“เทพไท” เชื่อ กมธ.ผ่านฉลุยให้เปิดคาสิโน เตือน ระวังขั้นทำประชามติ ไม่มั่นใจเสียงส่วนใหญ่เอาด้วยหรือไม่ 

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้ และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้า และการพนันออนไลน์ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง การพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ว่าได้เชิญ นายณัฐกร วิทิตานนท์ นักวิจัยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มานำเสนอข้อมูลต่อ กมธ.ฯ

โดยมีข้อสรุปและข้อสังเกต ถึงสภาพปัญหาการจัดตั้งสถานบันเทิงแบบครบวงจร ใน 3 ประเด็น คือ 1.ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในอาเซี่ยนมีคาสิโน จำนวนที่เยอะมาก รวมแล้วเกือบ 400 แห่ง ตั้งอยู่ใน8ประเทศ มีแค่3ประเทศเท่านั้น ที่ไม่มีคาสิโน คือ บรูไน อินโดนีเซีย และไทย จุดร่วมที่มีเหมือนกัน หนีไม่พ้นต้องการดูดเงินชาวต่างชาติ เสียยิ่งกว่าการป้องกันเงินไหลออกนอกประเทศ  มีเพียง 2 ประเทศเท่านั้น ที่ยอมให้คนสัญชาติตัวเอง เข้าเล่นได้โดยปราศจากเงื่อนไขควบคุม ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ติมอร์เลสเต

2.แนวโน้มที่เห็นชัดเจน คือ จำนวนคาสิโน ทั้ง 7 ประเทศในอาเซี่ยน ที่ยอมรับให้คาสิโนถูกกฎหมายลดลง ทั้งจากมาตรการทางกฎหมายที่ต้องการจัดระเบียบธุรกิจพวกนี้ เช่น เมียนมา นโยบายจำกัดจำนวนโดยรัฐ ซึ่งมีอยู่แล้ว เช่น สิงคโปร์ รวมถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ จากสถานการณ์โควิดโดยเฉพาะกัมพูชา

และ3.ต้นแบบการสร้างแหล่งบันเทิงครบวงจร ที่มีคาสิโนเป็นจุดขาย เพื่อดึงดูดนักพนันต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน อาจไม่ใช่สูตรสำเร็จในการแสวงหารายได้เข้าประเทศง่ายๆอีกแล้ว เนื่องด้วยปัจจัยจากจีน ประกอบกับในภูมิภาคมีภาวะการณ์แข่งขันกันเองของธุรกิจกลุ่มน้ีสูง

นายเทพไท กล่าวต่อว่า สำหรับความเห็นของตัวแทนสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีความเห็นว่า การอนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ไม่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ จึงไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด และหลักการจะพิจารณาเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร นอกจากจะคำนึงถึงรายได้เข้าประเทศแล้ว จะต้องคำนึงถึงผลกระทบในด้านสังคมด้วย ว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร 

ตอนนี้ยังมีความเห็นแตกต่างกัน 2 กลุ่ม คือมีทั้งฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายคัดค้าน หากนำเรื่องนี้ไปทำประชามติ ไม่มั่นใจว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ แต่ถ้าใช้มติของ กมธ.ฯชุดนี้ตัดสิน เชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องในระดับนโยบาย ที่รัฐบาลจะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป