Thursday, 19 June 2025
Hard News Team

เวิลด์แบงก์ชี้ ไวรัสโควิดฉุดคนไทยจน 1.7 ล้านคน

นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาครัวเรือนทำให้ตกงาน และภาคธุรกิจเอสเอ็มอีขาดรายได้ โดยทำให้ในปี 2564 ประเมินว่าประเทศไทย จะมีผู้ที่มีความยากจนเพิ่ม 1.7 แสนคนเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจไทยเวิลด์แบงก์ได้ปรับประมาณในปี 64 คาดจะขยายตัวแค่ 1% จากเดิม 2.2% และปี 65 ประเมินว่าจะขยายตัว 3.6% และหากจะให้สถานการณ์กลับมาสู่ระดับปกติก่อนเกิดโควิด-19 คาดว่าจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานถึงปี 2566
 
ทั้งนี้ได้ระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจคงต้องใช้เวลากว่าจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนโควิดในปี 2566 มีเหตุผลจากการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวทำได้ล่าช้า และการกระจายวัคซีนกว่าจะถึง 70% ของประชากรทั้งหมดในไทยต้องใช้เวลาครึ่งปีแรกของปี 2565 ซึ่งมีผลต่อการเปิดรับต่างชาติเที่ยวไทย คาดว่าในปี 2565 นักท่องเที่ยวจะมี 1.7 ล้านคนเพิ่มจากปี 2564 ที่จะมี 1.6 แสนคน เป็นผลมาจากการดำเนินโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัส โมเดล เป็นหลัก

'พิธา' ได้ใจชาวชัยภูมิ ลงพื้นที่น้ำท่วม พร้อมให้กำลังใจ ชี้ แรงไม่เท่าปี 54 วอนรัฐอย่าประมาท

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส.องค์การ ชัยบุตร และ ส.ส.สุรวาท ทองบุ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนางสาวนัฏฐิกา โล่ห์วีระ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ เขต 1 พรรคก้าวไกลลงพื้นที่ตลาดสดเทศบาลเมืองชัยภูมิ และชุมชนโนนสมอ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวให้กำลังใจกับประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมและกล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่าสถานการณ์ฝนตกในเดือนกันยายนที่ชัยภูมิสูงกว่าปีที่แล้วในทุกอำเภอ สถานการณ์อ่างเก็บน้ำล้นทุกแห่ง ประกอบกับฝนตกหนักอย่างเฉียบพลันในวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ระดับน้ำในอ่างที่ชัยภูมิเพิ่มขึ้นเกือบทุกอ่าง โดยข้อมูลการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของ Gistda เช้าวันนี้พบว่ามีพื้นที่อำเภอเมืองชัยภูมิ น้ำท่วมกว่า 68,324 ไร่ และทั้งจังหวัดชัยภูมิมีพื้นที่น้ำท่วมแล้วกว่า 228,840 ไร่

สาวหลอกขายไอโฟนให้เด็ก 14 เข้ามอบตัวกับตำรวจ เผย เครียดหนัก เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

จากกรณี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. แถลงผลการจับกุมขบวนการหลอกขายไอโฟน ผ่านอินสตาแกรม (ไอจี) เป็นเหตุให้เหยื่อเด็กชายวัย 14 ปี นักเรียนชั้นม.2 ที่ถูกหลอกเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต โดยกลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่า รับจ้างเปิดบัญชีให้ น.ส.พิยดา ทองคำพันธ์ อายุ 19 ปี นายทุนที่เปิดร้านค้าออนไลน์ มีผู้ติดตามประมาณ 60,000 คน มีพฤติกรรมชอบใช้ของแบรนด์เนมใช้ชีวิตหรูหรา ซึ่งเงินส่วนใหญ่ที่ได้มาก็มาจากการฉ้อโกงผู้อื่น จึงถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับเลขที่ 638/64 ลงวันที่ 24 ก.ย. 64 ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด (28 ก.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ (บก.ภ.จว.เชียงใหม่) รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.พิยดา เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.นพฤทธิ์ กันทา ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ แล้ว หลังถูกกดดันอย่างหนัก โดยขณะนี้ตำรวจกำลังคุมตัวไปสอบปากคำโดยละเอียด ส่วนความคืบหน้า จะรายงานให้ทราบต่อไป

ความเชื่อมั่นท่องเที่ยวยังทรุดต่อแรงงานหาย-รายได้ลด

น.ส.ผกากรอง เทพรักษ์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 3 ปี 64 ลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดทำดัชนี โดยอยู่ที่ระดับ 7 เป็นผลมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก ทุกภูมิภาคสถานการณ์ท่องเที่ยวจัดว่าอยู่ในระดับย่ำแย่ใกล้เคียงกัน เพราะทั่วประเทศแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างชาติ 

ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทธุรกิจ พบว่าผู้ประกอบการทุกประเภทมีผลประกอบการ จัดว่าอยู่ในระดับย่ำแย่  โดยธุรกิจสถานบันเทิง มีสถานการณ์ท่องเที่ยวที่ย่ำแย่ที่สุด มีค่าดัชนีเป็นศูนย์ เพราะต้องปิดกิจการทั้งหมด โดยสถานประกอบการกว่า 71% มีรายได้เข้ามาไม่เกิน 10% และมีสถานประกอบการเกินกว่าครึ่ง หรือ 54% ที่ไม่มีรายได้เข้ามาเลย โดยเฉพาะธุรกิจสถานบันเทิง ส่วนยอดปิดกิจการชั่วคราวหรือเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทนเพิ่มขึ้นเป็น 44% ส่วนสถานประกอบการ ที่มีการปิดถาวรก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5% 

ผลศึกษา ‘ออกซฟอร์ด’ ชี้ พิษโควิด-19 ทำอายุขัยคนลดมากที่สุด นับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

ผลการศึกษาฉบับหนึ่งของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ที่ตีพิมพ์ลงวารสารระบาดวิทยานานาชาติ เผยว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ลดอายุขัยของผู้คนบนโลกเมื่อปี 2020 ด้วยจำนวนมากสุด นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่ อายุของผู้ชายอเมริกันลดลงไปมากกว่า 2 ปี

จากการวิเคราะห์ผลศึกษา ซึ่งดำเนินการในยุโรป สหรัฐฯ และชิลี พบว่า อายุขัยของคนลดลงไปมากกว่า 6 เดือน เมื่อเทียบกับปี 2019 ที่อายุขัยของผู้คนลดลงใน 22 ประเทศจากทั้งหมด 29 ประเทศ โดยปีที่แล้ว อายุขัยของคนลดลงใน 27 ประเทศจากทั้งหมด 29 ประเทศ

เพจข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ. โพสต์ภาพ กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ เจอชาวเน็ตจับผิดคิดว่าภาพตัดต่อ สุดท้ายชี้แจงว่าเป็นแฟ้มภาพ ยันรัฐมนตรีไม่มีส่วนตัดสินใจ พร้อมกราบขออภัย

เพจข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ. โพสต์ภาพ กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ เจอชาวเน็ตจับผิดคิดว่าภาพตัดต่อ สุดท้ายชี้แจงว่าเป็นแฟ้มภาพ ยันรัฐมนตรีไม่มีส่วนตัดสินใจ พร้อมกราบขออภัย

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ในโลกโซเชียลฯ แชร์ภาพจากเฟซบุ๊ก ‘ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ศธ.’ โพสต์ภาพและข่าวของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ลุยน้ำท่วม ระบุว่า ครูโอ๊ะ ห่วง ‘โรงเรียนเอกชน’ หลังพายุโซนร้อนถล่ม ทำให้ฝนตกหนักน้ำไหลบ่าเข้าท่วม รร.กว่า 30 แห่ง ฝากช่วยดูแลนักเรียน-นักศึกษา-ครู ยึดความปลอดภัยหลัก พร้อมเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2564 นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวแสดงความห่วงใยชาวการศึกษาเอกชน ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน ‘เตี้ยนหมู่’ มีฝนตกหนักต่อเนื่อง น้ำไหลบ่าน้ำเข้าท่วมในสถานศึกษาจำนวน 30 แห่งในหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางตอนบน ภาคกลาง และภาคอีสาน

“ครูโอ๊ะได้ติดตามข่าวสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ รวมทั้งสถานการณ์ของโรงเรียนและสถานศึกษาที่กำกับดูแล ซึ่งล่าสุด ผศ.ดร.ศุภเสฏฐ์ คณากูล นายกสมาคมคณะกรรมการประสานงานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ปส.กช.) ได้รายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ว่า เนื่องจากเหตุฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ทำให้มีน้ำไหลบ่าเข้าท่วมโรงเรียนและสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ในจังหวัดสุโขทัย เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ลพบุรี นครสวรรค์ และนครราชสีมา สร้างความเสียหายให้กับอาคารเรียน สิ่งปลูกสร้าง อุปกรณ์การเรียน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น

ครูโอ๊ะมีความห่วงใยชาวการศึกษาเอกชนทุกคน โดยเฉพาะลูก ๆ นักเรียน ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้ดำเนินงานต่าง ๆ ด้วยความปลอดภัยเป็นหลัก ทั้งในส่วนของครู นักเรียนนักศึกษา ตลอดจนบุคลากรทุกคน พร้อมให้ติดตามข่าวสถานการณ์ของทางราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวัง และประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือโดยเร็ว ตลอดจนเร่งสำรวจและรายงานความเสียหาย เพื่อวางแผนในการช่วยเหลือและเยียวยาปัญหาหลังน้ำลดต่อไป” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว

‘ทูตนอกแถว’ ยก!! 'ทักษิณ' นายกฯ สุดเก่ง หยาม 'บิ๊กตู่' เป็นนายกหรือมัคนายก

28 ก.ย. 64 - นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจทูตนอกแถว และอดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตกลงจะเป็นนายกหรือมัคทายก? (มัคนายก)

เดิมตั้งใจว่าจะเขียนอะไรเกี่ยวกับการครบรอบ 15 ปีรัฐประหารปี 2549 ที่ลากพาประเทศชาติให้ตกต่ำมาถึงทุกวันนี้ แต่ในวันนั้นได้รับเชิญให้ช่วยกล่าวปราศรัยทางออนไลน์ในกิจกรรมคาร์ม็อบเนื่องในโอกาสครบรอบดังกล่าวก็เลยไม่ได้เขียนอะไรนะครับ 

แต่จะอย่างไรที่พูดไปวันก่อนก็ยังมีบางประเด็นที่ไม่ได้พูดถึง และก็เห็นยังมีชาวสลิ่ม/ไอโอไปขุดเรื่องคดีเก่าๆ ทั้งหลายของคุณทักษิณขึ้นมาโจมตีอีก ก็เลยอยากมาคุยกันอีกสักนิด ซึ่งก่อนอื่นต้องขอบอกว่าผมไม่ได้คิดว่าคุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด แต่ผมคิดว่าเขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่เก่งที่สุดในแง่การพัฒนาสร้างความเจริญและยกระดับความกินดีอยู่ดีของประชาชนได้อย่างแท้จริง เท่าที่ประเทศนี้เคยมีมา

ซึ่งสิ่งนี้มันก็เป็นคำตอบในตัวมันเองอยู่แล้วว่าทำไมผ่านไปสิบกว่าปี คนไทยจึงยังไม่ลืมชายชื่อทักษิณหรือพี่โทนี่จนถึงวันนี้ และยิ่งไปยกคดีเก่าๆ ไม่ว่าซื้อที่ดินรัชดา หวยบนดิน เงินกู้พม่า ภาษีหุ้นอะไร ฯลฯ มันยิ่งดูตลก out of place, out of context หลงโลกมาก เพราะมันยิ่งกลายเป็นการตอกย้ำให้เห็นชัดในวันนี้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันคือการกลั่นแกล้งกันทางการเมืองโดยใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ

ซึ่งมันก็เป็นเพราะความบิดเบี้ยวของกระบวนการยุติธรรมเอง (ที่เท่ากับการทำลายระบบนิติรัฐโดยรัฐเองในทางอ้อมด้วย) ทำให้ไม่มีใครเขาเชื่อในคำตัดสินเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยส่วนใหญ่หรือทั่วทั้งโลก ซึ่งก็เป็นคำตอบอีกว่าทำไมไม่มีประเทศไหนใครเขาจับทักษิณส่งกลับ แม้กระทั่งจีน

ไปๆ มาๆ มันก็เลยกลายเป็นว่าต่อให้คุณทักษิณผิดจริงอย่างไรก็ไม่มีทางรู้เพราะความตกต่ำของระบบยุติธรรมของไทยที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ใครเขาเชื่อถืออีกต่อไป ผมเคยเป็นทูตจึงรู้ดีว่าไม่มีประเทศไหนหรอกที่เขาอยากจะฟังคำชี้แจงของรัฐบาลไทยต่อข้อหาของคุณทักษิณ พอทำหนังสือนำส่งคำชี้แจงไป (เพราะเขาไม่อยากรับนัดหมายฟังเราพูดให้เสียเวลาทำงาน) เขาได้รับก็คงเอาโยนใส่ตะกร้าทิ้งขยะไปหมด ประมาณนั้น เพราะไม่เคยปรากฏว่ามีปฏิกริยาตอบกลับแต่อย่างใดทั้งสิ้น

“ปริญญ์” ชี้สมุนไพรไทยคือทางรอดใหม่เกษตรกร แนะรัฐเร่งจับมือเอกชนสร้างโอกาสในวิกฤติ

