Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

'ไบเดน' อภัยโทษ 'ลูกชาย' คดีภาษี-ค้าอาวุธ อ้างฝ่ายตรงข้ามกลั่นแกล้งทางการเมือง

(2 ธ.ค. 67) ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามคำสั่งอภัยโทษให้แก่นายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชาย กรณีหลบเลี่ยงภาษีมูลค่าอย่างน้อย 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 48.17 ล้านบาท) ระหว่างปี 2559-2562 และให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการซื้ออาวุธปืนในปี 2561 ขณะที่ยังอยู่ในสถานะ "บุคคลต้องห้าม" เนื่องจากมีประวัติการใช้ยาเสพติด

ก่อนหน้านี้ อัยการสั่งฟ้องฮันเตอร์ในคดีให้ข้อมูลเท็จเรื่องครอบครองอาวุธปืนเมื่อต้นปี 2566 ส่วนคดีหลบเลี่ยงภาษี ฮันเตอร์ยอมรับสารภาพในเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการตัดสินโทษ โดยโทษสูงสุดของทั้งสองคดีรวมกันอาจถึง 42 ปี

การตัดสินใจครั้งนี้ของไบเดน แม้เป็นไปตามอำนาจตามรัฐธรรมนูญ แต่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะจากพรรครีพับลิกัน และอาจสร้างความไม่พอใจในพรรคเดโมแครต เนื่องจากก่อนหน้านี้ไบเดนเคยยืนยันว่าจะไม่อภัยโทษให้บุตรชาย

ไบเดน ซึ่งจะหมดวาระในเดือนมกราคม 2568 ระบุว่า การดำเนินคดีต่อฮันเตอร์เป็น "การกลั่นแกล้งทางการเมือง" และขอให้ชาวอเมริกันเข้าใจการตัดสินใจครั้งนี้ ทั้งในฐานะบิดาและประธานาธิบดี

ทั้งนี้ ไบเดนไม่ใช่ผู้นำสหรัฐคนแรกที่อภัยโทษสมาชิกครอบครัว อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน เคยอภัยโทษลูกพี่ลูกน้องจากคดีเกี่ยวกับโคเคน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อภัยโทษบิดาของลูกเขยในคดีภาษีเช่นกัน

จากเหนือ.. สู่อีสาน.. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยกทัพจัดผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร 22 จังหวัดภาคอีสาน 

ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 20 ธันวาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร มอบหมายให้คณะกรรมการ และผู้บริหารฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมแผนกสาธารณภัย และแผนกบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายปฏิบัติการ ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร  22 จังหวัดภาคอีสาน ประกอบด้วย จังหวัดลพบุรี เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด มุกดาหาร นครพนม  บึงกาฬ และ สกลนคร นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรีในบางพื้นที่ ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โดยวานนี้ (วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2567) นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยนางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่มอบผ้าห่ม พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ฯลฯ บรรจุลงกระเป๋าผ้า  เพื่อบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ที่อำเภอนาด้วง อำเภอเอราวัณ อำเภอผาขาว จังหวัดเลย รวม จำนวน 2,000 ชุด พร้อมทั้งจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน ให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ในพื้นที่อำเภอผาขาว โดยมีประชาชนทั้งในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก  โดยมี  นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย คณะมูลนิธิสว่างคีรีธรรม จังหวัดเลย เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี โดยในปีนี้  ระหว่างเดือน พฤศจิกายน -  ธันวาคม 2567 มูลนิธิฯ กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบ “ภัยหนาว” ในถิ่นทุรกันดาร ครอบคลุมพื้นที่ ภาคเหนือ  ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้  รวมการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวทั้งสิ้น  4 ภาค  43 จังหวัด ผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภครวม 51,500 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 34,637,500 บาท (สามสิบสี่ล้านหกแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน)  โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี 

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สละแรงกาย แรงใจ  สมทบทุน ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

จีนหั่นภาษีสินค้านำเข้าจากชาติด้อยพัฒนา ประเทศแถบแอฟริกา เฮรับอานิสงส์ มีผล 1 ธ.ค.

