Saturday, 5 July 2025
Hard News Team

“สงคราม” แนะใช้ 100 ล้านจ้างดนตรีในประเทศดีกว่าจ้างลิซ่า แบล็กพิงก์ โชว์ตัวคน อัด “บิ๊กตู่” ทอดทิ้งอยุธยาปล่อยชาวบ้านจมน้ำนาน 2 เดือนเหตุไม่มีส.ส.พลังประชารัฐ

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพ ให้กับประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัย ในหลายพื้นที่ของจังหวัด อยุธยา พบว่าอำเภอบางบาลน่าเป็นห่วงมาก  เพราะรัฐบาลยัดเยียดให้เป็นที่รับน้ำแทนพื้นที่เศรษฐกิจอื่นๆจนถึงเวลานี้กว่า 2 เดือน ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มบอกว่ารัฐบาลแก้ปัญหาแบบรอให้น้ำระเหยไปเอง อย่างมากที่ทำคือถ่ายรูปตอนแจกถุงยังชีพ 1 ถุง แล้วก็หายหัว ทั้งบางบาลบางจุดท่วมถึง 4 เมตรด้วยซ้ำไป

 

ก่อนหน้านี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจน้ำท่วมในหลายพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ส.ส.พลังประชารัฐ แต่ที่อยุธยา  ไม่มีส.ส.พลังประชารัฐ พลเอกประยุทธ์จึงไม่ให้ความสำคัญ เพราะเป้าประสงค์การเดินทางไปตรวจน้ำท่วมไปเพื่อสร้างภาพมากกว่า  น้ำท่วมปีนี้หนักมาก บางพื้นที่น้ำท่วมสูง  3 เมตร บางที่ 4 เมตร ข้าวของเสียหาย บ้านพัง ไร้ซึ่งการเหลียวแลประชาชนไม่ได้ต้องการถุงยังชีพ แต่ต้องการแค่ความจริงใจจากรัฐบาลที่จะช่วยประชาชนอย่างแท้จริง

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า กรณีที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณหลายร้อยล้านบาทจ้าง ลิซ่า แบล็กพิงก์ และ แอนเดรีย โบเชลลี มาร่วมงานเคาต์ดาวน์ปีใหม่ ตามบัญชาของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยากให้รัฐบาลพิจารณาให้ดีเพราะเงินที่ดำเนินการเป็นภาษีพี่น้องประชาชน ควรที่จะให้ความสำคัญกับประชาชน  กิจกรรมบันเทิงในประเทศต้องหยุดการแสดงทั้งหมด หยุดกิจกรรม  นักร้องนักดนตรี นับแสนคนตกงาน จากมาตรการรัฐ แต่พอจะเปิดการท่องเที่ยวรัฐบาลกลับไม่ให้ความสำคัญกลุ่มคนเหล่านี้

“โฆษกรัฐบาล” ยัน บิ๊กตู่-รมต.ทั้ง 6 คน หารือวานนี้ไม่เกี่ยวการเมือง ย้ำ ไม่ก้าวก่ายเรื่องใน พปชร. พร้อมเผย “นายก” ปลื้ม ปชช.ชอบ “คนละครึ่ง เฟส 3” เร่งเดินหน้ามาตรการคุมราคาสินค้า 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีวานนี้ (25 ต.ค.)ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ทำให้มีการคาดการณ์กันไปต่างๆ นานา ทั้งการหารือเรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และการทำพื้นที่ การประชุมร่วมรัฐสภาที่จะมีการพิจารณากฎหมายสำคัญในวันที่ 9 ตุลาคม นั้น 

ยืนยันว่า การหารือดังกล่าวเป็นการหารือเรื่องการทำงาน การบริหารราชการแผ่นดินรวมถึงการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนและเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งมี่ผ่านมาเราเสียโอกาสไปมากในช่วงที่มีการระบาดโควิด-19 ยืนยันไม่ได้เกี่ยวการเมือง นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารราชการประเทศ ไม่ก้าวก่ายการทำงานของพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.)การเมืองเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค  นายกรัฐมนตรีเป็นบุคคลภายนอกพรรค ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง การกระทำการใดๆ เกี่ยวกับการเมือง นายกรัฐมนตรีไม่สามารถทำได้ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีระมัดระวังเรื่องนี้มาโดยตลอด

นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อมาตรการช่วยเหลือของรัฐในช่วงโควิด-19 ของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จากประชาชนทั่วประเทศที่ได้เข้าร่วมมาตรการ โครงการของรัฐ ระหว่างวันที่ 18-21 ต.ค.2564ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 จาก 5 มาตรการ ได้แก่ มาตรการคนละครึ่งเฟส 3,มาตรการลดค่าไฟฟ้า น้ำปะปา,มาตรการช่วยเหลือผู้ปกครอง 2,000 บาท,มาตรการลดค่าเทอมนักเรียน นักศึกษา ,มาตรการเยียวยาผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และ ม.40 ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม พบว่า ประชาชนกลุ่มสำรวจ มีความพึงพอใจมาตรการ “คนละครึ่ง เฟส 3” มากที่สุด เพราะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละวันได้ ประคับประคองการบริโภค ทำให้ประชาชนมีการวางแผนการใช้จ่ายดีขึ้น รองลงมาคือมาตรการลดค่าไฟฟ้า น้ำปะปา มาตรการช่วยเหลือผู้ปกครอง 2,000 บาท มาตรการลดค่าเทอมนักเรียน-นักศึกษา และมาตรการเยียวยาผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และม.40 ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม ตามลำดับ 

นายธนกร กล่าวว่า ของความคืบหน้ามาตรการใช้จ่ายลดค่าครองชีพของรัฐ ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มียอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 40.30 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 124,414.8 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 25.44 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 110,123.4 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 55,975.3 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 54,148.1 ล้านบาท 2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 84,680 คน ยอดใช้จ่ายส่วนประชาชนสะสม 2,764 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 144 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.54 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 10,598.9 ล้านบาท และ 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.24 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 784.5 ล้านบาท

“บิ๊กตู่”เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 เร่งอาเซียนขับเคลื่อนข้อริเริ่มต่างๆ และการร่วมมือแก้ปัญหาโควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรม

ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 ผ่านระบบการประชุมทางไกล พร้อมผู้นำสมาชิกอาเซียน โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 นี้ ซึ่งที่ประชุมมีประเด็นหลักที่หยิบยกขึ้นหารือหลักได้แก่ การรับมือกับความท้าทายสำคัญ โควิด – 19 บรูไนในฐานะประธานได้กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดและผลกระทบของโควิด – 19 ซึ่งได้ติดตามความคืบหน้าและพัฒนาการที่สำคัญของประชาคมอาเซียนด้วย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงว่า การต่อสู้กับโควิด – 19 สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของภูมิภาคต่อภัยคุกคาม ดังนั้น นอกจากเราจะต้องร่วมมือกันแก้ไขเรื่องการแพร่ระบาดและผลกระทบของโควิด – 19 แล้ว ควรถอดบทเรียนจากโควิด – 19 มาใช้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประชาคมอาเซียนพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ในอนาคต ซึ่งก็แต่ง จึงขอเสนอประเด็นที่อาเซียนควรให้ความสำคัญ 3 ประการประการแรก ต้องดำเนินการตามข้อริเริ่มในกรอบอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพ และยินดีที่มีความคืบหน้ากรณีการเงินจากกองทุนอาเซียนจัดซื้อวัคซีนโควิด –19 และหวังว่าประเทศสมาชิกจะได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงโดยเร็ว

