Sunday, 6 July 2025
Hard News Team

สสว. จับมือ SME D Bank เตรียมปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 1% ต่อปี เปิดยื่นกู้มาก่อน มิสิทธิ์ก่อน มุ่งช่วยเอสเอ็มอีท่องเที่ยว ร้านอาหาร พื้นที่ จว.เปิดการท่องเที่ยว กับควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

สสว. จับมือ SME D Bank เตรียมปล่อยกู้ “โครงการสนับสนุน SMEs รายย่อย” วงเงิน 1,200 ล้านบาท  ดอกเบี้ย 1% ต่อปี ตอบสนองนโยบายรัฐบาล ช่วยเหลือเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุน กลุ่มท่องเที่ยว, ธุรกิจโรงแรม, ห้องพัก, เกสต์เฮ้าส์ และสปา ใน 10 จังหวัดนำร่องเปิดการท่องเที่ยว 

รวมถึง ธุรกิจภัตตาคาร และร้านอาหาร ใน 29 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ชูพิจารณาสอดคล้องตามสถานการณ์จริง จากฐานการเสียภาษีปี 62 หรือ 63 ที่ผ่านมา วงเงินกู้ บุคคลธรรมดาสูงสุด 3 แสนบาท นิติบุคคลสูงสุด 5 แสนบาท กำหนดเปิดแจ้งความประสงค์ผ่านออนไลน์ ในรูปแบบมาก่อนมีสิทธิ์ก่อน

จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดจนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของทางการ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ห้องพัก เกสต์เฮ้าส์ สปา ภัตตาคาร และร้านอาหาร ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงและต่อเนื่อง    สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จึงมอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เป็นหน่วยร่วมดำเนินโครงการสนับสนุน SMEs รายย่อย อนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 1,200 ล้านบาท เพื่อให้เอสเอ็มอีในกลุ่มธุรกิจดังกล่าว นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยายกิจกรรม ปรับปรุง ซ่อมแซม  ยกระดับมาตรฐานการให้บริการ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 1 ปี หลักประกัน กรณีบุคคลธรรมดา ใช้บุคคลที่น่าเชื่อถือค้ำประกัน ส่วนกรณีนิติบุคคล ใช้กรรมการผู้มีอำนาจแทนนิติบุคคลค้ำประกัน 

โครงการสนับสนุน SMEs รายย่อย ดำเนินการสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้เอสเอ็มอี โดยเฉพาะที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษได้สะดวก เหมาะสมกับสถานการณ์เร่งด่วน ดังนั้น ได้ปรับปรุงกระบวนการ โดยใช้เกณฑ์พิจารณาจากหลักฐานการเสียภาษีในปี 2563 หรือ 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น 

สำหรับคุณสมบัติของผู้ยื่นกู้ในโครงการนี้ ต้องเป็นสมาชิก สสว. กรณียังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ สสว. สามารถขอขึ้นทะเบียนก่อนได้ (http://members.sme.go.th/newportal/) โดยต้องเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มรายย่อย (Micro) และขนาดย่อม (Small) ตามนิยามของ สสว. อยู่ในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ห้องพัก เกสต์เฮ้าส์ และธุรกิจสปาที่ตั้งอยู่ในโรงแรม ห้องพัก เกสต์เฮาส์ ใน 10 จังหวัด พื้นที่นำร่องเปิดการท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1.) ภูเก็ต 2.) กระบี่  3.) พังงา 4.) สุราษฎร์ธานี 5.) เชียงใหม่ 6.) ชลบุรี 7.) เพชรบุรี 8.) ประจวบคีรีขันธ์ 9.) บุรีรัมย์ และ 10.) กรุงเทพมหานคร 

หรือที่จะมีประกาศเพิ่มเติม รวมถึง กลุ่มธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ใน 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด  ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับล่าสุด ประกอบด้วย  1.) กรุงเทพมหานคร 2.) กาญจนบุรี 3.) ชลบุรี  4.) ฉะเชิงเทรา 5.) ตาก 6.) นครปฐม 7.) นครนายก 8.) นครราชสีมา 9.) นราธิวาส 10.) นนทบุรี 11.) ปทุมธานี 12.) ประจวบคีรีขันธ์ 13.) ปราจีนบุรี  14.) พระนครศรีอยุธยา 15.) เพชรบุรี 16.) ปัตตานี 17.) เพชรบูรณ์ 18.) ยะลา 19.) ระยอง 20.) ราชบุรี  21.) ลพบุรี 22.) สงขลา 23.)สิงห์บุรี 24.)สมุทรปราการ 25.) สมุทรสงคราม 26.) สมุทรสาคร 27.) สระบุรี 28.) สุพรรณบุรี และ 29.) อ่างทอง หรือที่จะมีประกาศเพิ่มเติม     

