Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

เสธ.ทหารตรวจเยี่ยมด่านตรวจมั่นคง พร้อม ย้ำ ดูแลความเรียบร้อย ตามมาตราการศบค. 

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) มอบหมายให้ พล.อ.สุพจน์  มาลานิยม เสนาธิการทหาร/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง (เสธ.ทหาร/เสธ.ศปม.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดการเคลื่อนย้ายแรงงาน และจุดตรวจป้องกันอาชญากรรม ห้วงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน บริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงในการกำกับดูแลการเดินทางข้ามพื้นที่อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งให้กำลังใจและให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้มาตรการการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด

โดยเมื่อเวลา 00.00 น.เสนาธิการทหาร/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดการเคลื่อนย้ายแรงงาน ณ จุดตรวจอมรพันธ์ ซึ่งรับผิดชอบโดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ซึ่งได้จัดกำลังจากศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล กองบัญชาการกองทัพไทย (ศตก.) จำนวน 8 นาย ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจตลิ่งชัน จำนวน 8 นาย แบ่งการปฏิบัติเป็น 2 ผลัด ผลัดละ 4 นาย รับผิดชอบในพื้นที่กรุงธนเหนือ เขตตลิ่งชัน 

หลังจากนั้นเวลา 00.35 น.ได้เดินทางต่อไปยังจุดตรวจป้องกันอาชญากรรมในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ บริเวณแยกเคหะร่มเกล้า ถนนร่มเกล้า ซึ่งรับผิดชอบโดยสถานีตำรวจนครบาลร่มเกล้า กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยได้จัดกำลังจากฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายจราจร และฝ่ายสืบสวนของ สน.ร่มเกล้า รวมจำนวน 8 นาย รับผิดชอบในพื้นที่เขตลาดกระบัง ได้แก่ แขวงคลองสามประเวศ และแขวงคลองสองต้นนุ่น รวมทั้งพื้นที่เขตมีนบุรี ได้แก่ แขวงแสนแสบ ทั้งนี้ ยังได้ปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จำนวน 3 นาย 

จากนั้น เวลา 01.00 น.ได้เดินทางตรวจเยี่ยมจุดตรวจป้องกันอาชญากรรมในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ จุดตรวจใต้ด่วนลาดพร้าว ซึ่งรับผิดชอบโดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง กองทัพบก (ศปม.ทบ.) โดย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ซึ่งจัดกำลังพล จำนวน 2 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจโชคชัย จำนวน 8 นาย 

ทั้งนี้หากมีความจำเป็นในการเสริมกำลังปฏิบัติหน้าที่ ทางสำนักงานเขตจะประสานชุดบูรณาการด้านความมั่นคงในการขอใช้กำลังทหารเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ ในเขตที่ได้รับมอบหมายต่อไป

สำหรับในห้วงเวลาที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้รับข้อมูลเบาะแสอันเป็นประโยชน์จากประชาชน นำไปสู่การจับกุมได้หลายครั้ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากประชาชนหากผู้พบเห็นการละเมิดกฎหมายสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1111 ทำเนียบรัฐบาล หรือ หมายเลข 191,1599 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสายด่วนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง หมายเลข 1138 กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ขอขอบคุณประชาชนและทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และร่วมมือร่วมใจกันเพื่อร่วมก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

‘กรณ์’ เสนอทางออกปลดล็อคระบบตรวจโควิด ให้ทุกครัวเรือนในพื้นที่สีแดงมีสิทธิ์รับระบบตรวจ ‘Rapid Antigen Test’ ฟรี หากพบติดเชื้อโควิด-19 สามารถเข้าสู่ระบบรอเตียงได้ ไม่ต้องรอตรวจ PCR

สืบเนื่องจากวันนี้ (12 ก.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข จะพิจารณาปลดล็อก Rapid Antigen Test ชุดตรวจ โควิด-19 หลังจากที่ กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีมติเห็นชอบไปแล้วนั้น นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า พรรคกล้าได้พยายามย้ำ และส่งแรงดันต่อเนื่องมาหลายวัน ถึงข้อเสนอแนะเร่งด่วนให้รัฐบาลเรื่องการเข้าถึงการตรวจโควิดให้สะดวกขึ้นและทันท่วงที สิ่งที่ต้องทำคือยอมรับและจัดให้มีการเข้าถึง ‘การตรวจแบบ Rapid Antigen’ ให้กับทุกคนที่มีความเสี่ยงหรือมีอาการ แทนที่จะต้องให้ประชาชนต้องวิ่งรอบโรงพยาบาล หรือต้องไปรอคิวข้ามคืนเพื่อรับสิทธิตรวจ PCR

ซึ่งต่อมากระทรวงสาธารณสุขก็ได้แถลงตามแนวที่เราเสนอ แต่ยังไม่สุดและยังไม่สามารถแก้ปัญหาการเข้าถึงยาและเตียงรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที ปัญหาสำคัญคือหากผลตรวจ Antigen เป็นบวก ทางสาธารณสุขยังไม่ยอมรับผลเพื่อนำไปสู่การรักษาทันที แต่ยังต้องให้เราไปเข้าคิวรอการตรวจ PCR ต่ออีกรอบหนึ่ง

“จากการที่ผมและทีมงานพรรคกล้าได้ไปแจกข้าวกล่องให้กับผู้เข้าคิวรอตรวจโควิดที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขนเมื่อวันก่อน และได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและแพทย์หน้างาน พบว่าผู้ป่วยต้องรอคิวตรวจข้ามคืน ซึ่งเป็นปัญหาคอขวด พรรคกล้าจึงขอเสนอแนวทางนี้ เพื่อให้การใช้การตรวจ Antigen มีประสิทธิผลมากที่สุด ใน 2 แนวทางคือ

1.) ขอให้ทุกครัวเรือนในพื้นที่สีแดงมีสิทธิรับระบบตรวจ Antigen เพื่อตรวจเองได้ฟรีในจำนวนที่เหมาะสม เมื่อตรวจเองและมีผลบวก ประชาชนจะได้รู้ตัวที่จะกักตัวเอง ไม่ต้องเสี่ยงแพร่หรือติดเชื้อจากการออกไปรอคิวตรวจตามศูนย์ ผู้สูงอายุไม่ต้องลำบาก

2.) หากตรวจ Antigen มีผลบวกและมีอาการป่วย ขอให้ประชาชนสามารถเข้าระบบรอเตียงได้โดยไม่ต้องรอตรวจ PCR อีกรอบ เพื่อลดความเสี่ยงสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มว่าอาการจะรุนแรง และในระหว่างเข้าระบบรอเตียง ก็สามารถตรวจ PCR ซ้ำเพื่อความแม่นยำ พร้อมยืนยันอีกครั้งตอนได้เตียง เราต้องช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้เร็วที่สุดครับ” หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘สิงโต’ ฝันสลาย! ทัพ ‘อัซซูรี’ แม่นโทษกว่า ซัดดับ 3-2 ซิวแชมป์ยูโร สมัยที่ 2

อิตาลี ผงาดคว้าแชมป์ ยูโร 2020 แบบบีบหัวใจ หลังเสมอกับ อังกฤษ เจ้าบ้าน 1-1 ตลอด 120 นาที ก่อนซัดโทษแม่นกว่าชนะ 3-2 คว้าแชมป์ยุโรปสมัย 2 เมื่อคืนวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2020 ทีมชาติอังกฤษ เปิดรังเวมบลีย์ ปะทะ ทีมชาติอิตาลี ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 64,000 คน เกมนี้ ‘สิงโตคำราม’ ดัน แฮร์รี เคน ยิงเป้าแล้วมี เมสัน เมาต์ กับ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำเกมบุก ส่วน ‘อัซซูรี’ วางหน้า 3 สูตรเดิม ลอเรนโซ่ อินซิเญ่, ชิโร่ อิมโมบิเล่ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า

ผลการแข่งขัน 90 นาที เสมอกัน 1-1 โดยอังกฤษได้ประตูนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว จาก ลุค ชอว์ ก่อนที่อิตาลี จะตามตีเสมอได้จาก ลีโอนาร์โด้ โบนุชชี ขณะที่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ไม่สามารถทำประตูกันได้ ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ

ปรากฏว่า 5 คนแรกของ อิตาลี ยิงเข้า 3 คน (โดเมนิโก้ เบราร์ดี, ลีโอนาร์โด้ โบนุชชี, เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี) ขณะที่ อังกฤษ ยิงเข้า 2 คน (แฮร์รี เคน, แฮร์รี แม็คไกวร์) แต่ 3 คนที่เหลือ มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช, บูกาโย่ ซาก้า ซัดพลาดติดเซฟ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ทั้งหมด สุดท้าย อิตาลี ชนะจุดโทษ อังกฤษ 3-2 ได้แชมป์ยูโร สมัย 2 ส่วนอังกฤษอกหัก ชวดแชมป์อย่างน่าเสียดาย


