Wednesday, 22 January 2025
Hard News Team

‘อนุทิน’ เปรย!! ถกดีลซื้อ ‘ไฟเซอร์’ หลังคุณสมบัติฉีดเด็ก 12 ปีได้

ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวตอบคำถามกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประสานขอวัคซีนไปฉีดในเรือนจำ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้อธิบดีกรมควบคุมโรคและอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มีการประสานงานกันแล้วในเรือนจำ ต้องเร่งฉีดให้กับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ ไม่เพียงเฉพาะนักโทษ แต่ต้องรวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งต้องใช้วัคซีนหลายแสนโดส ทั้งนี้การฉีดวัคซีนหน่วยงานจะต้องมีการจัดทำแผนกระจายและฉีดที่ชัดเจน จะขอแล้วเอามาเก็บไว้ก่อนไม่ได้ เพราะวัคซีนต้องถูกเก็บไว้ที่อุณหภูมิที่กำหนดให้ถูกต้อง กระทรวงสาธารณสุขมีภาระหน้าที่ในการจัดหาวัคซีนซึ่งไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ขออย่ากังวลว่าจะเป็นวัคซีนอะไร

เมื่อถามว่า วัคซีนที่สั่งซื้อมาครบจะเปิดฉีดหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า วัคซีนไม่มีคำว่า มาครบมีแต่ทยอยส่งมาเรื่อย ๆ และทำการฉีดไปเรื่อยๆ ซึ่งก็มีการทยอยฉีดมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ยังไม่นับที่จะเริ่มดีเดย์วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2564

“นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้มีการประสานมาในเรื่องของวัคซีนและนายกรัฐมนตรี ก็มีนโยบายชัดเจนให้ฉีดกลุ่มคนที่เป็นครู อย่างน้อยเมื่อช่วงเปิดเทอมครูก็จะได้มีความปลอดภัย ส่วนเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี กำลังเจรจาซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์ ซึ่งเขาเพิ่งจะได้รับรองคุณสมบัติสามารถฉีดเด็กให้เด็กอายุ 12 ปีได้ ที่มีอยู่ประมาณ 6 ล้านคน” นายอนุทิน กล่าว

 

ที่มา: https://www.naewna.com/local/576769


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

พล.อ.อนุพงษ์ รมว.มหาดไทย ชี้ อปท.จัดซื้อวัคซีนเองได้ แต่ห่วงเรื่องความเหลื่อมล้ำ โยน ศบค.อนุมัติ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ถึงกรณีการจัดซื้อวัคซีนทางเลือกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แต่ติดล็อกคำวินิจฉัยผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่วินิจฉัยว่าระยะแรกเท่านั้นที่รัฐจะเป็นผู้ซื้อ ส่วน อปท.และภาคเอกชนไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อโดยตรงได้ ว่า...

ตามกฎหมาย อปท.ทุกรูปแบบ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พัทยา กทม.สามารถดำเนินการจัดซื้อวัคซีนทีต้องการได้ โดยสามารถดำเนินการได้เอง

อย่างไรก็ตาม อปท. 7 พันกว่าแห่ง ส่วน อบจ. 76 แห่ง จัดซื้อวัคซีนได้ มีระเบียบกระทรวงมหาดไทยออกระเบียบไว้ เมื่อมีโรคติดต่ออันตราย ให้ อปท.สนับสนุนการระงับการแพร่ระบาดได้ โดยสนับสนุนหน่วยงานของรัฐในการควบคุมโรคติดต่อ จะต้องประสานในทางปฏิบัติและด้านนโยบาย ซึ่งหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจขณะนี้คือกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)

“เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ถ้าจะต้องมีการหารือก็ต้องได้ข้อยุติจาก ศบค. เพราะถ้ามีการจ่ายวัคซีนของรัฐผ่าน ศบค. และ อปท.ซื้อเองอีก ใน อบจ.บางที่ก็อาจจะได้วัคซีนมากเกินไป จะเกิดความเหลื่อมล้ำกับ อบจ.เล็กๆ ดังนั้น ดูจากกฎหมายและสถานการณ์ อย่างไรก็ต้องให้ ศบค.พิจารณาว่าผ่านระยะแรกไปหรือยังว่าจะให้เอกชนและ อปท.มาสนับสนุนฝ่ายรัฐ และถ้าเอกชนและ อปท.จะซื้อก็ต้องให้รัฐซื้อให้ เพราะเป็นวัคซีนฉุกเฉิน” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

 

