Wednesday, 26 March 2025
Hard News Team

มท.แจ้งทุก จว.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ด้วยสำนักนายกฯ แจ้งว่าวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเชิญชวนหน่วยงานร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้แจ้งให้จังหวัดทุกจังหวัด จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ ได้แก่ การจัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมเครื่องราชสักการะบริเวณอาคารสำนักงาน ประดับธงชาติคู่กับธงอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. พร้อมประดับผ้าระบายสีเหลืองร่วมกับผ้าระบายสีขาว บริเวณรั้วอาคารสำนักงาน ระหว่างวันที่ 1-31 ก.ค. รวมทั้งประดับไฟบริเวณอาคารสำนักงานให้สวยงามในระยะเวลาตามความเหมาะสม โดยเป็นไปด้วยความเรียบง่ายและสมพระเกียรติ พร้อมแจ้งส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดดำเนินการ และเชิญชวนบริษัท ห้างร้าน ประชาชนในจังหวัด ร่วมดำเนินการดังกล่าว 

นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้แจ้งให้จังหวัดจัดทำคำถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 และสมุดลงนามถวายพระพรชัยมงคลอิเล็กทรอนิกส์บนหน้าหลักของเว็บไซต์จังหวัด รวมทั้งเชิญชวนผู้บริหาร บุคลากร และประชาชน ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล ผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์จังหวัด ระหว่างวันที่ 15 – 31 ก.ค.หรือทางเว็บไซต์ http://forking.moi.go.th เพื่อร่วมแสดงความจงรักภักดีโดยพร้อมเพรียงกัน

“ธีรัจชัย” สงสัย กต.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปมประสานข้อมูล “ธรรมนัส” 

ที่รัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมคณะกมธ.ฯ กรณีการตรวจสอบร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่กมธ.เคยพิจารณาต่อเนื่องมา โดยเชิญอดีตปลัดกรวงการต่างประเทศ ช่วงปี 59 – 63 และปลัดกระทรวงการต่างประเทศ คนปัจจุบันมาสอบถามเกี่ยวกับการประสานข้อมูลไปยังออสเตรเลีย ในการขอคำพิพากษาศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยได้รับการชี้แจงว่า กระทรวงการต่างประเทศเคยสอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงแคนเบอร์รา และสามารถขอสำเนาคำพิพากษาศาลแขวงด้วยการทำหนังสือไปขอได้เลย ส่วนศาลอุทธรณ์จะต้องมีการกรอกตามแบบฟอร์มคำขอ พร้อมกับชี้แจงว่าเคยสอบถามข้อมูลไปยังร.อ.ธรรมนัส แต่ไม่ได้รับคำตอบจึงไม่สามารถดำเนินการได้  

นายธีรัจชัย กล่าวว่า กมธ.ป.ป.ช. เคยขอข้อมูลไปยังศาลแขวงและศาลอุทธรณ์รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ส่งมาให้ กระทรวงการต่างประเทศก็สามารถติดตามข้อมูลได้จากกมธ.แต่กลับไม่ถาม แต่ไปถาม ร.อ.ธรรมนัส จึงเกิดคำถามว่าปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการต่างประเทศ ทำหน้าที่อย่างเต็มที่หรือไม่ นอกจากนี้ กมธ.ป.ป.ช.ยังเคยได้รับหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศ ในปี 40 ที่ส่งคดีร.อ.ธรรมนัส มายังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) แสดงว่ากระทรวงการต่างประเทศ มีข้อมูลร.อ.ธรรมนัสอยู่แล้ว โดยป.ป.ส.ได้มาชี้แจง และแนบเอกสารดังกล่าวให้กมธ.ป.ป.ช. ซึ่งมีเอกสาร 2 ฉบับ แต่กระทรวงการต่างประเทศกลับบอกว่าไม่มีข้อมูล จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าการปฏิบัติหน้าที่กรณีของร.อ.ธรรมนัส กระทรวงการต่างประเทศได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างครบถ้วนหรือไม่ ทางคณะกมธ.ป.ป.ช. จึงให้กระทรวงการต่างประเทศประสานไปยังศาลอีกครั้ง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่าสามารถทำได้ แต่ไม่ได้มีการรับปากว่าจะดำเนินการให้

