Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

ครม. ไฟเขียวอนุมัติเงินกู้ เยียวยาล็อกดาวน์ 10 จังหวัด จ่ายชดเชยเพิ่ม 5 กลุ่มอาชีพ คนละไม่เกิน 1 หมื่นบาท พร้อมลดค่าน้ำค่าไฟ 2 เดือน

คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ 10 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา

สำหรับมาตรการ จะช่วยเหลือกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ในฐานะคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้เสนอ วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท

สำหรับช่วยเหลือแรงงานในระบบประกันสังคมและนอกระบบประกันสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการ และมาตรการควบคุมการระบาดเพิ่มจากเดิม 4 สาขาอาชีพ เป็น 9 สาขาอาชีพ โดยสาขาที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ 5 สาขา ได้แก่

1.) สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า

2.) สาขาการขายส่งและการขายปลีก

3.) สาขาการซ่อมยานยนต์

4.) สาขากิจกรรมการบริหารและสนับสนุนวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมวิชาการ

5.) สาขาข้อมูลข่าวสารและการศึกษา

ทั้งนี้ ระยะเวลาการช่วยเหลือ 1 เดือน โดยลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนตาม ม.33 ได้รับการช่วยเหลือ 2,500 บาทต่อคน และลูกจ้างที่ได้รับชดเชยจะได้รับเงินเดือน 50% ของค่าจ้าง ไม่เกิน 7,500 บาท รวมกับเงินช่วยเหลือไม่เกินคนละ 10,000 บาท

สำหรับผู้ประกอบการจะได้รับรายละ 3,000 บาท ต่อลูกจ้าง 1 คน จำกัด ไม่เกิน 200 คน เหมือนกับกรณีมาตรการล็อกแคมป์คนงานที่ผ่านมา ส่วนผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ได้รับความช่วยเหลือ 5,000 บาท

นอกจากนี้ ลดค่าน้ำค่าไฟ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

1.) ลดค่าไฟ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 10 จังหวัด ระยะเวลา 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค.)

2.) ลดค่าน้ำ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 10 จังหวัด ระยะเวลา 2 เดือน (ส.ค.-ก.ย.)

สำหรับ 4 กิจการที่รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาที่อยู่ในระบบประกันสังคม ไปก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย

1.) กิจการก่อสร้าง

2.) กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร

3.) กิจการศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ

4.) กิจการบริการอื่น ๆ

ล่าสุด สำนักงานประกันสังคมได้จ่ายเงินเยียวยาตามสิทธิฯ อาทิ เงินชดเชยร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ไปแล้ว 17,920 ราย คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 87 ล้านบาท

แบ่งเป็น กิจการก่อสร้าง 16,468 ราย เป็นเงิน 79,801,420.45 บาท กิจการร้านอาหารและภัตตาคาร 1,452 ราย เป็นเงิน 7,829,613.35 บาท โดยเป็นการตัดจ่ายทุกวันศุกร์ และนำจ่ายเงินให้ลูกจ้างทุกวันจันทร์ ซึ่งคนงานในกิจการก่อสร้างจะได้รับเป็นเงินสด ส่วนกิจการอื่น ๆ จะโอนเงินเข้าบัญชีลูกจ้างโดยตรง

สำหรับกรณีลูกจ้างที่ยังไม่ได้เงิน ขอให้เร่งดำเนินการ ดังนี้

1.) ให้นายจ้างรับรองในระบบ e-service ว่ามีลูกจ้างกี่ราย หยุดงานตั้งแต่วันไหนถึงวันไหน

2.) ลูกจ้างต้องยื่นแบบ สปส. 2 - 01/7 ให้แก่นายจ้างส่งต่อให้สำนักงานประกันสังคม เพื่อการพิจารณาวินิจฉัยจ่ายเงินโดยเร็วต่อไป

 

ที่มา : https://www.posttoday.com/economy/news/657891


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม.เว้นค่าธรรมเนียม “สปา-นวด-เสริมงาม”อีก 1ปี ส่วนสถานดูแลผู้สูงอายุ เว้นให้ 2 ปี ลดภาระปชช.ช่วงโควิด