ที่มา: https://www.prachachat.net/politics/news-680209


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

"หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" ทรงกรุณาให้เลขานุการในองค์ เป็นผู้แทนรับ-มอบ "อุปกรณ์ช่วยเดิน" จาก "ผู้นำคนพิการ" เพื่อมอบให้คนพิการและผู้สูงอายุ ในโครงการอุปถัมภ์

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม 2564  
ณ​ ศาลาเอนกประสงค์หมู่บ้าน หมู่ที่ 16 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคผู้ สภาแทนราษฎร เดินทาง เพื่อเข้าพบ "นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในองค์หม่อมจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ นำวอร์คเกอร์ 4 ขา / ไม้เท้าค้ำยัน 3 ขา / ไม้เท้าช่วยพยุง และที่รองนั่งในการขับถ่าย ซึ่งได้รับมาจาก "นายสายันต์ ดีเลิศ" นายกสมาคมส่งเสริมอาชีพและช่วยเหลือรถเข็นเพื่อคนพิการ มามอบแก่ คนพิการ และผู้สูงอายุในโครงการอุปถัมภ์ ในหม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์  โดยมี "นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในองค์ หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ และ "นางสาวรุ่งนภา แก้วธรรม" ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่16 พร้อมด้วยกรรมการหมู่บ้าน และกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับสิ่งของ ร่วมเป็นสักขีพยาน

ในการนี้ "นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในองค์ หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ได้น้อม "กระแสรับสั่ง" ในความห่วงใย มายังคนพิการ และผู้สูงอายุ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจากจากโรคภัยทั้งหลาย และขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสุข ทุกๆ​ วัน

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เลือก ‘ปทุมธานี’ ต้นแบบบริหารวัคซีน ‘ซิโนฟาร์ม’ เป็นพี่เลี้ยง อบจ.ทั่วประเทศ ด้าน ‘บิ๊กแจ๊ด’ เผยประเดิมฉีดให้ ‘บุคลากรทางการศึกษา’ รับเปิดเทอม

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2564 พลอากาศตรี นายแพทย์สันติ ศรีเสริมโภค รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า วัคซีนที่จะมีการนำเข้ามาที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ คือ ซิโนฟาร์ม เป็นวัคซีนที่มีความต้องการสูง ตามเอกสารพบว่ามีมาตรฐานสูงอันดับต้นๆ ในการตอบสนองทำให้เกิดภูมิต้านทานได้ดี ความปลอดภัยสูง ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ให้ทางบริษัทขึ้นทะเบียนซิโนฟาร์มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้แล้ว เป็นการจัดสรรวัคซีนทางเลือกให้กับประเทศ ซึ่งภายในประเทศไทยมีวัคซีนอยู่ 2 ชนิดได้แก่

1.) ซิโนแวค

2.) แอสตราเซเนกา

เป็นความต้องการใช้วัคซีนที่ค่อนข้างสูงในประเทศ แต่ปริมาณที่เราได้รับวัคซีนจาก 2 ชนิดยังไม่เพียงพอ จึงนำวัคซีนซิโนฟาร์มเพื่อปิดช่องว่างที่มีอยู่ ทำให้วัคซีนที่ได้รับมาจะได้ครอบคลุมคนทั้งประเทศ เป็นการฉีดวัคซีนปูพรมได้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ ยังทำให้ภาคเอกชนการทำงานต่างๆสามารถทำงานได้ หมายความว่าการทำกิจวัตรประจำวัน ที่เราสามารถทำธุรกิจธุรกรรมต่างๆ ได้ดีขึ้น ทุกคนมีสิทธิในประเทศไทย เพียงแต่ว่ารัฐบาลต้องใช้เวลาในการหาวัคซีน เพื่อครอบคลุมคนทั้งประเทศ ช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤตที่เราต้องช่วยกัน ทั้งภาคเอกชน หน่วยราชการท้องถิ่น ที่จะดูแลคนของตัวเองได้เบื้องต้นทำให้ธุรกรรมธุรกิจเดินไปข้างหน้าได้

“ไม่ใช่หมายความว่ารัฐบาลไม่มีความสามารถ แต่ความเร็วในการหาวัคซีนเข้ามาใช้จะทำให้ธุรกรรมธุรกิจเขาเดินหน้า เขาสามารถทำกำไรกับธุรกิจเขาได้ คนหาเช้ากินค่ำก็สามารถทำงานได้ อันนี้เป็นส่วนที่ควรจะทำ ในตอนนี้ ส่วนความพร้อมในการให้วัคซีนที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้มา จะแบ่งตามลำดับความสำคัญ คิดว่าทุกคนจะต้องได้หมด เพียงแต่ว่าจะมีด้านเอกสาร ด้านของความมั่นคง ที่จะต้องมาคุยกับเรา เพื่อจัดสรรวัคซีนในเบื้องต้น” พลอากาศตรี นายแพทย์สันติ กล่าว

