Thursday, 24 April 2025
Hard News Team

‘ดร.กอบศักดิ์’ เผย!! ‘จีน-สหรัฐฯ’ ทำสงครามการค้า ผู้ประกอบการ ต้องเตรียมพร้อม ชี้!! ไทยมีโอกาสเข้าไปแทนที่ เปิดตลาดใหม่ ระบายสินค้า เมื่อยักษ์ใหญ่ไม่คุยกัน

(12 เม.ย. 68) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีใจความว่า...

ในช่วงต่อไป ถ้าไม่มีใครยอมใคร

สินค้าจีนที่ส่งไปสหรัฐ และสินค้าสหรัฐที่ส่งไปจีน คงต้องหาตลาดใหม่ให้ตนเอง
สินค้าเหล่านี้ กำลังจะมาที่ไทยและประเทศอื่นๆ

เราคงต้องเตรียมการรับมือ โดยเฉพาะผู้ประกอบการในไทย
สินค้าเหล่านี้ประกอบด้วย 

จากจีน - Smartphones, Laptops, Batteries, Toys, Telecom Equipment

จากสหรัฐ - Soybeans, Aircraft and engines, IC, Pharmaceuticals, Petroleum

มูลค่าไม่น้อย โดยเฉพาะสินค้าจากจีน 438.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปี และสินค้าจากสหรัฐฯ 143.5 พันล้าน สรอ. ต่อปี 

ประเทศใกล้ๆ อย่างไทย น่าจะเป็นเป้าหมายในการระบายสินค้าที่ดี

ส่วนผู้ส่งออก เมื่อเขาไม่ค้าขายกัน ไม่คุยกัน 

รายชื่อสินค้าเหล่านี้ เป็นเป้าหมายให้เราเข้าไปแทนที่ครับ

อย่าลืมว่า "ในวิกฤตมีโอกาสเสมอ" 

เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ

‘เคทีซี’ ร่วมกับ ‘พีทีที สเตชั่น’ แบ่งเบาภาระ ‘ค่าน้ำมัน’ ช่วงวันหยุดยาว มอบเครดิตเงินคืนสูงสุด 4% ใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืนได้เพิ่มอีก 13%

(12 เม.ย. 68) เคทีซีตอกย้ำความเป็นบัตรเครดิตหลักในการใช้จ่ายทุกวัน จับมือพีทีที สเตชั่น จัดแคมเปญแบ่งเบาค่าใช้จ่ายคนไทยที่ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงวันหยุดยาว พร้อมกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันหยุดยาว สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4% โดยไม่ต้องใช้คะแนน และรับเครดิตเงินคืนเพิ่มอีก 13% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER ในการแลกรับ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2568 – 31 กรกฎาคม 2568 ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศที่ร่วมรายการ

นายสุวัฒน์ เทพปรีชาสกุล ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต 'เคทีซี' หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การจัดแคมเปญ ‘โปรใหม่ ใหญ่กว่าเดิม’ เป็นความร่วมมือระหว่างเคทีซีกับพีทีที สเตชั่น สะท้อนกลยุทธ์ในการมอบประสบการณ์ความคุ้มค่าให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี ทุกประเภท เพื่อให้บัตรเครดิตเคทีซีเป็นบัตรฯ ที่สมาชิกนึกถึงและเลือกใช้เป็นบัตรหลัก (default card) โดยเฉพาะในหมวดหมู่สถานีบริการน้ำมันและการเดินทาง นับเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายหลักในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ซึ่งเคทีซีเล็งเห็นถึงความสำคัญในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับสมาชิก จึงได้จัดสิทธิพิเศษในรูปแบบต่างๆ และพบว่าการมอบเครดิตเงินคืนโดยไม่ต้องใช้คะแนน รวมถึงการแลกคะแนนในอัตราที่คุ้มค่าถือเป็นการคืนกำไรให้สมาชิกอย่างแท้จริง และยังสร้างการมีส่วนร่วม (engagement) กับฐานสมาชิกในระยะยาว” 

