Monday, 9 June 2025
Hard News Team

NEX ระดมทุนกว่า 3 พันล้านบาท!! เร่งการเปลี่ยนผ่าน พัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทย อย่างครบครัน

(31 พ.ค. 68) บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรชั้นนำของไทย ประกาศความสำเร็จของการระดมทุนเพิ่ม 3,327 ล้านบาท เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่การขนส่งไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของประเทศ

การเพิ่มทุนครั้งนี้ทำให้ NEX มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5,989 ล้านบาท และทำให้บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจาก 49.99% เป็น 77.77% ความร่วมมือนี้จะช่วยพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยอย่างครบครัน

"นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและความสามารถในการแข่งขันของเรา" นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานกรรมการของ NEX และประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินของ EA กล่าว "ความร่วมมือที่ใกล้ชิดขึ้นนี้ทำให้ EA มีระบบนิเวศ EV ที่สมบูรณ์ ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งเงินทุนเข้าไปที่ NEX เพื่อใช้สำหรับการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด"

กลยุทธ์การใช้เงินทุน

เงินทุนที่ได้รับจะถูกจัดสรรอย่างมีกลยุทธ์เพื่อ:
- ชำระหนี้เจ้าหนี้การค้าที่ค้างอยู่
- เสริมแกร่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว
- สนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องในโครงการโลจิสติกส์สีเขียว
- พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับโซลูชันการขนส่งที่ยั่งยืน

ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำในตลาด
NEX ได้ยึดตำแหน่งเป็นผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าแบบ one-stop service ชั้นนำของไทย โดยนำเสนอ:
- ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์: รถโดยสาร รถบรรทุก และรถหัวลาก
- โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ: เครือข่ายสถานีอย่างครอบคลุม
- บริการหลังการขาย: ความสามารถด้านการบำรุงรักษาและบริการ

ทั้งนี้บริษัทจะให้บริการหลักแก่ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ หน่วยงานราชการ องค์กรขนส่งมวลชน และธุรกิจเชิงพาณิชย์ที่ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยลูกค้าได้รับประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการหักค่าใช้จ่ายได้สูงสุดถึง 2 เท่าของอัตราปกติ

วิสัยทัศน์สำหรับอนาคต EV ของไทย
"เราขอขอบคุณผู้ถือหุ้นที่ให้ความเชื่อมั่นในภารกิจของเราอย่างต่อเนื่อง" นายธนพัชร์ สุขสุธรรมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของ NEX กล่าว "การระดมทุนครั้งนี้ช่วยให้เราสามารถขับเคลื่อนภาคการขนส่งเชิงพาณิชย์ของไทยสู่การใช้ไฟฟ้า ขณะเดียวกันพัฒนาเทคโนโลยีและบริการที่พร้อมสำหรับอนาคต"

รากฐานทางการเงินที่ขยายตัวของ NEX สนับสนุนความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ให้บริการ Total Green Logistics Solution ที่สมบูรณ์แบบ สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนที่กว้างขึ้นของไทยและการเปลี่ยนแปลงสู่การขนส่งสะอาดทั่วโลก

‘สหพันธ์มวยโลก’ ลั่น!! ไม่อนุญาตให้ ‘อิมาน เคลิฟ’ ชกกับนักมวยหญิง เว้นแต่จะยินยอม!! เข้ารับการตรวจเพศ เพื่อแสดงว่ามี ‘โครโมโซม XX’

(31 พ.ค. 68)  เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

สหพันธ์มวยโลกประกาศว่า อิมาน เคลิฟ นักมวยชาวแอลจีเรีย จะไม่ได้รับอนุญาตให้แข่งขันกับนักมวยหญิงในรายการ Eindhoven Box Cup ที่จะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้ เว้นแต่เคลิฟจะยินยอมเข้ารับการตรวจเพศ

