Friday, 9 May 2025
Hard News Team

ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดรายใหม่เพิ่มสูงวันละกว่า 20,000 คน แต่มีผู้เสียชีวิตเพียงไม่ถึง 10 คนต่อวัน ขณะที่ผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มมากเป็นประวัติการณ์ รัฐบาลประเมินอาจต้องให้ออกซิเจนที่บ้าน

กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น เผยว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการหนักมีจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,563 คนในวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม ผู้ป่วยเหล่านี้ต้องพึ่งเครื่องช่วยหายใจ หรือต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู เพิ่มขึ้นถึง 42 คนในวันเดียว

หากดูเพียงจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในญี่ปุ่นที่ทำสถิติมากกว่าวันละ 20,000 คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาจดูเหมือนสถานการณ์จะย่ำแย่ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตมีเพียงวันละไม่เกิน 10 คน ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการฉีดวัคซีนที่ขณะนี้ผู้สูงอายุ 83.4% ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว

แพทย์ประจำโรงพยาบาลจังหวัดชิบะ ใกล้กรุงโตเกียว ระบุว่า ขณะนี้ผู้ป่วยหนักที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นกลุ่มอายุ 40-50 ปี แตกต่างจากช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้ว ที่ผู้ป่วยหนักส่วนใหญ่มีช่วงอายุ 70 ปี เนื่องกลุ่มคนหนุ่มสาวได้รับวัคซีนเพียงแค่ 36.5% เท่านั้น ประกอบกับไวรัสสายพันธุ์เดลตาติดต่อง่าย และมีอาการทรุดหนักลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องออกนอกบ้านมีความเสี่ยงมากที่สุด

โรงพยาบาลหลายแห่งยอมรับว่า เตียงเกือบเต็มทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงโตเกียวต้องส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดข้างเคียง เช่น จังหวัดชิบะ คานางาวะ และไซตามะ ขณะนี้ผู้ป่วยมากกว่าครึ่งหนึ่งในโรงพยาบาลจังหวัดเหล่านี้มาจากกรุงโตเกียวและเมืองใกล้เคียง

ระบบสาธารณสุขของญี่ปุ่นมีศักยภาพสูงในการช่วยชีวิตผู้ป่วยไม่ให้เสียชีวิต แต่สถานการณ์ในขณะนี้ คือ มีผู้ป่วยมากกว่า 45,000 คน ต้องรักษาตัวอยู่แต่บ้าน แต่เมื่อผู้ป่วยมีทรุดลงและติดต่อขอเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลกลับแทบไม่มีเตียงว่าง บางคนถูกปฏิเสธจากโรงพยาบาลมากกว่า 100 แห่ง หลายคนรอหลายชั่วโมงก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจนต้องล้มเลิกถอดใจไปเอง

คณะแพทย์ที่ปรึกษาของรัฐบาลญี่ปุ่นเตือนว่า หากเตียงในโรงพยาบาลยังไม่เพียงพอ อาจมีความจำเป็นต้องให้รถพยาบาลนำเครื่องช่วยหายใจและออกซิเจนไปให้ผู้ป่วยที่บ้าน พร้อมเตือนว่า หากผู้ป่วยมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็วก็อาจเสียชีวิตที่บ้านได้


ที่มา : https://mgronline.com/japan/detail/9640000080306


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘เพื่อไทย’ จัดหนัก ‘ประยุทธ์’ ซักฟอกด้านเศรษฐกิจ ชี้ภาพจำ 6 ปัญหาที่กระทบประชาชน ภาวะกบต้ม บริหารด้วยการโดนด่า บริหารแบบรอวันเจ๊ง จัดลำดับความสำคัญไม่ได้ ปิดปากคนเห็นต่าง และ #ผนงรจตกม แนะ ทำตรงข้ามกับที่ทำอยู่

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และอีก 5 รัฐมนตรีที่บริหารงานผิดพลาดสร้างปัญหาทำให้คนเจ็บคนตายเป็นจำนวนมาก และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทางด้านเศรษฐกิจอย่างหนักต่อประธานสภาฯ ในวันนี้คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตรียม ส.ส. ที่มีความรู้ความชำนาญด้านเศรษฐกิจ พร้อมอภิปรายจัดหนักพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าในปัจจุบันประชาชนทุกคนเห็นได้ชัดเจนถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ โดยจะมีภาพจำใน 6 ปัญหา ดังนี้

