Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

“ประวิตร” ถก กก.ขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ ไฟเขรยว “อ่างเก็บน้ำคลองกะพง-โครงการสูบผันน้ำ จากคลองสะพานแนว เพิ่มน้ำอ่างประแสร์ “ ช่วยปชช. มีน้ำสะอาดอุปโภคบริโภค-เกษตรกรรม-อุตสาหกรรม 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 4/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์

โดยที่ประชุมเห็นชอบสำหรับเรื่องพิจารณาที่สำคัญ ที่ประชุมได้เห็นชอบโครงการอ่างเก็บน้ำ "คลองกะพง จ.ฉะเชิงเทรา" มีความจุ 27.5 ล้าน ลบ.ม. และ"คลองวังโตนด จ.จันทบุรี" มีความจุ 99.5 ล้าน ลบ.ม.โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า และประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และเห็นชอบโครงการสูบผันน้ำ จากคลองสะพานแนวที่ 2 จ.ระยอง เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างประแสร์ ได้มากถึง 50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตร อุตสาหกรรม โดยเฉพาะ รองรับอีอีซีเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟู เศรษฐกิจของประเทศ 

นอกจากนั้นรับทราบความก้าวหน้าของโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ในภาพรวมของประเทศ ที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว จากกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) 39โครงการและโครงการที่ผ่าน ครม.แล้ว 34 โครงการเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการโดยเร่งด่วน และรายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง และรับทราบการขอใช้พื้นที่ป่าสำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อประชาชน ,ความคืบหน้า โครงการจัดหาแหล่งน้ำรองรับ พื้นที่รัศมี 30 กม.รอบสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาน้ำและการบริหารจัดการน้ำ เป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนทั่วประเทศ ทั้งนี้จากการดำเนินงานของ
สทนช. กอนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุ่มเทการทำงานได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และกำชับให้เร่งรัดโครงการต่างๆให้บรรลุเป้าหมาย ภายใต้งบประมาณที่ได้รับอย่างประหยัด คุ้มค่า โปร่งใส เพื่อให้ประชาชน เกษตรกรและภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ มีน้ำสะอาดใช้ อย่างเพียงพอตลอดปี และต้องมีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ แก่ประชาชนให้รับทราบด้วย ควบคู่กันไป

“หมอระวี”ออกโรงค้าน “ประยุทธ์”ซัด คำสั่งให้ซื้อ ATK ตาม WHO ทำ อย.-องค์การเภสัช เตรียมหน้าแหก 

ที่รัฐสภา นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงการจัดซื้อ Antigen test kit หรือ ATK ของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) จำนวน 8.5 ล้านชุด ให้กับคนไทยทั่วประเทศได้ตรวจฟรี ว่า ตนไม่เห็นด้วยที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสั่งการให้จัดหาชุด ATK ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) มีจำหน่ายในประเทศไทย และมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO)เพราะจะทำให้ต้องมีการล้มการประมูลในครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทเอกชนสามารถฟ้องร้องต่อ อย.ได้ เนื่องจากมีการประมูลอย่างถูกต้องทุกอย่าง แต่มาล้มโดยไม่มีเหตุผล ทั้งนี้ถ้าเปิดการประมูลใหม่โดยมีเพียง 2 บริษัทที่ชุดตรวจ ATK ผ่านการรับรองของ WHO ก็ไม่ทราบว่าราคาจะปรับสูงขึ้นไปเท่าไหร่

“ถ้าดำเนินการตามที่นายกฯสั่งการ อย.และองค์การเภสัชกรรม จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แสดงว่าที่คุณทำไม่มีคุณภาพ ไม่มีประสิทธิภาพ ห่วย ทั้งๆที่เขาก็ทำตามระบบที่ถูกต้องตามคำสั่งของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะทำตามคำสั่งใคร ก็จะเกิดข้อขัดแย้ง”นพ.ระวี กล่าว

นพ.ระวี กล่าวอีกว่า ตนขอเสนอทางออกให้นำชุดตรวจ ATK ของประเทศจีนที่ชนะการประกวดราคา จำนวน 1,000 ชุดมาทำการทดสอบใหม่โดยโรงพยาบาลของรัฐที่มีมาตรฐาน 5 ที่ แล้วให้โรงพยาบาลละ 200 ชุด เช่น จุฬาลงกรณ์ ศิริราช ธรรมศาสตร์ บำราศนราดูร และ วชิระพยาบาลฯ ให้ทำการทดสอบอย่างเร่งด่วน โดยตรวจควบคู่กับวิธี RT-PCR (Polymerase chain reaction) คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 3 วันจะได้ผลตรวจทั้งหมด ถ้าพิสูจน์แล้วว่า ชุดตรวจ ATK มีคุณภาพ ก็สามารถสั่งซื้อตามขั้นตอนได้เลย และชมรมแพทย์ชนบทก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าคุณภาพชุดตรวจ ATK  ของบริษัทนี้ไม่มีมาตรฐาน องค์การเภสัชก็ควรจะยกเลิกการประมูลในครั้งนี้ได้ โดยที่บริษัทจากจีนจะไม่สามารถฟ้องร้องได้”นพ.ระวี กล่าว 

“ผมมีวิธีที่ 2 ที่จะทำให้เร็วขึ้น โดยให้ 3 บริษัทที่ชนะประมูลที่ราคาต่ำสุด ส่งตัวอย่างมาที่ละ 1,000 เทสไปให้องค์การเภสัชฯ จากนั้นส่งไปให้ 5 รพ.ของรัฐทำการตรวจ โดยใช้วิธีตรวจของ lepu ก่อน ถ้าไม่ผ่าน ก็ตรวจของบริษัทต่อไป พบว่าของใครผ่านการตรวจสอบ อย.ก็สามารถเซ็นสัญญาได้ วิธีนี้จะทันการณ์กับความต้องการของประเทศไทย”นพ.ระวี กล่าว

สภากาชาดไทย ส่งหนังสือด่วนมาก ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด-นายกอบจ. 38 จังหวัด เปิดแผนกระจายวัคซีนโมเดอร์นา ใหม่ เพิ่มเติม ห้ามฉีดเป็นวัคซีนเข็มที่ 3

นายกฤษฎา บุญราช ผู้ช่วยเลขาธิการฯ ปฏิบัติการแทน เลขาธิการสภากาชาดไทย ส่งหนังสือด่วนมาก เรื่อง แนวทางการบริหารวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 Moderna สภากาชาดไทย ถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด และ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 38 จังหวัด เพื่อนำไปฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่ม ดังนี้

1.) คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีมีครรภ์

2.) ผู้สูงอายุ 70 ปี ขึ้นไป

3.) บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล

4.) ผู้ที่ทำงานประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู้สอนหนังสือ

5.) บุคลากรที่ออกปฏิบัติงานสัมผัสประชาชนตามโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนครั้งนี้ และบุคคลที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน เนื่องจากติดขัดระเบียบกฎหมายทางราชการ และได้มีการขี้แจงแนวทางการบริหารจัดการวัคซีน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ไปแล้ว นั้น

เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ได้กำหนดการจัดหาวัคซีนนำมาฉีดให้กับประชาชนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปตามแนวทางหรืออยู่ในการกำกับดูแลของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำเนินการฉีดวัคซีนตามโครงการนี้ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 กลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงเป็นลำดับแรก สภากาชาดไทยจึงขอแจ้งแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 Moderna เพิ่มเติม ดังนี้

1.) ขอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือ ส่วนราชการที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สำรวจจัดทำข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย พร้อมรายชื่อสำรองอีกร้อยละ 30 ของจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่จังหวัดได้รับการจัดสรรวัคซีน ตามแบบฟอร์ม Whitelist ของระบบหมอพร้อม ส่งให้คณะกรรมการโรคติดต่อถึงจังหวัดพิจารณาตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของกลุ่มเป้าหมาย

และให้ส่งบัญชีข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้ว ให้สภากาชาดไทยเพื่อนำไปตรวจสอบคุณสมบัติตามรายชื่อของกลุ่มเป้าหมายกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ อาจมีการนำรายชื่อดังกล่าวแสดงทางเว็บไซต์ของสภากาชาดไทยเพื่อให้สาธารณชนตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสด้วย ก่อนนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบหมอพร้อมต่อไป ทั้งนี้ ขอให้จัดส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าว ให้สภากาชาดไทยภายในวันที่ 30 กันยายน 2564 ผ่านอีเมล์ [email protected] โดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มและข้อมูลต่าง ๆ ได้ที่ลิงก์ shorturl.asia/067rS

2.) ในการกำหนดจำนวนประชาชนและกลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 กลุ่ม ว่าจะฉีดให้กลุ่มใดจำนวนมากน้อยเท่าใดนั้น ขอให้จังหวัดให้ความสำคัญกับกลุ่มเข้าหมายที่เป็นกลุ่มเสี่ยง โดยเรียงลำดับความสำคัญจากกลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ 4 และกลุ่มที่ 5 ตามลำดับ ทั้งนี้ประชาชนกลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 4 และกลุ่มที่ 5 นั้น ต้องไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน หรือห้ามนำไปฉีดเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 (Booster) โดยเด็ดขาดเนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากยังไมได้รับวัคนเข็มที่ 1 แต่อย่างใด

3.) เนื่องจากมีบางจังหวัดจะขอเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคชีน โดยอ้างว่าประชาชนตามกลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 กลุ่ม ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วนั้น จังหวัดจะต้องมีการแสดงข้อเท็จจริงพร้อมหลักฐานที่ชัดเจนว่าประชาชนทั้ง 5 กลุ่มเป้าหมาย ได้รับการวัคซีนครบแล้ว จึงจะขอขยายหรือเพิ่มกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้ โดยจะต้องให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมีมติรับรองการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวด้วย แล้วส่งไปยังสภากาขาดไทยพิจารณาก่อน

อนึ่ง สภากาชาดไทยขอเรียนว่า โครงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางครั้งนี้ ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างสภากาชาดไทยกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสังคมเป็นอย่างมาก จึงขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่เข้าร่วมโครงการได้โปรดช่วยกันดูแลกำกับการดำเนินงานของโครงการให้เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสภากาชาดไทยและองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วยความโปร่งใสและเคร่งครัดด้วย


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ย้อนอดีต 'อีกมุมหนึ่ง' ของตอลิบาน จากคำบอกเล่าของ 'อีวอน ริดลีย์' นักข่าวชาวอังกฤษ

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'ฟีโรส ข่าน' ได้โพสต์มุมมองอีกด้านของกลุ่มตอลิบานลงกลุ่ม 'ประชาชาติแห่งอิสลาม (Islamic Nations) ผ่านเรื่องราวในปี 2001 ที่นักข่าวท่านหนึ่งของอังกฤษถูกจับตัวโดยตอลิบาน ว่า... 