อีกทั้ง ต้องไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเงินทุนในโครงการพลิกฟื้นฯ โครงการฟื้นฟูฯ หรือกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ รวมถึง ต้องไม่เป็นหนี้ NPLs ไม่ถูกดำเนินคดี และไม่เป็นบุคคลล้มละลาย    

สำหรับ วงเงินกู้ สำหรับบุคคลธรรมดา พิจารณาจากการชำระภาษี ภ.ง.ด.90 ในปี 2562 หรือ 2563 ที่สูงกว่า และความเป็นเจ้าของสถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท หากจำนวนเงินที่ชำระภาษี 0-10,000 บาท วงเงินกู้สูงสุด 100,000 บาท, จำนวนเงินที่ชำระภาษี 10,001-20,000 บาท วงเงินกู้สูงสุด 200,000 บาท และจำนวนเงินที่ชำระภาษีมากกว่า 20,000 บาทขึ้นไป วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท กรณีมีสถานประกอบการเป็นของตัวเองหรือบุคคลในครอบครัว ให้วงเงินเพิ่มอีกลำดับละ 50,000 บาท แต่รวมแล้วสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท สำหรับนิติบุคคล ไม่เกินร้อยละ 50 ของค่าใช้จ่ายในงบการเงินปี 2562 หรือ 2563 ที่สูงกว่า สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท  

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์ยื่นกู้ได้แล้ว ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของ SME D Bank ได้แก่ สแกน QR Code ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ หรือคลิก https://qrgo.page.link/VF6Ka รวมถึง เว็บไซต์ของ SME D Bank (https://www.smebank.co.th/), Line OA : SME Development Bank และแอปพลิเคชัน : SME D Bank โดยใช้เกณฑ์มาก่อนได้ก่อน (first come first serve) และจะปิดแจ้งความประสงค์ยื่นกู้เมื่อเต็มวงเงิน  

ดังนั้นเชิญชวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มเป้าหมายที่สนใจ  รีบแจ้งความประสงค์โดยเร็ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“กระทรวงยุติธรรม” ผุดโครงการ “ฟ้าทะลายโจร ปลูกเดือนแม่ เก็บเกี่ยวเดือนพ่อ”  สั่ง ป.ป.ส. นำร่องหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน 1,000 แห่ง ปลูกฟ้าทะลายโจร สู้โควิด 19 เป้าหมาย 12 ล้านต้น เฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม และเพื่อช่วยประชาชนที่ต้อ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมหารือนำหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน จัดโครงการส่งเสริมปลูกฟ้าทะลายโจร สู้โควิด-19 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม ประจำปี 2564 ผ่านระบบ webex meeting โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้อำนวยการ กอง/สำนัก ปปส.ภาค 1-9 และปปส.กทม. เข้าร่วม

โดย นายสมศักดิ์ กล่าวถึงที่มาของโครงการปลูกฟ้าทะลายโจรนี้ว่า  เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงก่อตั้งหมู่บ้านกองทุนของแผ่นดิน ประกอบกับ เดือนสิงหาคม ซึ่งตรงกับวันแม่แห่งชาติ (12 สิงหาคม) และการจัดกิจกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดินที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ในปี 2564 นี้ ไม่สามารถดำเนินการจัดกิจกรรมได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 จึงเห็นว่ากิจกรรมการปลูกฟ้าทะลายโจร น่าจะเป็นประโยชน์แก่หมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน และประชาชนคนไทย ที่จะมีพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เอาไว้ใช้รักษา ภายใต้แนวคิด “ฟ้าทะลายโจร ปลูกเดือนแม่ เก็บเกี่ยวเดือนพ่อ” 