(2 ธ.ค. 67) โกลบอลไทมส์ (Global Times) สื่อของรัฐบาลจีน รายงานว่า จีนได้ประกาศนโยบายลดภาษีเหลือศูนย์ให้แก่สินค้าทุกประเภทที่มาจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDC) ที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน มีผลตั้งแต่วันนี้ (1 ธ.ค.) โดยจีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจใหญ่รายแรกที่ประกาศนโยบายดังกล่าว

สำหรับกลุ่มประเทศ LDC ในแถบอาเซียนเหลืออยู่เพียง 3 ชาติคือ พม่า ลาว และกัมพูชา ขณะที่นอกนั้นส่วนใหญ่เป็นชาติด้อยพัฒนาที่อยู่ในแถบทวีปแอฟริกา ขณะที่สื่อทางการจีนรายงานว่า ภายใต้นโยบายใหม่ทางภาษีนี้ประเทศในแถบแอฟริกาจะได้รับอานิสงส์ดังกล่าว มากกว่าชาติในอาเซียนเนื่องจากจีนกับอาเซียนมีกรอบความร่วมมือทางการค้าที่ใกล้ชิดในหลายระดับอยู่ก่อนแล้ว

คณะกรรมการภาษีศุลกากรแห่งคณะรัฐมนตรีจีนระบุว่า หากจำนวนสินค้าอยู่ในโควตาที่กำหนดจะไม่มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า แต่สินค้าส่วนที่เกินโควตายังคงต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ

ศาสตราจารย์ซ่ง เว่ย จากคณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการทูต มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศแห่งปักกิ่ง (Beijing Foreign Studies University) กล่าวว่า จีนมีเป้าหมายในการช่วยส่งเสริมการเติบโตภายในประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น เกษตรกรรมและการผลิต เป็นต้น

ศาสตราจารย์ซ่งกล่าวเสริมว่า ในขณะที่โลกตะวันตกใช้นโยบายกีดกันทางการค้าและการกระทำฝ่ายเดียว (unilateralism) อย่างเข้มข้นมากขึ้น จีนเลือกที่จะแบ่งปันโอกาสกับประเทศอื่น ๆ โดยอาศัยตลาดขนาดใหญ่ของจีน ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งเสริมโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจและการแบ่งงานกันทำ (division of labor) ทั่วโลก

“นพ.เอก” ตั้งคำถามเดือด อ้างชื่อราชวิทยาลัยแพทย์ต้านบุหรี่ไฟฟ้าระดมส่งไลน์หวังกดดันสภาฯ ไม่เห็นชอบการควบคุมให้ถูกกฎหมาย

‘หมอเอก’ อดีต ส.ส. เชียงรายโพสต์ข้อความผ่านบัญชี Facebook ส่วนตัว แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยระบุราชวิทยาลัยต่างๆ ที่ออกมาแสดงจุดยืน “ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” อย่างแข็งขัน พร้อมตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของมาตรการเดิมๆ ที่ใช้อยู่

“ไม่มีใครอยากเอาบุหรี่ไฟฟ้าหรอกครับ… แต่ทั้งๆ ที่แบน ทั้งรณรงค์ และปราบปราม บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังเกลื่อนเมือง” นายแพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ หรือ หมอเอก อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 1 จังหวัดเชียงราย และอดีตรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการการสาธารณสุขกล่าว พร้อมชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีการใช้ทรัพยากรและงบประมาณจำนวนมากในความพยายามดังกล่าว แต่ผลลัพธ์กลับไม่สามารถลดการบริโภคบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมได้

นอกจากนี้ นพ.เอก ยังสะท้อนว่าการรณรงค์ในปัจจุบันดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่การต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น แต่กลับละเลยการควบคุมการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยรวม ส่งผลให้ประเทศไทยไม่สามารถลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดในแผนควบคุมยาสูบแห่งชาติ

นพ.เอกยังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการอ้างมติของราชวิทยาลัยต่างๆ ว่าอาจไม่ได้มีการประชุมหารือหรือรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกอย่างครบถ้วน พร้อมเสนอว่า ควรใช้โอกาสนี้ในการออกข้อเสนอเชิงนโยบายที่ชัดเจนเพื่อควบคุมยาสูบอย่างเป็นรูปธรรม และเรียกร้องให้ใช้แนวคิดใหม่ ปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงาน โดยระบุว่า “หากทำแบบเดิมๆ มา 20-30 ปี แล้วทำไม่สำเร็จ ทำไมถึงไม่ใช้แนวคิดหรือวิธีการใหม่ๆ บ้างล่ะครับ จะทำแบบเดิมเพื่อหวังผลลัพธ์เปลี่ยนกันอย่างนั้นหรือ?”

ทั้งนี้ นพ.เอก เป็นคนหนึ่งที่ติดตามประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการควบคุมที่เหมาะสม ป้องกันสุขภาพผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าและป้องกันเยาวชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้โดยง่าย และเคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคอีวาลี่ ซึ่งกรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกายืนยันว่าเกิดจากการการผลิตบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานโดยการลักลอบนำวิตามินอีไปผสมกับน้ำยานิโคตินเหลว

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวพบว่ามีการส่งข้อความผ่านไลน์กลุ่มบุคคลากรทางการแพทย์และไลน์กลุ่มอื่นๆ จำนวนมาก เพื่อรวบรวมรายชื่อไปยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อคัดค้านการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมายโดยอ้างเหตุผลเรื่องเด็กและเยาวชน โดยในข้อความยังระบุว่า “แม้ดูแล้วสู้ไปก็แพ้นักการเมือง แต่เราจะสู้จนหยดสุดท้าย” ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่มผู้คัดค้านอาจทราบผลการพิจารณาของคณะกมธ วิสามัญ บุหรี่ไฟฟ้า ที่ได้พิจารณาข้อมูลทุกด้านทั้งมิติกฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ จนนำไปสู่ความพยายามในการกดดัน กมธ และสภาฯ ในโค้งสุดท้ายไม่ให้รับรองรายงานฉบับนี้ โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการสาธารณสุขในสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อนก็เคยมีความเห็นสมควรให้นำบุหรี่ไฟฟ้ามาควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมายเช่นเดียวกับ 80-90 ประเทศทั่วโลกเนื่องจากเห็นความล้มเหลวของการแบนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่ไม่สามารถควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าได้จริง

สนพท.นำคณะสื่อจีนดูงาน NBT พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

เมื่อวันที่ (29 พ.ย.) เวลา 9.00 น. ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศ ไทย (NBT)  นายศุภพงษ์ เชาว์แล่น ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) พร้อมคณะกรรมการและที่ปรึกษาสมาคมฯ ที่นำคณะตัวแทนสื่อมวลชนจากสาธารณ รัฐประชาชนจีน ประกอบด้วย นายหลี่ เจียนหมิน ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวซินหัว เป็นหัวหน้าคณะสื่อ, นายซู่ ลี่จวิน ผอ.การประสานงาน สถานีวิทยุเฮย์หลงเจียง, นายจาง ผิงจ้าว บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์เปาอันเดลี่, นายหวาง หย่งโป รอง ผอ.ฝ่าย สนง. สมาคมนักข่าวสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายจ่าว เทา นักวิจัยฯ ศูนย์กิจกรรมนักข่าวต่างประเทศ สมาคมนักข่าวสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าศึกษาดูงานพร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสถานการณ์สื่อในยุคปัจจุบัน และการปรับตัวในโซเซียลมีเดียของทั้ง 2 ประเทศ 

ซึ่งทั้งสองประเทศได้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารกันอยู่แล้วโดย NBT ได้มีการร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ยูนนานและกว่างซีของจีน เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารเพื่อนำมาออกอากาศในประเทศไทย
จากนั้นคณะผู้บริหารได้พาคณะสื่อจากประเทศจีนเข้าเยี่ยมชมการผลิตรายการข่าว และเยี่ยมชมสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยมีนางสาวชนิสา ชมศิลป์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย พร้อมคณะส่วนสื่อข่าวและผลิตรายการข่าวให้การต้อนรับพร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพาชมสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