นายถนัดพล ดุละลัมพะ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และการตลาดค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า “สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ภายใต้การกำกับดูแลของ OR มุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์แก่ผู้บริโภค การร่วมมือกับเคทีซี ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเติมเต็มความคุ้มค่าพร้อมทั้งส่งมอบน้ำมันคุณภาพให้แก่ผู้บริโภค เพื่อเติมเต็มความมั่นใจ และความสะดวกสบายด้วยสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศตลอดการเดินทาง อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการออกแบบแคมเปญที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการอย่างแท้จริง และเชื่อว่าแคมเปญ ‘โปรใหม่ ใหญ่กว่าเดิม’ จะช่วยสร้างความพึงพอใจ และสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกบัตรเคทีซี ในยุคที่ความประหยัดและความสะดวกเป็นหัวใจหลัก โดยพร้อมเดินหน้าพัฒนาแคมเปญที่สร้างประโยชน์ร่วมกัน”

สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่อใช้บริการเติมน้ำมัน ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทุกสาขาทั่วประเทศ คือ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4% ไม่ต้องใช้คะแนนแลก (สูงสุด 40 บาทต่อเซลส์สลิป) เพียงเติมน้ำมันครบ 1,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป หรือรับเครดิตเงินคืน 3% (สูงสุด 21 บาทต่อเซลส์สลิป) เมื่อเติมน้ำมันครบ 700 – 999 บาทต่อเซลส์สลิป ตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมทั้งแลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนเพิ่มอีก 13% ได้ไม่จำกัด เมื่อแลกด้วยคะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชันของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก 'เคทีซี ทัช' ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

ทีมนักวิจัย มจธ. พัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบ ช่วยกายภาพบำบัด ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผสาน!! ‘เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ - เกม’ เข้าไว้ด้วยกัน ฟื้นฟูร่างกายแม่นยำ สนุก

(12 เม.ย. 68) ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติและหน่วยงานด้านประชากรศาสตร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2583 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 32% ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งนำมาสู่การเพิ่มขึ้นของโรคเรื้อรังและภาวะเสื่อมของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS - Amyotrophic Lateral Sclerosis) และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงไมแอสทีเนียเกรวิส (MG - Myasthenia Gravis) ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในที่สุด

การกายภาพบำบัดจึงเป็นส่วนสำคัญในการดูแลผู้ป่วย เพื่อยืดอายุการทำงานของกล้ามเนื้อและรักษาคุณภาพชีวิต อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำนวนมากไม่สามารถทำกายภาพได้ต่อเนื่อง เนื่องจากข้อจำกัดด้านร่างกาย สภาพจิตใจ และความเบื่อหน่ายต่อวิธีการเดิม ส่งผลให้ประสิทธิภาพการฟื้นฟูลดลงอย่างมาก

เพื่อแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว ดร.ปฏิยุทธ พรามแก้ว หัวหน้าโครงการ อาจารย์จากโครงการร่วมบริหารหลักสูตรฯ (มีเดีย) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ฐิตาภรณ์ กนกรัตน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มหศักดิ์ เกตุฉ่ำ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ชูเมือง มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และ ดร.วรวุทธิ์ ยิ้มแย้ม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนา “หุ่นยนต์ต้นแบบช่วยกายภาพบำบัดผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขาโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และเกม” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ต้นแบบที่สามารถใช้งานได้จริงในบริบทของผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขา พร้อมระบบเกมที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการกระตุ้นการขยับร่างกายผ่านเกมที่มีเป้าหมายชัดเจน โดยได้รับความร่วมมือจากแพทย์และบุคลากรในโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ที่นำข้อมูลเชิงลึกและความต้องการของผู้ป่วยมาเป็นโจทย์ในการพัฒนางานวิจัย