พลอากาศตรี นายแพทย์สันติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดปทุมธานีและทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้เคยมาช่วยฉีดวัคซีนให้บุคลาการทางการศึกษามาแล้วในเบื้องต้น และได้เคยพูดคุยกันไว้ว่าถ้า อบจ.ปทุมธานี มีความพร้อมก็ทำหนังสือมาเพื่อขอสนับสนุนวัคซีนทางเลือกของเรา โดยทำให้จังหวัดปทุมธานีก่อนเพื่อเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่นดูว่าเราจะทำอย่างไร เอกสารเป็นอย่างไร ลงทุนกันอย่างไร ได้วัคซีนอย่างไร และการบริหารวัคซีนเป็นอย่างไร ซึ่งวัคซีนเป็นการใช้แบบฉุกเฉินจึงต้องมีรูปแบบพอสมควร ต้องมีการควบคุมคุณภาพ และรายงานคุณภาพหลังจากที่ฉีดแล้ว เกิดปัญหาอะไรต้องรายงานกับ อย. เพื่อให้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ใช่มีงบแล้วมาซื้อไปได้ เพราะมีรายละเอียดที่มากมาย

“เบื้องต้นได้คุยกับนายก อบจ.ปทุมธานี ไว้แล้ว เพราะเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมและมี ประสบการณ์ โดยให้เป็นผู้รวบรวมการสั่งซื้อจากจังหวัดอื่นๆแล้วเสนอขึ้นมาที่เดียว พร้อมเป็นพี่เลี้ยงในเรื่องเอกสารและการดำเนินการในเรื่องต่างๆต่อไป” รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าว

ด้านนายเสวก ประเสริฐสุข รองนายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่รอบแรกในปี 2563 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ขณะนั้นในนามกลุ่มคนรักปทุม ได้ติดต่อหาน้ำยาฆ่าเชื้อโควิดอย่างดี พร้อมอุปกรณ์ทันสมัย รถแคปซูล ฉีดพ่นทั้งภายในอาคารและนอกอาคารโดยพ่นให้ประชาชนทั่วทั้งปทุมธานี ซึ้งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และท่านได้เต็มที่กับทุกอย่างที่ได้รบกับโควิดมาโดยตลอด และทำให้จังหวัดปทุมธานีจะได้ปลอดจากโควิด และวันนี้เราอยากได้วัคซีนที่ดีที่สุด มาฉีดให้คนปทุมธานีเพื่อให้เปิดหน้ากากไม่ต้องกลัวโควิดกันอีกต่อไป นี่คือนโยบายของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อยากให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้มอบให้จังหวัดปทุมธานีฉีดก่อนเป็นตัวอย่าง อย่างน้อย 500,000 คนก่อน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจของคนปทุมธานี ทำให้เศรษฐกิจความเป็นอยู่ของคนปทุมดีขึ้น เพราะเรามีความพร้อมที่จะเป็นต้นแบบอย่าง สามารถอบรมแนะนำการฉีดวัคซีนกับ อบจ.อื่นๆ เพื่อเป็นแนวทางในการฉีดวัคซีนว่าทำอย่างไร รวมถึงแก้ปัญหาให้ทุกจังหวัดได้

“พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เมื่อทราบทราบว่าวัคซีนไหนเป็นวัคซีนที่ดี จึงอยากที่จะนำมาให้ประชาชนชาวปทุมธานี รวมถึงจังหวัดอื่นมาดูงานที่จังหวัดปทุมธานีได้ ที่ผ่านมานายก อบจ. ได้นำแรบบิทเทสมาตรวจคัดกรองให้ทั้งจังหวัดปทุมธานี หากผลบวกเป็นอย่างไรก็ไปสวอปคัดกรองหาเชื้ออีกที ทุกวันนี้ทาง อบจ.ได้บริการตรวจคัดกรองให้ชาวปทุมทุกวัน วันละ 1,500 คน เพื่อให้ชาวปทุมธานีปลอดจากโควิด ครั้งหนึ่งเราก็เคยได้วัคซีนจากสถาบันจุฬาภรณ์ มาฉีดให้คนปทุมธานี ซึ่ง อบจ.ปทุมธานีได้ดำเนินการอย่างเรียบร้อย แสดงถึงความพร้อมของเราจริงๆ ที่เราได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง” นายเสวก กล่าว

