Tuesday, 1 July 2025
Hard News Team

ตร.เตือน รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้คนอื่นใช้บัญชี เสี่ยงคุก!

(1 ต.ค.64)​ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้มี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ในปัจจุบัน ได้มีประชาชนบางส่วน หารายได้จากการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร หรือยินยอมเปิดบัญชีธนาคารในชื่อของตนให้ผู้อื่นใช้ทำธุรกรรมทางการเงิน โดยจะมอบสมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม หรือซิมโทรศัพท์ที่มีการลงทะเบียน ธนาคารออนไลน์(E-Banking)  มอบให้กับผู้ว่าจ้างให้เปิดบัญชีหรือบุคคลอื่น จากนั้นจะนำบัญชีธนาคารดังกล่าวไปใช้ในทางทุจริต เช่น รับโอนเงินจากการหลอกลวงฉ้อโกงผู้อื่นทุกประเภท หรือ นำไปใช้รับโอนเงินการพนันออนไลน์ ยาเสพติด เป็นต้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอเตือนผู้ที่คิดจะรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร หรือมอบบัญชีธนาคารของตนให้บุคคลอื่นใช้งาน โดยรู้หรือควรรู้ได้ว่าจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด และบัญชีดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง การพนัน ยาเสพติด หรือการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ เจ้าของบัญชีธนาคารอาจถูกดำเนินคดีอาญาได้ในกรณีดังต่อไปนี้... 

ตายมากกว่าตอนรบ!! โควิดทำยอดตาย ‘มะกัน’ ทะลุ 7 แสนราย สูญเสียรวม ‘หนักกว่า’ ยอดตายในสงคราม

ยอดผู้เสียชีวิตสะสมจาก Covid-19 ในสหรัฐ ณ วันนี้ยังพุ่งไม่หยุด และกำลังจะทะลุ 7 แสนรายในเดือนตุลาคม 2021 นี้ กว่าครึ่งหนึ่งเสียชีวิตในช่วงเวลาเพียง 9 เดือนนับตั้งแต่พบการระบาดของสายพันธุ์เดลตาในสหรัฐอเมริกา

ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากสาเหตุของ Covid-19 ในวันนี้มากกว่า ผู้เสียชีวิตจากทุกสงครามของสหรัฐฯ นับตั้งแต่สงครามปฏิวัติอเมริกาไล่มาจนถึงล่าสุดสงครามอัฟกานิสถานรวมกัน 

ทั้งนี้ สงครามที่มีชาวอเมริกันเสียชีวิตมากที่สุดคือ สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการบันทึกไว้ที่ 281,557 ราย 

ส่วนเคสผู้ติดเชื้อรายวันในสหรัฐฯ เพิ่มกลับมาเฉลี่ยเกิน 120,000 รายต่อวันอีกครั้ง และมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 2,000 รายต่อวัน 

รัฐบาลกลางสหรัฐฯ พยายามที่จะผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 ให้กับชาวอเมริกันทุกคนที่รับวัคซีนมาแล้วเกิน 6 เดือน เพียงแต่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐ ยังไม่เห็นชอบ และแนะนำให้ฉีดบูสเตอร์ให้เฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังเท่านั้น 

เนื่องจากปัญหาการระบาดที่สกัดไม่อยู่เสียทีในสหรัฐฯ ไม่ได้เกิดจากการขาดแคลนวัคซีน หรือฉีดแล้วภูมิคุ้มกันลดลง แต่เกิดจากกลุ่มคนที่ไม่ยอมไปฉีดวัคซีนอีกกว่าร้อยล้านคนทั่วประเทศ และความไม่ใส่ใจในความเสี่ยงจากการระบาดของ Covid-19  ของชาวอเมริกันเอง

‘วันชัย สอนศิริ’ ย้อนภาพจำ ย้อนภาพจำ ‘บิ๊กตู่’ โดนไล่ คือกงล้อประวัติศาสตร์กลับมาเหมือนเดิม เช่นนายกรัฐมนตรีในอดีต 

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา หรือส.ว. โพสต์ข้อความแสดงความเห็น กรณีนายกรัฐมนตรีเดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยหลายพื้นที่ แต่กลับถูกประชาชนแสดงออกทางการเมือง บางคนตะโกนขับไล่ต่อหน้า โดย ระบุว่า