1.) ภาวะกบต้ม ตามทฤษฎีกบต้มที่เป็นทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่มีอยู่จริงที่มีมากว่า 100 ปีแล้ว แต่พลเอกประยุทธ์ ไม่มีความรู้เลยส่งคนมาฟ้องผม แต่ผมโชคดีมีนายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย คุณนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ มาช่วยเหลือในคดี ทำให้สำนักอัยการสั่งไม่ฟ้อง เพราะเป็นหลักคิดทางเศรษฐกิจสากล โดยกล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจที่จะค่อย ๆ ทรุดลงเรื่อย ๆ เหมือนค่อย ๆ เร่งไฟหม้อต้มกบ กบจะค่อย ๆ ปรับตัวจนถูกต้มเดือดตาย ซึ่งภาวะกบต้มของไทยนี้เห็นได้ชัดเจนขึ้นทุกวัน ที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำเตี้ยมาตลอด พอมาเจอวิกฤตโควิดจึงเหมือนเป็นการเร่งไฟหม้อกบต้ม คนเจ็บคนตายเป็นจำนวนมาก ธุรกิจเจ๊งกันมาก แถมยังไม่มีทิศทางจะฟื้นเศรษฐกิจได้เลย ไทยอยู่อันดับบ๊วยในการจัดอันดับประเทศที่จะฟื้นตัวช้าที่สุดในสื่อหลักญี่ปุ่น และบทความในสื่อนี้ ยังระบุชัดเจนว่าการที่ไทยไม่ฟื้นหรือฟื้นช้าหมายถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงถึงภาวะกบต้มอย่างชัดเจน

2.) บริหารโดยการโดนด่า เรื่องนี้หากจำกันได้ผมเป็นคนแรกในการชี้ประเด็นนี้ โดยพลเอกประยุทธ์ ไม่เคยคิดหรือวางแผนล่วงหน้า ถูกด่าถึงจะคิดแก้ไข ตั้งแต่การล็อกดาวน์ในครั้งแรกและไม่คิดจะเยียวยาจนต้องโดนด่าถึงคิดเยียวยา พอเยียวยาก็เยียวยาไม่ทั่วถึง จนต้องโดนด่าถึงจะทำ จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันที่การบริหารจัดการวัคซีนยังมั่วมาก ยังต้องด่าถึงจะแก้ไข แต่ก็ยังเป็นปัญหาอยู่เลย นอกจากนี้ประชาชนยังเชื่อว่าการบริหารจัดการวัคซีนที่มั่วมากและผิดพลาดขนาดนี้น่ามาจากเพราะมีผลประโยชน์และมีการทุจริตคอร์รัปชันเกี่ยวข้องด้วย

3.) บริหารแบบรอวันเจ๊ง การที่พลเอกประยุทธ์ ขาดความรู้ความสามารถ ปล่อยประเทศและประชาชนตามยถากรรม ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องล็อกดาวน์นานเท่าไหร่ถึงจะปลดล็อกดาวน์ได้ ประกาศจะเปิดประเทศใน 120 วัน โดยจะครบวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้แน่ แค่จะปลดล็อกดาวน์ในวันที่ 14 ตุลาคมก็ยังทำไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าวัคซีนที่มีคุณภาพจะมาเมื่อไหร่ ถ้าไม่มีวัคซีนจะปลดล็อกได้อย่างไร คนติดไวรัสและคนตายจะลดลงไหม เศรษฐกิจจะพินาศขนาดไหน

โดยคาดกันว่าการล็อกดาวน์จะทำความเสียหายถึงเดือนละ 3-4 แสนล้านบาทเป็นอย่างต่ำ เศรษฐกิจไทยน่าจะติดลบอีกในปีนี้หลังจากปีที่แล้วติดลบหนักแล้วถึง -6.1 % แล้วพลเอกประยุทธ์ จะฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างไร ที่ผ่านมายังไม่เคยพิสูจน์เลยว่าทำได้ เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจกี่ครั้งก็ยังล้มเหลว พลเอกประยุทธ์ เป็นหัวหน้าทีมเองยิ่งล้มเหลวหนักมากขึ้น ทุกวันนี้บริหารเหมือนรอวันเจ๊ง คิดได้แค่กู้เงินมาแจกไปเรื่อย ๆ เพื่อเอาบุญเอาคุณกับประชาชน โดยประเทศไม่ได้พัฒนา หนี้สาธารณะพุ่งกระฉูด เป็นการยืมเงินของลูกหลานในอนาคตมาแจก อีกหน่อยลูกหลานก็ต้องตามใช้หนี้กันอาน