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทอ. แจ้ง ทหารเกณฑ์ติดโควิด 290 นาย หลังออกปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ ปชช. ยันทุกคนไม่แสดงอาการ  พร้อมรับการดูแลอย่างดี เข้ารับการรักษาตามขั้นตอนทางสธ. อย่างเคร่งครัด

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 กองทัพอากาศได้รับมอบหมายภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาล และ ศบค.ในหลายมิติ ซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงมีความห่วงใยในความปลอดภัยของกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและด่านหน้า โดยเฉพาะน้อง ๆ ทหารกองประจำการ ณ ที่ตั้งดอนเมือง ซึ่งออกปฏิบัติหน้าที่ช่วงสถานการณ์ COVID-19 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งเมื่อเสร็จจากการปฏิบัติภารกิจน้อง ๆ ทหารกองประจำการเหล่านี้ต้องกลับมาพักอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มก้อน 

ดังนั้นเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับกำลังพล ผู้บัญชาการทหารอากาศจึงสั่งการให้หน่วยเกี่ยวข้องดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกให้กับทหารกองประจำการ ระหว่างวันที่ 9 - 11 ก.ค.64 เพี่อสร้างความปลอดภัย  ผลการตรวจคัดกรองของทหารกองประจำการ จำนวน 718 คน พบว่า มีทหารกองประจำการติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 290 คน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง (กลุ่มอาการสีเขียว) โดยทั้งหมดได้รับการดูแลอย่างดีและรับการรักษาตามขั้นตอนที่ทางสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด มีรายละเอียดการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้

 1. กองทัพอากาศ จัดเตรียมอาคาร สถานที่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก โดยใช้อาคารกองพันของหน่วย เพื่อจัดเป็น Community Isolation หรือ สถานที่แยกตัวชุมชนของหน่วย ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วย 2 อาคาร ได้แก่ อาคารสำหรับผู้มีความเสี่ยงสูง และ อาคารสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ (ผู้ป่วยไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง) โดยอาคารทั้ง 2 แห่ง แยกจากกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 2. ทหารกองประจำการที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด แยกเข้ารับการรักษาภายใต้การกำกับดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ กรมแพทย์ทหารอากาศ ดังนี้
      2.1 Community Isolation (สถานที่แยกตัวชุมชนของหน่วย) หรือ อาคารกองพันของหน่วย 
จำนวน 199 คน
      2.2 โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) จำนวน 52 คน
      2.3 โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (โรงเรียนการบิน) จำนวน 39 คน

 3. สำหรับการดูแลผู้มีความเสี่ยงสูงและผู้ป่วยติดเชื้อ ได้ดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ของกองทัพอากาศดูแลอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อจะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิและวัดปริมาณออกซิเจน พร้อมลงบันทึกข้อมูลและแจ้งอาการป่วยกับเจ้าหน้าที่ทุกวัน รวมทั้งได้รับการบริการอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อรองรับการดูแลรักษาอย่างเพียงพอ

4. กรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง จะนำส่งเข้ารักษาต่อยังโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ

 5. สำหรับรายละเอียด Time Line ที่ผ่านมาของผู้ป่วยติดเชื้อนั้น น้อง ๆ ทหารกองประจำการ ไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยกลับบ้านและพักอาศัยอยู่ที่หน่วยตลอดเวลา 

สำหรับการติดเชื้อในหน่วยทหารของกองทัพอากาศ ถือเป็นสถานการณ์โรคระบาดที่มีความสำคัญ และกองทัพอากาศติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เมื่อมีการติดเชื้อก็จะเข้าสู่กระบวนการป้องกันและรักษาตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยใช้ศักยภาพของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพอากาศในการรักษาพยาบาลกำลังพล และควบคุมไม่ให้กระจายไปสู่ภายนอก ซึ่งกำลังพลกองทัพอากาศมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้เช่นเดียวกับประชาชนโดยทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารอากาศมีความห่วงใย และได้กำชับให้กำลังพลเพิ่มความระมัดระวังอย่างสูงสุด เนื่องจากที่ตั้งบางหน่วยเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งยังคงมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค กองทัพอากาศขอยืนยันว่าเราจะดูแลน้อง ๆ ทหารกองประจำการ ซึ่งเป็นบุตรหลานของท่านอย่างดีที่สุดภายใต้มาตรฐานการรักษาพยาบาลและขีดความสามารถของหน่วยงานทางการแพทย์ของกองทัพอากาศที่มีอยู่อย่างเต็มกำลังความสามารถ

