Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

“อนุชา” ฟุ้ง วัคซีนมี 3 แพลตฟอร์ม หวังปชช.มั่นใจ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ถึงกรณีกลุ่มคณะแพทย์เตรียมยื่นรายชื่อ 2,200 รายชื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนวัคซีนหลักของประเทศเป็นชนิด Mrna ว่าในคณะรัฐมนตรีวันเดียวกันนี้ได้พูดคุยในเรื่องดังกล่าว โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมในการจัดหาวัคซีนเข้ามาให้ประชาชน ซึ่งปัจจุบันเรามีวัคซีนหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง วัคซีนเชื้อตายที่ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน ทั้งชิโนแวดและชิโนฟาร์ม นอกจากนั้นก็ยังมีวัคซีนที่เป็นเทคโนโลยี เทคโนโลยีไวรัลเวกเตอร์ คือ แอสตราเซเนกา และเทคโนโลยี Mrna วันนี้ก็ได้พิจารณาเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการลงนามสัญญาไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และจำนวนวัคซีนบางส่วนที่ได้รับบริจาคมาจากสหรัฐอเมริกาด้วย ถือว่าเรามีถึง 3 แพลตฟอร์ม หวังว่าประชาชนจะมีความมั่นใจเกี่ยวกับวัคซีนที่มีอยู่ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเชิงรุกอย่างไรที่จะไม่ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นรายวันลดลงภายใน 1 เดือน นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาทั้งในส่วนของเศรษฐกิจและสาธารณสุขควบคู่กัน รวมถึงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบซึ่งวันนี้ก็ได้มีออกมาด้วยเช่นกัน ถ้ามีมาตรการอะไรออกมาอีกก็จะพิจารณาการเยียวยาควบคู่กันไป 

“บิ๊กตู่” สั่งเร่งเยียวยาผลกระทบเหตุโรงงานแคมีระเบิด สั่งทุกกระทรวงช่วยเหลือไม่ใช่โยคแค่ มท. เชื่อหน้างานดูแลเหมาะสมตามสถานการณ์แล้วหลังก้าวไกลกระพือล็อกแคมป์ รับคิดทำบุญประเทศหลังหลายเรื่องถาโถม 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ถึงมาตรการเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการว่า นายกฯสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาในแง่กฎหมายทั้งหมดที่จะเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยให้พิจารณาอย่างเร่งด่วนเพราะทราบดีว่าประชาชนเดือดร้อน รวมถึงให้ไปดูวงเงินประกันที่บริษัทมีอยู่ว่าจะเพิ่มเติมอย่างไร และจะมีการพิจารณาเพิ่มเติมส่วนนั้นอย่างไรได้บ้าง อย่างไรก็ตามในส่วนรัฐบาลจะเข้าไปดำเนินการเช่นเดียวกัน เมื่อถามว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวรัฐบาลจะพิจารณารือระบบการวางผังเมืองหรือไม่ เพราะยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ชุมชนเข้าไปอยู่ใกล้โรงงาน นายอนุชา กล่าวว่า การจัดทำผังเมืองต้องเป็นไปตามกฎหมาย หากอนาคตต้องทำประชาพิจารณ์ ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ การมีส่วนร่วมของประชาชนมีครวามสำคัญ แต่สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการมาก่อนแล้วต่อมีมีชุมชนที่พักอาศัยมารายล้อม ก็ต้องร่วมมือกันและรับฟังความคิดเห็นทั้งในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงอื่นที่ที่เกี่ยวกับการเป็นอยู่ของประชาชน ที่จะต้องร่วมกันพิจารณา และรัฐบาลจะได้ออกเป็นกฎหมายต่อเนื่องต่อไป โดยจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
 