4.) ไม่สามารถลำดับความสำคัญได้ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้นำพิการทางความคิด เรื่องที่สำคัญควรเร่งทำก่อน กลับไม่ยอมทำ เรื่องการบริหารจัดการวัคซีนน่าจะเห็นชัดสุด กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท แต่กลับไม่ยอมนำเงินไปซื้อวัคซีนที่มีคุณภาพ ทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่คนเจ็บคนตายพุ่งขึ้นจำนวนมาก กู้เงินอีก 5 แสนล้านบาท ก็ยังไม่เห็นวัคซีนที่มีคุณภาพเข้ามาเลย วัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐอเมริกามา บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ากลับไม่ได้รับการฉีดให้ครบ ทหารกลับได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ก่อน ขนาด รมว. สาธารณสุขยังงงและยอมรับเอง และในขณะที่คนเจ็บคนตายจำนวนมาก เศรษฐกิจเจ๊งหนัก พลเอกประยุทธ์ ในฐานะ รมว. กลาโหม กลับปล่อยให้กองทัพเรือเสนอเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำเข้ามาขออนุมัติ แม้สุดท้ายจะถอนออกไปแต่ความจริงคือแค่คิดเสนอเข้ามาแต่แรกก็ผิดแล้ว แสดงถึงการจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่าง ๆ ไม่ได้เลย ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่พูดได้อีกมาก

5.) ปิดปากคนเห็นต่าง เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาอย่างมากตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน หากจำกันได้สมัยที่เป็นเผด็จการได้เรียกผู้เห็นต่างจำนวนมากไปปรับทัศนคติ ซึ่งรวมถึงผมด้วยที่โดนเรียกไปถึง 12 ครั้ง จากการเตือนเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งต่อมาเศรษฐกิจก็ทรุดหนักและแย่จริง และหลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว ก็ยังคงปิดปากผู้เห็นต่างตลอด มีการฟ้องดำเนินคดี เพื่อปิดปาก ดารา นักร้อง นักแสดง ที่ทนการบริหารที่ล้มเหลวไม่ได้ ต้องออกมา call out แม้กระทั่งพยายามจะปิดปากสื่อมวลชน แต่โชคดีที่ศาลตัดสินว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย แม้กระทั่งการชุมนุมเพื่อประท้วงความล้มเหลวที่พลเอกประยุทธ์ ล้มเหลวจริงยังถูกเจ้าหน้าที่ยิงด้วยกระสุนยางและแก๊สน้ำตา ถึงขนาดมีการลอบยิงจากที่สูง ซึ่งไม่ใช่ตามหลักการสากลตามที่อ้างไว้แน่นอน และล่าสุดผู้ประท้วงที่ยอมรับว่ากลับใจจากการเป็นสลิ่ม นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวน หรือ ไฮโซลูกนัท ยังถูกยิงถึงกับทำให้ตาบอดเลย ซึ่งไม่มีใครสมควรจะโดนการกระทำอย่างรุนแรงเช่นนี้

6.) #ผนงรจตกม หรือ ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด ซึ่งต้องขอชื่นชมนักศึกษาที่ขึ้นป้ายนี้ในฟุตบอลประเพณีต้นปี 2563 เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของเด็กรุ่นใหม่ได้อย่างแม่นยำที่สุด ปัจจุบันความไม่ฉลาดของผู้นำทำให้คนเจ็บและคนตายเป็นจำนวนมาก ไม่ตายด้วยไวรัสโควิดก็ตายด้วยพิษเศรษฐกิจ #ผนงรจตกม จึงเป็นความจริงขึ้นทุกวัน และเป็นจริงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่การเจ็บการตายจะลดลงหรือหยุดได้เลย ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์

ทั้ง 6 ข้อนี้เป็นภาพจำปัญหาของผู้นำที่ประชาชนจำได้แม่น และยังคงเป็นอยู่ โดยที่พลเอกประยุทธ์ ยังไม่แก้ไขหรือแก้ไขไม่ได้ เพราะเป็นข้อจำกัดทางความรู้ความสามารถและปัญหาทางความคิดไปแล้ว ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คาดหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารใหม่จะต้องทำตรงข้ามกับทั้ง 6 ข้อนี้ทั้งหมดคือ ต้องแก้ไขภาวะกบต้มนี้ให้ได้ เพื่อให้ประชาชนรอดพ้นจากวิกฤตไวรัสโควิดและวิกฤตเศรษฐกิจ ต้องคิดล่วงหน้าไม่ต้องให้โดนด่าก่อนถึงค่อยคิดทำ ต้องไม่บริหารแบบรอวันเจ๊ง เร่งแก้ไขไม่ปล่อยประเทศและประชาชนตามยถากรรมโดยต้องมีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน ต้องจัดลำดับความสำคัญของเรื่องจำเป็นว่าจะต้องทำก่อนหลังได้ เพื่อจะแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศ และ สุดท้ายต้องมีผู้นำที่ฉลาดมานำประเทศ เพราะจะสอนคนที่ไม่ฉลาดให้ฉลาดคงเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องเลือกเอาคนฉลาดมาบริหารประเทศ ประเทศไทยถึงจะรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เล็งขยายเวลาตึงราคาแอลพีจีช่วยชาวบ้านถึงสิ้นปี