น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปี  แก่ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสปา กิจการนวดเพื่อสุขภาพหรือเพื่อเสริมความงาม ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 1 ปี  

ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. 2564- 17 มี.ค. 2565 และยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการแก่การดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงแก่ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้มีภาวะพึ่งพิงเป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลบังคับใช้เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาลดภาระและบรรเทาผลกระทบให้ผู้ประกอบการกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)และจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับค่าธรรมเนียมกิจการสปาอยู่ที่ปีละ 1,000 บาท กิจการนวดเพื่อสุขภาพหรือเสริมความงามปีละ 500 บาท และกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงโดยมีการพักค้างคืนปีละ 1,000 บาท โดยมีกิจการสปาจำนวน 905 แห่ง กิจการนวดเพื่อสุขภาพและเพื่อเสริมความงาม จำวน  10,934 แห่ง และกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง จำนวน 138 แห่ง ทั้งนี้การเว้นค่าธรรมเนียมในครั้งนี้ รัฐจะเสียรายได้ 6,640,000 บาท 

‘อรรถวิชช์’ ชวนคนไทย แบ่งปันอาหาร ช่วยแรงงาน สั่งปิดแคมป์มาครึ่งเดือน เงินช่วยเหลือจากรัฐลงไม่ถึง ย้ำไทยเข้าสังคมสูงวัย ต้องให้ความสำคัญแรงงาน

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า นำอาหารแห้ง น้ำ และของใช้จำเป็น มาบริจาคช่วยคนงานที่แคมป์เบญจมาศ เขตดุสิต ซึ่งต้องปิดแคมป์ไม่ให้เข้าออก ตามมาตรการป้องกันการระบาดโควิด-19 มาครึ่งเดือนแล้ว แต่เงินเยียวยาแรงงานยังไม่ทั่วถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เคยให้ข่าวว่าคนงานได้รับผลกระทบในกรุงเทพและปริมณฑลราว 697,000 คน

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า โดยหลักรัฐจะจ่ายให้คนงานในระบบประกันสังคม 50% ของเงินเดือน แต่ไม่เกิน 7,500 บาท บวกกับอีก 2,000 บาทเพิ่มเติม แต่เมื่อเห็นตัวเลขที่กระทรวงแถลง มาคำนวณดูพบว่า ถึงวันนี้ผ่านมาครึ่งเดือน รัฐจ่ายเงินให้คนงานไปหมื่นกว่าคนเท่านั้น ช่วยคนงานได้ไม่ถึง 3%

‘ผมดูแล้วหวังพึ่งรัฐเป็นหลักคงไม่ไหว ผมขอให้ท่านที่ยังไหวออกมาช่วยกัน แบ่งปันอาหารให้คนงานในแคมป์ที่ถูกกักตัว แม้คนงานส่วนมากจะเป็นต่างด้าว แต่เค้าคือโครงสร้างสำคัญของเศรษฐกิจไทย ปี 2564 นี้ในอาเซียนมีแค่ไทยและสิงคโปร์ ที่เข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบคือ 20% ของประชากรมีอายุเกิน 60 ปี วัยที่จะเป็นแรงงานลดน้อยลง จึงหนีไม่ออกที่ต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว ทั้งเราและเขาต้องพึ่งพากันอีกนาน ออกมาช่วยนะครับ มื้อนี้ขอขอบคุณนักเรียนเก่ามาแตร์ฯ ที่ร่วมส่งของร่วมกันครับ’ นายอรรถวิชช์ กล่าว


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทบ.น้อมรำลึก พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ พร้อมนำอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทาน ไปช่วยประชาชนช่วงโควิดอย่างเต็มความสามารถ

พันตรีหญิงหญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปี 2562 กองทัพบกได้ ทุ่มเททรัพยากรที่มีอยู่ในทุกด้าน โดยเฉพาะศักยภาพของกรมแพทย์ทหารบก และรพ.สังกัดกองทัพบกทั่วประเทศ ในการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มศักยภาพปฏิบัติงาน สนับสนุนรัฐบาลดูแลผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ และป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง

สิ่งสำคัญที่เป็นขวัญกำลังใจและเป็นพลังหนุนในการทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นเข้มแข็งตลอดมานั้น คือพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรที่กำลังเผชิญกับโรคอุบัติใหม่ โดยได้พระราชทานความช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะพระราชทานเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาล ซึ่งหน่วยแพทย์ทหารของกองทัพบกได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ดังกล่าวด้วย ดังนี้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

พระราชทานน้ำยาตรวจหาเชื้อไวรัส เพื่อการคัดกรองโรคโควิด-19, เครื่องเอกซเรย์แบบเคลื่อนที่ สำหรับการประเมินสภาพระบบทางเดินหายใจของผู้ติดเชื้อ ให้แก่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และพระราชทานชุด PPE เป็นเครื่องป้องกันเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน รวมทั้งพระราชทานอาหารและถุงพระราชทาน แก่บุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลสนาม ตั้งแต่ พ.ค. 64 อย่างต่อเนื่อง

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พระราชทานชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ จำนวน 54 ชุด ให้แก่โรงพยาบาลกองทัพบก 9 แห่ง ได้แก่ รพ.พระมงกุฎเกล้า, รพ.อานันทมหิดล, รพ.ค่ายสุรนารี, รพ.ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, รพ.ค่ายวชิราวุธ, รพ.ค่ายประจักษ์ศิลปาคม, รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี, รพ.ค่ายกาวิละ และ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 64

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

พระราชทานหน้ากาก N95 จำนวน 5,000 ชิ้น และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ Surgical Mask จำนวน 2,000 ชิ้น แก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 64 และพระราชทาน เครื่อง Oxygen High Flow จำนวน 10 เครื่อง ให้มีเครื่องช่วยหายใจเพียงพอต่อผู้ป่วย ให้แก่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลอานันทมหิดล เมื่อ 30 เม.ย. 64

นอกจากนี้ยังได้พระราชทานเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ เครื่องติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพ เครื่องช่วยหายใจ ณ โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระราชทานหน้ากาก N 95, และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical mask) และของใช้ส่วนตัวสำหรับผู้ป่วย

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒนวรขัตติยราชนารี

พระราชทานยาฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 70,000 เม็ด ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่ กทม.

และล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 64 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานยาฟ้าทลายโจร จำนวน 2,000 ขวด โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำยาพระราชทานนี้ ไปส่งมอบให้แก่สถานพยาบาลต่าง ๆ เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ต่อไป

เครื่องมือแพทย์และสิ่งของพระราชทานเหล่านี้ ได้ถูกนำไปใช้ในการบรรเทาความเจ็บป่วย, รักษาอาการ, รักษาชีวิตผู้ติดเชื้อในสถานการณ์โควิด-19 และยังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยแบ่งเบาภาระ ลดการสัมผัสเชื้อให้กับบุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานกำลังใจในรูปแบบของขวัญ, อาหารพระราชทาน, พระราชดำรัส อันมาจากพระราชหฤหัยให้กำลังพลสายแพทย์ในอีกหลายรูปแบบ พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทย และพระราชทานให้กองทัพบกในครั้งนี้ นำมาซึ่งขวัญกำลังใจแก่ทหารทุกนาย ให้สามารถยืนหยัดดูแลประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤต ภายใต้ร่มพระบารมีตลอดไป


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘มาตรการภาครัฐ 100 ปีก่อน พิชิตไข้หวัดสเปนได้อย่างไร ?’ กับ ‘หยก THE STATES TIMES’ | Click on Clear THE TOPIC EP.6

????ห้ามพลาด!! ย้อนรอย 100 ปี โรคระบาดรุ่นพี่โควิด-19 ‘ไข้หวัดสเปน’ ที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกกว่า 50 ล้านคน!!!
????พร้อมย้อนดูมาตรการรับมือโรคระบาด ของรัฐไทย ทำอย่างไรถึงพิชิต ‘ไข้หวัดสเปน’ ได้!

