Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

บอร์ดพืชน้ำมัน เคาะแผนบริหารการนำเข้ามะพร้าวปีนี้

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) และโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการบริหารการนำเข้ามะพร้าวผล ตามกรอบความตกลง AFTA ปี 2564 ช่วงที่ 2 (เดือนก.ย. – ธ.ค. 2564) โดยใช้ผลการรับซื้อผลผลิตมะพร้าวในประเทศของผู้ประกอบการฯ ตั้งแต่วันที่  1 ม.ค. - 6 ส.ค. 2564 มาพิจารณาจัดสรรปริมาณนำเข้าให้แก่ผู้มีสิทธินำเข้าในอัตรา 1 : 2.5 (นำเข้า 1 ส่วน ต่อการรับซื้อมะพร้าวผลในประเทศ 2.5 ส่วน) จำนวน 15 ราย รวมปริมาณจัดสรรนำเข้า 78,477 ตัน  

นอกจากนี้ เพื่อปกป้องเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก คณะกรรมการพืชน้ำมันฯ ได้มีมติเห็นชอบการใช้มาตรการปกป้องพิเศษ  ภายใต้ความตกลง WTO ปี 2564 โดยใช้หลักการคำนวณที่ปริมาณสินค้ามะพร้าว 311,235 ตัน ซึ่งคำนวณจากข้อมูลปริมาณการนำเข้ามะพร้าว ย้อนหลังเฉลี่ย 3 ปี (ปี 2561 – 2563) โดยหากมะพร้าวที่นำเข้ามาในประเทศไทยรวมกันเกินกว่าปริมาณ 311,235 ตัน ทางกรมศุลกากรจะจัดเก็บอากรในอัตราที่เพิ่มขึ้น 

ทั้งนี้ สศก. คาดการณ์ ว่า ปี 2564 จะมีผลผลิตมะพร้าว 0.876 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการใช้ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 1.269 ล้านตัน และคาดว่าในปีนี้ จะมีการนำเข้ามะพร้าวและผลิตภัณฑ์รวม 0.418 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการใช้ในช่วงครึ่งปีแรกยังคงชะลอตัว ส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรขายได้มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคามะพร้าวผลใหญ่ที่เกษตรกรขายได้ในเดือนสิงหาคม 2564 เฉลี่ยผลละ 8.19 บาท ลดลงจาก 11.91 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หรือลดลง 31.23%

‘ดร.วรัชญ์’ โพสต์ข้อความตอบคำถาม ทำไมรัฐซื้อซิโนแวก เพิ่ม ชี้! ฉีดไขว้ AZ ได้ผลดี และหากสั่งซื้อตอนนี้ ได้ของเร็วสุด

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Warat Karuchit’ ระบุถึงประเด็นรัฐบาลสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวกเพิ่ม ว่า Vaccine Q&A

คำถามข้อที่ 1

Q: ทำไมต้องสั่ง Sinovac เพิ่ม?

A: เหตุผลอย่างน้อย 2 ข้อคือ

1.) เพื่อนำมาฉีดเป็นเข็มแรกให้สูตรผสมที่มี AZ เป็นเข็มสอง เนื่องจากเหตุผล 2 ข้อคือ (1.) ระยะเวลาการฉีดเข็ม 2 สั้นกว่า AZ-AZ ทำให้ได้วัคซีนครบโดสเร็วกว่า (2.) สูตรนี้พิสูจน์แล้วว่าสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี ใกล้เคียงหรือสูงกว่า AZ-AZ (ซึ่งสูตร AZ-AZ ก็ยังคงมีการฉีดอยู่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของวัคซีนในขณะนั้น) แสดงให้เห็นว่า แม้ SV+SV ที่ช่วงแรกได้ฉีดไป จะสร้างภูมิคุ้มกันได้น้อยกว่าสูตรอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวัคซีน SV ไม่มีผลในการป้องกันโรคเลย สามารถนำมาฉีดเป็นเข็มแรกที่ต่อด้วยวัคซีนอื่นได้ผลดีเช่นกัน ต้องย้ำว่าครั้งนี้สั่ง SV มาฉีดเป็นเข็มแรกเท่านั้น ไม่ได้สั่งมาเพื่อฉีดเป็นเข็มที่ 2 (หรือ 3)