นายธีรัจชัย กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 6/2564 เรื่องคุณสมบัติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรัฐมนตรี ของร.อ.ธรรมนัส ปรากฎว่าในหน้าที่ 5 มีคำวินิจฉัยในวรรคแรกบอกว่าเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาอาศัยตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2561 มาตรา 27 วรรค 3 ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือเรียกสำเนาคำพิพากษาศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลล์ เครือรัฐออสเตรเลีย ลงวันที่ 13 มีนาคม 2537 และสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ รัฐนิวเซาท์เวลล์ เครือรัฐออสเตรเลีย ลงวันที่ 10 มีนาคม 2538 และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจากผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง และปลัดกระทรวงต่างประเทศ เพื่อดำเนินการช่องทางการทูต โดยมีทางราชการรับรองสำเนาถูกต้อง คำว่าเพื่อดำเนินการช่องทางการทูต กมธ.ได้ติดใจมาโดยตลอดว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 27 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญไต่สวน สามารถสั่งการให้หน่วยงานราชการดำเนินการใดๆได้ และเมื่อสั่งแล้วเหตุใดกระทรวงต่างประเทศถึงไม่ทำตามช่องทางการทูต 

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ปลัดกระทรวงต่างประเทศชี้แจงว่า สำเนาของคำพิพากษาศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลล์ เครือรัฐออสเตรเลีย ลงวันที่ 13 มีนาคม 2537 และสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ รัฐนิวเซาท์เวลล์ เครือรัฐออสเตรเลีย ลงวันที่ 10 มีนาคม 2538 เป็นข้อมูลทางการออสเตรเลียและไม่อยู่ในความครอบครองของกระทรวงต่างประเทศ จึงไม่สามารถที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ ตนจึงได้ถามต่อว่าทำไมจึงปฏิเสธเช่นนี้ เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เป็นการดำเนินการทางช่องทางการทูต ไม่ทำก็ถือว่าเป็นการขัดคำสั่ง ซึ่งได้รับคำตอบว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้สั่งให้ดำเนินการทางการทูต ในส่วนนี้ตนตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดศาลรัฐธรรมนูญเขียนว่าเพื่อดำเนินทางการทูตด้วยหากไม่ได้สั่ง ตนจึงขอเอกสารที่ศาลรัฐธรรมนูญส่งให้ ทางปลัดกระทรวงต่างประเทศได้ส่งให้ดู และตนได้ตรวจสอบพร้อมให้ถ่ายไว้ ปรากฏว่าไม่มีในหมายเรียกของศาลรัฐธรรมนูญที่ 49/2563 ลงวันที่ 29 กันยายน 2563 หากเป็นเช่นนี้จริงกระทรวงต่างประเทศก็ไม่ผิด แต่ทำไมศาลรัฐธรรมนูญถึงเขียนไว้ในคำพิพากษา ตนคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องชี้แจงในเรื่องนี้ให้ประชาชนได้ทราบ ซึ่งจะมีการสอบถามไปยังสำนักเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญว่าตามหนังสือเรียกนี้จริงหรือไม่

คำตอบจากคนในของกรมหม่อนไหม หลัง 'ธนาธร' ตั้งคำถาม ทำไมต้องมีงบฯ ให้กรมหม่อนไหมมากขนาดนี้?

กลายเป็นอีกประเด็นที่มีการพูดถึงไม่น้อยจากกรณีที่เว็บ The Momentum ได้มีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ออกมาเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ที่เล่าถึงความ ‘สิ้นหวัง’ แบบขีดสุดจากสถานการณ์โรคระบาดที่รุมเร้า และมองไม่เห็นอนาคต พร้อมเผยถ้าหาก 2 ปีที่แล้ว เขาได้รับเลือกเป็น 'นายกรัฐมนตรี' แทนนายกฯ คนปัจจุบัน อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จะทำอะไรในเวลานี้ในฐานะ ‘ผู้นำ’

ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เองได้มุ่งวิจารณ์ถึงการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน โดยข้อความส่วนหนึ่งได้มีการพาดพิงไปยัง ‘กรมหม่อนไหม’ ซึ่งข้อความส่วนนี้เจ้าตัวระบุว่า...

"หากจะแก้ปัญหาเรื่องการจัดสรรงบประมาณ ผมมองเป็นเรื่องยาก เพราะหลายปัญหา มันคงอยู่ด้วยอำนาจที่ค้ำยันมาอย่างแข็งแรงมาก ผมยกตัวอย่างสนุก ๆ คุณรู้ไหมประเทศไทยมีส่วนราชการที่ชื่อว่า ‘กรมหม่อนไหม’ กรมนี้มีงบประมาณ 560 ล้าน คุณลองคิดแล้วหาคำตอบให้ผมทีว่าทำไมประเทศไทยต้องมีงบฯ ให้กรมหม่อนไหมมากขนาดนี้"

"ถ้าเทียบกับกรมปศุสัตว์ที่ดูแลทั้งหมู ม้า แกะ แพะ วัว นมวัว เนื้อวัว ไก่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชน แต่มีงบประมาณเพียง 5,840 ล้าน แต่กรมหม่อนไหม ได้รับงบประมาณมากกว่า 560 ล้านบาท แล้วหากคุณลองไปดูต่อก็จะพบว่ากรมหม่อนไหมนั้นไปส่งเสริมเชิงวัฒนธรรมให้กับคนบางกลุ่มได้ผลประโยชน์ อาจจะไม่ใช่เชิงเศรษฐกิจ แต่ในเชิงของการสร้างอำนาจ กรมนี้จึงคงอยู่และได้งบประมาณสูงขนาดนี้"

