Tuesday, 1 July 2025
Hard News Team

'คณะก้าวหน้า' มั่นใจ สนามเลือกตั้ง อบต. เชื่อ 'ภาคตะวันออก-อีสาน' ไม่หลุดมือ

เมื่อวานนี้ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เปิดเผยถึงความพร้อมในการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายนนี้ โดยระบุว่าคณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครลงครบทุกภาค กว่า 200 ทีม ตั้งแต่ภาคเหนือ อีสาน กลาง ใต้ และจังหวัดชายแดนภาคใต้

นางสาวพรรณิการ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเราประกาศรับผู้สมัครลงเลือกตั้ง อบต. ในนามคณะก้าวหน้า มีผู้สมัครมากว่า 500 ทีม แต่เราคัดเลือกเฉพาะผู้ที่มีอุดมการณ์ และแนวทางการทำงานการเมืองตรงกับเรา 3 ข้อหลักที่เป็นกฎเหล็กคือไม่ซื้อเสียง ไม่ฝักใฝ่ระบอบเผด็จการ และไม่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองหรือพวกพ้อง หากยอมรับ 3 ข้อนี้จึงจะร่วมงานกับเราได้ และในตอนนี้ได้ผู้สมัครแล้วกว่า 210 ทีม โดยจังหวัดที่คึกคักที่สุดคือ ร้อยเอ็ด และอุดรธานี มีผู้ลงสมัครในนามก้าวหน้าเกือบ 20 ทีม ทั้งสองจังหวัด

น.ส.พรรณิการ์ ยืนยันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ผู้สมัครของคณะก้าวหน้าชนะใจประชาชน คือผลงานที่สำเร็จเป็นรูปธรรมแล้วของนายกเทศมนตรีที่ร่วมงานกับคณะก้าวหน้า หลังจบการเลือกตั้งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายก และทีมได้เข้าไปทำงานเพียง 5 เดือนก็มีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชน เช่น 

ที่อาจสามารถ แก้ปัญหาน้ำประปาที่ขุ่น ไหลอ่อน มีกลิ่น จนกลายเป็นน้ำประปาใสสะอาดได้มาตรฐาน ลงทุนเพียงหลักแสน กับเวลาเพียง 5 เดือน ก็สามารถปลดล็อกปัญหาที่เรื้อรังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประชาชนมาหลายสิบปีได้

บอร์ดบีโอไอ ไฟเขียวขยายเวลาหนุนลงทุนเอสเอ็มอี อีก 1 ปี 

น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอ ที่มี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับเอสเอ็มอี อีก 1 ปีจนถึงสิ้นปี 65 โดยมีมาตรการพิเศษสำหรับเอสเอ็มอีคือ กำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5 แสนบาท จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 2 เท่าจากเกณฑ์ปกติ และผ่อนปรนเงื่อนไขต่างๆ รวมถึงการให้สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามเกณฑ์ และยังเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการให้ลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักร

โดยได้กำหนดเกณฑ์การยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 เช่น ระบบอัตโนมัติและการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลและการปฏิบัติการที่ชาญฉลาด หรือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้บริหารจัดการในกระบวนการผลิตและการบริหารองค์กร โดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปี สัดส่วน 100% ของเงินลงทุนในการปรับปรุง แต่ต้องเสนอแผนการลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยยื่นขอรับการส่งเสริมภายในสิ้นปี 65 และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับจากวันที่ออกบัตรส่งเสริม 

น.ส.ดวงใจ กล่าวว่า ที่ประชุมยังรับทราบตัวเลขการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือน (ม.ค. - ก.ย.64) มีจำนวน 1,273 โครงการ เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวม 520,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140% โดยมีมูลค่าสูงกว่าปี 63 ทั้งปี ที่มี 432,000 ล้านบาท และสูงกว่ามูลค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิดช่วงปี 2558 – 2562 ที่มี 483,664 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นสัญญาณที่ดีกับการลงทุนที่กำลังเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยบีโอไอ ประเมินตัวเลขคำขอทั้งปีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 6 แสนล้านบาท 

