Friday, 4 July 2025
Hard News Team

ปลัด พม. เปิดเผย จนท.พม. ทำงานทุ่มเท ตลอด 24 ชม. เฝ้าติดตามสถานการณ์ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และได้ช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบางกว่า 44,000 ราย

ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เปิดเผยว่า ด้วยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการบริหารภาวะวิกฤติโควิด-19 กระทรวง พม. เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลและการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ คนเร่ร่อน ไร้บ้าน และผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนและความยากลำบากจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งการสื่อสารสังคม การรายงาน และติดตามผลการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางจนสิ้นสุดกระบวนการ โดยทำงานเชื่อมโยงกับศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 ที่ทำงานตลอด  24 ชั่วโมง  อีกทั้งได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการบริหารภาวะวิกฤติโควิด- 19 ระดับจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อประสานการช่วยเหลือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ 

นางพัชรี กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 64 จนถึงวันที่ 19 ส.ค. 64 กระทรวง พม. ได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้ป่วยโควิด-19 และประสบปัญหาทางสังคมทั่วประเทศ  รวมจำนวน 44,847 ราย โดยทำงานประสานความร่วมมือกับ กระทรวงสาธาณสุข สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ภาคเอกชน มูลนิธิต่างๆตลอดทั้งสื่อมวลชน แบ่งเป็นในพื้นที่ กทม. 6,717 ราย และส่วนภูมิภาค 38,130 ราย โดยแบ่งเป็น 1. เด็กและเยาวชน 7,950 ราย 2. คนพิการ 8,698 ราย 3. ผู้สูงอายุ 6,650 ราย 4. ผู้ป่วยติดเตียงและป่วยเรื้อรัง 555 ราย 5. คนเร่ร่อนและคนไร้ที่พึ่ง 1,787 ราย 6. สตรีตั้งครรภ์ 97 ราย และ 7. ผู้ประสบปัญหาทางสังคมอื่นๆ 19,110 ราย  สำหรับการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตามภารกิจ กระทรวง พม. มีการดำเนินการที่สำคัญ  ดังนี้ 1. กระบวนการสังคมสงเคราะห์ ได้แก่ 1.1) การให้คำปรึกษา 13,920 ราย 1.2) ประสานส่งกลับภูมิลำเนา 377 ราย 1.3) ประสานส่งต่อ 2,729 ราย 1.4) การมอบเครื่องอุปโภคและบริโภค 183,552 ชุด และ 1.6) การช่วยเหลือเป็นเงิน 42,034,163 บาท และ 2. ประสานกระบวนการสาธารณสุข ได้แก่ 2.1) การตรวจเชื้อ 1,877 ราย 2.2) การรักษา 1,907 ราย 2.3) ฉีดวัคซีน 9,272 ราย และ 2.4) จัดหาที่พักชั่วคราวและศูนย์พักคอย 1,345 ราย 

นางพัชรี กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประชาชนกลุ่มเปราะบางที่กำลังประสบปัญหาทางสังคมและได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของโรคโควิด-19 สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ 1) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง 2) สายด่วนคนพิการ โทร. 1479 บริการ 24 ชั่วโมง 3) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั่วประเทศ และ 4) อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในพื้นที่ 

มทบ.12 จัดรถครัวสนามช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19

ปราจีนบุรี-มทบ.12 จัดรถครัวสนามช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 

19 ส.ค.64 ที่โรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี พล.ต.ดิฐพงษ์ เจริญวงศ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 และ คุณทัศนีย์ เจริญวงศ์ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก มทบ.12 นางอารีย์ เลิศกิจเจริญผล ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างปราจีนบุรี พร้อมด้วยผู้บริหาร กลุ่มวิทยากรจิตอาสา 904 จัดรถครัวสนาม เพื่อประกอบอาหารปรุงสำเร็จ และน้ำดื่ม จำนวน 500 ชุด พร้อมมอบเงินสนับสนุน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 

ทั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนอาหารว่าง, Face Shield จำนวน 200 ชิ้น พร้อมด้วยน้ำดื่ม จากวิทยาลัยสารพัดช่างปราจีนบุรี เพื่อมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่มารับบริการ รพ.ค่ายจักรพงษ์ อีกทั้งร่วมส่งกำลังใจ "หนึ่งคำพูด ล้านกำลังใจ สู้ภัยโควิด-19 " ขอบคุณบุคคลากรทางการแพทย์ ในการปฏิบัติงานอย่างทุ่มเท เสียสละเพื่อประชาชนชาวจังหวัดปราจีนบุรี