‘อาจารย์อุ๋ย’ ชี้!! ‘เมียนมาร์’ ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ยิงเรือประมงไทย ละเมิด!! หลักกฎหมายระหว่างประเทศ จี้!! รัฐบาลดำเนินการตอบโต้

(1 ธ.ค. 67) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นผ่านเฟสบุ๊กว่า

กรณีที่เรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทย 3 ลำ จนทำให้ลูกเรือบาดเจ็บ 2 คน เสียชีวิต 1 คน และจับกุมเรือประมงไทย 1 ลำพร้อมลูกเรือ 31 ไว้นั้น กฎบัตรสหประชาชาติ (UN Charter) มาตรา 51 ให้สิทธิแก่รัฐสมาชิกในการใช้กำลังป้องกันตนเองโดยใช้อาวุธ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีการรุกล้ำน่านน้ำหรือไม่ ด้วยหลักจารีตประเพณีและคำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล (International Tribunal for the Law of the Sea) ซึ่งได้เคยวางหลักไว้ในคดี SAINT VINCENT AND THE GRENADINES V. GUINEA ว่า การใช้กำลังอาวุธด้วยการยิงเข้าใส่เรือประมงจนเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของลูกเรือ ถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ 

ทั้งนี้ ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐทุกรัฐจักต้องหลีกเลี่ยงการใช้กำลังอาวุธให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อทำการเข้าจับกุมเรือ แม้ว่าจะเป็นเรือที่ทำผิดกฎหมายก็ตาม เพราะการใช้กำลังอาวุธจะทำให้มีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำให้คนของชาติอื่นต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจะทำให้เกิดความบาดหมางต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยไม่จำเป็น ซึ่งวิธีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาในทางระหว่างประเทศเมื่อพบเรือต่างชาติที่ต้องสงสัย คือการเตือนด้วยเสียงหรืออาณัติสัญญาณในรูปแบบที่เห็นได้ชัดให้เรือต้องสงสัยนั้นหยุด และหากเรือต้องสงสัยนั้นไม่ตอบสนองหรือไม่หยุด เจ้าหน้าที่จึงสามารถเข้าขึ้นเรือและใช้กำลังเข้าควบคุมความสงบเรียบร้อยได้ หรือหากเรือต้องสงสัยนั้นมีการใช้กำลังอาวุธยิงเข้าใส่ เจ้าหน้าที่จึงสามารถใช้อาวุธยิงตอบโต้ได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่เมียนมายิงเข้าใส่เรือประมงไทยโดยไม่มีการเตือนหรือแจ้งล่วงหน้าให้หยุดเรือจึงเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ซึ่งรัฐบาลไทยต้องเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาเยียวยาความเสียหาย และปล่อยตัวลูกเรือที่ถูกจับโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะต้องดำเนินมาตรการตอบโต้ (retortion/reprisal) เช่น ส่งทูตกลับประเทศ ปิดน่านน้ำ ปิดชายแดน จำกัดการนำเข้าสินค้า บอยคอตสินค้า ตัดความช่วยเหลือต่าง ๆ กับประเทศเมียนมา ฯลฯ ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำได้ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อผดุงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของประเทศไทยและเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนไทยที่ประสบเหตุ อย่างเต็มที่ ด้วยความปรารถนาดี 

‘เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป’ จัดความสุข!! ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ มอบดีลที่ดีที่สุด!! ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1.62 ล้านบาท

