้องเกษตรกรชาวสวนเพื่อฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19

อีกทั้ง  ในวันนี้ศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง  ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรกให้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12-18 ปี 7 กลุ่มโรคเสี่ยง  ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100  กิโลกรัม และผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน 80 กิโลกรัม  โดยตั้งแต่ในช่วงเช้าภายในศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง  ได้มีผู้ปกครองนำบุตรหลานเดินทางมารอรับการฉีดวัคซีนกันอย่างต่อเนื่อง  ตามที่โรงพยาบาลได้มีการแจ้งผ่านทาง SMS  และได้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้  โดยมีการจัดระเบียบและเว้นระยะห่างแบบ New normal

โดย  ทุกคนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนยังศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลางจะได้รับมอบแตงโมจากท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ  เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  มอบแตงโมให้คนละ 2 ลูก นำกลับไปทานที่บ้านโดยสั่งตรงมาจากเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร  จำนวน 8,000 กิโลกรัม  

อย่างไรก็ตาม  ผลไม้ทั้งหมดที่ช่วยเกษตรกรอุดหนุนมานั้น จะนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ โรงพยาบาลสนาม รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชนในชุมชน อีกทั้ง ยังเป็นการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนและจะนำผลผลิตทั้งหมดแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนในวันนี้แต่จะทำการแจกทุกๆวัน  จนกว่าผลไม้ที่สั่งมานั้นจะหมดเพื่อแทนความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อย รวมถึงประชาชนที่เดือดร้อน  ประชาชนที่ขาดรายได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 

"กมธ.ตำรวจฯ" กำชับ จนท. คุมม็อบปฏิบัติการตามหลักสากล เผย ตำรวจยันไม่ใช้กระสุนจริง วอนฟังข้อมูลทุกด้าน ระบุ ใครมีข้อมูลหลักฐานขอให้แจ้งเข้ามา จ่อ เชิญผบช.น.เข้าชี้แจง 19 ส.ค.นี้ 

ที่รัฐสภา นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการควบคุมการชุมนุมที่ผ่านมา ว่า กมธ.ตำรวจได้ติดตามและตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาโดยตลอด ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งที่ผ่านมา กมธ.ตำรวจได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง ไม่ว่าจะที่แยกราชประสงค์หรือหลายๆ ที่ ซึ่งที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่มีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีการปะทะและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงเจ้าหน้าที่ก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน โดยเราได้มีการขอข้อมูลไปเบื้องต้น รวมถึงภาพจากสื่อมวลชน

นายสัญญา กล่าวว่า จากการสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการยืนยันว่าเป็นการใช้หลักสากลควบคุมมวลชน ไม่ว่าจะเรื่องขั้นตอน แนวทางการใช้เครื่องมือเข้าควบคุม เช่น การใช้กระบอง การยิงกระสุนยาง การใช้น้ำฉีด การใช้แก๊สน้ำตา ซึ่ง กมธ.ตำรวจฯ ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตลอดเวลาว่าขอให้ใช้หลักสากลอย่างเคร่งครัด และได้รับคำยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่มีการใช้กระสุนจริงควบคุมสถานการณ์ และจากที่ได้เห็นภาพหลักฐานก็ยังไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธจริง ดังนั้นอย่าเพิ่งไปปรักปรำหรือโจมตีซะทีเดียว ขอให้ได้ฟังข้อมูลทุกด้าน อย่างไรก็ตามหากท่านใดมีข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่เกินกว่าที่ระเบียบกำหนด หรือใช้อาวุธจริงเข้าปราบปราม ทางกมธ.ตำรวจฯ ยินดีที่จะเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมฝูงชน  โดยในวันที่ 19 ส.ค. นี้ กมธ.ตำรวจฯ จะเชิญผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าควบคุมมวลชนเข้ามาชี้แจงที่รัฐสภา

เมื่อถามว่าจะมีการสอบถามผู้ชุมนุมอย่างไรบ้าง นายสัญญา กล่าวว่า ความจริงแล้วเรามีช่องทางให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งข้อมูลมาได้ นอกจากเราจะไปเห็นและรู้ว่าเป็นใครก็อาจจะเชิญเขามาได้ วันนี้หลายกรณีทางกมธ.ตำรวจฯ ก็มีความสนใจ แต่คนที่ได้รับผลกระทบที่มีข้อมูลตนขอเชิญให้ส่งข้อมูลมาที่กมธ.ตำรวจ เราจะได้นำมาพิจารณา และเชิญมาให้ข้อมูล 