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) และประธานคณะกรรมการธุรกิจเกษตร กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “โอกาสและอนาคตเกษตรสมุนไพร สร้างรายได้และเศรษฐกิจ” ในงานประชุมเชิงปฎิบัติการ สมุนไพรทางรอดใหม่เกษตรกรไทย ที่จัดขึ้นโดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข โดยได้แนะให้ภาครัฐปรับความคิด เร่งบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อสร้างโอกาสและอนาคตให้เกษตรสมุนไพรเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ด้านหนึ่งคือวิกฤติ ส่วนอีกด้านคือโอกาส อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นและใช้ประโยชน์จากด้านไหน วันนี้จะเห็นได้ว่าหลายธุรกิจได้รับผลกระทบหนัก แต่ในขณะเดียวกันอีกหลายธุรกิจกลับทำรายได้สูงขึ้น นั่นก็เพราะโลกของเราเปลี่ยนไปเร็วมากตั้งแต่ก่อนเกิดโควิดแล้ว จากการที่มีเทคโนโลยีทันสมัยถาโถมเข้ามา หรือที่เรียกว่า ดิจิทัล ดิสรัปชั่น (Digital Disruption) คนที่ปรับตัวทันย่อมจะเดินหน้าไปได้เร็วกว่าเป็นธรรมดา

ซึ่งสมุนไพรเป็นหนึ่งในจุดแข็งของประเทศไทยที่กำลังกลายเป็นสินค้าเกษตรตัวใหม่และทางรอดใหม่ของเกษตรกร เพราะมีช่องทางให้เติบโตได้มากในช่วงนี้ เนื่องจากคนไทยและชาวต่างชาติยอมรับกันอย่างกว้างขวางขึ้นว่าช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ดีต่อสุขภาพสำหรับช่วงวิกฤติและช่วงที่หลายประเทศกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่วันนี้ยังไม่สามารถพัฒนามาตรฐาน สร้างแบรนด์หรือโกอินเตอร์ได้เท่าที่ควร ซึ่งสาเหตุสำคัญคือพี่น้องเกษตรกรไทยและอุตสาหกรรมการแพทย์ไทยยังไม่ได้ใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และต่อยอดธุรกิจกันอย่างเต็มที่ สมุนไพรบางอย่างยังไม่ได้รับการแปรรูปให้บริโภคง่ายขึ้น อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยยังไม่ได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีด้านการเกษตรและการวิจัยสายพันธุ์ที่มากเพียงพอ การพัฒนาและลงทุนตั้งแต่ต้นน้ำยังไม่ได้มาตรฐานระดับสากล รวมถึงต้องปรับมาใช้ยุทธศาสตร์ “การตลาดนำการผลิต” ของรองนายกฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในการดำเนินงาน การขายสินค้าในวันนี้ไม่เหมือนอดีตแล้ว เราจำเป็นต้องตระหนักถึงความต้องการของตลาดเป็นหลัก ทั้งความต้องการของผู้บริโภคและมาตรฐานการนำเข้าสินค้าของแต่ละประเทศ เพื่อให้ผลิตสินค้าได้ตอบโจทย์มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะทำได้เพียงลำพัง ต้องอาศัยการร่วมมือกันจากหลากฝ่าย

ดังนั้นหากต้องการสร้างโอกาสและอนาคตที่ดีให้สมุนไพรไทยเป็นไปตามมาตรฐานสากล กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ต้องบูรณาการความร่วมมือและข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ อาทิ กระทรวงพาณิชย์ที่มีข้อมูลสินค้าศักยภาพอยู่เป็นจำนวนมากและมีทูตพาณิชย์อยู่ในหลายประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ทำงานใกล้ชิดเกษตรกรในหลายพื้นที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศผู้มีความเชี่ยวชาญด้านทำตลาดต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ สวทช. ที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยี รวมถึงภาคเอกชนที่มีงบประมาณสูง วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สตาร์ทอัพมากความสามารถ และภาคประชาสังคมที่สนใจในเรื่องนี้ด้วย โดยมุ่งเน้นที่สูตรสร้างความสำเร็จ “ก-ข-ค”

ก คือ กฎหมายหรือกฎระเบียบของกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ที่มีมากเกินไป กฎหมายเยอะไม่ได้นำมาซึ่งความยุติธรรม แต่จะนำมาซึ่งความอยุติธรรม และทำให้เราตามเทรนด์โลกไม่ทัน ถ้าปรับเรื่องนี้ได้ก็จะช่วยให้การทำธุรกิจทันโลก ทันเหตุการณ์มากขึ้น และลดความเหลื่อมล้ำลงได้ เช่น การลดขั้นตอนการขออนุญาตขึ้นทะเบียนยา การปรับลดภาษีการระดมทุนแบบ Crowdfunding และการลดกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ P2P เพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องเกษตรกรที่ทำเกี่ยวกับสมุนไพรไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกและเป็นธรรมได้ง่ายยิ่งขึ้น

