Friday, 9 May 2025
Hard News Team

หลังสหรัฐฯ สั่งอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตและชาวอเมริกันทั้งหมดจากคาบูล ได้เกิดภาพเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่กรุงไซ่ง่อน เมื่อ 46 ปีก่อน

หลังตอลิบานบุกยึดกรุงคาบูล เมืองหลวง ได้อย่างรวดเร็ว พร้อม ๆ กับที่กองทัพสหรัฐอเมริกาส่งกำลังพลไปอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตและชาวอเมริกันทั้งหมดออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกันนั้น ก็ได้ทำให้เกิดการเปรียบเทียบภาพสะท้อนความพ่ายแพ้สงครามเวียดนามของสหรัฐฯ เมื่อ 46 ปีก่อนขึ้นมาทันที

โดยสื่อหลายแขนง ได้เปรียบเทียบภาพวันที่เจ้าหน้าที่ซีไอเอนำเฮลิคอปเตอร์สหรัฐฯ บินไปรับชาวอเมริกัน อพยพจากกรุงไซ่ง่อน หรือ นครโฮจิมินห์ ในปี 1975 กับภาพเฮลิคอปเตอร์ที่บินไปอพยพนักการทูตจากสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาบูล เมื่อ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา เร็วกว่ากำหนดที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน สั่งถอนทัพเสร็จสิ้นวันที่ 31 ส.ค.64

อย่างไรก็ตาม ทางสหรัฐฯ โดย Anthony Blinken รมว. กระทรวงต่างประเทศ ก็ออกมาตอบโต้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่เหมือนกัน เพราะครั้งนี้เป็นการทำอย่างรอบคอบมาก และเป็นไปในวิถีคำสั่งที่เตรียมการไว้ เพื่อรับรองความปลอดภัยของคนอเมริกันและชาวอัฟกันที่ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นภารกิจสำคัญที่สุดในตอนนี้

ขณะที่ด้าน อ.แพท แสงธรรม นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก 'Pat Sangtum' ระบุเกี่ยวกับการลี้หนีกรุงคาบูลของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ไว้ว่า... 

The Last Night of the World in Kabul.

Anthony Blinken รมว. กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า "This is not Saigon" ตอบโต้คำวิจารณ์เปรียบเทียบการเผ่นจากคาบูลว่าไม่ต่างจากตอนสหรัฐฯ เผ่นจากไซ่ง่อน

ความแตกต่างก็คงเป็นดั่งในเพลงจากมิวสิคัล Miss Saigon สำหรับชาวอัฟกันฯ แต่ละคืนวันที่ผ่านไป จะเหมือนเป็นคืนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่

Our lives will change, when tomorrow comes
Tonight our hearts drown the distant drums
And we have music all right tearing the night
The song - played on a solo saxophone
A crazy sound, a lonely sound
A cry that tells us love goes on and on
Played on a solo saxophone
it's telling me to hold you tight
And dance like it's the last night of the world

แน่นอนว่า การอพยพอย่างเร่งด่วนของสหรัฐฯ นั้น ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ต่อรัฐบาล โจ ไบเดน พอสมควร หลังปล่อยให้ชาวอัฟกันตกอยู่สภาวะหวาดหวั่นการยึดครองของตอลิบานที่เคยปกครองชาวอัฟกันอย่างกดขี่ รุนแรง โดยเฉพาะกับผู้หญิง จนปรากฎภาพข่าวประชาชนแห่หนีตายออกนอกประเทศ แม้แต่ยอมเกาะเครื่องบินแล้วดิ่งลงมาดับก็ยอม


ที่มา : https://www.facebook.com/100000845184675/posts/4344317585606371/

https://www.theguardian.com/us-news/2021/aug/15/antony-blinken-us-mission-afghanistan-saigon


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ไฟเซอร์' เดินหน้ายื่นหนังสือขออนุมัติฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้แก่ประชาชนสหรัฐฯ โดยวางแผนฉีดให้ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป

16 ส.ค. 64 เอเอฟพี รายงานว่า ไฟเซอร์/ไบออนเทค (Pfizer and BionTech) ได้ยื่นข้อมูลทางคลินิกเบื้องต้นต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งในความตั้งใจขออนุมัติฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็ม 3 แก่ประชาชนชาวอเมริกาทุกคน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ ไฟเขียวฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค และโมเดอร์นาเข็มกระตุ้นแก่กลุ่มบุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ล่าสุด ทางไฟเซอร์และไบออนเทค ได้ยื่นผลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 ที่ประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ

"ข้อมูลที่เราพบเห็นจนถึงวันนี้บ่งชี้ว่าวัคซีนเข็มที่ 3 ของเรากระตุ้นระดับแอนติบอดีมากกว่าที่พบเห็นหลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญ" อัลเบิร์ต บูร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของไฟเซอร์ระบุในถ้อยแถลง

ส่วน อูกูร์ ซาฮิน ผู้ร่วมก่อตั้งไบออนเทค เสริมว่า "วัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยลดอัตราการติดเชื้อและการล้มป่วยในคนที่เคยฉีดวัคซีนแล้ว และควบคุมการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้นระหว่างฤดูกาลหนาวที่กำลังมาถึง"

ทั้ง 2 บริษัทยังมีแผนยื่นข้อมูลเดียวกันนี้ต่อเจ้าหน้าที่ของยุโรปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นแม้ว่าองค์การอนามัยโลกจะวิงวอนให้พักฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเอาไว้ชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการกระจายวัคซีนระหว่างประเทศร่ำรวยและยากจน

ข้อเรียกร้องนี้ถือเป็นคำเตือนที่ชัดเจนและรุนแรงที่สุดจากองค์การอนามัยโลก ในขณะที่หลายประเทศเริ่มมีการสั่งซื้อและเตรียมฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 เพื่อต่อสู้การแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตา ในนั้นรวมถึง อิสราเอล ที่ได้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แก่ประชาชนไปแล้ว

คณะที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ เตรียมพบปะหารือกันในช่วงปลายเดือนสิงหาคม สำหรับพิจารณาเห็นชอบฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพิ่มเติม ได้แก่ประชากรวัยผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป คนสูงวัยที่พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักคนชรา และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข


ที่มา: https://www.facebook.com/3080161418691131/posts/6355774714463102/
https://www.straitstimes.com/world/united-states/coronavirus-pfizer-submits-data-for-3rd-dose-approval-in-us


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ก้าวไกล' ทวิตฉะ 'เพื่อไทย' ขัดขวางเชือด 'ลุงป้อม' เจอสวนกลับ ไม่เคยเปลี่ยนอุดมการณ์

น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความลงทวิตเตอร์ว่า พรรคก้าวไกลไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่อภิปรายพลเอกประวิตร ส.ส.รังสิมันต์ โรม พร้อมที่จะอภิปรายค่ะ เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เรายืนยันว่าเราแจ้งกับพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้วว่าพวกเรามีความประสงค์จะอภิปรายพลเอกประวิตร แต่ไม่มีพรรคร่วมสนับสนุน 

หลังจากประชุมเมื่อวันพุธ ส.ส.ประเสริฐ เลขาเพื่อไทย แจ้งคุณชัยธวัช เลขาก้าวไกล ให้ส่งรายชื่อเพิ่มเติมภายใน 15.00 น.วันอาทิตย์ คุณชัยธวัช ส่งชื่อพลเอกประวิตรในวันอาทิตย์ บ่ายสองกว่า ๆ แต่สุดท้ายทางเพื่อไทยให้ก้าวไกลไปทบทวนใหม่ ทั้ง ๆ ที่การเสนอชื่อเป็นสิทธิของพรรคนั้น ๆ

ทำให้นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ทวิตกลับผ่าน Yuttapong_Official มีข้อความว่า ผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ และจุดยืนของผม เพราะผมได้เสนอพรรคพท.ให้ อภิปรายไม่ไว้วางใจ บิ๊กป้อม ในฐานะ “บิดาแห่งเรือดํานํ้าไทย” รวมเอาหลักฐานฯ เด็ด ให้ผู้บริหารฯพรรคพท. ดูแล้วเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 , เรือดำนํ้าไม่ผิดเป็นไปได้ไง? #อภิปรายไม่ไว้วางใจ65 #บิ๊กป้อม #เพื่อไทย


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พันธมิตรไฮสปีดสามสนามบิน ผนึกกำลัง “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด” มอบอาหารปรุงสุก 2,000,000 กล่อง 40 จุด ทั่วกรุงเทพฯ

ศูนย์ต้านภัยโควิด-19 รฟท. และจิตอาสา 904 การรถไฟแห่งประเทศไทย จับมือ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) จิตอาสาโครงการต้องรอด โดยกลุ่ม อัพ ฟอร์ ไทย (Up for Thai) และบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออก ร่วมแรงร่วมใจนำอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทานแจกจ่ายให้แก่ประชาชนกว่า 42 ชุมชน ในเขตลาดพร้าว ภายใต้โครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด” ซึ่งเป็นโครงการที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ร่วมผนึกกำลังร่วมกับองค์กรต่าง ๆ กว่า 100 องค์กร มูลนิธิ กลุ่มจิตอาสาภาคประชาสังคม และองค์กรเอกชน แจกอาหารทั้งหมด 2,000,000 กล่อง กระจายไปสู่ชุมชนใน 40 จุดทั่วกรุงเทพฯ เพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีทั้งผู้ที่ขาดรายได้ ว่างงาน กลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่ต้องแยกกักตัวดูอาการ และผู้ที่รักษาตัวที่บ้านหรือ Home Isolation โดยระดมสรรพกำลังของกลุ่มธุรกิจในเครือประกอบด้วย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ดูแลธุรกิจโลตัส และบริษัท ซีพี โซเชียลอิมแพคท์ จำกัด 

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่าท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน หลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต่างมีเป้าหมายเดียวกันในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยศูนย์ต้านภัยโควิด-19 รฟท. และจิตอาสา 904 การรถไฟแห่งประเทศไทยเองมีพันธกิจในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่เช่นกัน การผนึกกำลังในฐานะพันธมิตรร่วมกับครัวปันอิ่ม ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการทำหน้าที่เป็นผู้นำอาหารปรุงสุก สะอาด พร้อมรับประทาน ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อน หรือต้องกักตัวในที่พักอาศัยในครั้งนี้ จะยิ่งทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอาหารได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น สร้างกำลังใจให้ทุกคนสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

“ขอขอบคุณเครือเจริญโภคภัณฑ์ และพันธมิตรทุกภาคส่วนที่จัดโครงการครัวปันอิ่มนี้ขึ้นมาเพื่อประชาชน ซึ่งล้วนได้รับผลกระทบจากโรคระบาดฯ ทั้งยังประสบกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ การได้มีอาหารรับประทาน จะช่วยเสริมสร้างทั้งกำลังกาย และกำลังใจให้กับผู้ที่เจ็บป่วย ตลอดจนผู้ขาดรายได้ได้เป็นอย่างดี ศูนย์ต้านภัยโควิด-19 รฟท. และจิตอาสา 904 การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง พวกเราขออาสานำอาหารไปมอบให้กับประชาชนในชุมชนทุกท่าน และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่แสนลำบากนี้ไปให้ได้ในเร็ววัน”

ด้านนายผาติยุทธ ใจสว่าง รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานผลิตภัณฑ์ และผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สำนักโทรทัศน์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีพันธกิจสำคัญในการเป็น "สื่อที่ดีของสังคม ที่มีส่วนสร้างสังคมที่ดี" โดยท่ามกลางวิกฤตของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้รายงานสถานการณ์ ติดตาม และรับทราบถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนชาวไทยอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ทำให้ทราบว่า อาหาร จำเป็นมากในภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาหารกล่องจาก โครงการครัวปันอิ่ม จะช่วยบรรเทาความหิว แบ่งเบาค่าใช้จ่าย และความเดือดร้อนจากประชาชนได้

ในขณะที่ น.ส. นัทธ์ชนัน กัลปนา อาสา หัวหน้าคลัง โครงการ “ต้องรอด” โดยกลุ่ม อัพ ฟอร์ ไทย (Up for Thai) หนึ่งในพันธมิตรหลักของโครงการฯ ซึ่งเป็นกำหลังสำคัญในการกระจายอาหารสู่ชุมชนริมคลองลาดพร้าว กล่าวว่าจากการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่องในหลายชุมชนที่ผ่านมา พบว่าในแต่ละวันมีความต้องการอาหารสูงมาก และยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในชุมชน คาดว่าอาหารปรุงสุขพร้อมรับประทาน 2,000,000 กล่องจากโครงการครัวปันอิ่ม ที่กระจายแจกให้กับประชาชนทั่วกรุงเทพอย่างต่อเนื่องในครั้งนี้จะสามารถเหลือประชาชนได้มากขึ้น 

ด้านนายสฤษดิ์ จิณสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด กล่าวว่า โครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด” นอกจากจะนำอาหารปรุงสุกสะอาดจาก ซีพีเอฟ (CPF) มอบให้กับประชาชนแล้วยังช่วยสนับสนุนร้านค้าขนาดเล็กในพื้นที่ให้มีรายได้ โดยทำการสั่งอาหารจากร้านค้ารายย่อยประมาณ 500 กล่องหมุนเวียนไปหลากหลายร้าน สมทบกับอาหารจาก ซีพีเอฟ อีกประมาณ 500 กล่อง รวมเป็นจุดละประมาณ 1,000 กล่องต่อวัน 40 จุดทั่วกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อฝ่าฟันวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน

“สำหรับจุดแจกชุมชนลาดพร้าว ต้องขอขอบคุณศูนย์ต้านภัยโควิด-19 รฟท. และ จิตอาสา 904 การรถไฟแห่งประเทศไทย กลุ่มจิตอาสาโครงการ ต้องรอด โดยกลุ่ม Up for Thai บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) วัดลาดพร้าว และพันธมิตรจิตอาสาทุกท่านในชุมชน ที่ระดมสรรพกำลังมาร่วมแรงร่วมใจส่งต่อความห่วงใย ช่วยกันคนละไม้คนละมือให้ทุกคนได้อิ่มท้อง และพยายามเข้าถึงประชาชนทุกคนในชุมชนให้ได้มากที่สุด ผมหวังว่า โครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด” โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ทุกท่านได้”


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สื่อนอกแฉ! อดีตผู้นำอัฟกานิสถานขนเงินใส่รถยนต์ 4 คันและเฮลิคอปเตอร์ ก่อนหนีออกนอกประเทศ

สำนักข่าว RIA ของรัสเซียรายงานโดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของ นิกิตะ อิชเชงโก โฆษกสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงคาบูลของอัฟกานิสถานว่า อดีตประธานาธิบดี อัชราฟ ฆานี ของอัฟกานิสถานขนเงินเต็มรถยนต์ 4 คันและเฮลิคอปเตอร์อีก 1 ลำหนีออกจากอัฟกานิสถาน

“รถยนต์ 4 คันเต็มไปด้วยเงิน พวกเขาพยายามยัดเงินอีกส่วนหนึ่งใส่เฮลิคอปเตอร์ แต่ใส่ได้ไม่หมด และเงินบางส่วนที่เหลือถูกทิ้งไว้บนรันเวย์ของสนามบิน” อิชเชงโกเผยโดยอ้างพยานบุคคลหลายคนเป็นแหล่งข้อมูลของตัวเอง และยังกล่าวอีกว่า การล่มสลายของรัฐบาลอัฟกันแสดงให้เห็นโดยวิธีการหนีของฆานี

คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก ดิมิทรี ชอร์นอฟ ทูตรัสเซียประจำอัฟกานิสถานเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า สถานการณ์ของกรุงคาบูลภายใต้การปกครองของตอลิบันดีกว่าอยู่ภายใต้อดีตประธานาธิบดีฆานี

ด้าน ซามีร์ คาบูลอฟ ตัวแทนพิเศษในอัฟกานิสถานของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เผยกับสถานีวิทยุ Ekho Moskvy ของรัสเซียก่อนหน้านี้ว่า ยังไม่ทราบชัดเจนว่าอดีตประธานาธิบดีฆานีเหลือเงินไว้เท่าไร

“ผมหวังว่ารัฐบาลที่หนีไปไม่ได้เอาเงินของประเทศไปจนหมด ถ้ามีอะไรเหลืออยู่บ้างมันจะเป็นเงินก้นถุง”


ที่มา : https://www.posttoday.com/world/660763

https://www.reuters.com/world/asia-pacific/russia-says-afghan-president-fled-with-cars-helicopter-full-cash-ria-2021-08-16/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ครม.เห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์ อีก 20 ล้านโดส พร้อมเผยเหตุผลที่ยังสั่งซื้อซิโนแวค

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ส.ค นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์ สำหรับประชาชนคนไทยเพิ่มเติมอีก 20,001,150 โดส เป็นส่วนที่เคยลงนามไปแล้ว โดยวงเงินอนุมัติจะต้องนำไปชำระ จำนวน 9,372 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดหาวัคซีนประมาณ 8,439 ล้านบาท และเป็นค่าบริการจัดการประมาณ 933 ล้านบาท คาดว่าจะส่งมอบภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ช่วงประมาณปลายเดือนก.ย.-ต้นเดือนต.ค.นี้ 

นายอนุชา กล่าวว่า นโยบายรัฐบาล จะจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชน 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 สำหรับสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค จึงให้มีจัดหาวัคซีนที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันให้สามารถครอบคลุมการกลายพันธุ์ของไวรัส โควิด-19 ที่มีอยู่ทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่คนไทยได้อย่างแท้จริง ลดอัตราการป่วยการเสียชีวิต และลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรค COVID-19 รวมทั้งลดผลกระทบพื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว

ส่วนกรณีที่สั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าประสิทธิภาพไม่เพียงพอนั้น นายอนุชา กล่าวชี้แจงว่า มีเหตุผลด้านการวิจัยและการเก็บข้อมูลมารองรับ เนื่องจากตั้งแต่องค์การอนามัยโลกได้มีการอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบบไขว้ชนิด ทางประเทศไทยจึงเริ่มมีการฉีดวัคซีนแบบไขว้และเก็บข้อมูลมาซึ่งข้อมูลที่ได้พบว่า ถ้าเป็นผู้ที่ฉีดซิโนแวคเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จะมีภูมิต่ำกว่าการฉีดแอสตราตราเซเนกา 2 เข็ม และจากการเก็บข้อมูลพบว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 1 ไขว้ด้วยแอสตราเซเนกา เข็มที่ 2 จะทำให้ภูมิขึ้นมาสูงกว่า การฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ถึง 4 เท่า และสามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลต้าได้ด้วย จึงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ประเทศไทยจะเริ่มฉีดวัคซีนในลักษณะนี้ ในผู้ที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน ระหว่างรอวัคซีน mRNA ที่จะมาในช่วงปลายเดือน ก.ย. หรือ ต้นต.ค.นี้


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม. ให้ปรับเงื่อนไขการชดใช้ทุน ทันตแพทย์จบใหม่ เข้ารับราชการ  ต้อง มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ-ได้รับคัดเลือกตามแผนความต้องการของหน่วยงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบให้ทบทวนมติครม.เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2525 เกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาการกระจายทันตแพทย์ที่มีเงื่อนไขเรื่องการเข้ารับราชการ โดยได้ปรับปรุงสาระสำคัญของโครงการ เกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการใหม่ดังนี้ เดิมนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาด้านการกระจายทันตแพทย์ ได้กำหนดให้ นักศึกษาทันตแพทย์ทุกคนทำสัญญาเข้ารับราชการ  ขอปรับปรุงเป็น ให้นักศึกษาทันตแพทย์คู่สัญญาผู้ที่สำเร็จการศึกษาทันตแพทยศาสตรบัณฑิตจากสถาบันการศึกษาภาครัฐ ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรมและได้รับคัดเลือกตามแผนความต้องการทันตแพทย์ของส่วนราชการ หรือหน่วยงานในองค์กรของรัฐทุกคนเข้าปฏิบัติงานชดใช้ทุนตามสัญญา