แน่นอนว่าเรื่องนี้ ก็ทำให้หลายคนมองว่าอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นั้นแสดงความเห็นเพื่อต้องการที่จะตีวัวกระทบคราดไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากกรมหม่อนไหมนั้นตั้งขึ้นโดยพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงนั่นเอง

ขณะที่ในเวลาต่อมาที่แฟนเพจ 'ผึ้ง ณ. ขวัญข้าว' ซึ่งระบุว่าตนเองทำงานอยู่ในสังกัด ‘กรมหม่อนไหม' ก็ได้มีการโพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้และได้รับการส่งต่อไปในวงกว้าง โดยระบุว่า...

"เมื่อวานได้ข่าวสะเทือนใจคนทำงาน ตอนแรกก็แชร์เพราะรู้สึกอยากระบายอยากให้เข้าใจ แต่พอมาคิดสักพักสิ่งที่เราทำมันเป็นการเพิ่มยอดแชร์ให้คน ๆ นั้น ตัดสินใจลบ... อย่าให้ค่าและราคาเขาอีกเลย (ขีดเส้นใต้ว่าตลอดกาล)

"หน่วยงานเล็ก ๆ ที่มีหน้าที่ดูแลกลุ่มคนที่ไม่มีใครให้ความสนใจโดยเฉพาะจากนักการเมือง ถูกหยิบออกมาสร้างวาทะกรรม เสียดสีหวังให้สะเทือนถึงดวงดาว จนลืมไปว่า...สิ่งที่พูดนั้นมันทำให้เห็นถึงจิตใจที่แท้จริงของผู้พูด”

"หน่วยงานเล็ก ๆ ที่งบประมาณถูกตัดลงทุกปี ๆ มีคำอธิบายว่าต้องการให้เป็นหน่วยงานตัวอย่างที่ใช้งบน้อยแต่สามารถทำงานได้ คนทำงานกัดฟันตั้งใจทำงาน ใช้สรรพกำลังกาย ใจ สมอง ทำงานให้เต็มความสามารถ เพราะเราจะไม่ทอดทิ้งเกษตรกรแม้แต่คนเดียวให้อยู่เพียงลำพัง”

"ไม่ใช่แต่การอนุรักษ์วัฒนธรรม แต่เป็นการรักษาสมบัติภูมิปัญญาของชาติ ที่เกี่ยวพันไปถึงหลากหลายมิติ ให้มีอยู่มีกินมีรายได้ แม่ ๆ ป้า ๆ บอกเราเสมอว่า ที่มีอยู่มีกินมีเงินส่งลูกเรียนสูง ๆ ล้วนมาจากผ้าไหมผืนงามที่ทอขึ้นมา"

"อาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ไม่ใช่ได้แค่ผ้าไหม แต่ยังมีทั้งอาหาร ยารักษาโรค เครื่องสำอางประทินผิว และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่นำมาซึ่งรายได้ของคนที่เป็นเกษตรกร ไปจนถึงการสร้างรายได้และสร้างอาชีพให้กับคนในเรือนจำ"

"และเส้นไหมเล็ก ๆ นี่แหล่ะที่ช่วยชีวิตคนในห้องผ่าตัดยื้อชีวิตจากความตาย!"

"หน่วยงานนี้มีมาตั้ง 100 ปี ถูกยุบบ้างพองบ้างตามการเมือง แต่งานก็ยังคงทำอยู่ไม่เคยเกี่ยงงอนใดใด"

"การทำงานท่ามกลางความขาดแคลน ต้องใช้หัวใจและกำลังใจในการทำ หลายครั้งควักไส้ควักพุงควักหัวใจตัวเองด้วยความเต็มใจ ออกไปทำงานออกไปสอนชาวบ้าน แค่อยากให้เขามีความรู้มีชีวิตที่เป็นอยู่ดีขึ้น"

"นักการเมืองนักธุรกิจ คงไม่เคยรู้...เบื้องหลังผ้าไหมผืนงามที่สวมใส่ประดับบารมี มีความหวังมีความตั้งใจของหลาย ๆ ชีวิตอยู่ในนั้น ชีวิตเล็ก ๆ ที่มักจะถูกหยิบยกมาสร้างวาทกรรมต่าง ๆ นานา และสัญญาว่าจะทำให้คนรากหญ้ามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น"

"เราเชื่อว่าเขามีความเก่งมีความสามารถ ถ้าเขาเอามาช่วยพัฒนาให้มันดีขึ้นมันต้องดีอย่างมากมายมหาศาล ดีกว่าการพูดเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์บนความแตกแยก"