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ขณะนี้พี่น้องประชาชนมีใจจดจ่อว่าจะได้ฉีดวัคซีนหรือไม่ บางคนคิดว่าวัคซีนน่ากลัว โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดหาวัคซีนซิโนแวคและแอสตราฯ แต่วันนี้ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีวัคซีนซิโนฟาร์มเข้ามา เป็นวัคซีนทางเลือก โดยเขาพร้อมที่จะเสียเงินที่จะได้ฉีดวัคซีน ซึ่งต้องแยกส่วนที่ฉีดของทางรัฐบาลที่ฉีดโดยกระทรวงสาธารณสุข และที่ฉีดโดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ที่จะมีวัคซีนเข้ามาภายในเดือนมิถุนายนก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ต้องแยกกันให้ออก

ทั้งนี้ เนื่องจากจังหวัดปทุมธานีเป็น 1 ใน 5 จังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดของประเทศ และเป็นพื้นที่สีแดง จังหวัดปทุมธานีจึงได้รับส่วนแบ่งวัคซีนจากรัฐบาลมาเบื้องต้นจำนวน 60,000 กว่าโดส สามารถฉีดให้ประชาชนได้ 30,000 กว่าคน ซึ่งไม่เพียงพอ แต่ขณะเดียวกันจังหวัดที่ไม่ได้แพร่ระบาด แต่กลับได้มากกว่าเรา เนื่องจากตนได้รับการเลือกตั้งจากพี่น้องประชาชน จึงมองว่าในเมื่อไม่เพียงพอ เราจะทำอย่างไร ให้พี่น้องประชาชนได้ฉีดอะไรได้บ้าง จนในวันนี้มีวัคซีนทางเลือกเข้ามา จึงต้องดิ้นรนเพื่อหาวัคซีนทางเลือกคือซิโนฟาร์ม เข้ามาฉีดพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด

“ปทุมธานีเป็นจังหวัดสุ่มเสี่ยงทั้งจังหวัดอยู่แล้ว จึงได้หารือกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จนได้รับการฉีดวัคซีนตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว โดยฉีดให้บุคลากรทางการศึกษาเพื่อรองรับโรงเรียนที่จะเปิดเทอม แต่ไม่เพียงพอ จึงทำบันทึกถึงราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ขอจองไว้ก่อนอย่างน้อย 500,000 โดส ซึ่งขณะนั้นจากที่พูดคุยกับทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะได้วัคซีนมาจำนวน 20 ล้านโดส จึงได้จองไว้อย่างน้อย 500,000 หรือ 1,000,000 โดส จำนวนประชาชนของจังหวัดปทุมธานี รวมประชากรแฝงด้วยคาดว่ากว่า 2 ล้านคนขึ้นไป ถ้าเราฉีดได้ 500,000 คน จึงมองว่าจังหวัดปทุมธานีเรารอดแล้ว” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าว

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า ครั้งแรกจองไว้ 300,000 โดส แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีโทรศัพท์มาหาขอให้จองวัคซีน 500,000 โดส จึงเรียนทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ขอ 500,000 โดส โดยจะเอางบประมาณ งบสะสม แต่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของตน จึงต้องมีการเปิดสภาเพื่อขออนุมัติ หน่วยงานหลัก คือ กระทรวงมหาดไทย อยากบอกพี่น้องชาวปทุมธานี ก็จะทำเต็มความสามารถที่มี ถ้ากระทรวงมหาดไทยจะเบรกก็ไม่เป็นไร ตนก็ต้องหาแนวทางกันต่อไป แต่ขณะนี้ทางนายก อบจ.ทั้ง 76 จังหวัด ให้ความไว้วางใจตน เลือกให้เป็นตัวแทนของพวกเขา รวมเป็นคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ร่วมประชุมเป็นตัวแทนของนายก อบจ.ทั้ง 76 จังหวัด ซึ่งตนก็หารือปัญหานี้ ไม่ใช่ว่าจังหวัดปทุมธานีจะได้วัคซีนเพียงแห่งเดียวทุกจังหวัดที่ขอมาก็ต้องได้เหมือนกัน

 

ที่มา : https://www.naewna.com/local/576747


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ชายสูงวัยชาวอินเดียรายหนึ่ง กำลังจะหายป่วยจากโควิด แต่เกิดติดเชื้อรามรณะ เสียชีวิตในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งไม่ไกลจากกรุงนิวเดลี ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่า เขาเป็นคนไข้รายแรกๆ ที่มีอาการจาก ‘เชื้อรา’ ครบ 3 สี ทั้งดำ ขาวและเหลือง