น.ส.ไตรศุลี  กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่ต้องปรับปรุงสาระสำคัญโดยระบุเงื่อนไขที่ชัดเจนมากขึ้นข้างต้น  เนื่องจากในระยะแรกของโครงการฯมีเพียงสถาบันการผลิตทันตแพทย์ภาครัฐ แต่ในปัจจุบันมีสถาบันผลิตทันตแพทย์ภาคเอกชนด้วย และเพื่อลดภาระของกระทรวงสาธารณสุขในการจัดหาตำแหน่งงานอื่นมารองรับผู้สำเร็จการศึกษาทันตแพทยศาสตรบัณฑิตที่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพประมาณปีละ 100 คน ไปปฏิบัติชดใช้ทุน เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขจะต้องรับผู้สำเร็จการศึกษาภายหลังกระบวนการคัดเลือกของส่วนราชการ หรือหน่วยงานในองค์การของรัฐอื่นๆ ซึ่งเป็นการรับผู้สำเร็จการศึกษาที่ไม่ได้รับใบอนุญาตไว้ทั้งหมด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากนี้ยังทบทวนสาระสำคัญที่เดิมระบุว่า จำนวนทันตแพทย์ในแต่ละปีนั้นให้รับราชการในส่วนภูมิภาค โดยรับราชการในกระทรวงสาธารณสุขไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 และรับราชการในหน่วยงานอื่นไม่เกินร้อยละ 30 ปรับเป็น จำนวนทันตแพทย์ผู้ทำสัญญาในแต่ละปีนั้นให้เข้าปฏิบัติงานในส่วนราชการ หน่วยงานในองค์การของรัฐ ตามแผนความต้องการของส่วนราชการหรือหน่วยงาน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทันตแพทย์คู่สัญญาของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีแนวโน้มจะต่ำกว่าร้อยละ 70  และความต้องการที่ลดลงของส่วนราชการหรือหน่วยงานในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งหลังจากที่ครม.มีมติตามที่เสนอครั้งนี้แล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะประสานส่วนราชการจัดทำแผนความต้องการทันตแพทย์ราย 5 ปี และในแต่ละปีจะทบทวนความต้องการที่เกิดขึ้นจริงเพื่อประเมินสถานะความต้องการด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า อัตราส่วนทันตแพทย์ต่อประชากรในปี 2525 ในส่วนภูมิภาคอยู่ที่ 1:177,781 คน  ทั้งประเทศสัดส่วนอยู่ที่ 1:26,678 คน  ขณะที่ในปี 2563 อัตราส่วนทันตแพทย์ต่อประชากรในภูมิภาคอยู่ที่ 1:10,673 คน ทั้งประเทศอยู่ที่ 1:3,989 คน ซึ่งเป้าหมายอัตราส่วนของทันตแพทย์ต่อประชากร ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้สำหรับประเทศกำลังพัฒนาอยู่ที่ 1:5,000 คน  เป้าหมายของไทยในปี 2563  ในภูมิภาคอยู่ที่ 1:8,000 คน และทั้งประเทศอยู่ที่ 1:3,000 คน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขมีแผนความต้องการรับทันตแพทย์คู่สัญญาเข้าปฏิบัติงานชดใช้ทุนประมาณปีละ 400 คนต่อปี คิดเป็นร้อยละ 59.44 ของผู้สำเร็จการศึกษาทันตแพทยศาสตร์จากสถาบันการศึกษาภาครัฐทั้งหมด ซึ่งมีประมาณ 700 คนต่อปี ประกอบกับส่วนราชการหรือหน่วยงานนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีตำแหน่งรองรับและคัดเลือกทันตแพทย์คู่สัญญาไปปฏิบัติงานชดใช้ทุนลดลง ทำให้กระทรวงสาธารณสุขต้องรับทันตแพทย์คู่สัญญาส่วนที่เหลือทั้งหมดเข้าปฏิบัติชดใช้ทุนในส่วนภูมิภาคประมาณ 612 คนต่อปี ซึ่งรวมถึงผู้สำเร็จการศึกษาทันตแพทยศาสตรบัณฑิตที่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรมประมาณ 100 คนต่อปี  ส่งผลให้กระทรวงสาธารณสุขต้องรับทันตแพทย์คู่สัญญาเกินความต้องการภายใต้เงื่อนไขสัญญาแบบเดิม

สสว. จับมือ SME D Bank เตรียมปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 1% ต่อปี เปิดยื่นกู้มาก่อน มิสิทธิ์ก่อน มุ่งช่วยเอสเอ็มอีท่องเที่ยว ร้านอาหาร พื้นที่ จว.เปิดการท่องเที่ยว กับควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

สสว. จับมือ SME D Bank เตรียมปล่อยกู้ “โครงการสนับสนุน SMEs รายย่อย” วงเงิน 1,200 ล้านบาท  ดอกเบี้ย 1% ต่อปี ตอบสนองนโยบายรัฐบาล ช่วยเหลือเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุน กลุ่มท่องเที่ยว, ธุรกิจโรงแรม, ห้องพัก, เกสต์เฮ้าส์ และสปา ใน 10 จังหวัดนำร่องเปิดการท่องเที่ยว 