...เดือนกันยายน 2001 'อีวอน ริดลี่ย์' เป็นหัวหน้านักข่าวของซันเดย์เอ็กซ์เพรส หนังสือพิมพ์ของอังกฤษ เธอแอบปลอมตัว สวมชุดคลุมทั้งตัวแบบผู้หญิงอัฟกันเข้าไปในอัฟกานิสถานผ่านทางชายแดนปากีสถาน

“ฉันเป็นคนเขียนข่าวด้านมนุษยธรรมเกี่ยวกับความหวัง และความกลัวของชาวอัฟกัน ฉันเข้ามาในอัฟกานิสถานได้สองวันแล้ว ก่อนที่จะโดนตอลิบานจับตัว เพราะเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและไม่มีวีซ่า”

>> อีวอน ริดลีย์ คิดในตอนโดนตอลิบานจับกุมตัวว่า หากเธอไม่โดนข่มขืนหมู่ละก็ คงโดนขว้างด้วยหินจนตายแน่ 
.
“ฉันเดาไม่ออกเลยว่าจะเจ็บปวดยังไง แต่ก็สวดมนต์ว่า หากจะตายละก็ ขอให้ตายเร็ว ๆ หน่อย”

>> เธอเล่า ตอนนั้นเธอถูกขังไว้ที่จาลาลาบัด ตอลิบานคิดว่าเธอเป็นสปาย ต่อมาถูกย้ายไปกรุงคาบูล

>> อีวอนโดนตอลิบานจับกุมไว้ 10 วันเต็ม ในไดอารีของเธอ อีวอนกลับบันทึกไว้ว่า... 

“พวกเขา (ตอลิบาน) บอกเสมอว่า ฉันคือแขกของพวกเขา และบอกว่าหากฉันเสียใจ พวกเขาก็เสียใจด้วย ฉันไม่อยากเชื่อเลย ฉันอยากให้ใคร ๆ ที่บ้านรู้จังเลยว่า ฉันได้รับการปฏิบัติจากตอลิบานอย่างไร พนันกันเลยว่าทุกคนต้องคิดว่าฉันถูกตาลิบานทรมาน ทุบตี และทำทารุณกรรมทางเพศ แต่เปล่าเลย ฉันได้รับการปฏิบัติด้วยความสุภาพและให้เกียรติ เหลือเชื่อเลยจริง ๆ”

>> วันที่ 6 ล่ามบอกเธอว่า “พยายามทำตัวเป็นคนดีหน่อย คุณมีแขกพิเศษมาเยี่ยม” วันนั้นอิหม่ามมาเยี่ยมเธอ ถามเธอเรื่องศาสนา และเธอคิดอย่างไรกับอิสลาม แม้เธอจะรู้เรื่องอิสลามน้อยมาก อีวอนตอบอย่างกระตือรือร้น เมื่ออิหม่ามถามว่าเธอจะเปลี่ยนมารับอิสลามไหม อีวอนตอบว่า เธอไม่สามารถตัดสินใจกับชีวิตทั้งชีวิตได้ตอนอยู่ในคุกนี้ แต่สัญญาว่า หากออกไปจากคุกแล้วเธอจะอ่านอัล-กุรอาน 

“มุลลอฮ โอมาร์ ผู้นำด้านจิตวิญญาณของตาลิบาน สั่งปล่อยตัวฉันในวันที่ 8 ตุลาคม 2001 ซึ่งการปล่อยตัวดังกล่าวสร้างความตะลึงพรึงเพริดให้กับโลกตะวันตก เพราะสหรัฐฯ และอังกฤษเพิ่งเริ่มถล่มอัฟกานิสถานก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียว ตอนคาบูลโดนถล่ม ไม่มีใครคิดหรอกว่าฉันจะรอดชีวิตมาได้”

“พวกหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในโลกตะวันตกทั้งหลายเตรียมคำพาดหัวกันไว้เลยว่า ฉันจะพูดว่าโดน ‘ทรมาน’ / ‘ทำร้าย’ / ‘ถูกข่มขืน’ แต่ทั้งนักหนังสือพิมพ์และนักการเมืองทั้งหมดต้องช็อกกับคำบอกเล่าของฉัน...

***ทุกคนต้องการเหยื่อ 
***พวกเขาต้องการได้ยินฉันบอกว่าโดนทรมาน ทุบตี อะไรทำนองนั้น แต่เปล่าเลย ตอลิบานดีสุด ๆ กับฉัน”  

>> เมื่อกลับถึงลอนดอน อีวอนเริ่มอ่านคัมภีร์อัล-กุรอานตามที่ให้สัญญาไว้กับตอลิบัน

“ฉันตกใจมากกับสิ่งที่ฉันกำลังอ่าน ไม่มีแม้แต่ขีดเดียว ตัวอักษรเดียว ที่ถูกเปลี่ยนแปลงตลอด 1,400 ปีที่ผ่านมา ฉันคาดว่าในอัล-กุรอานจะเต็มไปด้วยบทต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับว่า จะทุบตีภรรยาคุณอย่างไร กดขี่ลูกสาวคุณอย่างไร แต่กลายเป็นว่ากลับเจอการส่งเสริมเสรีภาพของผู้หญิงแทน”

>> เธอบอกว่าสิ่งที่เธอเจอในอิสลามคือ “แนวทางการใช้ชีวิต หลักเกณฑ์แห่งชีวิตที่สะอาดและเรียบง่าย สิทธิเสรีภาพของสตรีหลายอย่างที่โลกตะวันตกยังปฏิเสธ”