ทบ. น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.9  เร่งช่วยปชช.น้ำท่วมทุกพื้นที่ พร้อมย้ำรักษาระดับป้องกันโควิด-19 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวันกองทัพบกด้วยระบบออนไลน์เช้าวันนี้ ทางพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้กล่าวถึงห้วงเวลาความสำคัญ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งทุกภาคส่วนได้ร่วมใจน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน โดยทุกหน่วยทหารของกองทัพบกจะจัดกิจกรรมน้อมรำลึก เผยแพร่พระราชกรณียกิจอันยังประโยชน์ให้กับพสกนิกรชาวไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่มุ่งสู่การปฏิบัติตามพระราชปณิธาน “สืบสาน รักษา ต่อยอด” โดยเฉพาะกิจกรรมช่วยเหลือประชาชน จิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์, บริจาคโลหิต การแบ่งปันสิ่งของเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์น้ำท่วม น้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อส่วนรวม

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์ภัยพิบัติที่ยังคงมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้ทุกหน่วยดำรงการดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึงในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมแล้วกับพื้นที่ที่น้ำกำลังจะไปถึง ควบคู่ไปกับการพิจารณานำยุทโธปกรณ์พิเศษเข้าเสริมการปฏิบัติงาน และหน่วยทหาร ในพื้นที่สามารถร้องขอการสนับสนุนมายังกองทัพบกส่วนกลางหรือกรมการทหารช่าง เพื่อนำยุทโธปกรณ์พิเศษสนับสนุนการปฏิบัติได้ตลอดเวลา ตลอดจนให้ประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อที่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

ตำรวจห่วง!! เยาวชนติดซีรีส์ดัง 'Squid Game' เลียนแบบพฤติกรรมรุนแรง

11 ต.ค. 64 - ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ออกมาเตือนการเลียนแบบพฤติกรรมความรุนแรงจากซีรีส์ชื่อดัง Squid Game อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาชญากรรมได้ โดยยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องเฉพาะภาพยนตร์ แต่เป็นนโยบายการสร้างการรับรู้ เพื่อให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลาน 

"หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธ์" ทรงประทานมาลัยกร 9 พวง ในพิธีงานสัตตนาคารำลึก ๒๕๖๔ จังหวัดนครพนม

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธ์ ทรงมีความเลื่อมใสต่อองค์พระพุทธศาสนาเป็นแก่นเเท้ในงานสัตนาคารำลึก ประจำปี ๒๕๖๕ (จัดการภายใน) ทรงประทาน "มาลัยกร  9 พวง" เพื่อถวายบูชาองค์สัตตนาคา/นาโคทั้ง 7 ที่สถิตย์รักษาองค์พระธาตุพนม เเละพร้อมด้วยเชิญผ้าไตรประทานถวายเเด่ "พระเทพวรมุนี" เจ้าอาวาส วัดพระธาตุพนม ที่ปรึกษาเจ้าคณะตภาค 10 โดยทรงโปรดให้ "ดร.พนธ์พันธ์เลิศจันทรางกูร" (ผู้ช่วยเลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธ์) เป็นผู้แทนองค์เชิญไปในการพิธี งาน "สัตตนาคารำลึก 2564"  เพื่อนำเชิญถวาย ณ พระตำหนักสัตตนาคา วัดพระธาตุพนม ตำบาลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในวันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2564 โดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธาน และหัวหน้าส่วราชการในจังหวัดประชาชนเข้าร่วมในพิธีอันเป็นมหามงคลยิ่งนี้ด้วย 

ชาวบ้านปลื้ม นายก สั่ง รมว.เฮ้ง จัดโครงการ DSD จิตอาสาเพื่อสังคม สร้างสุขาลอยน้ำ บรรเทาทุกข์อุทกภัยทั่วไทย

กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดโครงการ DSD จิตอาสาเพื่อสังคม สร้างสุขาลอยน้ำ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทยอยส่งช่วยในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ลพบุรี จ.ชัยนาท จ.ขอนแก่น จ.อ่างทอง และ จ.นครปฐม

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีส่งมอบ สุขาลอยน้ำเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 5 หลัง จังหวัดลพบุรี จำนวน 1 หลัง จังหวัดชัยนาท จำนวน 2 หลัง และจังหวัดนครปฐม ณ บริเวณชั้น 1 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีดังกล่าว โดยนายสุชาติ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานช่วยเหลือแรงงานและพี่น้องประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน และร่องมรสุมทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง เป็นการเร่งด่วน