ขณะที่ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า แนวทางของการจัดโครงการนั้น สำนักงาน ป.ป.ส. ได้กำหนดเป้าหมายของการปลูกฟ้าทะลายโจรให้ได้ 12 ล้านต้น โดยหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบัน มีหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน 24,455 หมู่บ้าน ในการปลูกนำร่องนี้ จะเริ่มจากหมู่บ้านที่มีความพร้อมก่อน จำนวน 1,000 แห่ง โดยจะเริ่มปลูกภายในเดือนสิงหาคมนี้ และคาดว่า จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตหรือนำมาผลิตแปรรูปเป็นเม็ดยาได้ในเดือนธันวาคม (5 ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ) 

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวเป็นนโยบายของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ได้มอบหมายให้ สำนักงาน ป.ป.ส. ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยนำเอาเครื่องผลิตเม็ดยาบ้า มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ด้วยการช่วยผลิตฟ้าทะลายโจรอัดเม็ด โดยผลผลิตที่ได้จากหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน ชุมชนสามารถบริหารจัดการเองได้ โดยอาจผลิตในรูปแบบเม็ด หรือ ยาลูกกลอนพื้นบ้าน หรือหากต้องการให้ สำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการอัดเป็นเม็ดให้ ก็สามารถทำได้ ซึ่งส่วนหนึ่งของผลผลิต สำนักงาน ป.ป.ส. จะขอรับบริจาค เพื่อนำไปช่วยเหลือให้กับพี่น้องประชาชนที่มีความจำเป็นต้องการใช้เพื่อรักษาโควิด-19 ต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือน ระวังภัยร้ายจากโลกออนไลน์ 6 ประเภท ในช่วง work from home

วันที่ 17 ส.ค. 64  พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำงานส่วนใหญ่มีนโยบายให้ประชาชนทำงานที่บ้าน (work from home) ทำให้หลายคนต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำงานมาเป็นแบบออนไลน์มากขึ้น และมีผลทำให้ประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยในโลกออนไลน์ 6 ประเภท ที่ประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อ หรืออาจเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง อันได้แก่ 

(1) การระรานทางไซเบอร์ (Cyber Bully) หมายถึง การกลั่นแกล้ง การให้ร้าย การด่าว่า การข่มเหง การรังแกผู้อื่น หรือ แสดงความคิดเห็น (Comment) หรือ เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูล (Share) ที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายทางสื่อสังคมออนไลน์ อาจมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท ดังนั้นควรมีสติก่อนจะโพสต์ แสดงความคิดเห็น หรือ ส่งต่อข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์

(2) การถูกเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (ถูกแฮก) มักเกิดจาก การใช้รหัสที่คาดเดาได้ง่าย เช่น หมายเลขโทรศัพท์มือถือ วันเดือนปีเกิด 123456 เป็นต้น หรืออาจไปกดลิงก์ Phishing ที่สร้างลิงก์มาหลอกให้คลิก เช่น หลอกจะให้รางวัล บัตรกำนัล แจกเงิน แจกภาพ/คลิปลามกอนาจาร, ใบ้หวย เลขเด็ด, ข่าวซุบซิบดารา, หลอกว่าบัญชีธนาคารมีปัญหา ฯลฯ เมื่อเข้าไปในลิงก์ที่กดแล้ว คนร้ายจะให้กรอก Username Password หรือแม้กระทั่งมีการหลอกเอารหัสใช้ครั้งเดียว (OTP) โดยคนร้ายจะโทรศัพท์หรือแชทมาขอรหัสโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ Call center หรือปลอมเป็นเพื่อนเรา สำหรับการป้องกันการถูกแฮก ต้องตั้งรหัสคาดเดาได้ยาก, ไม่กดลิงก์แปลก ๆ ที่ไม่มีที่มาที่ไป หรือไม่น่าเชื่อถือ, ไม่บอกรหัส OTP แก่ผู้อื่น, ตั้งค่ารหัสยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น (2 Factor Authentication) ในทุกสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น

(3) การฉ้อโกงออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การหลอกซื้อของออนไลน์ในลักษณะซื้อของไม่ได้ของ หรือซื้อของแล้วได้ของไม่เป็นไปตามรูปแบบที่สั่ง (ไม่ตรงปก), หลอกให้ลงทุนโดยอ้างว่าได้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้น ๆ เป็นต้น การป้องกันฉ้อโกงออนไลน์ สามารถทำได้ด้วยคาถา 3 อย่า คือ

