Friday, 9 May 2025
Hard News Team

'เฟซบุ๊ก' ลบบัญชีผลิตข่าวปลอมที่ให้ร้ายไฟเซอร์-แอตราเซเนกา ชี้ รัสเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

13 ส.ค. 2564 เว็บไซต์ นสพ.The Washington Post สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว Facebook bans Russian disinformation network that claimed coronavirus vaccines turn people into chimpanzees เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2564 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ โดยระบุว่า เฟซบุ๊ก หนึ่งในผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์รายใหญ่ เปิดเผยถึงการกวาดล้างบัญชีผู้ใช้งานที่มีพฤติกรรมสร้างข่าวปลอมหรือบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 โดยระงับการใช้งานไปนับร้อยบัญชี ซึ่งพบว่า ต้นทางข่าวเหล่านี้จำนวนมากมาจากรัสเซีย

ทีมสืบสวนของเฟซบุ๊กอ้างถึง Fazze บริษัทลูกในเครือบริษัทด้านการตลาดแห่งหนึ่งที่จดทะเบียนในสหราชอาณาจักร และมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้รับสารไว้ในสหรัฐฯ อินเดีย และภูมิภาคลาตินอเมริกา ทำให้บริษัทดังกล่าวยังถูกเฟซบุ๊กแบนด้วย เนื่องจากละเมิดข้อห้ามด้านการแทรกแซงจากต่างประเทศ ทั้งนี้เมื่อช่วงต้นปี 2564 Fazze เคยตกเป็นข่าวมาแล้วหนหนึ่ง เมื่อมีการเปิดเผยว่า ลีโอ กราเซต์ (Leo Grasset) ยูทูบเบอร์คนดังชาวฝรั่งเศสผู้ใช้ชื่อในวงการว่า DirtyBiology ได้รับข้อเสนอให้ผลิตเนื้อหาโจมตีวัคซีนไฟเซอร์ ว่ามีอันตรายมากกว่าวัคซีนแอสตราเซเนกา เรื่องนี้นำไปสู่การสอบสวนของทางการฝรั่งเศส ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

เบื้องต้น Fazze และบริษัทแม่คือ AdNow ยังไม่ได้ชี้แจงใด ๆ ในเรื่องนี้ ขณะที่ ดมิทรี เปซคอฟ (Dmitry Peskov) โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวถึงข้อกล่าวหาในอดีตเรื่องการบิดเบือนข้อมูลของวัคซีนรัสเซียว่า รัสเซียไม่ได้ทำให้ใครเข้าใจผิด แต่รัสเซียภูมิใจพูดถึงความสำเร็จของตน และแบ่งปันความสำเร็จเกี่ยวกับวัคซีนที่จดทะเบียนครั้งแรกในโลก อย่างไรก็ตาม ในเดือน พ.ค. 2564 เฟซบุ๊กได้เปิดเผยปฏิบัติการบิดเบือนข้อมูลที่เกิดขึ้นในกว่า 50 ประเทศ จนถึงปี 2560 ซึ่งเป็นการเริ่มต้นจัดการกับผู้มีบทบาททางการเมืองที่พยายามจัดการกับการอภิปรายสาธารณะโดยใช้แพลตฟอร์มของตน และระบุว่า รัสเซียเป็นชาติที่พบการผลิตเนื้อหาบิดเบือนมากที่สุด

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า เฟซบุ๊กได้ออกนโยบายห้ามเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 รวมถึงการกล่าวอ้างที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการรักษา และข้อมูลเท็จเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิต ซึ่งในเดือน ก.ค. 2564 โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า บริษัทกำลังฆ่าคนหากยังปล่อยให้มีการเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 และแม้ต่อมาจะใช้ถ้อยคำที่เบาลง แต่ก็ยังเรียกร้องให้ผู้ให้บริการสื่อออนไลน์จัดการอย่างเด็ดขาดจริงจัง ขณะที่องค์กร Center for Countering Digital Hate อ้างผลการศึกษาของตนที่พบว่า เนื้อหาต่อต้านวัคซีนส่วนใหญ่บนเฟซบุ๊ก รวมถึงอีกแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์ เผยแพร่โดยคนเพียง 12 คนเท่านั้น

บรรดาคนมีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ รวมถึงบุคคลอื่น ๆ ต่างมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เฟซบุ๊กได้ลบเนื้อหาไปแล้วกว่า 18 ล้านเนื้อหา ที่มีลักษณะข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 แต่ไม่ได้เผยจำนวนผู้ได้รับสารหรือเนื้อหาดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าจะมากกว่านั้น อนึ่ง ทีมสืบสวนของเฟซบุ๊ก ยังกล่าวด้วยว่า ปฏิบัติการที่เชื่อมโยงกับรัสเซียเพื่อโจมตีวัคซีนโควิด-19 เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. 2563 โดยพบการโพสต์เนื้อหาที่กล่าวว่า วัคซีนแอสตราเซเนกา สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นลิงชิมแปนซีได้

และต่อมาในฤดูใบไม้ผลิปี 2564 ก็หันมาโจมตีวัคซีนไฟเซอร์ โดยอ้างว่าพบเอกสารที่รั่วไหลจาก บ.แอสตราเซเนกา ที่เนื้อหากล่าวถึงวัคซีนไฟเซอร์ฉีดแล้วมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าวัคซีนยี่ห้ออื่น ๆ ทั้งที่วัคซีนแอสตราเซเนกา พบผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตันซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้น้อยมาก เช่นเดียวกับวัคซีนไฟเซอร์ ก็เหมือนกับวัคซีนอื่น ๆ ที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในสหรัฐฯ ซึ่งผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า วัคซีนโควิด-19 สัญชาติรัสเซียอย่าง สปุตนิก วี กำลังใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางทำลายความน่าเชื่อถือของคู่แข่ง เฟซบุ๊ก ระบุว่า คลื่นการปั่นกระแสทั้ง 2 เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทางการสหรัฐฯ อินเดีย และประเทศแถบลาตินอเมริกา กำลังพิจารณาว่าจะรับรองให้ใช้วัคซีนโควิด-19 อาทิ ในเดือน เม.ย. 2564 หรือ 1 เดือนก่อนการปั่นกระแสครั้งที่ 2 หน่วยงานสาธารณสุขของบราซิล ออกมาตำหนิและไม่อนุมัติให้ใช้วัคซีนสปุตนิก วี แม้ว่าจะมี 70 ประเทศที่อนุมัติให้ใช้ได้แล้วก็ตาม ขณะที่เฟซบุ๊กตั้งคำถามว่า ใครคือผู้บงการอยู่เบื้องหลัง Fazze

อนึ่ง นอกจากเฟซบุ๊กแล้ว ยังมีความพยายามต่อสู้กับข่าวปลอมเรื่องโควิดและวัคซีนในอีกหลายพื้นที่บนโลกออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ Medium, Change.org, Reddit รวมถึงไปยูทูป อินสตาแกรม และติ๊กต๊อก


ที่มา washingtonpost

https://www.naewna.com/inter/594616


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“อลงกรณ์”เปิดงาน18ปีศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและศูนย์จำหน่ายสินค้าฮาลาลTHA Shop เร่งเครื่องโครงการลงทุนดันไทยสู่ฮาลาลฮับฝ่าวิกฤตโควิด-19เจาะตลาด48ล้านล้านบาทจับกลุ่มเป้าหมายใหม่กว่า2พันล้านคน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” เป็นประธานในพิธีเปิดงานครบรอบ 18 ปี ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าฮาลาลภายใต้ร้าน ธาช็อป (THA Shop) โดยมี รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลฯ รศ.ดร. ปกรณ์ ปรียากร ผอ.สถาบันมาตรฐานฮาลาล คุณสมพล รัตนาภิบาล คุณต่อศักดิ์ สุทธิชาติ ที่ปรึกษา ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล และผู้เข้าร่วมงานทางออนไลน์ ร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ 
ซึ่งภายในงานยังมีการนำเสนองานกิจกรรมเพื่อสังคม การสอนออนไลน์ การดำเนินงานของศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจของ

ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการเสวนาแบบWebinar ในหัวข้อ “ ศักยภาพฮาลาล SME กับการฟื้นฟู เศรษฐกิจไทยในยุค COVID-19” โดยมี ดร. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคุณพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ (ผู้ก่อตั้งบริษัท Tough&Tumble) ร่วมเสวนาในครั้งนี้ด้วยโดยมี รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาลฯ และผู้เข้าร่วมงานทางออนไลน์ ร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ 

นายอลงกรณ์กล่าวเพิ่มเติมภายหลังจากเสร็จพิธีเปิดว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดนโยบายไทยแลนด์ฮาลาลฮับเพื่อให้ไทยเป็นประเทศผู้นำในการผลิตและส่งออกสินค้าอาหารและผลผลิตเกษตรมาตรฐานฮาลาลสู่ตลาดเป้าหมายใหม่กลุ่มประเทศมุสลิม 2,000 ล้านคน และผู้บริโภคสินค้าฮาลาลที่ไม่ใช่มุสลิมทั่วโลก โดยในปี 2020 ตลาดอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลทั่วโลก มีมูลค่า 1,533,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (48,004,350 ล้านบาท) และประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,285,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 71,545,354 ล้านบาท) ในปี 2026 และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% คิดเป็นมูลค่าเพิ่มปีละ 560 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (16.8 ล้านล้านบาท)ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่จะสามารถเพิ่มการส่งออกสร้างงานสร้างอาชีพใหม่ๆสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการของไทยในยุคโควิด-19

จึงมีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” บนความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ศูนย์วิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันมาตรฐานฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย สถาบันฮาลาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยโดยมีการกำหนดวิสัยทัศน์และแผนการพัฒนาฮาลาลเป็นแนวทางการขับเคลื่อนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตามยุทธศาสตร์ตลาดนำการซึ่งมีความคืบหน้าของการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมเกษตรฮาลาล(Halal AgriIndustry)อย่างน้อย3โครงการในพื้นที่3จังหวัดภาคใต้และกำลังหารือเรื่องการลงทุนและการขยายตลาดกับบริษัทใหญ่รายหนึ่งในตะวันออกกลางและเอเชียกลาง

สมุทรปราการ-ยกนิ้วให้ “อำนวย บุญริ้ว” ไม่ทอดทิ้งประชาชน พูดจริงทำจริง แจกมะนาว 1,300 โล ร่วมเทิดพระเกียรติ 12 ส.ค.

ที่บริเวณลานกิจกรรม  หมู่บ้านพฤกษา 15  นายอำนวย บุญริ้ว  นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่  นำคณะผู้บริหาร  ประธานสภา  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่  และคณะเจ้าหน้าที่  ร่วมลงพื้นที่ภายในชุมชนหมู่บ้านพฤกษา 15  แจกมะนาว  จำนวน  1,300  กิโลกรัม  ให้กับประชาชนที่พักอาศัยภายในหมู่บ้านพฤกษา 15  โดยประสานความร่วมมือกับทางคณะกรรมการนิติบุคคลหมู่บ้านพฤกษา 15 โดยนางกัญญดากร  เรืองฤทธิ์  รองประธานกรรมการนิติบุคคล  หมู่บ้านพฤกษา 15  คณะเจ้าหน้าที่  อสม. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมมอบมะนาว  จำนวน  1,300 กิโลกรัม  ให้กับพี่น้องประชาชนหมู่บ้านพฤกษา 15