โดย​ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้ ที่จะพาไปพูดคุยกับ ‘หยก THE STATES TIMES’
HOST & CONTENT CREATOR

ใน​ Topic : ‘มาตรการภาครัฐ เมื่อ 100 ปีก่อน พิชิต ไข้หวัดสเปนได้อย่างไร ?’

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ประชุม ครม.ถกยาวมาตรการเยียวยา “บิ๊กตู่” ขอสวมบทเตมีย์ใบ้ ปัดตอบคำถามสื่อประเด็นสังคมเรียกร้องลาออก “โยน” โฆษกฯตอบแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีใช้เวลายาวนาน โดยส่วนใหญ่เป็นการหารือถึงมาตรการเยียวยาผลกระทบต่อจาก โควิด-19 ซึ่งสื่อมวลชนยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปปฎิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ได้รับการแจ้งจากที่สำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าการแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีวันเดียวกันนี้ทางทีมโฆษกฯประจำสำนักนายกฯ จะมีการแถลงผลการประชุมผ่านทางเอกสาร

ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยังไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ได้ส่งคำถามผ่านคณะทำงานไปเช่นเดิม แต่ได้มอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบแทน ซึ่งประเด็นคำถาม แยกเป็น 2 ประเด็น คือ ประเด็นทางการเมือง ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงความเห็นต่อกระแสเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจาก ล้มเหลวในการบริหารงานบริษัทเพราะการแก้ปัญหาการแพร่ระบาด โควิด-19 รวมทั้งถามว่ามีความหวั่นไหวกับกระแสดังกล่าวหรือไม่ รวมทั้ง การตั้งคำถามว่า จะให้เหตุผลอย่างไร รวมทั้งมีวิธีรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร หากยังคงเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป อีกทั้งจะเรียกความเชื่อมั่นของคนไทยกลับคืนมาอย่างไร

นอกจากนี้ยังได้ตั้งคำถามนายกรัฐมนตรี ในประเด็นการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทั้งแผนการส่งมอบวัคซีน ว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดหรือไม่ แผนการกระจายวัคซีน การปรับสูตร ยกเลิกซิโนแวค 2 เข็ม การสะท้อนภาพซิโนแวคขาดประสิทธิภาพ
รวมทั้งมาตรการเยียวยาของรัฐบาล จากผลกระทบล็อกดาวน์ล่าสุด

รู้หรือไม่? ติดโควิดรักษาตัวที่บ้าน สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้

‘กรมบัญชีกลาง’ เคาะหลักเกณฑ์ อัตรา วิธีการ และเงื่อนไข การเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล กรณีรักษาตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation “กรณีผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวเสี่ยงหรือติดเชื้อโควิด”


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อย่าเยียวยาแบบทรราชย์ ‘วิโรจน์’ กระตุกรัฐบาลเร่งออก 6 มาตรการเยียวยา ชี้ ต้องนั่งในใจประชาชน ไม่ใช่แค่โยนเศษเนื้อข้างเขียงมาให้ ย้ำ เมื่อล็อกดาวน์การหารายได้แล้ว ก็ต้องล็อกดาวน์รายจ่ายให้สอดคล้องกันด้วย