ในการนี้ได้นำอาหารปรุงสำเร็จแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ชุมชนรอบค่ายฯ (Army Delivery) เพื่อเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ตามโครงการ "มีแล้ว...แบ่งปัน"

ณัฐวัฒน์  กุลเศรษฐ์สุวภา  ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี

 

กลุ่มตอลิบานย้ำชัด ให้สิทธิสตรีภายใต้กรอบกฎหมายอิสลาม ยืนยันไม่อยากมีศัตรูทั้งในและนอกประเทศ

คาบูล (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - กลุ่มตอลิบานแถลงอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยึดกรุงคาบูล ว่า พวกเขาต้องการความสัมพันธ์ที่สงบสุขกับประเทศอื่น ๆ และจะเคารพสิทธิสตรีภายใต้กรอบกฎหมายอิสลาม ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ มีคะแนนนิยมเหลือเพียงร้อยละ 46 ในการสำรวจความคิดเห็นประชาชนอเมริกันล่าสุด ลดลงจากร้อยละ 53 ในการสำรวจครั้งก่อน และถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ

โฆษกของกลุ่มตอลิบานกล่าวว่า พวกเขาไม่ต้องการศัตรูทั้งในและนอกประเทศ สตรีในอัฟกานิสถานจะได้รับอนุญาตให้ทำงาน เข้าเรียน รวมถึงการเคลื่อนไหวในสังคม แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายอิสลาม พร้อมกับบอกว่าต้องการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลชุดที่แล้วมาร่วมทำงานในรัฐบาลใหม่ด้วย

ส่วนประเด็นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คน โดยเฉพาะชาวอัฟกันที่ทำงานให้กับสหรัฐฯ และชาติตะวันตกที่กลัวว่าจะถูกแก้แค้นนั้น โฆษกตอลิบานได้ประกาศนิรโทษกรรมให้ และระบุว่าจะไม่มีใครได้รับอันตราย ส่วนในระดับนานาชาติที่เกรงกันว่า อัฟกานิสถานจะกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มก่อการร้ายอีกครั้งนั้น โฆษกตอลิบานย้ำว่า จะไม่ยอมให้ใครใช้อัฟกานิสถานเพื่อก่อการร้ายจะไม่ให้ใครใช้แผ่นดินนี้ไปทำร้ายประเทศอื่น

กลุ่มตอลิบาน ระบุว่า 'อับดุล กานี บาราดาร์' หนึ่งในแกนนำและผู้ก่อตั้งกลุ่มตอลิบาน ได้เดินทางกลับมายังอัฟกานิสถานเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ก่อนหน้านี้ บาราดาร์ถูกจับกุมในปี 2010 แต่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในปี 2018 ตามคำขอของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เพื่อให้เขามีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพ

ทั้งนี้ ในช่วงที่กลุ่มตอลิบานปกครองอัฟกานิสถาน ในปี 1996-2001 พวกเขาได้นำกฎหมายชารีอะห์ของอิสลามมาใช้ ทำให้สตรีไม่มีสิทธิทำงาน และเด็กผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปโรงเรียน นอกจากนี้ สตรีในอัฟกานิสถานยังต้องสวมผ้าคลุมแบบอิสลามตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าโดยเว้นเพียงดวงตาเมื่ออยู่นอกบ้าน และจะออกข้างนอกได้ก็ต่อเมื่อมีญาติผู้ชายอยู่ด้วยเท่านั้น

ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ และชาติตะวันตกเริ่มกลับมาเปิดเที่ยวบินอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตและพลเรือนอีกครั้ง หลังเกิดเหตุชุลมุนที่สนามบินคาบูลเมื่อวันจันทร์เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ เผยว่า เที่ยวบินของกองทัพสหรัฐฯ อพยพชาวอเมริกันออกจากกรุงคาบูลได้ราว 1,100 คน ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษระบุว่า พวกเขาตกลงที่จะจัดการประชุมผ่านระบบออนไลน์ของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือจี 7 ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์และแนวทางร่วมกันต่ออัฟกานิสถาน