ทั้งนี้ ไทยได้แจ้งรายการสิ่งของที่บริจาคแก่คลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์อาเซียนแล้ว หวังว่าจะมีการนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ซึ่งอาเซียนควรเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่และเสริมสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุขในระยะยาว ส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีน ซึ่งไทยกำลังพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ และยินดีร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนในเรื่องนี้ต่อไป 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประการที่สอง ควรเริ่มเปิดภูมิภาคและส่งเสริมการเดินทางไปมาหาสู่กันอย่างปลอดภัย ใช้ประโยชน์จากกรอบการจัดทำระเบียงการเดินทางของอาเซียน และควรจัดทำแนวทางการรับรองวัคซีนระหว่างกัน เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ที่ผ่านมาประเทศไทยได้เปิดพื้นที่นำร่องต้อนรับนักท่องเที่ยวภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัสไปแล้ว และจะเริ่มเปิดประเทศอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป เราต้องหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนย้ายสินค้า เพื่อรักษาความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน และใช้ประโยชน์จากตลาดภายในอาเซียนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในการนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่าเพื่อส่งเสริมสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการค้าการลงทุน ความตกลง RCEP จะมีผลใช้บังคับตามเป้าหมาย และจะเดินหน้าการเจรจา FTA อาเซียน-แคนาดาได้โดยเร็ว ประการที่สาม โควิด–19 ตลอดจนภัยธรรมชาติอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุทกภัย ไฟป่า และหมอกควันข้ามพรมแดน สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนของแนวทางการพัฒนาในปัจจุบันที่เน้นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยละเลยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ อันเป็นที่มาของวิกฤตต่าง ๆ ที่รุนแรง ดังนั้น ถึงเวลาที่จะต้องปรับกระบวนทัศน์ในการใช้ชีวิตทุกด้าน    เพื่อสร้างความสมดุล ทำให้การฟื้นฟูและพัฒนาอาเซียนเป็นไปอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่ไทยดำเนินการอยู่ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วาระสีเขียวของอาเซียน ควรเป็นแนวทางของภูมิภาคในอนาคตเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนเป็นมิตรกับโลก โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียวเข้ามาช่วยสนับสนุน และต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงจากทุกภาคส่วน อาทิ

ทบ.เปิด “รพ.สนามศูนย์คัดกรอง ” ตรวจโควิดครบวงจร แห่งใหม่ที่แหล่งชุมนุมนายทหาร พร้อมปรับปรุงสโมสร ทบ. รับนโยบายเปิดประเทศ 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน รัฐบาลได้ปรับมาตรการและเตรียมการเปิดประเทศใน 1 พ.ย. นี้ ในส่วนกองทัพบกยังคงดำรงความต่อเนื่องในการสนับสนุนรัฐบาลเพื่อคลี่คลายสถานการณ์และได้ปรับการปฏิบัติให้สอดคล้องกับมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) 

ทั้งการสกัดกั้นตามแนวชายแดนทั่วประเทศโดยกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และควบคุมให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศทุกคนต้องผ่านการตรวจคัดกรองโควิด-19 ตามมาตรการของสาธารณสุข 

พ.ต.หญิง ปวีณา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กองทัพบกยังได้ใช้ศักยภาพของหน่วยสายแพทย์ในการสนับสนุนงานด้านสาธารณสุข ทั้งเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนตามการจัดสรรของรัฐบาล, โรงพยาบาลสังกัดกองทัพบกทั้ง 37 แห่งทั่วประเทศ ได้จัดทีมบุคลากรทางการแพทย์ รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่กักตัวที่บ้าน (Home Isolation) และอยู่ในระบบการกักตัวในชุมชน(Community Isolation) อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรองกองทัพบกใน 3 พื้นที่ ได้แก่ โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง (กรมการทหารช่าง), โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง (มณฑลทหารบกที่ 11) และ โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง (สโมสรทหารบก) ถ.วิภาวดี  ซึ่งเปิดดำเนินการ ตั้งแต่ 2 ส.ค. 64  ที่ให้บริการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชน รวม 42,793 ราย 

จนเมื่อสถานการณ์ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีขึ้น กองทัพบกจึงร่วมกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค กรุงเทพมหานคร ย้ายสถานที่มาจัดตั้ง “โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง (กรมแพทย์ทหารบก)” ณ แหล่งชุมนุมนายทหาร โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถ.ราชวิถี เขตราชเทวี กทม. เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งการตรวจคัดกรองโควิด-19, การเอกซเรย์ปอด, การรักษาโดยทีมแพทย์, รับยากลับบ้าน และการส่งต่อผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาตามระบบสาธารณสุขและสิทธิการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 64 ในวันและเวลาราชการ ให้บริการประชาชนทั่วไป วันละ 500 คน ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนนัดหมายล่วงหน้า 1 วัน ผ่านทางแอปพลิเคชั่น QueQ เพื่อรับรหัสการนัดหมาย จากนั้นสามารถเข้ารับบริการได้ โดยแสดงหลักฐานดังกล่าวพร้อมกับบัตรประจำตัวประชาชน