รวมถึง ธุรกิจภัตตาคาร และร้านอาหาร ใน 29 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ชูพิจารณาสอดคล้องตามสถานการณ์จริง จากฐานการเสียภาษีปี 62 หรือ 63 ที่ผ่านมา วงเงินกู้ บุคคลธรรมดาสูงสุด 3 แสนบาท นิติบุคคลสูงสุด 5 แสนบาท กำหนดเปิดแจ้งความประสงค์ผ่านออนไลน์ ในรูปแบบมาก่อนมีสิทธิ์ก่อน

จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดจนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของทางการ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ห้องพัก เกสต์เฮ้าส์ สปา ภัตตาคาร และร้านอาหาร ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงและต่อเนื่อง    สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จึงมอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เป็นหน่วยร่วมดำเนินโครงการสนับสนุน SMEs รายย่อย อนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 1,200 ล้านบาท เพื่อให้เอสเอ็มอีในกลุ่มธุรกิจดังกล่าว นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยายกิจกรรม ปรับปรุง ซ่อมแซม  ยกระดับมาตรฐานการให้บริการ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 1 ปี หลักประกัน กรณีบุคคลธรรมดา ใช้บุคคลที่น่าเชื่อถือค้ำประกัน ส่วนกรณีนิติบุคคล ใช้กรรมการผู้มีอำนาจแทนนิติบุคคลค้ำประกัน 

โครงการสนับสนุน SMEs รายย่อย ดำเนินการสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้เอสเอ็มอี โดยเฉพาะที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษได้สะดวก เหมาะสมกับสถานการณ์เร่งด่วน ดังนั้น ได้ปรับปรุงกระบวนการ โดยใช้เกณฑ์พิจารณาจากหลักฐานการเสียภาษีในปี 2563 หรือ 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น 

สำหรับคุณสมบัติของผู้ยื่นกู้ในโครงการนี้ ต้องเป็นสมาชิก สสว. กรณียังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ สสว. สามารถขอขึ้นทะเบียนก่อนได้ (http://members.sme.go.th/newportal/) โดยต้องเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มรายย่อย (Micro) และขนาดย่อม (Small) ตามนิยามของ สสว. อยู่ในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ห้องพัก เกสต์เฮ้าส์ และธุรกิจสปาที่ตั้งอยู่ในโรงแรม ห้องพัก เกสต์เฮาส์ ใน 10 จังหวัด พื้นที่นำร่องเปิดการท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1.) ภูเก็ต 2.) กระบี่  3.) พังงา 4.) สุราษฎร์ธานี 5.) เชียงใหม่ 6.) ชลบุรี 7.) เพชรบุรี 8.) ประจวบคีรีขันธ์ 9.) บุรีรัมย์ และ 10.) กรุงเทพมหานคร 

หรือที่จะมีประกาศเพิ่มเติม รวมถึง กลุ่มธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ใน 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด  ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับล่าสุด ประกอบด้วย  1.) กรุงเทพมหานคร 2.) กาญจนบุรี 3.) ชลบุรี  4.) ฉะเชิงเทรา 5.) ตาก 6.) นครปฐม 7.) นครนายก 8.) นครราชสีมา 9.) นราธิวาส 10.) นนทบุรี 11.) ปทุมธานี 12.) ประจวบคีรีขันธ์ 13.) ปราจีนบุรี  14.) พระนครศรีอยุธยา 15.) เพชรบุรี 16.) ปัตตานี 17.) เพชรบูรณ์ 18.) ยะลา 19.) ระยอง 20.) ราชบุรี  21.) ลพบุรี 22.) สงขลา 23.)สิงห์บุรี 24.)สมุทรปราการ 25.) สมุทรสงคราม 26.) สมุทรสาคร 27.) สระบุรี 28.) สุพรรณบุรี และ 29.) อ่างทอง หรือที่จะมีประกาศเพิ่มเติม     

อีกทั้ง ต้องไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเงินทุนในโครงการพลิกฟื้นฯ โครงการฟื้นฟูฯ หรือกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ รวมถึง ต้องไม่เป็นหนี้ NPLs ไม่ถูกดำเนินคดี และไม่เป็นบุคคลล้มละลาย    

สำหรับ วงเงินกู้ สำหรับบุคคลธรรมดา พิจารณาจากการชำระภาษี ภ.ง.ด.90 ในปี 2562 หรือ 2563 ที่สูงกว่า และความเป็นเจ้าของสถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท หากจำนวนเงินที่ชำระภาษี 0-10,000 บาท วงเงินกู้สูงสุด 100,000 บาท, จำนวนเงินที่ชำระภาษี 10,001-20,000 บาท วงเงินกู้สูงสุด 200,000 บาท และจำนวนเงินที่ชำระภาษีมากกว่า 20,000 บาทขึ้นไป วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท กรณีมีสถานประกอบการเป็นของตัวเองหรือบุคคลในครอบครัว ให้วงเงินเพิ่มอีกลำดับละ 50,000 บาท แต่รวมแล้วสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท สำหรับนิติบุคคล ไม่เกินร้อยละ 50 ของค่าใช้จ่ายในงบการเงินปี 2562 หรือ 2563 ที่สูงกว่า สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท  