จากสถานการณ์อุทกภัยดังกล่าว กระทรวงแรงงานได้มีมาตรการ ฟื้นฟูเยียวยาภายหลังน้ำลดแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน และผู้ประสบภัย จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจัดกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน จัดโครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือ สนับสนุนค่าตอบแทน รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ฝึกอาชีพเพื่อให้ประชาชนมีรายได้อย่างต่อเนื่อง กรมการจัดหางาน ให้บริการจัดหางานและส่งเสริมการประกอบอาชีพ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ให้คำปรึกษาด้านสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน สำนักงานประกันสังคม ดูแลสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประสบภัยเรื่องสิทธิประกันสังคม จัดทีมแพทย์และพยาบาลร่วมกับโรงพยาบาลในเครือข่ายให้บริการตรวจสุขภาพในเบื้องต้น และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดโรงครัวจิตอาสาจัดท้ำข้าวกล่อง ตรวจสอบความปลอดภัยของสายไฟภายในบ้าน บริการซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ และเครื่องมือทางการเกษตร

ทั้งนี้ หน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้แก่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) จัดกิจกรรมโครงการ DSD จิตอาสาเพื่อสังคม สร้างสุขาลอยน้ำเพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย จำนวนทิ้งสิ้น 77 หลัง ซึ่งในวันนี้จะส่งมอบไปช่วยเหลือในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และชัยนาท รวมจำนวน 10 หลัง นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จากเครือข่ายพัฒนาฝีมือแรงงาน อาทิ บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด มูลนิธิเอสซีจี ได้มอบ สุขภัณฑ์เคลื่อนที่ จ้านวน 300 ชุด บริษัท หิรัญ เอส เสวี จำกัด บริษัท แวนด้าแพค จำกัด มอบเรืออเนกประสงค์ ไฟเบอร์กลาส จำนวน 50 ลำ และบริษัท บุญถาวรเซรามิค จำกัด มอบสุขภัณฑ์เพื่อนำไปจัดทำสุขาลอยน้ำ จำนวน 60 ชิ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ด้วย

‘คลัง’ เรียกเงินคืนผิดเงื่อนไข 'เราชนะ' ขีดเส้นให้ยื่นอุทธรณ์ได้ ภายใน 15 วัน

11 ต.ค. 64 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการตรวจสอบผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในโครงการเราชนะ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และมีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยประชาชนผู้ได้รับสิทธิ จำนวน 33.2 ล้านคน จะได้รับเงินช่วยเหลือจำนวนไม่เกิน 9,000 บาท ตลอดโครงการ ด้วยการใช้จ่ายกับผู้ประกอบการร้านค้าในโครงการ 1.3 ล้านราย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แอปพลิเคชันเป๋าตัง และบัตรประจำตัวประชาชน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้ประชาชนและผู้ประกอบการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการเราชนะมาโดยตลอด รวมถึงขอให้ประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการ สามารถแจ้งเบาะแสและส่งหลักฐานการกระทำที่ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขโครงการ ให้ สศค. ทราบ และได้มีประชาชนส่งเบาะแสและหลักฐานมาให้ ซึ่ง สศค. จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายสำหรับผู้ที่กระทำผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการต่อไป

“สศค. ได้กำหนดแนวทางเพื่อควบคุมและป้องกันการกระทำผิดวัตถุประสงค์ของโครงการเราชนะอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาสิทธิของประชาชนที่ได้รับในโครงการ และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในโครงการ ที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคำยินยอม (Consent) ที่ได้ตกลงไว้ จึงได้จัดตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะเพื่อติดตามตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายฝ่าฝืนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการอย่างใกล้ชิด โดยในกรณีที่พบการกระทำที่ฝ่าฝืน เช่น การรับแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด เป็นต้น ก็จะดำเนินการระงับสิทธิการเข้าร่วมโครงการ และร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผลการสืบสวนสอบสวนต่อไป” นายพรชัย กล่าว