2.) เป็นวัคซีนที่สั่งแล้วได้ของเร็วที่สุด คาดว่าน่าจะได้ในเดือน ก.ย.นี้ ที่ Pfizer ยังไม่ได้ จึงสามารถนำมาเสริมกับ AZ ในการฉีดให้ได้วงกว้างที่สุด (ซึ่งการฉีดสลับ ต้องเริ่มจากตัวที่สร้างภูมิน้อยก่อน คือ SV-AZ หรือ SV+SV+PZ หรือ AZ+PZ แต่ไม่ใช่ PZ เป็นเข็มแรก ดังนั้นจึงต้องสั่ง SV มาให้มากพอในการฉีดเข็มแรกให้ได้มากที่สุด หาก PZ เข็มแรกก่อน จะต้องเก็บไว้ให้เข็มสองด้วย จะได้จำนวนน้อยลง ซึ่งการได้ฉีดเข็มแรก ไม่ว่าจะยี่ห้ออะไร ก็มีส่วนป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตให้ลดน้อยลงได้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ WHO ที่เร่งฉีดวัคซีนใด ๆ ก็ได้ให้มากที่สุด เร็วที่สุดก่อน และ Sinovac ก็ผ่านการรับรองจาก WHO และ COVAX เองก็สั่งซื้อ Sinovac เข้าโครงการเพิ่มด้วย

(ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมไม่สั่ง Sinopharm แทน Sinovac คำตอบก็คือ เป็นเทคโนโลยีเดียวกัน ผลที่ได้ค่อนข้างใกล้เคียงกันครับ)

คำถามข้อที่ 2

Q: ทำไมไม่สั่ง Pfizer เพิ่ม?

A: สั่งไปแล้ว 20 ล้านโดส และสั่งเพิ่มอีก 10 ล้านโดส ทั้งหมดจะได้แบบทยอยมาใน Q4 (ต.ค.) แต่บางส่วนอาจได้ก่อน (ตามที่เจรจาไว้) ในเดือน ก.ย. ก็จะนำมาฉีดให้เร็วที่สุด

(เขียนจากความเข้าใจส่วนตัวของผม โปรดอย่าอ้างอิงตำแหน่งหรือสังกัดใด ๆ ครับ)


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4875349222480678&id=100000169455098&_rdc=2&_rdr


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

การบินไทย เปิดตารางบิน ส.ค. – ต.ค.นี้ ทั้งในและต่างประเทศ

นายนนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมให้บริการเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศ ระหว่างเดือนส.ค. – ต.ค. 2564 เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการการเดินทาง รวมทั้งปรับตารางบินให้เป็นไปตามกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยในเส้นทางในประเทศ ประกอบด้วย เส้นทาง กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบินที่ ทีจี 922 ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี และเที่ยวบินที่ ทีจี 916 ออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันศุกร์ โดยเริ่มทำการบิน ตั้งแต่ เดือนก.ย.-ต.ค.2564 

ส่วนเส้นทางสนับสนุนโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ คือ เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-แฟรงก์เฟิร์ต ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี, เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-ลอนดอน ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันศุกร์, เส้นทาง กรุงเทพฯ-ปารีส-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออก จากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี และเส้นทาง กรุงเทพฯ-ซูริก-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันศุกร์

ขณะที่ เส้นทางยุโรปและออสเตรเลีย คือ เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ลอนดอน ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ และอาทิตย์, เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-แฟรงก์เฟิร์ต ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน  โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันเสาร์ และอาทิตย์, เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โคเปนเฮเกน ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันอังคาร และเสาร์ (หมายเหตุ : เดือนกันยายนทำการบินเฉพาะวันเสาร์), เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ซิดนีย์ ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ และอาทิตย์

รวมถึงเส้นทางเอเชีย คือ เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ โดยให้บริการในเดือนต.ค. 2564, เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โอซากา ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกพฤหัสบดี และเสาร์, เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โตเกียว (นาริตะ) ทำการบินสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันอังคาร พฤหัสบดีและเสาร์

เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โตเกียว (ฮาเนดะ) ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันอังคาร และเสาร์, เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-นาโกยา ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี และอาทิตย์, เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โซล ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพฤหัสบดี และอาทิตย์, เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ไทเป ทำการบินสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ และศุกร์ และเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-จาการ์ตา ทำการบินสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยออกจากกรุงเทพฯ ทุกวันพุธ

ผบก.ตม.3 – ผกก.ตม.จว.ปทุมธานี  นำข้าราชการตำรวจ ร่วมทำบุญถวายน้ำมันเผาศพโควิด และอุปกรณ์ป้องกัน ณ วัดเขียนเขต ปทุมธานี

พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุญยศิริ ผบก.ตม.3 ได้ร่วมกับ ตม.จว.ปทุมธานี นำโดย พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโลผกก.ตม.จว.ปทุมธานี และ ข้าราชตำรวจในสังกัด ตม.จว.ปทุมธานี ถวายน้ำมันเชื้อเพลิง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ได้แก่ เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย ชุด PPE  แด่พระธรรมรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาส วัดเขียนเขต ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อนำไปใช้ในการฌาปนกิจศพผู้ที่เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19ของทางวัดต่อไป

พ.ต.อ.เจริญพงษ์  กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายและข้อสั่งการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.และ พล.ต.ต.รุ่งโรจน์  ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3 ที่ได้มีความห่วงใยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  และทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลถึงการประกอบพิธีทางศาสนาและการดำเนินการฌาปนกิจของวัดต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น  ทำให้วัดต่าง ๆ มีวัสดุอุปกรณ์ในการดำเนินการไม่เพียงพอ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของวัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ทาง ผบก.ตม.3 ได้ร่วมกับ ตม.จว.ปทุมธานี นำข้าราชการตำรวจในสังกัด ตม.จว.ปทุมธานี ร่วมกันทำบุญถวายน้ำมันเชื้อเพลิง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับทางวัดเพื่อใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เผาศพผู้ที่เสียชีวิตจากโควิดต่อไป และทางวัดจะได้มีอุปกรณ์ไว้ใช้ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด อย่างเพียงพอและมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย  โดยการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ทาง ตม.จว.ปทุมธานี จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง และขอเป็นกำลังใจในการก้าวข้ามผ่านวิกฤตนี้โดยเร็ว

‘ดร.นิว’ โพสต์แขวะ ‘ธนาธร’ ปลุกปั่นม็อบแต่ดันหนีม็อบ ส่วน ‘ปิยบุตร’ ทวิตซัด ‘ไอโอหัวเกรียน’ ตามแอบถ่ายในสนามบิน

จากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้เดินทางไปฝรั่งเศส เพื่อลงแข่งวิ่งเทรลรายการระดับโลกปลายเดือนสิงหาคมนี้ และปรากฏภาพขณะอยู่ที่สนามบินว่อนเน็ตนั้น หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า ธนาธร ไปครั้งนี้จะกลับมาหรือไม่?

โดย ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า เพื่อนปิยบุตรส่งมาให้ดูครับ ขณะนี้มีใครบางคนกำลังพาลูกเมียเดินทางออกนอกประเทศครับ ออกจากประเทศไทย เวลา 18.30 น. ไปถึงประเทศสิงคโปร์ เวลา 20.55 น. 
#ม็อบ18สิงหา หรือจะสู้ #บินไปเมืองนอก18สิงหา
#ปลุกปั่นลูกชาวบ้านไปม็อบส่วนลูกฉันไปเที่ยว

เขามีสมัครวิ่งเทรลที่ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 23-29 สิงหาคม 2564 ภายใต้ชื่อ JUANG Than สามารถเข้าไปเช็กได้ที่ https://utmbmontblanc.com/en/page/108/the-2021-runners.html ส่วนจะกลับมาหรือไม่? จะเหมือนกรณีไปดูโอลิมปิกหรือไม่? โปรดติดตามตอนต่อไป