“หุ่นยนต์ต้นแบบนี้ประกอบด้วยสององค์ประกอบหลัก ได้แก่ อุปกรณ์กายภาพบำบัดที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดยสามารถปรับน้ำหนัก แรงต้าน และตำแหน่งให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย และระบบเกมแบบจำลองสถานการณ์ (Simulation Game) ที่ใช้การขยับกล้ามเนื้อขาเพื่อควบคุมการดำเนินภารกิจในเกม ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเหมาะสมกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ เช่น ขนาดตัวอักษร หน้าจอแสดงผล รูปแบบการโต้ตอบ การวางปุ่ม และระบบให้คะแนนที่ชัดเจนเพื่อให้เห็นพัฒนาการของผู้ใช้งาน ผสานกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการติดตาม วิเคราะห์ และปรับระดับความยากง่ายของกิจกรรมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานจริงของผู้ป่วยแต่ละคน ที่ช่วยให้การฝึกมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถประเมินผลได้แม่นยำขึ้น” ดร.ปฏิยุทธ กล่าวถึงหลักการการทำงานของหุ่นยนต์ต้นแบบ

ผศ.ดร. ฐิตาภรณ์ กล่าวเสริมว่า การพัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบดังกล่าวไม่เพียงสร้างผลลัพธ์ทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบเชิงสังคมและอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ การนำไปประยุกต์ใช้ในโรงพยาบาล ศูนย์ฟื้นฟู ชุมชนผู้สูงอายุ รวมถึงการใช้งานภายในครัวเรือน ที่ช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีฟื้นฟูสุขภาพอย่างทั่วถึง เพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการฟื้นฟูที่มีคุณภาพ ลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ในระยะยาว และส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูง

ผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น รางวัลประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ ประจำปี 2568 โดยถือเป็นหนึ่งในโครงการวิจัยที่สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับโจทย์ทางสุขภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอด และตอบสนองต่อนโยบายด้านสาธารณสุขในสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในระยะต่อไป ทีมวิจัยมีแผนที่จะพัฒนาอุปกรณ์และระบบเกมให้สามารถปรับใช้กับผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ เช่น ผู้ที่มีภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัดที่ต้องการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว โดยจะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเร่งการผลิตต้นแบบให้สามารถใช้จริงได้ในวงกว้าง

“หัวใจสำคัญของงานวิจัยตัวนี้คือ การทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเขาดูแลชีวิตของตัวเองได้ เราใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเสริมทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งด้วยความต้องการของตัวเอง” ดร.ปฏิยุทธกล่าวปิดท้าย

กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมเปิดงาน 'ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025' สาดสนุกมหาสงกรานต์ สายธารแห่งเสน่ห์ไทย ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม

เมื่อวันที่ (10 เม.ย.68) เวลา 16.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025” The legendary Festival of Waters สาดสนุกมหาสงกรานต์ สายธารแห่งเสน่ห์ไทย ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม พร้อมด้วยนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เข้าร่วมฯ โดยมีนายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด ผู้บริหาร เครือข่ายพันธมิตร ศิลปิน แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมด้วย 

พิธีเปิดงาน 'ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025' จัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูง ตัวแทนจากภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมากสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยการเปิดตัวนางสงกรานต์ที่มาพร้อมทัพสวรรค์ นางรำ กินรีกินรา และตัวละครจากวรรณคดีไทย ร่วมขบวนแห่กว่า ๔๐ ชีวิต ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของประเพณีดั้งเดิม ผสานการนำเสนอและถ่ายทอดแบบร่วมสมัยบนแลนด์มาร์กสำคัญของไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา นำโดย "โบว์-เมลดา สุศรี"แปลงโฉมเป็น นางสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๘ ทรงนามว่า "ทุงสะเทวี"สวมผ้านุ่งไหมยกทอง ผ้ายกเมืองนคร หายากทรงคุณค่านุ่งจีบหน้านางชายสะบัดแบบโบราณ ห่มผ้าสไบสีทองปักประดับดิ้นทอง เลื่อม ลูกปัดคริสตัลสีแดง ออกแบบโดยคุณบิ๊ก-พีรมณฑ์ ชมธวัชนักออกแบบเครื่องแต่งกายชั้นนำของไทยและสวมเครื่องประดับที่รังสรรค์จากทองคำแท้ ทับทิมและเพชรโบราณ ซึ่งเป็นของนักสะสมเครื่องประดับโบราณ คุณโจ๊ก พุทธพงษ์ เพียรเจริญในขบวนแห่ยังมีตัวแทนคนรุ่นใหม่ "วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร" ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ไทย งามสง่าด้วยชุดสูทผ้าไหมทอแขนยาวโจงกระเบนสีแดง ในลุคทันสมัยสากล

