ข่าวดี! เด็กไทย 3 ขวบขึ้นไป เตรียมตัวรอฉีดวัคซีนเชื้อตายได้แล้ว

1 ก.พ. 65 - นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านบล็อก ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย ระบุว่า ข่าวดี!! เด็กไทยอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป เตรียมตัวรอฉีดวัคซีนเชื้อตายของ Sinovac ได้แล้ว รอเพียง อย. อนุมัติอย่างเป็นทางการ

จากประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด ที่มีความชัดเจนทั่วโลกว่า สามารถลดการติดเชื้อได้ในระดับหนึ่ง ดีกว่าไม่ฉีดวัคซีนและสามารถลดการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้เป็นอย่างมากโดยมากกว่ากลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีน 4-15 เท่าตัว จึงมีผู้ประสงค์จะฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งในประเทศไทยเอง มีประชากรกว่า 70% ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วนั้น

แต่อย่างไรก็ดี มีประชากรใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดเป็นจำนวนน้อย เพราะมีข้อจำกัด ได้แก่ เด็กและเยาวชนที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี

โดยในปัจจุบันนี้ เด็กที่สามารถฉีดวัคซีนคือ เด็กที่อายุ 5 ขวบขึ้นไป และฉีดได้เพียงชนิดเดียวคือวัคซีนเทคโนโลยี mRNA ของ Pfizer เพราะ อย. ได้อนุมัติแล้วนั้น

แต่ยังคงมีคำถามอย่างต่อเนื่อง จากพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไปว่า ถ้าไม่สบายใจที่จะฉีดวัคซีน mRNA ของ Pfizer

แต่อยากจะฉีดวัคซีนเทคโนโลยีเชื้อตาย เช่น Sinovac เนื่องจากคุ้นเคยกับวัคซีนเชื้อตายที่ฉีดในวัคซีนอื่นๆ ให้กับบุตรหลานของตนเองมาโดยตลอด จะทำอย่างไร

ขณะนี้ มีข่าวดีล่าสุดว่า คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้ประชุมกันเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 เห็นชอบในหลักการจากข้อมูลต่างๆ ที่มีการเสนอมาว่า ทางบริษัท Sinovac ได้ส่งข้อมูลให้ทาง อย. พิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในระยะเวลาอันใกล้นี้

จึงเป็นข่าวดีสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกอายุ 3 ขวบขึ้นไป และรอจะฉีดวัคซีนเชื้อตายอยู่ 

ส่วนมติของคณะอนุกรรมการฯ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม ได้แก่

1.) เพิ่มสูตรไขว้ ให้กับผู้ที่ฉีดเข็ม 1 ด้วย mRNA สามารถฉีดเข็ม 2 ที่เป็น Viral Vector ได้

2.) เพิ่มสูตรฉีด AstraZeneca 3 เข็ม (AZ-AZ-AZ) จากเดิมที่แนะนำเข็ม 3 ให้เป็น mRNA (AZ-AZ-PZ/MN) เท่านั้น

3.) เด็กที่อายุ 12-17 ปี ที่อยู่ในโครงการฉีดวัคซีน Sinopharm 2 เข็ม ให้กระตุ้นเข็ม 3 ได้ด้วย Pfizer โดยห่างอย่างน้อย 4 สัปดาห์

4.) ผู้ที่ฉีดวัคซีน Pfizer 2 เข็ม ให้รอ 6 เดือนเพื่อรับเข็ม 3 ต่อไป


ที่มา : https://www.thaipost.net/covid-19-news/76578/