เมื่อถามว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้พูดคุยถึงกรณีแคมป์คนงานในพื้นที่ซึ่งอยู่ในพื้นที่ฟ้ามเคลื่อนย้ายคนงานตามข้อกำหนดศบค. ไม่สามารถอพยพคนงานได้หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้เนื่องจากทหารที่ดูแลแคมป์อยู่ไม่ยินยอม นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลโดยเฉพาะหากมีผู้ได้รับความเดือดร้อนอะไรก็ขอให้เข้าไปเร่งดูและหากมีความจำเป็นที่จะต้องเยียวยาก็ขอให้ไปดูเรื่องของกฎหมาย ส่วนเรื่องการเคลื่อนย้ายคนงานนั้นในที่ประชุมไม่ได้พูดคุยในรายละเอียดแต่เรื่องดังกล่าวทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการคงได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าควรจะช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รัสมี 5 กิโลเมตรอย่างไรและเชื่อว่าคงดำเนินการอย่างเหมาะสมไม่เป็นประเด็นปัญหาอะไร จนถึงขณะนี้ก็เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ การเยียวยาดูแลผู้อพยพต่างๆก็เดินหน้ากันต่อไป โดยนายกฯสั่งการให้ทุกกระทรวงไปดำเนินการช่วยเหลือไม่ใช่เฉพาะแค่กระทรวงมหาดไทยเท่านั้น เมื่อถามย้ำว่าส.ส.พรรคก้าวไกลยืนยันว่ามี 3 แคมป์ที่คนงานไม่สามารถออกมาได้ นายอนุชา กล่าวว่า เชื่อว่าศูนย์บริหารซึ่งเป็นส่วนหน้างานในพื้นที่ได้พิจารณาอย่างเหมาะสมแล้วเพราะการดำเนินการต่างๆต้องดูสถานการณ์ในพื้นที่ด้วย ทางผู้ว่าสมุทรปราการน่าจะมีคำตอบที่ดี  

รัฐบาลไต้หวัน - รัฐบาลขอทาน!! | NEW GENS TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

รัฐบาลไต้หวัน​ - รัฐบาลขอทาน!! 

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐบาลไต้หวัน >> รัฐบาลขอทาน!! | NEW GENS TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

รัฐบาลไต้หวัน​ >> รัฐบาลขอทาน!! 

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ดีพร้อม' จับมือ มหาวิทยาลัยรังสิต ปั้นนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ สู้ภัยโควิด-19 อวดโฉมเครื่องมือแพทย์ฝีมือคนไทย รับมือสถานการณ์ปัจจุบัน

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ร่วมกับ มหาวิทยาลัยรังสิต เผยผลความสำเร็จการดำเนินงานระหว่างภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน ในการพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ที่ผลิตโดยผู้ประกอบการไทย เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน อาทิ ตู้แรงดันบวก อุปกรณ์จ่ายอากาศแบบต่อเนื่อง (PAPR), เครื่อง Contactless Self Service Body Check up, ระบบปรึกษาข้อมูลสุขภาพทางไกล Tele-Health เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเปิดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่นักศึกษา บุคลากร และประชาชนทั่วไป จำนวน 50,000 คน หรือ 100,000 โดส

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ห่วงใยประชาชนและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมอบหมายให้ทุกหน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งขับเคลื่อนการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ดังนั้น ดีพร้อม (DIPROM) จึงผลักดันมาตรการเร่งด่วน เพื่อเตรียมความพร้อมในภาคอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่จะเพิ่มความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนนี้ คือการส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดต้นแบบผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และได้ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยรังสิต ในการร่วมดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาเครื่องมือแพทย์อย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าหมายพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์อย่างน้อย 25% ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการส่งเสริมนั้นจะสามารถรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้

ทั้งนี้ จากการเยี่ยมชมการดำเนินงานของทางมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งมีการจัดระบบการให้บริการคัดกรองและการให้บริการฉีดวัคซีน โดยแยกพื้นที่อย่างชัดเจน ทำให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของมหาวิทยาลัยในการให้บริการประชาชนด้านต่าง ๆ จึงได้นำต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการส่งเสริมจากดีพร้อมมาใช้งานจริง ณ จุดบริการ ทั้งคลินิกเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต และศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 มหาวิทยาลัยรังสิต ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ตู้แรงดันบวก สำหรับตรวจคัดกรอง (Swab Test) เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถอยู่ภายในตู้ระหว่างการตรวจคัดกรองเชื้อจากประชาชนที่อยู่ภายนอกได้อย่างสะดวกและปลอดภัย อุปกรณ์จ่ายอากาศแบบต่อเนื่อง PAPR สำหรับป้องกันระบบทางเดินหายใจแบบจ่ายอากาศบริสุทธิ์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เครื่อง Contactless Self Service Body Check up เครื่องตรวจสุขภาพเบื้องต้น แบบลดการสัมผัส ระบบปรึกษาข้อมูลสุขภาพทางไกล Tele-Health สำหรับติดตามข้อมูลสุขภาพและระบบหุ่นยนต์ตรวจสุขภาพใช้ในการวัดความดันโลหิตและติดต่อแพทย์เฉพาะทางสำหรับปรึกษาอาการเบื้องต้น