💦 การจัดงานมหาสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในครั้งนี้ ไอคอนสยาม ผนึกความร่วมมือ กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร กรมประชาสัมพันธ์ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง พร้อมพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท ธีซิซ อินเตอร์เนชั่นเเนล จำกัด แบรนด์ Beverly Hills Polo Club, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), JisuLife, บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด มหาชน แบรนด์ เคที่ดอลล์, บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด, บริษัท นิสชิน ฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกันจัดงาน “ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025” ในระหว่างวันที่ 10 - 16 เมษายน 2568 ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม เพื่อส่งเสริมและสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรมประเพณีของไทยอย่างยั่งยืน พร้อมเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้ชื่นชม

การจัดงานสงกรานต์ ณ ไอคอนสยาม ตอกย้ำการเป็นจุดหมายปลายทางที่ส่งมอบประสบการณ์ระดับโลกที่ดีที่สุด (Global Experiential Destination) ชูเสน่ห์วัฒนธรรมไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมส่งมอบประสบการณ์ 5 MUST EXPERIENCES เสน่ห์แห่งสงกรานต์ไทย เพื่อสร้างแม็กเน็ตการท่องเที่ยวส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคตามนโยบายภาครัฐ เน้นสาดสนุกให้สุดอย่างปลอดภัยด้วยวอเตอร์ทาวเวอร์สูงกว่า 9 เมตร โซนเล่นน้ำสำหรับเด็กเล็ก ประเพณีก่อกองทราย ขบวนแห่สงกรานต์ ประเพณีสรงน้ำพระ และการแสดงวัฒนธรรมไทยอีกมากมายตลอด 7 วัน

‘เทพไท’ มองท่าที ‘ไชยชนก’ อาจนำไปสู่ การเอาคืน!! หลังฉีกหน้ารัฐบาล กลางสภาฯ ทำ ‘เพื่อไทย’ เสียรังวัด!! อาจมีการปรับครม. ตัดพรรคร่วม ยุบสภาฯ หลังสงกรานต์

(12 เม.ย. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง ‘ทักษิณเอาคืนเนวิน’ ระบุ …

การที่นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศจุดยืนไม่เอากาสิโนกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นการฉีกหน้านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แบบชัดๆ เต็มๆ ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียรังวัด และโกรธเคืองเป็นอย่างมาก

เห็นจากท่าทีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาถามว่า ระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคจะเชื่อใคร และการที่นายไชยชนกบอกว่า เป็นลูกนายเนวิน นางกรุณาต้องการสื่ออะไร นายอดิศร เพียงเกษ สส.อาวุโส ได้เขียนกลอนไล่ส่งพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าต้องรักษามารยาททางการเมืองบ้าง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจแทนนายใหญ่ ที่เก็บตัวเงียบไม่แสดงท่าทีใดๆ

แม้ว่านายอนุทินได้ออกมาขอโทษต่อนางสาวแพทองธารแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจ เป็นรอยร้าวระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย ยากที่จะประสาน เหมือนกับคำโบราณที่กล่าวว่าอันถ้วยโถโอร้าวเอากาวติด ถึงสนิทก็ยังเห็นว่าเป็นแผล เชื่อว่าหลังจากเทศกาลสงกรานต์นี้ผ่านพ้นไปแล้ว จะมีการเอาคืนจากนายทักษิณอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะมีปรากฏการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น คือ

1.นายทักษิณต้องความเข้าใจกับหัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์นิยมให้ชัดเจนว่า จะทำงานทางการเมืองร่วมกัน และประสานประโยชน์กันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากัน

2.จะมีการปรับครม. หรือ ปรับพรรคร่วมรัฐบาลออก ยึดกระทรวงหลักกลับมาเป็นโควต้าของพรรคเพื่อไทย เพื่อกระชับอำนาจ เตรียมการรับมือกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