โดยการนำความรู้  ภูมิปัญญาชาวบ้านมาปรับใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19  จึงได้นำมะนาวสดมาแจกจ่ายให้กับประชาชนในชุมชนหมู่บ้านพฤกษา 15 เพื่อเป็นการป้องกันและยับยั้งการติดเชื้อไวรัส โควิด-19  ได้ในระดับหนึ่ง  โดยที่ผ่านมา  ทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ร่วมกับคณะกรรมการนิติบุคคล  ได้ดำเนินการแจกน้ำขิง จำนวน 4,000 ขวด ให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชน และมีการจัดระเบียบตามมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณะสุขอย่างเคร่งครัด


ด้าน นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19  ทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ได้ให้ความสำคัญและมีความห่วงใยประชาชนในเขตพื้นที่แพรกษาใหม่  จึงนำคณะผู้บริหาร  คณะสมาชิก ลงพื้นที่ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่  มีทั้งผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 และประชาชนที่ยังไม่ได้รับเชื้อ  เพื่อแสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อประชาชน

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ก็ได้ร่วมกับทางคณะกรรมการนิติบุคคลหมู่บ้านพฤกษา 15  ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำมะนาวสด  จำนวน 1,300  กิโลกรัม  นำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนในชุมชน  โดยทางเจ้าหน้าที่จะทำการแจกให้ครบทุกครอบครัว  ครอบครัวละ 1 กิโลกรัม  เนื่องจากหมู่บ้านพฤกษา 15  เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่และมีประชาชนพักอาศัยเป็นจำนวนมากถึง 3,200 กว่าหลังคาเรือน  จึงต้องมีการจัดระเบียบตามมาตการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

อีกทั้ง ทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ได้ดำเนินการทำมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้มีการรวมกลุ่มของทางชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่ โดยการนำสมุนไพรมาใช้รักษาควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษา เพื่อป้องกันและยับยั้งโรคโควิด-19 ได้ในระดับหนึ่ง  อีกทั้งในวันนี้เป็นวันสำคัญ  เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม  จึงได้ร่วมกันแจกมะนาวเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี  และร่วมเทิดพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลอีกด้วย

พลเอกอาวุโสตาน ฉ่วย อดีตหัวหน้าคณะรัฐบาลทหาร ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงเนปิดอว์ หลังจากผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีผลออกมาเป็นบวก

13 ส.ค. 64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พลเอกอาวุโสตาน ฉ่วย อดีตหัวหน้าคณะรัฐบาลทหารที่ปกครองเมียนมามายาวนานเกือบ 20 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงเนปิดอว์ นครหลวงและขณะนี้มีอาการคงที่ หลังจากผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีผลออกมาเป็นบวก

พล.อ.อาวุโสตาน ฉ่วย วัย 88 ปี อดีตผู้นำคณะรัฐบาลทหารเมียนมา ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทหารธาอิก ชวง ในกรุงเนปิดอว์ พร้อมกับภรรยาของเขา หลังจากตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อสามถึงสี่วันก่อน โดยเข้ารักษาตัวในแผนกผู้ป่วยบุคคลสำคัญ (วีไอพี) ของโรงพยาบาลภายใต้การรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด คาดว่าจะต้องรักษาตัวอยู่ 2 สัปดาห์ แต่แหล่งข่าวในโรงพยาบาลยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอาการป่วยของอดีตผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา

วันเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศเมียนมาเผยถึงการลงนามความร่วมมือกับนายเฉิน ไห่ เอกอัครราชทูตจีนประจำเมียนมา เรื่องที่จีนจะส่งมอบเงินกว่า 6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเกือบ 200 ล้านบาทให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา สำหรับเป็นเงินลงทุนโครงการพัฒนา 21 โครงการผ่านกรอบความร่วมมือแม่โขง-ลานช้าง (LMC) ขณะที่กลุ่มฝ่ายค้านกล่าวโทษว่าจีนสนับสนุนการยึดอำนาจของกองทัพเมียนมา แต่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาพร้อมเผยว่า สนับสนุนการเจรจาทางการทูตกับวิกฤติทางการเมือง โดยมองว่าเสถียรภาพในเมียนมาต้องมาอันดับแรกและไม่ขอแทรกแซงกิจการเพื่อนบ้าน