- อย่าเชื่อ โดยนำชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัญชีธนาคาร ชื่อร้านค้า ฯลฯ ไปหาข้อมูลใน google ว่าเคยมีประวัติการฉ้อโกงหรือไม่ 

- อย่าโลภ ไม่ควรเห็นแก่ผลประโยชน์ที่มิจฉาชีพมาอ้างเพื่อชักชวนลงทุนหรือสินค้าราคาถูกมากเกินจริง

- อย่าละเลยข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อจะรู้เท่าทันโจรไซเบอร์ 

(4) หลอกรักออนไลน์ (Romance Scam) โดยสร้างโปรไฟล์เป็นฝรั่งหรือชาวตะวันออกกลาง มีฐานะดีมาจีบ สุดท้ายหลอกให้โอนเงินไปให้โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ, หลอกรักลวงลงทุน (Hybrid Scam) โดยสร้างโปรไฟล์เป็นหนุ่มสาวหมวยตี๋ชาวเอเซีย มาจีบ สุดท้ายหลอกให้ลงทุนค่าเงินสกุลดิจิทัลในแอปพลิเคชันปลอมโดยคนร้ายจะส่งลิงก์มาให้ การป้องกันการหลอกรักออนไลน์และหลอกรักลวงลงทุน คือ เมื่อมีชาวต่างชาติขอเป็นเพื่อนแล้วมีการพูดคุยในลักษณะจีบเป็นแฟน อาจตรวจสอบได้โดยขอนัดเจอตัวจริง หรือร้องขอให้เปิดกล้องวิดีโอคอล ให้เห็นหน้าเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับรูปในโปรไฟล์จริง ๆ (หน้าตรงปก) ซึ่งส่วนใหญ่ คนร้ายจะไม่ยอมวิดีโอคอล โดยอ้างเหตุขัดข้องต่าง ๆ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ และไม่ควรโอนเงินให้ทุกกรณีที่มีการกล่าวอ้าง หรือลงทุนในแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพส่งลิงก์มาให้

(5) แก๊งแอปพลิเคชันเงินกู้ ที่มีการระบาดมาก โดยอาศัยปัญหาทางเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนในช่วงโควิด-19 เข้ามาชักชวนให้ประชาชนกู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน จากนั้นจะหลอกให้โอนเงินค่าธรรมเนียมก่อนกู้ เมื่อเหยื่อโอนเงินแล้วจะบล็อค หรือ อีกรูปแบบหนึ่งคือ ให้กู้เงินจริงแต่จะขูดรีดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อไม่ชำระหนี้ตามกำหนด จะมีการโทรศัพท์ขู่ ต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้กู้ นอกจากนั้นจะมีการส่งข้อความหรือโทรศัพท์หาเพื่อนผู้กู้ในลักษณะประจานผู้กู้ หรือหลอกลวงให้เพื่อนผู้กู้มาชำระหนี้แทนโดยอ้างว่าเพื่อนผู้กู้เป็นผู้ค้ำประกัน จึงควรหลีกเลี่ยงการกู้เงินผ่านแอปพลิเคชันเงินกู้ทุกกรณี และ

(6) ข่าวปลอม (Fake News) มีบุคคลไม่หวังดีพยายามส่งข่าวปลอมเข้ามาในสื่อสังคมออนไลน์โดยมีจุดประสงค์ไม่ดี เช่น สร้างความขัดแย้ง สร้างความเกลียดชัง สร้างความสับสน สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน เป็นต้น จึงควรตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นเรื่องจริงก่อนจะเชื่อและส่งต่อ เพราะอาจตกเป็นเครื่องมือของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลจาก ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย www.antifakenewscenter.com หรือ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือ สำนักข่าวที่น่าเชื่อถือ เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความห่วงใย และได้มอบนโยบายในการสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนในการป้องกันตัวเองมิให้ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรในทุกรูปแบบ 

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราเมศ ย้ำ เฉลิมชัย ตอบได้ทุกประเด็น ยึดซื่อสัตย์สุจริต จึงไม่คิดกลัวฝ่ายค้าน

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นที่มีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า หลักการต้องถือว่าเป็นสิทธิของฝ่ายค้านในระบบประชาธิปไตยที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร เคารพในการทำหน้าที่ตามครรลอง ส่วนข้อมูลของฝ่ายค้านจะมีน้ำหนักมากน้อยขนาดไหนก็ต้องรอดูตอนอภิปราย  นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยก็ไม่ได้กังวลใจใดๆเลย สามารถตอบคำถามชี้แจงได้ทุกประเด็น ความจริง ความซื่อสัตย์ สุจริต สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าจะทำให้ทุกคำตอบสิ้นข้อสงสัย 