กรรมการบริหาร 'พรรคพลังประชารัฐ' ลาออกเกินครึ่ง บีบ 'ธรรมนัส' ออก ลุ้น!! ตั้ง​ รมต.ดีอี นั่งแท่นเลขาพรรค

ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียก นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมพูดคุยหลังการประชุมครม. เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา

“บิ๊กบี้” ชูปลูกจิตสำนึกความรักชาติ พร้อมสนับสนุนนโยบายเปิดประเทศ พร้อมส่งกำลังพลช่วยปชช. รับมือพายุลูกใหม่

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมสถานการณ์ประจำวันผ่านระบบออนไลน์ของกองทัพบก  โดยได้กล่าวถึงการจัดงานน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 5 และ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พสกนิกรทุกภาคส่วนและหน่วยทหารของกองทัพบก ได้จัดกิจกรรมอย่างสมพระเกียรติในช่วงที่ผ่านมา

ซึ่งพระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ อันนำมาซึ่งความเจริญและความผาสุกของบ้านเมืองรวมทั้งประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นเรื่องที่กองทัพบกจะนำไปเผยแพร่ให้กำลังพลทุกระดับ ครอบครัวและทหารกองประจำการได้ศึกษา ได้รับทราบ เพื่อปลูกจิตสำนึกในความรักชาติ รักแผ่นดิน การทำความดี เป็นไปตามอุดมการณ์ของกองทัพบก เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน ซึ่งนอกจากจะใช้เรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยและความเป็นชาติ ในการปลูกจิตสำนึกกับกำลังพลแล้ว กองทัพบกมีแนวคิดที่จะนำความรู้ในข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นนักเรียนทหาร และข้าราชการของกองทัพบกในวาระต่าง ๆ ต่อไป  

สำหรับนโยบายของรัฐบาลในการกำหนดมาตรการเพื่อเปิดประเทศรับการท่องเที่ยวในเดือนพฤศจิกายนนี้ นั้น ผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้ทุกส่วนได้สนับสนุนตามแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยการประสานทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว โดยเฉพาะการสกัดกั้นลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ ย้ำให้กองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก ดำเนินการสกัดกั้นอย่างเข้มงวด ควบคู่กับการประสานกับส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน และติดตามการปฏิบัติทุกขั้นตอนนำไปสู่ต้นตอของขบวนการนำพา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยในขณะนี้ และที่อาจจะเกิดขึ้นในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมทั้งจากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ทุกเหล่าทัพสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการช่วยเหลือประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ เตรียมบูรณการร่วมฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว สิ่งสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนช่วงอุทกภัย คือ ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ระมัดระวังอุบัติเหตุในทุกเรื่อง 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับมอบเรือพาย จำนวน 40 ลำ จากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ในภารกิจช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันที่ 25 ต.ค. 64 
เวลา 14.00 น. ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับผู้แทนจากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)(CPN) นำโดย คุณวัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)(Deputy CEO), คุณเลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน (SEVP Property Management) และคุณรุจิเรศ  นีปัทมะ ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานรัฐกิจสัมพันธ์ (SVP สรรหาที่ดินและรัฐกิจสัมพันธ์) พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบและมอบเรือพาย จำนวน 40 ลำ ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อใช้ในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  

 

‘เชฟดัง’ เสิร์ฟเมนูหากินยากแบบเคลื่อนที่ จนรุ่ง!! สะท้อนแนวคิดนักสู้ หลังร้านเจ๊งเพราะโควิด

เพจ ‘หลง อินเดีย’ ได้เผยเรื่องราวของเชฟดังจากโรงแรม 5 ดาว ที่จำต้องปิดร้านอาหารตัวเองลง แต่ก็ดิ้นสู้ชีวิต ด้วยการปรับใช้รถเก๋งคันจิ๋ว มาทำเป็นร้านอาหารเคลื่อนที่ ว่า…

“ไม่คิดปรับ ชีวิตก็ไม่เปลี่ยน”