เมื่อถามว่าจะมีการประสานไปยังแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาให้ข้อมูลหรือไม่ นายสัญญา กล่าวว่า  ไม่ได้ประสาน เพราะเราต้องเน้นไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนว่าปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกรอบหรือไม่  เมื่อถามอีกว่าแบบนั้นข้อมูลจะไม่ออกมาด้านเดียวใช่หรือไม่ นายสัญญา กล่าวว่า ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ด้านเดียว เพราะเราแสวงหาข้อเท็จจริง หากเราพบว่าบุคคลใดได้รับผลกระทบเราก็อาจจะเชิญมา หากเราพบเห็นหลักฐาน

เกษตรฯ เร่งจัดการตลาดลำไย รับผลผลิตมากสุดเดือนส.ค.

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ สถานการณ์และการบริหารจัดการลำไย ระหว่างเดือนมิ.ย. – ก.ย. 2564 (ข้อมูล ณ วันที่ 13 ส.ค. 2564) พบว่า คาดการณ์ผลผลิตลำไย 683,435 ตัน ซึ่งประเมินว่า จะมีผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนส.ค.นี้ ประมาณ 394,707 ตัน ส่วนการเก็บเกี่ยวลำไย มีปริมาณเก็บเกี่ยวสะสม 415,797 ตัน คิดเป็น 60.84% และยังไม่ได้เก็บเกี่ยว 267,638 ตัน คิดเป็น 39.16% 

ส่วนการกระจายผลผลิตลำไย ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ล่าสุดมีมติเห็นชอบให้เน้นทำการตลาดภายในประเทศ โดยกระจายผลผลิตผ่านล้งภายในประเทศ วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร ห้าง ระบบของไปรษณีย์ไทย การตลาดออนไลน์และตลาดค้าผลไม้ภายในจังหวัด การจัดจำหน่ายตรงผู้บริโภค รณรงค์การบริโภคลำไยในครัวเรือน สนับสนุนจุดรวบรวมและคัดคุณภาพลำไยเพื่อกระจายออกนอกแหล่งผลิต ประสานงานกับภาคเอกชนและโลจิสติกส์ในการลดค่าขนส่งให้เกษตรกร 

รวมทั้งการเชื่อมโยงและกระจายผลผลิตลำไยไปยังจังหวัดปลายทาง และการแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรข้ามภาค โดยประสานงานร่วมกับกระทรวงกลาโหม เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้า ลำไย – มังคุด จากภาคใต้เพื่อกระจายผลผลิตสู่ผู้บริโภคภายในพื้นที่ภาคเหนือ

“ตอนนี้ กรมฯ ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไย เน้นการพัฒนาคุณภาพผลผลิต เพื่อให้ได้ลำไยขนาดผลใหญ่คุณภาพระดับพรีเมี่ยม เกรด AA และเกรด A เหมาะสำหรับการบริโภคผลสดภายในประเทศ โดยไม่เน้นส่งเข้าโรงงานอบแห้งแปรรูปส่งออกประเทศจีน และการพัฒนากระบวนการผลิตให้ได้รับการรับรองคุณภาพตามระบบการจัดการกระบวนการผลิตทางการเกษตร ซึ่งมีเกษตรกรได้รับการรับรองทั้งหมด 12,494 ราย 14,400 แปลง พื้นที่รวม 135,595.47 ไร่ รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ช่องทางการตลาดแบบออนไลน์มากขึ้น” นายเข้มแข็ง กล่าว

17 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันสถาปนาศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย 

ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2508 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางการรับแสดงความจำนงบริจาคดวงตา จัดเก็บดวงตาผู้บริจาคเมื่อเสียชีวิต และจัดสรรดวงตาบริจาคให้จักษุแพทย์นำไปปลูกถ่ายกระจกตาให้แก่ผู้ป่วยกระจกตาพิการ โดยวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2512  ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ได้รับดวงตาบริจาคจากผู้ถึงแก่กรรมเป็นคู่แรก นำไปปลูกถ่ายกระจกตาให้แก่ผู้ป่วยกระตาพิการ 2 ราย  ดังนั้น เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณความดีของผู้บริจาคดวงตา คณะกรรมการจัดหาและบริการดวงตาแห่งสภากาชาดไทย จึงมีมติให้วันที่ 17 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยได้ดำเนินงานมาครบ 56 ปี ในปี พ.ศ. 2564 นี้

​ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ในปัจจุบัน ทำให้ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและหน่วยงานเครือข่าย ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลทำให้สามารถจัดหาดวงตาบริจาคได้น้อยลง ตลอดจนปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยได้มีการกำหนดมาตรการคัดกรอง

ผู้บริจาคที่เสียชีวิตก่อนดำเนินการจัดเก็บดวงตาอย่างเข้มข้น ​เพื่อความปลอดภัยของผู้รับดวงตาบริจาคและเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจว่าดวงตาบริจาคที่ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยได้รับนั้นมีความปลอดภัย ก่อนส่งมอบดวงตาบริจาคให้จักษุแพทย์นำไปปลูกถ่ายกระจกตาให้แก่ผู้ป่วยกระจกตาพิการ อย่างไรก็ตาม ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและหน่วยงานเครือข่าย ยังมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการให้ได้รับการรักษาอย่างดีที่สุดในท่ามกลางวิกฤติครั้งนี้

​ในปี 2564 ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและหน่วยงานเครือข่าย ยังร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการให้ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา ตลอดจนการพัฒนาองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์และความร่วมมือด้านการแพทย์ เพื่อให้บุคลากรหน่วยงานเครือข่ายสามารถปฏิบัติงานด้านการจัดหาและบริการดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้ ข้อมูลศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย (ตั้งแต่ 2508 - สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564) มีผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา 
จำนวน 15,506 ราย และมีผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตา (ตั้งแต่ 2508 - สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564) จำนวน1,452,327 ราย

​สำหรับการบริจาคดวงตาในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ที่ต้องการแสดงความจำนงบริจาคดวงตาให้แก่ ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย สามารถใช้ช่องทางการแสดงความจำนงบริจาคได้ดังต่อไปนี้ บริจาคดวงตาผ่านเว็บไซต์ www.eyebankthai.com แจ้งความจำนงผ่านโทรศัพท์ หมายเลข 0 2256 4039-40 (ในวันและเวลาราชการเท่านั้น) หรือสอบถามข้อมูลได้ที่เหล่ากาชาดจังหวัด โรงพยาบาลเครือข่ายศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย และที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ

​เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 30) ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จำเป็นต้อง เลื่อนการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลให้แก่ผู้อุทิศดวงตาให้แก่สภากาชาดไทยที่ล่วงลับไปแล้ว เนื่องในวันศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ประจำปี 2564 ออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

‘บิ๊กตู่’ ตั้ง ‘เสรี วงษ์มณฑา - เกษมสันต์ วีรกุล’ เป็นบรรณาธิการบริหาร ศูนย์บริหารสื่อสารในภาวะวิกฤต วางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. ช่วยตอบโต้เฟกนิวส์อย่างทันท่วงที

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลและศบค. กำลังเร่งควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ไทยที่ยังถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤตมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนให้ได้โดยเร็ว โดยได้เร่งแก้ไขปัญหาและอุปสรรค ทั้งในการเร่งรัดการจัดหาวัคซีน ปูพรมฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด การค้นหาผู้เสี่ยงติดเชื้อเชิงรุกและนำผู้ป่วยทุกคนเข้าระบบการรักษาให้เร็วที่สุด รวมถึงให้ผู้ป่วยติดเชื้อเข้าถึงยาให้ไวที่สุด การสร้างสถานที่กักตัวให้เพียงพอทั้งในประเภท Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) ให้เพียงพอทุกพื้นที่ รวมทั้งดูแลแรงงานและโรงงานในรูปแบบ Bubble and Seal ใช้ระบบการแพทย์ทางไกล (Tele-Medicine) ในระบบ HI และ CI จัดระบบการส่งยา รวมทั้งติดตามการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร และสูตรยาอื่น ทั้งของยาจากต่างประเทศ เช่น Remdesivir หรือ Oseltamivir หรือ Hydroxychloroquine เพื่อให้ผู้ป่วยสีเหลืองและสีเขียวเข้าถึงยาได้กว้างขวางที่สุด รวมทั้งให้มีการจัดซื้อชุดตรวจ ATK อย่างโปร่งใส ชัดเจน ขณะเดียวกันต้องมีการจัดการขยะติดเชื้อแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นทาง คือ การทิ้งขยะติดเชื้อที่ถูกต้อง การจัดเก็บ และปลายทาง คือ กระบวนการทำลายขยะติดเชื้อ