สรรพากรแจง วัคซีนทางเลือก ประชาชน ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงกรณีมีข่าวว่าประชาชน ต้องแบกรับภาษีมูลค่าเพิ่ม จากการที่จะต้องถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ว่า อาจเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนก่อให้เกิดความเข้าใจผิดกับสาธารณชน กฎหมายกำหนดไว้ ตามมาตรา 81 (1)(ญ) แห่งประมวลรัษฎากร การให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 

ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชน จึงได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม โรงพยาบาลเอกชน จึงไม่สามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากวัคซีนทางเลือก ที่ให้บริการแก่ประชาชนได้ สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อมีภาษีซื้อที่เกิดจากต้นทุนการซื้อ สามารถนำมาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามปกติ ซึ่งกรมสรรพากร จะรีบดำเนินการคืนให้โดยรวดเร็ว 

สำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคลของโรงพยาบาลเอกชน หากโรงพยาบาลเอกชนมีกำไรจากการประกอบการ ก็เป็นหน้าที่ปกติของผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนที่จะต้องเสียภาษีเงินได้จากกำไรเช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่น ๆ

รมว.เฮ้ง นำทีมเช็คความพร้อมสนามไทย - ญี่ปุ่น ดินแดงตรวจโควิดเชิงรุกผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไป เริ่ม 12 ก.ค.64

ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของสถานที่เพื่อสำหรับเปิดบริการตรวจโควิด-19 เชิงรุก ตามโครงการแรงงาน...เราสู้ด้วยกัน สำหรับผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไป ในวันจันทร์ที่ 12 ก.ค.64 โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

นายสุชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ครั้งนี้ ซึ่งมีผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยงจำเป็นจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้ขณะนี้หลายโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนเกิดความแออัด ต้องรอคิวนาน และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไป
ให้ได้รับการตรวจอย่างรวดเร็ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งการให้กระทรวงแรงงาน โดย สปส. บูรณาการร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย (มท.) โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดำเนินการตรวจโควิด-19 เชิงรุก ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 , 39 และมาตรา 40  และประชาชนทั่วไป ภายใต้ โครงการ“แรงงาน…เราสู้ด้วยกัน” ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 

สำหรับขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อจองคิวตรวจของผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไปสามารถเข้าเว็บไซต์กูเกิ้ล แล้วพิมพ์คำว่า “แรงงานเราสู้ด้วยกัน” หรือคลิกที่ลิงค์นี้  https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php กรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือเลขพาสปอร์ต กรอกข้อมูลประเมินความเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งเป็นบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการป่วย ผู้ประกันตนจะต้องพกบัตรประชาชน พร้อมสำเนา 1 ชุด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจ หากรายใดลงทะเบียนแล้วไม่มาตรวจตามนัดจะต้องลงทะเบียนใหม่ เมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 เรียบร้อยแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที ทางโรงพยาบาลจะแจ้งผลการตรวจคัดกรองโควิด 19 ผ่าน 3 ช่องทาง คือ QR Code ทาง SMS และทางโทรศัพท์ แต่ในกรณีที่ผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้รับผลการตรวจคัดกรอง อาจเนื่องจากกรอกหมายเลขโทรศัพท์ไม่ถูกต้อง สามารถโทรสอบถาม 1506 กด 6 การลงทะเบียนออนไลน์เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.64) เป็นต้นไป โดยแต่ละวันสามารถตรวจได้วันละ 2,000 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 1,000 คน ช่วงบ่าย 1,000 คน ซึ่งหากตรวจแล้วพบเชื้อแต่ไม่มีอาการจะถูกส่งเข้ารักษาตัวใน Hospitel ส่วนผู้ที่มีอาการจะถูกส่งไปรักษายังโรงพยาบาลในเครือประกันสังคม ซึ่งจะมีทีมแพทย์และพยาบาลดูแล ส่วนค่ารักษาพยาบาลผู้ประกันตนจะเบิกกับสำนักงานประกันสังคม และประชาชนทั่วไปจะเบิกกับ สปสช. ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนให้คำปรึกษาผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไปตรวจโควิด-19 เชิงรุก โทร.1506 กด 6