"แม้ว่าในใจมีคำพูดเป็นล้าน ๆ คำ แต่ก็ช่างแมร่งมันเถอะ ทำงานของตัวเองไปให้ดีที่สุด และเราเชื่อว่าพี่น้องในกรมของเราก็คิดแบบเดียวกัน"

"กรมที่ฉันอยู่ชื่อ 'กรมหม่อนไหม' เป็นหน่วยงานที่แทบจะไม่มีการเปิดสอนวิชาใดใดที่เกี่ยวข้อง ทุกคนต้องมาเรียนรู้ด้วยตัวเอง วิจัยและพัฒนาให้มันดีขึ้น นักวิชาการเกษตรที่ต้องปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ปรับปรุงพันธุ์ สาวไหม ย้อมสี ทอผ้าและแปรรูปเป็น! ทั้ง ๆ ที่จบเกษตรแต่ต้องมีความรู้ทั้งทางสิ่งทอ อาหาร วิศวกรรม อุตสาหกรรม ไปจนถึงการแพทย์!"

"ผ้าไหมผืนหนึ่งหาใช่แค่ถักทอเส้นใย หากแต่ถักทอชีวิตและความเป็นอยู่ของคนที่เป็นประชาชนเข้าไปด้วย"

สำหรับกรมหม่อนไหมนั้น เดิมเรียกว่า 'กรมช่างไหม' ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2446 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งในอดีตให้ความสำคัญเรื่องไหมเป็นอย่างมาก แต่ในระยะต่อมาได้มีการยุบกรมดังกล่าวเข้ารวมเป็นกอง ในสังกัดกรมกสิกรรม

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ จึงได้มีการยกฐานะสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ในขณะนั้นสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดตั้งเป็น 'กรมหม่อนไหม' ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในเรื่องของหม่อนไหมและเส้นใยต่าง ๆ

ทั้งนี้ กรมหม่อนไหม แบ่งการบริหารออกเป็นหน่วยงานในส่วนกลาง 4 สำนัก 2 กลุ่ม หน่วยงานที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาคประกอบด้วย สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ 5 สำนัก และศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ 21 ศูนย์ ทั่วประเทศ


ที่มา: https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000068902

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10159558402209166&id=522434165

https://themomentum.co/closeup-thanathorn-juangroongruangkit/


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“นายกฯ” ถก ศบค.16 ก.ค.นี้  “ประเมินแพร่ระบาด-การใช้ชุดตรวจโควิดแบบเร็ว-จัดหา,บูสเตอร์,สลับสูตรวัคซีน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 )หรือศบค.ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริการสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 ครั้งที่ 10/2564 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ประกอบด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว สาธารณสุข นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าฯกทม.ปลัดกทม.ผบ.ทหารสูงสุด อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค  อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เลขาธิการองค์การอาหารและยา (อย.) เลขาธิการองค์การเภสัชกรรม ( อภ.)เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม( สศช.) เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ( สปสช.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีต รมว.สาธารณสุข หัวหน้าทีมจัดหาวัคซีนทางเลือกให้เอกชน นพ.อุดม คชินทร นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา จาก รพ.ศิริราช นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ จากรพ.จุฬาฯ นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา รพ.รามาฯนพ.ยง ภู่วรวรรณ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวาระประชุม มีเรื่องประธานแจ้งที่ประชุมทราบ วาระพิจารณาใน4 เรื่อง ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด - 19 กระทรวงสาธารณสุข รายงาน คือ 1.การประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดฯในห้วงปัจจุบันและวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคต พร้อมข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการรองรับ 2.เรื่องการตรวจหาเชื้อโควิด - 19แบบ Antigen Test Kit 3.มาตรการ บับเบิ้ล แอนด์ ซีล( Bubble and Seal )มาตรการรักษาตัวที่บ้าน ( Home Isolation )และศูนย์พักคอยในชุมชน( Community Isolation) และ4.ประเด็นเกี่ยวกับวัคซีน ทั้งแนวทางการฉีดวัคซีนแบบผสมสูตร แนวทางการฉีดวัคชีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) แนวทางการจัดหาวัคซีน ทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก รวมถึงแนวทางการแจกจ่ายวัคซีน และวาระอื่นๆ เป็นต้น

"ณัฐชา" อัด กองทัพ เตือนแล้วไม่ฟัง ดื้อเกณฑ์ทหารทำติดโควิดในค่ายอื้อ ชี้ เมื่อเกิดคลัสเตอร์ค่ายทหารก็ต้องล็อกดาวน์กองทัพ ไม่รับคนเพิ่ม-ปฏิรูปสร้างทหารชุดพิเศษสนับสนุนสาธารณสุข 

