Monday, 9 June 2025
Hard News Team

BAN แจ้งเตือน!! ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะพลาสติก จากสหรัฐอเมริกา กำลังเข้ามาทิ้งที่ไทย 5,500 ตัน

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 68) เครือข่ายปฏิบัติการบาเซล หรือ BAN (Basel Action Network) องค์กรพัฒนาเอกชนประเทศสหรัฐอเมริกาที่ติดตามปัญหาการค้าขยะข้ามแดน ส่งหนังสือแจ้งเตือนหน่วยราชการไทยพร้อมกับแจ้งมาทางมูลนิธิบูรณะนิเวศ ในฐานะเครือข่ายที่ทำงานร่วมกันมายาวนาน ว่า เรือบรรทุกสินค้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 35 ลำ กำลังจะเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมจนถึง 21 มิถุนายน 2568 นี้ โดยรวมแล้วจะนำเข้าขยะอันตรายและผิดกฎหมายมายังประเทศไทยมากถึง 222 ตู้คอนเทนเนอร์ แบ่งเป็นตู้ขนส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 219 ตู้ และขยะพลาสติกจำนวน 3 ตู้

ทั้งนี้ เรือบรรทุกขยะอันตรายและผิดกฎหมายกลุ่มแรกจำนวน 5 ลำมีกำหนดเข้าเทียบท่าตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมแล้ว จากนั้นจะทยอยเข้ามาอีกระหว่างวันที่ 1-21 มิถุนายน สำหรับวันที่จะมีเรือขยะเทียบท่าจำนวนมากเช่น 2 มิถุนายนจำนวน 32 ตู้ วันที่ 4 มิถุนายน 26 ตู้ วันที่ 6 มิถุนายน 22 ตู้ และวันที่ 10 มิถุนายน 40 ตู้ ปิดท้ายด้วยวันที่ 21 มิถุนายน จำนวน 4 ตู้

ถ้าคิดตามอัตราบรรทุกขั้นต่ำว่า 1 ตู้คอนเทนเนอร์จุน้ำหนักได้ 25 ตัน จำนวนขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste ที่จะเข้าไทยระลอกนี้จะมากถึง 5,475 ตัน ส่วนขยะพลาสติกจะเข้ามาประมาณ 75 ตัน

เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยว่า ทาง BAN ไม่เพียงแจ้งเตือนมาในเชิงภาพรวมเท่านั้น หากแต่ได้แนบข้อมูลในรายละเอียดต่างๆ มาด้วย ครอบคลุมตั้งแต่ท่าเรือต้นทาง วันที่เรือออกจากท่า ชื่อเรือแต่ละลำ เลขตู้คอนเทนเนอร์ จำนวนเรือที่จะเข้าเทียบท่าในแต่ละวัน ดังนั้นทางการไทยไม่ควรที่จะยอมให้เรือเหล่านี้เข้าเทียบท่าเลยด้วยซ้ำ

“ที่ผ่านมา BAN เคยแจ้งเตือนเรื่องการขนส่งขยะอันตรายข้ามแดนที่ละเมิดอนุสัญญาบาเซลมาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ข้อมูลถูกต้อง เชื่อถือได้ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย โดยเฉพาะกรมศุลกากรจึงควรสกัดกั้นมิให้เรือต้องสงสัยทั้ง 222 ลำเข้าเทียบท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องรับขยะอันตรายจากอเมริกากว่า 5,500 ตันเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดภาระต้องผลักดันกลับ รวมถึงเสี่ยงว่าจะมีการรั่วไหลกระจายออกไป” ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศแสดงความเห็น

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศกล่าวว่าได้ประสานเรื่องดังกล่าวไปกับฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าชุดตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งแต่ทราบเรื่องแล้ว

"คุณโอ๋เห็นด้วยว่าควรต้องสกัดกั้นการนำเข้าตั้งแต่ระดับหน้าด่าน คือที่ท่าเรือเลย"

ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศให้ข้อมูลอีกว่า ปัจจุบันไทยมีกฎหมายห้ามนำเข้าทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติกแล้ว โดยประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 (และบัญชีท้ายประกาศฯ) ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 428 รายการ ส่วนประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2567 กำหนดห้ามนำเข้าเศษพลาสติกตามพิกัดฯ 39.15 ในทุกพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นมา

ทั้งนี้ นิยามของ 'ขยะอิเล็กทรอนิกส์' ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าวคือ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หรือเศษ (ไม่รวมเศษจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า) ที่มีส่วนประกอบ ซึ่งได้แก่ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า และแบตเตอรี่อื่นๆ สวิตซ์ที่มีปรอทเป็นองค์ประกอบในการทำงาน เศษแก้วจากหลอดรังสีแคโทด และแอกติเวเต็ดกลาสอื่นๆ ตัวเก็บประจุไฟฟ้าที่มีสารพีซีบี หรือที่ปนเปื้อนด้วยแคดเมียม ปรอท ตะกั่ว โพลีคลอริเนทเต็ดไบฟีนิล ซึ่งเป็นของเสียเคมีวัตถุ ตามบัญชี 5.2 ลำดับที่ 2.18 ของประกาศกระทรวงว่าด้วยวัตถุอันตราย

ส่วนนิยามคำว่า 'เศษพลาสติก' หมายความว่า เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นพลาสติก ตามพิกัดศุลกากรประเภท 39.15

ผัก 5 ชนิดที่ควรกินแบบ 'ปรุงสุก' ประโยชน์เพิ่มขึ้นเท่าตัว

1. แคร์รอต เมื่อนำไปต้มสุก ร่างกายดูดซึม เบต้าแคโรทีน ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

2. มะเขือเทศ การปรุงมะเขือเทศด้วยความร้อน เช่น การต้ม หรือนำไปทำซอส จะช่วยให้ร่างกายดูดซึม ไลโคปีน (Lycopene) มากขึ้นถึง 7 เท่า เมื่อเทียบกับน้ำมะเขือเทศสด

3. ผักโขม การปรุงให้สุกสามารถช่วยลดปริมาณ กรดออกซาลิก ที่ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็ก 

4. เห็ด เมื่อผ่านความร้อน ผนังเซลล์ของเห็ดจะถูกทำลาย ทำให้ โพลีแซคคาไรด์ (polysaccharides) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ถูกปลดปล่อยออกมาในปริมาณมากขึ้น

5. กะหล่ำปลี หลังการปรุงสุก วิตามิน K และสารไฟโตนิวเทรียนต์ต่าง ๆ จะดูดซึมได้ดีขึ้น ช่วยดูแลระบบลำไส้ ลดการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร

‘วลาดีมีร์ ปูติน’ กล่าวซึ้ง!! ถึง ‘อดีตนายกฯญี่ปุ่น’ สะกิด!! ต่อมน้ำตาของ ‘ภรรยา Shinzo Abe’ ไหลหลั่ง

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 68) วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ให้การต้อนรับภรรยาของ Shinzo Abe ในกรุงมอสโก เนื่องในโอกาสครบรอบวันเสียชีวิตของอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยปูตินได้ถือช่อดอกไม้ไปต้อนรับ Akie Abe ด้วยความนอบน้อม

ในระหว่างการพบกัน คำพูดของปูตินเกี่ยวกับ Shinzo Abe ทำให้เธอถึงกับน้ำตาไหลออกมา

ประธานาธิบดีรัสเซียแสดงความเคารพต่อ Shinzo Abe โดยกล่าวว่า "เขารู้ว่า Abe ฝันที่จะลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งสนธิสัญญานั้นยังไม่ได้รับการลงนามระหว่างรัสเซียและญี่ปุ่น เนื่องจากยังคงติดขัดเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับการครอบครองเกาะสี่เกาะในกลุ่มเกาะคอร์เยอร์ ซึ่งญี่ปุ่นเรียกว่า 'ดินแดนเหนือ' ซึ่งเป็นประเด็นหลักความขัดแย้งในอดีต"

Shinzo Abe ถูกยิงจากด้านหลังในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองนารา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2021 และจากรายงานของสื่อญี่ปุ่น เขาถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้นและภาวะการหายใจหยุดลง

เชียงใหม่-เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พร้อมเปิด 'มุมถ่ายภาพเช็คอินจุดใหม่' ณ โซนจากัวร์เทรล (Jaguar Trail)

(31 พ.ค.68) นางสาวฐิติรัตน์ ต๊ะวันวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ชาฟารีปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดมุมใหม่ 'มุมถ่ายภาพเช็คอินจุดใหม่' ณ โซนจากัวร์เทรล (Jaguar Trail) เส้นทางเดินชมสัตว์รอบทะเลสาบสวอนเลค (Swan Lake) เพื่อมอบประสบการณ์การ ท่องเที่ยวที่ใกล้ชิดธรรมชาติ และเหมาะสำหรับการถ่ายภาพสวย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของผืนน้ำและ ต้นไม้โดยรอบ โดยโซนจากัวร์เทรลเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 - 20.00 น.

นอกจากนี้ กิจกรรมถ่ายภาพกับสัตว์เล็ก เปิดตัวดาวรุ่งดวงใหม่ 'น้องโคโค่' (คาปิบาร่า) และ 'น้องพะโล้' (เป็ดคอลดั๊ก) เพื่อนรักต่างสายพันธุ์มาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ในกิจกรรมถ่ายภาพกับ สัตว์เล็ก ทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 17.30 - 20.30 น.

นักมวยไทยเผยเส้นทางชีวิตจากการพึ่งพาสารเสพติด สู่โอกาสใหม่ในสังเวียนระดับโลก

"สิ่งเสพติดทุกอย่างผมเอาหมดเลยครับ ดีครับที่ผมไม่ตาย ถ้าไม่เลิกทุกอย่างเราตายจริงๆแน่ รู้สึกขอบคุณONEลุมพินีมากๆ ครับ ที่ให้โอกาสทุกคนไม่ใช่แค่ผม ทุกคนที่เคยหลงผิดแทบจะกลับขึ้นมาไม่ได้ แต่รายการเขาให้โอกาสหมดครับ แค่เราต้องมีวินัย ซื่อสัตย์ต่ออาชีพตัวเอง ในชีวิตนี้ถ้าผมไม่ได้ต่อยรายการนี้ ชาตินี้ผมจะได้จับเงิน7แสนหรือเปล่ายังไม่รู้เลยครับ"

เจ้าของสถิติไร้พ่ายชนะน็อค3ไฟต์รวด ได้โบนัสทั้ง3ไฟต์รวมเป็นเงินล้านกว่าบาท โดยเฉพาะ2ไฟต์ล่าสุดคือโคตรคลั่ง มันเป็นการชนะน็อคแบบโคตรมันส์ชนิดที่ติดตาคนดูทั้งประเทศ!!

โตโยต้า อีเกิลมวยไทย

เด็กหนุ่มญี่ปุ่น ป.6 ทำโครงงานปิดเทอม สุดเจ๋ง!! นับรถทุกคันที่ไม่หยุดให้ข้ามทางม้าลาย ส่งตำรวจ

(31 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘JapanSalaryman’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

น้องโคตะคุง นักเรียนชั้นป.6 ต้องเดินข้ามทางม้าลายแถวบ้านทุกเย็น เพื่อไปเรียนพิเศษ

แต่ปัญหาคือ…
รถแทบทุกคัน “ไม่เคยหยุด” ให้เขาข้ามเลย
ไม่ว่าจะยกมือ โบกมือ หรือมองตากับคนขับก็แล้ว
ก็ยังไม่มีใครเบรกให้เลยสักคัน วิ่งผ่านหน้าตาเฉย
จนวันหนึ่งเขาตัดสินใจว่า “จะไม่ปล่อยผ่านอีกต่อไป”
เขายืนเฝ้าทางม้าลายวันละหลายชั่วโมง
และนับอย่างจริงจังเลยว่า “มีรถกี่คันที่ไม่หยุดให้ข้าม”
เป็นการเก็บข้อมูล

