Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

กระบี่ เตรียมพร้อม พื้นที่นำร่อง (เกาะพีพี-อ่าวไร่เลย์-เกาะไหง) รองรับนักท่องเที่ยวตามแผนภูเก็ตแซนด์บอกซ์

(27 ก.ค. 64) พันตำรวจโทหม่อมหลวงกิติบดี  ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมจุดตรวจท่าเทียบเรืออ่าวน้ำเมา และจุดตรวจท่าเทียบเรือไร่เลย์ ต.อาาวนาง จ.กระบี่ ก่อนจะเปิดรับนักท่องเที่ยวในต้นเดือนสิงหาคม โดยมี นายสมชาย  หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและรายงานการตรวจคัดกรองและปฏิบัติตามมาตรการตามประกาศจังหวัด ณ จุดตรวจคัดกรอง ดังนี้ 

ต้องมีเอกสารยืนยันว่าเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิค 19 ที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองครบตามจำนวน หรือ Astrazeneca 1 เข็มไม่น้อยกว่า 14 วัน อ ต้องมีเอกสารยืนยันผลการตรวจไม่พบเชื้อไวรัส โควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR หรือ Rapid antigen Test ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ยกเว้นเด็กอายุไม่เกิน 5 ปีไม่ต้องมีผลการตรวจเชื้อและให้มีการรายงานตัวที่ด่านปลายทางของจังหวัดกระบี่ ต้องใช้มาตรการความปลอดภัยที่สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว ควบคู่มาตรการมาตรการการดูแลประชา ชนในพื้นที่ที่เข้าออกต้อง เข้มงวดและเป็นมาตรการฐานเดียวกัน และต้องลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ของจังหวัดกระบี่กำหนด (QT14) และแสดงอกสารรับรองความจำเป็น  เอกสารเกี่ยวกับสินค้าบริการ  การเดินทาง หรือเอกสารอื่น ณ ด่านตรวจจังหวัดกระบี่

สำหรับอ่าวไร่เรย์ มีการฉีดวัคซีน 100%  ของคนในพื้นที่ ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว  มาตรการของจังหวัดจะเกิดสำเร็จได้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ได้มากขึ้น โดยผ่านการซักซ้อมอย่างถี่ถ้วนเป็นระบบภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการ กรณีเกิดการณ์ติดเชื้อโควิค การช่วยเหลือการดูแลรวมถึงคนพื้นที่ก็จะเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันคิดช่วยกันดูแลอย่างทั่วถึง

ข้อมูลข่าว / ภาพ
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน 

นนทบุรี​ อำนวย น้อมรับคำสั่งไม่เลื่อนออกรางวัล หวั่นติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่

นนทบุรี อำนวยน้อมรับคำสั่งไม่เลื่อนออกรางวัลหวั่นติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่

นายอำนวย กลิ่นอยู่ ประธานสมาพันธ์คนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทย น้อมรับคำสั่งกองสลาก หลังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกมายืนยันไม่เลื่อนการออกรางวัลงวดประจำวันที่ 1 ส.ค.2564 ตามเดิม ส่วนงวดวันที่ 1 ก.ย.2564 ตัวแทนจำหน่ายต้องลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ ขณะที่นายอำนวยหวั่นการติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่ จากการค้าขายสลาก

หลังได้รับหนังสือขอเลื่อนการออกสลาก จากประธานสมาพันธ์คนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทย นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกมาชี้แจงว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลยังคงออกรางวัลงวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2564 และงวดวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ตามปกติ

หลังมีการประกาศไม่เลื่อนออกรางวัล งวดวันที่ 1 และ 16 สิงหาคม 2564 จากคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล สมาพันธ์คนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ยอมรับคำสั่งดังกล่าวแต่ยังคงเป็นห่วงการรวมตัวของผู้ค้าขายสลาก เนื่องจากอาชีพผู้ค้าสลากยังคงกระจายการจำหน่ายไปยังหลายพื้นที่ และสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้ซื้อสลากและประชาชนจึงขอให้เลื่อนการออกสลากออกไปเพื่อระงับยับยั้งการระบาดของเชื้อโควิด-19