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการบริหารสถานการณ์ของรัฐบาลเกี่ยวกับจัดการการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา2019 ว่า รัฐบาลต้องยอมรับได้แล้วว่า การที่บ้านเมืองที่เข้าสู่ภาวะวิกฤติ ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทั้งหมดมาจากการละเลยต่อหน้าที่และมาจากความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดย TDRI ก็ได้สรุปและยืนยันไปในทำนองเดียวกัน ทั้งการไม่กระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน การจัดฉีดวัคซีนล่าช้า ประชาชนจำนวนไม่น้อยถูกเลื่อนฉีดลอยแพ การตรวจเชิงรุกที่จำกัด ไม่ยอมเปิดให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจได้อย่างทั่วถึงกว้างขวาง มีประชาชนต้องนอนริมถนนเพื่อรอตรวจ การจัดสรรเตียงให้กับผู้ป่วยที่ตกค้างจนเกิดปัญหา ประชาชนต้องรอคิวตรวจ รอผลตรวจ รอเตียง รอยา

มีประชาชนหลายคน หลายครอบครัว เสียชีวิตคาบ้านระหว่างที่รอเตียง มีเด็กจำนวนไม่น้อยต้องกำพร้า หลายครอบครัวติดเชื้อยกบ้าน กว่าจะถึงมือหมออาการก็หนัก ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วันละ 70-90 คน เทียบเท่ากับเหตุเครื่องบินตกที่เกิดขึ้นทุก ๆ 3 วัน

จนในที่สุดรัฐบาล ต้องถูกสถานการณ์ที่ล้มเหลวที่ตนเองสร้างขึ้น บีบให้ตัวเองต้องใช้มาตรการกึ่งล็อกดาวน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มาตรการกึ่งล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นซึ่งไม่ได้เป็นมาตรการตามยุทธศาสตร์ ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล และคนที่เดือดร้อน ทุกข์ร้อนที่สุด ที่หนีไม่พ้น ก็คือ ประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อย ทั้งที่หาเช้ากินค่ำ และหาค่ำกินเช้า ตลอดผู้ประกอบการ คนทำมาค้าขายรายเล็กรายน้อย ไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น ผู้ประกอบการหลายราย ต้องหยุดกิจการไปก่อนหน้านี้นานแล้ว นี่คือความเสียหาย 2.5 แสนล้านบาทต่อเดือน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รู้ดีจากรายงานที่นายอนุทินทำแล้วส่งมาให้ แต่ไม่เคยนำพา ไม่เคยใส่ใจ

“วันนี้จึงต้องเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเยียวยาประชาชนอย่างเป็นธรรม เยียวยาแบบที่เข้าไปนั่งในหัวใจของประชาชน ไม่ใช่เยียวยาแบบผู้ปกครองทรราชย์ ที่ทำแค่โยนเศษเนื้อข้างเขียงมาให้ แล้วก็พูดว่า "ก็ช่วยไปหมดแล้วจะเอาอะไรอีก" ” วิโรจน์ กล่าว

วิโรจน์ย้ำว่า การเยียวยาประชาชนที่จำเป็นต้องสั่งการ ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการอย่างเร็วที่สุด ณ ขณะนี้ มีทั้งสิ้น 6 ข้อ ด้วยกัน คือ

1.) การเยียวยาที่สมเหตุสมผล การระบาดในครั้งนี้ รุนแรงกว่าการระบาดระลอกแรก ดังนั้น การเยียวยา จึงไม่ควรต่ำกว่า กรณี "เราไม่ทิ้งกัน" โดยขอสั่งการให้รัฐบาลเยียวยาให้กับประชาชนทั้งที่เป็นแรงงานในระบบ และแรงงานนอกระบบ ที่เป็นเงินสดแบบถ้วนหน้า ผ่านระบบพร้อมเพย์ เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ในยามที่ประชาชนต้องเผชิญกับมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ของรัฐบาล

2.) มีจุดแจกจ่ายอาหารให้กับประชาชน เพื่อเก็บตกประชาชนกลุ่มเปราะบาง อย่าให้เกิดเหตุการณ์ที่ประชาชนต้องนำเอาข้าวกล่องไปดูแลกันเอง แล้วยังถูกตำรวจจับดำเนินคดีเกิดขึ้นอีก