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่โฆษกกองทัพอากาศ ได้ยอมรับว่าภาพของพลทหารในค่ายติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 200 คน เป็นความจริง ว่า ตนได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ามีทหารเกณฑ์ติดโควิด-19 ในกองทัพอากาศมากถึง 370 คน และทราบว่าหน่วยบัญชาการอากาศโยธินหน่วยเดียวก็ติดถึง 264 คนแล้ว โดยเบื้องต้นต้องให้กักตัวภายใน และมีการประสานกับทาง รพ.ภูมิพล เพื่อส่งพยาบาลมาดูแล สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักจะถูกส่งไป รพ.ภูมิพล ต่อไป ขณะนี้มีผู้ป่วยที่เชื้อลงปอดถูกส่งไปยังโรงพยาบาลแล้ว 3-4 ราย 

“สิ่งที่ผมกังวลและขอสอบถามไปยังผู้บังคับบัญชาของเหล่าพลทหาร คือ ท่านมีมาตราการในการรองรับผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมไว้อย่างไร และจะทราบได้อย่างไรว่าแต่ละคนที่ป่วยตอนนี้มีระดับความรุนแรงของโรคแค่ไหน เพราะในกรณีที่ไม่แสดงอาการใช่ว่าจะไม่มีความรุนแรงและไม่มีการลุกลามของเชื้อ การดูแลกันเองภายในค่ายทหารจากภาพที่เห็นในสื่อ แม้จะบอกว่าเป็นช่วงแรกและได้ปรับปรุงแล้วก็ตาม แต่ผมไม่มีความมั่นใจเลยว่าพลทหารที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง หรือจะปล่อยติด ปล่อยตาย เหลือเท่าไหร่เพื่อเช็กยอดส่งนาย กองทัพที่ได้รับงบประมาณไปมากมายในแต่ละปีไม่ควรบริหารแบบมักง่าย โดยไม่เห็นคุณค่าความเป็นคน หรือกระทั่งไม่เห็นคุณค่าของบุคลากรในกองทัพเอง ภาพที่ปรากฏนี้คงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำสังคมได้เห็นกระจ่างชัดว่า สำหรับกองทัพและนายทหารผู้ใหญ่เขามองพลทหารว่าไร้ค่าและไร้เกียรติในสายตาเขาเพียงใด” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า สิ่งที่กังวลใจคือมาตรฐานการดูแลทหารเกณฑ์จากผู้บังคับบัญชาว่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมโรคได้จริงหรือไม่ เพราะหากติดเชื้อและไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่มีอุปกรณ์ในการตรวจเช็คอาการเป็นระยะๆ ตลอดทั้งวัน อีกทั้งเมื่อผู้ติดเชื้อรวมตัวกันเป็นจำนวนมากแต่การดูแลไม่ทั่วถึงดังภาพที่ปรากฏ แทนที่จะควบคุมโรคได้ก็จะกลายเป็นสถานที่เพาะเชื้อไปแทน จึงขอเรียกร้องให้ทุกกรมกองที่มีผู้ติดเชื้อต้องรวบรวมและรายงานผู้ติดเชื้อให้ส่วนกลางรับรู้ เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและทำการรักษาอย่างทันท่วงที และทหารเกณฑ์ทุกคนที่ติดเชื้อจะต้องได้รับการรักษาและสามารถติดต่อกับครอบครัวได้ตลอดเวลา ส่วนกองทัพก็ต้องดูแลรับผิดชอบในการประกันสิทธิและสวัสดิภาพต่างๆ ให้พวกเขาเข้าถึงสิทธิได้โดยสะดวก

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาก็ได้เคยเตือนไปหลายครั้งแล้วว่าอย่าอ้างความจำเป็นเร่งด่วนในการเกณฑ์ทหาร เพราะขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นใดที่จะเรียกรวมพลทหาร เพื่อนำคนจำนวนมากจากทั่วประเทศมารวมตัวกันในขณะที่มีสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องอีกครั้งว่าหากสถานการณ์โรคระบาดยังรุนแรงจะต้องไม่เรียกระดมทหารผลัดต่อไปอีก และให้ใช้โอกาสนี้ในการปฏิรูปกองทัพด้วยการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร แล้วหันมารับสมัครด้วยสวัสดิการและคุณภาพชีวิตที่ดี โดยทหารที่จะรับเข้ามาในรอบใหม่อาจเน้นไปที่การสร้างทหารชุดพิเศษเพื่อสนับสนุนภารกิจด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ กองทัพสมัยใหม่ไม่จำเป็นต้องมองไปที่โหมดสงครามยึดพื้นที่หรือการต้องมีกองทัพขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ควรเป็นสมาร์ทกองทัพขนาดกะทัดรัดแต่มีคุณภาพสูง จะเหมาะสมมากกว่าในยามที่มีสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนต้องการให้ส่งทหารเกณฑ์ชุดนี้กลับบ้าน กองทัพต้องตระหนักได้แล้วว่าท่านไม่สามารถฝึกทหารในช่วงนี้ได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการเกณฑ์คนมาเพื่อเป็นผู้ป่วยที่ต้องดูแลไปเรื่อยๆ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน กลายเป็นเสียทั้งบุคลากรที่มี เสียทั้งงบประมาณ และยังจะสร้างคลัสเตอร์ใหม่ขึ้นเป็นภาระทางสาธารณสุข เมื่อมีการระบาดเกิดขึ้นทุกที่ล้วนโดนล็อกดาวน์ คราวนี้มีการระบาดในค่ายทหารก็ถึงเวลาที่กองทัพควรล็อกดาวน์ตัวเองด้วย ต้องไม่รับเข้ามาเพิ่ม ทหารที่พบเชื้อก็ดูแลจนเขาหายดีก็ควรส่งกลับบ้าน ส่วนทหารที่ยังไม่พบเชื้อก็ควรเข้าสู่มาตรการกักตัว 14 วัน เมื่อตรวจคัดกรองแล้วว่าปลอดภัยก็จะสามารถคืนพวกเขาสู่ครอบครัว

“ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่และอันตรายที่สุดตอนนี้คือวิกฤตโควิดและการทำงานของรัฐบาลที่อ่อนแอ กองทัพจะฝึกให้คนใช้ปืนไปต่อสู้กับโควิดไม่ได้ ผู้มีอำนาจในกองทัพต้องอย่าหลอกตัวเองว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำมันมีความสำคัญต่อสังคมตอนนี้ ผมย้ำอีกครั้งอย่าดันทุรังรวมพลในขณะนี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีข้าศึกใดที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงได้มากเท่ากับตัวพวกท่านเอง” นายณัฐชา กล่าว

รัฐบาลแจง อาชีพอิสระ สมัครประกันสังคม ม.40 เพื่อรับเยียวยา ตามมติ ครม. สร้างความมั่นคงระยะยาว ยืนยัน  ไม่ยุ่งยาก ไม่เป็นภาระ 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า จาก กรณีที่มีมติครม.ให้มีมาตรการเยียวยาเร่งด่วนสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการ "ล็อกดาวน์" ในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด ครอบคลุม 9 กลุ่มอาชีพ ซึ่งการเยียวยาในครั้งนี้ หากมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์แล้ว จะต้องเป็นผู้ประกันตนกองทุนประกันสังคมด้วย โดยผู้ประกันตนแต่ละมาตรา ไม่ว่าจะเป็น 33 , 39 และ40 จะได้รับการเยียวยาที่แตกต่างกันออกไปตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนด และสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 40 จะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท เป็นเวลา 1 เดือน

กรณีผู้ประกอบการที่ไม่มีลูกจ้าง ผู้ประกอบการในระบบ “ถุงเงิน” ที่ไม่มีลูกจ้าง ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ ที่ยังประกอบอาชีพอยู่ หากไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ยังคงมีสิทธิ์ได้รับการเยียวยา แต่จะต้องลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา40 เสียก่อน โดยเตรียมหลักฐานยื่นลงทะเบียนภายในเดือนนี้ (กรกฎาคม 2564) เพื่อรับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท ซึ่งมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ไม่เป็นภาระ และยังถือว่าเป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิตในระยะยาวอีกด้วย 

ทั้งนี้ผู้สมัครฯมี 3 ทางเลือกในการจ่ายเงินสมทบรายเดือนระยะยาว เพื่อรับการคุ้มครองที่ต่างกัน คือ ทางเลือกที่ 1 จ่าย 70 บาท ทางเลือกที่ 2 จ่าย 100 บาท ทางเลือกที่ 3 จ่าย 300 บาท มากไปกว่านั้น รัฐบาลได้ลดอัตราเงินสมทบประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 40 ให้เหลือร้อยละ 60 ของเงินสมทบ (เดิม) เป็นระยะเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ ส.ค. 64 – ม.ค. 65  ดังนี้

-ทางเลือกที่ 1 จากเดิมจ่ายในอัตรา 70 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่ เป็น 42 บาท/เดือน คุ้มครองเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต

-ทางเลือกที่ 2 จากเดิมจ่ายในอัตรา 100 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่เป็น 60 บาท/เดือน คุ้มครองเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ

-ทางเลือกที่ 3 จากจากเดิมจ่าย ในอัตรา 300 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่เป็น 180 บาท/เดือน คุ้มครองเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ สงเคราะห์บุตร

สำหรับวิธีสมัคร สามารถทำได้ง่ายๆ ตามช่องทางดังนี้
- สมัครด้วยตนเอง ผ่านมือถือที่เว็บไซต์ www.sso.go.th (เมื่อกรอกข้อมูลครบ รอรับ SMS ยืนยัน)
- สมัครผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11)
- สมัครผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)
- สมัครผ่านเคาน์เตอร์บิ๊กซี (Big C)
- สมัครผ่านผู้แทนเครือข่ายประกันสังคม