น้องทำตารางนับอย่างละเอียด ตั้งแต่ 7:30 เช้า ถึง 19:00 แบ่งช่วงเวลาเป็น 30 นาที ทำต่อเนื่อง 12 วันเต็ม ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน

ผลที่ได้ออกมาว่า…
ช่วงที่รถไม่หยุดมากที่สุด คือเวลา 8:00–8:30 น. (ซึ่งตรงกับ 'ชั่วโมงเร่งด่วน' ของคนทำงาน) ช่วงนั้น เฉลี่ยแล้ว รถ 5 คันกว่า ๆ ถึงจะมีคันนึงหยุด

แต่น้องโคตะไม่ได้แค่นับจำนวนนะครับ เขายังวิเคราะห์ต่ออีกว่า คนขับแบบไหนที่หยุดให้…หรือไม่หยุดเลย?
1.คนที่ "ชอบหยุดให้ข้าม" คือ… คุณลุงหน้าตาใจดี, รถบรรทุกใหญ่ ๆ, หรือพี่ชายที่ดูโหดแต่กลับใจดี
2.คนที่ "มักไม่หยุดเลย" คือ… รถคันเตี้ย ๆ และคนขับที่เป็นคุณป้าหรือคุณยาย

ความรู้จากแม่ของโคตะช่วยเติมเต็มงานนี้อีกชั้น แม่เคยเล่าให้ฟังว่า ถ้าโดนจับข้อหาไม่หยุดให้คนข้าม จะต้องโดนปรับ 9,000 เยนต่อคัน! น้องเลยลอง “คำนวณค่าปรับทั้งหมด” จากข้อมูลที่ตัวเองนับมา ผลคือ… ถ้าตำรวจจับได้ครบ จะเก็บค่าปรับได้ถึง 5,742,000 เยน!! (9,000 เยน × 638 คันที่ไม่หยุด)

พอปิดเทอมจบ หลังจากสรุปข้อมูลทั้งหมด โคตะคุงส่งรายงานให้คุณครู พร้อมทั้ง.. ส่งรายงานนี้ให้กับสถานีตำรวจในพื้นที่ด้วย! ตำรวจอ่านแล้วประทับใจมาก จนตัดสินใจ “ใช้ข้อมูลของโคตะ” มาทำเป็น “ใบปลิวรณรงค์เรื่องความปลอดภัยหน้าทางม้าลาย” ในใบปลิวก็จะมี
– สถิติช่วงเวลาที่รถไม่หยุด
– ลักษณะของคนขับที่มีแนวโน้มจะหยุด / ไม่หยุด
– กราฟแสดงผลตามช่วงเวลาอย่างละเอียด

น้องโคตะพูดถึงผลของโครงงานนี้ว่า…
“ผมไม่ได้คาดหวังว่าทุกคันจะหยุด แต่อยากให้มีสักคัน ที่อ่านแล้วเริ่มหยุดให้คนข้าม
แค่นั้นผมก็ดีใจแล้วครับ”

ผมว่าเป็นโครงงานที่เรียบง่าย แต่จริงจังมาก เพราะอาจทำให้ทั้งเมืองต้องหันกลับมาสนใจเรื่องเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้ามได้เลยนะ ถ้าเป็นผมขับรถแล้วทำผิด แล้วมารู้ทีหลังว่าเด็ก ป.6 ยังใส่ใจกับเรื่องนี้ ก็คงรู้สึกอายเหมือนกันครับ

‘ฮุนได มอเตอร์’ ขึ้นแท่น!! พันธมิตรหลักศึกฟุตบอลอาเซียน ประเดิมทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ‘ASEAN Hyundai Cup™’

(31 พ.ค. 68) สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน (ASEAN Football Federation หรือ AFF) เคาะชื่อใหม่ศึกลูกหนังทีมชาติสุดยิ่งใหญ่ของภูมิภาค เปลี่ยนเป็น 'ASEAN Hyundai Cup™' อย่างเป็นทางการ หลังจับมือ ฮุนไดมอเตอร์ (Hyundai Motor) ขึ้นแท่นพันธมิตรหลัก ผู้นำระดับโลกด้านสมาร์ทโมบิลิตี้