ขณะที่ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ได้โพสต์ภาพนายธนาธร พร้อมครอบครัว ในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า ลูกเมียหนียกแผง ความ_____________กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่ จงไปคิดดูเถิด ลูกฉันนั้นต้องรอด Bye Bye นะเด็กสามกีบ

จากนั้น นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เขียนข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ สวนทันควันว่า เมื่อวานด็อกเตอร์ไอโอ 2 คน ปล่อยข่าวเที่ยวบินของธนาธร แล้วข้อความนี้ก็ว่อนในกรุ๊ปไลน์ต่าง ๆ วันนี้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มี “ชายหัวเกรียน” จำนวนมากไปดักรอถ่ายรูปธนาธรเดินทาง บังเอิญว่าในยุคสมัยนี้ มีไม่กี่อาชีพที่ต้องถูกบังคับตัดหัวเกรียนเสียด้วย

ต่อมา ด็อกเตอร์ไอโอ 2 คน ก็โพสต์ภาพธนาธรที่สนามบิน แล้วทันใดนั้น ก็มีทวิตเตอร์แปลก ๆ อีกหลายบัญชี โพสต์ตาม ข้อความเดียวกัน รูปเดียวกัน อ้างว่า “เพื่อนปิยบุตร” ส่งมา แหม่ บังเอิญว่า ผมไม่มีเพื่อนทำงานอาชีพที่ถูกบังคับให้หัวเกรียนด้วย

คนพวกนี้เอาข้อมูลการเดินทางส่วนบุคคลออกมาเปิดเผยได้อย่างไร? ข้อมูลมาจากหน่วยงานของรัฐไหน? ละเมิดสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนบุคคลหรือไม่? และ “ชายหัวเกรียน” จำนวนมาก ทำไมต้องไปรอดักถ่ายรูปธนาธรที่สนามบิน? เจ้าหน้าที่รัฐกินภาษีประชาชนมีหน้าที่แบบนี้หรือ? #ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่


ที่มา : https://web.facebook.com/story.php?story_fbid=4460096204052983&id=100001579425464&_rdc=2&_rdr
https://web.facebook.com/ArnondSak/photos/a.104846874985174/219883673481493/
https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1427978643674906625


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สภาถกงบต่อวันที่ 2 “ก้าวไกล” ถามหาบรรทัดฐานแสดงภาพประกอบในห้องประชุม หลังถูกเบลอภาพ “บิ๊กป้อม” ด้าน “พิธา” เสนอตัดงบช่วยพัฒนาเมียนมาร์ ก่อนงบกระทรวงการคลังผ่านฉลุย

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 วาระ2 ต่อเป็นวันที่สอง ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระประชุม นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ และนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้หารือกรณีส.ส.พรรคก้าวไกล ที่นำภาพสไลด์มาประกอบการอภิปราย แต่ปรากฎว่าถูกเจ้าหน้าที่เบลอภาพ เช่น ภาพของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แต่บางพรรคเอารูปพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มาประกอบได้ อยากทราบว่า มีการพิจารณาเป็นบรรทัดฐานเดียวกันหรือไม่ เพราะนายศุภชัยมีหน้าที่รับผิดชอบกลั่นกรองสไลด์ และภาพ ที่นำมาอภิปราย โดยนายศุภชัย ชี้แจงยืนยันใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับส.ส.ทุกคน ไม่เคยมีคำสั่งให้เบลอภาพพล.อ.ประวิตรหรือใครคนอื่น เว้นแต่เป็นเรื่องที่สะท้อนความรุนแรง และความเสียหาย เจ้าหน้าที่จะเสนอเรื่องขึ้นมาให้ตนพิจารณา การตัดสินใจของตนว่าสไลด์หรือภาพใดจะผ่านหรือไม่นั้น ไม่ได้วินิจฉัยคนเดียว แต่ผ่านการกลั่นกรองของสำนักกฎหมาย และสำนักประชุมอย่างรอบคอบ เรื่องนี้ตนระวังอยู่แล้วซึ่งให้ความเป็นธรรมกับทุกคน 