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/594633


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ลาว' รับมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากจีน เตรียมเร่งฉีดให้ประชมชน เพิ่มภูมิคุ้มกันหมู่

13 ส.ค. 64 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรีลาว กล่าวว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ได้รับบริจาคจากจีนและประเทศอื่น ๆ จะช่วยลาวฉีดวัคซีนฟรีแก่ประชาชนได้มากขึ้น และเดินหน้าสู่เป้าหมายสร้างภูมิคุ้มกันเร็วขึ้น

เมื่อวันพฤหัสบดี (12 ส.ค.) หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ ไทม์ส รายงานว่าลาวเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งรวมถึงพื้นที่ที่ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 และพื้นที่เสี่ยง อาทิ แขวงที่มีพรมแดนติดกับประเทศที่เกิดการแพร่ระบาด และแขวงที่มีประชากรขนาดใหญ่

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของซิโนฟาร์มจากจีน ชุดที่ 5 ถูกส่งมาถึงนครหลวงเวียงจันทน์ของลาว เมื่อวันเสาร์ (7 ส.ค.) โดยลาวนำวัคซีนชุดนี้มาฉีดให้ผู้มีอายุ 18-60 ปี

พันคำ กล่าวระหว่างพิธีรับมอบวัคซีนอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ว่า วัคซีนชุดใหม่นี้จะทำให้ลาวเข้าใกล้เป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชาชนร้อยละ 50 ของประชากรทั้งหมดภายในสิ้นปี 2021 โดยลาวตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชาชนร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด ภายในสิ้นปี 2022 และเพิ่มขึ้นในปีถัดไป

ขณะเดียวกันพันคำขอบคุณจีนและชาวจีนสำหรับการช่วยเหลือลาวต่อสู้กับโรคระบาด โดยการช่วยเหลือครั้งนี้มีความสำคัญต่อรัฐบาลลาว รวมถึงชาวลาว ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนต่อสู้กับโรคระบาดยิ่งขึ้น โดยวัคซีนชุดใหม่นี้จะช่วยลาวรับมือกับโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คณะกรรมการเฉพาะกิจแห่งชาติด้านการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของลาว ระบุว่าปัจจุบันมีประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรกแล้ว 1.38 ล้านคน และมีประชาชนฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วกว่า 1.23 ล้านคน


ที่มา xinhuathai

https://www.naewna.com/inter/594628


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผบช.สตม. มอบอาหารกล่องและน้ำดื่มจำนวน 500 ชุด ให้แก่ชุมชนนาคภาษิต พระราม9 ในโครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน"

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19  ให้หน่วยงานในสังกัดช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และยึดมั่นในหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งประชาชน และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจสามารถพึ่งพาได้ 

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภานุวัฒน์ ร่วมรักษ์ ผบก.อก.สตม., พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 ร่วมกับ พ.ต.อ.วิชัย ณรงค์ ผกก.สน.หัวหมาก   เดินทางไปมอบอาหารกล่องและน้ำดื่มจำนวน 500 ชุด  ให้แก่ประชาชนชาวชุมชนนาคภาษิต ถ.พระราม9 ซ.49 แยก6  โดยมีคุณสวัสดิ์ นาคนาวา ประธานชุมชนฯ เป็นตัวแทนรับมอบ ซึ่งจะนำไปแจกจ่ายให้แก่สมาชิกในชุมชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ กล่าวว่า โครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน" ครั้งนี้ เป็นการสนองนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถึงแม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะยากลำบากเพียงใด ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีความห่วงใยและขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

