Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

"กรณ์" ชวนถกโอกาสทางเศรษฐกิจยุคใหม่กับ "ท็อป-จิรายุส แห่ง บิทคัพ" วางแผนสร้างแพลตฟอร์ม NFT สัญชาติไทยเพิ่มรายได้ให้คนรุ่นใหม่ 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ในฐานะอดีตประธานไทยฟินเทค และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมคุยและแชร์ประสบการณ์ กับ นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งบิทคัพของเมืองไทย พร้อมด้วย นางสาวภรณี วัฒนโชติ รองโฆษกพรรคกล้า และนางสาวพัสณิชา เอี่ยวอุดมสิน บิทคัพ อคาเดมี ในหัวข้อ  “จุดเปลี่ยนสำคัญสู่ยุคสินทรัพย์ดิจิทัล”  

โดยการพูดคุยดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายกรณ์ ได้ลุกขึ้นมาสร้างสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ NFT เป็นภาพวาดดิจิทัลสุนัขพันธ์ เฟรนซ์ บลูด็อก 20 ตัว ในโปรเจ็กต์ Mission Pawsible  ไปประมูลขายบนแพลตฟอร์มซื้อ-ขายงานศิลปะระดับโลกอย่าง "โอเพ่นซี" (opensea.io) รายได้ทั้งหมด จะนำไปบริจาคช่วยเหลือสุนัขใน 3 มูลนิธิได้แก่ มูลนิธิ Dog Trust ในประเทศอังกฤษ และ 2 มูลนิธิของไทย คือ เดอะวอยซ์ เสียงของเรา และ เกาะ สุนัข ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด โดยจะปิดการประมูลขายเที่ยงคืนวันที่ 26 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันสุนัขโลก 

นายกรณ์ กล่าวว่า โครงการ Mission Pawsible เกิดขึ้นเพื่อจุดประกายให้ หันมาสนใจ crypto currency  ที่ไม่ใช่แค่สกุลเงิน แต่สามารถสร้างเป็น NFT ได้ ที่สามารถสร้างเงินได้ และเชื่อว่าในอนาคตนอกจากจะสามารถรักษามูลค่าไว้ได้แล้ว ยังมีแนวโน้มโอกาสที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปอีก เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์และเป็นคำตอบเอง โดยเฉพาะโจทย์ที่ท้าทายว่า แท้จริงแล้วคนชอบที่จะถือครองงานศิลปะในรูปของ NFT หรือในรูปของกระดาษกันแน่ วันนี้เรามีสินทรัพย์บางอย่างที่สร้างขึ้นมาในโลกดิจิทัล มันก็ควรจะอยู่ในรูปดิจิทัลมากกว่า ยกตัวอย่าง ทวิตแรกของ แจ๊ค ดอร์ซี่ ผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์ ก็ถูกนำมาขายในรูปแบบ NFT   

ด้านนายจิรายุส มองว่า แนวทางที่นายกรณ์ ได้ทำอยู่นี้ อาจจะเป็นโมเมนท์แรกที่เปลี่ยนโลกของการบริจาค เพราะเชื่อว่ายังไม่มีใครทำในลักษณะแบบนี้  นอกจากนี้ยังมองว่า NFT จะมีอนาคตไปอีกไกล เพราะแม้แต่บิทคอยต์ ที่มีอายุ 13 ปี วันนี้ก็ยังอยู่ และไม่มีใครสามารถแฮคข้อมูลได้ อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัว สนใจที่จะสร้างแพลตฟอร์มสัญชาติไทย เพราะดิจิทัล อีโคโนมีเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และจะอยู่กับเราไปอีกนาน 