นายอำนวยกล่าวว่า ตนขอแถลงการณ์วิงวอนให้สำนักงานสลาก ทราบว่าการที่ต้องออกไปขายสลากอาจเป็นจุดทำให้เป็นการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้เนื่องจากว่าถ้าทางเราไม่รับสลาก ตามที่สำนักงานสลากกำหนดซึ่งในงวดที่สำนักงานสลากกำหนดเป็นงวดวันที่ 16 สิงหาคม เราก็อาจจะถูก ตัดสิทธิ์ได้ฉะนั้นก็เลยจำเป็นจะต้องน้อมรับแต่ว่าในความเห็นของเรา แม้ว่าจะขาดรายได้ ทางเราก็ไม่อยากจะเป็นจุดที่แพร่กระจายเชื้อโควิด เพราะว่าการขายในตลาดไม่ได้มีแต่ทางเราเท่านั้น มีคนขายหลายหมื่นถึงแสนคนถ้าคนเหล่านี้ เคลื่อนที่ออกไปอาจจะเป็นพาหะนำโรคไปก็ได้และอาจจะเป็นพาหะนำเชื้อไปสู่สังคมและครอบครัว อยากฝากคณะกรรมการกองสลากว่ากรุณานึกถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยคำสั่งของศูนย์ศบค.ออกมาแล้วว่า ให้งดการรวมตัวงดการเคลื่อนที่และออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น 

ภาพ-ข่าว กำพลศิลป์ วงษ์เดือน
ผู้สื่อข่าวนนทบุรี

“เฉลิมชัย” พอใจตัวเลขส่งออกสินค้าเกษตรเติบโตสูงสุดในรอบ​ 10​ ปี ผลไม้ครองแชมป์ขยายตัวสูงสุด​ 185% สั่งเร่งเครื่องปฏิรูปข้าวครบวงจรหวังทวงแชมป์คืน พร้อมปรับกลยุทธ์แก้ปัญหา​ ”มังคุด” ฝ่าวิกฤตโควิด19

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แถลงวันนี้(28 ก.ค.)ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แสดงความพอใจที่สินค้าเกษตรมีส่วนช่วยเศรษฐกิจสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศในเดือนมิถุนายน 71,473.5 ล้านบาท โดยมีอัตราการขยายตัวสูงถึง 59.8% 

นับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี และเป็นการขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่องโดยผลไม้ครองแชมป์การส่งออกที่อัตราเติบโตสูงสุดถึง 185.10% โดยราชาแห่งผลไม้คือทุเรียนขยายตัว 172% และราชินีแห่งผลไม้คือมังคุดขยายตัว 488.26% เป็นการทำลายสถิติการส่งออกในอดีตที่ผ่านมา ตามมาด้วย การส่งออกยางพาราขยายตัว 111.9% มันสำปะหลังขยายตัว 81.5%

สำหรับการส่งออกข้าวที่มีตัวเลขติดลบทั้งปริมาณและมูลค่านั้น รัฐมนตรีเกษตรฯ.ถือเป็นวาระเร่งด่วนในการแก้ปัญหาและได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ​ เร่งปฏิรูปข้าวแบบครบวงจรเพื่อสร้างศักยภาพใหม่หวังที่จะทวงแชมป์กลับคืนมาโดยใช้​ "5​ ยุทธศาสตร์ปฏิรูปเกษตร​ 4.0” เป็นหัวใจของการพัฒนาโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาสร้างการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การผลิต การแปรรูปและการตลาดภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตโดยบูรณาการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงพาณิชย์ สมาคมชาวนาและทุกภาคีภาคส่วน

นอกจากนี้ยังสั่งการให้คณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)ปรับแผนกลยุทธ์รับมือกับผลกระทบจากโควิด19

โดยเฉพาะลำไยภาคเหนือและผลไม้ภาคใต้ช่วงฤดูพีคสูงสุดในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม​ ซึ่งเริ่มเห็นผลกระทบจากมาตรการโควิด19​ รุนแรงมากขึ้น​ เช่น​ มังคุดในภาคใต้​ แม้ความต้องการของตลาดยังสูงอยู่แต่กลไกการค้าและการขนส่งเพื่อส่งออกติดขัดอย่างมากทำให้การนำมังคุดจากสวนไปสู่ตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดเกิดปัญหาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมาและให้ฟรุ้ทบอร์ดออก​ 7​ มาตรการเพิ่มเติมเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน

นายอลงกรณ์​ กล่าวต่อไปว่า 
ระหว่างวันที่​ 28-29​ กรกฎาคมนี้ นายสินิตย์  เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(ฟรุ้ทบอร์ด)และคณะได้ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราชเพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหามังคุดราคาตกต่ำตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์และดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน 2564 มีมูลค่า 23,699.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือ 738,135.34 ล้านบาท ขยายตัวสูงถึง 43.82% ถือเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 11 ปี โดยมีสินค้าสำคัญที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุด5อันดับแรกได้แก่ 1.ผลไม้ขยายตัว 185.10% 2.อัญมณีและเครื่อง ด้วยมูลค่า ประดับ ขยายตัว 90.48% 3.รถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ขยายตัว 78.5% 4.เครื่องจักรกล ขยายตัว 73.13% และ5.เคมีภัณฑ์ขยายตัว 59.82% ประการสำคัญคือ ตลาดหลักและตลาดรองมีอัตราการขยายตัวทุกตลาดโดยตลาดหลักขยายตัว 41.2% ประกอบด้วยจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป  CLMV อาเซียน เป็นต้น ส่วนตลาดรองขยายตัว 49.5% ได้แก่ เอเชียใต้ อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาติน ออสเตรเลีย เป็นต้น

(กระบี่)​ ร.15 พัน.1 จัดกิจกรรม 'มีแล้วแบ่งปัน'​ มอบหน้ากากอนามัยและสเปรย์แอลกอฮอล์ให้ชาวคลองท่อม

(28 ก.ค. 64) พ.อ.ธนพล นุ้ยสุข ผบ.ร.15 พัน.1 จัดกำลังพลลงพื้นที่ตั้งจุดบริการมอบหน้ากากอนามัยและสเปรย์แอลกอฮอล์แบบพกพาสำหรับล้างมือให้กับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่สัญจรไป-มาในพื้นที่ตลาดสดเทศบาลตำบลคลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่

ทั้งนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 รวมถึงเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) 

และเพื่อเป็นการลดการสัมผัส ทางหน่วยได้นำโต๊ะมาวางหน้ากากอนามัย และให้ประชาชนหยิบ ตามมาตรการในการป้องกันโรค Covid-19 ต่อไป

"อย่างไรก็ตาม เราจะร่วมเป็นกำลังใจให้ประชาชนร่วมฝ่าฟันวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน" พ.อ.ธน​พล​ กล่าว

ข้อมูลข่าว / ภาพ
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน 

สกพอ. จับมือ BOI TARA และ TRUE เดินหน้ายกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ industry 4.0 ด้วยเทคโนโลยี 5G ในพื้นที่อีอีซี

(27 ก.ค. 64) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนาออนไลน์ (Webinar) ในหัวข้อ “Smart Industry 4.0 & Digital Transformation Technology by 5G” เป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์และแนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในภาคอุตสาหกรรมแก่ผู้ประกอบการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ที่ปรึกษาพิเศษด้านพัฒนาการศึกษา บุคลากร และเทคโนโลยี สกพอ. เปิดเผยว่า ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ในแง่มุมด้านการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลภายในโรงงานเพื่อพัฒนาสู่ industry 4.0 และแนะนำเพิ่มเติมถึง ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน หรือ SMC (Sustainable Manufacturing Center) ซึ่งเป็นโครงการนำร่องภายใต้การพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) โดย SMC จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในเชิงเทคนิค ซึ่งจะเป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาด้าน industry 4.0 ในพื้นที่ EEC

โดยงานสัมมนาในครั้งนี้ ได้ประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางการส่งเสริมการลงทุนด้าน industry 4.0 และ digital transformation จาก BOI เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเล็งเห็นถึงความคุ้มทุนและตัดสินใจลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ในด้านของสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย หรือ TARA ได้มาพูดถึงจุดประสงค์ของสมาคมที่จะเป็นศูนย์กลางของผู้ซื้อและผู้ขาย สร้างความร่วมมือกันระหว่างสมาชิกของสมาคม หน่วยงาน และองค์กรอื่น ๆ ทั้ง ภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ รวมถึงวิชาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ภายในงาน ทาง TrueBusiness ได้ยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยีด้าน 5G และนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมธุรกิจรูปแบบต่าง ๆ อาทิ AI unmanned vehicle, การเชื่อมต่อข้อมูลอุปกรณ์ IoT และส่งข้อมูลไปเก็บเพื่อประมวลผลบนระบบ cloud ด้วยโครงข่าย 5G ซึ่งจะช่วยผู้ประกอบการในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ อีกทั้ง TrueBusiness เองเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำแก่องค์กรที่สนใจนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ในการผลิตและดำเนินการต่าง ๆ รวมถึงให้บริการออกแบบและติดตั้งโซลูชันตั้งแต่ต้นจนจบตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ

ทั้งนี้ สกพอ. พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ industry 4.0 ด้วยเทคโนโลยี 5G อย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้าหมายในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์เรื่อง industry 4.0 & 5G แก่ผู้ประกอบการในเขตพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง และจะขยายผลสู่ระดับประเทศในลำดับต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน วัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐฯ จะจัดสรรให้บุคลากรด่านหน้าก่อน 5 แสนโดส ที่เหลือจัดสรรให้กลุ่มเสี่ยง

จากกรณีที่มีข่าวว่าวัคซีนไฟเซอร์ล็อตที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่จะเข้าไทยในเดือนกรกฎาคมนี้ ต่อมามีการประกาศว่าจะฉีดให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นลำดับแรก ประมาณกว่า 5 แสนโดส

ซึ่งระหว่างนั้น มีกระแสข่าวให้สับสนว่า การฉีดให้บุคลากรข้างต้นอาจจะเหลือ 2-3 แสนโดส และกล่าวหาว่ามีการขโมยวัคซีน กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สังคมวิจารณ์

รวมทั้งล่าสุด ยังมีบางกลุ่มไปยื่นจดหมายเปิดผนึก ต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกาเพื่อขอให้ตรวจสอบการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) จำนวน 1.5 ล้านโดส อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมายืนยันแล้วว่า...

วัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรก จำนวน 1.54 ล้านโดส จะเข้ามาภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เริ่มฉีดต้นเดือนสิงหาคม 2564 ในกลุ่มบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข บุคลากรด่านหน้า ไม่น้อยกว่า 5 แสนโดส ที่เหลือจัดสรรไปยังกลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ และเพื่อควบคุมการระบาดในพื้นที่

“ข่าวการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ด่านหน้าเหลือ 2 แสนโดสนั้น ขอย้ำไม่เป็นความจริง การจัดสรรวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญของบุคลากรด้านการแพทย์และด่านหน้า เพื่อธำรงรักษาระบบสาธารณสุขของประเทศรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 บุคลากรด่านหน้าทุกคนต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน”

เท่ากับว่า ไม่มีการขโมยวัคซีนไฟเซอร์ เพราะวัคซีนที่นอกเหนือจากการจัดสรรให้แพทย์ พยาบาล บุคลากร สาธารณสุขด่านหน้าแล้ว อีกส่วนจะถูกจัดสรรไปให้กับ กลุ่มผู้สูงอายุ, ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง, หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติ เน้นผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และ คนไทยที่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ คือ นักเรียน, นักศึกษา, นักกีฬา และนักการทูต ซึ่งเป็นไปตามการรายงานของ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวไว้เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา

เท่ากับวัคซีนไฟเซอร์ ที่กำลังจะมาถึงนั้น ทีมสาธารณสุข เป็นกลุ่มที่ได้รับมากที่สุดกว่า 5 แสนโดส ก่อนจะกระจายให้กลุ่มอื่น ๆ ตามที่ระบุไว้ข้างต้น

ดังนั้น ขอย้ำว่า "ไม่มีการขโมยวัคซีนจากมือแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด่านหน้าอย่างแน่นอน"

สำหรับเรื่องนี้ ทางด้าน ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้เคยโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Warat Karuchit แจกแจงไปเมื่อ 25 ก.ค. 64 ความว่า...