นายเฉลิมชัย เป็นรัฐมนตรีที่มาจากลูกชาวบ้าน ได้ทำหน้าที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ย่อมเข้าใจถึงความรู้สึกของพี่น้องประชาชนดี จะให้ใช้ตำแหน่งไปแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือพวกพ้องไม่มีแน่นอนในส่วนของพรรคไม่ได้ตั้งวอร์รูมแต่อย่างใด แต่โดยส่วนตัวที่รับผิดชอบด้านกฎหมาย ก็จะสนับสนุนข้อมูลนายเฉลิมชัยอย่างเต็มที่ และในฐานะโฆษกพรรคหากมีการบิดเบือนข้อมูลจากฝ่ายค้าน ก็พร้อมที่จะชี้แจงทันที เราเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของนายเฉลิมชัยอย่างเต็มที่ ไม่มีทุจริตจึงไม่คิดกลัวฝ่ายค้านแต่อย่างใด

คำถามชวนคิด 238 ปี ใครคือเจ้าของประเทศ? คำถามชวนตอบ "คุณทำอะไรให้ประเทศบ้าง?"

ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว (15 ส.ค. 63) เจ้าของผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า 'Atirutj Sarlim' ได้โพสต์ข้อความที่ชวนให้เกิดการตั้งคำถามใหม่ ๆ แก่คนรุ่นใหม่ ที่อาจมองต่างมุม แต่ไม่ได้มองมุมกลับได้อย่างน่าสนใจว่า...

238 ปี ที่ไม่ต้องสงสัย ใครคือเจ้าของประเทศ?

เข้าไปโพสต์ใน Facebook ของธนาธร มีวัยรุ่นเข้ามาถามหลายเรื่อง ก็ตอบไป จนถึงคำถามล่าสุด ถามว่าทำไมไม่อยากให้ตรวจสอบสถาบัน เลยตอบไปว่า...

ไม่ใช่ไม่อยากให้ตรวจสอบครับ แต่ไม่เห็นเหตุผลหรือความจำเป็นต้องตรวจสอบ

ท่านไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยอะไร ที่ต้องโดนตรวจสอบ ไม่ได้กระทำผิดอะไร!!

ราชวงศ์จักรีเริ่มต้นในปี 2325 ยาวมาจนปัจจุบัน 2563 เป็นเวลา 238 ปี

ก่อน 2475 >> นักการเมืองบริหารประเทศเหรอครับ?

เงินที่อยู่ในคลังของประเทศ >> นักการเมืองเป็นผู้ดูแลเหรอครับ?

ที่ดินที่กลายเป็น มธ. ท่าพระจันทร์ ก่อน 2475 >> เป็นของใครเหรอครับ?

ตอนที่ประเทศสยามต้องไถ่ถอนจากฝรั่งเศส >> เป็นเงินใครครับ?

จาก 2325 ถึง 2475 เป็นเวลา 150 ปี >> แผ่นดินในประเทศสยามเป็นของใครเหรอครับ?

พอ 2475 ใครเอาปืนไปจี้ปล้นมาจากท่านครับ?

ที่ดินที่กลายเป็น มธ. ใช่ของปรีดีเหรอครับ?

เงินทั้งหมดที่ปรีดีใช้หลัง 2475 ลอยลงมาจากอากาศเหรอครับ? หรือปรีดีหยอดกระปุกเก็บไว้

แล้วเงินของราชวงศ์ ที่ส่งต่อกันมากว่า 150 ปี ปรีดีและพวกกลุ่มเล็ก ๆ ที่อ้างประชาชนทั้งประเทศ มีความชอบธรรมอะไรไปเอาของท่านมาครับ?

ทรัพย์สินของราชวงศ์ ไม่ได้เพิ่งมีหลัง 2475 เหมือนปรีดีและพรรคพวกนะครับ 150 ปีนะครับจาก 2325 ถึง 2475...

แล้วทำไมราชวงศ์จะไม่มีสิทธิ์เอาของของท่านที่โดนเอาปืนจี้ปล้นไปกลับคืนครับ?