ในอีกด้านหนึ่ง ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสที่จัดทำขึ้นเมื่อวันจันทร์พบว่า ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ร้อยละ 46 ยอมรับในผลงานของประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม โดยลดลงจากเดิมที่ร้อยละ 53 จากผลสำรวจครั้งล่าสุดเมื่อวันศุกร์ คะแนนนิยมของประธานาธิบดีไบเดนลดลงในขณะที่กลุ่มตอลิบานได้บุกยึดกรุงคาบูลหลังสหรัฐฯ ตัดสินใจถอนกำลังทหารทั้งหมดที่ประจำการในอัฟกานิสถานมาเป็นเวลา 20 ปี ซึ่งใช้งบประมาณไปเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33 ล้านล้านบาท) และทำให้ทหารอเมริกันจำนวนมากต้องเสียชีวิต อย่างไรก็ดี ผู้ที่ออกเสียงลงคะแนนให้ทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตส่วนใหญ่ระบุว่า สถานการณ์วุ่นวายในอัฟกานิสถานเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐฯ ควรถอนตัวออกมา


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/595967


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดทีมสังคมสงเคราะห์ เร่งส่งต่อธารน้ำใจ มอบชุดแรกรับ และส่งต่อชุดยังชีพพร้อมน้ำดื่ม แก่ศูนย์พักคอย  พร้อมมอบหน้ากากอนามัย (แบบผ้า) และขนม แก่ผู้ขาดแคลน และสถานสงเคราะห์เด็กและศูนย์ฝึกอบรมและเยาวชนต่างๆ สู้ภัยโควิด-19

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยนายพินัย ศรีพนาสณฑ์ ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์มอบชุดแรกรับให้แก่ศูนย์พักคอยเทศบาลเมืองบางบัวทอง  และศูนย์พักคอยเทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี รวมจำนวน 400 กล่อง คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 86,000 บาท (แปดหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยมีนางจิระนันท์ จิรชัยเมธาพงษ์ หัวหน้าฝ่ายบริการสาธารณสุขนักบริหารงานสาธารณสุข และนายดำรงรัตน์ โพธิรัตน์  เป็นตัวแทนมารับมอบ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

และในวันเดียวกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดทีมสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภคบริโภค (ชุดยังชีพ พร้อมน้ำดื่ม) จำนวน 580 ชุด เพื่อส่งต่อธารน้ำใจจาก ร้าน Paperroom Cafe และ Sifa Decoupage แก่ ศูนย์พักคอยวัดอินทรวิหาร เขตพระนคร ศูนย์พักคอยศูนย์สร้างสุขทุกวัยเกียกกาย เขตดุสิต และศูนย์พักคอยเยาวชนไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง กรุงเทพฯ  รวม 3 แห่ง สู้ภัยโควิด-19 โดยมีผู้แทนจากศูนย์พักคอยแต่ละแห่งเป็นผู้รับมอบ

โดยเมื่อวันที่ 17-18 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางสาวศุภรัตน์  สมบัติเจริญไทย  ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วยทีมสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ส่งต่อธารน้ำใจ มอบหน้ากากอนามัย(แบบผ้า) พร้อมขนม แก่ผู้ประสบปัญหารายเดือน และสถานสงเคราะห์เด็กและศูนย์ฝึกอบรมและเยาวชนต่างๆ รวม 9 แห่ง ได้แก่  บ้านพักเด็กและครอบครัว  จังหวัดปทุมธานี สถานสงเคราะห์เยาวชน มูลนิธิมหาราช  จังหวัดปทุมธานี สถานแรกรับเด็กหญิงบ้านธัญญพร  จังหวัดปทุมธานี สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง ชายธัญบุรี  จังหวัดปทุมธานี สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง หญิงธัญบุรี  จังหวัดปทุมธานี ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านอุเบกขา  จังหวัดนครปฐม ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านมุทิตา  จังหวัดนครปฐม ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก  จังหวัดนครปฐม และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายสิรินธร  จังหวัดนครปฐม รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 256,080 บาท (สองแสนห้าหมื่นหกพันแปดสิบบาทถ้วน) โดยมีผู้แทนสถานสงเคราะห์แต่ละแห่งเป็นผู้รับมอบ