(1 ธ.ค. 67) นางสาวตวงรัตน์ ลิขิตพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ครบทุกซับแบรนด์ พร้อมศูนย์บริการแบบครบจบที่เดียว เผยว่า แคมเปญ Benz BKK Group : End of Year Sale 2024!! เป็นแคมเปญที่ลูกค้าจะได้รับดีลที่ดีที่สุดส่งท้ายปี โปรโมชันเดียวกับ Motor Expo ที่ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1.62 ล้านบาท อีกทั้ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เพิ่งจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เปิดไลน์อัปยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury กว่า 6 รุ่น ครอบคลุมทั้งแบรนด์ Mercedes-Maybach และรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในกลุ่ม G-Class, S-Class และ V-Class โดยจัดแสดงภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Art of Cultivated Luxury’ นำเสนอความงดงามของศิลปะร่วมสมัยที่ผสานเข้ากับยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ สะท้อนถึงความประณีต รสนิยมชั้นสูง และสุนทรียภาพแห่งชีวิต แสดงถึงความมุ่งมั่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการมอบประสบการณ์อันเหนือระดับ ให้กับลูกค้าระดับไฮเอนด์ในทุกมิติ ในส่วนของเบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา ก็เช่นกัน เรายังคงมุ่งเน้นการให้บริการ และให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์เหนือระดับสุดประทับใจให้กับลูกค้า ประกอบกับขนาดของโชว์รูมที่กว้างขวาง สามารถจัดแสดงรถในโชว์รูมได้ครบรุ่นกว่า 30 คัน และยังสามารถทดลองขับรถรุ่นที่สนใจได้มากกว่า 15 รุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการ และการตัดสินใจได้ทันที

ในส่วนของการบริการหลังการขาย Aftersales Service ก็พร้อมให้บริการเต็มศักยภาพเพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในทุกๆปี ที่ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง (Body & Paint) เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา ได้รับรองมาตรฐานสูงสุด Level 4 จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) พร้อมด้วยบุคลากรและเครื่องมือทันสมัย ครบวงจร รองรับงานซ่อมสี-ตัวถัง ได้ทุกรุ่น ทุกซับแบรนด์ สามารถรองรับรถได้กว่า 600 คันต่อเดือน พร้อมทั้งบริการเซอร์วิสอื่นๆที่สามารถให้บริการได้แบบ ครบ จบที่เดียว โอกาสนี้ขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามาใช้บริการที่เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา ภายใต้บรรยากาศการตกแต่งโชว์รูมในเทศกาลคริสมาสต์ ให้คุณสามารถถ่ายรูป แชะ & แชร์ อัปเดตเทรนด์ได้ทุกมุม อีกทั้งอาหาร และเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ ครบครัน นอกจากนั้นเรายังมีอีกหนึ่งทางเลือกคุณภาพสำหรับลูกค้าที่สนใจรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์มือสอง รถเดโม รถผู้บริหารไมล์น้อย พบกับงาน Mercedes-Benz Certified by Benz BKK Group : End of Year Sale 2024 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 3 วันเท่านั้น!! และเมื่อจองรถในงาน รับฟรี!! แพคเกจเคลือบแก้วเซรามิก มูลค่า 19,000.- บาท รวมถึงลูกค้าที่ซื้อแพคเกจ MBSP รับทันที ‘ผ้าห่มอุ่นใจ’ ผลงานการออกแบบจากศิลปินเยาวชนรุ่นใหม่ อาณา - สักกตะฤจ อินทรวิชะ อีกด้วย

นายเอกพงษ์ จินดาสมัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายขาย และการตลาด เผยดีลสุดพิเศษว่า สำหรับแคมเปญส่งท้ายปี เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา มากับข้อเสนอเดียวกับ MOTOR EXPO ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1.62 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม 2567 พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าโดยไม่ต้องเดินทางฝ่ารถติดไปถึงเมืองทองธานี ก็สามารถรับดีลเดียวกันที่โชว์รูม เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป – บางนา จัดแสดงรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาสัมผัสรถครบรุ่น กว่า 30 คัน และสามารถทดลองขับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นยอดนิยม 16 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น A 200 AMG Dynamic, GLA 200 AMG Dynamic, C 220 d AMG Line, C 350 e AMG Dynamic, GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic, GLC 350 e 4MATIC Coupe AMG Dynamic, E 350 e AMG Dynamic, CLE 300 4MATIC Coupe AMG Dynamic, CLS 220 d AMG Premium, AMG CLS 53 4MATIC+, GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic, Vito 119 CDI Tourer Select, Sprinter 419 Business Long, EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic, EQS 500 4MATIC AMG Premium และ Mercedes-Maybach S 580 e Premium นอกจากนั้นที่ BKK Café มีบริการเสิร์ฟอาหารหลากหลายเมนูอร่อย, เมเจอร์ ป๊อปคอร์น และเครื่องดื่มฟรีตลอดงาน สำหรับผู้ที่สนใจทดลองขับ สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คชอป ถักกระเป๋าจากไหมพรมยักษ์ได้อีกด้วย