เตรียมเคาะราคากลางชุดตรวจ ATK สัปดาห์หน้าขายเกินราคาเจอคุก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เห็นชอบให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแล กำหนดแนวทาง และติดตาม ชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง หรือ Antigen Test Kit มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อกำหนดแนวทางและราคาจำหน่ายที่เหมาะสม และหากตรวจพบการค้ากำไรเกินควร ถือว่าทำผิดกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มาตรา 29 ที่มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ จะเร่งหารือเพื่อกำหนดราคาจำหน่ายชุดเอทีเคที่เหมาะสมโดยเร็ว จากนั้นจึงนำขึ้นเว็บไซต์ของกรมการค้าภายใน เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจก่อนซื้อ โดยจะพิจารณาจากต้นทุนราคาโครงสร้างที่ผู้นำเข้าและจำหน่ายแจ้งรายละเอียดต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดไว้กับกรมการค้าภายใน 

สำหรับปัจจุบันมี 31 รายรวม 34 ยี่ห้อ ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีวัตถุดิบ และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยที่ผ่านมากรมการค้าภายใน ระบุว่า มีผู้นำเข้าแจ้งโครงสร้างต้นทุนแล้ว 10 ราย และในจำนวนนี้มีสินค้านำเข้าและวางขายตามร้านขายยาแล้ว 9 ราย และจากหารือเบื้องต้นพบว่าราคาจำหน่ายที่ผู้นำเข้าแจ้งเป็นราคาแนะนำขายปลีกอยู่ระหว่าง 250-350 บาท ซึ่งจากนี้ไป คณะอนุกรรมการฯ จะกำหนดราคาออกมาและขึ้นเว็บไซต์ โดยจะแยกเป็นยี่ห้อให้ชัดเจน  คาดว่าจะเริ่มในสัปดาห์หน้า หากประชาชนซื้อในราคาที่สูงกว่านี้ ก็ให้แจ้งสายด่วน 1569 หรือพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อออกตรวจสอบและหากพบการกระทำผิดจะส่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

'ตุรกี' เผย ฉีดวัคซีน Sinovac 3 เข็ม ระดับปกป้องสูงกว่าฉีด mRNA เป็นเข็มที่ 3

ฟาเรตติน โคชา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขตุรกี เผยว่า การศึกษาของตุรกีในประชากรที่ฉีดวัคซีนกว่า 30 ล้านคนบ่งชี้ว่าคนที่ฉีดวัคซีนเชื้อตาย 3 เข็มมีระดับการปกป้องสูงกว่าคนที่ฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มแล้วฉีดวัคซีนชนิด mRNA เป็นเข็มที่ 3

แม้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขตุรกีจะเลี่ยงการระบุยี่ห้อของวัคซีน แต่เจ้าตัวหมายถึงวัคซีนเชื้อตายของ Sinovac จากจีน และวัคซีนชนิด mRNA ของ Pfizer-BioNTech ที่ใช้ในตุรกี

ชาวตุรกีส่วนใหญ่มักเลือกฉีดวัคซีนของ Pfizer เป็นเข็มที่ 3 เนื่องจากเชื่อว่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่าวัคซีนของจีน แต่การวิจัยดังกล่าวชี้ว่าการฉีดวัคซีนยี่ห้อเดียวกันมีประสิทธิภาพมากกว่า

ขณะนี้นักวิจัยกำลังติดต่อกับวารสารวิทยาศาสตร์เพื่อตีพิมพ์ผลการวิจัยฉบับเต็ม

ทั้งนี้ ตุรกีได้รับวัคซีนของ Sinovac หลายสิบล้านโดสตั้งแต่ช่วงต้นปีและเริ่มฉีดเป็นวงกว้างในกลุ่มประชากรสูงอายุนับตั้งแต่นั้น ส่วนวัคซีนของ Pfizer-BioNTech ถึงมือตุรกีเมื่อเดือน มี.ค. โดยรัฐบาลเร่งจัดหาเพิ่มเติมตั้งแต่เดือน มิ.ย.