คุนวาร์ ซิงห์ วัย 59 ปี อาชีพทนายความ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองกาเซียบัด รัฐอุตตรประเทศ ติดกับนิวเดลี ชายรายนี้ถูกตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลิ และจากนั้นก็ตรวจพบว่าติดเชื้อ ‘เชื้อรา’ ซึ่งเชื่อว่าเป็นอาการแทรกซ้อนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์

“เชื้อราสีเหลือง นอกเหนือจากขาวและดำ ถูกพบระหว่างการส่องตรวจภายในเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว” แพทย์ประจำตัวของเขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวพีทีไอของอินเดียเมื่อวันเสาร์ (29 พ.ค.) พร้อมระบุ ซิงห์ เสียชีวิตจากภาวะโลหิตเป็นพิษ

ก่อนหน้านี้แพทย์ประจำตัวซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญโสต ศอ นาสิกวิทยา เผยว่า ซิงห์ เป็นหนึ่งในคนไข้รายแรกๆ ของเขาที่ติดเชื้อราทั้ง 3 สี และปัจจุบันเขากำลังให้การรักษาคนไข้อีกคนที่ติดเชื้อ ‘เชื้อราสีเหลือง’ ซึ่งเพิ่งหายป่วยจากโควิด-19 เช่นกัน

แพทย์บอกกับพีทีไอว่า ‘เชื้อราถููกพบตรวจใกล้กับสมองของเขา ต้องถอนฟันกรามของเขาออกครึ่งหนึ่ง’ ทั้งนี้ว่ากันว่าเชื้อราสีเหลืองมีความอันตรายมากกว่าเชื้อราสีดำและสีขาว เนื่องจากมันยากที่จะสังเกตเห็นอาการต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายใน ผิดกับเชื้อราสีดำที่เริ่มต้นจากอาการพิการบนใบหน้าอย่างชัดเจน ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย

ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับการพบเชื้อราสีเหลืองในมนุษย์มาก่อน

ขณะเดียวกัน เชื้อราสีดำหรือมิวคอร์ไมโคซิส เมื่อไม่นานที่ผ่านมา เพิ่งถูกประกาศให้เป็นโรคที่ต้องแจ้งการระบาดต่อทางการ (notifiable disease) ภายใต้รัฐบัญญัติโรคระบาดในรัฐอุตตรประเทศ

ที่เมืองกาเซียบัด มีคนไข้ราว 65 คนที่ถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อ 'เชื้อรา' ทั้งหมดเชื่อว่าน่าจะเป็นอาการแทรกซ้อนของโควิด-19 ในขณะที่ในเมืองแห่งนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ยังรักษาตัวอยู่เกือบ 2,000 ราย

ในขณะที่อินเดียกำลังดิ้นรนต่อสู้กับโควิด-19 ซึ่งยืนยันพบผู้ติดเชื้อแล้วเกือ 27.9 ล้านคนและเสียชีวิตกว่า 325,000 ราย เคสผู้ติดเชื้อรามรณะได้ปรากฏขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ หลายรัฐประกาศให้มันเป็นโรคระบาด และเจ้าหน้าที่พบเคสเชื้อราสีดำเพียงอย่างเดียวแล้วเกือบ 12,000 ราย

เชื้อราสีขาวและสีดำ มีรายงานพบในคนไข้ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจมาเป็นเวลานาน หรือผู้ป่วยที่ใช้ยาสเตียรอยด์ส่วนหนึ่งในการรักษาอาการติดเชื้อโควิด-19 และเชื้อราทั้ง 2 ส่งผลกระทบกับปอดและอวัยวะสำคัญอื่นๆ และสามารถก่ออันตรายร้ายแรง

 

(ที่มา:รัสเซียทูเดย์)

https://mgronline.com/around/detail/9640000052235


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'นักวิจัยพันธุ์ข้าววัย 91' ผู้ถูกยกเป็นฮีโร่ของชาติ

#กรณีศึกษาจากจีน การเสียชีวิตของท่านหยวนหลงผิง นักวิจัยจีนวัย 90 กว่าที่คนจีนรักทั้งประเทศ!! #ข้อคิดจากจีน โดย รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

1.) #ผู้นำจีน สีจิ้นผิงออกมาแสดงความเสียใจกับการจากไปของนักวิจัยระดับชาติที่เริ่มจากการเป็นแค่นักวิจัยธรรมดาๆ แต่สามารถสร้างชื่อเสียงให้ชาติและออกไปช่วยต่างประเทศ จากความอุตสาหะ ศึกษาค้นคว้าวิจัยจนสำเร็จ และสีจิ้นผิงหวังให้ชาวจีนศึกษาเป็นตัวอย่างถึง #จิตวิญญาณอันแรงกล้าต่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ ทั้งหมดนี้ มีส่วนช่วยให้คนในชาติจีนสนใจติดตามชีวิตท่านหยวนหลงผิง (ผู้นำดีมีชัยไปกว่าครึ่ง)