3.ถ้าหากสถานการณ์ทางการเมืองเดินมาถึงทางตัน จำเป็นต้องยุบสภา คืนอำนาจกับประชาชน เป็นการล้มกระดาน หรือล้างไพ่ใหม่

ขอให้จับตาดูปรากฏการณ์ทางการเมืองหลังสงกรานต์นี้ให้ดีว่า จะเดินไปสู่ 3 ขั้นตอนนี้หรือไม่ และนายทักษิณจะเอาคืนพรรคภูมิใจไทยอย่างไร

รัฐ 'ทุ่มงบ 220 ล้าน' ส่งเสริมภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี แอนิเมชันไทย ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ - ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย 

เมื่อวันที่ (10 เม.ย.68) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า THACCA ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ สนับสนุนงบฯ 220 ล้านบาท ส่งเสริมการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี แอนิเมชันไทย ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและส่งเสริมการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ไทย เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้ผลิตสื่อสร้างสรรค์ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเปิดรับการยื่นเอกสารโครงการเพื่อขอรับเงินอุดหนุน ระหว่างวันที่ 6 ม.ค. - 7 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา 

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวต่อว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการพิจารณาจัดสรรงบฯ ดังกล่าว จำนวน 3 ชุด ดังนี้  1.คณะกรรมการจัดทำหลักเกณฑ์การขอรับเงินอุดหนุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 2.คณะกรรมการกลั่นกรองและคัดเลือกโครงการที่ขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนประระจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และ 3.คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 

รมว.วัฒนธรรม  กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีโครงการได้ผ่านกระบวนการที่คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบฯ เรียบร้อยแล้ว 88 โครงการ ครอบคลุมโครงการ 3 หมวดใหญ่ ได้แก่ 1.การสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี แอนิเมชันไทย จำนวน 200 ล้านบาท 2.การสนับสนุน Development Funding ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ (สร้างIP) จำนวน 10 ล้านบาท และ 3.สนับสนุนทุนหนังสันเจาะตลาดโลก จำนวน 10 ล้านบาท โดยได้มีการสนับสนุนงบประมาณในการผลิตให้กับผู้ประกอบการที่สร้างสรรคผลงานที่มีคุณภาพและมีเนื้อหาที่หลากหลาย รายละเอียดการพิจารณาผลฯ ตามประกาศกรมส่งเสริมวัฒนธรรม https://www.culture.go.th/culture_th/download/Newfile/image3530.pdf

“กระทรวงวัฒนธรรมเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนครั้งนี้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เสริมศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์ไทย และยกระดับประเทศให้เป็นศูนย์กลางการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิชันในภูมิภาค พร้อมทั้งส่งเสริมอัตลักษณ์ไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับโลก” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว

ชายชาวเพนซิลเวเนีย ถูกตั้งข้อหาขู่ฆ่า ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ หลังโพสต์!! เราแค่ต้องเริ่มฆ่าคน ปฏิวัติอเมริกา 2.0

(12 เม.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ที่ #สหรัฐฯ ชายชาวเพนซิลเวเนียถูกตั้งข้อหาขู่ฆ่าทรัมป์

Shawn Monper หรือที่เรียกกันว่า Mr. Satan ถูกตั้งข้อกล่าวหาจากรัฐบาลกลางฐานขู่จะลอบสังหาร Trump, Elon และหน่วยปฏิบัติการทั้งหมดของ Trump

เขาโพสต์ว่า “ไม่ล่ะ เราแค่ต้องเริ่มฆ่าคน…” และสัญญาว่าจะมีสิ่งที่เรียกว่าการปฏิวัติอเมริกา 2.0

FBI เรียกว่าการกระทำนี้ว่าการก่ออาชญากรรมต่อรัฐบาลกลาง

ขณะนี้เขาต้องเผชิญกับโทษจำคุกอย่างหนักจากสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นโพสต์ที่ ‘ไร้สาระ’

คำเตือน: การขู่ฆ่าทางออนไลน์ไม่ถือเป็นเสรีภาพในการพูด แต่เป็นความโง่เขลาเท่านั้น

กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมส่งเสริมเยาวชนจิตอาสาปล่อยพลัง (เสียง)สร้างสรรค์ ช่อง7HD สานต่อโครงการชุมทางดาวทอง GLO Miracle Music ซีซัน2