ที่มา : https://www.posttoday.com/world/660392


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศปก.ศบค. แจงยิบ ไฟเซอร์ ไม่หาย ไม่มีฉีดวีไอพี ทำบันทึกทุกขั้นตอน ยันโปร่งใส ระบุ ปม บุคลากรการแพทย์ เสียชีวิตหลังฉีดไฟเซอร์เข็ม3 นำผลชันสูตร เข้าคกก.ผู้เชี่ยวชาญอาการไม่พึงประสงค์

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรค และภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน ร่วมแถลงข่าวประจำวันของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กรณีการเฝ้าระวัง และเหตุการณ์อาการไม่พึงประสงค์ภายหลังจากการฉีดวัคซีน โควิด-19 ว่า สำหรับการบริหารวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาค 1.5 ล้านโดส ขอย้ำว่านโยบายในการบริหารให้มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีล็อตไหนที่มีการสูญหาย ได้มีการแบ่งชัดเจนว่าจะไปในกลุ่มใดบ้าง และย้ำว่าไม่มีประเด็นของการฉีดวีไอพี หากประชาชน พบเห็นและมีข้อสงสัย สามารถแจ้งเข้ามาได้เพื่อที่จะได้มีการตรวจสอบ ยืนยันเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า วัคซีนดังกล่าวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงที่จะสัมผัสผู้ป่วย จำนวน 700,000 โดส จัดสรรลงพื้นที่ที่มีการระบาด จำนวน 645,000 โดส ใช้สำหรับเพื่อการศึกษาวิจัยจำนวน 5,000 โดส ให้กลุ่มประชากรที่กระทรวงการต่างประเทศดูแล จำนวน 150,000 โดส 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การกระจายวัคซีนไปยัง 77 จังหวัด ส่งเป็นสองรอบโดยรอบแรกส่งไปแล้ว 442,800 โดส เริ่ม 4-5 ส.ค. ส่งรอบที่สอง เริ่มทยอยส่งมาตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. และมีการติดตามข้อมูลอยู่โดยตลอด เพื่อดูฐานข้อมูลและปริมาณการฉีดของแต่ละที่ที่ได้ไป พื้นที่ก็จะได้ใช้ตรวจสอบ ดังนั้นถ้าใครเข้าใจว่าตัวเองเป็นบุคลากรมีความเสี่ยง แต่ยังไม่มีรายชื่อได้รับจัดสรรก็สามารถแจ้งต่อผู้บริหารเพื่อที่จะดูหลักเกณฑ์และส่งชื่อเข้ามาได้ หากตรงตามหลักเกณฑ์แล้วก็จะได้รับการฉีดครบถ้วนทุกคน ซึ่งคาดว่าการส่งในรอบที่สองนี้จะถึงพื้นที่ไม่เกินวันที่ 14 ส.ค. การทะยอยส่งวัคซีนเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ เรื่องการจัดเก็บ ดูแล การรักษาอุณหภูมิ 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในส่วนกลุ่ม608 คือกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 7กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป มีการจัดส่งไปแล้ว 320,880 โดส ใน 13 จังหวัด ซึ่งในส่วนที่เหลือก็จะจัดส่งในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งการแยกส่งอย่างนี้จะเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการเพราะวัคซีนที่ส่งไปในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้นั้น เมื่อฉีดเข็มที่หนึ่ง 3 สัปดาห์ถัดไป จะต้องนัดฉีดเข็มที่สอง ซึ่งถ้าหากส่งไปล็อตเดียวกัน วัคซีนไปจัดเก็บในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิ เป็นตู้เย็นปกติจะสามารถเก็บอยู่ได้เพียง 1 เดือน ดังนั้นอาจทำให้วัคซีนเสื่อมสภาพได้ การทยอยส่งจะได้ให้เกิดการบริหารการนัดหมายฉีด และอยู่ในระยะเวลาที่วัคซีนมีคุณภาพดี

