Friday, 16 May 2025
Hard News Team

ยูเครนจับ 2 ทหารเกาหลีเหนือกลางเคิร์สก์ ท้าคิม-รัสเซียแลกตัวสะเทือนสงคราม

(13 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนเปิดเผยว่า ยูเครนสามารถจับกุมตัวทหารเกาหลีเหนือจำนวน 2 นายในพื้นที่สู้รบในภูมิภาคเคิร์สก์ โดยทหารทั้งสองถูกนำตัวมายังกรุงเคียฟเพื่อสอบปากคำและให้ข้อมูลกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติยูเครน (SBU)  

“เชลยศึกทุกคน รวมถึงทหารเกาหลีเหนือทั้งสองนาย จะได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่จำเป็น” เซเลนสกีกล่าว พร้อมระบุว่าสื่อมวลชนจะได้รับโอกาสสัมภาษณ์พวกเขาในอนาคต  

ทั้งนี้ ยูเครนระบุว่าทหารเกาหลีเหนือมีบทบาทสนับสนุนการสู้รบในภูมิภาคเคิร์สก์ ซึ่งยูเครนเริ่มการบุกโจมตีเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และยังคงควบคุมพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตรในบริเวณนี้  

ทหารเกาหลีเหนือนายหนึ่งระบุว่าตนเกิดในปี 2548 และเข้าร่วมกองทัพเกาหลีเหนือในปี 2564 อีกนายหนึ่งเกิดในปี 2542 และเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่ปี 2559 โดยมีตำแหน่งเป็นพลซุ่มยิง พวกเขาอ้างว่าไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าว่าจะต้องเข้าสู่สมรภูมิในยูเครน โดยผู้บังคับบัญชาบอกเพียงว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการฝึกยุทธวิธี  

หนึ่งในทหารกล่าวว่า ต้องการกลับเกาหลีเหนือ ขณะที่อีกนายกล่าวว่า หากมีโอกาส เขาอยากอาศัยอยู่ในยูเครน  

เซเลนสกีเสนอว่า ยูเครนพร้อมพิจารณาแลกเปลี่ยนตัวเชลยเกาหลีเหนือ หากผู้นำคิม จอง-อึน ยินยอมจัดการแลกเปลี่ยนดังกล่าวกับทหารยูเครนที่ถูกรัสเซียควบคุมตัว  

สำนักงานความมั่นคงของยูเครนและสำนักข่าวกรองเกาหลีใต้ (NIS) ยืนยันการจับกุมตัวทหารเกาหลีเหนือทั้งสองราย ระหว่างการสู้รบในเคิร์สก์เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา  

รายงานจากสำนักงานคณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ระบุว่า ตั้งแต่ทหารเกาหลีเหนือเข้าร่วมการสู้รบในสงครามรัสเซีย-ยูเครนเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว มีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตประมาณ 1,100 นาย ขณะที่ยูเครนประเมินตัวเลขไว้สูงกว่า คือประมาณ 3,000 นาย  

ยูเครนยืนยันว่าปฏิบัติต่อเชลยศึกตามหลักมนุษยธรรมและกรอบอนุสัญญาเวียนนา โดยการสอบปากคำเชลยศึกดำเนินการผ่านล่ามที่ได้รับการรับรองเพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม  

จนถึงขณะนี้ รัสเซียและเกาหลีเหนือยังไม่มีการแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์นี้ ขณะที่ยูเครนเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่จะสามารถจับกุมตัวทหารเกาหลีเหนือเพิ่มเติมในอนาคต

ขอนแก่น-นักวิ่งปอดเหล็ก ไทย-เทศ เรือนหมื่น แห่! ร่วมการแข่งขัน “ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 20”

(13 ม.ค. 68) มหาวิทยาลัยขอนแก่นเดินหน้าจัดงานวิ่งระดับนานาชาติ “ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 20” (Khon Kaen International Marathon 2025) อย่างยิ่งใหญ่ กับการแข่งขันทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ KIDS RUN 2.8 กิโลเมตร, FUN RUN 5.4 กิโลเมตร และ ELITE FUN RUN ระยะ 5.4 กิโลเมตรอิ่มอร่อยกับ Food Festival ให้สมกับธีม Foodก็FunRunก็ม่วน แล้วไปกันต่อที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ “LEARN TOPIA”  ใน วันเด็กแห่งชาติ2568 ด้วย