“ฉันกล่าวชาฮาดาฮ์รับอิสลามในวันที่ 30 มิถุนายน 2003” อีวอนบอกว่า “ฉันได้เข้ามาอยู่ในครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดในโลก หากเรายังคงจับมือกันไว้มั่นคงแบบนี้ ไม่มีใครสามารถทำลายเราได้หรอก”

แล้วพ่อแม่ของเธอผู้นับถือเชิร์ชออฟอิงแลนด์ในเมืองเดอร์แฮมว่าไงล่ะ? “ตอนแรกทั้งครอบครัวและเพื่อนฝูงของฉันรับไม่ได้เลย แต่ตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่าฉันมีความสุขมากขึ้น สุขภาพดีขึ้น และพอใจในสิ่งที่ฉันเป็น” “แม่ฉันเนี่ยดีใจมาก ๆ เลยที่ฉันเลิกเหล้าได้ซะที!”

>> อีวอนคิดอย่างไรเกี่ยวกับสตรีในอิสลาม?
“มีผู้หญิงที่โดนกดขี่ในโลกมุสลิม แต่ฉันก็สามารถพาคุณไปดูผู้หญิงกำลังโดนกดขี่ที่ถนนไทน์ไซด์ของอังกฤษได้เช่นเดียวกัน”

“การจำกัดสิทธิสตรีเป็นเรื่องของวัฒนธรรมท้องถิ่น ไม่ใช่อิสลาม คัมภีร์อัล-กุรอานพูดไว้ชัดแจ๋วเลยว่าผู้หญิงมีสิทธิเสมอภาคกับผู้ชาย”

>> และชุดแบบสตรีมุสลิมของเธอก็แสดงให้เห็นพลังแห่งสตรี, เธอบอกว่า... 

“แล้วจะมีเสรีภาพได้อย่างไรล่ะ หากผู้หญิงยังถูกมองแค่ว่าสะโพกใหญ่เท่าไหร่ ขายาว ขาสวยรึเปล่า”

>> อีวอนคิดว่าสื่อมวลชนตะวันตกอคติต่ออิสลามหรือเปล่า?

“มีแน่นอน ส่วนใหญ่มาจากการที่นักข่าวตะวันตกขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอิสลาม บางคนก็เขียนข่าวตามที่รัฐบาลป้อนให้หมด บางคนก็ถูกหลอกให้เขียนข่าวโฆษณาชวนเชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

จากประสบการณ์ของเธอในอัฟกานิสถาน มีตัวอย่างข่าวจากที่นั่นบ้างไหมที่เป็นการสร้างภาพให้ตรงข้ามกับความจริง?

“สิ่งที่ถูกเรียกว่าการปลดปล่อยกรุงคาบูลน่ะ กลายเป็นเรื่องโกหกโดยสื่อมวลชนที่บิดเบือนภาพที่แท้จริง เพื่อให้ถูกใจผู้ชมในโลกตะวันตก อย่างภาพที่ถ่ายออกมาให้เห็นว่า ผู้หญิงโยนชุดคลุมลงในกองไฟ ผู้ชายอัฟกันโกนเครานั้น สิ่งที่กล้องไม่ได้ถ่ายให้คุณดูด้วยในตอนนั้นก็คือ ภาพที่สื่อมวลชนตะวันตกแสนร่ำรวยเหล่านี้ จ่ายเงินให้กับนักแสดงเหล่านั้นคนละเท่าไหร่ สื่อตะวันตกต้องการส่งภาพ ‘ความสุข’ เหล่านี้ไปให้ผู้คนที่บ้านเท่านั้นเอง และก็มีเรื่องโกหกพกลมเรื่องความลับ เรื่องนิวเคลียร์ของบินลาเดน มีนักข่าวคนหนึ่งจ่ายเงิน 500 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อเอาเรื่องราวเกี่ยวกับแผนการนิวเคลียร์ของบินลาเดน แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเนื้อหาในวิชาฟิสิกส์ของเด็กนักเรียน!”


ที่มา : https://www.facebook.com/groups/207754263078206/permalink/1178672692653020/
https://www.theguardian.com/media/2001/oct/09/terrorismandthemedia.afghanistan
http://edition.cnn.com/2001/WORLD/europe/10/08/gen.ridley.fate/index.html


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ป่วยโควิดทะลุล้านแล้ว พท.บี้ “ประยุทธ์” เร่งจองวัคซีน NOVAVAX 

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในที่สุดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทะลุเกิน 1 ล้านคนแล้วในวันนี้ โดยอยู่ที่  1,009,710 ราย สอดคล้องกับแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของนักวิชาการม.มหิดล หากแบบจำลองนี้มีความคาดเคลื่อนต่ำ ก็มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้ติดเชื้อสะสมของไทยจะแตะ 4 ล้านคนในเดือนต.ค.นี้ ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการตรวจรักษาในระดับที่ลึกขึ้นนั้นไม่เพียงพอต่อการระบาดของโรค ผู้ติดเชื้อบางรายไม่ทราบว่าเชื้อลงปอดแล้วหรือไม่ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เห็นอาจจะไม่สะท้อนความเป็นจริง เนื่องจากในระบบการรักษาในโรงพยาบาลหรือ Hospitel ลดการกักตัวหรือรักษาจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน แต่ในบางประเทศเพิ่มการกักตัวเป็น 21 วันเพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อตายแล้ว และไม่เอาไปแพร่เชื้อให้ผู้อื่นอีก    