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบบริหารการสื่อสารในภาวะวิกฤต ด้วยการตั้งศูนย์บริหารสื่อสารในภาวะวิกฤต โดยมีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นเลขานุการ มีนายเสรี วงษ์มณฑา และนายเกษมสันต์ วีรกุล เป็นบรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. โดยขอให้ทุกฝ่ายเร่งสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชน ทั้งในรูปแบบคู่มือประชาชน คู่มือชุมชน ช่องทางติดต่อทั้งโทรศัพท์ สายด่วน ไลน์ แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ของหน่วยงาน เพื่อให้ประชาชนทราบการปฏิบัติตัวตั้งแต่เริ่มติดเชื้อ สิ่งที่สังคมต้องการ คือข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง มีความเป็นเอกภาพ โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลทางวิชาการ ทั้งเรื่องวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ ยาสมุนไพร สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน ทุกหน่วยต้องแก้ข่าวบิดเบือน (Fake News) ให้ทันท่วงที  


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

จับตาสัญญาณว่างงานสิ้นปีพุ่งหลังเจอผลกระทบโควิด

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ต่อการจ้างงานว่า ขณะนี้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกิจการในภาคบริการและกิจการที่มีสายป่านสั้น เห็นได้จากข้อมูลการจ้างงานในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 พบว่า มีผู้ว่างงานหรือเสมือนว่างงาน (ผู้มีงานทำไม่ถึง 4 ชั่วโมงต่อวัน) อยู่ที่ 3 ล้านคน และคาดว่า ในช่วงสิ้นปีนี้คนกลุ่มนี้จะเพิ่มเป็น 3.4 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิดกว่า 1 ล้านคน เช่นเดียวกับผู้ว่างงานระยะยาว เกิน 1 ปี มี 1.7 แสนคน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิดถึงกว่า 3 เท่าตัว 

ส่วนตัวเลขผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนอยู่ที่ 2.9 แสนคน เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิดถึง 8.5 หมื่นคน และแรงงานย้ายถิ่นกลับภูมิลำเนาที่เพิ่มขึ้นจากภาคบริการ/อุตสาหกรรมในเมือง กลับไปยังภาคเกษตรที่มีผลิตภาพต่ำกว่า ล่าสุดอยู่ที่ 1.6 ล้านคน สูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อปีในช่วงก่อนโควิดที่ 5 แสนคนมาก

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า การล็อกดาวน์รอบนี้ยิ่งซ้ำเติมธุรกิจและครัวเรือน ส่งผลให้ฐานะการเงินมีความเปราะบางสูงขึ้น เพราะเงินออมลดลงทุกครั้งที่การระบาดกลับมา สายป่านของครัวเรือนสั้นลงเรื่อย ๆ สะท้อนจากตัวเลขเงินฝากในบัญชีที่มียอดต่ำกว่า 50,000 บาท ล่าสุดในเดือนพ.ค. 2564 ปรับลดลงเทียบกับปีก่อนเป็นครั้งแรก โดยหดตัวที่ 1.6% ขณะที่เงินฝากในบัญชียอดสูงกว่า 1 ล้านบาทยังขยายตัวได้ที่ 6.0% ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด ขณะที่หนี้สินก็มีสัญญาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

"แรมโบ้" ซัด "ฝ่ายค้าน" ประเทศเกิดวิกฤต  อยู่ระหว่างการแก้ปัญหา แต่ยังยื่นสภาฯขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ควรมีสมองคิดให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม คิดแต่จะหาประโยชน์ทางการเมืองให้ตัวเอง หวังล้มรัฐบาลกลับมามีอำนาจรัฐ จนไม่สนใจความเดือดร้อนของประขาชน

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรี 5 คน โดยระบุว่าฝ่ายค้านน่าจะเข้าใจสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิดในประเทศเป็นอย่างดี และการแก้ไขปัญหาของนายกฯและรัฐบาลว่ามีความยากลำบากมากน้อยแค่ไหน  ซึ่งในขณะที่นายกฯและรัฐมนตรี  หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังให้ความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชน ฝ่ายค้านก็ไม่ควรที่จะนึกถึงแต่ประโยชน์ของตัวเองจนคิดไม่ได้ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ 

