Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

จีนออกกฎกติกาเข้มด้านการศึกษาหลายข้อที่สะท้อนความเป็น “ระบบแบบจีน” แล้วจีนทำเพื่ออะไร ?

#ระบบแบบจีน เน้นลดเหลื่อมล้ำการศึกษา​ ตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อลดอิทธิพลฝรั่ง

จีนออกกฎกติกาเข้มด้านการศึกษาหลายข้อที่สะท้อนความเป็น “ระบบแบบจีน” แล้วจีนทำเพื่ออะไร ?

ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีนจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้วิเคราะห์ไว้ในเฟซบุ๊ก Aksornsri​ Phanishsarn ดังนี้...

ทางการจีนได้ออกกฎระเบียบล่าสุดที่กำหนดให้ธุรกิจด้านการศึกษา และบริษัทเทคโนโลยีด้านการศึกษา หรือ Edu Tech รวมไปถึงโรงเรียนกวดวิชาต่าง ๆ ในจีนต้องเป็น “องค์กรไม่แสวงหากำไร”

กฎใหม่ของจีนนี้ส่งผลให้หุ้นของบริษัท EduTech ของจีนร่วงลงอย่างหนักมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม 2564

จีนทำเพื่ออะไร ดร.อักษรศรี​ วิเคราะห์ว่า หากพิจารณาจากมุมของรัฐบาลจีน จะพบว่า นี่คือ ความพยายามจะลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาในจีน เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามไปสร้างปัญหาทางสังคมอื่น ๆ ตามมา

ดร.อักษรศรี​ ให้ข้อสังเกตว่า ทางการจีนมักจะ “ตัดไฟแต่ต้นลม” และตัดวงจรก่อนปัญหาอื่น ๆ จะตามมา

กฎใหม่ของจีนที่ออกมาก็เพื่อจัดการกับโรงเรียนกวดวิชาและบริษัท Edu Tech ทั้งหลายที่เน้นธุรกิจมากจนสร้างความเหลื่อมล้ำให้ชาวจีนส่วนใหญ่ที่ไม่มีเงินจ่ายให้ลูกหลานตัวเองเข้าติวกับธุรกิจกวดวิชาเหล่านี้

นอกจากนี้ ทางการจีนต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านการเลี้ยงดูบุตรหลาน และลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา (เช่น ต้องส่งลูกเข้าโรงเรียนกวดวิชา) ของผู้ปกครอง เพื่อจูงใจให้คนจีนยอมมีลูกมากขึ้น ตาม​ "นโยบายลูกสามคน” เพื่อรับมือปัญหาผู้สูงอายุ Aging Society ของจีนในอนาคตด้วย

ดร.อักษรศรี ยังย้ำประเด็นที่น่าสนใจ คือ ภายใต้กฎใหม่ จะมีการห้ามนำหลักสูตรของต่างชาติมาสอนในโรงเรียนเหล่านี้และห้ามจ้างครูต่างชาติมาเป็นผู้สอนด้วย ซึ่งจีนดำเนินการอย่างเด็ดขาดมาก และชัดเจนว่า จีนต้องการสร้างเกราะป้องกันไม่ให้ต่างชาติที่อาจจะทำเนียนเข้ามาแทรกแซงปลุกปั่นเยาวชนจีน

อย่างไรก็ดี ดร.อักษรศรี​ ชี้ให้เห็นว่า เหรียญมีสองด้าน ทางการจีนที่เป็น Regulator ทำเช่นนี้ ก็ถูกตั้งคำถามว่า จะเป็นการปิดกั้นหรือดับฝันการเติบโตของอุตสาหกรรมการศึกษาและ Edu Tech ของจีนหรือไม่ รวมไปถึงประเด็นคนรุ่นใหม่และ Startup จีนจะถูกควบคุมมากเกินไป หรือไม่?

ดร.อักษรศรี ได้สรุป สาระสำคัญภายใต้กฎใหม่ด้านการศึกษาของจีน ไว้ดังนี้...