นับตั้งแต่เกิดวิกฤตแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ปรับแผนการดำเนินงานการช่วยเหลือประชาชนทั้งด้านบรรเทาสาธารณภัย สังคมสงเคราะห์ และหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน พร้อมประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือเชิงรุกทั้งในส่วนของประชาชน ชุมชน และบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดตั้งโรงครัวที่มูลนิธิฯ ประกอบอาหารปรุงสุกเพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ได้รับผลกระทบ รวมงบประมาณดำเนินการออกช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 35 ล้านบาท


ติดต่อสอบถาม รวมถึงติดตามข่าวสารกิจกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ – ผู้ประสบภัยต่างๆ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
#ป่อเต็กตึ๊ง ยึดมั่นอุดมการณ์ อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต
“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง110ปีความดีที่ยั่งยืน
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน...

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' โพสต์ข้อความติง ส.ส. อภิปรายทูตผลาญงบฟุ่มเฟือย ชี้!! อย่าด้อยค่าตัวแทนประเทศ

กลายเป็นอีกประเด็นชวนคิด ภายหลังการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระสอง ในวันที่สอง ได้พิจารณาในมาตรา 10 งบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับงบประมาณ จำนวน 3,744 ล้านบาท

โดยช่วงหนึ่ง ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้มีการอภิปรายเรื่องการจัดซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกให้กับเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ ทั้งที่ข้าราชการทูตนั้นไม่ได้เหนือกว่าข้าราชการคนอื่น และใช้งบฟุ่มเฟือย โดยไม่เห็นหัวประชาชน ซึ่งเป็นการชี้ถึงใช้งบทางด้านทูตที่หลากหลายส่วนนั้น

ล่าสุด นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า...

อย่าด้อยค่าตัวแทนประเทศ!! 
.
ได้ยิน ส.ส.อภิปรายว่า เอกอัครราชทูตไทยที่ประจำในต่างประเทศ ไม่เห็นต้องเปลี่ยนรถใหม่  น่าจะซ่อมได้ ไม่เห็นหัวประชาชน

การอภิปรายของ ส.ส. เรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณแผ่นดินไม่เห็นต้องกระทบกระเทียบอะไรขนาดนั้น อยากเสนอตัดก็เสนอไป

ขอพูดแทนเอกอัครราชทูตและคนกระทรวงการต่างประเทศที่เขาเรียบร้อย ไม่กล้าตอแยกับ ส.ส. 

เอกอัครราชทูตและบุคคลในคณะทูต เป็นตัวแทนของประเทศ รถของเอกอัครราชทูตจะติดธงชาติไทย เอกอัครราชทูตถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ท่าน ส.ส.อยากเห็นรถที่ติดธงชาติไทยซอมซ่อ วิ่งไปเสียตายกลางถนนอย่างนั้นหรือ และค่าซ่อมรถในต่างประเทศ ค่าแรงซ่อมแพงมาก


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1692979547554687&id=100005279737218

https://www.thaipost.net/main/detail/113856

อ้างอิง : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/955551


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผู้ว่าฯ หมูป่า สั่งรื้อข้อมูลตรวจสอบบ่อขยะฝ่าฝืนลักลอบขนขยะต่างถิ่นทิ้งไม่หยุด ทั้งที่ถูกสั่งปิดมาตั้งแต่ปี 59 ทำ MOU ซ้ำอีกในปี 61 กางแผนที่ส่องรุกล้ำเขตป่าหรือไม่ ขีดเส้นรู้ผลใน 7 วันก่อนตั้งข้อหาเพิ่ม

หลังฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำปาง ได้ร่วมกันจับกุมรถบรรทุก 12 ล้อ ยี่ห้อฟูโซ่สีขาว ทะเบียนกำแพงเพชร พร้อมนายพรชัย อร่ามเรือง ชาว ต.สลกบาตร อ.อำเภอขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร คนขับรถ ซึ่งรับสารภาพว่าขนขยะจาก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มาทิ้งที่บ่อขยะของนายเอกสิทธิ์ วงศ์อ๊อด หรือที่รู้จักกันคือ บ่อขยะลุงแก้ว พื้นที่บ้านจำบอน ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จังหวัดลำปาง เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา

รุ่งขึ้น นายวาฑิต ปัญญาคม นายอำเภอเมืองลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป่าไม้ ทสจ.ลำปาง เทศบาลต้นธงชัย กำนันตำบลต้นธงชัย นายกเทศมนตรีต้นธงชัย ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่บ่อขยะของลุงแก้ว พบว่ายังคงมีการนำขยะมาทิ้งและฝังกลบจำนวนมาก

ขณะที่เจ้าตัวอ้างว่าหลังถูกสั่งปิดก็ปิดแล้ว แต่บางครั้งก็มีหน่วยงานมาขอทิ้ง ตนก็ให้ทิ้งโดยไม่ได้เก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ย้ำถามว่าบ่อขยะแห่งนี้ถูกสั่งปิดแล้วใช่หรือไม่ ลุงแก้วบอกว่าสั่งปิดแล้ว แต่ทำไมถึงมีการลักลอบนำขยะต่างถิ่นเข้ามาทิ้ง-คนขับรถบรรทุกขยะรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งฝาย

ด้านนายอำนวย ศรีแสงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลต้นธงชัย ได้ร่วมกันนำแผนที่ตรวจสอบจุดที่ตั้งของบ่อขยะลุงแก้ว เป็นเขตพื้นที่ป่าด้วยหรือไม่ หากอยู่ในพื้นที่ป่าก็จะถูกตั้งข้อหาเพิ่มอีก

ล่าสุดนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ “บ่อขยะลุงแก้ว” เย็นที่ผ่านมา (18 ส.ค. 64) ระบุว่าขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ให้ชัดเจนก่อน หากเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ ก็จะว่ากันด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องขยะ หากเป็นพื้นที่ป่าก็จะผิดเรื่องของการใช้พื้นที่ รวมถึงหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม

เบื้องต้นหากดูตามแผนที่อาจจะมีการทิ้งขยะเกินพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์คือ นส.3 ก ซึ่งก็จะให้ตรวจทั้งระบบ ทั้งการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ์ว่าถูกต้องหรือไม่ด้วย คาดว่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ หากชัดเจนก็จะให้ส่วนที่เกี่ยวข้องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เพราะเรื่องนี้ถือเป็นการหาประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่ง

“เรื่องขยะ วันนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากได้ ในพื้นที่เชียงใหม่หากเป็นลูกค้าเก่าก็คิดค่ากำจัดขยะคิวละ 800 บาท ลูกค้าใหม่ก็คิดพันกว่าบาท บางบ่อก็คิด 500-600 บาท จึงได้ลักลอบมาทิ้งที่นี่ ซึ่งอาจจะถูกกว่าหรือบางส่วนก็อาจจะไม่ต้องจ่ายค่าดำเนินการให้ถูกกฎหมาาย ทั้งที่จริง ๆ หากนำขยะมาทิ้งให้ถูกต้องก็มีบ่อขยะที่ขออนุญาตถูกต้องอยู่แล้ว และในช่วงนี้ที่น่ากลัวคือพวกขยะติดเชื้อ ดังนั้นจึงขอให้ตรวจสอบให้เสร็จภายใน 7 วัน”

สำหรับบ่อขยะลุงแก้ว ในปี 2559 เทศบาลตำบลต้นธงชัย โดยนายเฉลิมศักดิ์ เขียวคำ นายกเทศมนตรีตันธงชัย ได้ออกคำสั่งให้หยุดดำเนินกิจการ หลังเข้าตรวจสอบบริเวณสถานประกอบการ ซึ่งตั้งอยู่ ม.3 ถนนพระเจ้าทันใจ-บ้านจำบอน ต.ต้นธงชัย อ.เมืองลำปาง

โดยพบว่าเป็นกิจการที่กำหนดให้ต้องมีการควบคุมและดำเนินกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษตามมาตรา 71 และเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติ กฎกระทรวง ข้อกำหนดของท้องถิ่นหรือประกาศที่ออกตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 จึงให้หยุดดำเนินกิจการ นับแต่ได้รับคำสั่ง (1 ธ.ค. 59) หากยังคงดำเนินการต่อไป จะมีโทษตามมาตรา 80 คือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (เป็นกระทงความผิดที่ 2) และปรับอีกไม่เกินวันละ 5,000 บาทตลอดเวลาที่ยังไม่หยุดกิจการดังกล่าว