ข คือ แข่งขัน เมื่อปรับกฎหมายแล้วภาครัฐต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันระหว่างธุรกิจในประเทศด้วย เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการตัวเล็ก ๆ ได้มีโอกาสเติบโต สามารถก้าวเข้าสู่ระบบการแข่งขันที่เป็นธรรม ทั้งในด้านการวิจัย พัฒนา ตลอดจนถึงการขายสินค้า โดยภาครัฐต้องช่วยต่อยอดการวิจัยและพัฒนาสินค้าเหล่านั้นให้ “ขึ้นห้าง” ไม่ใช่แค่ “ขึ้นหิ้ง” ทิ้งไว้เท่านั้น ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยได้เข้าถึงงานวิจัยดี ๆ เพื่อช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้ยั่งยืน พร้อมทั้งสนับสนุนการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้เกษตรสมุนไพรไปถึงระดับโลก

“บิ๊กตู่” นำถกครม. ครม.พิจารณาต่อขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน พร้อมประเมินสถานการณ์น้ำท่วมหลังพายุเตี้ยนหมู่ถล่ม

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(คณะ) เต็มคณะ โดยมีคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง สำหรับวาระการประชุมที่น่าสนใจ ที่ประชุมจะมีการพิจารณาการต่อขยายประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 2 เดือน ตั่งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 30 พ.ย. นี้ หลังจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 หรือ ศบค. มีมติวานนี้(27 ก.ย.) ขณะเดียวกันจะมีการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 รวมไปถึงการบริหารจัดการวัคซีนในเดือน ต.ค.- พ.ย. ด้วย 

ขณะที่กระทรวงการคลังจะเสนอเรื่องการทบทวนภาษีสรรพสามิตบุหรี่ให้ที่ประชุมพิจารณา เพื่อให้ใช้อัตราภาษีใหม่ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งส่งผลให้ราคาบุหรี่ในท้องตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น  แต่โครงสร้างภาษีใหม่จะปรับเพิ่มขึ้นให้มากกว่า 20% แต่ไม่ถึง 40% ตามที่เคยกำหนดไว้ก่อนหน้านี้  นอกจากนี้กระทรวงการคลังจะเสนอแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ  65 และกรอบ 5 ปี ให้ครม.พิจารณา ซึ่งสาระสำคัญจะกำหนดเป้าหมายหนี้สาธารณะต่อจีดีพีปี 65 เกินกว่า 60%  โดยมีหนี้ก้อนใหญ่  ขณะเดียวกันจะเสนอวาระเพื่อทราบ เรื่องการขยายกรอบสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 60% เป็นไม่เกิน 70%  ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการวินัยการเงินการคลังไปแล้ว

นายกฯ ร่วมประชาสัมพันธ์ เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย 28 กันยายน 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  และคณะผู้บริหารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าพบเพื่อมอบของที่ระลึก และประชาสัมพันธ์เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย 28 กันยายน (Thai National Flag Day) ประจำปี 2564  ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (20 ก.ย. 2559) เห็นชอบกำหนดให้วันที่ 28 กันยายนของทุกปี เป็นวันพระราชทานธงชาติไทย (Thai National Flag Day) และเริ่มในวันที่ 28 กันยายน 2560 เป็นวันแรก โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ รวมทั้งกำหนดให้มีการชักและประดับธงชาติไทยในวันดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติและเป็นการน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย โดยมี นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เข้าร่วมด้วย

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกส่วนราชการร่วมกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบและตระหนักถึงความสำคัญของธงชาติไทย หรือ “ธงไตรรงค์” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ได้พระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย และพระองค์ทรงกำหนดความหมายของสีธงชาติไว้ว่า สีแดง หมายถึง ชาติ คือประชาชน สีขาว หมายถึง ศาสนา และสีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์ ซึ่งธงไตรรงค์ หรือธงชาติไทย ถือเป็นสัญลักษณ์อันสูงสุดของชาติ เป็นสิ่งเตือนใจให้อนุชนได้รำลึกถึงการเสียสละเลือดเนื้อของบรรพบุรุษ เพื่อรักษาไว้ซึ่งแผ่นดิน และร้อยดวงใจคนทั้งชาติให้เป็นหนึ่ง หล่อหลอมความรักสามัคคีสร้างเสริมความภูมิใจในความเป็นชาติ ก่อเกิดเป็นพลังยิ่งใหญ่ในการพัฒนาชาติไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top