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังหารือเบื้องต้นถึงแนวทางขยายกรอบการตรึงราคาแอลพีจี เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพไปจนถึงสิ้นปี 2564 หลังจากคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้ขยายเวลาตรึงราคา LPG ไว้เท่าเดิมที่ 318 บาทต่อขนาดถังละ 15 กิโลกรัม ไปจนถึงสิ้นเดือน.ก.ย.นี้ โดยอาจต้องขยายกรอบวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนราคาเป็น 2.2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอุดหนุนอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้กระทรวงพลังงานได้หารือกับปตท.ถึงกรณีของราคาก๊าซ เอ็นจีวี ซึ่งล่าสุด บมจ.ปตท. ได้ประกาศขยับราคาขึ้น0.93บาท/กก.ราคาขายปลีกเขตกทม.อยู่ที่ 15.48บาท/กก. แม้ว่ากรณีนี้จะเป็นราคาผันแปรตามราคาต้นทุนก๊าซที่ขยับขึ้นตามราคาน้ำมันตลาดโลกที่ขยับขึ้น แต่ก็ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้เอ็นจีวี ซึ่งจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะหาทางช่วยเหลือผู้ใช้ต่อไป  

รมว.แรงงาน เร่งจัดส่งแรงงานไทยทำงานต่างประเทศตามเป้าปี 64 เผยสร้างรายได้เข้าประเทศแล้ว 1.5 แสนล้านบาท

รมว.แรงงาน เผยเป้าหมายจัดส่งแรงงานทำงานต่างประเทศ จำนวน 100,000 คน จัดส่งแล้ว 38,019 คน เตรียมส่งตามแผน 61,981 คน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 153,006 ล้านบาท

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานมีเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 100,000 คน โดยจัดส่งแล้ว 38,019 คน แบ่งเป็นไต้หวัน 10,641 คน อิสราเอล 5,593 คน สวีเดน 5,287 คน ฟินแลนด์ 3,363 คน ญี่ปุ่น 1,948 คน ประเทศอื่นๆ 11,187 คน และอยู่ระหว่างจัดส่งตามแผนอีก 61,981 คน ซึ่งจากข้อมูล ณ เดือน ก.ค. 64 มีแรงงานไทยที่ยังทำงานอยู่ในต่างประเทศรวม 110 ประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 118,572 คน ส่งรายได้กลับประเทศผ่านระบบธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว 153,006 ล้านบาท 
 
“รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศอย่างมาก โดยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 จะมุ่งเน้นการรักษาตลาดแรงงานเดิมซึ่งก็คือการส่งเสริมการจ้างงานอย่างต่อเนื่องกับงานภาคการเกษตรในรัฐอิสราเอล ภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย-อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (TIC) งานภาคอุตสาหกรรมในประเทศญี่ปุ่น ผ่านองค์กร IM JAPAN  และงานภาคก่อสร้าง อุตสาหกรรม และการเกษตรในสาธารณรัฐเกาหลี ผ่านระบบ EPS ควบคู่การขยายตลาดแรงงานใหม่ที่มีแนวโน้มความต้องการแรงงานไทย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว 
 
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางาน มีกำหนดการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ก่อนสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ จำนวน 410 คน  แบ่งเป็น สาธารณรัฐเกาหลี 60 คน เดินทางระหว่างวันที่ 17 – 19 สิงหาคม และรัฐอิสราเอล 350 คน ทะยอยเดินทางวันที่ 25 สิงหาคม จำนวน 150 คน และวันที่ 30 สิงหาคม จำนวน 200 คน โดยแรงงานไทยสามารถเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย 5 วิธี คือ 1.กรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง 2.บริษัทจัดหางานจัดส่ง 3.นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างของตนไปทำงานต่างประเทศ 4.นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างของตนไปฝึกงานในต่างประเทศ 5.คนหางานแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีเดินทางถูกกฎหมายดังกล่าวจะทำให้แรงงานไทยได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ได้ค่าจ้างที่เหมาะสม และยังได้รับการดูแลที่ดีตามสิทธิที่พึงมีด้วย 
  
ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 -10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 หรือเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ www.doe.go.th/overseas

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ แนะรัฐกู้เพิ่ม 1 ล้านล. - ขึ้นแวต

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้รายได้ครัวเรือนหายไป โดยประเมินภาพรวม 3 ปี ตั้งแต่ปี 2563 - 65 รายได้ครัวเรือนจะหายไปถึง 2.6 ล้านล้านบาท ทำให้เงินภาครัฐที่มีอยู่ในปัจจุบันคงไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องเพิ่มแรงกระตุ้นทางการคลัง เพื่อช่วยให้รายได้ และฐานะทางการเงินของประชาชนและเอสเอ็มอีกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด 

ทั้งนี้มองว่า รัฐต้องเติมเข้าไปในระบบอย่างน้อย 1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 7% ต่อจีดีพี ซึ่งเป็นการกู้เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ 1.5 ล้านล้านบาท โดยในกรณีที่รัฐบาลกู้เงินเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท จะทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 70% ต่อจีดีพี ในปี 2567 แต่จะลดลงได้ค่อนข้างเร็วตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและความสามารถในการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่จะกลับมาฟื้นตัวเร็ว 

ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับกรณีที่รัฐบาลกู้เงินเพิ่ม พบว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือในปี 74 จะต่ำกว่ากรณีที่รัฐบาลไม่ได้กู้เงินเพิ่มเติมถึงกว่า 5% ดังนั้น รัฐบาลต้องปฏิรูปการจัดเก็บภาษีผ่านการขยายฐานภาษี และนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บ รวมทั้งปรับอัตราภาษีบางประเภท ซึ่งในท้ายที่สุดก็ต้องปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต)

ส่วนการใช้จ่าย มาตรการเงินโอนควรต้องตรงจุด และควรกำหนดเงื่อนไขของการได้รับเงินโอน พร้อมทั้งควบคุมรายจ่ายประจำและเพิ่มสัดส่วนของรายจ่ายลงทุน หากภาครัฐทำให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวตามศักยภาพได้เร็ว จะช่วยเร่งการเข้าสู่ความยั่งยืนทางการคลังได้อีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากฐานภาษีและความสามารถในการจัดเก็บภาษีจะเพิ่มขึ้น เช่น กรณีเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว หากรัฐบาลเพิ่มอัตราแวต 1% จะทำให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น 60,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะลดลงเพิ่มเติมได้อีก 0.33% ต่อจีดีพี

ทบ.เปิดสอบนายสิบ 3,080 อัตราเพิ่มโควตาบุตรกำลังพลและนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล สมัครออนไลน์ พ.ย.64 นี้ 

พ.ท.หญิง พัชรินทร์ บุศยกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกได้พัฒนาระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นราชการทหาร โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการ เน้นการบูรณาการของหน่วยงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัครมากยิ่งขึ้น รวมถึงกำหนดคุณสมบัติให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่และภารกิจของกองทัพบก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังพลในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังพลต้นน้ำ คือทหารกองประจำการที่มีความมุ่งมั่น มีใจรัก และจิตอาสา ส่งเสริมต่อยอดสู่เส้นทางของทหารอาชีพอย่างเป็นระบบ 

โดยปีงบประมาณ 2565 จะคัดเลือกบุคคลเป็นนายทหารชั้นประทวน​ คัดเลือกจากหน่วยต้นสังกัดและจากส่วนกลาง  โดยแบ่งเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก จำนวน 2500 นาย แยกเป็นโควตาทหารกองประจำการ จำนวน 2,000 นาย โควตาบุคคลพลเรือน จำนวน 500 นาย, คัดเลือกจากทหารกองหนุนในส่วนกำลังรบและสนับสนุนการรบ 5 เหล่า (  เหล่าทหารราบ, ทหารม้า, ทหารปืนใหญ่, ทหารช่าง และทหารสื่อสาร) จำนวน 200 นาย, คัดเลือกเป็นทหารอาสา 300 นาย และคัดเลือกจากทหารกองหนุนสายงานสัสดี จำนวน 80 นาย รวมทั้งสิ้น 3,080 นาย 