ปี 2562 สีจิ้นผิงได้มอบเหรียญเกียรติยศและชื่นชมผลงานท่านหยวนหลงผิงว่า เป็นหนึ่งในตัวอย่างการแก้ปัญหาแบบจีนที่ถูกนำไปใช้จนประสบความสำเร็จไปทั่วโลกด้วย

2.) #สื่อจีน สื่อจีนนำเสนอข่าว ‘ความเป็นฮีโร่’ ของท่านหยวนหลงผิงในการช่วยมวลมนุษย์ชาติ ไม่ใช่แค่ช่วยคนจีน สื่อจีนมีบทบาทสำคัญช่วย ‘สร้างพลังบวก’ ให้คนในชาติรักกันและชื่นชมกันและกัน (สื่อจีนไม่ดราม่า ไม่แซะว่า แก่แล้วไม่ทันยุค ไม่แซะเรื่องทำนาปลูกข้าว บลาๆๆๆ)

3.) #คนจีนรุ่นใหม่ มาร่วมแสดงความอาลัยกับการจากไปของท่านหยวนหลงผิงเสมือนเป็นฮีโร่ของชาติ มีการโพสต์ไว้อาลัยผ่านสื่อโซเชี่ยล ปลุกให้หนุ่มสาวจีนเกิดพลังฮึกเหิมในการเดินตาม 'ต้นแบบ' ที่ดีอย่างท่านหยวน หลงผิง (คนรุ่นใหม่จีนไม่ดูถูกดูแคลนว่า เป็นแค่นักวิจัยแก่ๆ วัย 90 กว่าปีแล้ว จะอยู่ต่อไปทำไมให้เป็นภาระลูกหลาน)

สำหรับศาสตราจารย์หยวน หลงผิง ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาข้าวข้ามสายพันธุ์แห่งชาติ นักวิจัยฯ ผู้อุทิศตนทั้งชีวิต ใหักับงานคิดค้นพัฒนาข้าวสายพันธุ์ใหม่ จีนมีข้าวทดลองปลูกมากกว่า 200 ชนิด เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักในปัจจุบันของชาวจีนกว่าร้อยละ 65 และถูกยกย่องให้เป็น 'บิดาแห่งข้าวพันธุ์ผสม'

ข่าวการเสียชีวิตลงในวัย 91 ปี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.07 น. (เวลาท้องถิ่น) ที่เมืองฉางซา มณฑลหูหนัน ประเทศจีนนี้ เป็นข่าวใหญ่ในประเทศจีน มีประชาชนส่งต่อข้อความอาลัยจำนวนมาก ฝูงชนเมืองฉางซาได้มารวมตัวกันท่ามกลางสายฝน นอกศูนย์วิจัยและพัฒนาข้าวลูกผสมแห่งชาติฉางชาของจีน ซึ่งเป็นที่ทำงานหลักของศาสตราจารย์หยวน หลงผิง

หยวน หลงผิง เติบโตมาในยุควิปโยคชาวจีนนับล้านเสียชีวิต เพราะความอดอยาก จนต้องแกะเปลือกไม้มาป่นกินแทนข้าว

ความใฝ่ฝันของการอุทิศตนทำงานในหน้าที่ฯ ของเขา คือ การมองท้องทุ่งนา ได้ ‘นั่งอยู่ใต้ร่มเงาเมล็ดข้าว’ ซึ่งแสดงว่าต้นข้าวสามารถเติบโตจนสูง รวงข้าวแน่นดกหนายาวเหมือนไม้กวาด และชาวจีนไม่ต้องอดอยากเช่นอดีตอีกต่อไป

ตลอด 60 กว่าปี 'หยวนหลงผิง' (袁隆平) ทำงานการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวด้วยความมุมานะไม่ย่อท้อ นับว่าบรรลุความใฝ่ฝันของเขา และได้จากไปในวันที่แผ่นดินซี่งเขาอยู่และอาศัยนี้ ดีกว่าวันที่เขาเกิดมา

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10223358472603514&id=1037140385

https://mgronline.com/china/detail/9640000049884


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘สมศักดิ์’ ชี้ ‘วัคซีนโควิด’ เป็นทางออกสกัดแพร่เรือนจำ แนะอย่าตกใจตัวเลข เพราะเป็นพื้นที่ปิด ระบุสร้างคุกเพิ่มเป็นไปไม่ได้ โอดตอนนี้ผู้ต้องขังล้นเรือนจำ