น.ส.อรุณี กล่าวอีกว่า อยากเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค. ทำหน้าที่ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์สักครั้งก่อนพ้นตำแหน่ง   โดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดหารถโมบายเคลื่อนที่ เพื่อตรวจเอกซเรย์ปอดหาเชื้อให้กับผู้ป่วยโควิด ซึ่งจะสามารถส่งต่อโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ลดอัตราการเสียชีวิตได้ รวมทั้งเร่งสั่งจองจัดหาวัคซีนที่ป้องกันสายพันธ์เดลต้าได้ และวัคซีน NOVAVAX ที่มีรายงานประสิทธิภาพสามารถป้องกันการแสดงอาการป่วยได้มากกว่า 90% และป้องกันป่วยหนักได้ 100%  ศบค.ต้องเร่งดำเนินการทันที โดยอาจจะใช้เป็นวัคซีนหลักหรือเป็นวัคซีนบูสเตอร์ก็ได้ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์บริหารผิดพลาดล้มเหลวจนยอดคนตายพุ่งสูง ต้องยอมเปิดหูเปิดตาดูตัวอย่างจากต่างประเทศว่าบริหารจัดการอย่างไร รอฟังแต่รายงานคนใกล้ชิดที่ประจบสอพลอ ถึงแก้ปัญหาไม่ได้  หยุดไล่ตามปัญหา แล้วเดินหน้าวางแผนงานป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ปัญหาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่บุคลากรไม่พอ แต่ถามว่าเรามีวัคซีนในมือกี่โดส" น.ส.อรุณี กล่าว

จับตา คลังเตรียมเสนอ ครม. ยืดเก็บ VAT 7% ต่ออีก 2 ปี          

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง  เปิดเผยว่า กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบให้ขยายเวลามาตรการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 10% เหลือ 7% ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. 2564 ออกไปอีก 1-2 ปี เพื่อเบาเทาความเดือดร้อนประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19"สถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดโควิด-19 ตอนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการขึ้นภาษี VAT ดังนั้นกรมสรรพากรจึงเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาการเก็บภาษี VAT 7% ออกไป 1 หรือ 2 ปี โดยการที่เสนอทางเลือกให้ขยายนานถึง 2 ปีด้วยนั้น เพราะเห็นว่าโควิด-19 ยังกระทบกับเศรษฐกิจอีก 1-2 ปี ถึงจะเริ่มฟื้นตัวได้ และที่ผ่านมาการเสนอคง VAT ก็จะมีทั้ง 1 ปี และขอขยายทีเดียว 2 ปีเลย หากเห็นว่าเศรษฐกิจมีปัญหามาก เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการมีความมั่นใจและวางแผนธุรกิจในระยาวได้" แหล่งข่าว กล่าว

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า การคงเก็บภาษี VAT ที่ 7% จะไม่กระทบกับการเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2564 และ 2565 เนื่องจากการทำงบประมาณในส่วนของการประมาณการเก็บรายได้มีการประเมินไว้แล้วว่าจะไม่มีการเพิ่มภาษี VATอยู่แล้ว โดยการขึ้นภาษี VATทุก 1% จะทำให้รัฐบาลเก็บรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 7 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ คาดว่านายอาคม  เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง จะนำข้อเสนอเรื่องการขยายเวลามาตรการลดการจัดเก็บภาษี VAT จาก 10% เหลือ 7% ออกไปอีก 1 ปี หรือ 2 ปี ให้ ครม. พิจารณาภายในเดือนนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนได้วางแผนในการลงทุนและเกิดความมั่นใจเศรษฐกิจมากขึ้น

"การคงภาษี VAT 7% ไม่ได้ขึ้นเป็น 10% ทำให้รัฐบาลเก็บภาษีได้น้อยลง แต่เป็นผลดีกับเศรษฐกิจโดยรวมมากกว่า เพราะในวิกฤตโควิด-19ที่เศรษฐกิจขยายตัวลดลงมาก ประชาชนและผู้ประกอบการมีรายได้ลดลง แต่รายจ่ายยังเท่าเดิม การขึ้น VATตอนนี้จะเป็นการซ้ำเติมให้ประชาชนและผู้ประกอบการมีภาระมากขึ้น จนทำให้มีปัญหาเศรษฐกิจขยายตัวลดลงเพิ่มมากขึ้นไปอีก" แหล่งข่าว ระบุ

ครอบครัว ‘ธนากิจอำนวย’ แถลงการณ์ยืนยัน ‘ไฮโซลูกนัท’ แพทย์สรุปตาขวาไม่สามารถมองเห็นได้อีก ต้องรักษาต่อเนื่องอีกกว่า 6 เดือน เตรียมยื่นฟ้องตำรวจทั้งแพ่งและอาญา เหตุใช้วิธีสลายการชุมนุมผิดหลักสากล

19 สิงหาคม 64 เฟชบุ๊ก “Nat Thanakitamnuay” ของนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ที่โดนลูกหลงถูกยิงด้วยของแข็งเข้าที่บริเวณใบหน้าจนคิ้วขวาแตกได้รับบาดเจ็บระหว่างเข้าร่วมชุมนุม เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 64 ที่บริเวณแยกดินแดง โพสต์ระบุว่าอยู่ที่ กรมทหารราบที่ 1 ถ.วิภาวดี-รังสิต พร้อมข้อความ ว่า “I’m back cr: ไข่แมวชีส ดวงตาหนึ่งข้างที่ดับไปตลอดกาล แต่ผมไม่เคยมองเห็นชัดเจนขนาดนี้มาตลอดชีวิต #เผด็จการจงพินาศประชาราษฎร์จงเจริญ”

นอกจากนี้ยังมีการโพสต์แถลงการณ์ ดังนี้...