ซึ่งอยู่ระหว่างกำหนดแนวทางและรับสมัครแบบออนไลน์พร้อมกันทั่วประเทศ​ และเตรียมความพร้อมของสนามสอบต่างๆตามภูมิภาค เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก มีนโยบายเพิ่มโอกาสให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ​ มีอุดมการณ์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ได้มีโอกาสก้าวสู่เส้นทางทหารอาชีพ อาทิ นักเรียนสังกัดโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์, นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร และนักเรียนในสถานสงเคราะห์ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตลอดจนเพิ่มโควตาให้กับบุตรของกำลังพล และบุตรที่มีความสามารถพิเศษมีโอกาสเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก


ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ของกรมยุทธศึกษาทหารบก ซึ่งจะเปิดรับสมัครผ่านระบบออนไลน์ ในเดือน​ พฤศจิกายน 2564

'ตอลิบาน' ยัน! การเปลี่ยนแปลงในอัฟกานิสถาน 'ประชาชน - ธุรกิจ - ต่างชาติ' ใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล

ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์/ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (ตะวันออกกลางศึกษา) สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Sarawut Aree ว่า...

#แถลงการณ์ของตอลิบานเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดและการเปลี่ยนแปลงในประเทศอัฟกานิสสถาน

เราขอประกาศประเด็นต่อไปนี้ :

1.) แท้จริงแล้ว ภูมิภาคและรัฐต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเอมิเรตส์อิสลามนั้น เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของความนิยมและการยอมรับของเอมิเรตส์อิสลามในหมู่ประชาชน เพราะการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่และรวดเร็วเช่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยกำลัง แต่แท้จริงแล้วเป็นชัยชนะและความโปรดปรานจากพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ จากนั้น จึงได้รับการสนับสนุนและการปกป้องจากผู้คน และเราทุกคนต้องขอบคุณพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งทางวาจาและการกระทำ

2.) สาธารณรัฐอิสลามเอมิเรตส์ให้ความมั่นใจแก่พลเมืองทุกคนว่าจะรักษาชีวิต เงินทอง และเกียรติยศของตน และจะสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยให้กับทุกคน ดังนั้นจึงไม่มีใครควรกังวลเรื่องนั้น

3.) มุญาฮิดีนแห่งอิสลามเอมิเรตส์ควระมัดระวังอย่างยิ่งกับเสาธารณูปโภค หน่วยงานของรัฐ เฟอร์นิเจอร์และทรัพย์สินของหน่วยงาน สวนสาธารณะ ถนน และสะพาน ล้วนเป็นของประชาชนควรรักษาอย่างเคร่งครัด

4.) บรรดาผู้ที่เคยร่วมงานกับผู้ยึดครองในอดีต หรือเคยช่วยเหลือ หรือยังอยู่ในกลุ่มบริหารที่ทุจริต เอมิเรตส์อิสลาม เปิดรับพวกเขาและประกาศนิรโทษกรรมทั่วไปแก่พวกเขา และเราขอเชิญทุกคนสักมารับใช้ประชาชนและประเทศชาติของตนอีกครั้ง

5.) ผู้ใดเข้าอยู่ภายใต้การปกครองของเอมิเรตส์อิสลาม ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน ทางเอมิเรตส์อิสลามตั้งใจที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาเพื่อรับใช้ประชาชนและประเทศของพวกเขา ความสามารถและคุณสมบัติของพวกเขาจะถูกนำไปใช้ในการบริการของชาติและ พลเมืองจึงไม่มีใครต้องกังวลเรื่องนั้น

6.) ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเอมิเรตส์อิสลามควรดำเนินชีวิตตามปกติโดยเฉพาะหน่วยงานราชการ (ด้านการศึกษา สุขภาพ สังคม และวัฒนธรรม) พวกท่านไม่ควรออกจากพื้นที่นี้คือประเทศของเขา พวกเขาควรดำเนินชีวิตตามปกติเพราะประชาชนและประเทศชาติต้องการบริหารและพัฒนาด้วยความสามารถของท่าน อัฟกานิสถานเป็นบ้านสำหรับทุกคน และเราจะช่วยกันและสร้างมันไปพร้อมกัน

7.) รัฐบาลคาบูลเริ่มโฆษณาชวนเชื่อโดยให้ข้อมูลเท็จแก่บางประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ ต่อมูจาฮิดีนแห่งรัฐอิสลามเอมิเรตส์ เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ต่อรัฐอิสลามเอมิเรตส์ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

8.) อิสลามเอมิเรตส์แห่งอัฟกานิสถานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ใด (ไม่ใช่รถยนต์ ที่ดิน บ้าน ตลาด และร้านค้า) แต่ถือว่าการปกป้องเงินและชีวิตของผู้คนเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งของเรา

9.) ใครก็ตามที่เพิ่งได้รับข้อมูลโฆษณาชวนเชื่อของศัตรูและย้ายออกจากพื้นที่ของเขาไปที่อื่นหรือออกจากประเทศพวกท่านควรจะกลับบ้านไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือพนักงานของรัฐก็ตาม ไม่มีอันตรายหรือภัยคุกคามจากเรา เราจะรับประกันในชีวิต ทรัพย์สิน และเกียรติยศของพวกเขา จะต้องปลอดภัย

10.) รัฐอิสลามแห่งเอมิเรตส์สั่งมูจาฮิดีนของตนจะไม่ให้เข้าไปในบ้านของใครโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะไม่ทำเลือดใครตก และไม่แตะต่อง ทรัพย์สิน หรือเกียรติของพวกท่าน ตรงกันข้าม พวกเราต้องปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และเกียรติยศของผู้คน

11.) ศัตรูอาจจ้างคนบางคนมาทำร้ายผู้คนและทำร้ายพวกเขาในนามของมูจาฮิด ในการนี้ ประชาชนต้องร่วมมือกับมูจาฮิดีนของเอมิเรตส์อิสลาม

12.) เราขอส่งข้อความของเราถึงพ่อค้า นักลงทุน และเจ้าของแรงงานฝีมือและอุตสาหกรรมให้พวกท่านทำงานต่อไปด้วยความมั่นใจและให้บริการประชาชนของตนต่อไป และรัฐอิสลามจะสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับพวกเขาในการดำเนินการ ธุรกิจและกิจกรรมของพวกเขา ในเรื่องนี้ อิสลามเอมิเรตส์จะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนอย่างเต็มความสามารถ

13.) เราขอรับรองกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดว่าจะไม่ทำให้พวกเขามีปัญหาใด ๆ จากฝ่ายเรา ดังนั้นพวกเขาจะต้องมั่นใจอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่เรารับรองนักการทูต ลูกจ้างของสถานทูต สถานกงสุล และสถาบันการกุศลทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือพลเมืองในท้องถิ่น ว่าพวกเขาจะไม่ประสบปัญหาใด ๆ จากเอมิเรตส์อิสลามและไม่เพียงเท่านั้น ทางรัฐอิสลามจะจัดหาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและให้ความมั่นใจแก่พวกเขา

หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์

อิสลามเอมิเรตแห่งอัฟกานิสถาน

4/1/1443

22/5/1400 AH - 13/8/2021 AD

: อาลีมาฮาอาระบี

abdulnaseed นำเสนอ


ที่มา : https://www.facebook.com/1053548533/posts/10224265379676171/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"นักรบหมวกฟ้า" ร่วมภารกิจรักษาสันติภาพในนามสหประชาชาติร่วมฟื้นฟูเซาท์ซูดานหลังสงครามกลางเมือง พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ท.หญิง นุชระวี แจ่มจำรัส ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงภารกิจของทหารไทยที่ร่วมรักษาสันติภาพภายใต้สัญลักษณ์หมวกสีฟ้าในนามสหประชาชาติที่เซาท์ซูดานว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย-เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 2 เริ่มภารกิจตั้งแต่ 21 ก.ย.2563 จัดกำลังพลจากกรมการทหารช่าง กองทัพภาคที่ 1, กรมแพทย์ทหารบก และหน่วยอื่นที่เกี่ยวข้อรวม 273 นาย เดินทางไปสานต่อภารกิจในนามสหประชาชาติ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ได้รับความเสียหายหลังจากเกิดสงครามกลางเมือง

นับเป็นปฏิบัติการรักษาสันติภาพที่ใหญ่ที่สุดของสหประชาชาติในปัจจุบัน โดยภารกิจล่าสุด ที่สหประชาชาติมอบหมายให้ทหารไทย คือการก่อสร้าง ซ่อมแซม ปรับปรุงเส้นทางคมนาคมสายหลัก และสายรอง ในพื้นที่รับผิดชอบเขตเมืองจูบา และเมืองรุมเบค รวมระยะทาง 582 กิโลเมตร
เพื่อให้องค์กรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ สามารถส่งมอบความช่วยเหลือได้ รวมถึงอำนวยความสะดวกประชาชน

