Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

ปิดฉากยูโร 2020 ‘อนุชา’ ลั่น รัฐบาล มอบความสุขตามสัญญา ถ่ายทอดครบทุกคู่ ชวนเชียร์ นักกีฬาไทย ร่วมโอลิมปิกต่อ

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 64 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติยุโรป 2020 หรือ ยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างอิตาลี และอังกฤษ โดยผลอิตาลี เป็นแชมป์ ชนะจุดโทษ 3-2 หลังเสมอในเวลา และช่วงต่อเวลาพิเศษ1-1 ว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ดำริให้ดำเนินการประสานนำการแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติยุโรป 2020 หรือ ยูโร 2020 มาถ่ายทอดสดให้ประชาชนคนไทยได้ชมฟรีทุกคู่ ตั้งแต่ช่วงพิธีเปิดตลอดจนจบการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ระหว่างวันที่ 11 มิ.ย. - 11 ก.ค. ได้รับคำแนะนำและความร่วมมือจากหลายฝ่าย อาทิ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงศ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม

โดยความอนุเคราะห์จากนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริหารบริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ แอโรซอฟต์ เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 51 นัด และได้รับความร่วมมือจาก NBT สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3HD สถานีโทรทัศน์ PPTV และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมถ่ายทอดในคู่ที่ช่วงเวลาตรงกัน

นายอนุชา กล่าวว่า การนำกีฬาที่คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยชื่นชอบมาออกอากาศให้ประชาชนได้ชมฟรี เป็นสิ่งที่รัฐบาลส่งมอบความสุขให้ในช่วงที่ประเทศประสบความทุกข์ยาก จากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างความสุขให้แฟนกีฬา และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาฟุตบอลไทยสู่สากล ขณะเดียวกัน ทั้งนี้ยังมีการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 หรือ โตเกียว 2020 ที่มีนักกีฬาของไทยเข้าร่วมการแข่งขัน 42 คน จึงขอเชิญชวนประชาชนคนไทยร่วมเป็นแรงใจเชียร์นักกีฬาไทยและติดตามการถ่ายทอดสดระหว่างวันที่ 22 ก.ค. - ส.ค. นี้ ที่จะมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง NBT เช่นเดียวกัน


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

14 ข้อชวนคิด นาทีนี้ต้องเลือกให้ชัดระหว่าง 'อดตาย' หรือ 'ติดเชื้อตาย'

นาทีนี้ใครยังอยากคลั่งการเมือง เชื่อลมปากโซเชียลปั่นกระแสวัคซีนและการเมืองแบบซัดกันให้ตายไปข้างหนึ่ง ก็เชิญตามสบาย!!

แต่ถ้าอยากจบสวย ๆ หรือจบแย่ ๆ กับสถานการณ์โควิด-19 ในตอนนี้ คุณเลือกเองได้...

เลือกว่าจะยอม 'อดตาย' หรือ 'ติดเชื้อตาย'

1.) จากนาทีนี้ ต้องเริ่มล็อกตัวเองเท่านั้น ใน 14 วันนี้ หากอยากให้โควิดในไทย 'จบสวย'

2.) หากไม่ต้องการ 'จบแย่' แบบไข้หวัดสเปนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่คนตายนับล้าน ทางรอด คือ ต้องล็อกตัวเอง 100% อย่างเดียว

3.) ประชาชนส่วนมากยังประพฤติตน 'เห็นแก่ตัว' ไม่ต้องโทษรัฐ 'หัดโทษตัวเอง' ถ้ายังเฉย ๆ กับการรวมกลุ่ม ใช้ชีวิตแบบมักง่าย ไม่ระวัง...ทำกันประจำนิ!!

