Friday, 9 May 2025
Hard News Team

“กลาโหม” กำชับจับกุมลักลอบเข้าเมืองผิดกม. เข้มจุดตรวจรอยต่อจว.แดงเข้ม ลดการแพร่นะบาดโควิด-19 

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมติดตามการสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตโควิด 19 ร่วมกับ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และ ตร. ผ่านระบบ VTC

โดยภาพรวมฝ่ายความมั่นคง ทหารตำรวจ ยังคงตรวจพบและจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ 1-12 ส.ค.64 จับกุมได้ 1,864 คน  สำหรับการควบคุมโรค เจ้าหน้าที่ยังคงตั้งจุดตรวจและด่านตรวจบริเวณรอยต่อจังหวัดสีแดงเข้ม และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วตรวจในพื้นที่ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายและจำกัดกิจกรรมตามเคหสถานที่เป็นปัญหา โดยยังพบพฤติกรรมขาดความรับผิดชอบ รวมกลุ่มดื่มสุรา มั่วสุมเสพยาและเล่นการพนันต่อเนื่อง 

ขณะเดียวกัน กองทัพได้เร่งขยายขีดความสามารถทางการแพทย์ใน รพ.ทหาร แต่ละเหล่าทัพ โดยจัดตั้งห้อง ICU รองรับผู้ป่วยสีแดงเพิ่ม 80 เตียง และผู้ป่วยสีเหลือง 306 เตียง ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างเร่งจัดตั้ง รพ.สนาม และ CI ในพื้นที่หน่วยทหารทั่วประเทศเพิ่ม ร่วมกับ สธ.จังหวัด พร้อมกันนี้ ได้เรียกระดมบุคลากรทางการแพทย์แถว 2 กว่า 500 คน เข้ามาเสริมการทำงาน เพื่อรองรับการดูแลประชาชน 

สำหรับ รพ.สนาม ในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในพื้นที่ กทม. อยู่ระหว่างปรับเพิ่มให้สามารถรองรับการตรวจเชื้อคัดกรองโรคได้เพิ่ม 500 คน ต่อวัน ในลักษณะขับรถยนต์มารับการตรวจ (Drive Thru) ขณะที่ รพ.สนามศูนย์คัดกรอง สโมสรกองทัพบก ในพื้นที่ กทม. มีประชาชนมารับการบริการแล้วเกือบ 10,000 คน ให้บริการครบวงจรตรวจคัดกรองเชื้อ เอ๊กเรย์ปอด พบแพทย์ รับตัวเข้ารักษาในระบบ  รวมทั้งจ่ายยาและพากลับบ้าน

ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญ ได้ย้ำนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขอให้ทุกเหล่าทัพเร่งสนับสนุนการจัดตั้ง รพ.สนาม และ CI ในหน่วยทหาร เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้ม และให้เข้าไปเสริมสนับสนุนการจัดชุดตรวจเชิงรุก และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากชุมชนและตามบ้าน ที่ยังพบและมีอยู่เข้ามารักษาในระบบโดยเร็ว พร้อมทั้งขอขอบคุณกำลังพลตำรวจและทหารทุกเหล่าทัพ ที่เข้ามาสนับสนุนและเสริมการทำงานของกระทรวงสาธารณะสุข และ กทม. อย่างใกล้ชิดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคทั้งในเขตเมืองและชุมชนทั่วประเทศต่อเนื่องมา โดยกำชับให้ใช้ความระมัดระวังและไม่ประมาทในการปฏิบัติงาน เพื่อมิให้เกิดการสูญเสียในทุกชีวิต

พท.จี้รัฐอัดฉีดเม็ดเงินเดือนละ 1.5 แสนล้าน อัดสภาพคล่อง 2.5 แสนล้าน ก่อนล็อคดาวน์กลายเป็นน็อคดาวน์ทั้งประเทศ

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และผอ.ศูนย์นโยบายพรรคพท.กล่าวถึงการอัดฉีดเงินลงสู่ระบบ เพื่อชดเชยความเสียหายจากการล็อคดาวน์ว่า 1.รัฐบาลจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบอย่างน้อยเดือนละ 150,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของความเสียหายต่อเดือนที่เกิดขึ้นจากการล็อกดาวน์เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ที่เหลือปล่อยให้เม็ดเงินหมุนเอง ซึ่งการอัดฉีดเงินต้องไปให้ถูกที่และถูกวัตถุประสงค์ แรงงานในระบบยังไม่ได้ตกงาน แต่ใกล้จะตกงาน รัฐจึงต้องอัดฉีดเงินผ่านนายจ้างผูกกับการจ้างงาน เพื่อรักษางานของพวกเขาผ่านมาตรการคงการจ้างงาน สำหรับ แรงงานนอกระบบ กลุ่มนี้พวกเขาสูญเสียรายได้แล้ว มีปัญหาแล้ว จำเป็นต้องอัดฉีดตรงเพื่อเยียวยารายได้ที่หายไป และชดเชยกำลังซื้อ สองกลุ่มนี้แตกต่างกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอัดฉีดเงินในลักษณะที่ต่างกัน

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า 2.มาตรการการเงินผ่านมา 1 ปี 4 เดือน Soft Loan สินเชื่อฟื้นฟู พักทรัพย์พักหนี้ วงเงินรวม 5 แสนล้านบาท แต่ใช้จริงราว 2.4 แสนล้าน ไม่ถึงครึ่ง ทำอะไรกันอยู่ เอกชนกำลังล้มตาย ตามด้วยแรงงานกำลังถูกปลด แต่การแก้ไขตรงนี้ช้าจนเหลือเชื่อ สภาพคล่องที่เหลืออีกกว่า 2.5 แสนล้าน จำเป็นอย่างยิ่งต้องเร่งกระจายลงสู่ระบบภายใน 2-3 เดือนต่อจากนี้ให้ได้ มาตรการที่ล้มเหลวแบบพักทรัพย์พักหนี้ที่ถูกใช้เพียงราว 9,000 ล้านบาท จากวงเงิน 100,000 ล้านบาท ต้องรีบยกเลิก และปรับเป็นวงเงินสำหรับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐสำหรับการปล่อยกู้เอกชนที่เข้าไม่ถึง Soft Loan เดิมโดยเฉพาะ รัฐต้องกล้ารับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และกำหนดเป็นนโยบายของภาครัฐในการเร่งระดมปล่อยสินเชื่อ 3.ภาคการส่งออกเหมือนไข่แดงที่ต้องประคองเอาไว้ เหมือนขอนไม้ชิ้นสุดท้ายที่ต้องเกาะเพื่อไม่ให้จมน้ำ แต่ตอนนี้ถูกกระทบหนักจากการติดเชื้อในโรงงานเป็นคลัสเตอร์ใหม่ทุกวัน จนการผลิตต้องหยุด โรงงานต้องปิด สาเหตุจากการฉีดวัคซีนให้กับแรงงานในระบบอยู่ในระดับต่ำมาก ไม่ถึง 10% ตรงนี้อันตราย รัฐบาลต้องเพิ่มกลุ่มแรงงานเป็น เป้าหมายเร่งด่วนในการได้รับวัคซีน เพราะติดเชื้อกันมาก ระบาดเร็วเพราะทำงานใกล้ชิดกัน และกระทบต่อการส่งออกที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงทั้งหมดนี้ต้องรีบทำก่อนล็อคดาวน์จะกลายเป็นการน็อคดาวน์เศรษฐกิจประเทศ

บิ๊กตู่ ขอบคุณคนไทย ช่วยอุดหนุนผลไม้ไทย มังคุด ขายได้เกิน 2 หมื่นตัน ดันราคาขึ้น ก.พาณิชย์ ลุย เพิ่มส่งออก ตลาดตะวันออกกลาง