1.) ธุรกิจ Edu Tech และสถาบันกวดวิชาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ระดมทุนหรือขายหุ้นสู่สาธารณะ

2.) บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของจีนก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการในธุรกิจดังกล่าวเช่นกัน

3.) เงินทุนจากต่างประเทศจะถูกกีดกันไม่ให้เข้าสู่ภาคการศึกษาของจีนด้วย

4.) ธุรกิจด้านการศึกษาในจีนห้ามนำหลักสูตรของต่างประเทศมาสอน และห้ามจ้างครูต่างชาติ มาสอนในสถาบันการศึกษาของตนด้วย

5.) หน่วยงานกำกับดูแลของจีนจะหยุดการออกใบอนุญาตจัดตั้งสถาบันกวดวิชาใหม่ ๆ และจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบโรงเรียนกวดวิชาที่มีการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์เข้มงวดยิ่งขึ้น

6.) ควบคุมปริมาณสถาบันกวดวิชาไม่ให้มีจำนวนมากเกินไป

7.) นโยบายลดการบ้านหลังเลิกเรียน พร้อมห้ามไม่ให้มีการเรียนการสอนในช่วงสุดสัปดาห์

8.) ห้ามใช้หลักสูตรออนไลน์สำหรับเด็กอายุ 6 ปีหรือต่ำกว่า เพื่อลดความตึงเครียดจากการแข่งขันทางการศึกษาของเยาวชนจีน

9.) มีการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาควบคุมสถาบันการศึกษาเอกชนโดยเฉพาะเพื่อกำกับดูแลค่าเล่าเรียน และจำกัดเวลาที่เด็กสามารถใช้ในโรงเรียนกวดวิชาไม่ให้มากเกินไป


ที่มา : https://www.facebook.com/1037140385/posts/10223687420627009/?d=n


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) สหรัฐฯ กำลังพิจารณาปรับแก้แนวปฏิบัติป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังพบยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงต่อเนื่องในหมู่ประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

27 ก.ค. 64 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แอนโทนี เฟาซี หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ระบุว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) กำลังพิจารณาปรับแก้แนวปฏิบัติป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพื่อแนะนำผู้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ

เฟาซี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่าเขาร่วมหารือเกี่ยวกับการแก้ไขแนวปฏิบัติ ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุว่าพื้นที่ท้องถิ่นบางส่วนที่มีอัตราการติดเชื้อสูงเริ่มกระตุ้นประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่

ปัจจุบันยอดผู้ป่วย ผู้เสียชีวิต และผู้รักษาตัวจากโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาล พุ่งสูงต่อเนื่องในหมู่ประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ด้านคณะผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำและการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา เป็นสาเหตุที่ทำให้ยอดผู้ป่วยพุ่งสูงเมื่อเร็ว ๆ นี้

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/590661


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ธนกร’ สวนกลับ ‘นพ.ชลน่าน’ อย่าทำตัวไร้เกียรติ ไร้จรรยาบรรณบิดเบือนข้อมูล ปั่นเฟกนิวส์โจมตีรัฐบาลทุกวันเหมือนคนในพรรคที่ไม่มีงานทำ ย้ำวัคซีนไม่ได้หายไปไหน สธ.เตรียมฉีดไฟเซอร์-แอสตร้าฯ เป็นบูสเตอร์เข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) กล่าวถึงกรณีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงข้อมูลวัคซีนเข็ม 3 ของบุคลากรทางการแพทย์ 4 แสนโดสหายไปว่า บอกตรง ๆ ตนผิดหวังกับนพ.ชลน่านอย่างที่สุด ไม่คิดว่าคนที่เป็นหมอจะกล้าบิดเบือนข้อมูล เอาข้อมูลเท็จมาโจมตีรัฐบาล ไร้ซึ่งเกียรติยศ และไร้จรรยาบรรณของแพทย์ที่สุด

ซึ่งในส่วนการของการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์เกือบ 7 แสนคนนั้น ขอย้ำให้นพ.ชลน่าน ได้ยินชัด ๆ ว่าวัคซีนไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ครบหมด โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าจำนวนหนึ่งและไฟเซอร์ไม่ต่ำกว่า 5 แสนโดสให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนตามรายชื่อที่แจ้งไว้ ทุกคนได้บูสเตอร์เข็ม 3 ตามความต้องการ และเรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ออกมาชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว แต่นพ.ชลน่าน ก็ยังออกมาโจมตีรัฐบาลอย่างหน้ามืดตามัว เป็นพฤติกรรมที่ไร้คุณธรรมมาก และน่าเศร้าใจมาก ตนแปลกใจมากที่นพ.ชลน่านทำตัวอยากดังเหมือนนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เหมือนไม่มีงานทำในพรรค เลยออกมาโจมตีรัฐบาลทุกเสาร์-อาทิตย์แบบไร้เหตุผลรองรับ เหมือนตั้งระบบไว้ เสียดายจริง ๆ