(10 เม.ย.68) นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดโครงการ ชุมทางดาวทอง “GLO Miracle Music ซีซัน 2” ของเวทีประกวดร้องเพลงลูกทุ่งมาตราฐานระดับประเทศรายการ “ชุมทางดาวทอง” ทางช่อง 7HD โดยมีนางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม, นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม, ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ และประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ , นายพัฒนพงศ์ หนูพันธ์ กรรมการผู้จัดการช่อง 7HD , นายบริพันธ์ ชัยภูมิ ประธานโครงการ มิราเคิล มิวสิค และผู้บริหารบริษัท เซเว่นสตาร์สตูดิโอ จำกัด ให้การต้อนรับ ณ สตูดิโอ ช่อง 7HD

โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ , สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (GLO) , สถานีโทรทัศน์ช่อง 7HD และบริษัท เซเว่นสตาร์สตูดิโอ จำกัด สร้างปรากฏการร่วมกันบนเวทีประกวดร้องเพลงลูกทุ่งมาตราฐานระดับประเทศรายการ “ชุมทางดาวทอง” ทางช่อง 7HD จัดทำโครงการ ชุมทางดาวทอง “GLO Miracle Music ซีซัน 2”  เพื่อส่งเสริมเยาวชนให้แสดงศักยภาพ ร่วมสร้าง Soft Power ผ่านการขับร้องบทเพลงลูกทุ่ง  มุ่งเน้นให้เยาวชนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อเพิ่มทักษะด้านการร้องเพลง สานต่ออาชีพศิลปินในฝัน 

สำหรับบรรยากาศของการแถลงข่าว เปิดเวทีด้วยความคึกคักจากคณะกลองยาว “โอบะ เสียงเหน่อ” ก่อนพบโชว์ไฮไลท์จาก “อาบูม ธนกร” แชมป์มิราเคิล มิวสิค ซีซัน1 ที่ก้าวสู่เวที “ชุมทางดาวทอง” ในฐานะศิลปินน้องใหม่ป้ายแดงจับไมค์ร้องโชว์ซิงเกิ้ลแรก “สโนไวท์” พร้อมเผยโฉมหน้าน้องๆ ผู้เข้าประกวด 77 คน จากตัวแทน 77 จังหวัด ผู้ผ่านการคัดเลือกจากสภาวัฒนธรรมจังหวัดสู่เวทีประกวดอันทรงเกียรติ 

‘พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์’ โพสต์เฟซ!! ‘นายพอล’ กับ ‘อนาคตที่แสนเศร้า’ ชี้!! แผ่นดินไทย ให้ความสุข ที่ไม่สามารถ ไปหาที่ไหนในโลกได้อีกแล้ว

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย. 68) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า...

จากกรณีที่มีการจับกุม นาย พอล แชมเบอร์นักวิชาการของคณะสังคมศาสตร์ ม. นเรศวร ในข้อหา ตาม ม.112 นั้น ได้มีการวิพากษ์ วิจารณ์คัดค้านอย่างกว้างขวาง จากบุคคล หรือ กลุ่มบุคคลที่รับเงิน จากกองทุนต่างชาติซึ่งมีมากพอควรทั้งในกลุ่มนักวิชาการ สื่อมวลชน และ กลุ่ม NGO ที่ออกมาต่อต้านกันในลักษณะขานรับพร้อมเพรียงกันเลยทีเดียว โดยลืมไปกระมังว่าตัวเองก็สัญชาติไทย 

ผมคงบอกไม่ได้ว่า นาย พอลถูกหรือผิดเพราะเรื่องอยู่ในอำนาจของศาลแล้ว แต่ขอนำข้อเท็จจริงมาอ้างอิงไว้สัก 3 กรณีครับ 