ข้อตกลงครั้งนี้เกิดขึ้นโดยการดำเนินงานของ SPORTFIVE พันธมิตรเชิงพาณิชย์รายเดียวของ AFF โดย ฮุนไดไม่ได้หยุดแค่การเป็นสปอนเซอร์หลักของ ASEAN Hyundai Cup™ เท่านั้น แต่ยังขยายบทบาทควบอีก 3 รายการสำคัญ ได้แก่ ASEAN Club Championship Shopee Cup™, ASEAN Women’s MSIG Cup™ และ ASEAN U-23 Championship™ โดยทั้งหมดถูกรวมภายใต้แบรนด์ ASEAN United FC เพื่อขับเคลื่อนวงการลูกหนังภูมิภาคร่วมกัน

ฮุนได มอเตอร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1967 และปัจจุบันดำเนินธุรกิจในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจสู่สมาร์ทโมบิลิตี้โซลูชัน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหุ่นยนต์ การเคลื่อนที่ทางอากาศ และยานยนต์ปลอดมลพิษ อาทิ รถยนต์ไฟฟ้าและเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน การสนับสนุนวงการฟุตบอลเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของแบรนด์มายาวนานตั้งแต่ปี 1999 ผ่านการเป็นพันธมิตรกับ FIFA ก่อนจะขยายบทบาทสู่ระดับทวีปผ่านการสนับสนุนศึก CONMEBOL Libertadores ในลาตินอเมริกา

Hyundai Cup™ ถือเป็นการจับมือครั้งแรกของฮุนได มอเตอร์ กับเวทีฟุตบอลอาเซียน ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์สำคัญในการขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งสร้างการเติบโตในตลาดหลัก เพิ่มการรับรู้แบรนด์ และกระชับสายสัมพันธ์กับกลุ่มแฟนบอลอาเซียนที่ความหลงใหลในเกมลูกหนัง ศึกชิงแชมป์อาเซียนในปี 2024 พิสูจน์ความสำเร็จอีกครั้ง ด้วยสถิติผู้ชมถล่มทลายกว่า 541.5 ล้านคนทั่วโลก และยอดชมรวมทางโซเชียลมีเดียกว่า 12.66 พันล้านครั้ง ตอกย้ำสถานะของรายการนี้ในฐานะเวทีลูกหนังอันดับ 1 แห่งภูมิภาคอย่างแท้จริง

มร.ซันนี่ คิม ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก สำนักงานใหญ่ กล่าวว่า “ฟุตบอลไม่ใช่แค่กีฬา แต่มันคือพลังแห่งการรวมใจและขับเคลื่อนชุมชนให้เติบโตไปด้วยกัน กว่า 26 ปีในฐานะพันธมิตรระดับโลก เราเห็นศักยภาพของภูมิภาคอาเซียน ดินแดนที่ฟุตบอลไม่เคยหลับใหล และแฟนบอลยังเปี่ยมไปด้วยแพสชัน การเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของ ASEAN Hyundai Cup™ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของแบรนด์หรือธุรกิจ แต่คือการเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ “Progress for Humanity” ที่มุ่งผลักดันด้านการศึกษา ความเท่าเทียม และการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านพลังของกีฬาฟุตบอล”

ในฐานะศูนย์กลางสำคัญของฮุนไดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮุนได มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก เดินหน้าใช้เวที ASEAN Hyundai Cup™ เปิดตัวแนวคิด ‘Move the Game’ สื่อสารจุดยืนชัดเจนของแบรนด์ในการสนับสนุนผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งผลักดันอนาคตของการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน เพราะสำหรับฮุนได นวัตกรรมไม่ใช่แค่เรื่องของรถยนต์ แต่คือการสร้างผลกระทบเชิงบวกในสังคมผ่านโครงการต่าง ๆ อย่าง 'Hyundai Kids Mobile Library' รถบัสพลังงานไฟฟ้าที่ดัดแปลงเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ เพื่อเปิดโลกการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ และเติมเต็มโอกาสในพื้นที่ห่างไกล ฮุนไดจึงไม่ได้เพียงแค่ 'ขับเคลื่อนอนาคต' บนท้องถนน แต่ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความก้าวหน้าให้เกิดขึ้นจริงทั้งในและนอกสนาม