 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์ราคาพืชผลการเกษตร ซึ่งช่วงที่ผ่านมา ชาวสวนมังคุดได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างมาก ทำให้การกระจายสินค้าและการส่งออกมีปัญหา อีกทั้งปีนี้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เป็นกลไกขับเคลื่อนการแก้ปัญหา ได้ปรับกลยุทธ์เน้นการบริโภคภายในประเทศทดแทนการส่งออก จนถึงวันนี้สามารถดึงมังคุดออกจากแหล่งผลิตได้กว่า 20,000 ตัน ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 13-15บาท/กิโลกรัม  จากเดิมที่เคยต่ำกว่า 6 บาท สำหรับมังคุดเกรดคละและมังคุดเกรดคุณภาพ ราคาใกล้แตะที่กิโลกรัมละ 50 บาท  ตามรายงานล่าสุดของกรมการค้าภายใน

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ประกอบกับสามารถแก้ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ส่งออกขาดแคลน ปัญหาโลจิสติกส์และปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงาน และล้งจากภาคตะวันออกลงใต้  คลี่คลายได้ระดับหนึ่ง เช่น จังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นฮับมังคุดภาคใต้ ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมมีเพียง 46 ล้ง ปัจจุบันมีล้งเพิ่มเป็นกว่า 200 รายและแผงรับซื้อผลไม้กว่า 400 แผงที่เข้าไปรับซื้อในพื้นที่ รวมทั้งความร่วมมือกับเหล่าทัพ ภาครัฐ ภาคเอกชนในการกระจายมังคุด เช่น ผ่านระบบร้านค้าส่ง ค้าปลีก ร้านธงฟ้า เครือข่ายปั๊มน้ำมัน ช่วยกระจายได้ 1 ล้านกิโลกรัม และโครงการส่งผลไม้ฟรีผ่านไปรษณีย์ไทย คาดว่าจะช่วยได้อีก 2 ล้านกิโลกรัม สำหรับปัญหาลำใยและเงาะที่ช่วงนี้ราคาลดลง คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ได้เข้าไปดูแลแล้วเช่นกัน

น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายกฯได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันอุดหนุนผลไม้ไทย แสดงให้เห็นว่า การช่วยซื้อคนละจำนวนไม่ต้องมาก แต่เมื่อรวมกันแล้วก็เป็นจำนวนมาก พอที่จะช่วยดันราคาให้สูงขึ้น เกษตรกรมีรายได้ ทั้งนี้นายกฯยังได้รับทราบรายงานจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่ากำลังเร่งเปิดตลาดใหม่ด้วยโครงการจับคู่ธุรกิจเพื่อเจรจาการค้าผ่านระบบออนไลน์ในตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาติน อเมริกา  ซึ่งผู้เข้าร่วมเจรจาธุรกิจเป็นผู้ส่งออกไทยจำนวน 123 บริษัท และมีผู้ซื้อ ผู้นำเข้าสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น จำนวน 74 ราย เกิดการจับคู่ธุรกิจได้จำนวน 123 คู่ ซึ่งจะเป็นอีกมาตรการหนึ่งเพื่อขยายตลาดส่งออกโดยเฉพาะผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ของไทย

บิ๊กป้อม สั่ง รมว.เฮ้ง เตรียมตำแหน่งงานกว่า 8 แสนอัตรารองรับคนว่างงานทั่วประเทศ

รมว.แรงงาน เตรียมตำแหน่งงานกว่า 8 แสนอัตรารองรับคนว่างงาน เผย 4 อุตสาหกรรมส่งออก ยานยนต์ แผงวงจรอิเล็กโทรนิกส์ เครื่องมือแพทย์ และอาหารแช่แข็งยังมีความต้องการแรงงานจำนวนมาก

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงานในทุกมิติ ท่านให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนทุกคนที่ต้องการมีงานทำ และห่วงใยผู้อยู่ในกำลังแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างยิ่ง โดยย้ำกระทรวงแรงงานเร่งหาตำแหน่งงานให้คนไทย เปิดโอกาสให้คนหางานเข้าถึงตำแหน่งงาน มีงาน มีรายได้ สามารถดูแลตนเองและครอบครัว

“ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้มอบหมายอธิบดีกรมการจัดหางาน สำรวจความต้องการแรงงานจากสถานประกอบการทั่วประเทศ และดำเนินการจัดหางานเชิงรุกโดยเตรียมตำแหน่งงานไว้แล้ว จำนวน 814,198 อัตรา แบ่งเป็นแรงงานด้านฝีมือ (แรงงานไทย) จำนวน 389,495 อัตรา และธุรกิจที่พึ่งพาแรงงานต่างด้าว จำนวน 424,703 อัตรา ซึ่งยินดีรับคนไทยทำงานเช่นกัน โดยจ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำ ส่วนใหญ่เป็นแรงงานภาคการผลิตส่งออกในอุตสาหกรรมยานยนต์ แผงวงจรอิเล็กโทรนิกส์ เครื่องมือแพทย์ และอาหารแช่แข็ง ที่มีความต้องการแรงงานจำนวนมาก นอกจากนี้กรมการจัดหางานได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาร่วมให้บริการประชาชน โดยปรับเปลี่ยนการจัดหางานแบบเดิมสู่รูปแบบ“นัดพบแรงงานออนไลน์” เต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ 

เพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมลดค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทางให้กับประชาชน การจัดงานลักษณะนี้จะช่วยจับคู่ระหว่างนายจ้าง/สถานประกอบการที่มีความต้องการจ้างงานและผู้สมัครงาน ผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่การค้นหาตำแหน่งงานจนถึงการสัมภาษณ์งาน ซึ่งใช้แนวคิดจากแพลตฟอร์มไทยมีงานทำที่เคยรวบรวมตำแหน่งงานมากที่สุดถึง 1.3 ล้านอัตรา ในงาน JOB EXPO THAILAND 2020 ในด้านการจัดหางานต่างประเทศ กระทรวงแรงงานมีเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 100,000 อัตรา โดยจัดส่งแล้ว 38,019 คน และอยู่ระหว่างจัดส่งตามแผนอีก 61,981 คน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานขานรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ด้านการจัดหางานในประเทศมีการจัดหางานเชิงรุกเพื่อเตรียมตำแหน่งงานรองรับคนหางานผ่านระบบออนไลน์ โดยกระจายหน้าที่การรวบรวมตำแหน่งงานให้สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่1-10 และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศลงพื้นที่สำรวจความต้องการนายจ้าง/สถานประกอบการในเขตรับผิดชอบ เตรียมไว้บริการคนหางานที่ประสงค์สมัครงานและทำงานในพื้นที่ที่ตรงความต้องการ โดยจัดงานนัดพบแรงงานออนไลน์ครั้งแรกใน “นัดพบแรงงานใหญ่ 9 จังหวัด” ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ อุดรธานี นครราชสีมา และนครศรีธรรมราช 

มีตำแหน่งงานว่างรองรับ จำนวน 9,064 อัตรา มีผู้สมัครงานลงทะเบียนหางาน จำนวน 4,245 คน และได้รับการบรรจุงานทันที จำนวน 931 คน รวมทั้ง “นัดพบแรงงานออนไลน์พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC” ครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง มีตำแหน่งงานว่างรองรับ จำนวน 8,910 อัตรา ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้ที่สนใจยังสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.doe.go.th โดยคลิ๊กที่แบนเนอร์  นัดพบแรงงาน Online DOE Job Fair 2021 จะมีรายละเอียดงาน QR code และช่องทางติดต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดพื้นที่ที่ต้องการทำงาน รวมทั้งคู่มือการลงทะเบียนสำหรับสถานประกอบการและผู้สมัครงานไว้ให้บริการ 

ด้านการจัดหางานต่างประเทศ ได้ปรับมาตรการการเดินทางภายใต้สถานการณ์โควิด-19 เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อนานาประเทศ โดยปรับวิธีการอบรมแรงงานก่อนเดินทางด้วยระบบอออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom แทนการเดินทางมาอบรม ณ กรมการจัดหางาน การให้ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์และมาตรการควบคุมโรคที่ประเทศนั้น ๆ กำหนด  การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศ และการฉีดวัคซีน Astra Zeneca ให้แรงงานไทยที่จะเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าที่สวีเดนและฟินแลนด์ก่อนเดินทาง ซึ่งจากข้อมูล ณ เดือน ก.ค.64 มีแรงงานไทยที่ยังทำงานอยู่ในต่างประเทศ จำนวน 118,572 คน ส่งรายได้กลับประเทศผ่านระบบธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว 153,006 ล้านบาท