โดยต้นแบบผลิตภัณฑ์เหล่านี้ สามารถนำไปขยายผลสำหรับใช้ในการป้องกันและการตรวจคัดกรองบุคลากรในสถานประกอบการและภาคอุตสาหกรรม นอกเหนือจากต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แล้ว กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์ไทย ยังได้มีการต่อยอดต้นแบบผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์อื่น ๆ อาทิ เครื่อง Auto CPR, ชุด Smart Infusion Pump, ระบบ AI ในการวิเคราะห์โรคปอด, เครื่องช่วยพยุงผู้สูงอายุ สำหรับการใช้งานในสถานพยาบาล หรือสถานที่อื่น ๆ รวมทั้งชุมชน ซึ่งเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพไทย โดยมีผู้ประกอบการที่มีความสามารถและพร้อมนำผลิตภัณฑ์ไปต่อยอดผลิตในเชิงพาณิชย์โดยไม่มีลิขสิทธิ์ต้นแบบอีกด้วย นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติม

นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า มหาวิทยาลัยรังสิต รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์มาอย่างต่อเนื่อง และได้เล็งเห็นถึงความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ จึงได้มุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์มาพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้สามารถรองรับกับความต้องการใช้งานที่หลากหลายได้ ซึ่งมหาวิทยาลัยรังสิต โดยวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์และวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ ได้มีบทบาทในการขับเคลื่อนผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีศักยภาพสู่เชิงพาณิชย์ ร่วมกับ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมาโดยตลอด โดยครั้งนี้ก็เป็นอีกเวทีหนึ่งที่ผลงานจากความร่วมมือกันได้ถูกนำมาใช้งานจริง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการให้บริการประชาชนในมิติที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

รวมทั้ง ยังสามารถสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ ณ คลินิกเทคนิคการแพทย์ อาคารวิทยาศาสตร์ 4 มหาวิทยาลัยรังสิต และ ศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 อาคารนันทนาการ 14 มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งมหาวิทยาลัยรังสิตได้รับมอบหมายให้เป็นศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่นักศึกษา บุคลากร และประชาชนทั่วไป จำนวน 50,000 คน หรือ 100,000 โดส ภายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยมีความพร้อมให้บริการตามเป้าหมาย

โดยปัจจุบันได้มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วประมาณ 15,000 คน ส่งผลให้ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น อีกทั้งเพิ่มความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยทั้งด้านอุปโภคและบริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่คาดว่าจะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากถึงกว่า 300 ล้านบาทต่อเดือน และจะสูงถึงกว่า 700 ล้านบาทต่อเดือนเมื่อฉีดวัคซีนได้ครบตามเป้าหมาย 50,000 คน นายอาทิตย์ กล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม.เห็นชอบมาตรการสินเชื่ออิ่มใจ ช่วยผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สูงสุดรายละ 100,000 บาท

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบมาตรการสินเชื่ออิ่มใจ ช่วยผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารที่เปิดในห้องแถวหรืออาคารพาณิชย์ ภัตตาคาร ร้านที่มีลักษณะเป็นบูธ ไม่ใช่เป็นร้านแบบเคลื่อนที่ได้ เช่น หาบเร่ แผงลอย รถเข็น โดยธนาคารออมสินจะสนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 2,000 ล้านบาท

โดยให้วงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุด 100,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ระยะเวลากู้ ไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก โดยไม่ต้องค้ำประกัน