“กงกำกงเกวียน บ้านเรานี่แปลก… ผู้มีอำนาจขึ้นมาใหม่ ใครๆ ก็เชียร์ ตามแห่แหน พอปลายๆ ก็จะมีทั้งคนเชียร์และคนขับไล่ คุณทักษิณตอนท้ายๆ ไปไหนมาไหนก็จะมีเสียงตะโกน.. ออกไป..ออกไป..ออกไป! อีกฝ่ายก็บอกว่า.. สู้ๆ..สู้ๆ! คุณสมัคร คุณสมชาย คุณอภิสิทธิ์และคุณยิ่งลักษณ์ก็เป็นเช่นเดียวกัน ถึงกับบางพื้นที่ไม่สามารถจะไปได้ มีแต่คนคอยขับไล่ท่าเดียว แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันชัดเจน เหตุการณ์ที่ว่าหายไป 5-6 ปี ตามด้วยคำที่ว่า… ความสงบจบที่ลุงตู่”

‘โฆษก ทบ.’ เคลียร์!! ปรับผัง ททบ. เป็นเรื่องธุรกิจ ไม่เกี่ยวการเมือง 

(1 ต.ค. 64) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก ในฐานะ โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์ปรับผังททบ.5 ว่า…

ช่อง 5 เป็นสถาบันโทรทัศน์หรือสถานีสื่อสารที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบว่ามีพื้นที่นำเสนอข่าวกี่เปอร์เซ็นต์ และเรื่องบันเทิงกี่เปอร์เซ็นต์ ใครมีความประสงค์ซื้อเวลางานต่างๆ หรือประชาสัมพันธ์ ก็มีเงื่อนไขการตกลงเรื่องค่าตอบแทนและเงื่อนเวลา เรารับได้ทั้งหมด ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นใคร 

ยืนยันว่าเรื่องธุรกิจเป็นไปตามระเบียบไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

ข่าวดี!! เมื่อรัฐ Hessen พร้อมให้การสนับสนุนและบรรจุภาษาไทยเข้าสู่หลักสูตร

ไม่นานมานี้ ทางเพจ ‘พ่อบ้านเยอรมัน’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า...

เป็นผลดีอย่างมากสำหรับผู้ปกครองที่อยู่ในรัฐ Hessen โดยจากที่พ่อบ้านได้พูดคุยโดยตรงกับทาง กลุ่มครูและแม่คนไทยในรัฐ Hessen โดยคุณครูเบญ พบว่า…

“ภาษาไทยจะกลายเป็นอีกหนึ่งภาษาที่เด็กๆ จะได้เรียนและบรรจุในหลักสูตรของรัฐ ในส่วนของหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาแม่หรือภาษาถิ่นกำเนิด (Herkunftssprache)”

โดยโครงการนี้ได้ถูกผลักดันจนได้รับการยอมรับและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมัน น้องๆ ที่เข้าเรียนหลักสูตรนี้ จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และน้องๆ นักเรียนในหลักสูตรภาษาไทยนี้ จะถูกนำไปบันทึกในสมุดพก และตัดเกรดตามหลักสูตรปกติเลยทีเดียว

สำหรับนักเรียนที่มีสิทธิสมัครนั้น จะเป็นนักเรียนที่อยู่ในระดับ Klasse 1-10 ในรัฐ Hessen ซึ่งทางเพจพ่อบ้านเยอรมันมองว่า หลักสูตรนี้จะช่วยให้…

>> น้องๆ ได้พัฒนาความสามารถทางด้านภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม

>> น้องๆ จะสามารถเข้าใจในภาษา, วัฒนธรรม, แนวความคิดของระหว่างสองประเทศมากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าจะสามารถใช้ภาษาพูดคุยกับครอบครัวของพ่อหรือแม่ที่เมืองไทยได้อีกด้วย

>> เป็นการเพิ่มโอกาสในอนาคตของน้องๆ เพราะประเทศไทยกับเยอรมนีนั้น มีความสัมพันธ์ทางด้านการค้า, ด้านการทำธุรกิจ หรือมีหน่วยงานต่างๆ ที่ทำงานระหว่างสองประเทศเป็นจำนวนมาก 

>> และแน่นอนว่าภาษาไทยนั้นได้ถูกบรรจุในหลักสูตรปกติ ดังนั้นน้องๆ ก็มีโอกาสที่จะได้รับคะแนนที่ดีและมีเกรดเฉลี่ยที่สูงขึ้นด้วยน้า

'อัษฎางค์’ แนะ 'ทูตนอกแถว' ทูต = ตัวแทนแห่งรัฐ ไม่ใช่กระบอกเสียงนักโทษหนีคดี

(1ต.ค. 64) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

“ทูตคือผู้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนแห่งรัฐและพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เป็นกระบอกเสียงให้กับนักโทษหนีคดีหรือม็อบล้มล้างการปกครอง”

ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองท่านหนึ่ง กล่าวถึงผู้ที่เรียกตัวเองว่า ทูตนอกแถว ว่า…

“...เจ้านี่เคยเป็นทูตได้อย่างไร ประเด็นมิใช่อยู่ที่ว่าได้มีการใช้กระบวนยุติธรรมกลั่นแกล้งทักษิณ รึเปล่า

แต่ประเด็นจะอยู่ที่ว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองที่ตัดสินว่า ทักษิณผิดในหลายคดี นั้น มีการบันทึกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นหลักฐานที่สามารถนำมาตรวจสอบ+ย้อนหลังได้ตลอดเวลาว่า ที่มาของคำพิพากษาเหล่านั้นประกอบด้วยพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพียงใด

ข้ออ้างอีกอย่างที่นักวิชาการชาวอเมริกันคนหนึ่งที่อยู่เมืองไทยร่วม 50 ปีและรู้ภาษาไทยเป็นอย่างดี ได้อ่านคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ทักษิณเจ็ดหมื่นกว่าล้านบาท พร้อมสรุปว่า เป็นคำพิพากษาที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง โดยไม่มีข้อสงสัยอย่างที่นักกฎหมายชอบพูดกันเสมอว่า beyond any reasonable doubts หรือปราศจากข้อสงสัยที่พึงมี

แต่นักวิชาการคนนั้นระบุว่า beyond all possible doubts altogether หรือปราศจากข้อสงสัยอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว (ว่าคำพิพากษานั้นถูกต้องและสมเหตุผลอย่างที่สุด)

ดังนั้น ถ้าจะมีผู้ใดสงสัยว่า ทักษิณจะถูกกระบวนยุติธรรมกลั่นแกล้งอย่างที่อดีตทูตคนนี้อ้าง จึงพึงต้องค้นหาจุดอ่อนในคำพิพากษาออกมาตีแผ่ให้เห็นว่า คำพิพากษาทั้งหลายเหล่านั้น บิดเบือนข้อเท็จจริงไปอย่างไร จึงไม่สมควรให้การยอมรับหรือเชื่อถือ

แต่ถ้าไม่สามารถทำได้และออกมาอ้างลอยๆ ดังที่อดีตทูตคนนี้ทำ ว่าทักษิณถูกกระบวนยุติธรรมกลั่นแกล้ง ก็คงจะหลีกเลี่ยงความจริงไปไม่พ้นว่า เป็นการแก้ตัวให้ทักษิณแบบโง่เขลาและไร้เหตุผลที่ไม่ควรออกมาจากปากคนเคยเป็นถึงตัวแทนชาติในฐานะทูตเลย นอกเสียจากเป็นคนที่เคยได้รับประโยชน์จาก รัฐบาลยุคทักษิณหรือน้องสาวเป็นนาย…”

เวลาที่คนทั่วไปเรียกใครว่า “ทูต” ปกติจะหมายถึง “เอกอัครราชทูต”

แต่ความจริง “นักการทูต” มีหลายระดับ เริ่มตั้งแต่นักการทูตปฏิบัติการ นักการทูตชำนาญการ

นักการทูตชำนาญการพิเศษ (อัครราชทูตที่ปรึกษา)

นักบริหารการทูตระดับต้น (อัครราชทูต) ไปจนถึงตำแหน่งสูงสุดอย่างนักบริหารการทูตระดับสูง (เอกอัครราชทูต)

นักการทูต มีบทบาทเป็นตัวแทนที่ดูแลส่งเสริมผลประโยชน์ให้กับประเทศไทยในสนามต่างประเทศ ตั้งแต่ภาพลักษณ์สังคมความเป็นอยู่ของประเทศ ไปจนถึงเป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

นักการทูตมีหน้าที่รวบรวมและรายงานข้อมูลซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติ และนำมารายงานให้กับรัฐบาลไทย เพื่อเสนอแนะแนวทางให้รัฐบาลเพื่อรับมือและแก้ไขปัญหาต่างๆ

นักการทูตมีหน้าที่การถ่ายทอด นำเสนอ ชักจูง นโยบายของรัฐบาลประเทศต้นสังกัดให้แก่รัฐบาลประเทศที่ประจำอยู่ โดยจะต้องมีวิธีโน้มน้าวที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งกับประเทศของเราและประเทศที่เราไปประจำการ

นักการทูตเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างประเทศ เป็นผู้เจรจาประสานงานนโยบายและเศรษฐกิจ เป็นผู้รับสาร นำเสนอสารต่อรัฐบาลในประเทศและใช้วาทศิลป์และความสามารถในการคิด วางแผน ชักจูงและโน้มน้าวให้อีกประเทศเห็นด้วยตามข้อเสนอของรัฐบาลเรา

นักการทูตทั้งเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของวงจรในกระบวนการนโยบายต่างประเทศ

“มนัญญา” มอบนโยบายหวังขันน็อตพัฒนาสหกรณ์ทั่วประเทศ  

น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้มอบมอบนโยบายการทำงานเพื่อพัฒนาสหกรณ์ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทั้งในเรื่องการทำงานเชิงการพัฒนา การส่งเสริมด้านธุรกิจและกำกับดูแลตรวจการสหกรณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้เน้นย้ำเรื่องการดำเนินงานของสหกรณ์ให้มุ่งเน้นการแบ่งปันกำไรคืนสู่สมาชิก เนื่องจากสหกรณ์เป็นของสมาชิกทุกคน เพราะประโยชน์ที่เกิดจากการดำเนินงานของสหกรณ์ควรจะต้องย้อนกลับไปหาสมาชิกสหกรณ์ให้มากที่สุด และเรื่องการผลิตสินค้าปลอดภัย และมีคุณภาพ และช่วยกันในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐ ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ที่ผ่านมากรมส่งเสริมสหกรณ์ดำเนินการในหลายโครงการ เช่น โครงการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจร้านค้าสหกรณ์ในรูปแบบซูเปอร์มาร์เก็ตสหกรณ์ ซึ่งได้ดำเนินการขับเคลื่อนพัฒนาร้านค้าสหกรณ์ให้เป็นจุดจำหน่ายสินค้าของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีคุณภาพจากจังหวัดต่าง ๆ เพื่อเป็นช่องทางให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าสหกรณ์ได้มากขึ้น โครงการส่งเสริมให้เกษตรกรสมาชิกปลูกพืช/ผัก เพื่อสร้างทางเลือกที่มีศักยภาพและตลาดรองรับ ช่วยสร้างรายได้เสริมเพิ่มเติมจากอาชีพหลัก 

รวมไปถึงโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร เพื่อสนับสนุนให้ลูกหลานสมาชิกสหกรณ์หรือบุคคลทั่วไปที่จากบ้านไปประกอบอาชีพ ในกรุงเทพฯ หรือในต่างจังหวัด กลับมาทำการเกษตรที่บ้านเกิด โดยสนับสนุนการรวมกลุ่มกันผลิตสินค้าการเกษตรเพื่อเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว โดยมีสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่คอยเป็นพี่เลี้ยง ตลอดจนการจัดหาตลาดรองรับ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้และให้คำปรึกษา โดยคาดหวังว่าจะทำให้เกษตรกรมีอาชีพที่ยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

โฆษกรัฐบาล แจง นายกฯ ไม่ได้หนีม็อบ แต่ไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่ง ย้ำ!! คนไทยด้วยกัน ยัน!! ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาด้วยตัวเอง

(1 ต.ค. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันประท้วง โดยมีการทุบรถ และนำน้ำปลาร้ามาปาใส่รถเจ้าหน้าที่ และรถรัฐมนตรี ในระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดนนทบุรีเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า…

ทบ.เข้ม! ซีนชายแดน สกัดขบวนการค้าอาวุธสงคราม ยัน อาวุธคลังกองทัพไม่หลุด-ดูแลรักษาอย่างดี พร้อมหนุน รัฐฯเปิดประเทศ จ่อสั่งเข้มกำลังชายแดน สกัดต่างด้าวหวั่นนำเชื้อหลบเข้าตามชายแดน

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.)พล.อ. สันติพงษ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก ในฐานะโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมาที่มีการสู้รบ โดยเฉพาะขณะนี้มีการเคลื่อนไหวขบวนการค้าอาวุธสงคราม
ว่า กองทัพบกโดย 7 กองกำลังชายแดน มีวิธีปฏิบัติในการดูแลเรื่องดังกล่าวที่ชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ดูแลเฝ้าระวังแนวชายแดนอย่างเต็มที่ เราไม่ยอมให้มีการลักลอบหรือนำสิ่งผิดกฎหมายข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านโดยเด็ดขาด