สธ.แถลง อย่างเป็นทางการแล้วครับ ก็ประมาณที่เราพูดกันไป สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส

1.) ยืนยันว่า ข่าวที่ว่าวัคซีนไฟเซอร์สำหรับบุคลากรการแพทย์ เหลือแค่ 2 แสนโดส เป็น "ข่าวปลอม"

2.) อย่างน้อย 5 แสนโดส จัดสรรให้กับบุคลากรทางการแพทย์ บวกด้วย จำนวนที่เกิน

3.) เป็นความสมัครใจ ไม่มีการบังคับฉีดยี่ห้ออะไรทั้งสิ้น

4.) ผลการทดสอบประสิทธิผล พบกว่า SV+SV+AZ สูงกว่าทุกแบบ รวมทั้ง PZ+PZ ด้วย

5.) ไม่มีการเรียกเก็บเงินใด ๆ ทั้งสิ้น

6.) นอกจากบุคลากรทางการแพทย์ วัคซีนไฟเซอร์ล็อตนี้จะจัดสรรไปยังกลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยง (และกลุ่มอื่น ๆ เช่น ชาวต่างชาติ) ไม่มี VIP หรือ VVIP ใด ๆ

7.) ไม่มีวัคซีนหายใด ๆ ทั้งสิ้น (ยังไม่มา จะหายได้ไง?!)


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9640000073407

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4802334673115467&id=100000169455098


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'กรณ์' นำทีมพรรคกล้า เดินหน้าเปิด 'ศูนย์กล้าดูแลแห่งที่ 3' ช่วยตัดวงจรระบาดในชุมชน ย้ำรัฐมีสต๊อกฟาวิพิราเวียร์เพียบ ขอรัฐเร่งปลดล็อกปัญหา การกระจายยาควรถึงผู้ติดเชื้อทุกคน ยกโมเดลจุดตรวจศูนย์ราชการ ตรวจเจอแจกยาทันที เสนอรัฐใช้ส่วนราชการเร่งกระจายแจกยาทุกบ

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำทีมพรรคกล้า เดินหน้าร่วมมือกับชุมชนเปิด 'ศูนย์กล้าดูแล' แห่งที่ 3 ที่วัดพระไกรสีห์ (น้อย) เขตบางกะปิ เป็นศูนย์พักคอยให้กับพระ เณร บุคลากรในวัด และคนในชุมชน ที่ติดเชื้อโควิด-19 มาดูแลที่ศูนย์ รับการดูแลเบื้องต้นระหว่างรอเตียงรักษาพยาบาล ตัดวงจรการระบาดในชุมชน โดยศูนย์แห่งนี้มีเตียงรองรับทั้งหมด 12 เตียง และจะมีผู้ติดเชื้อเข้ามาที่ศูนย์ในคืนนี้ 2 คน

นายกรณ์ กล่าวว่า เรื่องที่สำคัญตอนนี้คือการเข้าถึงการรักษาพยาบาลโดยเร็ว พรรคกล้าเคยเสนอให้ปลดล็อกหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเข้าถึงยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งจำนวนยาไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทราบว่าในสต๊อกมี 4 ล้านเม็ด และภายในสิ้นเดือนนี้จะมีถึง 20 ล้านเม็ด แต่ปัญหาที่เป็นคอขวดอยู่คือการแจกจ่ายยาให้ถึงมือผู้ป่วย ซึ่งจากประสบการณ์ของกลุ่มกล้าอาสา พรรคกล้า พบว่าผู้ป่วยใช้เวลารอยา 4 - 6 วัน ทั้งที่ทุก ๆ วันมีผลอย่างมากต่ออาการและความเสี่ยงต่อชีวิต