นายธนกร กล่าวอีกว่า ตนไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านยังคงพุ่งเป้าโจมตีการทำงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ทุกวัน ทั้งที่ทุกฝ่ายก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ บุคลากรทางการแพทย์ก็ทำงานอย่างหนัก แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มมากขึ้น แต่ระบบการแก้ปัญหาก็เป็นระบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัคซีน การเร่งฉีดวัคซีน การเยียวยา รวมไปถึงสิ่งที่นายกได้สั่งการไปไม่ว่าจะเป็น

1.) การเร่งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น เพื่อรับผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ที่มีอาการ ให้เข้าถึงการรักษาและสถานพยาบาลให้มากและเร็วที่สุด

2.) เพิ่มขีดความสามารถโรงพยาบาลสนามที่มีอยู่ในขณะนี้ ให้สามารถรองรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดงให้มากขึ้น

3.) เห็นชอบแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (Home Isolation - HI) และการดูแลผู้ป่วยในชุมชน (Community Isolation - CI) อย่างเป็นระบบ โดยจัดให้มีทีมแพทย์คอยติดตามอาการ ชุดเวชภัณฑ์และยาที่จำเป็นเพี่อคัดแยกผู้ป่วย ลดการแพร่เชื้อภายในครอบครัวและชุมชน สำหรับผู้ป่วยที่สามารถกักตัวที่บ้านได้ (HI) จะมีการจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจน สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้จะนำส่งศูนย์พักคอย หรือ (CI) ซึ่งกรุงเทพมหานครจะได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อให้ครบทั้ง 50 เขต

4.) มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาร่วมช่วยเหลือ สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย รวมถึงการจัดส่งอาหารและยาให้ผู้ติดเชื้อที่รักษาตัวที่บ้านและที่ชุมชนในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง

5.) ให้รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยประสานผู้ป่วยกลับไปรักษาตัวในภูมิลำเนาได้ ตามมาตรการสาธารณสุขที่กำกับการเคลื่อนย้ายทุกขั้นตอน เพี่อลดปัญหาการได้เข้ารับการรักษาในพื้นที่ กทม. ที่มีข้อจำกัดเรื่องเตียง

6.) สนับสนุนทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุก (Comprehensive Covid-19 Response Team) หรือ CCRT อย่างต่อเนื่อง โดยจะดำเนินการลงพื้นที่ทั้ง 50 เขต เพื่อตรวจคัดกรองเชิงรุกค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนให้ครอบคลุมและทั่วถึง เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเร็วที่สุด

และ 7.) ปรับปรุงระบบการรับเรื่องผ่านโทรศัพท์สายด่วนต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้สามารถประสานข้อมูลร่วมกัน เพื่อนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว

“ความจริงตนรู้สึกเบื่อมากที่จะต้องออกมาเสมือนตอบโต้กันไปมา แต่ตนก็มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้พี่น้องประชาชนได้ทราบ เพราะมีการบิดเบือนข้อมูล ปั่นเฟกนิวส์กันทุกวัน ทุกนาที และท่านนายกฯ เองก็ให้ความสำคัญในเรื่องการชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจ โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องออกมาชี้แจงให้ทันสถานการณ์ นาทีต่อนาทีเช่นเดียวกัน เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนไม่ให้เกิดความสับสน เข้าทางฝ่ายที่ต้องการออกมาโจมตีโดยไม่มีจิตสำนึกของความเป็นคนไทย หรือไม่มีจรรยาบรรณอย่างหมอบางคนที่หันมาเอาดีทางด้านการเมือง”


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผบ.ทอ. ตรวจความพร้อมโรงพยาบาลสนามบีดีเอ็มเอส สนามกีฬา ทอ.(ธูปะเตมีย์) ก่อนเปิดให้บริการ

พล.อ.อ. แอร์บูล  สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พร้อมด้วย นายแพทย์ ธเรศ  กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ แพทย์หญิงปรมาภรณ์  ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ร่วมตรวจความพร้อมโรงพยาบาลสนามบีดีเอ็มเอส สนามกีฬา ทอ.(ธูปะเตมีย์) ณ สนามกีฬากองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์) ก่อนเปิดให้บริการในวันถัดไป

โรงพยาบาลสนามดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศ และบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS โดยกองทัพอากาศให้การสนับสนุนอาคารสถานที่ เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ และรถพยาบาลฉุกเฉิน บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ วางระบบโรงพยาบาลสนาม อุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมจัดทีมบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงได้รับการสนับสนุนจาก มูลนิธิเวชดุสิตในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน), มูลนิธิ ทองพูล หวั่งหลี และครอบครัว, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ลินเด้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท สหแพทย์เภสัช จำกัด และบริษัท วินบริดจ์ จำกัด สำหรับโรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้นได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมส่งเสริมบริการสุขภาพแล้ว มีจำนวน 100 เตียง มีวัตถุประสงค์หลักในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ในกลุ่มสีเหลืองเป็นหลัก ไม่ให้กลายเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีแดง โดยการดูแลของทีมบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลในเครือ BDMS กำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 28 ก.ค.64 ระยะเวลาให้บริการรวม 2 เดือน สำหรับการรับและรักษาผู้ป่วย จะรับผู้ป่วยโควิด-19 ในกลุ่มสีเหลือง จากโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลสนามฯ ก็จะถูกส่งตัวไปรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลในเครือ BDMS ต่อไป 

โรงพยาบาลสนามแห่งนี้ นอกจากจะมีระบบอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกแล้ว  BDMS ยังได้นำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ มีหุ่นยนต์อัจฉริยะ (เฮลท์ตี้บอท) จำนวน 5 ตัว ที่จะช่วยนำส่งอาหารและยาให้แก่ผู้ป่วย เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ นอกจากนั้น ยังนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดูแลรักษาเพื่อลดการสัมผัสผู้ป่วย ซึ่งเป็นการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ที่มีอยู่จำกัด ให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด โดยทีมแพทย์ที่ประจำอยู่ ณ โรงพยาบาลสนามฯ และโรงพยาบาลในเครือข่าย BDMS จะตรวจและติดตามอาการ รวมทั้งพูดคุยกับผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดผ่านทางหน้าจอแบบออนไลน์ ส่งผลให้สามารถบริหารจัดการตามอาการของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
ทั้งนี้ โรงพยาบาลสนามบีดีเอ็มเอส สนามกีฬากองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์) ถือเป็นแบบอย่างความร่วมมือและการบูรณาการทรัพยากรของส่วนราชการและภาคเอกชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรง และเป็นพลังส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

“องอาจ” เสนอเร่งเพิ่ม Community Isolation รองรับผู้ติดเชื้อที่ผ่านการตรวจ ATK แล้ว

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดตรวจหาเชื้อแบบ ATK (Rapid Antigen Test Kit) แล้วพบว่ามีผลเป็นบวกให้เข้าระบบกักตัวที่บ้าน หรือกักตัวที่ชุมชนเลย โดยไม่ต้องผ่านการตรวจแบบ RT-PCR ก่อน เหมือนที่ผ่านมาว่า เห็นด้วยกับวิธีการนี้ที่จะช่วยทำให้ผู้ติดเชื้อจากการตรวจ ATK เบื้องต้นมีที่แยกตัวไปอยู่เฉพาะในฐานะเป็นผู้ติดเชื้ออยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสจะนำเชื้อไปแพร่ระบาดที่อื่นต่อไปได้ถ้าไม่มีที่รองรับที่ชัดเจน

เพราะที่ผ่านมาผู้ผ่านการตรวจ ATK จะเข้าสู่การรักษาได้ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ก่อนซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการตรวจและต้องรอผลตรวจ 1-2 วัน จึงทำให้ผู้ติดเชื้อจากการตรวจ ATK ไม่มีที่รองรับระหว่างที่รอ ต้องกลับบ้านไปใช้ชีวิตปกติ ถ้าเป็นคนยากคนจนที่ต้องหาเช้ากินค่ำก็ต้องออกไปทำงานหารายได้ ทำให้มีโอกาสออกไปแพร่เชื้อเพิ่มมากขึ้น