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์ยื่นกู้ได้แล้ว ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของ SME D Bank ได้แก่ สแกน QR Code ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ หรือคลิก https://qrgo.page.link/VF6Ka รวมถึง เว็บไซต์ของ SME D Bank (https://www.smebank.co.th/), Line OA : SME Development Bank และแอปพลิเคชัน : SME D Bank โดยใช้เกณฑ์มาก่อนได้ก่อน (first come first serve) และจะปิดแจ้งความประสงค์ยื่นกู้เมื่อเต็มวงเงิน  

ดังนั้นเชิญชวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มเป้าหมายที่สนใจ  รีบแจ้งความประสงค์โดยเร็ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“กระทรวงยุติธรรม” ผุดโครงการ “ฟ้าทะลายโจร ปลูกเดือนแม่ เก็บเกี่ยวเดือนพ่อ”  สั่ง ป.ป.ส. นำร่องหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน 1,000 แห่ง ปลูกฟ้าทะลายโจร สู้โควิด 19 เป้าหมาย 12 ล้านต้น เฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม และเพื่อช่วยประชาชนที่ต้อ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมหารือนำหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน จัดโครงการส่งเสริมปลูกฟ้าทะลายโจร สู้โควิด-19 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม ประจำปี 2564 ผ่านระบบ webex meeting โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้อำนวยการ กอง/สำนัก ปปส.ภาค 1-9 และปปส.กทม. เข้าร่วม

โดย นายสมศักดิ์ กล่าวถึงที่มาของโครงการปลูกฟ้าทะลายโจรนี้ว่า  เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงก่อตั้งหมู่บ้านกองทุนของแผ่นดิน ประกอบกับ เดือนสิงหาคม ซึ่งตรงกับวันแม่แห่งชาติ (12 สิงหาคม) และการจัดกิจกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดินที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ในปี 2564 นี้ ไม่สามารถดำเนินการจัดกิจกรรมได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 จึงเห็นว่ากิจกรรมการปลูกฟ้าทะลายโจร น่าจะเป็นประโยชน์แก่หมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน และประชาชนคนไทย ที่จะมีพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เอาไว้ใช้รักษา ภายใต้แนวคิด “ฟ้าทะลายโจร ปลูกเดือนแม่ เก็บเกี่ยวเดือนพ่อ” 

ขณะที่ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า แนวทางของการจัดโครงการนั้น สำนักงาน ป.ป.ส. ได้กำหนดเป้าหมายของการปลูกฟ้าทะลายโจรให้ได้ 12 ล้านต้น โดยหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบัน มีหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน 24,455 หมู่บ้าน ในการปลูกนำร่องนี้ จะเริ่มจากหมู่บ้านที่มีความพร้อมก่อน จำนวน 1,000 แห่ง โดยจะเริ่มปลูกภายในเดือนสิงหาคมนี้ และคาดว่า จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตหรือนำมาผลิตแปรรูปเป็นเม็ดยาได้ในเดือนธันวาคม (5 ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ) 

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวเป็นนโยบายของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ได้มอบหมายให้ สำนักงาน ป.ป.ส. ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยนำเอาเครื่องผลิตเม็ดยาบ้า มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ด้วยการช่วยผลิตฟ้าทะลายโจรอัดเม็ด โดยผลผลิตที่ได้จากหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน ชุมชนสามารถบริหารจัดการเองได้ โดยอาจผลิตในรูปแบบเม็ด หรือ ยาลูกกลอนพื้นบ้าน หรือหากต้องการให้ สำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการอัดเป็นเม็ดให้ ก็สามารถทำได้ ซึ่งส่วนหนึ่งของผลผลิต สำนักงาน ป.ป.ส. จะขอรับบริจาค เพื่อนำไปช่วยเหลือให้กับพี่น้องประชาชนที่มีความจำเป็นต้องการใช้เพื่อรักษาโควิด-19 ต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือน ระวังภัยร้ายจากโลกออนไลน์ 6 ประเภท ในช่วง work from home

วันที่ 17 ส.ค. 64  พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำงานส่วนใหญ่มีนโยบายให้ประชาชนทำงานที่บ้าน (work from home) ทำให้หลายคนต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำงานมาเป็นแบบออนไลน์มากขึ้น และมีผลทำให้ประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยในโลกออนไลน์ 6 ประเภท ที่ประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อ หรืออาจเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง อันได้แก่ 

(1) การระรานทางไซเบอร์ (Cyber Bully) หมายถึง การกลั่นแกล้ง การให้ร้าย การด่าว่า การข่มเหง การรังแกผู้อื่น หรือ แสดงความคิดเห็น (Comment) หรือ เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูล (Share) ที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายทางสื่อสังคมออนไลน์ อาจมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท ดังนั้นควรมีสติก่อนจะโพสต์ แสดงความคิดเห็น หรือ ส่งต่อข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์