ทั้งนี้ ในการดำเนินการตามมาตรการครั้งนี้ รัฐบาลจะชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) 100% สำหรับเอ็นพีแอล ที่ไม่เกิน 50% ของสินเชื่อที่อนุมัติทั้งหมด 2,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินจะทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปี ตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป ซึ่งมาตรการนี้ จะเริ่มต้นตั้งแต่ครม.เห็นชอบไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 64 คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมประมาณ 4 หมื่นราย


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ฉะเชิงเทรา - 'นายกไก่'​ ลุยแก้ภัยแล้ง ช่วยเกษตรกร ก่อนข้าวยืนต้นตาย พร้อมมีน้ำทำนาตลอดฤดูกาล

นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนายไพศาล ช้างพลายแก้ว เลขานุการนายก อบจ., นายสุนทร พานแก้วส.อบจ.ฉะเชิงเทรา, นายธนภัทร ศรีอุไร กำนันตำบลโพรงอากาศ และผู้นำท้องถิ่น ร่วมลงพื้นที่ บริเวณประตูส่งน้ำ คลองสัมปทวน-โพรงอากาศ -ตอกระทุ่ม ต.โพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว เพื่อดูแลแก้ปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกรที่ไม่มีน้ำทำนา ในพื้นที่ ต.บางแก้ว ต.บางขวัญ อ.เมืองฉะเชิงเทรา และในพื้นที่ติดต่อกัน หมู่ 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 หมู่ 14 ต.โพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว รวมพื้นที่ทำนา 11,415 ไร่

โดยใช้งบประมาณของ อบจ.ฉะเชิงเทรา เข้าไปดำเนินการฝังท่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.00 เมตร จำนวน 130 ท่อนระยะทางยาวรวม130 เมตร เพื่อเปลี่ยนเส้นทางน้ำ ให้ไหลจากคลองแสนแสบไปยังคลองชวดตาสี ได้สะดวก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ต้องการใช้น้ำทำการเกษตร

นายกิตติ เปิดเผยว่า เนื่องจากในพื้นที่ปริมาณน้ำฝนมีน้อย ชาวนาได้ทำการเพาะปลูกข้าวไปแล้วจำนวนมาก แต่กำลังขาดน้ำได้รับความเดือดร้อน ตนและคณะได้เดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่พบว่า ปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต กรมชลประทาน ซึ่งเกิดจากธรณีประตูน้ำสูงกว่าระดับน้ำที่มีอยู่ในคลอง น้ำจึงไม่สามารถไหลผ่านไปยังคลองซอย ได้ส่งผลให้ประชาชน ขาดแคลนน้ำทำการเกษตรเป็นวงกว้างกว่า 1 หมื่นไร่ อบจ.ฉะเชิงเทรา จึงได้ร่วมกับทางโครงการชลประทานฯ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติ โดยขออนุญาตจาก นายภวัต วัตนพงษ์วานิช ผู้จัดการโรงสีเตียหลีฮง เจ้าของที่ดินบริเวณใกล้เคียง เพื่อฝังท่อเบี่ยงทางน้ำ ระยะทาง 130 เมตร ซึ่งจะช่วยชาวบ้าน เรื่องน้ำทำการเกษตรที่ทำนาในที่ดอนได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้สั่งให้นำรถแบล็คโฮ ขุดลอกกำจัดวัชพืช และขุดเนินดินในคลองที่กีดขวางทางน้ำ เพื่อต้องการให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น และให้น้ำได้ไหลไ ปถึงปลายคลองให้เร็วที่สุด เพื่อจะแบ่งปันน้ำทำนา ให้ได้น้ำกันอย่างทั่วถึงกัน

ที่มา: สัมฤทธิ์ ล้ำเลิศ/ฉะเชิงเทรา

‘ก้าวไกล’ ห่วง สารเคมีตกค้างจากเหตุเพลิงไหมโรงงานกิ่งแก้ว จี้ ภาครัฐตรวจสุขภาพ จนท.- ประชาชน ต่อเนื่อง 5 ปี ‘วิโรจน์’ ชี้ ถึงเวลายกระดับงานสาธารณภัยให้สอดคล้องกับการเติบโตของชุมชนเมือง