สอดคล้องกับ นางสาวภรณี ที่มองว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะมี แพลตฟอร์ม NFT เป็นของตัวเอง เพื่อส่งต่อไปยังคนทั่วโลกให้เข้ามาใช้ NFT ที่อยู่แพลตฟอร์มของคนไทย มันเป็นความภาคภูมิใจที่เราควรจะมี และไม่ควรพลาดโอกาสนี้ เพราะหากเราไม่ทำ ประเทศอื่นก็ต้องทำ สุดท้ายเราก็จะเป็นทาสทางเทคโนโลยีของประเทศอื่น ประเทศไทยควรมีเครื่องยนต์เศรษฐกิจในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมตัวใหม่  ไม่เช่นนั้นเราก็จะไม่มีโอกาสเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมอะไรเลย ต่างชาติก็จะไม่เข้ามาลงทุน สุดท้ายเราจะเสียโอกาสไป 

ซึ่งในประเด็นนี้ นายกรณ์ กล่าวเสริมว่าไม่เพียงแต่ต่างชาติไม่เข้ามาลงทุนในไทยเท่านั้น แต่เราอาจต้องเสียคนไทยเก่ง ๆ ไปทำงานที่อื่นด้วย แทนที่โอกาสดี ๆ จะอยู่ในมือคนรุ่นใหม่กลับกลายเป็นว่าใครที่อยากมีอาชีพทางนี้ต้องออกไปทำงานที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย อย่างไรก็ตามล่าสุดแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง อาลีบาบา ก็เปิดตลาด NFT แล้ว ซึ่งเป็นสัญญานว่าเราจะช้าไม่ได้ เราไม่ได้ใหญ่กว่าเขา หรือว่ามีอะไรมากกว่าเขา ต้องอาศัยความชัดเจนและความว่องไวในการจะแข่งขัน 

เมื่อถามาว่า NFT จะสามารถต่อยอดกับอะไรได้ในอนาคต หัวหน้าพรรคกล้า ก็บอกว่า อุตสาหกรรมนี้เพิ่งเริ่มต้น มันยังมีวัฎจักรที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง แม้ยูสเคส ตอนนี้จะมีเพียงงานศิลปะ และเกมส์ แต่ในอนาคตเชื่อว่าไปได้ไกลในตลาดนี้ โดยเฉพาะหน่วยงานราชการมีหลายเรื่องที่จะสามารถนำ NFT  มาประยุกต์ใช้  แต่เนื่องจากโดยธรรมชาติราชการจะช้ากว่า ก็เลยมองว่าวงการเกม น่าจะเป็นพื้นที่ในการพัฒนา NFT ได้เร็วที่สุด ที่น่าสนใจคือ เราเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ใช่ตัวแพลตฟอร์มที่เป็นเจ้าของ ดังนั้นในอนาคตก็น่าจะมีโอกาสในการนำ NFT จากเกมเราไป ใช้ในอีกเกมหนึ่งได้ ซึ่งจะทำให้การค้า การขาย การพัฒนาตัว NFT  ไปได้เร็วขึ้น โลกของเกมเป็นเรื่องที่น่าจับตามองที่สุด 

นายจิรายุส กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยส่วนตัวตื่นเต้นและเชื่อว่า ตลาด NFT จะใหญ่กว่าที่บิทคัพที่ทำอยู่ เนื่องจากสามารถสร้างตัวแทนของทรัพย์สินต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปแบบของดิจิทัลได้ ทั้งที่มีมูลค่า และความเชื่อ หรือคตินิยม ของแต่ละคน ซึ่งมันมีหลายรูปแบบมาก ยกตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ คือ เส้นทางของอุตสาหกรรมการเงินเราเติบโตมากับ ไฟแนนซ์ 1.0 เราคุ้นเคยกับ สาขาของธนาคาร  ตู้เอทีเอ็ม เครื่องนับเงิน บัตรเครดิต เพราะมันถูกสร้างบนความเชื่อที่ว่าเงินคือกระดาษ จากนั้นในรอบสิบปี เราเริ่มเห็น ไฟแนนซ์ 2.0 คือเริ่มมี ดิจิทัลแบงค์กิ้ง โมบายแบงค์กิ้ง มีพร้อมเพย์  คือการเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ แต่ยังคงรวมกับรูปแบบเดิมคือยึดธนาคารเป็นหลักบนสมมุติฐานเดิมเงินคือกระดาษ  แต่ตอนนี้เริ่มมีการใช้ สินทรัพย์ดิจิทัล ใช้เงินสกุลดิจิทัล เรากำลังสร้าง ไฟแนนซ์ 3.0 ขึ้นมา คือเอาตัวกลางออก แล้วสร้างสมมุติฐานใหม่ว่า ว่า เงินคือคอมพิวเตอร์โปรแกรม เงินคือลอจิกของเลขแล้ว ซึ่งมันคล้าย ๆ กับอุตสาหกรรมเพลง เมื่อก่อน จาก 1.0  มีเทป ซีดี มาสู่ 2.0 มี Sony wolkman  มีไอพอต ตอนนี้เพลงก็เป็น 3.0 แล้ว คือ อยู่ที่ไหนก็ฟังได้ผ่านทาง youtube Netflix linetv ซึ่งล้วนแต่เป็นแพลตฟอร์มของต่างชาติทั้งหมด 