ต่อไปนี้คณะกรรมการมวยสากลของแอลจีเรียจะต้องแสดงให้เห็นว่าเคลิฟมีโครโมโซม XX เพื่อที่จะแข่งขันกับผู้หญิงได้ในรายการมวยสากลโลกทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ สร้างเรื่อง!! เพื่อปกป้องภาพลักษณ์ ชายแดนไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือ ‘จุดเริ่มต้น’

ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ข่าวใหญ่ที่คนทั้งสองฝั่งชายแดนต้องจับตา คือเหตุการณ์ 'ปะทะชายแดนช่องบก' ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เสียงปืนดังไม่ถึงสิบนาที แต่ 'เสียงการเมือง' ดังไกลเกินค่าย และหนึ่งในเสียงที่ดังกว่าคนอื่น ก็คือ 'สมเด็จฮุน เซน' ถึงแม้จะไม่ใช่นายกรัฐมนตรีแล้ว แต่เขาก็ยังโผล่หน้ากล้อง พูดชัดๆ ว่า “ตรงนี้เป็นดินแดนของเรา! ฉันเคยนั่งอยู่ตรงนี้ในปี 2009 แล้วจะไม่ใช่ของเรายังไง?”

ใครฟังก็รู้สึกว่า ฮุน เซนดูโกรธ ดูจริงจัง เหมือนกำลังจะทวงแผ่นดินคืน แต่พอเรามองให้ลึกลงไป…
สิ่งที่เขาทำ อาจไม่ใช่แค่ 'การปกป้องชายแดน' แต่มันคือ 'การปกป้องภาพลักษณ์ของตัวเองและครอบครัว' จากบางอย่างที่ใหญ่กว่านั้น...

ในประเทศกัมพูชา มีเรื่องหนึ่งที่พูดกันมานานแล้วแต่ยังไม่เคยเคลียร์ คือความใกล้ชิดของฮุน เซนกับ 'เวียดนาม' ย้อนกลับไปปี 1979 ฮุน เซนคือคนที่เวียดนาม 'เลือก' มาตั้งรัฐบาลหลังโค่นเขมรแดง นับแต่นั้นมา เขาก็มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับฮานอย
บางคนบอกว่า 'เวียดนามช่วยเรา' แต่บางคนกลับมองว่า 'เวียดนามครอบงำเรา'
และนั่นแหละ คือจุดอ่อนที่ฮุน เซนหนีไม่พ้น 

เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คนรุ่นใหม่ในกัมพูชาก็เริ่มตั้งคำถาม
ทำไมเรายังยอมเวียดนามอยู่?
ทำไมรัฐบาลถึงลงนามแนวเขตที่อาจเสียเปรียบ?
ทำไมนักลงทุนเวียดนามได้สิทธิพิเศษเยอะกว่า?
คำถามพวกนี้แรงขึ้นทุกวัน
โดยเฉพาะในโซเชียลของกลุ่มเยาวชน นักศึกษา และ NGO

แล้วฮุน เซนตอบยังไง?
แทนที่จะตอบตรงๆ…
เขาหันหน้าไปยัง 'ชายแดน' แล้วพูดว่า
> “ไทยกำลังจะมายึดแผ่นดินเรา!”
จบเลยครับ
คนหันไปสนใจเรื่องภายนอก แทนที่จะตั้งคำถามกับเวียดนาม
เหมือนเวลามีคนถามเรื่องที่เราไม่อยากตอบ เราก็ชี้ไปทางอื่นแล้วพูดว่า
> “ดูนั่นสิ ไฟไหม้!”

พูดง่ายๆ คือ...
ฮุน เซนไม่ได้กลัวไทยรุกล้ำดินแดน
แต่เขากลัว 'คนในประเทศ' จะรุกล้ำความชอบธรรมของตระกูลตัวเอง

จบตอน
เหตุการณ์ที่ชายแดน คือหมากเบี่ยงประเด็น
คำพูดแข็งกร้าว คือกำแพงป้องกันศัตรูที่มองไม่เห็น
และในขณะที่โลกกำลังมองว่าไทย-กัมพูชาจะปะทะกันไหม?
ฮุน เซนกำลังชนะอยู่เงียบๆ บนกระดานภายในบ้านของเขาเอง

ดร.เฉลิมชัย เปิดงานวันป่าชุมชนแห่งชาติ 2568 ขับเคลื่อนการจัดการป่าชุมชนอย่างยั่งยืนสู่สังคมคาร์บอนต่ำตามเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานพิธีเปิดงาน 'วันป่าชุมชนแห่งชาติ' ประจำปี พ.ศ. 2568 พร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายป่าชุมชนทั่วประเทศ เข้าร่วมงาน โดยมี นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ณ โรงแรมปัตตาเวีย รีสอร์ท แอนด์ สปา (30 พ.ค.)

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ 24 พฤษภาคม ของทุกปีเป็น 'วันป่าชุมชนแห่งชาติ' ซึ่งเป็นกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนได้ร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืนในรูปแบบของป่าชุมชน ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเล็งเห็นถึงความสำคัญของ 'ป่าชุมชน' ที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้พี่น้องประชาชนได้มีความเป็นอยู่ที่ดี สามารถพึ่งพาตนเองและอยู่ร่วมกับป่าได้โดยการมีส่วนร่วมจากประชาชนและทุกภาคส่วนที่สนับสนุนให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือของภาคประชาชนในการบริหารจัดการป่าชุมชนร่วมกับภาครัฐ สร้างการเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ก่อให้เกิดความเข้มแข็งในระดับพื้นที่ รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์ทรัพยากรในป่าชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน 

การดำเนินงานของเครือข่ายป่าชุมชนถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ปกป้อง บำรุงรักษา ดูแลป่าชุมชนให้เกิดความสมดุลและยั่งยืนจนประสบผลสำเร็จ ทำให้ป่าชุมชนเป็นแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร แหล่งสมุนไพร รวมไปถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตลอดจนจะเป็นประโยชน์ในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่ประเทศไทยได้แสดงเจตจำนงเป้าหมายในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ. 2065) และยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้เกิดประโยชน์เป็นมรดกส่งต่อให้แก่ลูกหลานในอนาคตต่อไป 

นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า สำหรับการจัดงานวันป่าชุมชนแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2568 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ กำหนดจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 โดยจะจัดกิจกรรมสำคัญประกอบด้วยการจัดกิจกรรมการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้กับเครือข่ายป่าชุมชน หน่วยงาน องค์กร ตลอดจนประชาชน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าชุมชน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การปลูกต้นไม้ การบำรุงรักษาป่าชุมชน การทำฝายชะลอน้ำ การลาดตระเวน การทำแนวกันไฟ เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานในการดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ 

ทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ โดยกิจกรรมหลักจัดขึ้น ณ โรงแรมปัตตาเวีย รีสอร์ท แอนด์ สปา จะมีกิจกรรมการบรรยายหัวข้อแผนการจัดการป่าชุมชน, ภาคีสนับสนุนงานป่าชุมชน, โอกาสการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถด้านป่าชุมชน ฯลฯ พร้อมทั้งเปิดเวทีอภิปราย “ความร่วมมือเสริมหนุนงานป่าชุมชนมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ : สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายป่าชุมชน ฯลฯ 

และนอกจากนี้จะมีการจัดแสดงนิทรรศการเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในด้านการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ เพื่อให้คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างสมดุลให้ป่าเป็นเสมือนฐานทรัพยากรด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากป่าตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นิทรรศการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ ฟื้นฟูและใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าไม้อย่างเหมาะสม นิทรรศการป่าชุมชนต้นแบบจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการใช้ประโยชน์จากผลผลิตหรือบริการจากป่าชุมชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่มีความเชื่อมโยงกับป่าชุมชนที่ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการพัฒนาป่าชุมชน เพื่อสร้างรายได้ และสร้างแรงจูงใจในการเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการป่าชุมชน หรือขยายการจัดตั้งป่าชุมชนเพิ่มมากขึ้น

ในโอกาสนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับหน่วยงานสนับสนุนการจัดกิจกรรมวันป่าชุมชนแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2568 และมอบโล่ให้กับเครือข่ายป่าชุมชนพร้อมทั้งพบปะพูดคุยกับกลุ่มเครือข่ายป่าชุมชนที่เข้าร่วมงาน

จเรตำรวจแห่งชาติยืนยันข่าวนอตหลุดทำเฮลิคอปเตอร์ตกยังไม่สรุป รอผลตรวจสอบผู้เชี่ยวชา

จากการที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่าง ๆ ในกรณีที่เฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจตกในขณะบินออกปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ในเขตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีสาเหตุมาจากนอต 2 ตัวหลุดทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัวจนตกนั้น  
        
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้น จึงขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทางกายภาพของกองบินตำรวจ พบว่า นอตในส่วนที่ยึดติดกับชุดใบพัดใหญ่ด้านบนของเฮลิคอปเตอร์หลุดไป แต่การตรวจพบดังกล่าวยังไม่สามารถนำมาเป็นข้อสรุปของสาเหตุการตกของเครื่องเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจได้ ต้องรอผลสรุปจากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญและพยานหลักฐานอื่นมาประกอบ จึงจะสามารถสรุปได้ว่าสาเหตุของการตกที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งผลเป็นประการใดจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการซ่อมบำรุงอากาศยานของกองบินตำรวจ ให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย กฏ ระเบียบ คำสั่ง ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มีข้อสังเกตหรือความบกพร่องในกรณีใด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส่และเป็นธรรมต่อไป

ศ.หญิงรายได้สูง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ถูกไล่ออกจากฮาร์วาร์ด ฐานบิดเบือนข้อมูลวิจัย

(30 พ.ค. 68) ฟรานเชสกา จิโน (Francesca Gino) อดีตศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมศาสตร์แห่ง Harvard Business School ซึ่งเคยมีรายได้สูงถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 36 ล้านบาท) ระหว่างปี 2018-2019 ถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกเพิกถอนตำแหน่งถาวร หลังผลสอบชี้ชัดว่าเธอมีการบิดเบือนข้อมูลในงานวิจัยถึง 4 ชิ้น เพื่อให้ผลลัพธ์สนับสนุนสมมติฐานของตนเอง

การสืบสวนเริ่มขึ้นในปี 2021 หลังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับงานวิจัยชื่อดังของจิโน ว่าด้วยการลงนามคำมั่นสัญญาความซื่อสัตย์ ซึ่งภายหลังถูกเพิกถอนเพราะพบหลักฐานปลอมแปลงข้อมูล การตรวจสอบเชิงลึกโดยมหาวิทยาลัย และบริษัทนิติวิทยาศาสตร์จากภายนอก พบการปรับแต่งข้อมูลในอีก 3 งานวิจัยที่เธอร่วมเขียนระหว่างปี 2012-2020

แม้จิโนจะออกมาปฏิเสธผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวว่าไม่ได้กระทำการฉ้อโกงทางวิชาการ และอ้างว่าอาจเป็นความผิดของผู้ช่วยวิจัยหรือมีผู้เจตนาร้ายแทรกแซงข้อมูล แต่ผลสอบของมหาวิทยาลัยไม่ยอมรับคำชี้แจงดังกล่าว พร้อมเดินหน้าปลดเธอออกจากตำแหน่งโดยทันที และเสนอให้เพิกถอนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

จิโนถือเป็นศาสตราจารย์คนแรกของฮาร์วาร์ดที่ถูกเพิกถอนตำแหน่งในรอบกว่า 80 ปี เธอยังได้ยื่นฟ้องมหาวิทยาลัย อดีตคณบดี และบล็อกเกอร์กลุ่ม Data Colada เรียกค่าเสียหาย 25 ล้านดอลลาร์ แต่คำร้องถูกศาลกลางในบอสตันปฏิเสธ โดยระบุว่างานวิจัยของเธอเป็นเรื่องที่เปิดให้สาธารณะวิจารณ์ได้ภายใต้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ

กรณีนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงวิชาการสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงพฤติกรรมศาสตร์ ซึ่งจิโนเคยเป็นนักวิจัยแนวหน้า ได้รับการตีพิมพ์บทความมากกว่า 140 ชิ้น และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากสื่อมวลชนตลอดทศวรรษที่ผ่านมา

กกท. ยัน F1 ต้องการจัดสตรีทเซอร์กิตกลางกรุงเทพฯ ปักหมุดบริเวณ ‘จตุจักร’ รัฐบาลชงแผนเข้า ครม. 4 มิ.ย.นี้

(30 พ.ค. 68) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่าหลังจากเดินทางพร้อมนายกรัฐมนตรีไปศึกษาการจัดแข่ง F1 ที่โมนาโก ได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของ F1 และได้รับสัญญาณเชิงบวก โดยคาดว่าจะมีข่าวดีต่อวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ เนื่องจากเป็นความลับของผู้จัด F1

แนวทางจัดการแข่งขันเน้นไปที่ 'สตรีทเซอร์กิต' หรือการใช้ถนนจริงในเมืองเป็นสนามแข่ง ซึ่งตรงกับแผนธุรกิจของ F1 ที่มุ่งดึงดูดกลุ่มเป้าหมายระดับบน ไม่ต้องสร้างสนามถาวรใหม่ให้เปลืองงบ หากไทยได้จัดจริง จะกลายเป็นสนามสตรีทเซอร์กิตลำดับที่ 7 ของโลก ถัดจากเมืองระดับโลกอย่างโมนาโก, สิงคโปร์, ไมอามี, ลาสเวกัส, เจดดาห์ และบาคู

พื้นที่ที่มีการพิจารณาเบื้องต้น คือย่านจตุจักร ครอบคลุมสวนสาธารณะใหญ่ 3 แห่ง รวมระยะทางประมาณ 5-6 กิโลเมตร โดยยืนยันว่า F1 ปีแรกสามารถคืนทุนได้แน่นอน ทั้งทางตรงและทางอ้อม และจะเสนอแผนเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 4 มิถุนายนนี้

สำหรับสนามโมนาโกที่ใช้ศึกษา เป็นหนึ่งในสนามแข่งที่เก่าแก่และโด่งดังที่สุดในโลก จัดมาตั้งแต่ปี 1950 และถือเป็นต้นแบบของสนามแข่ง F1 แบบสตรีทเซอร์กิตที่ผสานความหรูหรา เมืองเก่า และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นโมเดลที่ไทยต้องการนำมาปรับใช้กับกรุงเทพฯ

WFP เผย 'ฝูงชนอดอยาก' ล้อมคลังอาหารในกาซา ดับแล้ว 2 ราย บาดเจ็บอีกเพียบในการแย่งเสบียง

(30 พ.ค. 68) สถานการณ์ความอดอยากในฉนวนกาซาทวีความรุนแรง ขณะที่โครงการอาหารโลก (WFP) เปิดเผยว่า กลุ่มชาวปาเลสไตน์จำนวนมากซึ่งหิวโหย ได้บุกเข้าโกดังเก็บเสบียงในเมืองเดียร์ เอล-บาลาห์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีกหลายคน เหตุเกิดท่ามกลางภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก 

ในขณะเดียวกัน การโจมตีจากอิสราเอลยังคงดำเนินต่อเนื่อง กระทรวงสาธารณสุขในกาซาระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70 รายทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะในค่ายผู้ลี้ภัยบูเรจในกาซากลาง มีผู้เสียชีวิต 23 ราย จากการโจมตีอาคารที่พักอาศัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินต้องใช้เวลานานกว่า 30 นาทีในการกู้ร่างผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการโจมตีบ้านเรือนและโรงเรียนอนุบาลในเขตจาบาเลีย ทางเหนือของกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 7 ราย ขณะที่จุดแจกจ่ายความช่วยเหลือที่ก่อตั้งโดยมูลนิธิ Gaza Humanitarian Foundation (GHF) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ก็เกิดระเบิดต่อเนื่อง โดยยังไม่มีความชัดเจนถึงสาเหตุ

องค์กรสิทธิมนุษยชนและสหประชาชาติแสดงความกังวลต่อบทบาทของ GHF โดยระบุว่าโครงการดังกล่าวขาดความเป็นกลางและละเมิดหลักการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทั้งยังอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางทหารหรือการควบคุมพลเรือนของอิสราเอล

แม้อิสราเอลจะยืนยันว่าอนุญาตให้นำส่งความช่วยเหลือทั้งผ่าน UN และ GHF แต่เจ้าหน้าที่ UN ระบุว่าจำนวนความช่วยเหลือที่เข้าสู่กาซายัง 'น้อยเกินไป' เมื่อเทียบกับความต้องการระดับวิกฤต พร้อมเตือนว่า การแจกจ่ายแบบ 'จับตา-จำกัด' นี้ อาจยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ขาดแคลนอาหารและบั่นทอนหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง

‘อนุชา’ แนะรัฐบาลหยุดใช้งบแบบหว่านแห โฟกัสอุตสาหกรรม New S-Curve ให้ชัดเจน

เมื่อวันที่ (29 พ.ค.68) นายอนุชา บูรพชัยศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า 

การอภิปรายของตนในครั้งนี้จะเน้นไปที่การสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น ในช่วงก่อนการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูงอย่างต่อเนื่อง และในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งมีการเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และเติบโตแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ เรื่อยมาจนถึงช่วงวิกฤติโควิดที่เศรษฐกิจตกต่ำอีกครั้งหนึ่ง และในปีนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงการเติบโตประมาณร้อยละ 2.1 จากการคาดการณ์ของสำนักเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง แต่สำหรับ World Bank มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของไทยจะเติบโตเพียงแค่ร้อยละ 1.6 เท่านั้น เนื่องจากข้อห่วงใยในเรื่องของหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน และความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า 

โดยทั่ว ๆ ไป พัฒนาการของเศรษฐกิจจะมีวัฏจักรคือทุก ๆ 12 ปี จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานนี้ น่าจะประมาณ 2575 เราจะพบกับวิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้ง ดังนั้นในวันนี้เราต้องพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อรองรับวิกฤติเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น และพร้อมที่จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง และโจทย์ที่สำคัญคือการผลักดันให้ประเทศไทยหลุดพ้นออกจากประเทศรายได้ปานกลางที่ประเทศไทยอยู่จุดนี้มาไม่น้อยกว่า 30 ปี 

วันนี้ประเทศไทยโดยรัฐบาลจะต้องดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งหมด เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ ผ่านการสร้าง New S-Curve ให้กับธุรกิจของประเทศไทย เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics), การเกษตรขั้นสูงและเทคโนโลยีชีวภาพ (Advanced Agriculture and Biotechnology), เศรษฐกิจดิจิทัล, AI และหุ่นยนต์ (Digital Economy, AI, and Robotics) รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) นี่คือสิ่งต่าง ๆ ที่รัฐบาลชุดนี้จะต้องสร้างระบบนิเวศเพื่อให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง 

สำหรับงบประมาณที่รัฐบาลได้เสนอมา โดยเฉพาะในส่วนของแผนงานบูรณาการการพัฒนาอุตสาหกรรมและการบริการแห่งอนาคตกลับมีการปรับลดงบประมาณลง จาก 8 พันล้านเหลือเพียงเกือบ 6 พันล้านเท่านั้นเอง รัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่ตอนนี้ชะลอการตัดสินใจ เพื่อรอจังหวะที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังจะทำอะไร 

รัฐบาลจะต้องหยุดสะเปะสะปะ หยุดทำทุกอย่าง แต่ต้องโฟกัสว่าอะไรคือสิ่งที่จะทำ อะไรคือ New S-Curve ที่รัฐบาลจะนำเสนอ เพื่อเป็นคำตอบที่ชัดเจนให้กับนักลงทุน และพร้อมจะขับเคลื่อนทุก ๆ องคาพยพทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายด้วย 