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 11 มกราคม 2568 ที่บริเวณคุ้มสีฐาน ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น ภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดขอนแก่นได้กำหนดจัดโครงการขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ 2025 ซึ่งปีนี้ครบรอบการจัดการแข่งขันเป็นปีที่ 20 โดยกำหนดจัดการแข่งในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 จำนวน 2 ประเภท คือ เดินวิ่งเพื่อสุขภาพระยะทาง 5.4 กิโลเมตร และการแข่งขัน Kids Run ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร และในวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568 จำนวน 3 ประเภท คือ ประเภทมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร. ฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 21.10 กิโลเมตร, มินิมาราธอนระยะทาง 11.55 กิโลเมตรกล่าวแสดงความยินดีโดย  นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมทั้งกล่าวเปิดงานโดย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาราชการแทน  อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี ทุกภาคส่วน เข้าร่วมพิธีปล่อยตัวนักวิ่งและมอบรางวัล กิจกรรมขอนแก่นมาราธอนนานานาติ 2025 ในกิจกรรมดังกล่าว

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาราชการแทน  อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า การจัดงานในวันที่ 11-12 มกราคม 2025 นี้ นับเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของสนามวิ่งมาราธอนแห่งแรกในภาคอีสาน ภายใต้แนวคิด “Food ก็ Fun Run ก็ ม่วน” ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ 2025 ปีนี้มีความพิเศษมาก เพราะเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของสนามวิ่งมาราธอนแห่งแรกในภาคอีสาน โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นวันแข่งขันหลัก เป็นการจัดการแข่งขัน มาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน และ มินิมาราธอน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานถ้วยรางวัลเกียรติยศจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับผู้ชนะเลิศประเภทมาราธอน ระยะทาง 42.195 กม. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สำหรับผู้ชนะเลิศฮาล์ฟมาราธอน ระยะทาง 21.1 กม. และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สำหรับผู้ชนะเลิศมินิมาราธอน 11.55 กม. 

“การแข่งขันปีนี้เรายังคงมาตรฐานระดับโลกด้วยการรับรองจาก AIMS และมีทีม PACER มืออาชีพนำโดย ดร.คมกริช จันทรเสนา ที่จะช่วยให้นักวิ่งทำเวลาได้ตามเป้าหมาย เราใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่จุดบริการน้ำดื่มและเจลกีฬาตลอดเส้นทาง ระบบรักษาความปลอดภัย การแพทย์ฉุกเฉิน และการจราจรที่เป็นระบบ ที่สำคัญ ปีนี้เราให้ความสำคัญกับนักวิ่งทุกช่วงวัยมากขึ้น โดยเพิ่มรุ่นการแข่งขันสำหรับผู้สูงวัย ทั้งรุ่น 60-64 ปี 65-69 ปี และรุ่น 70 ปีขึ้นไปพร้อมมอบส่วนลดพิเศษ 50% สำหรับนักวิ่งอายุ 60 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ เรายังมี VIP Gift Set สุดพิเศษที่ผลิตโดยมูลนิธิเพื่อเด็กพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยพวงกุญแจ ถุงผ้า ที่ตั้งโทรศัพท์ และกรอบวางเหรียญ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของจังหวัดขอนแก่น”

กระทรวงแรงงานขานรับ Soft Power ผลักดันงานปักผ้าด้นมือภูมิปัญญาท้องถิ่น

วันที่ (13 ม.ค. 68) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เพื่อยกระดับ พัฒนา ความรู้ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากทุนทางวัฒนธรรมของแรงงานไทยให้สร้างมูลค่า สร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้แรงงานหลุดพ้นจากความยากจน

นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีความยินดี มุ่งมั่น ที่จะพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานด้านซอฟต์พาวเวอร์ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งนี้ ในปี 2568 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และสำนักงาน
พัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ ดำเนินโครงการพัฒนาทักษะแรงงานรองรับนโยบาย Soft Power ประกอบด้วย การส่งเสริมการพัฒนาทักษะรองรับ Soft power (พัฒนาเครือข่าย และ e-learning) และการฝึกอบรมทักษะฝีมือ (หลักสูตรระยะยาว 240 ชั่วโมง และระยะสั้น 30 ชั่วโมง) เพื่อยกระดับทักษะแรงงานด้านต่าง ๆ ด้วยหลากหลายหลักสูตรฝึกอบรม

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี มีความพร้อมในการนำนโยบายของรัฐบาล กระทรวง และกรม สู่การปฏิบัติ จึงได้จัดฝึกอบรมหลักสูตร การออกแบบผลิตภัณฑ์จากงานปักผ้า ในระหว่างวันที่ 10-14 มกราคม 2568 มีผู้เข้ารับ การฝึกอบรม 20 คน ณ กลุ่มหัตถกรรมผ้าด้นมือ บ้านดอนยายเหม ตำบลกระจัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาและยกระดับทักษะฝีมือด้านงานหัตถกรรมสิ่งทอให้แก่ชุมชนท้องถิ่น มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการออกแบบผลิตภัณฑ์จากงานปักผ้า ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดมายาวนานของชุมชนบ้านดอนยายเหม ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้เรียนรู้เทคนิคการออกแบบลวดลาย การเลือกใช้วัสดุ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน

นางสาวสุขศรีไล่กสิกรรม ผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า 
สำหรับผู้สนใจเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี เลขที่ 13/1 หมู่ 4 ตำบลไผ่ขวาง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โทรศัพท์ 0 3596 9917-19 Facebook : สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี

สื่อฯ ฮานอย เผย รมช.ท่องเที่ยวเวียดนาม หนุนข้อริเริ่ม “6 ประเทศ: 1 จุดหมาย” ของไทยบูมการท่องเที่ยวอาเซียน – ที่ปรึกษา รมว.กต.ไทยมั่นใจ ดึงดูด นทท.จากภูมิภาคต่าง ๆ ได้

(13 ม.ค. 68) วี.เอ็น.เอ็กเพรส อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นสื่อมวลชนในกรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รายงานว่า นายโฮ อัน ฟอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้ประชุมร่วมกับคณะผู้แทนฝ่ายไทย ที่นำโดยนายดุสิต เมนะพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือในข้อริเริ่ม “6 ประเทศ: 1 จุดหมายปลายทาง” หรือ “Six Countries, One Destination” ระหว่างไทยกับเวียดนาม เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่าง 6 ประเทศสมาชิกอาเซียน โดยมุ่งหวังที่จะกำหนดความร่วมมือสนับสนุนการท่องเที่ยวใหม่ในภูมิภาค และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเวียดนามและไทย

นายดุสิต ระบุว่า ข้อริเริ่มนี้มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศ ที่เข้าร่วมข้อริเริ่มดังกล่าว โดยทำให้กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองสะดวก และง่ายขึ้น ซึ่งรวมถึงการหารือ และศึกษาความเป็นไปได้ที่จะสร้างระบบของกลุ่มประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าร่วมกัน (common list) ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นในหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน และยังมีช่องทางการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งช่องทางตรวจคนเข้าเมืองพิเศษ หรือ fast-track สำหรับผู้เดินทาง

นายดุสิต เชื่อมั่นว่า แนวทางการทำงาน และความร่วมมือกันนี้ จะสามารถช่วยเพิ่มการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวภายในอาเซียนได้อย่างมีนัยสำคัญ และยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดสำคัญในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกได้ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชียใต้ รวมถึยยังสามารถเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว ผ่านการเดินทางที่หลากหลาย และเชื่อมโยงกันผ่านประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลายเหล่านี้

ขณะที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สนับสนุนข้อริเริ่มนี้อย่างแข็งขัน โดยมองว่า ถือเป็นข้อริเริ่มที่สอดคล้องกับเป้าหมายในภาพรวมของการส่งเสริมความร่วมมือในอาเซียนในด้านวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว พร้อมยังเน้นถึงความจำเป็น ที่จะต้องร่วมมือกัน เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่ ที่ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองประเทศ

“พล.ต.อ.ธัชชัยฯ” หารือไทย - จีน ร่วมมือต่อสู้ “การค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ” หลังจีนขอบคุณการช่วยเหลือดารานักแสดงได้สำเร็จ

(12 ม.ค. 68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ได้ร่วมประชุมหารือถึงการร่วมมือในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการหลอกลวงนำชาวต่างชาติไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงขอบคุณการช่วยเหลือในกรณีการติดตามนายหวังซิง ดารานักแสดงชาวจีน ที่ถูกหลอกลวงไปยังประเทศเมียนมาและได้รับการช่วยเหลือกลับมาได้สำเร็จ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมฝ่ายไทย ได้แก่ พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ , พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายจีน ได้แก่ Mr.Wu Zhiwu อัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย , Mrs.Pan Jin ที่ปรึกษาฝ่ายกงสุลและชาวจีนโพ้นทะเล สอท.จีน , Mr.Wen Yonggang ทูตตำรวจประจำ สอท.จีน , Pol.Maj.Zhao Yingning ผู้ช่วยทูตตำรวจ สอท.จีน และ Mr.Li Shaopu เลขานุการตรี ฝ่ายกงสุลและชาวจีนโพ้นทะเล สอท.จีน ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศพดส.ตร. ชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ในการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้กล่าวถึงการจัดตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างตำรวจไทยและตำรวจจีน ว่า จะมุ่งเน้นการติดตามบุคคลที่หายตัวไป หรือถูกหลอกลวงไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย พร้อมกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ รวมถึงเพิ่มมาตรการควบคุมการลักลอบผ่านแดนตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งในการควบคุมการลักลอบข้ามแดนตามแนวชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้การหลอกลวงทางออนไลน์ และบังคับให้บุคคลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศกระทำความผิดทางอาญา (Forced Criminality)

การหารือครั้งนี้เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ในการปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ และสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย

สมุทรปราการ-ครอบครัวพาณิชย์พิศาล ร่วมกับ ชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา จัดกิจกรรมงานวันเด็กแจกของรางวัล เงินสด แก่เด็กทุกคนที่มาร่วมงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในวัดมหาวงษ์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ ได้มีการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 กันอย่างคึกคัก มีน้องๆ หนูๆ และผู้ปกครองต่างนำบุตรหลานเดินทางมาร่วมกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีการจับฉลากลุ้นของรางวัลต่างๆ เป็นจำนวนมาก

โดยนายอัครนันท์ พร้อมด้วย นางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล ผู้ใหญ่ใจดีและเป็นเศรษฐีผู้ใจบุญ ให้เกียรติเดินทางมาร่วมจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นางสาว ปิยนุช พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา นำคณะเจ้าหน้าที่โฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธามาร่วมจัดกิจกรรมมอบความสุขให้แก่น้องๆ หนูๆ 

ซึ่งกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ ทางครอบครัวพาณิชย์พิศาล โดยนายอัครนันท์ และ นางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล ได้มอบเงินสดจำนวน 100 บาท ให้แก่เด็กทุกคนที่เดินทางมาร่วมในกิจกรรมงานวันเด็ก นอกจากนี้ยังมีซุ้มอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ไอศครีม ไก่ทอด นำมาแจกจ่ายให้กับผู้ที่เดินทางมาร่วมงานได้กินอิ่มกันอย่างเต็มที่อีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในกิจกรรมได้มีการจับฉลากเพื่อลุ้นรับของรางวัลเป็นจำนวนมาก มีคณะเจ้าหน้าที่จากชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา ที่คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่น้องๆ หนูๆ ทุกคนที่เดินทางมาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน   

สมุทรปราการ-กำนันขวัญเรือน นาคทิม จัดเต็ม!! มอบความสุขรับวันเด็กแห่งชาติ

(13 ม.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในลานกิจกรรมโรงเรียนคลองมหาวงก์ ต.บางเมือง อ.เมือง สมุทรปราการ ได้มีการจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 กันอย่างคึกคัก มีน้องๆ หนูๆ และผู้ปกครองต่างนำบุตรหลานเดินทางมาร่วมกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีจับฉลากลุ้นของรางวัลเป็นจำนวนมาก

โดย นางสาวขวัญเรือน นาคทิม กำนันตำบลบางเมือง พร้อมด้วย คณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรวมถึงผู้ใหญ่ใจดีได้ร่วมกันจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ภายในลานกิจกรรมของโรงเรียนคลองมหาวงก์ ภายในงานได้รับเกียรติจากนาวาเอก อนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง ให้เกียรติเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังมีคณะครูอาจารย์โรงเรียนคลองมหาวงก์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมาร่วมสร้างสีสันให้กับงานด้วยการแต่งกายในชุดนักเรียนสร้างสีสันและรอยยิ้มให้กับผู้ที่มาร่วมงานกันอย่างมาก ภายในกิจกรรมทางผู้ใหญ่ใจดี ได้ร่วมสนับสนุนของรางวัลมากมาย มีซุ้มอาหารต่างๆ ทั้งขนม ไอศครีม น้ำดื่ม นำมาแจกจ่ายให้ผู้ปกครองและน้องๆ หนูๆ ได้กินอิ่มกันอย่างเต็มที่ 

ซึ่งงานวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ยังได้มีการมอบทุนการศึกษา รวมถึงการจับฉลากลุ้นของรางวัลจำนวนหลายรายการ อาทิเช่น รถจักรยาน พัดลม ตุ๊กตาตัวใหญ่ สมุด ดินสอ เงินสนับสนุนการศึกษา รวมถึงของรางวัลอื่นๆ อีกหลายรายการ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงโชว์จากคณะครูและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสร้างสีสันและรอยยิ้มเสียงหัวเราะให้กับเด็กและผู้ปกครองทุกคนที่มาร่วมกิจกรรมในปีนี้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘ธนกร’ วอน!! รัฐบาล เร่งคลอด มาตรการเข้มข้น เพื่อควบคุมฝุ่น PM 2.5 จี้!! ‘ผู้ว่าฯ กทม. - บก.จร.’ ใช้ยาแรง บังคับใช้กฎหมาย ให้เข้มงวดมากขึ้น

(12 ม.ค. 68) นายธนกร วังบุญคงชนะ  สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงสถานการณ์ค่าฝุ่น PM 2.5 ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีระดับสีส้มและสีแดงบางจุด ว่า ตนขอฝาก ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เร่งประเมินสถานการณ์ และยกระดับมาตรการ รับมือป้องกันผลกระทบให้มีความเข้มข้นขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นดูแลสุขภาพประชาชน ที่แม้ว่าวันนี้ค่าฝุ่น จะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ในช่วงวันที่ 12 - 19 ม.ค. 2568 ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสลับลดลง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ในช่วงนี้อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ในช่วงเช้ามีอากาศเย็นและลมแรง จากสภาวะอากาศที่แห้ง เสี่ยงต่อการเกิดการลุกไหม้ได้ ขอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเข้ม เอาผิดผู้ที่จุดไฟเผาป่าหรือบริเวณรกร้าง เพราะถือว่าทำให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้าง

ทั้งนี้อีกสาเหตุหลักของฝุ่นPM 2.5 มาจากรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซลที่ควันดำ รถบรรทุกขนาดใหญ่และกลุ่มของรถสาธารณะขนส่งมวลชน  จึงขอฝากทางกทม. ร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)กำกับการตรวจรถเมล์ รถในสังกัด ของขสมก. รวมทั้งขอทางกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ตรวจวัดมลพิษรถยนต์ควันดำ พวกรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ยังพบเห็นการปล่อยควันดำตามท้องถนนอยู่เป็นประจำ ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบทางมลพิษแก่ประชาชน