“ในแวดวงการเงิน เมืองไทยยังให้ความสำคัญกับผู้เล่น 1.0  เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของประเทศ แต่ในอนาคตดิจิทัล อีโคโนมี จะใหญ่มาก ในขณะที่เรายังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานของดิจิทัลที่จะรองรับเลย ไฟแนนซ์ 3.0 ซึ่งเป็นสถาบันการเงินของคนรุ่นใหม่ จึงควรมีและควรทำอย่างยิ่ง” นายจิรายุส กล่าว 

นายกรณ์ ได้กล่าวเสริมในตอนท้ายว่า ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ปัญหาที่เกิดจากเทโนโลยีจะถูกแก้ด้วยเทคโนโลยี

“ธณิกานต์” โวย ป.ป.ช. ด่วนตัดสิน ปมกดบัตร ลั่น ไม่เป็นเรียกแจง แต่รวบรัดชี้มูล ยัน พร้อมต่อสู้ตามกม.

น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวกรณีที่ศาลฎีกา มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ร้องว่ากระทำผิดจริยธรรม ว่า การชี้มูลของป.ป.ช.ไม่เป็นธรรม ไม่ได้ค้นหาหลักฐาน ไม่ให้โอกาสชี้แจงและด่วนตัดสิน ทั้งที่ข้อมูลหลักฐานต้องสืบค้นไม่ใช่เป็นการรวบรัดและรีบชี้มูล

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวว่า ในวันที่ 8 ส.ค. 2562 เป็นวันที่มีการใช้เครื่องลงคะแนนจริงเป็นครั้งแรก บรรยากาศเต็มไปด้วยความโกลาหล มีการประท้วงเรื่องระบบการลงคะแนนมีปัญหาตลอดครึ่งเช้า ในขณะที่ตนมีภารกิจต้องปฎิบัติหน้าที่งานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงไม่ได้ดึงบัตรออกจากเครื่อง เพราะกังวลว่าเครื่องมีปัญหา และคิดว่ารีบไปปฎิบัติหน้าที่แล้วรีบกลับ เพราะต้องกลับมาลงมติต่อ แต่ป.ป.ช.ชี้มูล โดยไม่สืบค้นหลักฐานว่าใครเป็นคนกดบัตร และตนก็ไม่เคยฝากบัตรและไม่เคยยินยอมให้ใครนำบัตรไปใช้กดแทน  เรื่องนี้ตนพร้อมพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการต่อไป

“นายก” เตรียมเคาะ “โผทหาร” คาดตกลงได้ ไม่ถึงขั้นโหวต “ตท.20-21” ทิ้งทวน ผนึกกำลังตรึงเก้าอี้ปลัด-ทร.-ทอ. “บิ๊กบี้”  เขย่า5เสือ ทบ. ขยับรุ่นน้องเข้าไลน์ 

การประชุมสภากลาโหมประจำเดือน   โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน คาดว่าช่วงก่อนหรือหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จะหารือเฉพาะ คณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ประกอบด้วย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส. พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวารขาน ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. หรือ บอร์ด 7 เสือกลาโหม เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารรอบสุดท้าย  หลัง ผบ.เหล่าทัพ ได้จัดทำบัญชีรายชื่อเรียบร้อยแล้ว  