จากนั้น ประธานฯ ในที่ประชุม ได้ดำเนินการประชุมต่อเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ ในส่วนของมาตรา 9 งบประมาณกระทรวงการคลังและหน่วยงานในกำกับ วงเงิน  10,948,797,100 บาท โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอลดงบกระทรวงการคลังเหลือ 10,945,262,429บาท ในส่วนของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน เกี่ยวกับโครงการพัฒนาเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาร์ ที่กำลังมีปัญหาเรื่องผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ สูญหาย จากเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศ สิ่งที่รัฐบาลไทยควรทำตอนนี้คือ สร้างช่องทางการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม โดยไม่ผ่านกองทัพ แต่การที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการพัฒนาเมืองเมียวดี เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลทหารเมียนมาร์ จึงจำเป็นต้องตัดลดงบประมาณส่วนนี้ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ 1.มิติเศรษฐกิจที่ชายแดนแม่สอด - เมียวดียังมีสถานการณ์สู้รบบริเวณชายแดน และจีดีพีเมียนมาร์ปีนี้ติดลบ 18% การไปช่วยเหลือรัฐบาลเมียนมาร์มาจึงไม่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง 2.มิติหลักสากล ที่ทั้งสหประชาชาติและธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย ไม่มีหน่วยงานใดอนุญาตใดให้มีการเบิกจ่าย และชะลอโครงการช่วยเหลือพัฒนาเมียนมาร์ หลังเหตุการณ์รัฐประหาร แต่การที่กระทรวงการคลังยังสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารเมียนมาร์ เป็นการส่งสัญญาณว่าเราให้คุณค่ากับการปกครองแบบใด จึงต้องขอปรับลดงบกระทรวงคลัง

ด้าน นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอตัดงบกระทรวงการคลัง 5% จากหลายสาเหตุ อาทิ แนวคิดที่กำลังจะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพื่อที่กระทรวงการคลังจะได้หารายได้เก็บภาษีจากบุหรี่ไฟฟ้า โดยกระทรวงกำลังจะศึกษาเรื่องนี้และยังได้เชิญบริษัทบุหรี่ไฟฟ้ามาให้ข้อมูลและร่วมเสวนา ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าทางการจะทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการพูดกันว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา และทำให้สูบน้อยลง ในทางกลับกันข้อมูลจากประเทศอเมริกากลับระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้คนสูบหรี่มากขึ้น นอกจากนี้ ขอคัดค้านในส่วนของงบปะมาณช่วยเหลือเพื่อนบ้าน จำนวน 589 ล้านบาท โดยให้เป็นเงินที่นำไปให้ผู้รับเหมาสร้างถนน สะพาน ตนเสียดายเงิน และขอแนะนำให้กระทรวงการคลังควรให้เป็นทุนการศึกษามากกว่า ซึ่งจะเป็นผลดีต่อไทยและเพื่อนบ้านมากกว่า

จากนั้น เวลา 11.00 น. ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบมาตรา 9 งบประมาณกระทรวงการคลัง ตามที่กมธ.แก้ไข ด้วยคะแนนเห็นด้วย 252 เสียง ไม่เห็นด้วย 79 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง และไม่ลงคะแนน 2 เสียง 

ว่างงานยังน่าห่วงไตรมาสที่ 2 พุ่งเกือบ 2%

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยอัตราการว่างงานของไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 64 ว่า ปัจจุบันตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง โดยการว่างงานยังอยู่ที่ระดับ 1.9% ใกล้เคียงกับ 2% ในไตรมาสก่อน แต่ยังคงอยู่สูงกว่า 1% ในปี 62 ช่วงก่อนหน้าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเมื่อพิจารณาในรายสาขาการผลิตพบว่าสาขาท่องเที่ยว และบริการที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งสาขาด้านการผลิตสื่อและกิจกรรมบันเทิงอื่น ๆ ยังได้รับผลกระทบรุนแรง และมีอัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนในช่วงนี้ที่กำลังเกิดวิกฤตจากการบาดของไวรัสโควิดอย่างหนัก  