สำหรับการปรับปรุงกฎหมายรัฐบาลจะต้องเร่งนำกฎหมายที่สามารถกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ และสร้างข้อพิพาทในสังคมน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็น กฎหมาย SEC ที่ตนได้เสนอ หรือกฎหมายสนับสนุนการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติได้รวมกันเสนอ ซึ่งหากมีการผลักดันอย่างต่อเนื่องจะสามารถเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม และประเทศไทยจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ 

และหากประเทศไทยเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแต่วันนี้และต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เราจะสามารถรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

‘ทักษิณ’ เลิกกั๊กจ้องฮุบ 'มหาดไทย' ยังทำงานไม่เต็มที่ ควรให้ 'เพื่อไทย' เข้าไปทำบ้าง เชื่อ 'ภูมิใจไทย' ไม่ถอนตัวรัฐบาล

(30 พ.ค.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทาง 3 บก.เครือเนชั่น โดยนายทักษิณ สวมบทบาทเป็น บก.คนที่ 4 เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะความเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลที่มักต้องคุมกระทรวงสำคัญๆ ไว้ในมือ ทางพรรคเพื่อไทยควรมีคนของตัวเองไปเป็น รมว.มหาดไทย หรือไม่

นายทักษิณ ระบุว่า การนำนโยบายไปถึงประชาชน กระทรวงหลักคือกระทรวงมหาดไทย วันนี้มันไม่ค่อยถึง เพราะว่ากระทรวงมหาดไทยยังไม่ค่อยทำเต็มที่ เวลามันเหลือ 2 ปีแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่มหาดไทยต้องทำงานให้เต็มที่

เมื่อถามว่านายทักษิณ ผ่านการเมืองมาเยอะ และรู้จักพรรคเพื่อไทยดี วิเคราะห์ในฐานะ บก.คนที่4 รอบนี้ พรรคเพื่อไทยจะกล้ายึดหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังไม่ได้ถามหัวหน้าพรรค ถ้าให้วิเคราะห์ก็เป็นเรื่องที่คงต้องพูดกันว่าให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปทำบ้าง จะได้ทำนโยบายถึงเพื่อประชาชนได้สักที เพราะเวลาเหลือน้อยแล้ว อีก 2 ปีจะเลือกตั้งแล้ว

เมื่อถามว่า แล้วพรรคร่วมรัฐบาลที่มี 69 เสียง เขาจะยอมหรือไม่ ในเมื่อกระทรวงนั้นคือหัวใจหลักคุมอำนาจบริหารและเอาชนะทางการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า คือมันเป็นเรื่องการทำงานเพื่อประชาชน ถ้าอยากทำงานให้ได้ผล พรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจเพื่อให้นโยบายถึงประชาชนจริงๆ ก็ต้องให้กระทรวงมหาดไทยอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย นี่คือหลักการ

เมื่อถามว่านอกจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังต้องมีกระทรวงไหนอีกที่สามารถทำให้รัฐบาลทำงานกระฉับกระเฉง และสามารถชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป นายทักษิณ กล่าวว่า ก็กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , กระทรวงพาณิชย์ , กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม ก็เป็นหัวใจ คมนาคมก็เรื่องของรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย พูดไปแล้วต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องมีเหตุผลบอกกับประชาชน มันเสียนิสัย เพราะมันเคยเป็นพรรคใหญ่มาก่อน

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเอากระทรวงมหาดไทยมาได้ คิดในฐานะนักวิเคราะห์ซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมือง พรรคภูมิใจไทยเขาจะกล้าถอนตัวจากรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “คิดว่าน่าจะคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ถอนมั้ง เราไม่อยากให้เขาถอนอ่ะ ก็อยู่ด้วยกันมา”

เมื่อถามว่า แต่ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ นายทักษิณ กล่าวว่า อันนั้นก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมการตัดสินใจของแต่ละพรรคได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top