Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

ปี 2025 ราคาสินค้า-อาหารพุ่งสูงขึ้น ช่วง ม.ค.-เม.ย. ปรับราคากว่า 3,900 รายการ

(2 ธ.ค. 67) เตโกกุ ดาต้าแบงก์ (Teikoku Databank) บริษัทวิจัยของญี่ปุ่น รายงานว่าราคาอาหารในญี่ปุ่นยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไปในปี 2025 เนื่องจากอาหารมากกว่า 3,900 รายการ จะถูกปรับราคาขึ้นระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2025

รายงานระบุว่ากลุ่มผู้ผลิตอาหารในญี่ปุ่น 195 ราย ประกาศแผนการขึ้นราคาอาหาร จำนวน 3,933 รายการแล้ว เมื่อนับถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งแบ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม 1,251 รายการ ตามด้วยขนมปัง 1,227 รายการ และอาหารแปรรูป อาทิ อาหารแช่แข็งและเค้กข้าว 1,040 รายการ

สาเหตุหลักของการปรับขึ้นราคายังคงเป็นต้นทุนวัตถุดิบที่สูง กอปรกับต้นทุนเกี่ยวกับโลจิสติกส์และแรงงานที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีแนวโน้มว่าปัจจัยเหล่านี้จะผลักดันให้ราคาอาหารเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี 2025

อนึ่ง ข้อมูลก่อนหน้านี้ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่หรือสูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 2 ของธนาคารกลางญี่ปุ่นมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2022

KEX ไร้แผนถอนหุ้น ปิด-ขายกิจการ ยันเดินหน้าขยายธุรกิจในไทยและอาเซียนต่อเนื่อง

(2 ธ.ค. 67) บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ออกแถลงการณ์ตอบโต้ข่าวลือเรื่องการปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงาน โดยยืนยันว่า บริษัทไม่มีแผนหยุดดำเนินธุรกิจหรือถอนหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมเน้นความมุ่งมั่นในการเติบโตระยะยาวในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  

เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส  ระบุว่าการรีแบรนด์จาก Kerry เป็น “KEX” เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการส่งพัสดุด่วน โดยได้รับการสนับสนุนจาก SF Express ทั้งในด้านการดำเนินงานและการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อนำเสนอบริการที่รวดเร็ว น่าเชื่อถือ และเปี่ยมด้วยนวัตกรรม  

โดยในปี 2567-2568 บริษัทวางแผนกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และขยายฐานลูกค้ากลุ่มกลางถึงสูง ทั้งรูปแบบ C2C และ B2B พร้อมปรับปรุงบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า  

KEX ดำเนินการปรับปรุงทรัพยากรในเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง เช่น การเปิด-ปิด ย้ายที่ตั้ง หรือรวมศูนย์กระจายสินค้า (DCs) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความสูญเสีย การเพิ่มทุนล่าสุดมูลค่า 5.6 พันล้านบาท ตอกย้ำถึงการสนับสนุนจาก SF Express เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินและเพิ่มความสามารถในการทำกำไร   KEX เป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์ของ SF Group ในภูมิภาคนี้ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบริการที่ยั่งยืนและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในระยะยาว  

เวียดนามอนุมัติสร้างรถไฟความเร็วสูงสายแรก เชื่อมฮานอย-โฮจิมินห์ คาดเสร็จใน 11 ปี

(2 ธ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สภาแห่งชาติเวียดนาม ชุดที่ 15 ได้ลงมติผ่านนโยบายการลงทุนโครงการทางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ-ใต้ มูลค่ารวม 1.7 พันล้านล้านดอง (ราว 2.3 ล้านล้านบาท) เมื่อวันเสาร์ (30 พ.ย.) ที่ผ่านมา

โครงการข้างต้นมีวงจรงบประมาณระยะกลาง 3 รอบ ได้แก่ รอบปี 2564-2568 รวม 5.38 แสนล้านดอง (ราว 725 ล้านบาท) รอบปี 2569-2573 รวม 841.7 ล้านล้านดอง (ราว 1.13 พันล้านบาท) และรอบปี 2574-2578 รวม 871.3 ล้านล้านดอง (ราว 1.17 พันล้านบาท)

ทางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ-ใต้ของเวียดนามจะมีระยะทางรวม 1,541 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีหง่อกโห่ยในกรุงฮานอย ตัดผ่าน 20 เมืองและจังหวัด และสิ้นสุดที่สถานีถูเตี๊ยมในนครโฮจิมินห์ซิตี

หวู่ ฮง แท็ง ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจประจำสภาฯ กล่าวว่า โครงการนี้มีความเป็นไปได้ในบริบทปัจจุบันของเวียดนาม หลังจากเตรียมงานและศึกษาต้นแบบรถไฟความเร็วสูงทั่วโลกมานาน 18 ปี

กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภั

(2 ธ.ค. 67) เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม สำนักงานประสานงานชายแดนไทย – มาเลเซีย      (สน.ปทม.) ค่ายเสนาณรงค์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลเอก สวัสดิ์  ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา  พร้อมด้วยกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการกิจการทหารด้านความมั่นคงแบบองค์รวม ได้ร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน พร้อมเยี่ยมเยียนให้กำลังใจในการปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนของเจ้าหน้าที่ในห้วงวิกฤติอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พลตำรวจตรี ชุมพล  ศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้การต้อนรับและบรรยายสรุปเกี่ยวกับแนวโน้มของสถานการณ์ แผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผลการดำเนินงานในห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนปัญหาและอุปสรรค เพื่อประมวลเป็นข้อเสนอแนะแก้ไขปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะนำข้อมูลและข้อคิดเห็นต่างๆ มาประกอบการพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่อไป

‘รองเอ็ด’ ผู้ท้าชิงนายกฯ อบจ.ตาก ตัดพ้อ หลังถูกวิชามารสกัด แค่เมียกำนันกดไลค์ยังถูกเรียกตักเตือน

เมื่อวันที่ (1 ธ.ค. 67) พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร (รองเอ็ด) อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  ผู้สมัคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก หมายเลข 2 โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า แค่คนมากดไลค์ Facebook fan page เพจ ลองเอ็ด โดน จนท. ฝ่ายปกครอง เรียกไปตักเตือน ผมตกใจมันเกิดขึ้นในยุคนี้ ยุค 5 G เค้าเป็นเมียกำนัน ไม่ใช่กำนัน รักใครชอบใคร ก็ กดไลค์กันได้

ผมพูดไม่ออก เรื่องสิทธิเสรีภาพ ในสื่อสังคมออนไลน์ ในฐานะ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

ผมเสียใจและต้องขอโทษ ท่านที่ได้รับผลกระทบ จากการไปกดเพียง 1 like แต่รู้ไหมครับว่า 1 likeนี้ จะเป็นพลังเพื่อการเปลี่ยนที่ดีขึ้นกว่าเดิม 

ย้ำ เมืองตาก ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน warning

ทั้งนี้ ในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.ตาก ในครั้งนี้มีผู้ที่แข่งขันชิงเก้าอี้กันอยู่ 2 คน ได้แก่ นางอัจฉรา ทวีเกื้อกุลกิจ หมายเลข 1 และ พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร หมายเลข 2

ว่ากันว่าในครั้งนี้ นางอัจฉรา ถือว่าได้เปรียบ เพราะเป็นลูกสะใภ้ ของนายณัฐวุฒิ ทวีเกื้อกุลกิจ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก ที่เพิ่งลาออกไป

ครั้งนี้จึงส่งลูกสะใภ้ มาแทน ภายใต้การสนับสนุนของนายณัฐวุฒิ และนายธนัสถ์ ทวีเกื้อกุลกิจ สามี อดีต สส.ตาก ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งพรรคนี้ยังคุมกระทรวงมหาดไทยมีแต้มต่อค่อนข้างสูง รวมทั้งจะมีการระดมอดีตนักการเมือง และนักธุรกิจผู้กว้างขวาง ของ จ.ตาก มาให้การสนับสนุนอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ทางฝั่งพ.ต.ท.อนุรักษ์ อดีตผู้ช่วย รมว.ดีอี ในสมัยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ จากพรรคพลังประชารัฐ แต้มเป็นรอง แต่มาพร้อมกระแสคนอยากเปลี่ยน  และยิ่งใกล้ โค้งสุดท้ายยิ่งน่ากลัว ด้วยลีลา เข้าถึง พึ่งได้ พร้อมชน เพราะ รองเอ็ด เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 29     และตอนเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล ฯก็เคยทำโครงการพัฒนา พื้นที่จากหลายโครงการ นอกจากนี้ พ.ต.ท.อนุรักษ์ ยังมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนักการเมืองรุ่นใหม่ในพื้นที่ เช่น นายณพล ชยานนท์ภักดี นายกเทศมนตรีเมืองตาก, นายคริษฐ์ ปานเนียม และนายรัชต์พงศ์ สร้อยสุวรรณ 2 สส.ตาก เขต 1 และเขต 2 พรรคประชาชน (ก้าวไกล) เรียกได้ว่า เข้มข้น ศึก… 

ในครั้งนี้จึงเป็นการวัดพลังระหว่างบ้านใหญ่ และคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ แต่ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเข้ามา เริ่มมีการงัดสารพัดวิธีเข้าสกัดดาวรุ่ง ดังเช่นที่รองเอ็ด โพสต์เฟซบุ๊กระบายความอัดอั้นดังกล่าว ซึ่งใครจะเป็นผู้ชนะ ในวันที่เลือกตั้ง 15 ธ.ค.2567 เวลา 08.00-17.00 น. ชาวจังหวัดตากจะเป็นผู้ให้คำตอบ

ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวสั่งการสถานีตำรวจท่องเที่ยวออกดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะสู่ภาวะปกติ

(2 ธ.ค. 67) พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า ตามสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจออกช่วยเหลือประชาชน
ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยนั้น ตนได้สั่งการให้สถานีตำรวจท่องเที่ยวในสังกัดบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ประสบอุทกภัย เพื่อออกดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชน และสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในจังหวัดต่าง ๆ ที่ประสบอุทกภัยในภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 สถานีตำรวจท่องเที่ยว 3 กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 เป็นสถานีตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย 
โดยร่วมอพยพประชาชนและสิ่งของจำเป็นต่างๆ ไปอยู่พื้นที่ปลอดภัย , ร่วมปรุงอาหารเพื่อนำไปแจกประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน , นำอาหารและสิ่งของจำเป็นไปแจกจ่ายให้กับประชาชนตามบ้านเรือนและศูนย์อพยพช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวพร้อมสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยโดยตลอด และสั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชน สถานที่ราชการ และถนนต่าง ๆ หลังน้ำลด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนและสังคมต่อไปด้วย

ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ และตำรวจท่องเที่ยว ได้ทันทีทางสายด่วน 191 ตำรวจทุกท้องที่ , สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 
และสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขอส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวใต้ทุกคน ขอให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

“พิทักษ์สถาบัน ป้องกันอ่าวไทย สามัคคีรวมใจ ห่วงใยประชาชน"

(2 ธ.ค. 67) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยประชาชนที่ประสบอุทกภัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จังหวัดสงขลา โดยทัพเรือภาคที่ 2 จัดตั้งโรงครัวพระราชทานขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ณ วัดเกษตรชลธี ตำบลตะเครียะ  อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 พร้อมกันนี้ ยังได้จัดแพทย์และพยาบาลตรวจสุขภาพเบื้องต้น พร้อมทั้งให้คำแนะนำด้านสุขอนามัย และมอบยาสามัญประจำบ้าน รวมทั้งมอบถุงยังชีพให้พี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียงด้วย

การแจ้งเหตุประสบภัย
📞074-325804  ทัพเรือภาคที่ 2  
📞1696 สายด่วนกองทัพเรือ ตลอด 24 ชั่วโมง

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0908535645

‘ณัฐวุฒิ’ โต้ รัฐบาลนี้เป็นของคนภาคไหนไม่มีอยู่จริง ป้องนายกฯพูดสามีเป็นคนใต้ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาทตาย ไม่ต้องขยี้กลายเป็นวาระแห่งชาติ

เมื่อวันที่ (1 ธ.ค. 67) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัวระบุว่า ตนไม่เชื่อเรื่องการเมืองแบ่งภูมิภาค พรรคไหนเป็นของคนภาคไหน รัฐบาลนี้เป็นของคนภาคนั้น ไม่มีอยู่จริง เป็นเรื่องที่ตนเห็นต่างมาตลอด เพราะรัฐบาลทำงานแบ่งตามภาคไม่ได้ สื่อมวลชนถามนายกฯว่ามีคนพูดว่าละเลยภาคใต้หรือไม่ เป็นเสรีภาพในการทำหน้าที่สื่อ ส่วนที่นายกฯตอบว่ามีสามีเป็นคนใต้ ย่อมไม่ละเลยคนใต้ ถ้าฟังด้วยใจนิ่งๆก็เข้าใจได้ว่า เป็นการพูดเพื่อเชื่อมโยงให้เห็นบางมุม ระหว่างตัวเองกับคนภาคนี้ เพื่อยืนยันว่าไม่ทิ้งกัน และรัฐบาลแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ออกมาตรการเยียวยา ซึ่งตนแน่ใจว่าการโอนเงินเยียวยาน้ำท่วมเร็วที่สุด เจ้าของสถิติคือรัฐบาลชุดนี้ ถ้ายกเลิกการประชุมกะทันหัน คำถามจะไม่เกิดขึ้นอีกหรือว่าทิ้งคนภาคเหนือ

“ความเห็นผม นายกฯ พูดเรื่องครอบครัวสามีเป็นคนใต้ เป็นมุมเล็ก ๆ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่จะขยี้กันจนแทบกลายเป็นวาระแห่งชาติ ผมห่วงใยพี่น้องที่น้ำท่วม แต่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะจัดการจนเราผ่านมันไปด้วยกันได้ ขณะเดียวกันผมห่วงใยบรรยากาศแบบนี้ด้วย แบบที่โจมตีกันทุกเรื่อง เล็กใหญ่ใส่หมดถ้าไม่ใช่ฝ่ายที่ตัวนิยม ไม่รู้เราจะผ่านจุดนี้ไปด้วยกันอย่างไร” นายณัฐวุฒิ ระบุ

ศัพท์แห่งปี 2024 จากม.ออกซฟอร์ด หมายถึง 'คนเสพสื่อออนไลน์จนปัญญาเสื่อมถอย'

(2 ธ.ค. 67) มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้ประกาศคำศัพท์แห่งปีที่ได้รับการโหวตจากสาธารณชน โดยคำที่ได้รับการเลือกในปีนี้คือ "brain rot" หรือ "สมองเน่า เป็นคำสแลงที่พจนานุกรมออกซ์ฟอร์ดนิยามว่า "การเสื่อมสภาพของสภาวะทางจิตใจหรือทางสติปัญญาของบุคคล ซึ่งมักจะเกิดจากการบริโภคเนื้อหาที่ไม่มีคุณค่า ไม่ท้าทาย โดยเฉพาะจากเนื้อหาบนโลกออนไลน์" 

สมองเน่า หรือ สมองบื้อ เป็นหนึ่งในคำศัพท์ที่คนวัยรุ่นบนโลกออนไลน์อย่าง Gen Z และ Gen Alpha นิยมใช้กันอยู่บ่อยครั้ง

ข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์บัญญัติศัพท์ออกซ์ฟอร์ดระบุว่า พบการใช้คำนี้ครั้งแรกในปี 1854 จากหนังสือ Walden; or, Life in the Woods เขียนโดยเฮนรี เดวิด โธโร โดยพบว่าในช่วงปี 2023-2024 ความถี่ในการใช้คำนี้เพิ่มขึ้นถึง 230% ซึ่งมักใช้เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่ผู้คนเสพสื่อเนื้อหาคุณภาพต่ำ โดยเฉพาะตามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

โดยในปี 2024 นี้ คำว่า “Brain rot” เป็นอีกหนึ่งคำศัพท์ที่ได้ถูกเสนอชื่อให้เป็นคำศัพท์ที่มีความหมายน่าสนใจและมีผู้คนใช้เยอะมากที่สุดคำหนึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการโหวตให้ชัยชนะเหนือคำว่า “lore,” “demure,” “romantasy” และ “slop” ที่เป็นคำศัพท์ที่ถูกเสนอเข้าชิงในปีนี้

คำว่า brain rot ได้รับการโหวตจากผู้คนมากที่สุดในบรรดา37,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นคำศัพท์ที่สะท้อนชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันได้ชัดเจนที่สุด โดยในปีที่แล้วพจนานุกรมออกซ์ฟอร์ดได้บัญญัติให้คำว่า "Rizz" ที่หมายถึงเสน่ห์ สไตล์ และความน่าหลงใหล ซึ่งนิยมใช้กันในหมู่ Gen Z และผู้ใช้ TikTok เป็นคำศัพท์แห่งปี 2023

‘เอกนัฏ’ เล็งใช้ AI ตรวจจับสินค้าออนไลน์ไม่ได้มาตรฐาน ย้ำชัด! ความปลอดภัยต่อผู้บริโภคสำคัญที่สุด

เมื่อวันที่ (27 พ.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีมาตรฐานก่อนจำหน่ายไปยังผู้บริโภค โดยพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน มักนิยมสั่งซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งบางครั้งเกิดการร้องเรียนเรื่องสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ไม่คุ้มค่า คุ้มราคา โดยจากสถิติเรื่องร้องเรียนสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พบว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 -2567 เกิดการร้องเรียนเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2566 ได้รับการร้องเรียนจำนวน 209 เรื่อง และในปี 2567 ได้รับการร้องเรียนแล้ว 216 เรื่อง ซึ่งสินค้าที่มีการร้องเรียนเข้ามา ได้แก่ ปลั๊กไฟ สายไฟ พาวแบงก์ หม้อสแตนเลส ภาชนะพลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ทำให้หน่วยงานภาครัฐวางมาตรการในการควบคุมดูแลแพลตฟอร์มออนไลน์ ป้องกันสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ 

โดย กระทรวงอุตสาหกรรม มีหน่วยงานในสังกัดที่ดูแลเรื่องร้องเรียนในด้านต่างๆ ได้แก่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนโรงงาน สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ดูแลเรื่องการจดแจ้ง การขออนุญาตมาตรฐานต่างๆ และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ดูแลผู้ประกอบการจึงต้องมีการกำกับ ดูแล เกี่ยวกับการจัดการข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้น และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีคำสั่งกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ 282/2567 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 แต่งตั้งคณะกรรมการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรมขึ้น โดยมีนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานคณะ ทำหน้าที่ ศึกษา และรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่มีศักยภาพในการสนับสนุนการปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ จัดทำระบบ ฐานข้อมูล พร้อมเสนอแนวทางจัดทำแผนปฏิบัติการของหน่วยงานในกระทรวง ประสานงานกับหน่วยงานภายนอก เพื่อศึกษา พิจารณา กลั่นกรอง และนำเสนอแนวทางในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของทุกภาคส่วน เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปอุตสาหกรรม 

“การแต่งตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อให้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญร่วมกันเสนอมุมมอง และวิธีการจัดการที่เหมาะสม ควบคุมดูแลร้านค้าบนแฟลตฟอร์มออนไลน์อย่างจริงจัง ขอย้ำว่ากระทรวงอุตสาหกรรม เอาจริง ปรับจริง และจับจริงกับผู้ค้าที่จำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ผ่านมาตรฐานตามข้อกฎหมายกำหนด เพราะความปลอดภัยของประชาชนผู้บริโภคเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก” นายเอกนัฏ กล่าว

ด้านนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า คณะกรรมการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรม เป็นการดำเนินการตามแนวตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” โดยให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยและสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

ซึ่งที่ประชุมได้นำเสนอ 2 เทคโนโลยี ได้แก่ 1) เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ที่ใช้ใน Platform e-Commerce เพื่อแก้ปัญหาสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการแอบอ้างนำเครื่องหมาย มอก. มาแสดงบนผลิตภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาตบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และ 2) เทคโนโลยี Traffy Fondue มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์แจ้งเรื่องร้องเรียนรายงานสินค้าปลอมหรือผิดกฎหมาย โดยที่ประชุมได้ยังลงความเห็นให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการฯ ขึ้นอีก 2 คณะ คือ

1. คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ตรวจจับสินค้าไม่ได้มาตรฐานเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรม โดยมีนายวีรพงษ์ เอี่ยมเจริญชัย รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นประธานอนุกรรมการ มีหน้าที่ส่งเสริมการขับเคลื่อนการดำเนินงานการตรวจจับสินค้าไม่ได้มาตรฐานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ สนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) มาประยุกต์ใช้ในการตรวจจับสินค้าไม่ได้มาตรฐานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และบูรณาการความร่วมมือเพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่ร่วมดำเนินการ

และ 2. คณะอนุกรรมการพัฒนาแพลตฟอร์มแจ้งเรื่องร้องเรียนออนไลน์ โดยมี
นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานอนุกรรมการเพื่อทำหน้าที่ ส่งเสริมการขับเคลื่อนการดำเนินงานการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์แจ้งเรื่องร้องเรียน สนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยี Traffy Fondue มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์แจ้งเรื่องร้องเรียนเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรม ให้การรับเรื่องร้องเรียนจากภาคประชาชนเป็นเรื่องง่ายผ่านช่องทางแอปพลิเคชันไลน์ 

 “การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 2 คณะดังกล่าว เรามุ่งดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายในการปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจไทยยุคใหม่ของกระทรวงอุตสาหกรรมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ร่วมกันหารือการจัดทำระบบที่เป็นมาตรฐาน มีฐานข้อมูลของผู้ขายและสินค้าที่ขายมีการใช้เทคโนโลยี  AI ในการตรวจสอบตัวตน สามารถตัดระบบผู้ที่ทำผิดกฎได้ในทันที เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าบนแฟลตฟอร์มออนไลน์ มีความปลอดภัย ได้รับสินค้าที่มีมาตรฐาน ทั้งนี้คณะกรรมการฯ แต่ละชุดจะเร่งจัดหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป” นายพงศ์พล กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top