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้นโยบายว่าการปรับย้ายต้องให้เกิดความเป็นธรรมในทุกตำแหน่ง และให้เป็นอำนาจของ ผบ.เหล่าทัพ ในการดำเนินการ โดยให้พิจารณาถึง ความรู้ ความสามารถ และ ความอาวุโสเป็นหลัก ในขณะที่ตนเองจะดูในภาพรวมทั้งหมด หากที่ประชุมเห็นไม่ตรงกันในส่วนของส่งรายชื่อไขว้ระหว่างหน่วยโดยเฉพาะระดับหัว ก็ต้องมีการลงคะแนนโหวตกันในที่ประชุม แต่คาดในที่สุด นายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหม จะให้กรรมการได้เสนอเหตุผลและหาข้อยุติกันด้วยการพูดคุย 

มีรายงานว่า การพิจารณาผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม นอกจากยึดธรรมเนียมปฏิบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อควรคนในสำนักงานปลัดฯ แล้ว ยังต้องพิจารณาเรื่องความเหมาะสมอีกหลายปัจจัย เนื่องจาก พล.ร.อ.สมประสงค์  นิลสมัย (ตท.20) รองปลัดกระทรวงกลาโหมอาวุโสสูงสุด เคยได้รับผลกระทบจากการปรับย้ายสมัยที่ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์  ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) โดยถูกเตะจากกองทัพเรือมาอยู่ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม   จึงต้องพิจารณาคืนความชอบธรรมให้กับ พล.ร.อ.สมประสงค์  ให้กลับไปดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร.หรือไม่   

แต่ในที่สุดต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาร่วมกันระหว่าง รมว.กลาโหม และ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน  (ตท.20) ผบ.ทร.คน ที่ปัจจุบันเสนอชื่อ  พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ (ตท.21)เสนาธิการทหารเรือ ว่าจะเลือกใครดำรงตำแหน่ง 

จากนั้น จึงพิจารณาผู้ที่เหมาะสมมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมต่อไป ซึ่งมีแนวโน้มว่า พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ (ตท.20)ปลัดกระทรวงกลาโหม จะดึง พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เสนาธิการทหารบก เพื่อน ตท.20 ข้ามมา เพื่อเสนอชื่อเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก  ( ผบ.ทบ.) จัดวางคนในตำแหน่ง 5 เสือ ทบ.

สำหรับกองทัพอากาศ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ (ตท.21) ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เสนอชื่อ พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ (ตท.21)  ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ  ขึ้นเป็นผบ.ทอ.คนใหม่ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าอาจจะมีการพิจารณาชื่อของ “บิ๊กต่วย”พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ ต่ายทอง  (ตท.21) รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ( รอง ผบ.ทสส.) ที่ถูกปรับย้ายไปนอก ทอ.กลับมาพิจารณาร่วมด้วย  ขณะที่มีชื่อ พล.อ.อ.ธาดา เคี่ยมทองคำ (ตท.21)ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ขยับขึ้นเป็น รองผบ.ทอ.  พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา เสธ.ทอ. (ตท.23) ขึ้นเป็น ผู้ช่วยผบ.ทอ.พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ รองเสธ.ทอ.(ตท.22)  ผช.ผบ.ทอ. 

ส่วนของ กองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์  จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. คาดว่าจะขยับ พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ (ตท.22)หัวหน้าสำนักงานผบ.ทบ. เป็น รอง ผบ.ทบ. พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ (ตท.22)รองเสนาธิการทหารบก เป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์(ตท.23) แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก  และคาดว่าจะขยับ ตท.24 เข้ามานั่งเป็นเสนาธิการทหารบกต่อไป

โฆษก ศบศ. ปลื้ม “สมุยพลัสโมเดล” เดินหน้าสร้างรายได้ต่อเนื่อง มั่นใจ 25 ส.ค.เที่ยวบินภูเก็ต-สมุย เปิดให้บริการอีกครั้ง ดึงยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มแน่ แจง “บิ๊กตู่”กำชับดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวเต็มที่