น.ส.รัชดา กล่าวว่า เมื่อสมัครแล้วสามารถจ่ายเงินสมทบประกันสังคม ม.40 ได้ทันที  ซึ่งนอกจะได้สิทธิ์ในการได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทสำหรับกลุ่มแรงงานอิสระที่เข้าข่ายใน 9 กลุ่มอาชีพ และอยู่ใน 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มแล้ว รัฐบาลหวังให้แรงงานและผู้ประกอบอาชีพอิสระเข้าสู่ระบบประกันสังคม ถือเป็นการออมในระยะยาวช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิตด้วย ซึ่งสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศหรือสายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

ทัพหน้า​ต้านล้มเจ้าเป้าหมายที่ไม่เปลี่ยน​ กับ 'หมอวรงค์ แห่งไทยภักดี’ | Click on Clear THE TOPIC EP.8

????ที่นี่ที่เดียว!! กะเทาะความคิด ‘ทัพหน้า’ แห่งไทยภักดี ผู้ต่อต้านกลุ่มล้มเจ้าอย่างต่อเนื่อง !!!!

????เพราะเป้าหมายสำคัญมีเพียงหนึ่ง...เพื่อพิทักษ์ ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั่งประเทศ!!

โดย​ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้ ที่จะพาไปพูดคุยกับ

‘นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม’ รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี

ใน​ Topic : 'ทัพหน้า'​ ต้านล้มเจ้า!! พันธกิจที่มิเคยเปลี่ยน ของ​ 'หมอวรงค์'​ แห่ง​ ‘ไทยภักดี'

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราเมศ เลขา ประธานชวน รับเป็น “ทนาย” ช่วย ประสิทธิ์ เจียวก๊ก คนกระบี่ กรณี ถูกฟ้องผิดตัว 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการประธานรัฐสภา ได้กล่าวถึงกรณีที่ มีประชาชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ชื่อนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก  ถูกฟ้องผิดตัว ว่า 
 
กรณีนี้ ตนได้รับการประสานจากนายถาวร เสนเนียม ส.ส.จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด และมีความเป็นห่วง อยากให้เข้าไปให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายเพื่อให้ความเป็นธรรม ต่อนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ที่ไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกฟ้อง และปรากฏข้อเท็จจริงชัดว่ากรณีนี้ เป็นการฟ้องผิดคน เพราะนายประสิทธิฯ มีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง รายได้วันละ 200 บาท ไม่ได้ไปดำเนินการตั้งบริษัทแต่อย่างใด  และไม่ได้ประกอบธุรกิจตามที่ถูกกล่าวหา กลับถูกฟ้องต่อศาลอาญา ในความผิดฐานฉ้อโกงเป็นจำนวนถึง 4 คดี และมีหมายศาลให้ไปขึ้นศาล ในวันที่ 23 ส.ค.64 เวลา 13.30 น. ซึ่งเป็นวันนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญา  

นายราเมศกล่าวว่า ตนได้ประสานไปยัง นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.จังหวัดกระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อร่วมให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จึงทำการสอบถามข้อร้องเรียนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมผ่านระบบ Video Conference (วีดีโอคอนเฟอเรนซ์) ซึ่งมีหลานของนายประสิทธิ์ ได้ดำเนินการให้นายประสิทธิ์ ได้พูดคุย เพราะไม่สามารถติดต่อผ่านช่องทางนี้ได้ ด้วยตนเอง ได้มีการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ทราบว่าเป็นการฟ้องที่ผิดตัวจริง เพราะความจริงแล้ว มีคนที่ชื่อเดียวกันเป็นนักธุรกิจชื่อดัง ที่ถูกฟ้องคดีเป็นจำนวนมาก และเป็นคนจังหวัดกระบี่เหมือนกัน  และนายประสิทธิ์จะได้นำส่งคำฟ้องทั้งหมดเพื่อให้ดำเนินการช่วยเหลือต่อไป 