ในขณะที่การดูแลคลังอาวุธของกองทัพนั้น  กองทัพบก มีมาตรการ ควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างดี มีระเบียบการตรวจตรา ที่ชัดเจนและมีผู้รับผิดชอบ และยืนยันว่าไม่มีอาวุธ หลุดจากคลังกองทัพแน่นอน

ด้าน พ.ต.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก มีภารกิจสำคัญในการรักษาอธิปไตยของชาติ ป้องกันสิ่งผิดกฎหมายเข้าสู่พื้นที่ตอนใน และปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความสงบตลอดแนวชายแดนของราชอาณาจักรไทย 

โดยในปี 2565 กองทัพบกจัดอัตรากำลังพลในกองกำลัง ป้องกันชายแดนในส่วนของกองทัพบก จำนวน 24,305 อัตรา ปฏิบัติภารกิจใน 7 กองกำลัง ได้แก่ ประกอบด้วย กองกำลังบูรพา, กองกำลังสุรสีห์, กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, กองกำลังสุรนารี, กองกำลังนเรศวร, กองกำลังผาเมือง และ กองกำลังเทพสตรี ปฏิบัติหน้าที่สำคัญหลายประการ อาทิ 

1. ลาดตระเวนระยะทาง 5,656 กม. ตลอดแนวชายแดนไทย ในพื้นที่ 31 จังหวัด ทั้งทางบกและทางน้ำ ซึ่งเป็นเส้นทางหลัก, ช่องทางธรรมชาติ, ช่องทางอื่นๆที่ยากต่อการเข้าถึง เช่น เขาสูง, ป่าภูเขา, หุบเขาลาดชัน เป็นต้น  

-พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา รวมระยะทาง 2,401 กม. 
- พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมระยะทาง 798 กม. 
- พื้นที่ชายแดนไทย-ลาว รวมระยะทาง 1,810 กม. 
- พื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย รวมระยะทาง 647 กม. 
2. ปฏิบัติภารกิจสกัดกั้นยาเสพติด, สินค้าหนีภาษี, การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบ 
3. ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จัดกำลังเฝ้าระวัง ป้องกันตลอดแนวชายแดน 

ทั้งทางบกและทางน้ำ ตลอด24 ชั่วโมง เพื่อ ป้องกันการระบาดของโรคเข้ามายังพื้นที่ตอนใน
 
4. บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตั้งจุดตรวจและ 
ตรวจคัดกรองจุดผ่านแดน โดยกำลังพล 2,913 นาย/วัน
 
5. จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ อาทิ การช่วยดับไฟป่า, อัคคีภัย, วาตภัย, อุทกภัย เป็นต้น

“โฆษกทบ.” แถลงผลงานทบ.ปี 64 ช่วยเหลือปชช.ช่วงโควิด ยกเลิก-ลดโครงการจัดซื้ออาวุธ-ยุทโธปกรณ์ราคาสูง

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก ในฐานะโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการแถลงข่าวผลการปฏิบัติงาน กองทัพบกประจําปี 2564 และแนวทางการพัฒนากองทัพบกตามห้วงระยะเวลา ( 1 ต.ค. 63 – 30 ก.ย. 66 ) จากสถานการณ์ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกและในประเทศไทย โดยเฉพาะภัยคุกคามที่เกิดจากโรคอุบัติใหม่ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโรคโควิด 19 กองทัพบกยังได้จัดตั้ง ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก เพื่อสนับสนุนการอํานวยแก้ปัญหาต่างๆให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและเข้าดูแลช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ต่างๆ โดยการป้องกันแนวชายแดนของประเทศไทย โดยใช้ศักยภาพของยุทโธปกรณ์ เครื่องมือและกําลังพลสกัดกั้นการนําเข้าเชื้อจากต่างประเทศในทุกช่องทาง ใช้กำลังพลกว่า 24,700 นาย การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อลดการเดินทางข้ามเขตพื้นที่ของประชาชน 

โดยมีกําลังพลกว่า 3,000 นายต่อวัน พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามจํานวน 29 แห่ง สนับสนุนรัฐบาล และ ให้โรงพยาบาล ของกองทัพบกทั้ง 37 แห่ง สนับสนุนส่งผู้ป่วยกลับผู้ภูมิลําเนาโดยใช้ รถยนต์ทุกประเภทและอากาศยานของกองทัพเช่นเครื่องบินลําเลียงขนาดกลางแบบ295 รวมถึงจัดตั้งโรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรองกองทัพบก จํานวน 2 แห่ง คือ สโมสร ทบ. และ มทบ.11 ตรวจคัดกรองได้วันละ 1,000 คนต่อแห่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top