ที่ผ่านมาพวกเราอดีต ส.ส. อดีต สก. สข. ตัวแทนพรรคที่ทำงานดูแลชาวบ้านในพื้นที่พบเห็นปัญหานี้มาโดยตลอด และพยายามแจ้งให้ผู้รับผิดชอบรีบแก้ไข วันนี้จึงเห็นด้วยที่ ศบค. แก้ไขให้ผู้ป่วยที่ตรวจหาเชื้อแบบ ATK หากผลเป็นบวกให้ติดต่อโรงพยาบาลที่ทำการตรวจเพื่อนำเข้าสู่ระบบ Home Isolation หรือการกักตัวที่บ้าน และ Community Isolation หรือการแยกกักตัวที่ชุมชน

แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ก็คือผู้ติดเชื้อที่อยู่ในชุมชนแออัดซึ่งมักอยู่แออัดกันหลายคนในห้องเล็กๆ ทำให้ใช้ระบบกักตัวที่บ้านไม่ได้แน่นอน คนกลุ่มนี้จึงควรนำเข้าระบบ Community Isolation หรือการแยกกักตัวที่ชุมชน โดยมีข้อเสนอให้ ศบค. พิจารณาดังนี้

1. เร่งเพิ่มจำนวนสถานที่แยกกักตัวที่ชุมชนให้เพียงพอ เพราะมีแนวโน้มว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่ผ่านการตรวจหาเชื้อแบบ ATK จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
2. สถานที่แยกกักตัวที่ชุมชนต้องมีความพร้อมที่จะดูแลผู้ติดเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพ
3. สถานที่แยกกักตัวที่ชุมชนบางแห่งอาจมีผู้ติดเชื้อที่รอผลตรวจ RT-CPR อยู่ก่อนแล้ว เมื่อมีผู้ติดเชื้อเข้ามาใหม่ อาจต้องมีการจัดการไม่ให้ปะปนกัน เพราะคนกลุ่มนี้ทั้งหมดเมื่อตรวจ RT-PCR อย่างละเอียดแล้วอาจมีผลเป็นผู้ไม่ติดเชื้อก็ได้

เชื่อมั่นว่าข้อเสนอจากการพบเห็นปัญหาจากการปฏิบัติจริงในพื้นที่เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของทางราชการและผู้เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ชะลอตัวลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อันจะทำให้สถานการณ์วิกฤตโควิดคลี่คลายได้ในที่สุด

ศปฉ. ปชป. ตัวกลางประสาน รพ.ต้นสังกัด- ชุมชนคลองเตย เร่งหารือกรณีรักษาส่งต่อผู้ป่วยโควิด และทำความเข้าใจร่วมกัน สร้างโมเดลชุมชนเข้มแข็ง ผนึกกำลังชุมชน-โรงพยาบาล

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าทีมประสานข้อมูลผู้ติดเชื้อเพื่อการส่งต่อ ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 พรรคประชาธิปัตย์ (ศปฉ.ปชป.) และนายปานชัย แก้วอัมพรดี ประธาน อพม. กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่คลองเตย เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) เพื่อเป็นตัวกลางเจรจาระหว่างตัวแทนชาวชุมชนคลองเตย และโรงพยาบาลต้นสังกัดย่านกล้วยน้ำไท ที่ประชาชนส่วนใหญ่ถือสิทธิบัตรทองอยู่ เพื่อเร่งหารือและทำความเข้าใจร่วมกันถึงแนวทางการส่งต่อผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 หลังผู้ป่วยเคสสีเหลือง-แดงในพื้นที่ประสบปัญหาเรื่องการตรวจ PCR และประสานเตียง