นายราเมศกล่าวว่า เรื่องนี้ตนจะรับเข้าเป็นทนายความให้นายประสิทธิ์เพื่อตามหาความเป็นธรรมให้ ข้อเท็จจริงไม่มีความยุ่งยาก แต่การไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ เมื่อได้รับหมายศาล คดีอาญา ถึงขั้นมีโทษติดคุกติดตะราง ไม่ใช่เรื่องเล็ก ที่น่าเห็นใจคือมีคนแนะนำให้นายประสิทธิ์ ไปเปลี่ยนชื่อหากไม่อยากถูกฟ้องผิดตัว ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง การเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมก็มีค่าใช้จ่าย จ้างทนายความก็มีค่าใช้จ่าย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ตนได้บอกว่าจะเสียค่าเดินทางให้เพื่อขึ้นมาพบเพื่อนำหลักฐานมาให้ ได้รับคำตอบคือ ไม่รู้แห่งกรุงเทพ ความหมายคือไม่เคยไป และไม่มีเงินด้วย จึงขอให้หาหลานที่ใช้โทรศัพท์เป็นเพื่อใช้ระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ ก็ได้พูดคุยกันทางนี้ประหยัดค่าใช้จ่ายโดยมี นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.จังหวัดกระบี่ ร่วมด้วย และจะรับผิดชอบในการรวบรวมเอกสารในพื้นที่เพื่อเตรียมใช้ในวันขึ้นศาลต่อไป  

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า ขณะนี้ถึงแม้ว่ารัฐสภาจะงดประชุม 2 สัปดาห์ แต่การช่วยเหลือประชาชนยังคงเดินหน้าทำงานอยู่ทุกวัน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กำชับเสมอว่าแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 แต่ต้องปรับการทำงานให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันที่เข้มงวด แต่จะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานโดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือประชาชน

เอกชนตั้งคณะทำงานช่วยดูแลผู้ป่วยโควิด-19

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. ได้จัดตั้งคณะทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเร่งด่วน แบ่งออกเป็น 5 คณะ คือ 


1. คณะทำงานด้านข้อมูลโควิด มีหน้าที่จัดการให้ความรู้คู่มือการใช้ Rapid Test, แนวการปฏิบัติตัวในช่วงโควิดและหลังโควิด ผ่านระบบ e-Learning และจัดทำคู่มือการปลูกและแจกเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจร  

2. คณะทำงานจัดหาชุด Rapid test และจัดทำห้องความดันลบ มีหน้าที่ดำเนินการจัดหาชุด Rapid test & Product และจัดทำห้องความดันลบ 

3. คณะทำงาน Call Center และประสานงาน ทำหน้าที่ประสานงานรับเรื่องการตรวจโควิด-19 ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร และให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 

4. คณะทำงานระบบแจ้งเตือนผู้มีความเสี่ยงโควิด ทำหน้าที่ผลักดันต่อกรมควบคุมโรคเพื่อให้ภาคราชการ เอกชน ประชาชนได้ใช้ระบบ Exposure Notification Express (ENX) ในการติดตามและแจ้งเตือนเมื่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือกลุ่มเสี่ยง 

5. คณะทำงานรับบริจาคช่วยเหลือ ทำหน้าที่เปิดรับบริจาคหาเงินช่วยเหลือในการดำเนินโครงการจัดทำห้องความดันลบ การจัดซื้อชุด Rapid test และการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม 

“บิ๊กตู่” เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยว Samui Plus Model เย็นนี้ ต่อยอดพื้นที่นำร่องจาก Phuket Sandbox 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบ Samui Plus Model (ผ่านระบบ Video Conference) ณ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี  โดยเป็นกิจกรรมการเปิดพื้นที่นำร่องเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ภายใต้  Samui Plus Model  ซึ่งเป็นการขยายพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับวัคซีนแล้วเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยต่อยอดจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งได้เปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา และจะขยายในพื้นที่อื่นที่มีศักยภาพด้วย  

“สำหรับการเปิด Samui Plus Model วันนี้ ช่วงเช้ามีพิธีต้อนรับ Experimental FAM Trip เที่ยวบินปฐมกฤษ์ PG 5125 BKK-USM ซึ่งเป็นตัวแทนเอเย่นต์และสื่อมวลชนต่างประเทศ  (ลอนดอน ปารีส แฟรงค์เฟิร์ต และฮ่องกง) ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเชิญมาในรูปแบบแฟมทริปด้วย และในช่วงเย็นเวลาประมาณ 19.00 น. ณ SEEN BEACH CLUB SAMUI อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายกรัฐมนตรี จะทำพิธีเปิด Samui Plus Model ผ่านระบบออนไลน์ พร้อมร่วมชมการแสดง 3D Mapping Performance ชุด Samui+ Top of Mind ซึ่งการเปิดกิจกรรมครั้งนี้จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของหมู่เกาะทะเลใต้ทั้งเกาะสมุย เกาะพงันและเกาะเต่า รวมถึงพื้นที่อื่นๆ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขของนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ” นายอนุชากล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า Samui Plus Model และ Phuket Sandbox เป็นการเดินหน้าอย่างเป็นขั้นตอนตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศแนวทางเปิดประเทศไทยภายใน 120 วัน เพื่อฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเข็มงวดอีกด้วย ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาภูเก็ต ภายใต้โครงการ Phuket Sandbox ตั้งแต่วันที่1-14 ก.ค.นี้ รวมแล้ว 5,473 คน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top