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบการขยายพื้นที่ของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ให้กว้างขึ้น โดยให้นักท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่นในลักษณะ 7+7 เป็นการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปยังพื้นที่นำร่องอื่นๆ ได้เพิ่มเติม โดยปรับลดเวลาที่ต้องอยู่ในพื้นที่ภูเก็ตจาก 14 วัน เหลือ 7 วัน ซึ่งพื้นที่นำร่องประกอบด้วย พื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี  พื้นที่เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ และพื้นที่เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้ดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ด้วย
     
นายธนกร กล่าวว่า ขณะนี้ยอดนักท่องเที่ยวสะสมของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อยู่ที่ 22,810คน มียอดการจองโรงแรมที่ได้เครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย SHA Plus ตลอดไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2564) จำนวนกว่า 409,390 คืน ยังคงมีเที่ยวบินเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน โดย 5 อันดับแรกมาจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยหลังจากที่ปรับเป็นสูตร 7+7 ให้นักท่องเที่ยว“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” อยู่ภูเก็ตครบ 7 วันแล้วเดินทางไปพื้นที่นำร่องอื่นต่อได้ 7 วัน จึงจะสามารถเดินทางไปจังหวัดอื่นได้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวกลุ่มแซนด์บ็อกซ์ที่เดินทางออกจากพื้นที่ภูเก็ตทางบก ขณะนี้มีจำนวนสะสมอยู่ที่ 3,578 คน โดยปลายทาง 5 อันดับอยู่ที่กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ และชลบุรี ซึ่งปัจจุบันแต่ละจังหวัดมีการเตรียมการวางแผน บริหารจัดการควบคุมเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมาตรการที่ ศบค. กำหนดแล้ว ขอให้ประชาชนในพื้นปลายทางมั่นใจได้

นายธนกร กล่าวว่า ในส่วนของสมุยพลัสโมเดล ที่เชื่อมต่อกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้น มีกลุ่มแซนด์บ็อกซ์เข้ามาแล้วจำนวนเกือบ 400 คน มีจำนวนคืนเข้าพักแรมรวมเกือบ 3,000 คืน (รูมไนท์) จำนวนวันพักเฉลี่ย 9 คืนต่อคน ประมาณการรายได้อยู่ที่ 17.28 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน สหรัฐอเมริกา และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยเนื่องจากเส้นทางการบินภูเก็ต-สมุยได้หยุดทำการบินไปตั้งแต่วันที่ 3 - 16 สิงหาคม 2564 ตามคำสั่งจังหวัดภูเก็ต และจะประกาศต่อจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เนื่องจากการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต อย่างไรก็ตาม เที่ยวบินภูเก็ต-สมุยจะกลับมาให้บริการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม เป็นต้นไป คาดว่าหลังจากเปิดเส้นทางการบินภูเก็ต-สมุย และใช้มาตรการ 7 + 7 แล้ว จะทำให้ยอดนักท่องเที่ยวสมุยพลัสโมเดลเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศว่า โควิด-19 ระบาดหนักในไทย ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เร่งสื่อสารตลาดต่างประเทศเพื่อสร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว และทัวร์โอเปอร์เรเตอร์ ในเชิงซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (City marketing) แยกจังหวัดภูเก็ตออกมาจากประเทศไทยในภาพรวมว่าภูเก็ตมีความปลอดภัย รัฐบาลได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ สาธารณสุข ภายใต้มาตรการสาธารณสุข และการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการประเมินและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด

พระนางแก้วคู่พระบารมี สมเด็จพระนางเจ้าฯ “งามสง่าทุกคราเสด็จฯ” | MEET THE STATES TIMES EP.13

???? พระนางแก้วคู่พระบารมี สมเด็จพระนางเจ้าฯ คู่พระราชบัลลังก์ “งามสง่า ทุกคราเสด็จฯ”!
????ย้อนวันวาน! ทุกเส้นทางพระราชกรณียกิจ พร้อมยลความงามพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้งามสมบรมราชินี!!!