นาย พอล มักจะอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทหาร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครรู้จริงๆ หรอกครับ ไม่เช่นนั้นจะเกิดรัฐประหารมาตั้ง 20 กว่าครั้งได้อย่างไร อย่างดีก็ไปฟัง คุณวาสนา นาน่วม เธอพูดแล้วนำมาจินตนาการต่อ โดยไม่รู้ว่า คุณวาสนา เธอเซียนข่าวขนาดไหน รู้มา 100% เธอ พูดออกมาแค่ 20-30%ให้เป็นเรื่องราวได้ ซึ่งสิ่งที่นายพอล ทำนอกจากไม่รู้จริงแล้ว ยังพูดจนติดปากว่า “เรื่องที่เกี่ยวกับทหารนั้น ต้องเกี่ยวกับวังบ้าง หรือวังสนับสนุนบ้าง” ทั้งๆ ที่ตามข้อเท็จจริงแล้ว ทุกเรื่องมันต้องเกิด“เหตุ”อะไรนำขึ้นมาก่อน ทหารจึงกล้าออกมาทำรัฐประหาร หรือแม้กระทั่งการที่ทหารต้องออกมาแจ้งความจับ นายพอล ก็จะต้องมีสาเหตุอยู่เช่นเดียวกัน 

แต่ นาย พอล มีอคติไม่ยอมพูด หรือเขียน หรือนึกถึงเรื่องที่เป็นต้นเหตุ หรือเรื่องที่ตัวเองทำไว้เลย 

นาย พอลเป็นนักวิชาการในสังกัด คณะสังคมศาสตร์ ม. นเรศวร โดยมีภรรยาเป็นคณบดี ดังนั้น นายพอลจึงมี 2 สถานะ คือ (1) เวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัย นายพอล เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของภรรยา และ (2) เป็นบุคคลคนเดียวกันตามกฎหมาย กับท่านคณบดีเมื่อกลับมาที่บ้าน 

ดังนั้น ความคิดอ่านของทั้ง 2 คนจึงน่าจะมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน ตัวคณบดี เป็นคนหัวสมัยใหม่ เคยลงชื่อคัดค้านการจับกุม นศ. และกล้าขนาดอนุญาตให้ นายเพนควิน มาพูดบรรยายเปิดงานในภาควิชาการของคณะ โดยระบุให้ เพนควิน อยู่ ในฐานะนักวิชาการ จนโดนชาวบ้าน และ นักศึกษา ในคณะตัวเองออกมาประท้วง ฯลฯ 

นอกจากนั้น คณะสังคมฯ ที่นายพอลสังกัดอยู่ ยังรับทุนของ ยูเสด เอเซียฟาวเดอชั่น ฯลฯ มาทำงาน ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่า แหล่งเงินทุนดังกล่าวหวังผลประโยชน์อะไร จากประเทศไทย ขอเขียนเพียงแค่นี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากครับ แต่คดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว ผมคงไม่สามารถก้าวก่ายได้ ก็อยากฝากบอกมายัง นายพอล ว่า แผ่นดินไทยที่คุณอยู่มามากกว่า 20 ปีนั้นให้ทั้งความสุข เกียรติยศ เงินทอง ฯ ซึ่งคุณไม่สามารถจะไปหาที่ไหนได้ในโลกนี้อีกแล้ว การที่ต้องเสียสิ่งเหล่านี้ไป ก็เพราะการกระทำของคุณเอง 

ลืมบอกนายพอลไปอีกว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในสหรัฐมานานแล้ว เวลาต้องกลับไปอยู่อีกที อย่าลืมตัวไปว่ายังอยู่ที่เมืองไทย อย่าเผลอไปด่า หรือบ่อนทำลาย ประธานาธิบดีสหรัฐฯเข้าล่ะ เจอโทษแรงและเร็วกว่า แน่ๆ ครับ ทั้งปรับและจำคุก และจะถูกสอดส่อง ติดตามตรวจสอบ ทุกอย่างที่ทำในชีวิตประจำวันอย่างละเอียดละออ จากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ คนที่ด่าประธานาธิบดี นี่น่ะ โดนกฎหมายยิ่งกว่า ม.112 อีก ครับ 

ส่วนใครที่กลัวว่าเรื่องนี้ จะไปซ้ำเติมเรื่องการขึ้นภาษีของสหรัฐฯนั้น ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เพราะมันเป็นละครฉากหนึ่งที่เค้าแสดงกับจีนเท่านั้น ประเทศไทยเรามีดีหลายสิบอย่าง ที่สหรัฐฯ ต้องนึกถึงอยู่เสมอ ขนาดทำรัฐประหารกี่ครั้ง ๆ สหรัฐก็แกล้งทำเป็นดุเท่านั้น ไม่กล้าทิ้งประเทศไทยไปจริงๆ หรอกครับ ไทยเราน่ารักจะตาย 

ระเบียบโลกใหม่!! อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ‘จีน’ อาจเป็นผู้นำในโลกยุคใหม่ หาก ‘อเมริกา’ ยังเล่นบท ‘นักเลงภาษี’ อาจต้องตกเป็นรอง ในเวทีโลก

(12 เม.ย. 68) ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่สนใจแล้วว่าโลกหมุนทางไหน เพราะตอนนี้เขาหยิบค้อนภาษีมาทุบใส่เกือบทุกประเทศแบบไม่แยกแยะ จีนโดนหนักสุดถึง 145% ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ก็โดนหางเลขกันถ้วนหน้า การเผชิญหน้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกจึงทวีความดุเดือดแบบไม่มีเบรก

ผลคืออะไร? ระเบียบโลกที่เราเคยรู้จักมาตลอด 80 ปีเริ่มสั่นคลอนอย่างชัดเจน นักวิเคราะห์บางคนถึงกับฟันธงว่ามัน "ตายไปแล้ว" และสิ่งใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นนั้น... มีจีนเป็นศูนย์กลาง

Cameron Johnson ผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชนจากเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า “ถ้าคุณยังไม่กระโดดขึ้นรถไฟสายเอเชีย ก็เตรียมตัวถูกทิ้งไว้กลางทางได้เลย”

จีนในวันนี้ไม่ใช่แค่ ‘โรงงานโลก’ แต่กำลังกลายเป็นคู่ค้าที่ประเทศต่าง ๆ หันไปหาด้วยความจำเป็น (หรือสิ้นหวัง) โดยเฉพาะในวันที่อเมริกากลายเป็น ‘พ่อค้าเร่’ ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

แผนยุทธศาสตร์สายพานและเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของจีนก็เหมือนกล่องเครื่องมือที่จีนหยิบขึ้นมาใช้ได้ทันที ทั้งถนน รถไฟ ท่าเรือ และเงินทุนที่หลายประเทศใฝ่ฝัน ขณะที่อเมริกายืนกอดอกบอกให้ใครต่อใคร "มาลงทุนในบ้านเราแทน"

ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ กลับกลายเป็นโอกาสทองให้จีนได้ขยับบทบาท ยิ่งเมื่อประเทศในเอเชียเริ่มจับมือกันแน่นขึ้น ทั้งจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เพิ่งจัดประชุมร่วมกันครั้งแรกในรอบ 5 ปี

ฝั่งยุโรปเองแม้จะยังไม่ถึงขั้น ‘หวานชื่น’ กับจีน แต่ก็เริ่มขยับเข้าใกล้มากขึ้น เมื่อประธานคณะกรรมาธิการยุโรปและนายกรัฐมนตรีจีนจับสายตรงคุยกัน หารือความร่วมมือ และพยายามประคองความสัมพันธ์ให้ ‘มั่นคงต่อเนื่อง‘

ส่วนแคนาดา? เลือกแนวทาง ‘เสี่ยงต่ำ’ รอดูท่าทีอยู่ห่าง ๆ แบบไม่กล้าเดินเข้าหา แต่ก็ไม่อาจเมินจีนได้เสียทีเดียว นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยยอร์คบอกว่า “จะมองข้ามจีนในโลกยุคนี้ ถือว่า...พลาด”

สรุป: โลกยุคใหม่อาจไม่มีผู้นำคนเดียวอีกต่อไป แต่เป็นโลกที่หลายขั้วอำนาจลุกขึ้นมาเขียนกติกาใหม่ และถ้าอเมริกายังเล่นบทนักเลงภาษีต่อไป อาจจะต้องทำใจกับบทบาทพระรองในฉากสุดท้ายของเวทีโลกใบนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top