พล.ต. เคียฟ ซาเมธ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน กล่าวเสริมว่า “ในนามของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน (AFF) และสมาคมสมาชิก เราขอต้อนรับฮุนไดผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการเคลื่อนที่และนวัตกรรมอย่างเป็นทางการ ที่ยืนหยัดเคียงข้างวงการฟุตบอลมาโดยตลอด สู่บทบาท พันธมิตรหลักของการแข่งขัน ASEAN Hyundai Cup™ อย่างเป็นทางการ

ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของฮุนไดที่มีต่อวงการฟุตบอลทั่วโลก สอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบกับพันธกิจของ AFF ในการผลักดันการเติบโตและพัฒนาฟุตบอลในอาเซียน ASEAN Hyundai Cup™ จึงไม่ใช่แค่ทัวร์นาเมนต์ แต่มันคือสัญลักษณ์แห่งความฝันของนักเตะ แฟนบอล และทุกชาติในภูมิภาคนี้ วันนี้ AFF และฮุนได พร้อมร่วมกันเปิดฉากบทใหม่สุดเร้าใจ—บทที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจสำหรับคนรุ่นต่อไป เสริมสร้างพลังให้ชุมชน และส่งเสียงของอาเซียนให้กึกก้องบนเวทีโลก”

มร. ซีมัส โอไบรอัน ประธานและประธานกรรมการ SPORTFIVE ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “พันธมิตรของฮุนได ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของฟุตบอลอาเซียน โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ศึก ASEAN Championship กำลังเปลี่ยนผ่านจากรายการระดับภูมิภาค สู่เวทีระดับนานาชาติอย่างเต็มตัว ด้วยฐานแฟนบอลเหนียวแน่น และกระแสตอบรับที่เหนือความคาดหมาย ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ ที่สายตาทั่วโลกเริ่มจับจ้องมาที่อาเซียน ภูมิภาคที่กำลังกลายเป็นพลังเศรษฐกิจใหม่ของโลก”

“การเติบโตของทีมชาติอาเซียน เดินหน้าเคียงข้างกับบทบาทใหม่ของภูมิภาคในฐานะศูนย์กลางยานยนต์และการผลิตระดับโลก และ Hyundai Cup™ ก็เป็นฟันเฟืองสำคัญในกลยุทธ์ของฮุนได ที่ต้องการปักหมุดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นหัวใจของยอดขายทั่วโลก พร้อมไปกับการยกระดับแบรนด์ในเวทีฟุตบอลระดับสากล เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับฮุนไดและ AFF เพื่อยกระดับศึก Hyundai Cup™ ให้ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น ครองแชมป์ด้านเรตติ้ง และในขณะเดียวกัน ก็สนับสนุนวิสัยทัศน์ของฮุนไดในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง”

การประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์นี้มีขึ้นในการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการที่กรุงจาการ์ตา โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมอย่างพร้อมหน้า ได้แก่ ได้แก่ พล.ต. เคียฟ ซาเมธ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน, มร. วินสตัน ลี เลขาธิการสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน, มร.ซันนี่ คิม ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก สำนักงานใหญ่ และ มร. ซีมัส โอไบรอัน ประธานและประธานกรรมการ SPORTFIVE เอเชีย

ติดตามความเคลื่อนไหวทั้งหมดของการแข่งขันในเครือ ASEAN United FC ได้ที่ https://aseanutdfc.com และทุกช่องทางโซเชียล @aseanutdfc บน Instagram, Facebook, TikTok, YouTube, X และ LinkedIn

NIA เปิดรับ!! ข้อเสนอโครงการ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ยกระดับ!! ความสามารถทางนวัตกรรม ในระดับอุตสาหกรรม