ในรายการ MEET THE STATES TIMES

ดำเนินรายการโดย หยกTHE STATES TIMES
.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ควันหลงโอลิมปิก! ดราม่า ‘คนข้ามเพศ’​ อาจจะทำลาย ‘วงการกีฬา - สิทธิสตรี' | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

ควันหลงโอลิมปิก!! ดราม่า ‘คนข้ามเพศ’ ยังไม่จบ​ หลังบรรดาผู้คนในแวดวงกีฬา​ รวมถึงคนดังระดับโลกมองว่า​ การแข่งขันกีฬาเริ่มเห็นความไม่เป็นธรรม หากยังปล่อยให้กลุ่มนักกีฬาข้ามเพศที่มาแข่งกับผู้หญิง​ ซึ่งเรื่องนี้หากปล่อยนานไป​ อาจจะทำลาย ‘วงการกีฬา - สิทธิสตรี' ในอนาคตอันใกล้

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เมื่อแผ่นฟิล์ม สะท้อนสงครามอันว่างเปล่า!! | MEET THE STATES TIMES EP.12

???? เมื่อแผ่นฟิล์ม สะท้อนสงครามอันว่างเปล่า!!
???? หนังสงครามขึ้นหิ้ง!! สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบัน สู่ความเป็นจริง...ที่ยิ่งกว่าในจอ!! 

???? ในรายการ MEET THE STATES TIMES ข่าวคุยเพลิน

???? ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย'​ ปันน้ำใจ มอบ 'ผ้าหน้ากากอนามัย'​ ให้คนพิการ คนยากไร้ คนเร่ร่อน

'สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย'​ ปันน้ำใจ มอบ 'ผ้าหน้ากากอนามัย'​ ให้คนพิการ คนยากไร้ คนเร่ร่อน

(21 ส.ค.64)​ ณ บริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพมหานคร​ 'นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล'​ นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน นำ 'ผ้าหน้ากากอนามัย' จำนวนมากกว่า 1,000 ชิ้น ที่ได้รับมอบจาก 'นายศุภชีพ ดิษเทศ'​ นายกสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย และ คณะกรรมการบริหารสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ไปช่วยเหลือ คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส คนเร่อน 

โดยตระหนักถึงความสำคัญ และความจำเป็นถึงอุปกรณ์ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส Covid-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ถึงแม้จะเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ​ ที่ทางองค์กรคนพิการ พอจะมี พอจะให้ แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับคนยากไร้ คนด้อยโอกาส คนพิการ คนเร่ร่อน ที่ไม่มีเงินจะสามารถซื้อ และเปลี่ยน 'หน้ากากอนามัย'​ ได้บ่อยครั้ง

สำหรับการดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้ ถึงแม้เราจะเป็น 'องค์กรคนพิการ'​ แต่เราก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งปัน ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ร่วมใจกันสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่สืบไป

#คนละไม้_คนละมือ

'ตำรวจน้ำ'​ กองบังคับการ​ 9​ ปฏิบัติการ!! ยึดยาไอซ์​ มูลค่า 650 ล้านบาท กลางทะเลอันดามัน

พล.ต.ท. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. เน้นย้ำมาตรการด้านยาเสพติด เข้มงวด ตรวจตรา ภัยต่อความมั่นคง ดำเนินการเด็ดขาด รวดเร็ว ขานรับแนวทาง พล.ต.ต. สมควร พึ่งทรัพย์ ผบก.รน. สั่ง ทุกหน่วยใน ตำรวจน้ำเข้มและจริงจัง 

สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตำรวจน้ำกองกำกับการ 9  สถานีตำรวจน้ำสตูลได้ตรวจยึดยาไอซ์ พร้อมเฮโรอีน จำนวน 500 ล้านบาท และ ในเดือนกรกฎาคม สามารถทำการตรวจยึดและจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมยาไอซ์ 30 กก. พร้อมเรือที่ใช้ลำเลียงอีก​ 1​ ลำ ถือเป็นการทำงานเข้มมาโดยตลอด