ด้าน นายปริวัตร คงคลัง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย Mercedes-Benz Certified เสริมว่า Mercedes-Benz Certified by Benz BKK Group ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้น 3 โชว์รูมเบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป - บางนา มีรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ มือสอง รถเดโม่ รถผู้บริหารไมล์น้อย มีรถจอดแสดงให้เลือกชมมากกว่า 70 คัน ทุกคันผ่านการตรวจเช็กกว่า 200 รายการ ตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รถที่ปลอดภัย คุณภาพดี ในราคาที่คุ้มค่า พร้อมอัดดีลพิเศษส่งท้ายปีที่งาน Mercedes-Benz Certified by Benz BKK Group : End of Year Sale 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 3 วันเท่านั้น!! โอกาสสุดท้ายของปี ให้คุณเป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายขึ้น ด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 2.39% และรับฟรี! แพคเกจเคลือบแก้วเซรามิก มูลค่า 19,000.- บาท เมื่อจองในงาน และรับรถภายใน 29 ธันวาคม 2567 สำหรับผู้ที่สนใจเปลี่ยนรถ กำลังมองหารถคันใหม่ ‘รถคันเก่าของคุณมีค่า’ รับเพิ่ม 100,000.- บาทเมื่อขายกับเรา พร้อมรับทองคำมูลค่า 20,000 บาทอีกด้วย

นางสาวลภัสวรรณ ผูกทอง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการหลังการขาย ฝ่ายศูนย์บริการ พร้อมด้วย นายสมชาย เซี้ยเจริญ ผู้จัดการศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ร่วมนำเสนอแคมเปญศูนย์บริการด้วยว่า ถึงช่วงเวลาแห่งความสุข ศูนย์บริการร่วมส่งมอบความสุข เพียงนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการตลอดเดือน ธันวาคมนี้ รับ BKK Dairy 2025 พร้อม BKK Pouch ทันที และที่ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง เมื่อเปิดใบเคลม 100,000 บาทขึ้นไป รับฟรี!! BKK CARRY-ON LUGGAGE 20 มูลค่า 4,990 บาท พิเศษเฉพาะที่เบนซ์ บีเคเค บางนา เท่านั้น! อีกทั้งยังทิ้งท้ายแคมเปญ ‘ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย ไปกับเบนซ์ บีเคเค บางนา’ เชิญชวนลูกค้าทุกท่านนำรถเข้าตรวจเช็กฟรี! 67 รายการ ก่อนเดินทางไกลในช่วงฮอลิเดย์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 28 ธันวาคม นี้ 

สนใจนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ http://mb4.me/OAB_BenzBKKGroup 

หรือโทร 02-745-2222

‘หมูเด้ง’ ตึงทั้งตัว!! แตกลายยันก้น รับหน้าหนาว ชาวโซเชียลชี้!! ‘สปอนเซอร์ครีมทาผิว’ต้องเข้าแล้ว

(1 ธ.ค. 67) เพจ ‘ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง’ ได้โพสต์ภาพ หมูเด้ง ที่ได้สัมผัสอากาศหนาวครั้งแรกในชีวิต ซึ่งภาพที่โพสต์ เป็นภาพของหมูเด้งยืนตากแดด พร้อมกับผิวหนังที่แห้งจนทำเอาตัวตึงไปหมด แถมผิวยังแตกลายงา ลามยันกันเลยทีเดียว

โดยทางเพจยังระบุข้อความว่า ‘เครื่องวัดอุณหภูมิรุ่นล่าสุด ทำงานครั้งแรก แสดงว่าเครื่องตรงไม่เพี้ยน’