3.) พิจารณาจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดย่อม โดยพิจารณาจ่ายเป็นร้อยละของรายได้ในเดือนก่อนที่จะมีการระบาดระลอกที่ 3 เพื่อชดเชยภาระในการแบกรับค่าใช้จ่ายคงที่ อาทิ ค่าเช่า และค่าแรงพนักงาน และต้องพิจารณาจ่ายชดเชยย้อนหลังให้กับผู้ประกอบการ ที่ต้องหยุดการประกอบกิจการ จากคำสั่งของรัฐบาลไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย

4.) รัฐบาลต้องออกมาตรการช่วยเหลือ ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ แก่ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อย

5.) รัฐบาลต้องออกมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนที่ต้องจ่ายชำระหนี้แก่ธนาคาร หรือสถาบันการเงิน โดยพิจารณาการยกเว้นการจ่ายดอกเบี้ย และพักการชำระหนี้ ในช่วงมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ ที่กระทบกับการทำมาหากินของประชาชน เพราะในเมื่อรัฐบาลล็อกดาวน์การทำมาหากิน การหารายได้ของประชาชน รัฐบาลก็ต้องออกมาตรการในการล็อกดาวน์ค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ที่สอดคล้องกันด้วย

6.) ให้ประชาชน มีสิทธิ์ในการเบิกชุดตรวจ Rapid Antigen Test มาตรวจตัวเอง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในจำนวนหนึ่ง ต่อสัปดาห์ เช่น 1 ชุดต่อสัปดาห์ โดยกำหนดให้ประชาชน ต้องรายงานผลตรวจ ให้กลับ สาธารณสุขทราบ หากพบผู้ติดเชื้อ ก็ให้เข้ารับการรักษาตามมาตรการของรัฐต่อไป สำหรับประชาชนที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ให้สามารถ ซื้อได้ในราคาถูก ราคาชุดละ 300-400 บาท ถือเป็นการซ้ำเติมประชาชนในยามยาก จึงต้องสั่งการให้รัฐบาล แก้ไขในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

“ผมขอให้รัฐบาล เข้าไปนั่งในหัวใจของประชาชนบ้าง ไม่ใช่กดหัวประชาชนไม่ยอมเลิก” วิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ดร.พิมพ์รพี' วอนรัฐ บอกให้ชัด ทำอย่างไรกับ ปชช.ที่ฉีดซิโนแวคแล้วสองเข็ม เติมเข็มที่สามให้ หรือให้ดิ้นรนเอาเอง แนะ รัฐคิดไปข้างหน้าแทนตามแก้ปัญหา เร่งสร้างความเชื่อมั่น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยว วอน หาเจ้าภาพประสานรับตัวส่งต่อผู้ป่วยกลับบ้านเกิด แนะเสนอหล

ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า แม้รัฐบาลจะพยายามออกมาตรการหลายอย่าง แต่ต้องยอมรับความจริงว่ามักจะช้าไปก้าวหนึ่งเสมอ เช่น โฮมควอรันทีน โลคอลควอรันทีน ซึ่งที่จังหวัดกระบี่ เดินหน้าเรื่อง โลคอลควอรันทีนมานานแล้ว นโยบายที่รัฐออกมาจึงช้ากว่าการจัดการของโลก จึงขอถามไปข้างหน้าถึงจังหวัดท่องเที่ยวที่มีโรงแรมมาก ๆ รวมถึงภูเก็ต ในเรื่องความปลอดภัย เพราะแม้จะมีการฉีดซิโนแวคไปสองเข็มแล้ว แต่ล่าสุดภาครัฐยอมรับการฉีดสองเข็มภูมิยังไม่ขึ้น ต้องมีบูทเข็มสาม และยังจะให้มีการฉีดเอสตร้าเซนนิกาด้วย คำถามคือการสร้างความเชื่อมั่นต่อจากนี้จะทำอย่างไร คนที่ฉีดวัคซีนไปสองเข็มแล้วจะได้รับเข็มสามจากภาครัฐจัดหาหรือไม่ หรือต้องเข้าสู่โหมดพึ่งตัวเอง  รัฐบาลต้องคิดไปข้างหน้าและให้คำตอบกับประชาชน ก่อนที่ประชาชนจะให้คำถาม ทุกนโยบายที่ออกมาจึงต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจน ไม่ใช่ตามแก้ในภายหลัง ซึ่งจะยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลลง

“ยังมีปัญหานำผู้ป่วยจากกทม.กลับบ้านในต่างจังหวัด ในส่วนกลางยังไม่มีมาตรการเชื่อมโยงกับจังหวัดต่าง ๆ เลย มีแต่แต่ละจังหวัดต้องดิ้นรนกันเอาเองทั้งสิ้น ถ้ามีการดำเนินการอย่างเป็นระบบประสานจากส่วนกลางสู่จังหวัด จะทำให้การเข้าถึงระบบสาธารณสุขของผู้ป่วยทำได้ง่ายขึ้น และยังช่วยกระจายผู้ป่วยเข้าสู่การรักษาในพื้นที่ที่ยังไม่เกิดวิกฤตสาธารณสุข ผ่อนคลายสถานการณ์ภายในกทม.ได้ด้วย เรื่องเหล่านี้ท่านต้องทำอย่างเป็นระบบ แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็น ปัญหาใหญ่อีกประเด็นหนึ่งคือการส่งผู้ป่วยกลับบ้านเกิดถ้าระยะทางใกล้ความยุ่งยากน้อย แต่ถ้าระยะทางไกลจะเป็นปัญหามาก เนื่องจากรถที่ใช้รับส่งยังไม่มีการกั้นระว่างคนขับกับผู้โดยสารอย่างเป็นมาตรฐาน ใช้แอร์ร่วมกัน ไม่เพียงคนขับเสี่ยง กู้ภัยที่นั่งไปด้วยเป็นเวลากว่าสิบชั่วโมงก็หนีไม่พ้นความเสี่ยงด้วยเช่นเดียวกัน ตอนนี้ส.ส.ช่วยประสานกันเต็มที่ แต่รัฐควรมีมาตรการที่เป็นระบบและมีหน่วยงานเจ้าภาพในเรื่องนี้ด้วย” ดร.พิมพ์รพี กล่าว

สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า หลายเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการขณะนี้เป็นเรื่องดี แต่ช้าไป ไม่ว่าจะเป็นฟ้าทะลายโจร หรือระบบการรักษาทางไกล ให้ผู้ป่วยสีเขียวรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งก็ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บว่าเกิดจากปัญหาอะไร แต่อยากให้เป็นบทเรียนที่ต้องตระหนักว่า การออกนโยบายต้องคิดไปข้างหน้า ไม่ใช่ตามแก้หลังเกิดปัญหา จังหวัดกระบี่ตอนนี้พบการติดเชื้อในโรงเรียนปอเนาะถึงหนึ่งพันคน ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนักมาก กรมการแพทย์ควรประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งหลักเกณฑ์ปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงเพราะเมื่อเกิดปัญหาแล้วตามแก้ไขยาก เนื่องจากการระบาดไปไกลและยังเป็นภาระงบประมาณด้วย

'ราเมศ' ย้ำ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นไปตามหลัก ปชต ประชาธิปัตย์ ลุย ช่วย ปชช ก่อน 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า หลักการในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญในการตรวจสอบรัฐบาล เป็นหน้าที่ที่สำคัญของฝ่ายค้าน ตามระบบประชาธิปไตย เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลก็พร้อมชี้แจง รัฐมนตรีคนใดที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีหน้าที่ต้องชี้แจง ส่วนรัฐมนตรีของพรรค ไม่มีความกังวล เพราะยึดหลักซื่อสัตย์ สุจริต ในการทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ยิ่งสถานการณ์ขณะนี้ต้องทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ให้สุดความสามารถ มุ่งประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางจะมีรัฐมนตรีคนใดบ้างและยื่นช่วงเวลาใดก็เป็นดุลพินิจของฝ่ายค้าน ไม่สามารถไปก้าวล่วงได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top