ครม.ไฟเขียว 2,000 ล้านบาท ให้กองทุนฟื้นฟูฯ สางหนี้เกษตรกร  3,425 ราย พร้อมเทงบกว่า 1,411 ล้านบาท ยกระดับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดันภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.อนุมัติงบกลาง 2,000 ล้านบาท รายการเงินสำรองจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อดำเนินการเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารสำนักงานฯ ไตรมาสที่ 3-4 งบบุคลากร งบดำเนินงาน วงเงิน 230.38 ล้านบาท และใช้ในการแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกร กลุ่มเป้าหมาย 3,425 ราย วงเงิน 1,500 ล้านบาท รวมถึงฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 42,034 ราย 776 องค์กร วงเงิน 267.62 ล้านบาท 

นายธนกร กล่าวว่า ในระยะเวลา 3 ปี ผ่านมา ตั้งแต่ปี  2563-2565  กองทุนฯ ไม่ได้รับจัดสรรงบฯ จึงทำให้ในปี 65 นี้  กองทุนฯ มีงบฯ ไม่เพียงพอในการดำเนินการ จึงจำเป็นต้องขอรับสนับสนุน งบกลางฯ กรอบวงเงิน 2,000 ล้านบาท สำหรับดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ตามนโยบายและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไป 

นอกจากนี้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.หลักการจัดสรรงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จ.ภูเก็ต สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก โดยใช้ที่ดินราชพัสดุ เนื้อที่ 141 ไร่ 2 งาน 64 ตารางวา ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ตั้งแต่ปี 66- 69 วงเงินลงทุน 1,411.70 ล้านบาท เพื่อเสริมสร้างความพร้อมระบบโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี วิทยาการทางการแพทย์ ระบบบริการทางการแพทย์รองรับการจัดบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับนานาชาติ ที่ทันสมัย พัฒนาเมืองภูเก็ตให้เป็นศูนย์กลางการบริการทางการแพทย์ เชื่อมโยงการท่องเที่ยวนานาชาติ  โดยมีโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ

นายธนกร กล่าวว่า สาระสำคัญของโครงการฯ มีจัดสร้างศูนย์บริการทางการแพทย์ครบวงจร ประกอบด้วย ศูนย์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับนานาชาติครบวงจร 2.ศูนย์อภิบาลสุขภาพผู้สูงอายุนานาชาติ 3.ศูนย์ใจรักษ์ หรือศูนย์การดูแลแบบประคับประคองในระยะสุดท้ายของชีวิต   4.ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูครบวงจร

รูปแบบการบริหารจัดการโครงการ ฯ กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าอยู่ระหว่างการหารือ โดยมี 5 รูปแบบ ได้แก่ 1.ภาครัฐดำเนินการเอง 2.รูปแบบพิเศษ 3.โรงพยาบาลกึ่งรัฐกึ่งเอกชน 4.องค์กรมหาชน และ 5.ภาครัฐร่วมลงทุนกับภาคเอกชน ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข จะมีการจัดทำ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการจัดสรรงบประมาณให้ ดำเนินโครงการแล้ว ประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เช่น เกิดการจ้างงาน การกระจายรายได้ จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา เพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) และท้องถิ่น ในพื้นที่หลังสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด – 19 สร้างโอกาสการลงทุน  เกิดการกระจายรายได้สำหรับภาคเอกชน เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและภาคบริการอื่น ส่งผลให้มีมูลค่าเศรษฐกิจสูงขึ้น รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือกและสมุนไพรไทย 

นายธนกร กล่าวว่า การพัฒนาโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู้เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก จะเป็นต้นแบบด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  ถือเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งเป็น 1 ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อพลิกโฉมการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป