Friday, 16 May 2025
Hard News Team

‘ช่างบิ๊ก บ้านโป่ง’ หลงไหลตัวอักษรไทย ยึดอาชีพหาดูยาก เขียนป้ายรถสิบล้อ!! สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย

(12 ม.ค. 68) ด้วยสีสันที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ มองไกลๆ ก็ยังเห็น ว่านี่คือ ‘ศิลปะป้ายรถสิบล้อ’ มีตัวอักษรและภาพวาดวิวบ้านทุ่ง เป็นฝีมือการบรรจงลงสีลายพู่กันของ ‘ช่างบิ๊ก บ้านโป่ง’ หรือ นายนรพนธ์ รสใจ อายุ 23 ปี ชาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาชีพที่เหลือคนทำอยู่ไม่มากนักในปัจจุบัน

ช่างบิ๊ก เปิดเผยว่า ตนทำอาชีพเขียนป้ายหน้ารถสิบล้อมาแล้วกว่า 5 ปี โดยแรงบันดาลใจที่ทำให้ตนกลายมาเป็นช่างเขียนป้าย เริ่มมาจากความหลงใหลในการเขียนตัวอักษรไทยในแบบต่าง ๆ กระทั่งได้มาพบกับงานเขียนป้ายรถสิบล้อ

ซึ่งจะนิยมเขียนตัวอักษรเป็นชื่ออู่รถ หรือ ชื่อสถานประกอบการ ด้วยสีฉูดฉาด และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบไทย ๆ ไม่เหมือนงานศิลป์ชนิดอื่น ปัจจุบันกำลังเป็นอาชีพที่นับวันจะเลือนหาย จึงทำให้ตนมีแนวคิดพัฒนาต่อยอดจากความชอบให้เป็นอาชีพในชีวิตจริง

ในช่วงแรกตนอาศัยเวลาว่างลองฝึกฝนหัดด้วยตนเอง ก่อนจะไปขอเรียนวิชากับ อ.ศิริศิลป์ เกาะโพธิ์ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นช่างเขียนป้ายบังฝุ่นผ้าใบ และป้ายไม้ยุคเก่า และอาจารย์อีกท่านหนึ่ง คือ อ.ชำนาญศิลป์ จ.ชลบุรี ช่างเขียนโปสเตอร์ และป้ายคัทเอาท์โปรโมทภาพยนตร์ โดยใช้เวลาศึกษาและลองผิดลองถูกนานกว่า 2 ปี

สำหรับวิธีการทำป้ายหน้ารถสิบล้อ จะเริ่มจากการวัดและตัดแผ่นไม้กระดานให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ แล้วจึงขัดให้เนื้อไม้เรียบเนียน จากนั้นทาทับด้วยสีน้ำมันสีขาว เพื่อรองพื้น ก่อนจะลงสีฉากหลัง โดยส่วนใหญ่จะนิยมทาสีเหลือง-ส้ม ก่อนจะวาดลวดลาย และเขียนตัวอักษรเป็นชื่อต่างๆ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด

โดยหลักๆ หากเป็นรูปภาพลายเส้นของตน จะเน้นวาดรูปกระท่อม กองฟาง ต้นไม้ ภูเขา และลำธาร ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก สะท้อนย้อนวัยไปแสดงถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านสมัยเก่าก่อน ส่วนข้อความจะต้องเขียนด้วยรูปแบบตัวอักษรที่อ่านง่าย มีการลงเส้นสี และลงแสงเงาที่ชัดเจน ไม่ลายตา

ในส่วนของราคาเขียนป้าย จะขึ้นอยู่กับขนาด แบ่งเป็น 80, 90, 100 และ 120 เซนติเมตร โดยราคาเริ่มตั้งแต่ 1,700 – 2,300 บาท นอกจากนี้ยังมีพวงกุญแจป้ายสิบล้อ และงานเพ้นท์ลายสเก็ตบอร์ด ทั้งนี้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ป้ายรถสิบล้อถือว่าเป็นอุปกรณ์เสริม ของแต่งรถ สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบ บ่งชี้ถึงฐานะของเจ้าของรถหรือเจ้าของกิจการ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการอู่รถสิบล้อ รวมไปถึงนำไปตกแต่งตามอาคารบ้านเรือน ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรม รีสอร์ท และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ

ท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เฟสบุ๊ก ‘นรพนธ์ รสใจ (ช่างบิ๊ก บ้านโป่ง)’ หรือที่เบอร์โทรศัพท์ 082-2513645

‘จีน’ ค้นพบแหล่ง ‘แร่ยูเรเนียม’ ขนาดใหญ่ในพื้นที่จิงชวน ส่งผลให้ทรัพยากรยูเรเนียมของจีน เพิ่มขึ้นอย่างมาก

(12 ม.ค. 68) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของจีน ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ประกาศในวันนี้ (10 ม.ค.) ว่า มีการค้นพบครั้งสำคัญในการสำรวจแร่ยูเรเนียมในพื้นที่จิงชวนของแอ่งออร์ดอส (Ordos Basin) ซึ่งถือเป็นแหล่งแร่ยูเรเนียมขนาดใหญ่พิเศษแห่งแรกที่ถูกค้นพบในภูมิภาคอันเต็มไปด้วยหินทรายที่เกิดจากการทับถมด้วยลม

นอกเหนือจากพื้นที่ 200,000 ตารางกิโลเมตรในแอ่งออร์ดอสแล้ว ธรณีสัณฐานดังกล่าวยังพบได้ทั่วไปในพื้นที่อื่น ๆ ที่มีชั้นหินอันเป็นแหล่งกำเนิดน้ำมัน เช่น แอ่งทาริม (Tarim) จุงการ์ (Junggar) และซ่งเหลียว (Songliao)

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การค้นพบแหล่งแร่ยูเรเนียมจิงชวนจะเปิดโอกาสให้มีการสำรวจยูเรเนียมในจีนมากขึ้น และช่วยรับประกันความมั่นคงของจีนในด้านทรัพยากรยูเรเนียม

‘เกาหลีเหนือ’ เปิดตัว!! ภาพยนตร์เรื่องล่าสุด เขียนบท กำกับการแสดงโดย ‘คิมจองอึน’

(12 ม.ค. 68) ทางการเกาหลีเหนือได้เปิดตัว ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเกาหลีเหนือ ‘72 ชั่วโมง’ มีความยาวประมาณ 4 ชั่วโมง เนื้อหาเกี่ยวกับการรบในช่วงสงครามเกาหลี โดยใช้มุมมองของเกาหลีเหนือเป็นจุดเริ่มต้น ตั้งกองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้เป็นฝ่ายที่ก่อสงคราม ส่วน คิมอิลซุง ผู้นำเกาหลีเหนือในขณะนั้นยังคงถูกยกย่องเป็น ‘วีรบุรุษ’ และท้ายที่สุด กองทัพเกาหลีเหนือก็สามารถยึดกรุงโซลได้สำเร็จ ทั้งนี้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ได้เน้นเรื่องสงครามเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการสอดแทรกเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง และที่แตกต่างจากภาพยนตร์เกาหลีเหนือในอดีตมากที่สุด คือการใส่ฉากบนเตียงและสาวสวยเปลือยกายอาบน้ำลงไปในภาพยนตร์

นอกจากนี้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเพิ่ม การไตร่ตรองของผู้บังบัญชาการ ซึ่งเป็นมุมมองใหม่ในวงการภาพยนตร์เกาหลีเหนือ ซึ่งในอดีตจะมุ่งเน้นเรื่องการสรรเสริญ

ทั้งนี้ 8 ม.ค.เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 41 ปี ของคิมจองอึน โดยคาดกันว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ พยายามใช้การสร้างภาพยนตร์และสื่อ เพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนและรวบรวมอำนาจภายในประเทศ

สำหรับเนื้อหาของภาพยนตร์ เรื่องนี้มีการอ้างว่า บทและการกำกับการแสดง ออกแบบโดย ผู้นำสูงสุด ‘คิมจองอึน’

ประกันอ่วม!! จ่ายเงินชดเชย ‘ไฟป่าแอลเอ’ สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ คาดพุ่งทะลุถึง 5.2 ล้านล้านบาท เหตุ!! ลามถึงเขตอสังหาริมทรัพย์ ราคาแพง

(12 ม.ค. 68) ไฟป่าลอสแอนเจลิส ที่ปะทุขึ้นยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง แต่คาดการณ์ว่าจะเป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ และสูงติดอันดับต้นๆ ของกลุ่มภัยธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา

ไฟป่าแอลเอ ครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 11 ราย และทำลายอาคารบ้านเรือนไปกว่า 12,000 หลัง ตั้งแต่วันอังคารที่ 7 ม.ค. ส่งผลให้ชุมชนที่เคยเป็นที่ตั้งของทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ต้องพังทลายไปทั้งชุมชน แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะสรุปมูลค่าความเสียหายได้อย่างแม่นยำ แต่จากการประมาณการต่างๆ บ่งชี้ว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้มีแนวโน้มว่าจะสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าสูงที่สุดเท่าที่เคยเกิดไฟป่าสหรัฐมา

การประมาณการเบื้องต้นโดย AccuWeather ระบุว่า ความเสียหายและความสูญเสียทางเศรษฐกิจจนถึงขณะนี้อยู่ที่ระหว่าง 135,000 - 150,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.2 ล้านล้านบาท) ในขณะที่ความเสียหายจากพายุเฮอริเคนเฮเลน เมื่อปี 2024 ซึ่งพัดถล่ม 6 รัฐทางตะวันออกเฉียงใต้เมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่แล้ว อยู่ที่ 225,000 - 250,000 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ จากการเปรียบเทียบข้อมูลจนถึงปัจจุบันพบว่า ไฟป่าแอลเอในครั้งนี้คาดว่าจะสร้างความเสียหายเป็นวงเงินสูงที่สุด ทุบสถิติของไฟป่า Camp Fire ในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2018 ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนความเสียหายจาก ‘ภัยธรรมชาติ’ ที่คิดเป็นมูลค่าสูงที่สุดในสหรัฐนั้นยังคงเป็นกลุ่ม ‘พายุเฮอร์ริเคน’ นำโดยเฮอร์ริเคนแคทรีนา เมื่อปี 2005 ที่ความเสียหาย 2.01 แสนล้านดอลลาร์

ทางด้านบริษัทโบรกเกอร์ประกันภัย Aon PLC เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ไฟป่าในเขตลอสแอนเจลิสมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายสูงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ แม้ว่าจะไม่ได้ออกประมาณการก็ตาม Aon จัดอันดับไฟป่าที่รู้จักกันในชื่อ Camp Fire ในเมืองพาราไดซ์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 2018 ให้เป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายสูงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐจนถึงขณะนี้ โดยมีมูลค่า 12,500 ล้านดอลลาร์เมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อ คร่าชีวิตผู้คนไป 85 ราย และทำลายบ้านเรือนไปประมาณ 11,000 หลัง

สำหรับสถานการณ์เมื่อวันเสาร์ ไฟป่าในแอลเอซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากพายุลม Santa Ana และภัยแล้งรุนแรง ยังคงไม่สามารถควบคุมได้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหมายความว่ายอดรวมความเสียหายจากไฟป่ามีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก

ทางด้านบริษัทจัดอันดับเครดิต ‘มูดีส์’ (Moody's) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ไฟป่าครั้งนี้จะเป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ เนื่องจากได้ลุกลามไปยังพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นและมีอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ แม้ว่ารัฐนี้จะเคยประสบกับไฟป่าครั้งใหญ่มาบ้างแล้ว แต่โดยทั่วไป ไฟป่าจะกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ตอนในที่ไม่มีประชากรหนาแน่น ส่งผลให้มีการทำลายล้างต่อเอเคอร์น้อยลง และส่วนใหญ่จะสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนที่มีราคาถูกกว่า

แต่ในครั้งนี้ ไฟป่าได้ทำลายทรัพย์สินหลายพันหลังในเขตแปซิฟิก พาลิเซดส์ (Pacific Palisades) และมาลิบู (Malibu) ซึ่งเป็นบ้านของดาราฮอลลีวูดและผู้บริหารระดับสูงหลายคนที่มีทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ โดยมีดาราดังหลายคนสูญเสียบ้านเรือนไปจากไฟไหม้ในครั้งนี้

‘อุ๊งอิ๊ง’ บุก!! นครพนม ช่วยหาเสียงผู้สมัคร ‘นายกฯอบจ.’ ชาวบ้านตะโกนรักนายกฯ มอบดอกไม้ ให้การต้อนรับแน่น

(12 ม.ค. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกฯ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด และ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ เดินทางลงพื้นที่ จ.นครพนม

เพื่อช่วยหาเสียงให้กับนายอนุชิต หงษาดี ผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม พรรคเพื่อไทย โดยมีนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม มารอต้อนรับที่สนามบิน

เมื่อ น.ส.แพทองธารและคณะเดินทางมาถึง มีประชาชนและกลุ่มผู้สนับสนุนในพื้นที่ มารอมอบดอกไม้และให้การต้อนรับ พร้อมทั้งตะโกนว่า “เรารักนายกฯ อิ๊งค์” ทั้งนี้ ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกของ น.ส.แพทองธาร เพื่อช่วยผู้สมัครนายก อบจ.หาเสียง

โดย น.ส.แพทองธารมีกำหนดการปราศรัยรวม 3 เวที ประกอบด้วย ช่วงเช้าที่สนามกีฬาเทศบาลตำบลนาแก อ.นาแก ซึ่งเป็นเวทีปราศรัยแรกให้กับผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม พรรคเพื่อไทย และช่วงบ่ายหอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ที่มหาวิทยาลัยนครพนม อ.เมือง และอาคารโดมสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ

‘เทพไท’ จี้!! กกต.คุม ‘ทักษิณ’ ด่วน ชี้!! ปราศรัย ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

(12 ม.ค. 68)  นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ ว่า กกต.จัดระเบียบ ‘ทักษิณ’ ด่วน

ผมได้เห็นกำหนดการเดินสายปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร ลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ 18-20 ม.ค.68 ที่จังหวัดนครพนม บึงกาฬ หนองคาย และมหาสารคาม จากนั้นวันที่ 24-25 ม.ค.68 จะเดินทางไปจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยนั้น

ในความเป็นจริงนายทักษิณไม่ได้มีเป้าหมายหลักในการหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ. แต่ต้องการใช้เวทีหาเสียงการเมืองท้องถิ่น เพื่อขยายผลไปยังการเมืองระดับชาติ โดยนายทักษิณจะขึ้นปราศรัยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาล ทั้งที่ตัวนายทักษิณไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลแต่อย่างใด กลับประกาศนโยบายและแผนงานที่จะทำของรัฐบาล จนอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของตัวผู้สมัครได้

ผมได้ติดตามการปราศรัยบนเวทีนายกอบจ.3แห่ง คือ ที่จังหวัดอุดรธานี อุบลราชธานี และเชียงราย นายทักษิณจะใช้เวลาหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ. ใช้เวลาเพียง 5 นาที นอกจากนั้นก็จะปราศรัยในประเด็นการเมืองอื่นๆ พาดพิงไปทุกภาคส่วน จนเป็นประเด็นร้อน จนสื่อต้องนำไปขยายผล และผู้ที่ถูกพาดพิงก็ใช้สิทธิ์ตอบโต้ มีการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นของคุณหาเสียงทักษิณหาเสียงอยู่หลายวัน ทำให้กระแสของนายทักษิณอยู่ในหน้าสื่อตลอดเวลา ประสบความสำเร็จตามแผนการโฆษณาทางการเมืองที่วางไว้

สิ่งที่นายทักษิณปราศรัยหมิ่นแหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในฐานะผู้ช่วยผู้หาเสียง ซึ่งเรื่องนี้นายอิทธิพล บุญประคอง ประธานคณกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาแสดงความเห็นในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่ฟันธงว่า นายทักษิณทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ อยากให้กกต.ได้เร่งสรุปการปราศรัยหาเสียงของนายทักษิณว่า ฝ่าฝืนหรือผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ เพื่อจะไม่ให้เป็นประเด็นข้อกฎหมายต่อไป เพราะการหาเสียงของนายทักษิณ ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในระหว่างผู้สมัครด้วยกัน

ถ้ากกต.ยังปล่อยให้นายทักษิณปราศรัยหมิ่นแหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายเช่นนี้ และไปสรุปหลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว ก็อาจจะช้าเกินไป จนอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และจัดเลือกตั้งใหม่ ซึ่งทำให้ผู้สมัครนายกอบจ.หลายคนเสียโอกาส และเสียงบประมาณของราชการโดยไม่จำเป็น

อยาดขอความชัดเจนจากกกต.ออกมาความระเบียบ และกำชับให้นายทักษิณปฏิบัติตามกฏหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด กล้าๆหน่อย อย่าเกรงกลัว เกรงใจคนทำผิดกฏหมายอีกเลย

รัฐบาล เชิญชวน!! ประชาชน ร่วมงานพระราชพิธีสมมงคล เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 14 ม.ค. นี้

(12 ม.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ (สลค.) แจ้งการเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 2 จากเดิมในวันอังคารที่ 14 มกราคม มาเป็นวันจันทร์ที่ 13 มกราคม ในเวลา 10.00 น. เนื่องด้วยในวันที่ 14 มกราคม รัฐบาลได้จัดงาน ‘พระราชพิธีสมมงคล’ (สะ-มะ-มง-คล) โดยนายกรัฐมนตรีเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ‘พระราชพิธีสมมงคล’ ซึ่งรัฐบาลได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล พระชนมายุเท่ากับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ในวันที่ 14 มกราคม 2568

นายจิรายุ กล่าวว่า ในส่วนของกิจกรรม ประกอบด้วย 7 กิจกรรม ดังนี้ 1.พิธีสืบพระชะตาหลวง ณ สวนสราญรมย์ และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13-20 มกราคม 2568 2.การบูรณปฏิสังขรณ์ วัดสังกัสรัตนคีรี จ.อุทัยธานี 3.การจัดแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ ณ ลานพระปฐมบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า กรุงเทพมหานคร ในวันที่อังคารที่ 14 มกราคม 2568

4.การจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติฯ 5.การจัดพิธีทางศาสนาและกิจกรรมถวายพระราชกุศล ณ ศาสนสถานที่เกี่ยวเนื่องกับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 6.การจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และเจริญจิตตภาวนา ถวายพระราชกุศล และ 7.การจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กรุงเทพมหานคร

“วันที่ 14 มกราคมนี้ นับเป็นโอกาสมหามงคลสมัยพิเศษ เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเจริญพระชนมายุได้ 26,469 วัน เป็นวันสมมงคล (สะ–มะ-มง-คล) เท่ากับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีสำคัญในครั้งนี้” นายจิรายุ กล่าวทิ้งท้าย

‘มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)’ ส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ เตือนภัยน้ำท่วม ให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

(12 ม.ค. 68) มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ทำหน้าที่แทนประธานมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธีส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ ภายใต้โครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติเพื่อสนับสนุนการเตือนภัยน้ำหลากในลำน้ำสาย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีพันโทตั้น หล่าย วิน (Lt.col. Thant Laing Win) รักษาราชการ ผู้บังคับการ กองบังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นผู้แทนรับมอบ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือเพื่อติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ สนับสนุนการเตือนภัยในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา คณะกรรมการมูลนิธิฯ ผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองฝ่าย และผู้สนับสนุนโครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ จาก Central Group ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับโครงการดังกล่าว มูลนิธิฯ ได้ติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ จำนวน 4 สถานี ซึ่งอยู่ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก จำนวน 3 สถานี ประกอบด้วย บริเวณบ้านโจตาดา บ้านดอยต่อคำ และสะพานอูทูนอ่อง บ้านสบสาย และอยู่ที่สะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จำนวน 1 สถานี

โอกาสนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ได้ส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติทั้ง 3 สถานี พร้อมด้วยโมเดลจำลองให้กับพันโทตั้น หล่าย วิน ผู้แทนฝ่ายเมียนมา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือ

ทั้งนี้ ดร. รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้นำเสนอการทำงานของสถานีโทรมาตรและระบบแสดงผลข้อมูลระดับน้ำ และปริมาณน้ำฝนอัตโนมัติ ผ่านจอ LED ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ซึ่งประชาชนทั่วไปที่สัญจรผ่านไปมาสามารถดูข้อมูลดังกล่าว เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังก่อนเกิดอุทกภัยล่วงหน้าได้ประมาณ 8-9 ชั่วโมง ก่อนที่มวลน้ำจากต้นน้ำแม่สายที่อยู่ฝั่งเมียนมาจะมาถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

จากนั้น รองประธานกรรมการที่ปรึกษา และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ พร้อมคณะ เดินทางต่อไปยังลานจัดกิจกรรม โครงการฟื้นฟูชุมชน บรรเทาทุกข์ บำรุงสุขให้ยั่งยืน มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ณ บ้านผาจม ต.เวียพางคำ อ. แม่สาย จ.เชียงราย เข้าสักการะพระพุทธวิชัย เขมิโย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่ชุมชมผาจม ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเคยประสบอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2567

จากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ ทางมูลนิธิฯ พร้อมด้วยทีมเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) อาสา ปฏิบัติการภัยพิบัติและเครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)ได้ลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2567 จนถึงปัจจุบัน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ช่วยอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย มอบถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 500 ถุง และอาหารปรุงสำเร็จพร้อมทาน จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ประกอบอาหารปรุงสุก จำนวน 21,800 กล่อง สำหรับผู้ประสบอุทกภัย ทั้งนี้มูลนิธิฯ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการร่วมกันบูรณาการในการจัดกิจกรรม ไม่เพียงเท่านั้น เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เศียรพระพุทธวิชัย เขมิโย หัก ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองของชุมชนผาจม ทางชาวบ้านและมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภา) จึงได้เร่งบูรณะ ให้กลับมาเป็นศูนย์ที่ยึดเหนี่ยวของชาวบ้านอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ชาวบ้านมีการแสดงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ตลอดจนในวันนี้ตรงกับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ทางมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภา) ยามยาก สภากาชาดไทย ได้นำอุปกรณ์การกีฬา เครื่องอุปโภคบริโภค ชุดนักเรียน ชุดเครื่องนอน ตลอดเงินบริจาคผู้สนับสนุนต่างๆ นำมาแจกจ่ายให้เด็กในชุมชนอีกด้วย

กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ปัญหาไฟป่าหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่

(12 ม.ค. 68) ณ ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอเเม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลตรี ชายแดน  กฤษณสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปกป.ภาค 3 ให้การต้อนรับ พลเอก สวัสดิ์  ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมด้วย นายสมบูรณ์  หนูนวล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นายฉลอง  ทองนะ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง ว่าที่พันตรี กรพด  รุ่งหิรัญวัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม นายไชยยงค์  มณีรุ่งสกุล เลขานุการคณะกรรมาธิการ นางสาวนวลนิจ  หงษ์วิวัฒน์ รองเลขานุการคณะกรรมาธิการ นายนิฟาริด  ระเด่นอาหมัด ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ และนาวาตรี วุฒิพงศ์  พงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ โดยได้ร่วมประชุมเพื่อรับฟังสถานการณ์ปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ภาคเหนือ แผนงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหา รวมไปถึงเป้าหมายในปี 2568 เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ตลอดจนรับทราบปัญหาและอุปสรรคที่ต้องการให้คณะกรรมาธิการได้ผลักดันช่วยเหลือ พร้อมทั้งได้ให้แนวคิดและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top