วันที่ 31 พ.ค.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงมาตรการดูแลผู้ติดเชื้อโควิดในเรือนจำว่า ถ้าเข้าใจว่าการเว้นระยะห่าง จะไม่สงสัยว่าทำไมถึงติดเชื้อในเรือนจำ เพราะนับตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมตัวเลขผู้ต้องขังมีจำนวน 3.9 แสนคน ซึ่งล้นเรือนจำ แต่ได้บริหารจัดการจนลดลงบ้าง ซึ่งตามมาตรฐานสากล ผู้ต้องขังควรมีพื้นที่นอน 2.25 ตารางเมตรต่อคน แต่วันนี้ยังไม่ถึง 1.2 ตารางเมตรต่อคน และยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานเว้นระยะห่าง 1.5-2 เมตรต่อคน แล้วจะไม่ให้ติดได้อย่างไร ถ้าจะแก้โดยการสร้างเรือนจำเพิ่มให้ได้มาตรฐานสากล ต้องสร้างอีกเป็นร้อยเรือนจำ โดยเรือนจำหนึ่งใช้เงินประมาณ 1.5 พันล้านบาท จะใช้เงินทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วิธีการที่เร็วที่สุดในขณะนี้ คือแจ้งไปถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นำวัคซีนไปฉีดในเรือนจำที่มีผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ เพื่อสกัดไว้ก่อน ส่วนรายละเอียดเรื่องนี้ นายกฯ และรมว.สาธารณสุขจะแถลงเอง เราแค่ยื่นความจำนงเข้าไป เพราะการที่เชื้อโรคจะแพร่เข้าไปมีหลายทาง ตัวอย่างหนึ่งคือที่เชื้อในอากาศ หรือแอร์บอร์น และถึงแม้จะมีตัวเลขในเรือนจำเยอะ แต่ติดในพื้นที่จำกัด และหายไปตามระยะเวลา ซึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนราธิวาส เป็นต้น ฉะนั้นอย่างไปตกใจกับตัวเลข ส่วนผู้ติดเชื้อใหม่ได้สั่งการให้เปิดพื้นที่เรือนจำเบา ให้รับผู้ต้องขังใหม่ไม่ให้ปะปนกับผู้ต้องขังเดิม เป็นการทำเพื่อรอวัคซีน ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่และวัคซีนมีมาแน่ และเรารอได้ เพราะการซื้อของหรือจ้างเหมาก็ต้องมีสัญญา

เมื่อถามว่าเนื่องในวันพิเศษจะมีพระราชทานอภัยโทษ จะมั่นใจได้อย่างไรผู้ต้องขังจะไม่ติดเชื้อโควิด นายสมศักดิ์ กล่าวว่าการขอพระราชทานอภัยโทษในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครั้งนี้ ยังมีเวลาอีก 58 วัน ซึ่งวัคซีนที่ขอไปจะฉีดให้คนไม่ติดเชื้อ สำหรับผู้ป่วยติดเตียงให้ออกมาด้วย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

Click on Clear เที่ยงตรง ประจำวันที่ 31 พฤษภาคม 2564

Click on Clear เที่ยงตรง ประจำวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 กับประเด็นลุ้นปลดล็อคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำเข้าวัคซีนต้านโควิด-19

สัมภาษณ์สด คุณส้ม ภรณี วัฒนโชติ รองโฆษก พรรคกล้า

.

.

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยผลการศึกษาผลิตภาพ การผลิตรวม ในช่วง 3 ปีย้อนหลัง พบมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.45 ต่อปี สะท้อนภาพความแข็งแกร่งภาคอุตสาหกรรมยังไปได้ดี

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยผลการศึกษาผลิตภาพ การผลิตรวม ในช่วง 3 ปีย้อนหลัง พบมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.45 ต่อปี สะท้อนภาพความแข็งแกร่งภาคอุตสาหกรรมยังไปได้ดี