นายเสกสกลระบุว่าแม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะสามารถทำได้ แต่ตนเองมองว่าไม่ควรที่จะมาอภิปรายในช่วงที่ประเทศกำลังเกิดวิกฤต ซึ่งหากอยากอภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายค้านก็ควรที่จะรอเวลาที่เหมาะสมก่อน อีกทั้งส่วนตัวมองว่าหากจะต้องมีการประชุมสภาฯ ก็ขอให้เป็นเรื่องที่สำคัญก่อน เพราะการประชุมสภาฯถือเป็นการรวมคนหมู่มาก  อาจจะมีการแพร่เชื้อโควิดระบาดเป็นคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มในสภาได้

แต่เมื่อฝ่ายค้านได้ยื่นขออภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว นายกฯ หรือรัฐมนตรีที่มีชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้กลัวการอภิปรายในครั้งนี้ เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร และนายกฯจะถือโอกาสใช้เวทีสภานี้ชี้แจงทำความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ โควิด-19 ทุกประเด็น ของรัฐบาลให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริง 

และการอภิปรายฯครั้งนี้ฝ่ายค้านคงจะนำแต่ประเด็นเก่าๆ เอามาโจมตีนายกฯ และรัฐบาล ไม่มีเรื่องใหม่ ประชาชนได้ฟังคงเบื่อหน่ายฝ่ายค้าน เหมือนการอภิปรายทุกครั้งที่ผ่านมา 
พ่นน้ำลายจนท่วมสภาหาสาระอะไรไม่ได้เลย 

การอภิปรายฯไม่ไว้วางใจแต่ละครั้งก็ไม่ได้มีการเตรียมข้อมูลมาอภิปราย หรือการกล่าว หานายกฯและรัฐมนตรี ไม่มีน้ำหนักที่น่าเชื่อถืออะไรได้เลย ที่จะเป็นข้อมูลที่ได้ประโยชน์ต่อประชาชน เป็นการอภิปรายเพื่อหวังโจมตีทำลายความชอบธรรมของนายกฯและรัฐบาลหวังจะให้คะแนนนิยมในสายตาประชาชนตกต่ำลงมากกว่า  แต่ผลงานของรัฐบาลประชาชนรู้ดีว่า ในยามวิกฤตเช่นนี้ นายกฯและรัฐบาลได้ทุ่มเทตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว จะมีผิดบ้างถูกบ้างไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขไม่ได้ ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน ไม่ใช่คอยจ้องแต่จะล้มรัฐบาลหวังกลับมามีอำนาจเอง แสวงหากิเลสความใคร่อยากมีอำนาจบนความเดือดของพี่น้องประชาชน พรรคร่วมฝ่ายค้านเอาสมองส่วนไหนมาคิด 

“ก็คงจะมีแต่ฝ่ายค้านการเมืองไทยนี่แหละ ที่จ้องแต่จะตีกินทางการเมืองได้ทุกสถานการณ์โดยไม่คำนึงถึงความทุกข์ของประชาชนและปัญหาวิกฤตของประเทศที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่นายกฯหรือใครในรัฐบาลอยากให้เกิดเชื้อโควิดขึ้นมาจนทำให้เกิดการสูญเสีย ต่อให้มีผู้นำฝ่ายค้านนับร้อยคนมาแก้ปัญหาก็อาจจะยิ่งแย่กว่านี้ก็เป็นได้ เพราะเก่งแต่เล่นใช้วาทะตีกิน  แต่ไม่เก่งในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติประชาชนเลย"

“บิ๊กตู่”ถก ครม.จากทำเนียบฯ การรักษาความปลอดภัยปกติ จนท.ถอนกำลังออกจากทำเนียบแล้ว 

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ผ่านระบบ Video Conference  โดยวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางเข้าปฎิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 08.00 น.หลังจากที่วานนี้กลุ่มมวลชนทะลุฟ้า เดินสายมาขับไล่ในช่วงเย็น โดยมาตรการการรักษาความปลอดภัยทั้งในส่วนของนายกรัฐมนตรีและและทำเนียบรัฐบาลเช้าวันเดียวกันนี้ยังคงเป็นปกติ ในส่วนกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน และ ตชด.ที่เข้ามาดูแลภายในทำเนียบรัฐบาลวานนี้ได้ถอนกำลังออกไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ได้มีการแจ้งยกเลิกการนัดหมายหารือกลุ่มเล็กในเรื่องของวัคซีน หลังการประชุม ครม.ระหว่าง นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์  พันธ์มีเชาว์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายปกรณ์ นิลประพันธ์เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่นัดหมายล่วงหน้าโดยไม่ทราบสาเหตุ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top