ยัน!! รัฐทำตามกฎหลังร้านค้าเจอริบเงินเราชนะเพราะผิดเงื่อนไขจริง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังเกิดกรณีที่เกิดกระแสในโลกออนไลน์กรณีกระทรวงการคลังได้ตรวจสอบผู้ประกอบการที่ไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของผู้ประกอบการในโครงการเยียวยาของรัฐ โครงการเราชนะ ตรวจพบลักษณะธุรกรรมที่ผิดเงื่อนไขทั้ง ร้านค้ารับสแกนแล้วแลกเป็นเงินสด มีการสแกนเงินเต็มวงเงินสิทธิ (1,000 หรือ 2,000 บาท ) จำนวนมาก และร้านค้าออนไลน์ที่รับสแกนซื้อ-ขายข้ามจังหวัด หรือบางรายอยู่นอกพื้นที่ในเวลาใกล้เคียงกัน ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะการประกอบกิจการของผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนไว้กับโครงการ  จึงจำเป็นต้องมีหนังสือประทับตราแจ้งคำสั่งผลการพิจารณาให้ผู้ประกอบการ 2,099 ราย ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการเราชนะ 

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการสามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่ง พร้อมแสดงหลักฐานให้ทบทวนผลการพิจารณาต่อผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งกระทรวงการคลังมีขั้นตอนการดำเนินงานกับผู้ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไข ตั้งแต่ การระงับสิทธิการใช้แอปพลิเคชันถุงเงิน ชั่วคราวจนถึงการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามลำดับ รวมทั้งยังจัดตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะ เพื่อติดตามตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายฝ่าฝืนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ อย่างใกล้ชิด 

'หมอวรงค์' เปิดกลยุทธ์เขย่าแก๊ง 3 นิ้ว ย้ำ ยินดีชี้ทางสว่าง หลังถูกหลอกใช้มานาน

11 ต.ค. 64 - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า #เอากบออกจากกะลา 

หลังจากที่ผม #มาคุยกันไหม มีพี่น้องห่วงใย และอยากรู้ความคิดผม ผมบอกตรงๆ เลยว่า การต่อสู้ของเราต้องมีกลยุทธ์ ในการดึงเขาให้ออกมาเล่นในสนามของเรา 

ที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้ มีแต่อ้างปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ หลอกลูกหลาน เยาวชน นักศึกษาให้ออกมาเป็นหัวหอก จ้องให้ร้ายสถาบันเบื้องสูง ผมไม่เคยเชื่อคนพวกนี้ 

อดีตรองอธิการมธ. โต้เฟกนิวส์ 3 นิ้ว! ร่ายยาวเปิดความจริงกรณีสวรรคต 'ร.8'

11 ต.ค. 64 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วันที่ 13 ตุลาคมที่จะถึงนี้ จะเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวง ร.9 ของปวงชนชาวไทย

ไม่ทราบว่ารัฐบาลจะจัดพิธีรำลึกถึงพระองค์ท่านอย่างไรบ้าง ส่วนประชาชนทั่วไปก็คงจะทำบุญ ตักบาตร ถวายเป็นพระราชกุศล ใน social media ก็คงจะมีการโพสต์พระบรมฉายาลักษณ์ และข้อความเทิดพระเกียรติกันอย่างเนืองแน่น และแน่นอนว่าในเพจของสำนักข่าวต่างๆ ก็จะโพสต์เรื่องราวของพระองค์กันแทบทุกเพจ

เพจของสำนักข่าวต่างๆ ที่อยู่ในค่ายของกลุ่ม 3 นิ้ว ที่ผูกขาดเรียกตัวเองว่าเป็นสื่อประชาธิปไตย ก็คงจะโพสต์พระบรมฉายาลักษณ์และเรื่องราวของพระองค์กันทุกสำนัก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าสำนักข่าวเหล่านี้ ในโอกาสทำนองนี้ทุกครั้ง มักเลือกมุมที่เหมือนกับเป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้ติดตามเข้ามาแสดงความเห็นที่เป็นลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