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในคนต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ในคนไทย หรือนักเรียนที่มีความจำเป็นจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็มีความก้าวหน้าในการฉีด โดยฉีดไปแล้ว 280,075 คน คิดเป็น 5.72% ของจำนวนประชากรต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย และมีที่ได้รับวัคซีนสองเข็มไปแล้ว 74,587 คน ผู้สูงอายุ 20,903 คนคิดเป็น 7.5 % ของกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่อาศัยในประเทศไทย 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในส่วนของสัญชาติ ได้แก่ เมียนมา ส่วนหนึ่งได้รับการฉีดในพื้นที่ระบาด เพื่อควบคุมการระบาด จำนวน 140,000 กว่าราย จีน โดยมีวัคซีนที่ได้รับบริจาคจากประเทศจีน ที่ฉีดให้ทั้งคนจีนและคนไทยด้วย 37,000 ราย กัมพูชา ลาว ญี่ปุ่น ลดหลั่นลงไป ในส่วนของนักเรียนไทยที่จะต้องเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ฉีดไปแล้ว 2,878 ราย 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนสะสมถึงเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมเวลา 18.00 น. ยอดฉีดสะสมทั้งสิ้น 22 ล้าน โดสแล้ว จำนวนผู้ได้รับบักซีนเข็มหนึ่ง 17 ล้านราย(23.9%) เข็มสอง 4.8 ล้านราย เข็มสาม ซึ่งเป็นการกระตุ้นในบุคลากรการแพทย์ 414,066 ราย ถ้าแยกเป็นยี่ห้อวัคซีนไม่ว่าจะเป็นเข็มใดก็ตาม ซิโนแวก 10.7 ล้านโดส แอสตร้าเซเนกา 9.6 ล้านโดส ซิโนฟาร์ม 1.7 ล้านโดส ไฟเซอร์ 286,000 โดส 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในช่วงนี้มีกรณีที่เป็นข่าวบุคลากรการแพทย์หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่สาม เป็นบุคลากรที่อยู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางคลาน จังหวัดพิจิตร เพศชาย อายุ 44 ปี หลังจากฉีดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พบว่าเสียชีวิตในวันที่ 11 สิงหาคมซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติและครอบครัวกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ที่เสียสละทุ่มเทในการทำงานอาจจะด้วยความเสี่ยงด้านสุขภาพ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตขึ้นมา ทั้งนี้รายละเอียดการชันสูตร ได้รวบรวมข้อมูลนำเข้าคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ต่อไป แล้วจะได้นำมารายงานให้ทราบ

ศบค.ใหญ่ จ่อถก คลายล็อกธนาคาร-ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้าง จันทร์ 16 ส.ค.นี้

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่สมาคมศูนย์การค้าไทย หรือ TSCA เสนอภาครัฐให้มีการทบทวนมาตรการ ขอผ่อนปรนให้ 4 ธุรกิจหลักที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของประชาชน สามารถเปิดให้บริการได้ในศูนย์การค้า ได้แก่ 1.ธนาคาร สถาบันการเงิน 2.ธุรกิจสื่อสาร ไอที 3.ร้านเบ็ดเตล็ด 4.ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น ว่า ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. ได้รับทราบเรื่องราวต่างๆที่มีการยื่นร้องเรียนเข้ามาทางอีโอซี กระทรวงสาธารณสุขแล้ว และจะต้องมีการพิจารณาว่ามีผลในเรื่องการป้องกันควบคุมโรค โควิด-19 อย่างไรในกลุ่มเฉพาะต่างๆที่จะขอผ่อนคลาย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มาตรการขณะนี้เข้มที่สุดแล้วแต่ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่ก็ได้รับทราบความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ในแต่ละกลุ่มในแต่ละสถานที่อยู่เสมอและจะต้องนำมามองในภาพรวม และภาพย่อย แล้วจึงตัดสินใจ ซึ่งในวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคมนี้จะมีการประชุมศบค. ชุดใหญ่ ในช่วงบ่ายดังนั้น จะได้ข้อสรุปกันในวันนั้นและหากมีผลการประชุมเป็นอย่างไร ตนจะแถลงข่าวให้ทราบ อย่างไรก็ตาม จากนี้จะมีการนำเสนอชุดข้อมูลที่น่าสนใจทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เพื่อนำเสนอและวิเคราะห์ นำไปสู่ ทิศทางการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ และประชาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top