4.) ประชาชนส่วนมากกลัวตกงาน เรื่องนี้น่าเห็นใจ แต่คนต้องออกไปทำงาน มั่นใจได้แค่ไหนว่า รถไฟฟ้า รถเมล์ และรถสาธารณสุขให้ความมั่นใจการไม่ติดเชื้อแก่คุณได้

5.) รัฐบาลและสาธารณสุขไม่มีปัญญาลงไปดูเป็นรายบุคคลอยู่แล้ว ต่อให้เปลี่ยนโคตรรัฐบาลสุดเก่งที่ไหนมา ก็ทำไม่ได้กับสถานการณ์นี้ ตนจึงเป็นที่พึ่งแห่งตนในการระวังตัว ไม่ให้เป็นภาระต่อสังคม

6.) อีกมุมหนึ่งรัฐบาลต้องถูกตำหนิ เพราะเลือกฉีดวัคซีนไม่ถูกเวลา ตอนเชื้อซา ระบาดต่ำ ไม่รู้จักฉีดปูพรม สะท้อนการบริหารที่ผิดพลาด

7.) การบริหารจัดการแย่ไม่แย่ ดูได้จากเรื่องใกล้ๆ แค่การตรวจคัดกรองเชิงรุก การฉีดวัคซีน และภารกิจเร่งด่วนที่ทำให้มวลชนต้องออกมารวมตัว ตรงนี้รัฐบาลได้ทำลายระยะห่าง หรือ Social Distance ที่ตัวเองโปรโมทให้พังลงด้วยมือตัวเอง

8.) พฤติกรรมคนไทยบางกลุ่ม ยังคิดเห็นแก่ตัวไม่เลิก บางคนฉีดวัคซีนไปเข็มเดียว กลับพร้อมบอกว่าจะออกไปทำกิจกรรมปกติ โคตรเห็นแก่ตัว และไม่เข้าใจในเรื่องระยะเวลาการกระตุ้นของภูมิ ว่ามันไม่ใช่ฉีดวันเดียวแล้วกันอยู่

9.) นาทีนี้คนตายเยอะขึ้น เพราะวิธีการรักษาทำไม่ได้ผลเหมือนเคย และต่อให้หายกลับบ้าน ก็ยังมีอาการข้างเคียงให้กลับมาเป็นภาระแพทย์

10.) ยาบางตัวเริ่มขาดตลาดในการใช้รักษาผู้ป่วย

11.) แพทย์ 1 คนดูแลเคสได้เป็น 100 คน แต่วันนี้บุคลากรทางการแพทย์เริ่มติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น คนตายเป็นผู้สูงอายุเสียมาก เพราะเหตุผลต่าง ๆ ที่ว่ามา

12.) วันนี้ อาจต้องเลือกให้ชัดระหว่าง 'อดตาย' กับ 'ติดเชื้อตาย'

13.) แต่ถ้าอยากจบสวย ๆ ยังไงก็ต้อง ล็อกตัวเอง 100%

14.) ส่วนพอล็อกแล้ว ประชาชนจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรต่อไป? รัฐบาลคงต้องตอบคำถามนี้ให้ด้วยละกัน!!

 

อ้างอิง : นพ.วินัย โบเวจา

https://www.youtube.com/watch?v=wWAPbR0ueV0


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราเมศ ย้ำ ปชป. ไม่หยุดช่วย ปชช. แต่ปรับการทำงาน ภายใต้กรอบ ศบค.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึง การทำงานของพรรคในช่วงสถานการณ์ ที่มีการประกาศมาตรการยกระดับคุมโควิดที่กำลังระบาดและล็อกดาวน์-เคอร์ฟิวในหลายพื้นที่ ว่า การทำงานของพรรค ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการปฏิบัติตามประกาศของ ศบค. ในส่วนของการทำงานของสำนักงานเลขาธิการพรรคได้ดำเนินการปฏิบัติงานในลักษณะ Work From Home สลับกันมาทำงานให้มากที่สุด โดยจะไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน เพราะมีประชาชนจำนวนมากที่ได้ขอความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆมายังพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไม่มีเตียงรักษาพยาบาลของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 การให้คำปรึกษากฎหมายและเรื่องอื่นๆ รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการเข้าช่วยเหลือชุมชุนที่มีผู้ติดเชื้อแล้วต้องทำการกักตัวกันหลายครัวเรือน ก็จะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วในแต่ละเขตเข้าให้ความช่วยเหลือในเรื่องอาหารการกินของพี่น้องประชาชน ทุกเขตพื้นที่เตรียมความพร้อมกันตลอดเวลา

ข้อกำหนดที่อาจจะมีอุปสรรคบ้างในการทำงาน เช่น การห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคม ที่มีการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ซึ่งทีมงานในแต่ละเขตก็ต้องวางแผนการทำงานใหม่ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการข่วยเหลือประชาชน ก็จะลดจำนวนทีมงานที่จะเดินทางเข้าช่วยเหลือประชาชน เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน

นายราเมศ กล่าวต่อ ว่าสถานการณ์ในขณะนี้ มีประกาศข้อห้าม เชื่อว่าทุกคนเข้าใจและพร้อมให้ความร่วมมือ แต่จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพรรค ที่เราไม่สามารถหยุดการทำงานในการต้องดูแลช่วยเหลือประชาชนได้ ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้กำชับตลอดเวลา ให้ทุกคนทุ่มเททำงานให้เต็มที่ ไม่ว่าสถานการณ์ใดต้องปรับการทำงานโดยมุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด เพราะทุกข์ของชาวบ้านคืองานของประชาธิปัตย์

“ชวน” เตรียมถกวิป 3 ฝ่ายหารือประชุมสภาต่อหรือไม่ หลังศบค.ประกาศล็อกดาวน์ 

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 12 ก.ค. 2564 ถึงแนวทางการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร หลังมีมาตรการของ ศบค.ทั้งล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวส์วนพื้นที่เสียงเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด -19 ว่าจากการหารือกับ ศบค. ในแต่ละครั้ง ศบค. อนุมัติให้สภาฯสามารถดำเนินการประชุมจนสิ้นสุดสมัยการประชุมได้ อย่างไรก็ตามก็ต้องให้ความร่วมมือในช่วงที่รัฐบาลประกาศคุมเข้ม 2 สัปดาห์เรื่องการงดการเดินทาง ซึ่งการหารือในวันวันที่ 12 ก.ค. 2564 จะพูดคุยถึงแนวทางร่วมกันว่าหากจะต้องหยุดการประชุมสภาฯจะใช้เวลากี่วันถึงจะเหมาะสม 

นายชวน กล่าวย้ำว่ามาตรการความปลอดภัยในรัฐสภามีความเข้มงวดอยู่แล้ว โดยเฉพาะภายในห้องประชุมใหญ่ ซึ่งสมาชิกให้ความร่วมมือในการสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นอย่างดี และไดกำชับทุกฝ่ายมาโดยตลอดไม่ให้หละหลวมต่อมาตรการต่างๆที่วางไว้ ขณะที่ ส.ส. และบุคลากรที่มีความเสี่ยงหรือตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ ก็ได้เข้ารักษาตัว และมีมาตรการทำงานที่บ้าน (WFH) อยู่แล้ว มาตรการต่างๆมีมาก่อนที่จะมีประกาศของ ศบค.ล่าสุด แต่หากต้องยกระดับสูงขึ้น ก็จะต้องดำเนินการหารือกับทุกฝ่ายให้เข้าใจตรงกัน 

“องอาจ” จี้นายกฯ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากล็อกดาวน์ 

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการล็อกดาวน์ที่ส่งผลกระทบกับประชาชนในขณะนี้ว่า จากการลงพื้นที่ของอดีต ส.ส. อดีต ส.ก. สาขาพรรค ตัวแทนพรรคใน 10 จังหวัดที่มีการล็อกดาวน์โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างมาก จนทำให้มีการล็อกดาวน์ ต่างได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านจำนวนมากเรียกร้องให้ ศบค. และภาครัฐเร่งเยียวยาอย่างรีบด่วน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ครั้งนี้

จากการประเมินผลกระทบในพื้นที่พบว่าการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้การเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง ส่งผลให้มีคนว่างงานทันทีจำนวนมาก จนเกิดปัญหาคนยากจนเฉียบพลันเพิ่มขึ้น และมีโอกาสเป็นผู้ยากจนเรื้อรังในที่สุด

การล็อกดาวน์ครั้งนี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ 2 กลุ่มใหญ่ในสังคม ได้แก่ 
1. กลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น กลุ่มแรงงานนอกระบบ กลุ่มคนไร้บ้าน 
2. กลุ่มผู้ประกอบการ SME อาชีพอิสระ ธุรกิจบริการ ธุรกิจร้านอาหารภัตตาคาร ธุรกิจบันเทิง และธุรกิจบริการหลากหลายประเภท

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนกลุ่มต่างๆ ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรรีบดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ดังนี้

1. ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว รอบด้านและเพียงพอต่อการดำรงชีพ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจสังคม กลุ่มแรงงานนอกระบบ และกลุ่มคนทำงานทุกประเภท
2. ภาครัฐควรจัดให้มีการจ้างงานระยะสั้น โดยอาจดำเนินการโดยภาครัฐ หรือสนับสนุนให้เอกชนในสถานประกอบการขนาดใหญ่จ้างงานระยะสั้นเพิ่มมากขึ้น 
3. ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนทุกรูปแบบ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต 
4. ควรงดเว้นหรือลดการเก็บภาษี หรือค่าธรรมเนียมต่างๆ ของภาครัฐ จากผู้ประกอบการ SME
5. ช่วยเหลือเร่งรัดให้การพักชำระหนี้ การให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการรายย่อยเกิดขึ้นได้จริง เพราะที่ผ่านมามีปัญหาติดขัดมาก ทั้งๆ ที่มีเม็ดเงินเพียงพอต่อการช่วยเหลือในส่วนนี้ได้อยู่แล้ว 

ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดของภาครัฐในการบริหารจัดการแก้ปัญหาโควิด-19 และผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดเร่งพิจารณาข้อเสนอนี้และข้อเรียกร้องจากภาคส่วนต่างๆ อย่างจริงจัง เพราะประชาชนเดือดร้อนมากจริงๆ การลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านของอดีต ส.ส. อดีต ส.ก. และตัวแทนพรรคต่างได้รับการร้องเรียนให้ภาครัฐเร่งเยียวยาโดยด่วน

ในความเป็นจริงแล้ว นายกฯ ควรช่วยเหลือเยียวยาทันทีที่มีการประกาศล็อกดาวน์ เพราะนายกฯ ย่อมทราบดีว่าเมื่อล็อกดาวน์แล้ว ใครจะเดือดร้อนบ้าง ไม่ควรปล่อยเวลาให้นานออกไปมากกว่านี้ เพราะยิ่งช่วยเหลือเยียวยาช้าเท่าไหร่ประชาชนก็เดือดร้อนมากขึ้นเท่านั้น

จึงขอฝากนายกฯ ให้ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนอย่างรวดเร็ว ทั่วถึงและเพียงพอเพื่อต่อลมหายใจประชาชนจำนวนมากให้ยืนหยัดอยู่ในสถานการณ์โควิดที่รุนแรงได้ต่อไป 

เสธ.ทหารตรวจเยี่ยมด่านตรวจมั่นคง พร้อม ย้ำ ดูแลความเรียบร้อย ตามมาตราการศบค. 

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) มอบหมายให้ พล.อ.สุพจน์  มาลานิยม เสนาธิการทหาร/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง (เสธ.ทหาร/เสธ.ศปม.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดการเคลื่อนย้ายแรงงาน และจุดตรวจป้องกันอาชญากรรม ห้วงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน บริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงในการกำกับดูแลการเดินทางข้ามพื้นที่อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งให้กำลังใจและให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้มาตรการการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด

โดยเมื่อเวลา 00.00 น.เสนาธิการทหาร/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดการเคลื่อนย้ายแรงงาน ณ จุดตรวจอมรพันธ์ ซึ่งรับผิดชอบโดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ซึ่งได้จัดกำลังจากศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล กองบัญชาการกองทัพไทย (ศตก.) จำนวน 8 นาย ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจตลิ่งชัน จำนวน 8 นาย แบ่งการปฏิบัติเป็น 2 ผลัด ผลัดละ 4 นาย รับผิดชอบในพื้นที่กรุงธนเหนือ เขตตลิ่งชัน 

หลังจากนั้นเวลา 00.35 น.ได้เดินทางต่อไปยังจุดตรวจป้องกันอาชญากรรมในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ บริเวณแยกเคหะร่มเกล้า ถนนร่มเกล้า ซึ่งรับผิดชอบโดยสถานีตำรวจนครบาลร่มเกล้า กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยได้จัดกำลังจากฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายจราจร และฝ่ายสืบสวนของ สน.ร่มเกล้า รวมจำนวน 8 นาย รับผิดชอบในพื้นที่เขตลาดกระบัง ได้แก่ แขวงคลองสามประเวศ และแขวงคลองสองต้นนุ่น รวมทั้งพื้นที่เขตมีนบุรี ได้แก่ แขวงแสนแสบ ทั้งนี้ ยังได้ปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จำนวน 3 นาย 