แล้ว 88 ปีที่ประชาชนมาบริหารประเทศต่อจาก 150 ปีที่ราชวงศ์บริหารมา มีสิทธิ์อะไรกับทรัพย์สินของท่านครับ?

จะอ้างจ่ายภาษี จากวันที่คุณเกิด จนถึงวันที่คุณอ้างว่า จ่ายภาษี กับ 238 ปีที่ราชวงศ์จักรีดำรงอยู่ เทียบกันหน่อยครับว่า เงินคุณจะประมาณเท่าไหร่กับเงินของราชวงศ์ที่ส่งต่อกันมาครับ

ผมไม่เห็นความชอบธรรมอะไรเลย ที่คนแบบพวกคุณจะมีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับเงินของราชวงศ์ โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่อายุยังไม่ถึง 30 ปีเลย

30 ปี กับ 238 ปี กับคุณูปการต่าง ๆ ที่กษัตริย์ไทยได้สร้างไว้ตั้งแต่วันประชาชนชาวไทยยังไม่ได้บริหารประเทศจนวันนี้

คุณทำอะไรให้ประเทศบ้าง?

คุณกับครอบครัวคุณ และพวกที่เรียกร้องด้วยครับ จากวันที่เกิด จนวันที่ลุกขึ้นมาเรียกร้อง ทำอะไรให้ประเทศเท่ากับที่ราชวงศ์ทำมาตั้งแต่ 2325 ครับ ถึงบอกว่าพวกคุณมีความชอบธรรมมากพอ เป็นเจ้าของประเทศมากพอ ที่จะไปตรวจสอบพระมหากษัตริย์ที่สืบทอดต่อเนื่องมา 238 ปี

เอาความชอบธรรมอะไรไปตรวจสอบท่านครับ งงมาก


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3263615580348530&id=100001003612221&refid=52&__tn__=-R


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม.เห็นชอบ ลงนามรับบริจาคยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี้ จากเยอรมัน -เห็นชอบ รับสนับสนุนวัคซีน แอสตราฯจากภูฏาน พร้อมส่งคืนให้ในอนาคต

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม. เห็นชอบให้อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นผู้มีอำนาจลงนาม สัญญาการลงนามในร่าง In-kind Donation Agreement ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ประเทศเยอรมัน กับ กระทรวงสาธารณสุขของไทย เพื่อรับบริจาคยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี้ (ยาคาซิริวิแมบและอิมเดวิมาเมบ) จากเยอรมันของบริษัทรีเจนเนอรอน (Regeneron) จำนวน 1,000-2,000ชุด โดยเป็นการบริจาคแบบไม่มีเงื่อนไข เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยประเทศไทยในฐานะผู้รับบริจาค ไม่ต้องชำระค่าตอบแทนสำหรับยา แต่มีภาระในการรับมอบจาก Bundeswehrapotheke (ร้านขายยาทหาร) Epe และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้แก่ ค่าขนส่ง ค่าจัดเก็บ  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากนั้น ครม.เห็นชอบการลงนามในร่าง FORM OF AGREEMENT Tripartite Agreement ระหว่างรัฐบาลภูฏาน รัฐบาลไทย และบริษัท แอสตราเซเนกาจำกัด  ซึ่งเป็นการรับมอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) ของบริษัท 
แอสตราเซเนกา จำกัด โดยให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญา

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รัฐบาลภูฏานมีความประสงค์จะมอบวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัท แอสตราเซเนกา จำนวน 130,000-150,000 โดส แก่ประเทศไทย ผลิตโดย Statens Serum Institute ประเทศสวีเดน บนพื้นฐานของการส่งมอบคืนในอนาคต ตามข้อตกลงไตรภาคี ระหว่างรัฐบาลภูฏาน  รัฐบาลไทย และบริษัทแอสตราเซเนกาจำกัด   

ครม. กำหนด วันที่ 5 ธ.ค. ของทุกปี เป็น"วันอาสาสมัครสากล"