ต่อมาในวันที่ 1 มีนาคม 2561 นายอำเภอเมืองลำปาง (ขณะนั้น) สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง (ส่วนสิ่งแวดล้อม) สภ.ทุ่งฝาย กำนันตำบลต้นธงชัย ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ต้นธงชัย เทศบาลตำบลต้นธงชัย ได้ทำ MOU ร่วมกับนายเอกสิทธิ์ วงค์อ๊อด หรือลุงแก้ว หลังเกิดไฟไหม้บ่อขยะทุกปี โดยมีข้อตกลงคือ... 

1.) ให้ลุงแก้วดำเนินการฝังกลบขยะที่เคยนำมาทิ้งในพื้นที่ก่อนหน้านั้นให้หมดเพื่อไม่ให้ขยะฟุ้งกระจายบนผิวดิน หรือเกิดประกายไฟที่สามารถลุกไหม้จนเกิดมลภาวะทางอากาศ 

2.) หากเกิดปัญหาการลักลอบทิ้งขยะในพื้นที่ของลุงแก้ว ต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตามกฎหมายและยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

3.) ปิดบ่อขยะเป็นการถาวร โดยมิให้ผู้ใดลักลอบเข้าไปในบริเวณบ่อขยะได้ทุกกรณี 

4.) หามาตราการมิให้เกิดไฟไหม้บ่อขยะ จนลุกลามสร้างปัญหามลพิษอีก 

5.) หากไม่ดำเนินการตามข้อตกลงร่วมหรือเกิดเหตุกรณีดังกล่าวนั้นจะยอมรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา


ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9640000081610


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘เสกสกล’ เหน็บ ‘ยิ่งลักษณ์’ ดราม่า ห่วงใยชาวนา บอกละอายใจแทน หนีไปอยู่ตปท. เหตุทุจริตจำนำข้าว 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุรัฐบาลล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวนา ว่า น่าอับอายขายขี้หน้า ช่างกล้าออกมาโพสต์ทำท่าทีห่วงใยชาวนา สงสารชาวนา สงสารจริงหรือเปล่า หรือแกล้งสงสารกันแน่ 

นายเสกสกลกล่าวว่า ถ้าสงสารจริงปล่อยให้ชาวนาถูกโกงในยุคตัวเองทำไม ปล่อยให้ชาวนาเป็นหนี้เป็นสินทำไม ปล่อยให้ชาวนาต้องสิ้นเนื้อปะดาตัว จนต้องผูกคอตายมากมายหลายชีวิตทำไม หรือถ้าคิดว่าบริหารให้ชาวนามีอยู่มีกินจริง คิดว่าตนเองบริหารดีแล้ว ทำถูกต้องแล้วจะต้องหนีคดีโกงชาวนา ไปอยู่ดีมีสุขอยู่ต่างประเทศกับพี่ชายทำไม ปล่อยให้ลูกน้องรัฐมนตรี ข้าราชการ และพ่อค้า ติดคุกจนทุกวันนี้ นี่หรือคนเก่งคนดีที่ห่วงใยชาวนา หนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว ทอดทิ้งคนอื่นให้เดือดร้อนจนทุกวันนี้ ตนมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวมากกว่าที่จะห่วงใยชาวนาจริงๆ แค่ดราม่า หวังเรียกร้องความเห็นใจความสนใจมากกว่า