คำแถลงการณ์

กรณีอาการบาดเจ็บของนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย (คุณลูกนัท)

ตามที่ได้ปรากฏข่าวสารเผยแพร่ทั่วไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ว่า นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย (ลูกนัท) ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้าและดวงตาจากการดำเนินการควบคุมและสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ ณ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและแยกดินแดง กรุงเทพมหานคร จนต้องเข้ารับการตรวจรักษาจากคณะแพทย์นั้น

นายธนัตถ์ฯ และครอบครัวธนากิจอำนวย ขอขอบคุณคณะแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษาและผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ตลอดจนญาติมิตรที่ได้กรุณาช่วยเหลือ หรือติดตามสอบถามอาการบาดเจ็บของนายธนัตถ์ฯ และความคืบหน้าในการตรวจรักษาด้วยความห่วงใยและปรารถนาดีมาโดยตลอด ในการนี้ นายธนัตถ์ฯ และครอบครัว

ขอเรียนต่อสาธารณชนว่า ที่ผ่านมาทางครอบครัวและคณะแพทย์ผู้รักษายังไม่เคยให้ข่าวใด ๆ กับสื่อมวลชนหรือบุคคลที่มิใช่สมาชิกในครอบครัว ฉะนั้น ครอบครัวธนากิจอำนวยจึงขอแถลงข้อมูลตามความเป็นจริง โดยมีรายละเอียดดังนี้

ในประการแรก นายธนัตถ์ฯ ได้รับบาดเจ็บโดยมีบาดแผลฉีกขาดเป็นรูปครึ่งวงกลมที่บริเวณคิ้วขวา ลักษณะเกิดจากการถูกกระแทกด้วยวัตถุของแข็งไม่มีคม ลักษณะเป็นกระบอกกลม ซึ่งคณะแพทย์ผู้ตรวจรักษาได้ตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่านายธนัตถ์ฯ มีแผลบวมช้ำที่เบ้าตาขวาและมีบาดแผลฉีกขาดที่คิ้วขวา กระจกตาขวาฉีกขาด ลูกตาขวาแตก จอประสาทตาขวาลอก จากนั้น นายธนัตถ์ฯ จึงได้เข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บจากคณะแพทย์ด้วยการผ่าตัดแล้ว ปัจจุบันมีอาการเบื้องต้นปลอดภัยและทรงตัว แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์เพิ่มเติมต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลามากกว่า 6 เดือน โดยแพทย์มีความเห็นว่าภายหลังการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว ดวงตาข้างขวาของนายธนัตถ์ฯ จะไม่สามารถมองเห็นได้อีก

ครอบครัวธนากิจอำนวยขอเรียนว่า นายธนัตถ์ฯ ได้เข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้บัญญัติรับรองเสรีภาพดังกล่าวไว้ โดยนายธนัตถ์ฯ มีเจตนาที่จะแสดงความคิดเห็นและชุมนุมอย่างสงบโดยยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีมาแต่แรกเริ่ม โดยตลอดการร่วมชุมนุมนายธนัตถ์ฯ ได้แสดงออกและพยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกันและหลีกเลี่ยงพฤติการณ์ใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรง หรือความเสี่ยงต่อความรุนแรง ความวุ่นวาย และความเสียหายแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดังที่ได้ปรากฏหลักฐานเป็นที่รับทราบโดยทั่วไป

ทั้งนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) หรือเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องนั้นจะมีอำนาจหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายและดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม แต่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวโดยเคารพและคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพและความปลอดภัยโดยรวมของประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุม

อย่างไรก็ตาม ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในระหว่างการชุมนุมนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้เลือกใช้มาตรการในการสลายการชุมนุมหลายประการที่มีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตหรือร่างกายของผู้เข้าร่วมชุมนุม เช่น การยิงแก๊สน้ำตา หรือการยิงกระสุนยางเข้าใส่กลุ่มประชาชนผู้ชุมนุม ทั้งที่การชุมนุมดังกล่าวยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือสถานการณ์การใช้ความรุนแรงถึงระดับที่จะเป็นเหตุให้รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการที่มีความรุนแรงในการสลายการชุมนุมดังกล่าว หรือหากแม้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในขณะนั้นอยู่ในสภาวะที่จำเป็นจะต้องใช้มาตรการยิงแก๊สน้ำตา หรือยิงกระสุนยาง ก็ตาม การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวก็จะต้องกระทำไปตามหลักการและมาตรฐานสากล

กล่าวคือ ในการปฏิบัติการยิงแก๊สน้ำตานั้น ต้องใช้วิธีการยิงแบบวิถีโค้งในลักษณะโพรเจกไทล์ (Projectile) โดยต้องไม่ทำการยิงวิถีตรงหรือเล็งเข้าหาตัวบุคคลอย่างเด็ดขาด และในส่วนของการยิงหรือใช้กระสุนยางนั้นต้องเล็งยิงไปในบริเวณที่ต่ำกว่าเอวหรือบริเวณขาเท่านั้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นแก๊สน้ำตาหรือกระสุนยาง ต้องห้ามยิงจากที่สูงหรือมุมสูงโดยเด็ดขาด ซึ่งในกรณีของนายธนัตถ์ฯ เกิดจากการยิงแก๊สน้ำตาที่ไม่ใช่การยิงแบบวิถีโค้ง จนเกิดเป็นความเสียหายที่ไม่อาจประเมินได้นั่นเอง