(31 พ.ค. 68) เปิดรับสมัครแล้ว ทุนใน ‘แพลตฟอร์มส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ (Mandatory Innovation Business Platform)’ รอบ 3 ประจำปีงบประมาณ 2568 กับ 6 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ

1. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก
(High-Value Food and Fruit for Export)
2. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิตและการบริหารจัดการพืช และสัตว์เศรษฐกิจหลักของประเทศตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain of Economic Plants and Animals)
3. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนตํ่า (Circular and Low-Carbon Economy)
4. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด (Clean Energy)
5. สาขาธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยี ด้าน AI, Robotic, Immersive & IoT (ARI Tech)
6. สาขาธุรกิจนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) 

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดรับ #ข้อเสนอโครงการ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศและยกระดับความสามารถทางนวัตกรรมในระดับอุตสาหกรรมทั้ง 6 สาขา ภายใต้ 7 กลไกการสนับสนุน ซึ่งแต่ละสาขามีกลไกการสนับสนุนแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขา สามารถดูรายละเอียดได้ในแคปชันแต่ละภาพ ซึ่งทั้ง 7 กลไก มีรายละเอียด ดังนี้

กลไกทุนโครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้า (Thematic Innovation)
ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ทางการตลาด และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรม

กลไกการสนับสนุนที่ปรึกษาเพื่อพัฒนานวัตกรรม (MIND)
ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี เพื่อจ้างที่ปรึกษาและปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร

กลไกการสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานสำหรับธุรกิจนวัตกรรม (Standard Testing)
ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี สำหรับการจ้างที่ปรึกษา การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร การวิเคราะห์ทดสอบ การทวนสอบและประเมินผล เพื่อขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์หรือขอรับรองมาตรฐานที่สำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจ

กลไกการขยายธุรกิจนวัตกรรม (Market Expansion)
ทุนสนับสนุนการทดสอบนวัตกรรมในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยสนับสนุนในสัดส่วนร้อยละ 100 กับกลุ่มลูกค้าภาครัฐ และสนับสนุนในสัดส่วนร้อยละ 50 กับกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนคิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อโครงการในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี

กลไกสนับสนุนดอกเบี้ยบางส่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง (Matching Interest for Working Capital) ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี

กลไกนวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย (Zero Loan Interest)
ทุนอุดหนุน (Grant) ในสัดส่วนสูงสุดร้อยละ 100 ของมูลค่าดอกเบี้ยคิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี

กลไกการสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้มีโอกาสเติบโตและขยายตลาดโดยการร่วมมือจากแหล่งทุนภาครัฐและเอกชน (Corporate Co-funding) 
เงินอุดหนุนมูลค่าไม่เกิน 5,000,000 บาท ที่ให้แก่ผู้ประกอบการนวัตกรรมในระยะ seed ถึง series-A เพื่อใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจให้เติบโต โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องได้รับการร่วมลงทุนและการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากแหล่งเงินทุนขึ้นทะเบียนกับ NIA (Listed VC/CVC) เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ 

คุณสมบัติผู้สมัคร:
- เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย
- นิติบุคคลที่สมัครรับทุนต้องมีผู้ถือหุ้นเป็นสัญชาติไทยอย่างน้อยร้อยละ 51
- นิติบุคคลเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในเทคโนโลยีหลัก (Core Technology) ที่ใช้ในโครงการ

ทั้งนี้ สามารถเป็นการขอใช้สิทธิ์ (Licensing) ในทรัพย์สินทางปัญญาได้ (Intellectual Property: IP)
- มีโมเดลธุรกิจ (Business Model) และแผนการดำเนินธุรกิจ (Business Plan) ที่ชัดเจน เพื่อรองรับการขยายผลโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ
- นิติบุคคล หรือกรรมการบริหารของนิติบุคคล มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไม่น้อยกว่า 3 ปี