นายเสกสกล กล่าวถึงโครงการจำนำข้าว “ทุกเมล็ด” สร้างปัญหาอะไรบ้าง เช่น ทำให้กลไกตลาดถูกบิดเบือน เพราะไปตั้งราคารับจำนำสูงลิ่ว ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ตามกลไกตลาด กระตุ้นเกษตรกรมุ่งปลูกข้าวเพื่อมาขายรัฐ เน้นปริมาณ ไม่สนคุณภาพ พ่อค้าข้าวก็ล่มจม เพราะซื้อข้าวแข่งรัฐไม่ได้ หันมาเปิดโกดังรับเก็บข้าวเปลือกให้รัฐ เป็นเสือนอนกินรูปแบบใหม่ รัฐต้องรับภาระค่าโกดัง-ค่าดูแลข้าวส่วนนี้ ปีละ 900 ล้านบาท เป็นการที่รัฐทำตัวเป็น “พ่อค้าข้าวขาใหญ่ที่สุดในประเทศ” เหมือนทำธุรกิจแข่งกับเอกชน โดยใช้เงินภาษีคนทั้งประเทศ แต่กำไรส่วนต่างกลับไปอยู่กับคนในรัฐบาลยุคนั้น จากการเช่าโกดังข้าว การเวียนเทียนขายข้าว การนำข้าวเพื่อนบ้านเข้ามาจำนำ และยังมี “สต๊อกลม” ที่ลือเลื่องอีก ถามว่ามันผิดกฎหมายหรือไม่ แถมซ้ำเติมคุณภาพข้าว ทำให้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดข้าวของต่างประเทศได้อีกด้วย ขอวอนว่าเลิกปกปิด ซุกพรม หรือนั่งทับขี้เลย เขารู้ทันกันหมดทั้งประเทศแล้วว่าใครคือคนที่ทิ้งขี้ไว้ให้รัฐบาลนี้ชำระล้างกันแน่

นายเสกสกล กล่าวต่อว่า ตนละอายใจแทนจริงๆ ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ช่างกล้าออกมาห่วงใยชาวนา คิดว่าชาวนาควรจะออกมาชื่นชม หรือควรจะออกมาสาปแช่งมากกว่า ให้คิดเอาเองก็แล้วกัน แต่ทางที่ดีจะแกล้งออกมาห่วงใยชาวนา และโจมตีใส่รัฐบาลชุดนี้มากแค่ไหน แต่ก็คงทำให้ครอบครัวชาวนาที่ถูกโกงและวิญญาณชาวนาที่จากโลกนี้ไป จากผลงานช่วยเพิ่มหนี้สินให้ชาวนาจนสิ้นตัว ของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ คงจะมีแต่ชาวนาออกมาสาปแช่งชั่วนิรันดรมากกว่า

นายเสกสกล กล่าวว่าขณะที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เร่งรัดใช้หนี้ชาวนา ค่าข้าวเปลือกตามใบประทวน กว่า 8.84 แสนล้านบาท ยังมีค่าบริหารโครงการขององค์การคลังสินค้า(อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.)ค่าภาระดอกเบี้ย ค่าเช่าคลังของเอกชนในการเก็บรักษาข้าว และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก 8.4 หมื่นล้านบาท รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 9.68 แสนล้านบาท 

เศรษฐกิจไทยน่าห่วง แบงก์ชาติจับตาผู้ว่างงานพุ่ง

ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ในช่วงปี 2563-2564 รายได้จากการจ้างงานหายไปถึง 1.8 ล้านล้านบาท ขณะที่ปี 2565 คาดว่ารายได้จากการจ้างงานจะหายไปอีก 8 แสนล้านบาท ทำให้ตั้งแต่ปี 2563-2565 รายได้จากการจ้างงานจะหายไปรวมกว่า 2.6 ล้านล้านบาท

ขณะที่การจ้างงานในระบบถูกกระทบรุนแรง โดยในช่วงไตรมาส 2/2564 พบว่ามีจำนวนผู้ว่างงาน หรือเสมือนว่างงาน (ผู้ที่มีงานทำไม่ถึง 4 ชั่วโมงต่อวัน) อยู่ที่ 3 ล้านคน และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 ล้านคน สูงกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิดถึง 3 เท่าตัว

ขณะที่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยอัตราการว่างงานของไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 64 ว่า ปัจจุบันตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง โดยการว่างงานยังอยู่ที่ระดับ 1.9% ใกล้เคียงกับ 2% ในไตรมาสก่อน แต่ยังคงอยู่สูงกว่า 1% ในปี 62 ช่วงก่อนหน้าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเมื่อพิจารณาในรายสาขาการผลิตพบว่าสาขาท่องเที่ยว และบริการที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งสาขาด้านการผลิตสื่อและกิจกรรมบันเทิงอื่น ๆ ยังได้รับผลกระทบรุนแรง และมีอัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนในช่วงนี้ที่กำลังเกิดวิกฤตจากการบาดของไวรัสโควิดอย่างหนัก  