กระนั้น การแสดงความเห็นที่เป็นลบต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ก็มักจะวนเวียนอยู่กับเรื่อง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือกรณีสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เรื่องที่ 2 คือเรื่องพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ก่อให้เกิดโครงการตามพระราชดำริต่างๆ ว่าเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินเพียงเพื่อเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ และไม่ได้ประโยชน์จริงต่อประชาชนที่เดือดร้อนแต่อย่างใด และยังมีการกล่าวหาว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อหรือ propaganda อีกด้วย

ในโอกาสนี้จึงใคร่ขอนำไปสำรวจข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยขอเริ่มที่ กรณีสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลก่อน

การสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ขณะนั้นเป็นรัฐบาลของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือนายปรีดี พนมยงค์ ในวันสวรรคต รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์ฉบับแรกว่าสาเหตุของการสวรรคตเป็นอุบัติเหตุ จากอาวุธปืน

ในการสอบสวนชันสูตรพระบรมศพในชั้นแรกมิได้ทำอย่างละเอียด แพทย์ประจำพระองค์ หลวงนิตย์เวชวิศิษฐ์ เป็นแพทย์ที่ถูกตามมาเป็นคนแรก ได้ทำความสะอาด เช็ดพระโลหิต และได้พบบาดแผลเหนือคิ้วซ้าย และได้ทำความสะอาดบาดแผล ซึ่งลักษณะเป็นรอยแฉก 4 แฉก จึงทำความสะอาดบาดแผล และเย็บแผลให้ติดกัน โดยไม่พบรอยกระสุนออกแต่อย่างใด 

ต่อมา รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนพฤติการณ์สวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลขึ้น เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2489 มีประธานศาลฏีกาเป็นประธาน และมีนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นเลขานุการ คณะกรรมการได้อนุญาตให้ประชาชนเข้าฟังการสอบสวนได้ ชาวบ้านจึงเรียกคณะกรรมการสอบสวนชุดนี้ว่า "ศาลกลางเมือง"

ในวันเดียวกัน อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ได้เชิญคณะแพทย์มาร่วมเป็นกรรมการชันสูตรพระบรมศพ มีพลตรี พระยาดำรงแพทยาคุณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นประธาน

ก่อนหน้านั้น ในวันที่ 10 มิถุนายน ขณะทำการเช็ดพระวรกาย นายแพทย์ หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ ได้พบรูกระสุนขนาด 1 นิ้ว ที่พระปฤษฎางค์ (ท้ายทอย) ซึ่งพิสูจน์ได้ในภายหลังว่าเป็นรูกระสุนออกจริง และต่อมาคณะกรรมการแพทย์กับคณะกรรมการสอบสวนจึงได้ทำการตรวจ และชันสูตรพระบรมศพอย่างละเอียดในวันที่ 21 มิถุนายน 2489 และได้มีการทดลองยิงศพต่างๆ ณ ห้องตรวจศพ โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 22 มิถุนายน

ในการประชุมวันที่ 23 มิถุนายน คณะแพทย์ลงความเห็นว่า สาเหตุของการสวรรคตเป็นไปได้ 3 ประการคือ 1.) อุบัติเหตุ 2.) ปลงพระชนม์เอง 3.) ถูกลอบปลงพระชนม์

จากการสอบปากคำของผู้ที่เกี่ยวข้อง และอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดของศาลกลางเมือง สรุปพอสังเขปได้ว่า

1.) หลังจากเสด็จประพาสสมุทรสาคร จังหวัดถวายเลี้ยงอาหารทะเล ผู้ที่กินปูทะเลมีอาการท้องเดินทุกคนพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลก็เช่นกัน ทรงประชวรพระนาภี (ท้อง) มาก วันที่ 8 มิถุนายน แพทย์จึงถวายน้ำมันละหุ่ง และพระโอสถออบตาลิดอน

2.) เช้าวันที่ 9 มิถุนายน เวลาประมาณ 5 น.เศษ สมเด็จพระราชชนนี พร้อมด้วยมหาดเล็กรับใช้อีก 2 คน เสด็จไปยังห้องบรรทม ทรงปลุกและถวายน้ำมันละหุ่ง นมสด และน้ำอุ่น จากนั้นบรรทมต่อ 