สืบเนื่องจากกรณีที่ก่อนหน้านี้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อแบบ Rapid Test ในชุมชนคลองเตยเป็นผู้สูงอายุจำนวน 2 ราย ที่มีอาการเหนื่อยหอบ และต้องการเข้าไปรับการรักษาต่อในสถานพยาบาลอย่างเร่งด่วนซึ่งจำเป็นต้องใช้ผลการตรวจแบบ PCR เพื่อทำเรื่องประสานเตียง แต่ทางโรงพยาบาลต้นสังกัดยังไม่มีคิวให้ตรวจ และทางผู้ป่วยไม่สามารถกลับเข้าสู่ชุมชนได้ เนื่องจากอยู่รวมกันอย่างแออัด อาจเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่น นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย และนายปานชัย แก้วอัมพรดี จึงได้ลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ในฐานะผู้ที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือชุมชนคลองเตยมาโดยตลอด ได้รับทราบถึงความเดือดร้อนดังกล่าว จึงได้เป็นตัวกลางในการจัดพื้นที่พูดคุยระหว่างประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลย่านกล้วยน้ำไทและตัวแทนชุมชนคลองเตย เพื่อรับทราบถึงความต้องการของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งข้อจำกัดของโรงพยาบาล เพื่อหาทางออกร่วมกัน ในกรณีที่ผู้ป่วยอาการรุนแรงขึ้น ไม่สามารถกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) ได้อีกต่อไป ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ขณะนี้โรงพยาบาลประสบปัญหาเตียงเต็ม หากผู้ป่วยอาการอยู่ในระดับสีเขียว ยังคงขอความร่วมมือให้กักตัวอยู่บ้าน แต่หากมีอาการอยู่ในระดับสีเหลือง - แดง ทางโรงพยาบาลจะทำการตรวจ PCR ให้ตามคิว เพื่อทำเรื่องส่งต่อผู้ป่วยให้เข้ารับการรักษาโดยจะพิจารณาตามความต้องการเร่งด่วน

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าวว่า ความสำเร็จในการพูดคุยกันวันนี้ คือสามารถช่วยประสานงานให้ทางโรงพยาบาลมีตัวกลางที่ชาวชุมชนคลองเตยสามารถติดต่อสื่อสารได้ตลอดเวลา และช่วยปรับความเข้าใจระหว่างคนในพื้นที่ รวมถึงความคลายกังวลของประชาชนลงไปได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ปัญหาการขาดแคลนเตียงยังคงมีอยู่ ประชาชนต้องกักตัวที่บ้านเป็นหลัก จึงอยากเน้นย้ำให้รัฐบาลเร่งการนำเข้าและแจกจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ให้แก่ผู้ติดเชื้อระดับสีเขียวโดยเร็วก่อนที่จะแย่ลงและจำเป็นต้องใช้เตียงในภาวะที่ขาดแคลน

ด้านนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจตรงกัน ชุมชนเข้มแข็งจะสามารถช่วยกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิดในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ทั้งการประสานงานเรื่องเตียงได้เป็นระบบ แยกผู้ติดเชื้อออกจากครอบครัว และลดการแพร่เชื้อในชุมชนได้ ช่วยสร้างโมเดลความร่วมมือระหว่างชุมชนกับโรงพยาบาล และชุมชนก็พร้อมดูแลตัวเองรวมถึงรับเคสสีเหลืองที่รักษาหายจนกลายเป็นเขียวกลับไปรักษาตัวต่อในชุมชนจนหายดี ช่วยลดภาระโรงพยาบาลและภาระทางด้านสาธารณสุขของภาครัฐอีกด้วย

ศรีสุวรรณ จี้ ป.ป.ช. สอบ จ.บุรีรัมย์ทั้งจังหวัด ปมฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ตำรวจ บอก อนุทิน ต้องอธิบายสังคม