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 64 ศูนย์พักพิงชั่วคราว อบต.บางพลีใหญ่ วุฒินันท์ บุญชู ส.ส. สมุทรปราการ เขต 4 พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อกรณีเหตุการณ์โรงงานผลิตเม็ดโฟมและเม็ดพลาสติกขนาดใหญ่ ซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ระเบิดและมีเพลิงไหม้ ว่า ในฐานะ ส.ส.พื้นที่ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงที่ทำงานกันอย่างเต็มที่กว่า 20 ชั่วโมง จนสามารถควบคุมเพลิงได้สำเร็จ และขอบคุณศูนย์พักพิงทั้ง 7 ศูนย์ ที่มี อบต.บางพลีใหญ่ เป็นศูนย์กลางการจัดการเพื่อดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

สำหรับสิ่งที่อยากฝากไปยังรัฐบาล คือเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพของผู้ได้รับผลกระทบ อยากให้มีการตรวจเช็กร่างกายของประชาชนบริเวณโดยรอบ และเจ้าหน้าที่ผจญเพลิง เพราะเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ไม่ใช่การไหม้ธรรมดา แต่เป็นการไหม้สารเคมีที่จะตกค้างในพื้นที่ และเข้าสู่ร่างกายของประชาชนได้ โดยสารเคมีเหล่านี้อาจตกค้างทั้งในดินหรือไหลไปลงแม่น้ำลำคลอง หรืออาจปนเปื้อนในน้ำประปาที่อาจมีการรั่วไหลไปตามท่อหรือส่วนหนึ่งส่วนใด จึงขออยากฝากความห่วงใยประเด็นนี้ไปถึงรัฐบาล

ด้าน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นของการประปา พบว่าขณะนี้น้ำที่ผลิตได้ยังคงมีความปลอดภัย แต่ในระยะยาวจะต้องมีการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเป็นระยะเพื่อความมั่นใจว่าน้ำกินน้ำใช้ของประชาชนจะมีความปลอดภัยแน่นอน รวมถึงก่อนการเข้าสู่ภาวะปกติโดยให้ประชากลับเข้าพื้นที่ได้ควรมีการตรวจระบบไฟฟ้าและโครงสร้างอาคารต่าง ๆ ด้วย

สำหรับเรื่องการตรวจร่างกายให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่ประสบเหตุ นอกจากควรตรวจทันทีแล้ว จะต้องมีการตรวจซ้ำในทุก 6 เดือน เป็นเวลา 5 ปี เพราะการปนเปื้อนของสารเคมีไม่ใช่เรื่องปัจจุบันทันด่วนเป็นผลสะสม จึงต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสุขภาพของประชาชนจะได้รับการดูแลจากรัฐ

“ประเด็นต่อมา เป็นที่ชัดเจนว่า ในการปฏิบัติงานครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังต้องเอางบประมาณส่วนตัวมาดูแลอุปกรณ์และความปลอดภัยของตัวเอง ขณะที่กองทัพเอาเงินไปซื้อถุงเท้ากางเกงในเป็นราคาสามเท่าของราคาที่ปรากฏบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ ประชาชนตั้งคำถามว่า ยานเกราะล้อยาง เครื่องบิน VIP กับการไปตกแต่งห้องน้ำในเครื่องบินจะมีคนใช้สักกี่คน การจัดซื้อรถถัง เรือดำน้ำ ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อะไร...

...แต่สำหรับอุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ประชาชนต้องการ ทำไมรัฐบาลกลับไม่ลงทุน และวันนี้ก็เกิดปัญหาขึ้น รัฐบาลต้องทุ่มเทและยกระดับขีดความสามารถให้สอดคล้องกับการเติบโตกับชุมชนเมือง ซึ่งเมื่อพูดถึงการเติบโตของชุมชนเมืองก็ต้องมาพิจารณาต่อว่า กฎหมายผังเมืองเป็นอย่างไร การอนุญาตให้เปิดและต่ออายุโรงงานเป็นอย่างไร การทำอีไอเอเป็นอย่างไร และที่สำคัญที่สุดที่ต้องกลับไปรื้อดูก็คือ คำสั่ง คสช. ที่ 4/2559 ที่ปลดล็อกกฎหมายผังเมืองให้กิจการที่เกี่ยวของกับพลังงานและขยะ จึงต้องไปดูว่ามีโรงงานใดปลดล็อกบ้าง และเมื่อปลดล็อกแล้วมีการปรับปรุงดูแลมาตรฐานความปลอดภัยและมีขีดความสามารถในการดูแลสารเคมีอย่างไร...