3.) เวลาประมาณ 8 น. นายบุศย์ ปัทมศริน มหาดเล็กเฝ้าหน้าห้อง เห็นว่าทรงตื่นบรรทม เสด็จออกจากห้องสรง จึงนำน้ำส้มคั้นไปถวาย พระเจ้าอยู่หัวโบกพระหัตถ์ไม่เสวย แล้วเสด็จขึ้นแท่นบรรทม

4.) เวลาประมาณ 9 น. สมเด็จพระอนุชาเสด็จมาหน้าห้องแต่งพระองค์ พระเจ้าอยู่หัว รับสั่งถามอาการจากนายบุศย์ ปัทมศริน และนายชิต สิงหเสนี มหาดเล็กหน้าห้อง ทั้งคู่ทูลตอบว่าทรงสบายขึ้น ขณะนี้บรรทมต่อ สมเด็จพระอนุชาจึงเสด็จไปที่ห้องพระราชชนนี จากนั้นเสด็จประทับอยู่ที่ห้องเครื่องเล่น ซึ่งอยู่ติดกับห้องบรรทมของพระองค์

5.) เวลาประมาณ 9.30 น. มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด นายชิตได้ยินแต่ไม่แน่ใจว่าเสียงมาจากไหน ประมาณ 2 นาทีจึงเข้าไปในห้องบรรทม นายบุศย์คงรออยู่หน้าห้อง นายชิตให้การว่า เห็นพระเจ้าอยู่หัวบรรทมเหมือนปกติ แต่เห็นโลหิตเปื้อนพระศอและพระอังสา (ไหล่) ซ้าย นายชิตวิ่งไปที่ห้องพระบรรทมสมเด็จพระราชชนนี กราบทูลว่า ในหลวงยิงพระองค์ แต่ปรากฏความจริงในภายหลังว่า นายชิตเองไม่ได้เห็นเหตุการณ์เนื่องจากเข้าไปหลังได้ยินเสียงปืน 

6.) นางสาวจรูญ ตะละภัฏ ข้าหลวงของสมเด็จพระราชชนนี กำลังทำงานให้ห้องบรรทมของสมเด็จพระอนุชา ได้ยินเสียงปืน เสียงวิ่งและเสียงกราบทูลของนายชิต จึงวิ่งออกมาผ่านห้องเครื่องเล่น สมเด็จพระอนุชาประทับอยู่ห้องเครื่องเล่น ได้ยินเสียงคนวิ่ง เสียงสมเด็จพระราชชนนีกรรแสง จึงเสด็จออกจากห้องเครื่องเล่น พอดีได้พบกับนางสาวจรูญ จึงรับสั่งถามว่า "เกิดอะไรกัน" นางสาวจรูญกราบทูลไปตามที่ได้ยินจากนายชิต สมเด็จพระอนุชาจึงทรงรีบเสด็จตามไปยังห้องพระบรรทม

7.) สมเด็จพระราชชนนีเสด็จถึงก่อน นายชิตแหวกพระวิสูตร (มุ้ง) เห็นพระเจ้าอยู่หัวบรรทมหงายอยู่ในท่าหลับธรรมดา นางสาวเนื่อง จินตดุลย์ พระพี่เลี้ยง ตามเข้าไป เห็นสมเด็จพระราชชนนีอยู่ปลายพระแท่น โถมกอดสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เห็นพระเจ้าอยู่หัวบรรทมหงายอยู่บนพระยี่ภู่ (ที่นอน) พระเศียรหนุนพระเขนยเอียงไปทางขวาเล็กน้อย มีผ้าคลุมจากพระบาทถึงพระอุระ พระกรทั้ง 2 ข้างเหยียดไปอย่างธรรมดา พระหัตถ์ไม่งอ พระพักตร์มีพระโลหิตไหลเปื้อนเปรอะ พระเนตรปิดสนิท ไม่ได้ทรงฉลองพระเนตร นางสาวเนื่อง เป็นผู้ที่เห็นปืนวางอยู่บนบนผ้าคลุมบริเวณข้อศอกซ้าย ใกล้ๆ พระกร หันปากกระบอกปืนไปยังปลายพระบาท จึงใช้นิ้วชี้มือขวา กับนิ้วหัวแม่มือ จับกลางตัวปืนไปวางไว้บนตู้ด้านซ้ายมือ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top