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า กรณีเพจเฟซบุ๊ก สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ โพสต์ข้อความระบุว่า มีข้าราชการตำรวจ 11 นาย ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า กับทางสาธารณสุขอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ โดยมีเจ้าหน้าที่ รพ. ดำเนินการให้ จนมีประชาชนจำนวนมากในโชเชียลตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจถึงได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ทั้งๆที่คนไทยกว่า 50 ล้านคนยังไม่ได้ฉีกเลยสักเข็มเดียวนั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวแม้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์จะแก้เกี้ยวโดยการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว แต่ทว่าจากการให้สัมภาษณ์ของผู้บังคับการตำรวจบุรีรัมย์กลับชี้แจงว่า เป็นการใช้วัคซีนเหลือก้นขวด และใช้ฉีดให้กับตำรวจด่านหน้าที่ไปรับผู้ป่วยกรุงเทพฯกลับบ้านตามโครงการทำดีด้วยหัวใจสู้ภัยโควิดด้วยศรัทธาเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมยังแคลงใจและฟังไม่ขึ้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมของการจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นการตอกย้ำข้อเท็จจริงที่ก่อนหน้านี้รายงานของทีดีอาร์ไอที่ระบุว่า “การกระจายวัคซีนบิดเบี้ยวไม่เป็นไปตามลำดับความสำคัญตามยุทธศาสตร์ ดังปรากฏว่า บางจังหวัดเช่นบุรีรัมย์มีการฉีดวัคซีนมากเป็นลำดับที่ 11 ของประเทศ ณ วันที่ 7 ก.ค. โดยมีการฉีดวัคซีนทั้งหมดประมาณ 3 แสนเข็มหรือคิดเป็นร้อยละ 19 ของประชากร แม้ไม่ได้เป็นพื้นที่ที่มีการระบาดสูง ไม่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลักและไม่อยู่ในกลุ่มจังหวัดที่มีความเร่งด่วนในการได้รับวัคซีนตามแผนการกระจายวัคซีนที่กรมควบคุมโรคได้ประกาศ” ซึ่งกรณีดังกล่าว รมว.สาธารณสุข และหน.พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีฐานที่มั่นทางการเมืองอยู่ จ.บุรีรัมย์ต้องมีคำตอบให้กับสังคมในเรื่องนี้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าว หากปล่อยให้การจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นไปโดยอำเภอใจของฝ่ายการเมืองและข้าราชการเส้นใหญ่บางจำพวกหรือพวกมือที่มองไม่เห็น การกระจายวัคซีนที่ควรจะเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมให้กับคนทั้งประเทศก็คงจะบิดเบี้ยวต่อไป การป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ก็คงจะยากและมีผลสัมฤทธิ์น้อยเต็มที หากสังคมไม่ร่วมกันกระชากหน้ากากของผู้ที่สั่งการ และหรือผู้ที่ชอบเชลียร์เอาใจนายจนมองข้ามความจำเป็นเร่งด่วนที่คนไทยกว่า 50 ล้านคนยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เลยแม้สักเข็มเดียวได้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ม.27 ประกอบ ม.47 โดยตรง อีกทั้งอาจเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฯ ตามกฎหมายของ ป.ป.ช.โดยชัดแจ้ง สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงส่งเรื่องไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่สั่งการให้มีการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับตำรวจในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างของความไม่เป็นธรรมตามครรลองของกฎหมาย

อดีตดาราหนุ่มช่อง 7 ‘อะตอม สัมพันธภาพ’ ประสบอุบัติเหตุที่ลำปาง อาการบาดเจ็บสาหัส

ทำเอาช็อกไปตาม ๆ กัน เมื่ออดีตดาราหนุ่มช่อง 7 ‘อะตอม สัมพันธภาพ’ ประสบอุบัติเหตุที่ลำปาง รถกระบะชนต้นไม้ พลิกคว่ำพังยับ คาร่องกลางถนน เจ็บหนัก เจ้าหน้าที่เร่งปั๊มหัวใจ และหามส่ง รพ. อาการสาหัส

โดยเมื่อเวลา 16.45 น. วันที่ 26 ก.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เถิน รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนต้นไม้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ทราบชื่อคือ ‘นายอะตอม สัมพันธภาพ’ อายุ 36 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสติดอยู่ภายในรถ

เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำเครื่องตัดถ่างเข้าช่วยเหลือ โดยใช้เวลากว่า 10 นาที จึงสามารถนำผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาได้ พบผู้บาดเจ็บไม่รู้สึกตัว เจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือด้วยการทำ CPR และนำส่ง รพ.เถิน ก่อนจะถูกส่งตัวไปรักษาต่อ ที่ รพ.ลำปาง เนื่องจากอาการสาหัส

และจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ได้รับบาดเจ็บ ขับรถมาตามถนนสายดังกล่าว เมื่อถึงที่เกิดเหตุซึ่งมีฝนตกลงมา ทำให้รถเกิดเสียหลักและประสบอุบัติเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ทอ.’ ส่งผู้แทน ร่วมรับแสดงความยินดี ‘น้องเทนนิส’ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต

พล.อ.อ.แอร์บูล  สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) มอบหมายให้ พล.อ.ท.ฐานัตถ์  จันทร์อำไพ โฆษกกองทัพอากาศ พร้อมด้วย พล.อ.ต.กีรติ  ปิงเมือง ประธานอนุกรรมการแผนกกีฬาศิลปะป้องกันตัวกองทัพอากาศ และ นาวาอากาศเอก วิวัฒน์  จุลกะ กรรมการวิจัยและพัฒนากีฬากองทัพอากาศ ร่วมให้การต้อนรับและแสดงความยินดีกับ เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือน้องเทนนิส นักกีฬาทีมชาติสังกัดกองทัพอากาศที่คว้าเหรียญทองเทควันโดเหรียญแรกให้ประเทศไทย ซึ่งเดินทางกลับจากญี่ปุ่นโดยสายการบินสิงค์โปร์แอร์ไลน์มายังท่าอากาศยานภูเก็ต