และยังได้ระบุในคอมเมน์ใต้โพสต์ดังกล่าวอีกว่า 

‘นี่แค่วันแรกหนาวเบาๆ เองนะพ่อ ตูดยังแตกขนาดนี้ ช่วงนี้หมูเด้งหนาวจะนอนแอบมุมแล้วแม่นอนบังลมให้อีกที ทำให้อาจมองไม่เห็นหมูเด้งนะ’

ทั้งนี้ หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป แฟนๆ ก็เข้ามาคอมเมนต์แซวเด้งยับ เช่น  

หนาวๆๆ พอถึงหน้าหนาว สาวๆ ขาแตก

โอ๊ยยยย สปอนเซอร์ครีมทาผิวต้องเข้าแล้ววว หมูเด้ง เซเลปสาวแถวหน้าแห่งเมืองไทย 

อากาศเย็นนิดนุง ผิวแตกเลย

เครื่องทำน้ำอุ่นต้องเข้าแล้วลูก

หนาวตัวแตกเลย ขอครีมให้เด้งหน่อยงับ

สปอนเซอร์ครีมต้องเข้าแล้วมั้ยคะ

อิคำแก้วมันเป็นฮิปโป

เด้งตูดแตก

เห็นเลขอะไรกันบ้างคะ เราเห็น 04 ที่ก้นน้อง

ย่นไปหมด น้ำชง คอลลาเจนต้องมานะคะช่วงนี้ เย็นผิวแห้งละ

นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งยังได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า … 

นึกว่าชามกระเบื้องแตกลายงา สวยน่าเก็บ

‘ทรัมป์’ ขู่ขึ้นภาษี!! ประเทศ BRICS หากรวมหัวไม่ใช้ ‘เงินดอลลาร์’

(1 ธ.ค. 67) ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ขู่จะขึ้นภาษีศุลกากร 100% กับกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS) 9 ประเทศ หากดำเนินการที่ถือเป็นการบ่อนทำลายค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

คำขู่ครั้งล่าสุดนี้มุ่งเป้าโดยตรงไปยัง 9 ประเทศสมาชิกกลุ่มบริกส์ที่นำโดย จีน รัสเซีย อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ อิหร่าน อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และเอธิโอเปีย ซึ่งปัจจุบันมีหลายประเทศกำลังสมัครเข้าเป็นสมาชิกเพิ่ม เช่น ประเทศไทย มาเลเซีย และตุรกี 

ทรัมป์กล่าวว่า ‘ไม่มีทาง’ ที่กลุ่ม BRICS จะเข้ามาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลก และประเทศใดก็ตามที่พยายามทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ ‘ควรโบกมือลาจากสหรัฐอเมริกา’

ทั้งนี้ ในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศบริกส์ที่ประเทศรัสเซียเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้กล่าวหาสหรัฐว่า ใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธ’ และเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น ‘ความผิดพลาดครั้งใหญ่’

แม้ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะเป็นสกุลเงินที่ใช้กันมากที่สุดในการทำธุรกิจทั่วโลก และผ่านพ้นความท้าทายต่างๆ ในอดีตมาได้ แต่ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ต่างระบุว่าพวกเขาเบื่อหน่ายกับการที่สหรัฐมีอิทธิพลเหนือระบบการเงินโลก

จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เงินดอลลาร์สหรัฐมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 58% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของโลก และสินค้าโภคภัณฑ์หลักๆ เช่น ‘น้ำมัน’ ยังคงซื้อขายกันโดยใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของดอลลาร์สหรัฐกำลังถูกท้าทายเนื่องจากส่วนแบ่งจีดีพีของกลุ่ม BRICS ที่เพิ่มขึ้น และความตั้งใจของกลุ่มบริกส์ที่จะซื้อขายกันในสกุลเงินที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ หรือเป็นกระบวนการที่เรียกว่าการลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ (De-dollarization) 

รัสเซียได้ผลักดันให้มีการจัดทำระบบการชำระเงินใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกมาแทนที่เครือข่ายการสื่อสารสำหรับประมวลผลการชำระเงินระหว่างประเทศ หรือ ‘สวิฟท์’ (SWIFT) ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ ซึ่งจะช่วยให้รัสเซียสามารถหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกและค้าขายกับพันธมิตรได้

อย่างไรก็ดี จากงานวิจัยของสภาแอตแลนติกบ่งชี้ว่า บทบาทของดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองหลักของโลกจะไม่ถูกคุกคามในอนาคตอันใกล้นี้ โดยผลวิจัยระบุว่า ดอลลาร์นั้น ‘มีความมั่นคงในระยะใกล้และระยะกลาง’ และยังคงครอบงำสกุลเงินอื่นๆ ต่อไป

การขู่ขึ้นภาษีล่าสุดของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่เขาขู่ว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าทุกชนิดที่นำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และขึ้นภาษีศุลกากรเพิ่มอีก 10% สำหรับสินค้าจากจีน เพื่อบังคับให้ทั้งสองประเทศดำเนินการมากขึ้นเพื่อหยุดยั้งการไหลเข้าของผู้อพยพผิดกฎหมายและยาเสพติดเข้าสู่สหรัฐ

จากนั้น ทรัมป์ได้โทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีเม็กซิโก ‘คลอเดีย เชนบาม’ ซึ่งกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าเ ธอเชื่อมั่นว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงสงครามภาษีกับสหรัฐได้ ทางด้านนายกรัฐมนตรี ‘จัสติน ทรูโด’ ของแคนาดาเดินทางกลับในวันเสาร์หลังจากพบกับทรัมป์ โดยที่ไม่ได้รับคำยืนยันว่าประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่จะถอยห่างจากการขู่ขึ้นภาษีกับแคนาดา

หนุ่มด่าทหาร เข้าช่วยน้ำท่วมภาคใต้ โวย!! ขับเร็ว สุดท้ายโดนทัวร์ลง ล่าสุด!! ทำคลิปขอโทษแล้ว

(1 ธ.ค. 67) จากกรณี จากกรณีฝนตกลงต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ในพื้นที่ จ.ยะลานั้นทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ในเขตตัวเมืองยะลา โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจ หน้าสถานีรถไฟยะลา โรงแรมยะลารามา น้ำได้เข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร ชาวบ้านและร้านค้าต้องเร่งอพยพสิ่งของ เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ จ.นราธิวาสก็ประสบกับสถานการณ์อุทกภัยเช่นกันกระทบทั้ง 13 อำเภอ น้ำยังท่วมและเอ่อล้นตลิ่งต่อเนื่อง ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535 คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง

อย่างไรก็ตาม พบว่ามีทหารพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมกลับโดนชายรายหนึ่งด่าพร้อมอัดคลิปลง TikTok หาว่าทหารจะเข้ามาช่วยหรือทำลายข้าวของ ของชาวบ้านกันแน่ สุดท้ายทหารจึงต้องล่าถอยออกไป จนมีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ชายรายดังกล่าว ทำให้สุดท้ายแล้วต้องลบโพสต์ดังกล่าวทิ้งไป

ล่าสุดวันนี้ 30 พ.ย. ผู้ใช้ TikTok ‘เฟียนนนนนน (FIAN)’ ที่มีผู้ติดตามกว่า 5 แสนคน ซึ่งเป็นคนที่อัดคลิปด่าทหารที่เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านจากเหตุน้ำท่วม ออกมาโพสต์คลิปขอโทษแล้ว พร้อมยืนยันไม่เกี่ยวกับศาสนา ไม่เกี่ยวจ้ งกับประเด็นเรื่อง 3 จังหวัด และจากนี้ ตนเองจะใช้สื่อให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

ทั้งนี้ พบว่าหลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปมีขาวเน็ตจำนวนมาก เข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิการกระทำดังกล่าวพร้อมบอกว่าอยากได้ยินคำขอโทษที่มาจากใจ เพราะบางส่วนเห็นว่าคลิปขอโทษที่ทำออกมาน่าจะทำเพราะโดนชาวเน็ตด่าเสียมากกว่า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top