ต่อมา (20 สค.64 ) เวลาประมาณ​ 09.00 น. 
พันตำรวจเอก ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก . รน.​ อำนวยการร่วมกับ พ.ต.อ.จตุรวิทย์ คชน่วม ผกก.9 บก.รน.ได้สั่งการชุดสืบสวน กก.9 ตำรวจน้ำ นำโดย พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช รอง ผกก. ฯ หัวหน้าชุด ว่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายประเภทยาเสพติด เข้ามาในพื้นที่ทะเล จ.ตรัง จัดเตรียมกำลัง ของ สถานีตำรวจนำ้ตรัง โดย พ.ต.ท. จักรพงษ์  มนัสชัย สว.สรน. 2 กก.9 ฯ ดำเนินการออกตรวจมาตลอด จนถึงวันเวลาดังกล่าวได้มีสายตรวจเคลื่อนที่เร็วทางน้ำ ได้แจ้งมาว่าพบยาเสพติดจำนวนดังกล่าวอยู่ในบริเวณพื้นที่กลางทะเลอันดามันใกล้เกาะรอกซึ่งอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดตรัง จึงได้รีบออกไปยังที่เกิดเหตุห่างจากชายฝั่งประมาณ 40 ไมล์ทะเล (75 กม.)ชุดตรวจยึดจับกุมได้ไปถึงที่เกิดเหตุพบยาเสพติดจำนวนมากลอย กลางทะเล มีถังแกลลอนเป็นทุนลอยน้ำใช้สำหรับถ่วงยาเสพติด ตรวจยึดได้จำนวน 32 กระสอบ

โดย ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ตรัง นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา​ กล่าวว่า​ ในเรื่องของการจับกุมยาเสพติดทางทะเลเป็นนโยบายของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยทางกองบังคับการตำรวจน้ำกับนโยบายจังหวัดตรัง โดยครั้งนี้นำโดยกองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่บูรณาการด้านกำลังและข้อมูลข่าวสารในการจับกุม ติดตามกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดโดยเฉพาะทางน้ำ

เนื่องจากปัจจุบันมีการขนส่งยาเสพติดในพื้นที่ทางทะเลจำนวนมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ทางตำรวจน้ำจังหวัดสตูลมีการจับกุมตรวจยึดยาเสพติด​ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ และอาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดที่ได้ทำการตรวจยึดในจังหวัดตรังในครั้งนี้

สำหรับการตรวจยึดยาไอซ์ของกลางในวันที่ 20​ สิงหาคม 2564 เป็นการปฏิบัติการโดยการนำเรือตรวจการณ์ 525 ของตำรวจน้ำตรัง ลาดตระเวนในพื้นที่ทางทะเลพบยาไอซ์ผูกทุ่นลอยถ่วงน้ำอยู่กลางทะเลห่างจากจังหวัดตรังประมาณ 40 ไมล์ทะเลเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ในการตรวจเจอได้ยากขึ้น ของกลางที่พบครั้งจำนวน 650 กิโล หากสามารถนำส่งปลายทางได้อาจมีมูลค่ากว่า​ 650 ล้านบาท​ ซึ่งถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศและต้องขอขอบคุณทางกองบังคับการตำรวจน้ำ​ ตลอดทั้งผู้บังคับบัญชาที่เป็นแกนหลักในการปราบปรามในครั้งนี้ซึ่งทางจังหวัดจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุกด้านต่อไป