แนะต้องเพิ่มประสิทธิภาพ หรือคุณภาพอย่างต่อเนื่องผ่าน 5 กลไกสำคัญ ได้แก่ ทักษะแรงงาน เครื่องจักรอัตโนมัติ/กึ่งอัตโนมัติ การบริหารจัดการทั้งด้านต้นทุนและการเงิน การยกระดับการผลิตไปสู่รูปแบบการผลิตแบบ ODM และ OBM รวมถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีและวิจัยพัฒนา เพื่อขับเคลื่อนและรักษาความสามารถในการผลิตให้สามารถแข่งขันได้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำหนดให้การเพิ่มผลิตภาพของประเทศเป็นเป้าหมายสำคัญ ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580 ทั้งนี้ สศอ. ได้ทำการศึกษาผลิตภาพการผลิตรวม (Total Factor Productivity : TFP) ของภาคอุตสาหกรรมการผลิตเป็นประจำทุกปี จากแบบแจ้งข้อมูลการประกอบกิจการ ร.ง.9 เพื่อวิเคราะห์ความสามารถ ในการผลิตและการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างอุตสาหกรรม โดยผลการศึกษาพบว่า ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา (ปี 2560-2563) ประสิทธิภาพการผลิตรวม (Total Factor Productivity : TFP) เฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.45 ต่อปี ซึ่งสูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของภาคอุตสาหกรรมที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.93 ต่อปี สะท้อนให้เห็นว่า ผลิตภาพการผลิตที่มีการเติบโตที่สูงกว่านั้นมีความแข็งแกร่งและเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของการเติบโตในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะปัจจัยเชิงคุณภาพที่เสมือนเป็นภูมิคุ้มกันที่สำคัญของภาคการผลิตให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะต้องเผชิญกับสภาวะความผันผวนรุนแรงทางเศรษฐกิจและสังคม การแข่งขัน ที่สูงมากขึ้นทั้งในเรื่องการส่งออก และการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านเทคโนโลยี รวมทั้งข้อจำกัดด้านแรงงาน

นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้สามารถก้าวผ่านสถานการณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้ เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลก โรคระบาด หรือสงครามระหว่างประเทศในรูปแบบต่างๆ ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งในด้านประสิทธิภาพและคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนรักษาความสามารถในการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ โดยมี 5 กลไกสำคัญ คือ

1.) การพัฒนาทักษะแรงงาน

2.) การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ/กึ่งอัตโนมัติ

3.) การบริหารจัดการด้านต้นทุนและการเงิน

4.) การยกระดับการผลิตไปสู่รูปแบบการผลิตแบบรับจ้างออกแบบพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ (ODM) และการออกแบบพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ภายใต้ แบรนด์ของผู้ประกอบการ (OBM) ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้สูงขึ้น และ

5.) การลงทุนด้านเทคโนโลยีและวิจัยพัฒนาในการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต การจัดการ และการสร้างนวัตกรรมในสินค้า มีการจดลิขสิทธิ์ หรือสิทธิบัตรต่างๆ ที่จะนำไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ได้นั้นถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงมากให้กับสินค้าและเศรษฐกิจของประเทศ

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา สศอ. ให้ความสำคัญและติดตามผลิตภาพการผลิต (Productivity) อย่างต่อเนื่อง โดยการเผยแพร่สร้างการรับรู้ให้กับผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดการตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอผ่านการดำเนินงานในโครงการสำคัญต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงาน สนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและกระบวนการผลิต การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม ระบบการบริหารจัดการสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มผลิตภาพในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมไทย โดยปี 2563 ได้ดำเนินงาน อาทิเช่น โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อยกระดับสถานประกอบการแปรรูปอาหาร ด้าน IoT Solution System โครงการเพิ่มผลิตภาพแรงงานอุตสาหกรรมสาขาอุตสาหกรรมไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ โครงการส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมกระบวนการผลิตอัจฉริยะสาขาอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ โครงการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนเพื่อรองรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และโครงการพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมสู่ความเป็นโรงงานอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตตามแนวทางอุตสาหกรรม 4.0 เป็นต้น

นายทองชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาและยกระดับผลิตภาพต้องใช้เวลาและความต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างจริงจัง อย่างไรก็ดีประเทศไทยยังมีจุดแข็งในหลายเรื่อง เช่น ความพร้อมด้านการเกษตร และความพร้อมของห่วงโซ่อุปทานในหลายๆ อุตสาหกรรม ซึ่งต้องช่วยกันรักษาจุดแข็งเหล่านี้ท่ามกลางความท้าทายในระยะยาวที่กำลังเกิดขึ้น โดยการช่วยกันพัฒนา 5 กลไกสำคัญที่ได้กล่าวข้างต้น ซึ่งไม่เพียงจะช่วยเพิ่มผลิตภาพของธุรกิจ แต่ยังเป็นการเพิ่มโอกาส โดยยกระดับศักยภาพของเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ปลดบัญชีดำ ‘Xiaomi’ | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย​ อ.ต้อม -​ กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง 

คลิปนี้ชวนคิดไปกับอีกประเด็น​น่าตาม เมื่อสหรัฐฯ​ ปลดบัญชีดำ ‘Xiaomi’ สะท้อนอะไร? 

.

.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top