"เป็นห่วงว่า หากสถานการณ์ฝุ่นPM 2.5 ทั้งในกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศทวีความรุนแรงขึ้น จะส่งผลต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงวัย ขอทางรัฐบาล ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ออกมาตรการใช้ยาแรง คุมเข้มเรื่องควันดำจากรถยนต์  จัดให้มี การเวิร์คฟอร์มโฮมทำงานจากที่บ้านของส่วนราชการในสังกัดที่สามารถควบคุมบริหารจัดการได้  

พร้อมกันนี้ในโรงเรียนขอให้งดกิจกรรมกลางแจ้งปรับเปลี่ยนห้องเรียนให้ปลอดฝุ่นพิษหรือเพิ่มเครื่องฟอกอากาศ เพื่อช่วยดูแลสุขภาพเด็กเล็กและประถมวัยที่มีความเปราะบาง เชื่อว่าหากรัฐบาล ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด รวมถึง กทม. ออกมาตรการเข้มข้นจะสามารถลดผลกระทบที่มีต่อสุขภาพพี่น้องประชาชนลงได้มาก" นายธนกร กล่าวทิ้งท้าย

INTERLINK EXPO 2025 ดีลครบ ลดคุ้ม จัดมหกรรมครั้งใหญ่ เปิดศักราช ลดอลังการให้คู่ค้าที่ภาคกลาง ตอบแทนคืนกำไรให้ในราคาลดหนักประหยัดจริง ตอบโจทย์ทุกงานระบบ ครบทุก Solution

(12 ม.ค. 68) คุ้มค่าเกินคาด!! บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จัดมหกรรมลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ ‘INTERLINK EXPO 2025 ดีลครบ ลดคุ้ม’ เพื่อตอบแทนทุนให้คู่ค้า และพันธมิตรในภูมิภาคกลาง ส่งตรงถึงมือ ด้วยส่วนลดสุดพิเศษสูงสุดถึง 70% นำทัพสินค้าคุณภาพดี ราคาโดนใจ จัดให้ในราคาสบายกระเป๋า รวมถึงยกชุดทุกโซลูชันของ สินค้า และอุปกรณ์ LINK AMERICA & GERMAN RACK EVERYWHERE จัดโปรกระหน่ำกว่า 1,000 รายการ คืนกำไรเต็มให้คู่ค้าอย่างแท้จริง กล้ารับประกันถูกกว่านี้ไม่มีที่ไหนแน่นอน ภายในงานประกอบด้วยสินค้า และโซลูชันครบวงจร ทั้งสาย LAN/สาย FIBER OPTIC/Solar Solution/ตู้ LINK RACK และสินค้า 19” GERMANY EXPORT RACK และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ มากมาย จัดดีลพิเศษ Cash Back และกิจกรรมลุ้นรางวัลใหญ่อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีการประกาศข่าวดี เปิดศักราชด้วยนวัตกรรมใหม่ ‘NEW INNOVATION’ พร้อมตอกย้ำแบรนด์ LINK AMERICAN CABLING ที่จะมาตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ที่ครอบคลุมทุกความต้องการกันที่งานนี้เป็นที่แรก ความคุ้มค่านี้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า นำพาธุรกิจเติบโตร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน แบบมีคุณภาพต่อไปในอนาคต

 

‘พิธา’ บุก!! ตลาดบ้านเกิด ‘ทักษิณ’ ช่วยหาเสียง นายกฯ อบจ.เชียงใหม่ เชื่อ!! ฐานเสียงเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเลย ขอปชช.ช่วยทำครอบครัวส้มใหญ่ขึ้น

(12 ม.ค. 68) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ลงพื้นที่ช่วยนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ช่วงเช้าไปหาเสียงที่ตลาดอุ๊ยทา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายพิธา เดินตลาดพบปะพี่น้องประชาชน ถือโทรโข่งปลุกใจด้วยการขานเบอร์ผู้สมัครเสียงดัง พร้อมกล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องชาวสันกำแพงที่ไม่เคยลืมพวกเรา พวกเราจะไม่ลืมชาวสันกำแพงแน่นอน

จากนั้น นายพิธา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ต้องมาที่นี่ เพราะเป็นเขต สส. พรรคเรา ตนยังนึกถึงความไว้วางใจที่พี่น้องชาวสันกำแพงมอบให้มา ยังจำได้อยู่ ภาพที่เห็นก็เป็นครอบครัวก้าวไกล-ประชาชน เป็นครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น

“ครอบครัวในเชียงใหม่เราก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นความตั้งใจที่จะมาชวนพี่น้องชาวเชียงใหม่ให้ความไว้วางใจอีกครั้ง เพื่อจะให้ครอบครัวของเราขยายมากขึ้นจะได้ดูแลพวกท่าน หากครอบครัวของพวกเราใหญ่ขึ้น นั่นหมายความว่าการเมืองในสภา การแก้กฎหมายสำคัญ การแก้ไขปัญหาพื้นที่รวมถึงงบประมาณที่จะนำมาใช้ อบจ. ก็มีหน้าที่โดยตรง เราจะได้ทำงานอย่างไร้รอยต่อกับท้องถิ่น” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยกับนายทักษิณ ในงานฉลองมงคลสมรส สส.พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ว่า ไม่ได้มีอะไร วันนั้นก็ทักทายตามปกติ พอเสร็จงานตนก็แพ็คของมาลงพื้นที่หาเสียงลำพูน เชียงใหม่ต่อ ตนเชื่อว่า ประชาชนต้องการการแข่งขันทางการเมืองที่เข้มข้นตรงไปตรงมาทำงาน เพื่อให้เขาสามารถมีความเชื่อถือและเชื่อมั่นได้ว่าความเป็นไปของเชียงใหม่ที่จับต้องได้

“มันก็ผ่านมา 25 ปีแล้วนะ แกก็คงอยากจะเห็นว่าเชียงใหม่เปลี่ยนแปลงอะไร เจอโควิด ที่เรียกว่าเป็นเมืองปราบเซียนแล้ว ปราบเซียนเข้าไปใหญ่ เจอทั้งโควิดเจอทั้งฝุ่น เจอทั้งฝน ทั้งน้ำท่วม ดังนั้น ต้องมีคนรุ่นใหม่เข้าไปบริหารจัดการ” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า ตนมาเชียงใหม่ครั้งนี้ ยังอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้รับการต้อนรับอย่างฝาคั่ง เชื่อว่าเป็นเพราะนโยบายที่ตอบโจทย์และโดนใจ

เมื่อถามว่ากังวลเรื่องฐานเสียงหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การที่จะเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 อย่าง 42% เลือกเรา เดินไป 10 คน เลือกเราพรรคเดียว จะให้เป็นคนรุ่นใหม่อย่างเดียว มันไม่ใช่ มีคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ด้วย คราวนี้ พอเป็นเรื่อง อบจ. มันดูแลได้ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงคนสูงอายุ คงไม่ได้เลือกว่าจบเป็นคนรุ่นใหม่อย่างเดียว

นายพิธา ยังเชิญชวนให้คนกลับมาเลือกตั้ง ว่า ตนเข้าใจว่าเพิ่งกลับบ้านเมื่อช่วงปีใหม่ เดือนเดียวต้องกลับมาอีกแล้ว คนที่หาเช้ากินค่ำก็เดินทาง ลางานได้ลำบาก ดังนั้นใครที่อยู่ในพื้นที่ขอให้ไปใช้สิทธิ์ให้เต็มที่

นายพิธา ระบุว่า พรรคเก่าที่ผ่านมาชอบที่จะแข่งขันและเน้นการแข่งขันกับตัวเอง เราก็จะโฟกัสกับปัจจัยที่เราพยายามควบคุมให้ได้มากที่สุด แล้วไปเทียบกับอดีตว่าทำได้ดีขึ้นมากหรือไม่

“เชื่อว่าพี่น้องเชียงใหม่ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเลย สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ก็จะให้โอกาสคนที่ตอบโจทย์กับยุคสมัยเราต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังวังชาและเจอกับความท้าทายใหม่ๆของเชียงใหม่”

ภายหลังการให้สัมภาษณ์นายพิธาได้เดินทางไปพักรับประทานอาหารที่ร้านเสน่ห์แม่วง อำเภอดอยสะเก็ดต่อ ก่อนมีกำหนดการปราศรัยในช่วงเย็น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top