‘เสกสกล’ ถก ฝ่ายกฎหมาย จ่อฟ้องกลับ ‘คุณหญิงหน่อย’ เป็นคดีที่ 2 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคไทยสร้างไทย และสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย นำ 7 แสนรายชื่อ ยื่นฟ้องต่อศาล กล่าวโทษรัฐบาลบริหารผิดพลาดบกพร่องในการแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า  

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข น่าจะเข้าใจสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างดี การจัดการวัคซีนต่างๆในขณะนี้ที่ประเทศทั่วโลกก็มีความต้องการเช่นเดียวกัน วัคซีนซิโนแวคได้รับรองจากองค์การอนามัยโลก หลายประเทศก็นำมาฉีดให้กับประชาชนเช่นเดียวกัน แม้รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนซิโนแวคเข้ามา แต่ยังมีวัคซีนยี่ห้ออื่นๆอีกหลายยี่ห้อรวมถึงวัคซีนชนิด mRNA เข้ามาด้วย อยากให้ประชาชนได้สิ่งที่ดีที่สุด

นายเสกสกล กล่าวว่า นายกฯและรัฐบาล ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 คุณหญิงสุดารัตน์ควรที่จะเข้าใจ ไม่ใช่แค่จะอาศัยโอกาส มาโจมตีนายกฯ และรัฐบาล เพื่อหวังว่าตนเองกับพรรคตนเองอาจจะได้เข้ามาทำงานแทน ซึ่งหากคิดเช่นนั้น ตนขอให้ย้อนมองดูตัวเองและพรรคตัวเองก่อนว่า มีศักยภาพหรือไม่ เพราะตั้งแต่คุณหญิงสุดารัตน์กลับมาเล่นการเมือง ตนยังไม่เคยเห็นว่าจะทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองและประชาชน มีแต่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น

นายเสกสกล กล่าวว่า คราวนี้ สิ่งที่คุณหญิงฯและพรรคไทยสร้างไทย เปิดแคมเปญและโพสต์ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่ามีเจตนาเพื่ออะไร หิวแสงอยากเป็นนายกฯ จนเนื้อตัวสั่นหรืออย่างไร ทำไมไม่อดทนรอให้ครบวาระ 4 ปีเลือกตั้งใหม่ จะมาตีกินการเมืองในช่วงวิกฤติความเดือดร้อนประชาชนทำไม เป็นถึงคุณหญิงสุดารัตน์ทำไมสมองคิดได้แค่นี้ ประชาชนจะฝากความหวังให้เป็นผู้นำบ้านเมืองคงไม่ได้ ถ้ายังมีหลักวิธีคิดได้เพียงแค่นี้ ถึงแม้จะเป็นนายกฯได้ ตนคิดว่า ประชาชนคงพึ่งพาฝากความหวังไม่ได้เลย มีแต่จะนำพาประเทศไทยลงเหว ลงทะเล ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์ยังมีหลักวิธีคิดได้เพียงแค่นี้

นายเสกสกล กล่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์ คงหิวแสงมาก ตนกำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่า ดำเนินคดีคุณหญิงว่ามีสิทธิที่จะฟ้องนายกฯได้หรือไม่ และถ้าเจตนาต้องการใส่ร้ายป้ายสี หมิ่นประมาทนายกฯ คงต้องแจ้งความกลับคุณหญิงฯหิวแสงเป็นคดีที่สอง หลังจากที่เคยกล่าวหารัฐบาลฆาตกร ที่ตนไปแจ้งความดำเนินคดีที่ตำรวจกองปราบปรามฯไว้แล้ว

BizMAX THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้ EP.4/2 ตอน ธุรกิจประกัน สิ่งสำคัญ ‘อย่าเทลูกค้า’ ขาดทุนก็ต้อง ‘ฝืน’ กลืนเลือดก็ต้อง ‘ทน’

BizMAX THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้  EP.4/2 ตอน ธุรกิจประกัน สิ่งสำคัญ ‘อย่าเทลูกค้า’ ขาดทุนก็ต้อง ‘ฝืน’ กลืนเลือดก็ต้อง ‘ทน’

พบกับ ‘คุณไพโรจน์ บุญมาก’ 
รองกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์

ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES 

.