"ที่ผ่านมามีข่าวว่า ที่ศูนย์ราชการเริ่มแจกจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ทันที หลังจากการตรวจพบเชื้อด้วยวิธี Antigen Test แต่จำนวนศูนย์ที่มีความพร้อมแจกจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้ผู้ติดเชื้อได้ทันทีมีน้อยมาก ถ้าเทียบกับผู้ที่ติดเชื้อกักตัวอยู่ที่บ้านหรือที่อยู่ตามศูนย์พักคอย การเข้าถึงยาทั่วประเทศจึงเป็นไปอย่างล่าช้า จึงต้องปลดล็อกเงื่อนไขและอุปสรรคทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว" นายกรณ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า สิ่งที่ต้องเร่งทำวันนี้คือการตรวจเชื้อเชิงรุก เพื่อนำไปสู่การแยกตัว โดยมีระบบรองรับ เช่น ศูนย์พักคอยชุมชนอย่างที่พรรคกล้าทำอยู่ตอนนี้ หรือการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) แต่ที่สำคัญที่สุดคือผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลโดยเร็ว ซึ่งพรรคกล้ากำลังจับมือกับกลุ่มแพทย์แผนไทย จัดชุดยาสมุนไพรให้เข้าถึงผู้ป่วยที่ตรวจพบเชื้อและมีอาการระดับสีเขียวอยู่ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อสามารถรักษาตัวทันที แต่หากรัฐมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถจัดยาฟาวิพิราเวียร์ให้กับทุกคนที่ตรวจพบเชื้อ ซึ่งแยกตัวอยู่ตามบ้านหรือศูนย์พักคอยได้ ยิ่งจะเป็นผลดี สามารถลดการพึ่งพาเตียงรักษาได้มากในอนาคต เพราะยาสามารถจำกัดอาการได้

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวด้วยว่า ในกรุงเทพมหานคร วันนี้อาสาสมัครของพรรคกล้าหลายเขต รับหน้าที่รับยาจากหน่วยงานราชการ วิ่งไปส่งตามบ้านผู้ที่กักตัวอยู่ ซึ่งพรรคกล้ายินดีช่วยเหลือและพร้อมอาสาในทุกแง่มุม ที่จะช่วยผู้ป่วยเข้าถึงระบบการรักษาพยาบาลได้โดยเร็ว แต่อดคิดไม่ได้ว่าหน่วยงานราชการที่มีกำลังพลจำนวนมากในหน่วยงานต่าง ๆ น่าจะทำหน้าที่นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี้


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โควิด-19 ระบาดหนัก เวียดนาม ประกาศเคอร์ฟิวนครโฮจิมินห์ จุดศูนย์กลางแพร่เชื้อห้ามประชาชนออกนอกบ้านเด็ดขาด ในขณะที่มาเลเซีย “สาหัส” ติดโควิดรายวันเกิน 1.7 หมื่น ยอดสะสมทะลุ 1 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ 25 กรกฎาคม ที่โฮจิมินห์ซิตี ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในเวียดนาม ได้ออกประกาศการบังคับใช้เคอร์ฟิวทั่วเมือง ตั้งแต่วันจันทร์ 26 กรกฎาคม เป็นต้นไป

หน่วยงานเทศบาลนครโฮจิมินห์ซิตีตัดสินใจประกาศเคอร์ฟิวช่วง 18.00-06.00 น. โดยสั่งห้ามประชาชนทั่วเมืองเดินทางออกนอกบ้านทุกกรณี ระงับกิจกรรมทุกประเภทระหว่างช่วงเคอร์ฟิว ยกเว้นกิจกรรมทางการแพทย์ฉุกเฉินหรือการประสานงานที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19

โฮจิมินห์บังคับใช้กฎการรักษาระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดที่สุดของเวียดนามภายใต้คำสั่งข้อที่ 16 ของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. โดยสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน ห้ามรวมตัวกันเกิน 2 คน และระงับบริการขนส่งสาธารณะ

อนึ่ง กระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามรายงานว่าโฮจิมินห์ซิตีมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสม 60,425 ราย นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดครั้งล่าสุดในเวียดนามช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึง 19.00 น. ของวันอาทิตย์ 25 ก.ค.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียระบุ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมในประเทศขณะนี้ทะลุ 1 ล้านคนแล้ว หลังจากวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 17,045 คน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมใกล้แตะ 8,000 คน มีผู้กำลังป่วยอยู่กว่า 114,000 คน ในจำนวนนี้อาการหนัก 869 คน และตรวจหาเชื้อไปแล้วกว่า 16 ล้านคน ท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลต้า ที่ทำให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ กระนั้นก็ตามทางการมาเลเซียยังไม่มีแนวคิดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซิน ของมาเลเซีย กล่าวว่า การรณรงค์ฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงวัยดูเหมือนกำลังได้ผล เพราะยอดผู้สูงวัยอาการหนักเริ่มลดลง ทำให้ทางการตัดสินใจเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ผู้ใหญ่ทุกคนในรัฐสลังงอร์และกรุงกัวลาลัมเปอร์