ระหว่างปฏิบัติหน้าที่กำลังพลทุกนายต้องมีความพร้อมและไม่ประมาทต่อสถานการณ์ความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเคร่งครัด สวมใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ซึ่งกำลังพลทุกนายได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มแล้ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ให้มีความพร้อมสำหรับการปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ภารกิจของทหารไทยในการรักษาสันติภาพ ที่สาธารณรัฐเซาท์ซูดานยังคงเดินหน้าต่อไป ในบทบาทการส่งเสริมสันติภาพ และการช่วยฟื้นฟูสังคม

บมจ.การบินไทย หรือ THAI รายงานผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก 2564 มีกำไร 1.1 หมื่นล้านบาท หลังขายทรัพย์สิน และปรับโครงสร้างหนี้ ตามแผนฟื้นฟูกิจการ

16 ส.ค. 64 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลการดำเนินงาน งวดครึ่งปี 2546 (ม.ค.-มิ.ย.) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 64 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทมีรายได้ รวมทั้งสิ้น 10,220 ล้านบาท มีค่าใช้จ่าย รวมทั้งสิ้น 24,555 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรก ขาดทุนจากการดำเนินงาน รวมทั้งสิ้น 14,335 ล้านบาท

แต่เมื่อพิจารณาผลการดำเนินการสุทธิในช่วง 6 เดือนแรก กลับพบว่าบริษัทฯ และบริษัทย่อย สามารถพลิกกลับมีกำไรสุทธิ 11,121 ล้านบาท ในขณะที่ปี ก่อนขาดทุนสุทธิ 28,030 ล้านบาท หรือมีกำไรเพิ่มขึ้น 139%

โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย. 64 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 168,582 ล้านบาท ลดลงจาก วันที่ 31 ธ.ค. 63 จำนวน 40,715 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.58% มีหนี้สินรวมจำนวน 285,066 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 63 จำนวน 52,896 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.7%

ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่ ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว จำนวน 25,899 ล้านบาท จากการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ อาทิ...

>> กำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,004 ล้านบาท

>> กำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 95 ล้านบาท

กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 8,675 ล้านบาท

>> รายการปรับปรุงผลประโยชน์พนักงาน 8,323 ล้านบาท จากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทฯ และผลประโยชน์ของพนักงาน

>> ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบินและสินทรัพย์สิทธิการใช้และอุปกรณ์การบินหมุนเวียน จำนวน -18,459 ล้านบาท

>> ผลขาดทุนจากการด้อยค่า ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 จำนวน -163 ล้านบา

ทั้งนี้รายงานดังกล่าวเผยอีกว่า การดำเนินการในระหว่างฟื้นฟูกิจการ การบินไทยได้พยายามแก้ไข ปรับปรุง รวมถึงได้ริเริ่มโครงการต่าง ๆ รวมกว่า 600 โครงการ โดยได้เริ่มดำเนินโครงการตามแผนปฏิรูปธุรกิจทั้งองค์กร และปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสม พร้อมทั้งได้ดำเนินการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน ได้แก่ การลดต้นทุนด้านบุคลากร, การลดต้นทุนค่าเช่า, เครื่องบิน, ลดต้นทุนในการดำเนินงานในด้านอื่น ๆ และหารายได้ในช่วงที่สถานการณ์การบินยังไม่กลับมาเป็นปกติ


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/economics/news_6565336

https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/154160


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'หมอยง' โต้กลับ ไม่เคยพูด 3 เข็มซิโนแวคเอาเชื้อเดลตาอยู่หมัด วอนอย่า Fake News

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ 'หมอยง' หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ระบุว่า...

Fake News!!

โควิด-19 วัคซีน!!

ผมไม่เคยพูดเรื่อง 3 เข็มของเชื้อตาย (Sinovac) ไม่เคยทำการศึกษา

และผมจะไม่พูดสิ่งที่ไม่ได้ทำการศึกษาที่ศูนย์ฯ

มีแต่การศึกษาว่าการให้เชื้อตาย 2 เข็มแล้วตามด้วยไวรัสเวกเตอร์ (AstraZeneca) เป็นเข็มที่ 3 ได้ภูมิต้านทานที่สูงมาก ๆ ครับ

ซึ่งขณะนี้ก็มีข้อมูลจำนวนมาก และกระทรวงสาธารณสุข ก็สนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ดังกล่าว และมีการฉีดเข็ม 3 ที่เป็น AZ ไปแล้ว ในบุคลากรทางการแพทย์ร่วมแสนคน (ข้อมูลจาก อว.)

# กรุณาอย่าแชร์เรื่องที่ไม่เป็นความจริงครับ...


ที่มา : https://www.facebook.com/100000978797641/posts/6136117156430850/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top