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พระนางแก้วคู่พระบารมี สมเด็จพระนางเจ้าฯ คู่พระราชบัลลังก์ ​| MEET THE STATES TIMES EP.10

????พระนางแก้วคู่พระบารมี สมเด็จพระนางเจ้าฯ คู่พระราชบัลลังก์ !
????ย้อนเวลา! ฟังเรื่องราวสุดประทับใจ เส้นทางความรักในหลวงรัชกาลที่ 9 และนางแก้วคู่พระบารมี!!!

ในรายการ MEET THE STATES TIMES

ดำเนินรายการโดย หยกTHE STATES TIMES.

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9
 

ตำรวจสันติบาล รับเรื่อง​ 'โค้ชเช'​ ขอสัญชาติไทย

กองบัญชาการตำรวจสันติบาล รับคำร้องขอแปลงสัญชาติของ 'นายยอง ซอก เช'​ หรือ 'โค้ชเช'​ โดยการยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทยเป็นไปตามสิทธิและมีกระบวนการขั้นตอนพิจารณาตามกฎหมาย ว่าด้วยสัญชาติ 

(14 ส.ค. 2564)​ ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล พลตำรวจตรี วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสันติบาล เปิดเผยกรณีนายยอง ซอก เช หรือ โค้ชเช (โค้ชกีฬาเทควันโด ทีมชาติไทย) อายุ 46 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ได้มายื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ต่อ พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา ผบช.ส. ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยมี พ.ต.อ.เอกพงษ์ กองนาค ผกก.ฝ่ายกฎหมายและวินัย บก.อก.บช.ส. เป็นเจ้าหน้าที่รับคำขอฯ ซึ่งทางฝ่ายโค้ชเช ได้เดินทางมาพร้อมกับ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยและเรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ( น้องเทนนิส ) นักเทควันโดหญิงทีมชาติไทย ที่เพิ่งได้รับเหรียญทองในการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก 2020 ณ ประเทศญี่ปุ่น

โฆษกกองบัญชาการตำรวจสันติบาล กล่าวว่า การจัดการคำขอครั้งนี้ ฝ่ายตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนการร้องขอแปลงสัญชาติตามวิธีการที่กำหนดในกฎหมาย โดยจากการตรวจสอบเอกสารของ นายยอง ซอก เช (โค้ชเช) มีคุณสมบัติเป็นไปตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้เพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 มาตรา 10 และ มาตรา 11(1) กรณีได้ทำความดี ความชอบ เป็นพิเศษ ต่อประเทศไทย (ด้านกีฬา) มีความครบถ้วน  ต่อจากนี้ จะเป็นขั้นตอนการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ที่ต้องประสานงานร่วมกับหน่วยต่างๆ ประกอบด้วย กองทะเบียนประวัติอาชญากร กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจสันติบาล  กองการต่างประเทศ นอกจากนั้นยังต้องประสานกับหน่วยงานนอกสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติบางหน่วยด้วยเช่นกัน อาทิเช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งการประสานตรวจสอบข้อมูลนี้จะมีระยะเวลาตามกรอบกฎหมายกำหนดประมาณ 99 วัน โดยหากหน่วยงานต่างๆ ส่งผลการตรวจสอบมาเร็ว บช.ส.ก็สามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นก่อนกำหนดเวลา 

พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ กล่าวต่อว่า หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจสอบที่กล่าวมาแล้ว บช.ส.ก็จะส่งเรื่องนำเรียนปลัดกระทรวงมหาดไทยเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป โดยจะมีการสัมภาษณ์โค้ชเช โดยคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการแปลงสัญชาติซึ่งมีรองอธิบดีกรมการปกครองเป็นประธาน ต่อด้วยการพิจารณาโดยคณะกรรมการเกี่ยวกับการพิจารณาสัญชาติ โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน พิจารณามีความเห็นเสนอต่อ รมว.มท. เมื่อ รมว.มท. ใช้ดุลยพินิจตามที่คณะกรรมฯ เสนอมีความเห็น แล้วจะเป็นขั้นตอนการนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตและมีการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา หากโค้ชเช ได้ผ่านการพิจารณาดำเนินการจนจบครบกระบวนการเหล่านี้ ก็จะมารับหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติที่ บช.ส และไปติดต่อสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ เพื่อออกบัตรประจำตัวประชาชนได้และถือเป็นประชาชนสัญชาติไทยคนหนึ่งโดยสมบูรณ์

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จบำเพ็ญกุศล (เป็นการส่วนพระองค์)​ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2564

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จบำเพ็ญกุศล (เป็นการส่วนพระองค์) ประทานผ้าห่มบูชาพระธาตุวังจาน และถวายผ้าไตรอาบน้ำฝนแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษา ในวัดที่ทรงอุปถัมภ์ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2564 

(14 ส.ค.64)​ หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงกรุณาเสด็จบำเพ็ญกุศล (เป็นการส่วนพระองค์) ณ วัดธาตุวังจาน ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม ซึ่งเป็นวัดที่ทรงรับไว้ในอุปถัมภ์ โดยจะเสด็จในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาเป็นประจำทุกปี เพื่อทอดพระเนตรความเจริญก้าวหน้าในการก่อสร้างถาวรวัตถุ และเยี่ยมพสกนิกรที่ช่วยทำนุบำรุงวัดนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรม โดยมี "พระครูสรวิชัย" เป็นเจ้าอาวาส

จากนั้นทรงอธิฐานจิตถวายผ้าห่มพระธาตุ แล้วทรงกรุณาให้ "ว่าที่ร้อยเอกวัฒนา คงคาน้อย" นายอำเภอปลาปาก พร้อมหัวหน้าหน่วยราชการเชิญห่มพระธาตุวังจาน เจดีย์คู่บ้าน คู่วัดปฐมฤกษ์สร้าง "วัดธาตุวังจาน" ตามที่มาของนามวัดแห่งนี้ จากนั้นทรงกรุณาถวายผ้าไตรอาบน้ำฝน แด่ "พระครูสรวิชัย" และพระสงฆ์ ผู้ปวารณาตนเข้าพรรษาในอาวาส "วัดธาตุวังจาน" แห่งนี้

ต่อมาทรงกรุณาให้ "นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ" นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม / นายกเทศบาลเมืองนครพนม / นายกเทศบาลตำบลกุตาไก้ เฝ้ารับมอบประทานของที่ระลึก และร่วมสนทนาธรรม โดยทรงสนพระทัยการบริหารจัดการดูแลช่วยเหลือประชาชนในด้านสาธารณสุข, การหาวัคชีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19, การคัดกรองประชาชนเข้า-ออก พื้นที่ภายในจังหวัด ให้มีความเรียบร้อบ รอบคอบ เป็นไปตามระบบการจัดการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณะสุข และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

สกพอ. รวมพลังกลุ่มสตรี อีอีซี ชลบุรี ส่งมอบถุงยังชีพเพื่อร่วมผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน

(14 ส.ค.64)​ นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการ สกพอ. ร่วมกับ เครือข่าย สตรีอีอีซี ชลบุรี และ อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน จังหวัดชลบุรี (ทสม.) มอบถุงยังชีพจำนวน 200 ถุง เพื่อมอบให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งกำลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

โดยภายในถุงประกอบด้วยสิ่งของที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ยาสามัญ และเมล็ดพันธ์ุ

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้มีผู้นำท้องถิ่นจังหวัดชลบุรีร่วมบริจาคหน้าการอนามัย กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนตำบลหนองปลาไหลร่วมบริจาคสบู่ และสภาองค์กรตำบลหนองปลาไหลร่วมบริจาคน้ำ เป็นการร่วมพลังส่งกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่อีอีซี ได้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน โดยมีเครือข่ายพลังสตรี อีอีซี เครือข่าย ทสม.ในพื้นที่ เป็นผู้นำไปมอบให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top