จากนั้น เวลา 01.00 น.ได้เดินทางตรวจเยี่ยมจุดตรวจป้องกันอาชญากรรมในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ จุดตรวจใต้ด่วนลาดพร้าว ซึ่งรับผิดชอบโดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง กองทัพบก (ศปม.ทบ.) โดย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ซึ่งจัดกำลังพล จำนวน 2 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจโชคชัย จำนวน 8 นาย 

ทั้งนี้หากมีความจำเป็นในการเสริมกำลังปฏิบัติหน้าที่ ทางสำนักงานเขตจะประสานชุดบูรณาการด้านความมั่นคงในการขอใช้กำลังทหารเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ ในเขตที่ได้รับมอบหมายต่อไป

สำหรับในห้วงเวลาที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้รับข้อมูลเบาะแสอันเป็นประโยชน์จากประชาชน นำไปสู่การจับกุมได้หลายครั้ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากประชาชนหากผู้พบเห็นการละเมิดกฎหมายสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1111 ทำเนียบรัฐบาล หรือ หมายเลข 191,1599 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสายด่วนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง หมายเลข 1138 กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ขอขอบคุณประชาชนและทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และร่วมมือร่วมใจกันเพื่อร่วมก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

‘กรณ์’ เสนอทางออกปลดล็อคระบบตรวจโควิด ให้ทุกครัวเรือนในพื้นที่สีแดงมีสิทธิ์รับระบบตรวจ ‘Rapid Antigen Test’ ฟรี หากพบติดเชื้อโควิด-19 สามารถเข้าสู่ระบบรอเตียงได้ ไม่ต้องรอตรวจ PCR

สืบเนื่องจากวันนี้ (12 ก.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข จะพิจารณาปลดล็อก Rapid Antigen Test ชุดตรวจ โควิด-19 หลังจากที่ กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีมติเห็นชอบไปแล้วนั้น นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า พรรคกล้าได้พยายามย้ำ และส่งแรงดันต่อเนื่องมาหลายวัน ถึงข้อเสนอแนะเร่งด่วนให้รัฐบาลเรื่องการเข้าถึงการตรวจโควิดให้สะดวกขึ้นและทันท่วงที สิ่งที่ต้องทำคือยอมรับและจัดให้มีการเข้าถึง ‘การตรวจแบบ Rapid Antigen’ ให้กับทุกคนที่มีความเสี่ยงหรือมีอาการ แทนที่จะต้องให้ประชาชนต้องวิ่งรอบโรงพยาบาล หรือต้องไปรอคิวข้ามคืนเพื่อรับสิทธิตรวจ PCR

ซึ่งต่อมากระทรวงสาธารณสุขก็ได้แถลงตามแนวที่เราเสนอ แต่ยังไม่สุดและยังไม่สามารถแก้ปัญหาการเข้าถึงยาและเตียงรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที ปัญหาสำคัญคือหากผลตรวจ Antigen เป็นบวก ทางสาธารณสุขยังไม่ยอมรับผลเพื่อนำไปสู่การรักษาทันที แต่ยังต้องให้เราไปเข้าคิวรอการตรวจ PCR ต่ออีกรอบหนึ่ง

“จากการที่ผมและทีมงานพรรคกล้าได้ไปแจกข้าวกล่องให้กับผู้เข้าคิวรอตรวจโควิดที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขนเมื่อวันก่อน และได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและแพทย์หน้างาน พบว่าผู้ป่วยต้องรอคิวตรวจข้ามคืน ซึ่งเป็นปัญหาคอขวด พรรคกล้าจึงขอเสนอแนวทางนี้ เพื่อให้การใช้การตรวจ Antigen มีประสิทธิผลมากที่สุด ใน 2 แนวทางคือ

1.) ขอให้ทุกครัวเรือนในพื้นที่สีแดงมีสิทธิรับระบบตรวจ Antigen เพื่อตรวจเองได้ฟรีในจำนวนที่เหมาะสม เมื่อตรวจเองและมีผลบวก ประชาชนจะได้รู้ตัวที่จะกักตัวเอง ไม่ต้องเสี่ยงแพร่หรือติดเชื้อจากการออกไปรอคิวตรวจตามศูนย์ ผู้สูงอายุไม่ต้องลำบาก