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)  ว่า ครม. เห็นชอบกำหนดให้มีการจัดงานวันอาสาสมัครสากล (International Volunteer Day: IVD) ตามมติสหประชาชาติ ในวันที่ 5 ธันวาคมเป็นประจำทุกปี เพื่อให้การขับเคลื่อนกิจกรรมด้านอาสาสมัครของไทยเผยแพร่สู่ระดับสากลและเป็นการยกระดับสู่การบรรลุเป้าหมายที่ยั่งยืน (SDGs) โดยกำหนดช่วงระยะเวลาการจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 21 ตุลาคม (วันอาสาสมัครไทย) ถึงวันที่ 5 ธันวาคม (วันอาสาสมัครสากล) ของทุกปี นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้รับผิดชอบหลัก และกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมรับผิดชอบในส่วนของการสนับสนุนและประสานงานในการจัดกิจกรรมต่างๆ เนื่องในโอกาสวันอาสาสมัครสากล

ทั้งนี้ ความเป็นมาของ “วันอาสาสมัครสากล” ถูกกำหนดขึ้นจากมติขององค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2528 ได้ประกาศให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันอาสาสมัครสากล และเชิญชวนประเทศต่างๆ จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับงานอาสาสมัคร โดยคณะรัฐมนตรีเคยมีมติ เมื่อ 19 ธันวาคม 2543 กำหนดให้ “วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันอาสาสมัครไทย” เพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับอาสาสมัคร สำหรับการจัดกิจกรรมวันอาสาสมัครสากลในไทย ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และโครงการอาสาสมัครแห่งสหประชาชาติ (United Nations Volunteer: UNV) ได้จัดงานวันอาสาสมัครสากลของประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติกรุงเทพมหานคร และจัดกิจกรรมตามหัวข้อที่องค์การสหประชาชาติกำหนดไว้ในแต่ละปี 

โฆษกรัฐบาลเผยผลสอบประมูลก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเหนือ-อีสาน ยังไม่แล้วเสร็จ ขอรออีกนิด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนแทนนายกรัฐมนตรีถึงกรณีที่นายกฯมีคำสั่ง ลงวันที่ 17 มิ.ย.64 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการประมูลการก่อสร้าง รถไฟทางคู่ทั้งสายเหนือและสายอีสาน ขณะนี้เวลาล่วงเลยไป 2 เดือนแล้ว ผลตรวจสอบได้ข้อสรุปผลอย่างไรบ้าง มีการทุจริตหรือไม่ และนายกฯได้สั่งการกระทรวงคมนาคมดำเนินการอย่างไรต่อไปว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ และทราบว่าในเรื่องที่ได้มีการยื่นไปไปกลับด้านองค์กรอิสระต่างๆในการที่จะตรวจสอบทั้งในเรื่องของความโปร่งใส ทั้งในเรื่องที่ว่ามีการทุจริตหรือไม่ ตรงนี้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบก็ขอให้รอเวลาอีกนิดที่จะมีข้อสรุปออกมา

รัฐบาล แจงเหตุสั่งซื้อซิโนแวคเพิ่ม ยกงานวิจัยชี้ฉีดไขว้ภูมิสูงถึง4 เท่า-ป้องเดลต้าได้ ระหว่างรอวัคซีน​mRNA ช่วงปลายก.ย.-ต้น ต.ค.นี้ ยืนยันเป้าเดิมได้ครบ 100 ล้านโดสภายในปีนี้ สั่งคาดโทษคนสวมรอยจนท.ฉีดไฟเซอร์ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทนนายกรัฐมนตรีถึงเหตุผลของรัฐบาลในการสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ว่า มีเหตุผลด้านการวิจัยและการเก็บข้อมูลมารองรับ เนื่องจากตั้งแต่องค์การอนามัยโลกได้มีการอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบบไขว้ชนิด ทางประเทศไทยจึงเริ่มมีการฉีดวัคซีนแบบไขว้และเก็บข้อมูลมาซึ่งข้อมูลที่ได้พบว่า ถ้าเป็นผู้ที่ฉีดซิโนแวคเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จะมีภูมิ ต่ำกว่าการฉีดแอสตราตราเซเนกา 2 เข็ม และจากการเก็บข้อมูลพบว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มที่1 ไขว้ด้วยแอสตราเซเนกา เข็มที่ 2 จะทำให้ภูมิขึ้นมาสูงกว่า การฉีดวัคซีน​ซิโนแวค 2 เข็ม ถึง 4 เท่า และสามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลต้าได้ด้วย จึงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ประเทศไทยจะเริ่มฉีดวัคซีนในลักษณะนี้ ในผู้ที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน ระหว่างรอวัคซีน​mRNA ที่จะมาในช่วงปลายเดือน ก.ย. หรือ ต้น ต.ค.นี้
 