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ตำรวจรวบรวมหลักฐานเอาผิดม็อบทะลุฟ้า เปิดเผยเยาวชนอายุ 14 ปี ถูกยิงใกล้สน.ดินแดง ยืนยันเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่รู้จัก

วันที่ 19 สิงหาคม 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวสรุปสถานการณ์การชุมนุมของ "กลุ่มทะลุฟ้า" ในวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า กลุ่มผู้ชุมนุมนัดรวมตัว ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 16.00 น. มีการจัดกิจกรรมเผาหุ่นฟาง และขึ้นป้ายผ้า ก่อนที่แกนนำประกาศยุติการชุมนุม เวลา 19.30 น. เหตุการณ์โดยภาพรวมปกติดี 

จากนั้นบางส่วนได้นัดชุมนุมต่อที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง โดยก่อความวุ่นวายพยายามรื้อสิ่งกีดขวางของตำรวจ และขว้างปาประทัดยักษ์ใส่ตำรวจ จึงมีความจำเป็นต้องยิงแก๊สน้ำตาควบคุมสถานการณ์ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุซึ่งหน้า เบื้องต้นการชุมนุมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ 

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ตำรวจได้ทำการจับกุม นายธนเดช ศรีสงคราม หรือม่อน เเกนนำกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตามหมายจับความผิดฝ่าฝืน พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ สืบเนื่องจากการเข้าร่วมชุมนุม ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา แล้วไม่ยอมรับทราบข้อกล่าวหา ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง 

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีผู้ปกครองของเยาวชนชาย อายุ 14 ปี ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บใกล้ สน. ดินแดง เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ผ่านมา เข้าแจ้งความที่ สน. ดินแดง นั้น เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ปกครองผู้เสียหายแล้ว และให้เยาวชนผู้เสียหายเข้าให้ปากคำ โดยมีสหวิชาชีพมาร่วมสอบสวนต่อไป จากการสอบถามเบื้องต้นผู้เสียหายให้การว่า "ตำรวจไม่ได้เป็นคนยิง แต่เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเป็นผู้ก่อเหตุ" 

ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามหาผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยคดีมีความคืบหน้าไปมาก มั่นใจว่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุในเร็ว ๆ นี้


ที่มา : https://www.naewna.com/local/596025


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ประเมินธุรกิจจัดส่งอาหารโต 3 เท่าตัวโกยเงินมหาศาล

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วงของไวรัสโควิด-19 ในประเทศยังไม่คลี่คลาย ส่งผลดีต่อธุรกิจจัดส่งอาหารฟู้ดดิลิเวอรี่ที่เป็นช่องทางหลักร้านอาหารและผู้บริโภค โดยคาดว่าตลอดทั้งปี 2564 จะมีผู้บริโภคสั่งฟู้ดดิลิเวอรี่ไม่น้อยกว่า 120 ล้านครั้ง หรือเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 62 ที่มี 35 – 45 ล้านครั้ง 

สำหรับ ธุรกิจฟู้ดดิลิเวอรี่ในปี 2564 ประเมินว่า จะมีมูลค่าถึง 53,100 - 55,800 ล้านบาท หรือขยายตัว 18.4 – 24.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้มีส่วนผลักดันให้ธุรกิจจัดส่งอาหารขยายตัวอย่างมาก เช่นเดียวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ปรับตัวมาใช้บริการจัดส่งอาหารเพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับจำนวนร้านอาหารและผู้ส่งอาหารก็มีมากเช่นกัน จึงดึงดูดให้ผู้ประกอบการทั้งที่อยู่ในธุรกิจร้านอาหารและผู้ประกอบการนอกธุรกิจร้านอาหารสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดฟู้ดดิลิเวอรี่เพิ่มขึ้น
  
อย่างไรก็ตามในด้านการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารที่สูง ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารมีการจัดทำโปรโมชั่นราคาพิเศษและปรับรูปแบบของเมนูอาหาร โดยร้านอาหารข้างทางมีมากขึ้น คาดว่าจะมีส่วนแบ่งรายได้มากกว่า 40% ของมูลค่ารวมของธุรกิจจัดส่งอาหาร จากเดิมในปี 63 อยู่ที่ 29%


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top