2.) หากตรวจ Antigen มีผลบวกและมีอาการป่วย ขอให้ประชาชนสามารถเข้าระบบรอเตียงได้โดยไม่ต้องรอตรวจ PCR อีกรอบ เพื่อลดความเสี่ยงสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มว่าอาการจะรุนแรง และในระหว่างเข้าระบบรอเตียง ก็สามารถตรวจ PCR ซ้ำเพื่อความแม่นยำ พร้อมยืนยันอีกครั้งตอนได้เตียง เราต้องช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้เร็วที่สุดครับ” หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘สิงโต’ ฝันสลาย! ทัพ ‘อัซซูรี’ แม่นโทษกว่า ซัดดับ 3-2 ซิวแชมป์ยูโร สมัยที่ 2

อิตาลี ผงาดคว้าแชมป์ ยูโร 2020 แบบบีบหัวใจ หลังเสมอกับ อังกฤษ เจ้าบ้าน 1-1 ตลอด 120 นาที ก่อนซัดโทษแม่นกว่าชนะ 3-2 คว้าแชมป์ยุโรปสมัย 2 เมื่อคืนวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2020 ทีมชาติอังกฤษ เปิดรังเวมบลีย์ ปะทะ ทีมชาติอิตาลี ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 64,000 คน เกมนี้ ‘สิงโตคำราม’ ดัน แฮร์รี เคน ยิงเป้าแล้วมี เมสัน เมาต์ กับ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำเกมบุก ส่วน ‘อัซซูรี’ วางหน้า 3 สูตรเดิม ลอเรนโซ่ อินซิเญ่, ชิโร่ อิมโมบิเล่ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า

ผลการแข่งขัน 90 นาที เสมอกัน 1-1 โดยอังกฤษได้ประตูนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว จาก ลุค ชอว์ ก่อนที่อิตาลี จะตามตีเสมอได้จาก ลีโอนาร์โด้ โบนุชชี ขณะที่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ไม่สามารถทำประตูกันได้ ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ

ปรากฏว่า 5 คนแรกของ อิตาลี ยิงเข้า 3 คน (โดเมนิโก้ เบราร์ดี, ลีโอนาร์โด้ โบนุชชี, เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี) ขณะที่ อังกฤษ ยิงเข้า 2 คน (แฮร์รี เคน, แฮร์รี แม็คไกวร์) แต่ 3 คนที่เหลือ มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช, บูกาโย่ ซาก้า ซัดพลาดติดเซฟ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ทั้งหมด สุดท้าย อิตาลี ชนะจุดโทษ อังกฤษ 3-2 ได้แชมป์ยูโร สมัย 2 ส่วนอังกฤษอกหัก ชวดแชมป์อย่างน่าเสียดาย


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทอ. แจ้ง ทหารเกณฑ์ติดโควิด 290 นาย หลังออกปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ ปชช. ยันทุกคนไม่แสดงอาการ  พร้อมรับการดูแลอย่างดี เข้ารับการรักษาตามขั้นตอนทางสธ. อย่างเคร่งครัด

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 กองทัพอากาศได้รับมอบหมายภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาล และ ศบค.ในหลายมิติ ซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงมีความห่วงใยในความปลอดภัยของกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและด่านหน้า โดยเฉพาะน้อง ๆ ทหารกองประจำการ ณ ที่ตั้งดอนเมือง ซึ่งออกปฏิบัติหน้าที่ช่วงสถานการณ์ COVID-19 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งเมื่อเสร็จจากการปฏิบัติภารกิจน้อง ๆ ทหารกองประจำการเหล่านี้ต้องกลับมาพักอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มก้อน 

ดังนั้นเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับกำลังพล ผู้บัญชาการทหารอากาศจึงสั่งการให้หน่วยเกี่ยวข้องดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกให้กับทหารกองประจำการ ระหว่างวันที่ 9 - 11 ก.ค.64 เพี่อสร้างความปลอดภัย  ผลการตรวจคัดกรองของทหารกองประจำการ จำนวน 718 คน พบว่า มีทหารกองประจำการติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 290 คน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง (กลุ่มอาการสีเขียว) โดยทั้งหมดได้รับการดูแลอย่างดีและรับการรักษาตามขั้นตอนที่ทางสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด มีรายละเอียดการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้