ดังนั้น นายธนัตถ์ฯ และครอบครัวจึงเห็นว่าการใช้มาตรการสลายการชุมนุมดังกล่าวเป็นการใช้กําลังและเครื่องมือควบคุมฝูงชนที่เกินจําเป็น ไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับแนวทางสากลในการจัดการและควบคุมฝูงชน ทั้งยังเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุและไม่ชอบด้วยกฎหมาย จนเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากรวมถึงนายธนัตถ์ฯ ได้รับบาดเจ็บอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมของประชาชน

ด้วยเหตุนี้ นายธนัตถ์ฯ และครอบครัวจึงมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิในการดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งในคดีอาญา คดีแพ่ง และคดีอื่นใด กับบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อนายธนัตถ์ฯ เนื่องจากการใช้อำนาจหน้าที่ การปฏิบัติการ และการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวจนถึงที่สุดในทุกวิถีทาง โดยมีเจตนาเพื่อที่จะให้เป็นบรรทัดฐานและแบบอย่างในการปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธของประชาชนตามรัฐธรรมนูญฯ ที่บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของตน และอยู่ร่วมกันในสังคมโดยสามารถแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ รวมถึงเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของนายธนัตถ์ฯ และครอบครัวตามกรอบของกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญฯ โดยการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นนี้นายธนัตถ์ฯ และครอบครัวมิได้มีเจตนาและมิได้มีความประสงค์ที่จะให้บุคคล กลุ่มบุคคล หรือฝ่ายการเมืองใดนำไปใช้ประโยชน์ในทางการเมือง ไม่ว่าในลักษณะหรือแง่มุมใดก็ตาม

ครอบครัวธนากิจอำนวยขอเรียนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายธนัตถ์ฯ ถือเป็นความสูญเสียครั้งร้ายแรงของครอบครัว ซึ่งครอบครัวธนากิจอำนวยหวังว่าการดำเนินการใด ๆ ต่อจากนี้ จะช่วยไม่ให้เกิดความสูญเสียหรือความรุนแรงในลักษณะเดียวกันต่อบุคคล หรือประชาชนที่ต้องการแสดงออกทางความคิดของตนโดยสงบและปราศจากอาวุธ โดยขอยืนยันว่าการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญฯ ของประชาชนต้องไม่ถูกขัดขวางหรือคุกคามโดยรัฐ รวมทั้งการใช้อำนาจหรือการปฏิบัติงานของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายต้องเป็นไปตามแนวทางสันติวิธีและเป็นไปตามหลักสากล โดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลังหรือการทำให้เกิดความรุนแรงใด ๆ

ขอแสดงความนับถือ
ครอบครัวธนากิจอำนวย
วันที่ 19 สิงหาคม 2564


ที่มา : https://www.facebook.com/nat.tanat.democrat/posts/10165228930350648


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กระทรวงแรงงาน ออกระเบียบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างฉบับใหม่ อำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างใช้สิทธิรับเงินสงเคราะห์ได้รวดเร็วขึ้น

กระทรวงแรงงานเผยราชกิจจานุเบกษาประกาศเผยแพร่ ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2564 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.2564 เป็นต้นไป อำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างใช้สิทธิรับเงินสงเคราะห์ได้รวดเร็วขึ้น

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมทั้งส่งผลกระทบต่อลูกจ้างที่ได้รับ ความเดือดร้อนจากการเลิกจ้าง และอาจไม่ได้รับการชดเชยตามกฎหมาย กรณีที่ลูกจ้างได้ยื่นเรื่องขอใช้สิทธิรับเงินช่วยเหลือจากเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ซึ่งติดระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่ใช้ระยะเวลานาน ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว กระทรวงแรงงานจึงได้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการพิจารณาคำขอรับเงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ซึ่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2564 ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศระเบียบดังกล่าวแล้ว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาคือมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 2564 เป็นต้นไป การแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างครั้งนี้ประเด็นสำคัญคือให้ลูกจ้างได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างรวดเร็ว สามารถเข้าถึงสิทธิการขอรับเงินสงเคราะห์อย่างทั่วถึง

นางโสภา เกียรตินิรชา โฆษกกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างฉบับใหม่นี้ มีประเด็นสำคัญ ได้แก่ กรณีนายจ้างนำคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแรงงานจะต้องรอคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานเป็นที่สุดลูกจ้างจึงมีสิทธิขอรับเงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ซึ่งได้แก้ไขระเบียบดังกล่าวเป็นลูกจ้างสามารถยื่นขอรับเงินสงเคราะห์ โดยไม่ต้องรอคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานเป็นที่สุด หรือนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปโดยพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยดังกล่าว แม้คำสั่งนั้นไม่เป็นที่สุด และขยายระยะเวลาการยื่นขอรับเงินสงเคราะห์ เดิมลูกจ้างต้องยื่นขอรับเงินสงเคราะห์ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่คำสั่งพนักงานตรวจแรงงานเป็นที่สุด แก้ไขระเบียบเป็น ลูกจ้างสามารถยื่นขอรับเงินสงเคราะห์ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่คำสั่งพนักงานตรวจแรงงานเป็นที่สุด นอกจากนี้การรักษาสิทธิในการยื่นคำขอรับเงินสงเคราะห์ เดิมลูกจ้างจะต้องมารับเงินสงเคราะห์ภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่ทราบผลการพิจารณาจ่ายเงินสงเคราะห์ หากไม่มารับเงินภายใน 60 วัน สิทธิการรับเงินสงเคราะห์นั้นเป็นอันระงับ แก้ไขระเบียบดังกล่าวเป็นกรณีลูกจ้างไม่สามารถมารับเงินภายใน 60 วัน ลูกจ้างสามารถยื่นคำขอรับเงินสงเคราะห์ใหม่ได้ภายใน 1 ปี หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการขอรับเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครทุกพื้นที่ หรือโทรศัพท์สายด่วน 1546 หรือ 1506 กด 