ซึ่งเมื่อน้องเทนนิสและคณะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานภูเก็ต โฆษกกองทัพอากาศเป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวแสดงความยินดีและมอบช่อดอกไม้ให้แก่น้องเทนนิส โดยหลังจากการกักตัวที่ภูเก็ตครบ ๑๔ วัน น้องเทนนิสเข้าพบผู้บัญชาการทหารอากาศเพื่อรายงานตัว และร่วมกิจกรรมแสดงความยินดีแบบนิวนอร์มอล ณ กองบัญชาการกองทัพอากาศ

 

“บิ๊กช้าง” ย้ำ ทหาร-ตร. คุมเข้มเฝ้าระวังชายแดนต่อเนื่อง สั่ง หนุนเสริม กทม. เร่ง จัดตั้งพื้นที่แยกรักษาตัวในชุมชน 50 เขต 

พล.ท.คงชีพ  ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าพล.อ.ชัยชาญ  ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม  เหล่าทัพ และ ตร. ผ่านระบบ VTC เพื่อติดตามการสนับสนุนแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19

 โดยภาพรวมการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคง ทหารและตำรวจ ในพื้นที่ชายแดน ยังคงพบจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ต่อเนื่อง โดย ก.ค.64 ที่ผ่านมา จับกุมได้ถึง 3,552 คน โดยพบชาวกัมพูชาและลาวมากขึ้น สำหรับพื้นที่ชั้นใน กำลังทหารตำรวจ ยังคงกระจายกำลังควบคุมโรคใน 593 แคมป์คนงาน และจัดตั้งจุดตรวจร่วมตามเส้นทางต่างๆกว่า 230 จุด พบประชาชนให้ความร่วมมือเดินทางลดลง แต่ยังพบผู้ฝ่าฝืนมาตรการรวมตัวกันตามสถานที่ต่างๆ ที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อในชุมชน ขณะเดียวกันพบเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในการดูแลแคมป์คนงานติดเชื้อมากขึ้น

ทั้งนี้รมช.กลาโหม ได้เน้นย้ำ ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้แสดงความขอบคุณและให้กำลังใจทหารตำรวจทุกคนที่สนับสนุนปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งที่ผ่านมา  และได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ คงความต่อเนื่องคุมเข้มเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนมากขึ้นในสถานการณ์ที่ประเทศรอบบ้าน ยังพบการแพร่ระบาดของโรคที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะเมียนมา  และขอให้สนับสนุน กทม.เร่งจัดตั้งพื้นที่พักแยกรักษาตัวในชุมชน ( Community Isolation ) ให้ได้ทั้ง 50 เขตใน กทม.โดยเร็ว เพื่อรองรับผู้ป่วยจาก รพ.ระดับต่างๆ

โดยพล.อ.ชัยชาญ ยังได้กำชับการทำงานของกำลังทหาร ที่กระจายกันจัดตั้ง “จุดบริการประชาชน” ทั้ง 72 จุดในชุมชนต่างๆ ของ กทม.และปริมณฑล ให้สามารถประสานเชื่อมโยงกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบสนองแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  และขอให้เร่งดำเนินการขยายขีดความสามารถ รพ.สนามและจัดตั้งเพิ่มเติม ในพื้นที่ กทม.ปริมณฑล และ จว.สีแดงเข้ม เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีมากขึ้นโดยเร็ว

 พร้อมกันนี้ ขอให้ทุกค่ายทหาร จัดตั้งพื้นที่พักแยกรักษาตัว ( Community Isolation ) เพื่อช่วยเหลือดูแลกำลังพล ครอบครัวและชุมชนรอบข้างในทุกหน่วยทหาร และช่วยลดภาระทางสาธารณสุข  พร้อมทั้งให้ประสานขอรับวัคซีนมาสนับสนุนการทำงานของกำลังพลด่านหน้าในพื้นที่เสี่ยงสูงให้เพียงพอ เพื่อรักษาสถานภาพกำลังพลสนับสนุนวิกฤตสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top