“ชัยวุฒิ” เผย ตรวจโควิด-19 ซ้ำ ผลเป็นลบ เชื่อใส่แมสก์-ฉีดวัคซีนช่วยป้องโควิดได้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า เมื่อได้รับแจ้งว่าเป็น
กลุ่มเสี่ยง เนื่องจากนั่งใกล้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 บนเที่ยวบินที่เดินทางไป จ.ภูเก็ต เมื่อ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อผลออกมาเป็นลบ และเมื่อครบกำหนดกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการ ได้ตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง ผลปรากฎว่าเป็นลบ ไม่ติดเชื้อ แสดงให้เห็นว่าการป้องกันตามมาตรการสาธารณสุข ทั้งสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ มีความจำเป็นและสำคัญต่อการป้องกันติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะเวลานี้มีมาตรการเข้มข้นในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อจำกัดการระบาด และให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติในเร็ววัน 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในด้านเศรษฐกิจควบคู่มาตรการด้านสุขภาพ โดยโครงการภูเก็ตแซนบ็อก มีมาตรการดูแล เฝ้าระวังที่มีประสิทธิภาพ หากพบมีนักท่องเที่ยวติดเชื้อ หน่วยงานสาธารณสุข จะมีระบบดูแลติดตามที่สามารถจำกัดวงการแพร่ระบาดได้ ขณะที่ทางดีอีเอส มีระบบติดตามตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายัง จ.ภูเก็ต ซึ่งตนเชื่อมั่นโครงการดังกล่าวจะสำเร็จ โดยดูจากยอดการจ้องที่พักและมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และหากโมเดลนี้เป็นไปตามเป้าหมาย จะขยายการรับนักท่องเที่ยวตามในพื้นที่อื่นต่อไป

“อิสระ” จี้ “ตรีนุช” ไขก๊อก รมว.ศึกษาฯ ถ้ายังอมพะนำ ไม่ใช้อำนาจสั่งลด-คืนค่าเทอม ช่วยผู้ปกครองช่วงโควิด

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ออกมาแถลงให้โรงเรียนปรับแผนการสอน ลดการบ้าน ลดภาระนักเรียน ว่า เรื่องแบบนี้ไม่ต้องให้คนระดับรัฐมนตรีมาสั่งการ ครูเเทบทั้งประเทศเขาก็คิดเป็น จัดลำดับความสำคัญได้ ไม่มีใครอยากสร้างความเครียดให้เด็กเกินจำเป็น แต่ปัญหาวันนี้ที่ต้องแก้ไข คือ ผู้ปกครองเรียกร้องการสั่งลดหย่อนค่าเทอมในยุคโควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรม แต่ถามว่ารมว.ศึกษาธิการ อยู่ที่ไหน จะทำหูทวนลมก้มหน้าก้มตาขอความร่วมมือโรงเรียนเอกชน โดยไม่ยอมสั่งชัดๆให้คืน หรือลดค่าเทอม ตามมาตรา 33 และมาตรา 34 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงเรียนเอกชน ตามอำนาจที่มี ท่านอมพะนำอะไรอยู่ถึงไม่สั่ง จะรอให้เด็กถูกเตะออกจากโรงเรียนเพราะค้างค่าเทอม ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมอีกเท่าไหร่ บางโรงเรียนกดดันผู้ปกครองไม่ออกผลการเรียนให้ แถมขู่ว่าถ้าไม่จ่ายค่าเทอมก็ไม่ออกเกรดให้ นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่โลกคู่ขนานที่ท่านอยู่ ไม่เอาอีกเเล้วสำหรับการมาชี้เเจงสภาฯแล้วตอบเเบบขอไปที ถึงเวลาจัดลำดับความสำคัญให้ถูกได้เเล้ว 
      
"เหมือนท่านยังดื้อดึง เห็นวันก่อนให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ พิธีกรถามท่านถึง 3 ครั้งว่า ท่านไม่มีอำนาจหรือที่จะสั่ง ท่านอ้ำอึ้งบอกแต่ว่าทำได้แค่ขอความร่วมมือ สุดท้ายก็ตอบว่าไม่มีอำนาจ ถ้ามีอำนาจแล้วไม่อยากใช้ก็ลาออกเลย  ผู้ปกครองเขาไม่ได้อยากได้เงินเดือน 3 เดือนของรัฐมนตรี ที่จะสละในช่วงโควิด เขาอยากให้ใช้อำนาจที่มี สั่งคืนหรือลดค่าเทอมให้ชัดเจนโดยด่วน" นายอิสระ กล่าว 