ปลัด พม. เปิดเผย จนท.พม. ทำงานทุ่มเท ตลอด 24 ชม. เฝ้าติดตามสถานการณ์ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และได้ช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบางกว่า 44,000 ราย

ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เปิดเผยว่า ด้วยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการบริหารภาวะวิกฤติโควิด-19 กระทรวง พม. เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลและการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ คนเร่ร่อน ไร้บ้าน และผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนและความยากลำบากจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งการสื่อสารสังคม การรายงาน และติดตามผลการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางจนสิ้นสุดกระบวนการ โดยทำงานเชื่อมโยงกับศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 ที่ทำงานตลอด  24 ชั่วโมง  อีกทั้งได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการบริหารภาวะวิกฤติโควิด- 19 ระดับจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อประสานการช่วยเหลือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ 

นางพัชรี กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 64 จนถึงวันที่ 19 ส.ค. 64 กระทรวง พม. ได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้ป่วยโควิด-19 และประสบปัญหาทางสังคมทั่วประเทศ  รวมจำนวน 44,847 ราย โดยทำงานประสานความร่วมมือกับ กระทรวงสาธาณสุข สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ภาคเอกชน มูลนิธิต่างๆตลอดทั้งสื่อมวลชน แบ่งเป็นในพื้นที่ กทม. 6,717 ราย และส่วนภูมิภาค 38,130 ราย โดยแบ่งเป็น 1. เด็กและเยาวชน 7,950 ราย 2. คนพิการ 8,698 ราย 3. ผู้สูงอายุ 6,650 ราย 4. ผู้ป่วยติดเตียงและป่วยเรื้อรัง 555 ราย 5. คนเร่ร่อนและคนไร้ที่พึ่ง 1,787 ราย 6. สตรีตั้งครรภ์ 97 ราย และ 7. ผู้ประสบปัญหาทางสังคมอื่นๆ 19,110 ราย  สำหรับการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตามภารกิจ กระทรวง พม. มีการดำเนินการที่สำคัญ  ดังนี้ 1. กระบวนการสังคมสงเคราะห์ ได้แก่ 1.1) การให้คำปรึกษา 13,920 ราย 1.2) ประสานส่งกลับภูมิลำเนา 377 ราย 1.3) ประสานส่งต่อ 2,729 ราย 1.4) การมอบเครื่องอุปโภคและบริโภค 183,552 ชุด และ 1.6) การช่วยเหลือเป็นเงิน 42,034,163 บาท และ 2. ประสานกระบวนการสาธารณสุข ได้แก่ 2.1) การตรวจเชื้อ 1,877 ราย 2.2) การรักษา 1,907 ราย 2.3) ฉีดวัคซีน 9,272 ราย และ 2.4) จัดหาที่พักชั่วคราวและศูนย์พักคอย 1,345 ราย 

นางพัชรี กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประชาชนกลุ่มเปราะบางที่กำลังประสบปัญหาทางสังคมและได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของโรคโควิด-19 สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ 1) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง 2) สายด่วนคนพิการ โทร. 1479 บริการ 24 ชั่วโมง 3) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั่วประเทศ และ 4) อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในพื้นที่ 

มทบ.12 จัดรถครัวสนามช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19

ปราจีนบุรี-มทบ.12 จัดรถครัวสนามช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 

19 ส.ค.64 ที่โรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี พล.ต.ดิฐพงษ์ เจริญวงศ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 และ คุณทัศนีย์ เจริญวงศ์ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก มทบ.12 นางอารีย์ เลิศกิจเจริญผล ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างปราจีนบุรี พร้อมด้วยผู้บริหาร กลุ่มวิทยากรจิตอาสา 904 จัดรถครัวสนาม เพื่อประกอบอาหารปรุงสำเร็จ และน้ำดื่ม จำนวน 500 ชุด พร้อมมอบเงินสนับสนุน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 

ทั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนอาหารว่าง, Face Shield จำนวน 200 ชิ้น พร้อมด้วยน้ำดื่ม จากวิทยาลัยสารพัดช่างปราจีนบุรี เพื่อมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่มารับบริการ รพ.ค่ายจักรพงษ์ อีกทั้งร่วมส่งกำลังใจ "หนึ่งคำพูด ล้านกำลังใจ สู้ภัยโควิด-19 " ขอบคุณบุคคลากรทางการแพทย์ ในการปฏิบัติงานอย่างทุ่มเท เสียสละเพื่อประชาชนชาวจังหวัดปราจีนบุรี

ในการนี้ได้นำอาหารปรุงสำเร็จแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ชุมชนรอบค่ายฯ (Army Delivery) เพื่อเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ตามโครงการ "มีแล้ว...แบ่งปัน"

ณัฐวัฒน์  กุลเศรษฐ์สุวภา  ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top