(2) การถูกเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (ถูกแฮก) มักเกิดจาก การใช้รหัสที่คาดเดาได้ง่าย เช่น หมายเลขโทรศัพท์มือถือ วันเดือนปีเกิด 123456 เป็นต้น หรืออาจไปกดลิงก์ Phishing ที่สร้างลิงก์มาหลอกให้คลิก เช่น หลอกจะให้รางวัล บัตรกำนัล แจกเงิน แจกภาพ/คลิปลามกอนาจาร, ใบ้หวย เลขเด็ด, ข่าวซุบซิบดารา, หลอกว่าบัญชีธนาคารมีปัญหา ฯลฯ เมื่อเข้าไปในลิงก์ที่กดแล้ว คนร้ายจะให้กรอก Username Password หรือแม้กระทั่งมีการหลอกเอารหัสใช้ครั้งเดียว (OTP) โดยคนร้ายจะโทรศัพท์หรือแชทมาขอรหัสโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ Call center หรือปลอมเป็นเพื่อนเรา สำหรับการป้องกันการถูกแฮก ต้องตั้งรหัสคาดเดาได้ยาก, ไม่กดลิงก์แปลก ๆ ที่ไม่มีที่มาที่ไป หรือไม่น่าเชื่อถือ, ไม่บอกรหัส OTP แก่ผู้อื่น, ตั้งค่ารหัสยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น (2 Factor Authentication) ในทุกสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น

(3) การฉ้อโกงออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การหลอกซื้อของออนไลน์ในลักษณะซื้อของไม่ได้ของ หรือซื้อของแล้วได้ของไม่เป็นไปตามรูปแบบที่สั่ง (ไม่ตรงปก), หลอกให้ลงทุนโดยอ้างว่าได้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้น ๆ เป็นต้น การป้องกันฉ้อโกงออนไลน์ สามารถทำได้ด้วยคาถา 3 อย่า คือ

- อย่าเชื่อ โดยนำชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัญชีธนาคาร ชื่อร้านค้า ฯลฯ ไปหาข้อมูลใน google ว่าเคยมีประวัติการฉ้อโกงหรือไม่ 

- อย่าโลภ ไม่ควรเห็นแก่ผลประโยชน์ที่มิจฉาชีพมาอ้างเพื่อชักชวนลงทุนหรือสินค้าราคาถูกมากเกินจริง

- อย่าละเลยข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อจะรู้เท่าทันโจรไซเบอร์ 

(4) หลอกรักออนไลน์ (Romance Scam) โดยสร้างโปรไฟล์เป็นฝรั่งหรือชาวตะวันออกกลาง มีฐานะดีมาจีบ สุดท้ายหลอกให้โอนเงินไปให้โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ, หลอกรักลวงลงทุน (Hybrid Scam) โดยสร้างโปรไฟล์เป็นหนุ่มสาวหมวยตี๋ชาวเอเซีย มาจีบ สุดท้ายหลอกให้ลงทุนค่าเงินสกุลดิจิทัลในแอปพลิเคชันปลอมโดยคนร้ายจะส่งลิงก์มาให้ การป้องกันการหลอกรักออนไลน์และหลอกรักลวงลงทุน คือ เมื่อมีชาวต่างชาติขอเป็นเพื่อนแล้วมีการพูดคุยในลักษณะจีบเป็นแฟน อาจตรวจสอบได้โดยขอนัดเจอตัวจริง หรือร้องขอให้เปิดกล้องวิดีโอคอล ให้เห็นหน้าเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับรูปในโปรไฟล์จริง ๆ (หน้าตรงปก) ซึ่งส่วนใหญ่ คนร้ายจะไม่ยอมวิดีโอคอล โดยอ้างเหตุขัดข้องต่าง ๆ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ และไม่ควรโอนเงินให้ทุกกรณีที่มีการกล่าวอ้าง หรือลงทุนในแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพส่งลิงก์มาให้

(5) แก๊งแอปพลิเคชันเงินกู้ ที่มีการระบาดมาก โดยอาศัยปัญหาทางเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนในช่วงโควิด-19 เข้ามาชักชวนให้ประชาชนกู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน จากนั้นจะหลอกให้โอนเงินค่าธรรมเนียมก่อนกู้ เมื่อเหยื่อโอนเงินแล้วจะบล็อค หรือ อีกรูปแบบหนึ่งคือ ให้กู้เงินจริงแต่จะขูดรีดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อไม่ชำระหนี้ตามกำหนด จะมีการโทรศัพท์ขู่ ต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้กู้ นอกจากนั้นจะมีการส่งข้อความหรือโทรศัพท์หาเพื่อนผู้กู้ในลักษณะประจานผู้กู้ หรือหลอกลวงให้เพื่อนผู้กู้มาชำระหนี้แทนโดยอ้างว่าเพื่อนผู้กู้เป็นผู้ค้ำประกัน จึงควรหลีกเลี่ยงการกู้เงินผ่านแอปพลิเคชันเงินกู้ทุกกรณี และ

(6) ข่าวปลอม (Fake News) มีบุคคลไม่หวังดีพยายามส่งข่าวปลอมเข้ามาในสื่อสังคมออนไลน์โดยมีจุดประสงค์ไม่ดี เช่น สร้างความขัดแย้ง สร้างความเกลียดชัง สร้างความสับสน สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน เป็นต้น จึงควรตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นเรื่องจริงก่อนจะเชื่อและส่งต่อ เพราะอาจตกเป็นเครื่องมือของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลจาก ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย www.antifakenewscenter.com หรือ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือ สำนักข่าวที่น่าเชื่อถือ เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความห่วงใย และได้มอบนโยบายในการสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนในการป้องกันตัวเองมิให้ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรในทุกรูปแบบ 

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top