สมัครได้เลยที่: https://mis.nia.or.th/
ตั้งแต่วันนี้ - 15 กรกฎาคม 2568

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม: https://mandatory.nia.or.th/
Video อธิบายรายละเอียดทุนและเทคนิคการยื่นทุนให้ได้รับการอนุมัติ: https://moocs.nia.or.th/course/thematic

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- อีเมล: [email protected]
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยคุณค่าสูงและมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก โทร. 099-256-1455 (จิตรภณ)
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านพืชและสัตว์เศรษฐกิจ โทร. 087-563-2074 (ภัสสร)
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจการหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ โทร. 085-911- 4691 (วัลยา)
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด โทร. 061-446-6755 (พิชชารีย์)
- ธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยี ด้าน ARI Tech โทร. 088-962-4542 (อรุณี)
- ธุรกิจนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โทร. 093-535-9498 (อภิวัฒน์) และ 097-936-9514 (มนัสกฤตย์)

อดีตนาวิกโยธินอังกฤษ วัย 53 ปี ถูกตั้งข้อหาหนัก!! หลังขับรถพุ่งชนฝูงชน!! ในงานฉลองแชมป์ลิเวอร์พูล

(31 พ.ค. 68) Amthaipaper (หนังสือพิมพ์ไทยในอังกฤษ) รายงานว่า ชายชาวอังกฤษนาม Paul Doyle วัย 53 ปี จากย่าน West Derby เมืองลิเวอร์พูล อดีตนาวิกโยธินของกองทัพอังกฤษ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาหลายกระทง หลังจากเขาขับรถพุ่งชนกลุ่มแฟนบอลจำนวนมากในงานขบวนแห่ฉลองแชมป์ของสโมสร Liverpool FC จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง เกือบ 80 คน บางรายอาการสาหัส

แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นในช่วงขบวนแห่ที่ผู้คนหลั่งไหลกันมานับหมื่น แต่นาย Doyle ไม่ได้มาร่วมขบวนแห่แชมป์ ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น เขาขับรถมาส่งเพื่อนที่บริเวณใกล้เคียงจุดจัดงาน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าพฤติกรรมของเขาในขณะนั้นเป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าหรือเกิดขึ้นด้วยเหตุอื่น

จากรายงานของตำรวจและสื่อหลายสำนัก นาย Paul Doyle ถูกตั้งข้อหาดังนี้
• ขับรถโดยประมาทอันตราย (Dangerous driving)
• ทำร้ายร่างกายสาหัสโดยเจตนา (Grievous bodily harm – GBH – with intent)
• พยายามทำร้ายร่างกายสาหัส (Attempted GBH)
• และทำร้ายร่างกายโดยมีเจตนา (Wounding with intent)

Paul Doyle คือใคร

Paul Doyle เป็นอดีตทหาร Royal Marine ที่เคยรับใช้ชาติ แต่หลังปลดประจำการ ดูเหมือนว่าเขาจะใช้ชีวิตเงียบ ๆ ในฐานะ คุณพ่อลูกสาม และถูกมองว่าเป็น คนรักครอบครัว (family man) โดยผู้ที่รู้จักใกล้ชิด

ภาพของเขาที่ยิ้มแย้ม นั่งเล่นกับลูก ๆ หรือสวมหมวกปาร์ตี้ในบรรยากาศครอบครัว ถูกนำมาเปรียบเทียบกับภาพขณะนั่งอยู่หลังพวงมาลัยในรถที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งสร้างความสับสนและตกใจให้กับสาธารณชนอย่างมาก

แม้จะมีบุคลิกดูอ่อนโยนและไม่มีประวัติน่ากังวลในอดีต แต่ข้อกล่าวหาจากทางการในครั้งนี้ชี้ว่าการกระทำของเขาอาจเกิดขึ้นโดยเจตนา ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่กำลังถูกสอบสวนอย่างละเอียด

คดีนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีและการไต่สวนในชั้นศาล ผู้ต้องหายังไม่ได้รับการตัดสินว่ามีความผิดตามกฎหมาย ข่าวนี้เป็นการรายงานข้อกล่าวหาที่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top