 1. กองทัพอากาศ จัดเตรียมอาคาร สถานที่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก โดยใช้อาคารกองพันของหน่วย เพื่อจัดเป็น Community Isolation หรือ สถานที่แยกตัวชุมชนของหน่วย ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วย 2 อาคาร ได้แก่ อาคารสำหรับผู้มีความเสี่ยงสูง และ อาคารสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ (ผู้ป่วยไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง) โดยอาคารทั้ง 2 แห่ง แยกจากกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 2. ทหารกองประจำการที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด แยกเข้ารับการรักษาภายใต้การกำกับดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ กรมแพทย์ทหารอากาศ ดังนี้
      2.1 Community Isolation (สถานที่แยกตัวชุมชนของหน่วย) หรือ อาคารกองพันของหน่วย 
จำนวน 199 คน
      2.2 โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) จำนวน 52 คน
      2.3 โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (โรงเรียนการบิน) จำนวน 39 คน

 3. สำหรับการดูแลผู้มีความเสี่ยงสูงและผู้ป่วยติดเชื้อ ได้ดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ของกองทัพอากาศดูแลอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อจะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิและวัดปริมาณออกซิเจน พร้อมลงบันทึกข้อมูลและแจ้งอาการป่วยกับเจ้าหน้าที่ทุกวัน รวมทั้งได้รับการบริการอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อรองรับการดูแลรักษาอย่างเพียงพอ

4. กรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง จะนำส่งเข้ารักษาต่อยังโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ

 5. สำหรับรายละเอียด Time Line ที่ผ่านมาของผู้ป่วยติดเชื้อนั้น น้อง ๆ ทหารกองประจำการ ไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยกลับบ้านและพักอาศัยอยู่ที่หน่วยตลอดเวลา 

สำหรับการติดเชื้อในหน่วยทหารของกองทัพอากาศ ถือเป็นสถานการณ์โรคระบาดที่มีความสำคัญ และกองทัพอากาศติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เมื่อมีการติดเชื้อก็จะเข้าสู่กระบวนการป้องกันและรักษาตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยใช้ศักยภาพของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพอากาศในการรักษาพยาบาลกำลังพล และควบคุมไม่ให้กระจายไปสู่ภายนอก ซึ่งกำลังพลกองทัพอากาศมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้เช่นเดียวกับประชาชนโดยทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารอากาศมีความห่วงใย และได้กำชับให้กำลังพลเพิ่มความระมัดระวังอย่างสูงสุด เนื่องจากที่ตั้งบางหน่วยเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งยังคงมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค กองทัพอากาศขอยืนยันว่าเราจะดูแลน้อง ๆ ทหารกองประจำการ ซึ่งเป็นบุตรหลานของท่านอย่างดีที่สุดภายใต้มาตรฐานการรักษาพยาบาลและขีดความสามารถของหน่วยงานทางการแพทย์ของกองทัพอากาศที่มีอยู่อย่างเต็มกำลังความสามารถ

สรรพากรแจง วัคซีนทางเลือก ประชาชน ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงกรณีมีข่าวว่าประชาชน ต้องแบกรับภาษีมูลค่าเพิ่ม จากการที่จะต้องถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ว่า อาจเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนก่อให้เกิดความเข้าใจผิดกับสาธารณชน กฎหมายกำหนดไว้ ตามมาตรา 81 (1)(ญ) แห่งประมวลรัษฎากร การให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 

ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชน จึงได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม โรงพยาบาลเอกชน จึงไม่สามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากวัคซีนทางเลือก ที่ให้บริการแก่ประชาชนได้ สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อมีภาษีซื้อที่เกิดจากต้นทุนการซื้อ สามารถนำมาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามปกติ ซึ่งกรมสรรพากร จะรีบดำเนินการคืนให้โดยรวดเร็ว 

สำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคลของโรงพยาบาลเอกชน หากโรงพยาบาลเอกชนมีกำไรจากการประกอบการ ก็เป็นหน้าที่ปกติของผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนที่จะต้องเสียภาษีเงินได้จากกำไรเช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่น ๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top