“จุรินทร์” ย้ำ สั่งการพาณิชย์ดูแลประชาชนช่วงล็อกดาวน์ ควบคุมราคาสินค้าไม่ให้ขาดตลาด แจ้งสายด่วน 1569 ไม่เว้นวันหยุดราชการ ลั่นฝ่าฝืนเอาผิด โทษสูงสุดคุก 7 ปี พร้อมประสาน จัดเครื่องมือแพทย์ให้ รพ.สนามอุบลราชธานี 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำถึงมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงล็อกดาวน์ 14 วันว่า ได้ประสานงานกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ทั้งในส่วนของห้างสรรพสินค้า จุดกระจายสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เกต ให้เก็บสินค้า เพื่อพร้อมเข้าไปเติมเต็มในชั้นวาง โดยเฉพาะซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ หรือจุดที่ประชาชนสามารถเดินทางมาซื้อสินค้าได้สะดวก นอกจากรถโมบายพาณิชย์ ที่จะตระเวนไปขายสินค้าในชุมชน โดยล่าสุด ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่พบปัญหาสินค้าหมดจากชั้นวาง แต่มีบางจุด ในระยะเวลาสั้นๆ ที่ขาดการเติมสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ ได้สั่งการแล้วว่า หากประชาชนพบจุดใด ที่ขาดแคลนสินค้า อุปโภคบริโภคที่ ศบค. อนุญาตให้จำหน่ายได้ สามารถร้องเรียนได้ที่สาย 1569 โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการถึงเวลา 22:00 น. ถ้าหลังจาก 22:00 น. ไปแล้ว จะเป็นระบบบันทึกเสียง หรือแจ้งได้ที่พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ที่ตัดเจ้าหน้าที่ รับเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีวันหยุดราชการเช่นกัน 

ทั้งนี้ หากตรวจพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่ติดป้ายแสดงราคาจะมีโทษ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีที่มีการฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร กักตุนสินค้าหรือปฏิเสธการจำหน่าย ต้องโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ ที่มีความต้องการมากในขณะนี้ ยืนยันว่ายังไม่พบปัญหาและมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ โดยประชาชนมีทางเลือกมากขึ้นกว่าช่วงที่มีการระบาดโควิดละรอกแรกที่มีปัญหาเรื่องการผลิตหน้ากากอนามัย แต่ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทำให้มีหน้ากากอนามัยเพียงพอ

ขณะเดียวกัน นายจรินทร์ กล่าวถึงการตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามจังหวัดอุบลราชธานี ว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถรับ ผู้ป่วยได้ตลอดเวลา โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามแล้ว 129 ราย และสามารถรองรับได้ถึง 1200 เตียง โดยยังสามารถรับผู้ป่วยได้อีกจำนวนมาก แต่ยังมีปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งตนเองได้รับเรื่องจะไปประสานกับกระทรวงสาธารณสุข ตามที่โรงพยาบาลสนามร้องขอมา

“นายกฯ”จ่อถกคณะทำงาน 12 ก.ค.นี้ เยียวยาปชช-ผู้ประกอบการ หลังศบค.เคอร์ฟิว-ล็อกดาวน์กิจกรรม กิจการเสี่ยง 10 จว.

รายงานข่าวจากทำเนียบฯแจ้งว่า สืบเนื่องจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หรือศบค. ออกคำสั่ง ที่9/2564 ประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง และออกข้อกำหนด ฉบับที่27 ห้ามประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ออกนอกเคหะสถาน ในเวลา 21.00 -04.00 น. พร้อมกำหนดการปิด-เปิดกิจการ กิจกรรมต่างๆอย่างน้อย 14 วัน ให้มีผลบังคับใช้วันที่ 12 ก.ค.นี้ 

รายงานข่าวแจ้งว่า เบื้องต้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เตรียมเรียกประชุมร่วมกับทีมเศรษฐกิจ วันที่12 ก.ค.เวลา 15.30 น.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนท์ มีผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกศบศ.เป็นต้น เพื่อหารือถึงแนวทางการเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าว และจะพิจารณารูปแบบของการช่วยเหลือจะออกมาในลักษณะใด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top