เชฟดังจากโรงแรม 5 ดาว จำต้องปิดร้านอาหารตัวเองลง สุดท้ายใช้รถเก๋งคันจิ๋ว ทำเป็น #ร้านอาหารเคลื่อนที่ ซะเลย

Chef Pankaj Neurkar อดีตเชฟโรงแรมหรู Grand Hyatt แห่งนครมุมไบ ที่ผันตัวมาเป็นเจ้าของร้านตัวเอง ในชื่อ ‘Khadpe’s’ ที่เสิร์ฟเฉพาะอาหาร Malvani ดั้งเดิมแท้ๆ

Malvani Food (มัลวานี) เป็นอาหารอินเดีย ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์สำคัญที่ทางใต้ของ Konkan ในรัฐมหาราษฎระ และ รัฐกัว เท่านั้น จึงเป็นอาหารที่หาทานได้ยากเช่นกัน

เชฟปังกัช ขณะนี้จำเป็นต้องปิดร้านอาหาร ทั้ง 2 แห่งของตนลงแล้ว เพราะพิษของการระบาดใหญ่ที่ผ่านมา แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขากลับเป็นคนที่ไม่คิดยอมแพ้อะไรง่ายๆ เพราะเขาเชื่อว่า… #ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ หรอก

จับอีก 2 ล็อตใหญ่แรงงานพม่าหนีเข้าเมือง จ่ายค่าหัว 2 หมื่น แลกเข้าสมุทรสาคร

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ (กกล.สุรสีห์) เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ร้อย.ตชด.136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ไทรโยค รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.ไทรโยค ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่บริเวณบ้านพุน้อย หมู่ 7 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี 

ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่พบรถตู้หมายเลขทะเบียนนครปฐม วิ่งผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น ผลปรากฏพบแรงงานชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายนั่งมาเต็มคันรถ นับรวมกันได้ 14 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 4 คน ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวไทยที่เป็นผู้นำพาได้ 2 คน ประกอบด้วยนายหรรษา อายุ 27 ปี คนขับ และ นายสุพล อายุ 30 ปี ทั้ง 2 เป็นชาว ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค 

จากการสอบถามผู้ต้องหาที่เป็นแรงงานชาวเมียนมา ทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจากกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อข้ามมาถึงชายแดนฝั่งไทย ผู้ต้องหาคนไทยทั้ง 2 คน ได้ขับรถตู้มารับเพื่อมุ่งหน้าไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชั้นใน แต่เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าจะไปทำงานในพื้นที่ใด โดยได้จ่ายค่าหัวให้กับผู้นำพาไปแล้วคนละ 20,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวแรงงานชาวเมียนมา รวมทั้งผู้ต้องหาที่เป็นชาวไทย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมก่อนที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กนอ. ตั้งนิคมฯ ‘ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้’ เล็งดูดเม็ดเงินลงทุนเพิ่มในพื้นที่อีอีซี

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จับมือ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ พื้นที่กว่า 1,000 ไร่ เม็ดเงินพัฒนาโครงการ 4,856 ล้านบาท รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่อีอีซี

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในขณะนี้มีสัญญาณบวกชัดเจนขึ้น เห็นได้จากหลายอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ดี ประกอบกับมีความสนใจการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะมองว่าประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และเหมาะกับการตั้งฐานธุรกิจในระยะยาว เห็นได้จากการย้ายฐานการผลิตที่เป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ (จีน-สหรัฐฯ) ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการจากจีนและไต้หวัน ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาย้ายฐานเข้ามาแล้ว 250 โครงการ เงินลงทุนรวมกว่า 126,000 ล้านบาท (ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน BOI ) 

ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและเตรียมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมรองรับการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตามนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development : EEC) กนอ.จึงลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงาน กับ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ เพื่อรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมสมัยใหม่ S-Curve และ New S-Curve ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นการดำเนินงานในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานที่เอกชนเป็น ผู้ลงทุนพัฒนา และให้บริการระบบสาธารณูปโภค จัดเป็นนิคมอุตสาหกรรมลำดับที่ 67 โดยใช้ระยะเวลาพัฒนาโครงการประมาณ 2 ปี และจะเปิดขายพื้นที่/ให้เช่าพื้นที่ทั้งหมดได้ภายใน 4 ปี   


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top