พ.ต.อ.จตุรวิทย์ คชน่วม กล่าวว่า จากแนวนโยบายของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต. สมควร พึ่งทรัพย์​ ผบก.รน.ในเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด​ จึงได้มีการตั้งทีมชุดสืบสวน หาข่าวขึ้นประกอบกำลังกับชุดสืบสวนของตำรวจนำตรัง ได้ทำการประสานข้อมูล และส่งชุดสืบสวนดำเนินการออกติดตามมาซักระยะหนึ่งแล้ว ประกอบกับได้มีการทำแผนประทุษกรรม การข่าว และหาข้อมูลย้อนหลังว่า ช่วงเดือนนี้ในปีย้อนหลังมีการขน ยาเสพติดมาพักในพื้นที่ รับผิดชอบ ซึ่งรูปแบบในการลำเลียงนั้นจะแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่จากการตรวจยึดครั้งนี้พบว่ายาเสพติดนั้นมีการถ่วงเอาไว้ในทะเล​ โดยใช้ทุ่นลอยเป็นถังน้ำมันเล็ก ซึ่งเราต้องอาศัยความชำนาญตลอดทั้งเครือข่ายภาคประชาชนในการแจ้งเบาะแสของยาเสพติดในพื้นที่​ ซึ่งในการจับกุมครั้งนี้อยู่ห่างขายฝั่งไกลมาก ใช้เวลาเดินทางไปและกลับประมาณ 6 ชั่วโมงประกอบกับช่วงนี้มีฝนตกจึงต้องรีบดำเนินการจัดเก็บและดำเนินการสืบค้นและหาตัวผู้กระทำความผิดต่อไป

ในการนี้​ พล.ต.ท. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. ได้เน้นย้ำถึงการปฎิบัติและจัดทำแผนประทุษกรรมเพื่อที่จะได้ เป็นแนวทางในการสืบสวนต่อไปให้ถึงตัวการใหญ่ที่ทำลายประเทศ พร้อมทั้งช่วยสนับสนุนในเรื่องงบประมาณในการดำเนินงาน ให้กับข้าราชการตำรวจในทุกสังกัดอย่างเต็มขีดความสามารถ​ เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานพร้อมทั้งได้ประสานงานกับ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเข้ามาดำเนินการต่อไป

สมาคมสื่ออาชญากรรม ส่งต่อกำลังใจ มอบข้าวกล่องปันอิ่ม สื่อภาคสนาม ช่วยบรรเทาวิกฤติโควิด

(20 ส.ค.64)​ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล​(บช.น.) นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นำข้าวกล่องพร้อมทาน ส่งมอบแก่สื่อมวลชนภาคสนาม ประกอบด้วยสื่อวิทยุโทรทัศน์จากช่องต่างๆ สื่อสิ่งพิมพ์จากหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ และสื่อออนไลน์จากสำนักข่าวต่างๆ ที่ปักหลักปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวอยู่ในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำไปรับประทาน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื่อไวรัสโควิด-19 

จากนั้นส่งมอบข้าวกล่องแก่สื่อมวลชนประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ตำรวจสันติบาล ได้รับประทานในขณะปฏิบัติหน้าที่

วันเดียวกันได้นำส่ง มอบข้าวกล่องพร้อมทานแก่สื่อมวลชน ประจำกองบรรณาธิการ สถานีโทรทัศน์ NBT (ช่อง11) และกองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ ข่าวสด 

นอกจากนี้ ยังส่งมอบข้าวกล่องแก่สื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวที่สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง และอาสาสมัครหน่วยบรรเทาสาธารณภัย เหนือ 43-00 วัฒนะ01 ดอนเมือง นำแจกจ่ายแก่ประชาชนในชุมชนปิ่นเจริญ เขตดอนเมือง 

นายสมชาย จรรยา เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้ เป็นความร่วมมือของ พันธมิตรจิตอาสา มูลนิธิสหชาติ สำนักข่าว News Online Thailand เวปไซต์ข่าวจั่นเจา Canchaonews.com หนังสือพิมพ์ดีดีโพสต์ นิวส์ และนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่น 1 (ปสม.1) สถาบันพระปกเกล้า

โดยสมาคมฯ ได้รับข้าวกล่องจากจุดส่งมอบอาหาร โลตัส สาขาบางกะปิ ภายใต้โครงการ "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19" โดยบริษัทในเครือซีพี จำนวน 300 ชุด 

เพื่อนำส่งมอบต่อผู้ที่ไดรับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย…“คนไทยไม่ทิ้งกัน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top