สำหรับสาขาที่มีการว่างงานสูงสุด พบว่า สาขาตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยว มีอัตราการว่างงาน 23.8% สาขาการขนส่งทางอากาศ 21.2% สาขาที่พักแรม 10.6% สาขาการผลิตภาพยนตร์ วีดิทัศน์ และรายการโทรทัศน์ การบันทึกเสียงลงบนสื่อและการจัดพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่ดนตรี 5.3% สาขาการจัดผังรายการและการแพร่ภาพกระจายเสียง 4.8% สาขากิจกรรมด้านการกีฬา ความบันเทิง และการนันทนาการ 3.6% สาขากิจกรรมไปรษณีย์และการรับส่งพัสดุภัณฑ์ 3.1% และสาขากิจกรรมการสร้างสรรค์ศิลปะและความบันเทิง 2.8%  

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแยกตามสาขาอาชีพ จากข้อมูลพบว่า ในช่วงปี 63 ทุกอาชีพมีอัตราการว่างงานสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดีในปี 64 ยังมีอัตราการว่างงานในบางสาขาอาชีพลดลงจากปีก่อน ทั้ง พนักงานบริการ พนักงานขายในร้านค้าและตลาด ผู้ปฏิบัติการเครื่องจักรโรงงานและเครื่องจักร และผู้ปฏิบัติงานด้าน การประกอบ ขณะที่ในบางสาขาอาชีพอัตราการว่างงานยังคงเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ ช่างเทคนิคสาขาต่าง ๆ และผู้ประกอบวิชาชีพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และเสมียน  

‘นิกร’ ย้อนความหลัง ถ้า วันนี้บรรหารอยู่ คงได้ฟังคอมเม้นต์ สถานะการณ์บ้านเมือง

นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา เขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว รำลึกเนื่องในวันคล้ายวันเกิด นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า "19 สิงหาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดท่านบรรหาร ศิลปอาชา บุคคลสำคัญท่านหนึ่งซึ่งควรค่าที่ผมระลึกถึง ปกติตอนท่านยังอยู่เราก็จะเปิดบ้านจรัล รับมิตรสหายผู้คนที่มาอวยพร จากนั้นท่านบรรหารจะให้ผมจัดแถลงข่าวให้ความเห็นต่อสถานะการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นโดยท่านมักจะให้ความเห็นที่เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างไม่ละเลยแต่มีความเป็นกลางๆเสมอ ช่วงหลังที่ท่านจากไปแล้วพวกเราจะไปร่วมทำบุญเพื่อท่านที่ครอบครัวศิลปอาชาจัดขึ้นที่สุพรรณบุรีทุกปี แต่ปีนี้ด้วยสถานการณ์COVID-19 จึงต้องงดไปในปีนี้ แต่ไม่เป็นไรเพราะไม่ว่าจะเป็นเมื่อใด อย่างไร ท่านก็จะอยู่ในใจของพวกเราเสมอไป"

“จุรินทร์”หวัง “พรรคร่วมรบ.-ฝ่ายค้าน-ส.ว.” จับมือแก้รธน. เพื่อให้ถึงฝั่งฝัน อย่างน้อยนำร่องแก้รัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นปชต.ยิ่งข้ึน

ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2และวาระ 3 ในที่ประชุมร่วมรัฐสภาสัปห์ดาหน้าว่า สำหรับพรรคประชาธิปตย์ ยังยืนยันชัดจนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ซึ่งหลักการในร่างที่ผ่านวาระที่2 ก็ยังเป็นไปตามหลักการเดิม คือการเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ และมีส.ส.เขต 400 คน แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน  ซึ่งพรรคจะต้องยืนยันหลัการให้เป็นไปตามนี้ และถ้ามีประเด็นไหนที่ไม่สอดคล้องกับหลักนี้ ก็จะแปรญัตติเพื่อให้กลับเข้าสู่หลักที่ประชุมรัฐสภาได้รับหลักการไป ทั้งนี้พรรคยืนยันว่าจะสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะถือว่าเป็นร่างของพรรคตั้งแต่ต้น
  เมื่อถามว่าเบื้องต้นได้มีการพูดคุยกันพรรคการเมืองต่างๆ และส.ว.เพื่อให้สนับสนุนร่างของพรรคประชาธิปัตย์ให้ผ่านไปได้หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับในพรรคการเมืองต่างๆ ก็ได้มีการประสานกันอยู่ โดยเฉพาะในการทำหน้าที่เป็นกมธ.ฯร่วมกัน เพียงแต่เราก็ต้องเคารพในการตัดสินใจซึ่งกันและกัน  ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองและส.ว.ก็มีสิทธิ์ที่จะใช้ดุลพินิจ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้อย่างน้อย 3 ส่วน คือพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน และส.ว. ต้องจับมือร่วมกัน ไม่เช่นนั้นก็ผ่านยาก 
 เมื่อถามวา ดูแนวโน้มแล้วจะสามารถไปถึงฝั่งฝันหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนอยากให้ไปถึงฝั่งฝัน และอยากให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน เพราะเป็นเจตนารมณ์ชัดเจนของพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ต้น และเป็นร่างเดียวที่ผ่านขั้นรับหลักการ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการนำร่องการแแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิไตยยิ่งชึ้น เปิดโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกที่มีเสรีภาพ หรือมีสิทธิมากขึ้นในการตัดสินใจระหว่างคนกับพรรคแยกออกจากกันได้ 
 

พล.อ.ประวิตร  ประชุม คกก."คุ้มครองมรดกโลก"  ขอบคุณคนไทยทั้งประเทศ  ร่วมสนับสนุน"แก่งกระจาน" ได้ขึ้นเป็นมรดกโลก   เห็นชอบเสนอไทยเป็นเจ้าภาพ  จัดประชุมครั้งที่46  สร้างการยอมรับ สู่ระดับสากล 

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา10.00น.  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 2/2564 โดยมี รมว.วธ. และ ปล.ทส. เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบ Video Conference

ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ แนวทางการดำเนินงานตามมติ คณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 44 ที่ได้มีการประชุม โดยให้ไทยต้องรายงาน สถานภาพ การอนุรักษ์ แหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่ม"ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่" รวมถึง ความคืบหน้าการปฏิบัติการ เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดและค้าไม้พะยุงโดยมอบให้ กรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและ เสนอคณะอนุกรรมการ มรดกโลกทางธรรมชาติ ต่อไป พร้อมทั้งได้เห็นชอบให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ จัดทำรายงานตามมติ ของคณะกรรมการมรดกโลก ภายหลังขึ้นทะเบียน พื้นที่กลุ่มป่า"แก่งกระจาน"เป็นมรดกโลกแล้ว จากการประชุมครั้งที่ผ่านมา เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อม ต่อภารกิจของผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพสากล ว่าด้วยการอนุรักษ์ (IUCN)ภายใต้สถานการณ์ โควิด-19 และให้ศึกษาความเป็นไปได้ ในการขยายขอบเขตแหล่งมรดกโลกข้ามพรมแดน รวมทั้ง ได้มีมติเห็นชอบ เสนอให้ไทยเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่46 ในปี พ.ศ.2566 (ไทยเคยเป็นเจ้าภาพ ครั้งที่18 พ.ศ.2538) เพื่อยกระดับมาตรฐานประเทศไทย ให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล เนื่องจากไทยมีศักยภาพ และมีความพร้อมในการจัดการประชุมระดับนานาชาติแล้ว ที่ผ่านมา

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวขอบคุณ ประชาชนทั้งประเทศที่ให้การสนับสนุน พร้อม คณะกรรมการฯ ,ก.ทรัพยฯ,ก.วัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ดำเนินการอนุรักษ์ และคุ้มครองมรดกโลก ที่ผ่านมา ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ เรื่องการได้รับเลือกให้กลุ่มป่าแก่งกระจาน ขึ้นเป็น มรดกโลกแล้ว นำมาซึ่งการส่งเสริม การอนุรักษ์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล สะท้อนการบริหารจัดการที่มีคุณภาพของภาครัฐ และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งได้เชิญชวนคนไทย ร่วมสนับสนุน ให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม คณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 46 ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top