ขณะที่ อธิบดีกรมการแพทย์มาเลเซีย เรียกร้องให้ประชาชนเชื่อมั่นในวัคซีนและข้อมูลของรัฐบาล ต้องรับการฉีดวัคซีนและยึดมั่นตามขั้นตอนปฏิบัติมาตรฐานที่รัฐบาลประกาศ เพราะขณะนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไปเป็นการแพร่ระบาดสำหรับผู้ไม่ฉีดวัคซีน ขอให้ทุกคนร่วมกันทำให้ทุกคนและสถานที่ทุกแห่งปลอดภัย

ด้านรัฐวิกตอเรีย ของออสเตรเลีย รายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายใหม่ลดลง ทำให้เกิดความหวังว่า จะยุติมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ตามแผน

กระนั้นก็ตามในส่วนของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งอยู่ติดกัน เตรียมขยายระยะเวลาบังคับใช้คำสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ภายในบ้าน เนื่องจากยอดคนป่วยไม่ลด


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/590622


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ที่ประชุมครม. เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชน ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอุดมศึกษา ภาครัฐและเอกชน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชน ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอุดมศึกษา ภาครัฐและเอกชน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ มีกรอบวงเงินรวม 3.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะใช้จ่ายจาก พ.ร.ก.เงินกู้ แบ่งออกเป็น

1.) มาตรการให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กรอบวงเงิน 23,000 ล้านบาท สำหรับนักเรียนในระบบการศึกษาไทย ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ปกครอง 2,000 บาทต่อนักเรียน 1 คน พร้อมจัดสรรค่าใช้จ่ายให้แก่สถานศึกษาเพื่อช่วยจัดการเรียนรู้ และลดหรือตรึงค่าใช้จ่ายในโรงเรียนเอกชนให้เท่ากับปีการศึกษา 2563

2.) มาตรการการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมาย คือ นิสิต/นักศึกษาชาวไทย ระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา ในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน ระยะเวลา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564

สำหรับแนวทางการดำเนินการ สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จะได้รับส่วนลดเป็นลักษณะร่วมจ่ายระหว่างรัฐและสถาบันอุดมศึกษาในอัตรา 6:4 โดยค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษาส่วนที่ไม่เกิน 50,000 บาท ลด 50% / 50,001-100,000 บาท ลด 30% และเกิน 100,000 บาท ลด 10% โดยส่วนลดสูงสุดรวมกันไม่เกิน 50% ส่วนสถาบันอุดมศึกษาของเอกชน ค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา รัฐสนับสนุนในอัตรา 5,000 บาท/คน นอกจากนี้ กระทรวงอว. ยังขอให้พิจารณาเพิ่มเติม ทั้งขยายเวลาผ่อนชำระ จัดหาอุปกรณ์/โปรแกรมสำหรับยืมเรียนออนไลน์ รวมทั้งลดค่าหอพักด้วย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'บิ๊กตู่' สั่ง ใช้ข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปราบ 'เฟกนิวส์' เด็ดขาด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุมครม. วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน หรือข่าวปลอม ซึ่งปัจจุบันแต่ละกระทรวงก็มีภารกิจคอยมอนิเตอร์ข่าวสารที่บิดเบือน หรือเฟกนิวส์ อยู่แล้ว โดยบางกระทรวงได้จัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมหรือศูนย์การชี้แจงข่าวต่างๆ แล้ว โดยนายกฯ ขอให้ทุกกระทรวงได้ดำเนินการอย่างแข็งขัน เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและสามารถทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างชัดเจน เพราะปัจจุบันเรื่องข่าวปลอมเป็นสิ่งที่รัฐบาลมีความกังวล 

"นอกจากนี้ จากข้อกำหนดฉบับที่ 27 ตามพระราชกำหนดฉุกเฉิน ที่ได้ประกาศใช้แล้ว ได้ระบุถึงการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน นายกฯ จึงได้ให้นำมาตรการนี้มาใช้ให้มีประสิทธิภาพและให้เกิดผลโดยเร็วที่สุด" นายอนุชา กล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top