เมื่อถามถึงกรณีรพ.เฉลิมพระเกียรติ ฉีดวัคซีนไฟเซอร์บูสเตอร์โดสเข็ม 3 ให้ภรรยาผอ.รพ.และกรณีแพทย์จ.นครศรีธรรมราช นำญาติที่ไม่ใช่บุคลากรด่านหน้ามาฉีดวัคซีนไฟเซอร์ กรณีแบบนี้จะจัดการอย่างไร นายอนุชา กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการให้ทางจังหวัดสอบสวนตั้งคณะกรรมการขึ้นมา รวมถึงให้สาธารณสุขจังหวัดเข้ามาตรวจสอบ และต้องพิจารณาว่าหากตรวจสอบแล้วมีความผิดจริงก็ต้องดำเนินการลงโทษตามระเบียบวินัยต่อไป ย้ำว่ารัฐบาลไม่มีการให้นโยบายฉีดให้กับ VIP แต่อย่างใด

นายอนุชา ยังกล่าวถึงแผนการจัดหาวัคซีนว่าไทยจะได้ฉีดให้ประชากรในไทยคลอบคลุมทุกกลุ่มภายในสิ้นปีนี้แน่นอนหรือไม่ ว่า ปัจจุบันการฉีดวัคซีน มีข้อมูลว่าฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 24 ล้านโดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 ประมาณ 18.3 ล้านโดส เข็มที่ 2 ประมาณ 5.2 ร้านโดส และเข็ม Booster เข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และด่านหน้าประมาณ 500,000 โดส โดยคาดการณ์ว่าภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ จะสามารถฉีดได้ถึง 30 ล้านโดส โดยภายในเดือนนี้มีการฉีดระหว่างช่วงวันที่ 6 ส.ค.ได้สูงถึง 600,000 โดสต่อวัน เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับวัคซีนที่จะเข้ามา ซึ่งสามารถเพิ่มศักยภาพในการฉีดได้ 

นายอนุชา กล่าวว่า ทั้งนี้ย้ำว่าในปี 2564 มีการยืนยันแล้วว่าจะมีวัคซีนเข้ามาครบ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้ เพราะฉะนั้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายตั้งแต่เดือนต.ค.-ธ.ค. จะมีศักยภาพในการฉีดมากกว่า 15 ล้านโดสอย่างแน่นอน ยืนยันว่าภายในสิ้นปีจำนวน 100 ล้านโดสก็จะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย

ครม.รับทราบ การพัฒนากฎหมาย เพื่อเร่งรัดให้เกิดรัฐบาลดิจิทัล 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบการพัฒนากฎหมายเพื่อเร่งรัดให้เกิดรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ดำเนินการพัฒนากฎหมายไปแล้ว อาทิ 1.จัดทำพ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยื่นคำขอหรือการติดต่อใดๆ ระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐหรือระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกัน สามารถทำโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งขณะนี้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร 2.จัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2564 (ระเบียบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์) โดยหน่วยงานของรัฐต้องใช้อีเมลในการสื่อสารเป็นหลักมีผลตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้สามารถพัฒนาต่อยอดไปใช้ในการจัดทำระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ 3.ปรับปรุงกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินงานทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดทำร่างพ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัย 6 ประเด็น)  ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงให้บริษัทมหาชนจำกัดและคณะกรรมการบริษัทมหาชนจำกัด สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร

น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า 4.ปรับปรุงวิธีการเขียนกฎกระทรวงและกฎหมายลำดับรองอื่นให้หน่วยงานของรัฐให้บริการแก่ประชาชนด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามมาตรา 8 และมาตรา 9 แห่งพ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 ซึ่งปัจจุบันมีกฎหมายลำดับรองระดับกฎกระทรวงที่ผ่านการพิจารณาทั้งหมด 75 ฉบับ และพร้อมรองรับการดำเนินการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว และ 5.จัดทำระบบกลางทางกฎหมาย เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มกลางเกี่ยวกับกฎหมาย ที่ให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) แก่หน่วยงานของรัฐและประชาชน ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2564 แล้ว สำหรับการดำเนินการระยะถัดไปจะเป็นการขยายการให้บริการข้อมูลกฎหมายทั้งหมดของประเทศ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคม 2565


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top