...สุดท้ายในเรื่องของกฎหมายพรรคก้าวไกลได้เสนอร่างกฎหมาย PRTR เพื่อควบคุมมลพิษและการเคลื่อนย้ายสารเคมีสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งตอนนี้ยังถูกดองค้างอยู่ในรัฐบาล สิ่งที่อยากเรียกร้อง คือให้รัฐบาลผ่านกฎหมายที่จำเป็นในการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นการเร่งด่วนที่สุด สิ่งเหล่านี้ พรรคกาวไกลจะเร่งจี้ และผลักดันให้รัฐบาลมีการดำเนินการโดยเร็ว”


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘พงศ์พรหม’ ฝากนายกฯ ดูระเบิดโรงงานย่านกิ่งแก้วเป็นบทเรียน ซัดระบบราชการล้มเหลว ลักไก่ปล่อยโรงงานใกล้ชุมชน-สนามบิน

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า ตั้งคำถามหลังเกิดเหตุระเบิดโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว 21 ว่า ดูจากจุดระเบิดแล้ว คำถามคือมีการก่อสร้างโรงงานแบบนี้ รวมถึงเก็บวัตถุอันตรายจำนวนมหาศาลแบบนี้ในเขตชุมชน และใกล้สนามบินสำคัญขนาดนี้ได้อย่างไร

1.) ท้องถิ่นฝ่าฝืนผังเมือง แอบอนุญาตอุตสาหกรรมอันตรายให้มาตั้งอย่างผิดกฎหมายหรือไม่

2.) โรงงานนี้เคยมีอยู่ก่อน แต่ชุมชนหนาแน่นย้ายเข้ามาโดยได้รับอนุญาตอย่างผิดกฎหมายหรือไม่

นายพงศ์พรหม กล่าวต่อว่า แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร 2 กรณีนี้มีคนทำผิดกฎหมาย การระเบิดครั้งนี้จึงฟ้องถึงระบบราชการแบบผิดกฎหมายที่แผ่กระจายไปทั่ว เพราะอุตสาหกรรมอันตรายไม่อนุญาตให้ตั้งในเขตชุมชนหนาแน่น หรือจุดเดินทางสำคัญของประเทศ ปัญหาจะเป็นกรมโยธาธิการ และผังเมือง หรือราชการ-การเมืองท้องถิ่น ฝากท่านนายกหยิบเป็นกรณีศึกษาถึง “ระบบราชการที่ล้มเหลว” ครับ

 

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4437784932898277&id=100000004424101


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'สมรักษ์ คำสิงห์' เผย 'ไม่พบเชื้อ' หลังตรวจโควิด รอบ 2

หลังจากที่ออกมาแจ้งว่าตนเองได้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้ง ๆ ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ทำให้ สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก ต้องรีบแยกจากครอบครัว ย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังนึงคนเดียว เพื่อรอโรงพยาบาลมารับ

โดยทางด้าน สมรักษ์ ก็ได้ออกมาเปิดใจผ่านโลกโซเซียลว่าตนเองไม่มีอาการอะไรเลย ก็งงเหมือนกันตอนที่หมอโทรมาบอกว่าติดเชื้อโควิด พร้อมกับแจ้งอีกว่าสำหรับคนที่ได้ใกล้ชิดตนเองในช่วงนี้ให้ไปตรวจหาเชื้อ

ทว่า ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดเผยผ่านโลกโซเชียลอีกครั้งว่า ผลการตรวจโควิด-19 ครั้งที่ 2 ของตนเองนั้น ปรากฏว่าผลตรวจไม่สัมพันธ์กับครั้งแรก ผลออกมาว่า ไม่พบเชื้อ ทำให้เจ้าตัวรู้สึกแปลกใจ พร้อมบอกเพิ่มเติมว่า 6 กรกฎาคม แพทย์จะนัดตรวจแบบ Swab อีกครั้ง หากไม่พบเชื้ออีกก็จะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้

 

 

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/108760


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top