Thursday, 24 April 2025
Hard News Team

‘นายกฯอิ๊งค์’ เตรียมลงพื้นที่ ‘เชียงใหม่’ ตรวจความปลอดภัย ดูแลนักท่องเที่ยว ชู!! สงกรานต์ ‘ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง’ ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย วัฒนธรรมอันดีงาม

(12 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้อาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการที่  จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจการดูแลการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของภาคเหนือ อาทิ การอำนวยความสะดวกของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และฝ่ายปกครอง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพ หน่วยแพทย์ต่างๆ ในทุกจังหวัดตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ในเรื่องการดูแลช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อวันอังคารที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา 

ส่วนการสนับสนุนและการสร้างความมั่นใจให้กับการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ และจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปเป็นประธาน เปิดงานเทศกาลสงกรานต์ระดับนานาชาติ และร่วมสืบสานประเพณี 'ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง' จังหวัดเชียงใหม่ โดยวันอาทิตย์ ที่ 13 เมษายน ช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. ที่ 'ช่วงประตูท่าแพ' (ฝั่งถนนชัยภูมิ) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดงาน  “Amazing Songkran Chiangmai x Boryeong Mud Festival 2025” ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับประเทศเกาหลีใต้ 

ภายในงานนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดงาน 'อุโมงค์น้ำ Maha Songkran Chiang Mai Amazing Water Splash' และปล่อยขบวน 'ตุ๊ก ตุ๊ก ไทยแลนด์ มหาม่วน มหามันส์' และร่วมกิจกรรมต่างๆ กับนักท่องเที่ยว จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำพิธีสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางต่อไปยัง ลานเมญ่าสแควร์ ศูนย์การค้าเมญ่า อำเภอเมืองเชียงใหม่  เพื่อร่วมกิจกรรม 'SF My Water World Songkran Festival 2025'

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในวันจันทร์ที่ 14 เมษายน 2568 นายกรัฐมนตรีจะร่วมงาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองสันกำแพง” ณ ชุมชนโหล่งฮิมคาว อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่  ภายในงาน จะรับชมการแสดงต้อนรับจากชาวชุมชนโหล่งฮิมคาว และร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปและรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุอำเภอสันกำแพง ตลอดจนเดินชม 'เทศกาลตามรอยหัตถกรรม ความทรงจำสันกำแพง' ในกิจกรรม '10 โหม้งโหล่งผะญ๋า' และสินค้าของดี OTOP ของอำเภอสันกำแพง

“การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาล ทั้งเรื่องการส่งเสริม วัฒนธรรมประเพณีของประเทศไทย รวมทั้งการสนับสนุนการท่องเที่ยว และนโยบาย 'ซอฟต์พาวเวอร์' ของไทยที่ได้แปรเปลี่ยนมาเป็น สินค้าอันสำคัญของไทย และเป็นการแสดงเจตนารมณ์สำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านกิจกรรมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน” นายจิรายุ กล่าว

‘ราคาทอง’ พุ่ง!! ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สะท้อนยุคเปลี่ยนผ่านของ ‘ระบบดอลลาร์สหรัฐฯ’ หลายประเทศ หันไปถือทอง มองเป็น ‘สกุลเงินที่แท้จริง’ ที่คงคุณค่ามานานกว่า 5,000 ปี

(12 เม.ย. 68) สำนักข่าว Sputnik International รายงานว่า ราคาทองคำที่พุ่งทะลุระดับ 3,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เพียงผลจากความผันผวนระยะสั้นของตลาด แต่เป็นสัญญาณสะท้อนความสั่นคลอนของระเบียบการเงินโลกที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างรุนแรง

รายงานวิเคราะห์ว่า การคว่ำบาตร การตั้งกำแพงภาษี และความปั่นป่วนในยุคทรัมป์ ได้ทำให้หลายประเทศเริ่มตั้งคำถามกับความมั่นคงของเงินดอลลาร์ พร้อมทั้งหันไปถือครอง ทองคำ ซึ่งถูกยกให้เป็น 'สกุลเงินที่แท้จริง' ที่คงคุณค่ามานานกว่า 5,000 ปี

Claudio Grass นักเศรษฐศาสตร์จากสวิตเซอร์แลนด์ให้สัมภาษณ์กับสปุตนิกว่า หลังสงครามเย็น โลกเคยรวมศูนย์อยู่กับระเบียบที่นำโดยสหรัฐฯ และดอลลาร์ได้รับอานิสงส์อย่างมาก แต่ในปัจจุบัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือกระแส 'แยกตัวออก' ไปสู่ความเป็นระเบียบหลายขั้ว (multipolarity) ที่ลดบทบาทของดอลลาร์ลง

Grass ระบุว่า เรากำลังเข้าสู่ 'ยุคเปลี่ยนผ่านของระบบ'  (system transition) ซึ่งจะเต็มไปด้วยเงินเฟ้อ ความไม่มั่นคง และความสูญเสียทางการเงิน พร้อมเสนอแนวคิดว่า “ประชาชนควรเป็นธนาคารกลางของตนเอง ด้วยการถือทองคำจริงและเงินแท่งไว้นอกระบบ”

ขณะเดียวกัน Tom Luongo นักวิเคราะห์การเงินอิสระกล่าวว่า ความผันผวนของโลกในขณะนี้เป็นสาเหตุให้คนหันกลับมามอง 'ทองคำ' ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากระบบที่กำลังเปลี่ยนโฉม

ทั้งนี้ สปุตนิกยังรายงานเสริมว่า ธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงรายย่อยจำนวนมาก ต่างเร่งสะสมทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX risk) ในช่วงที่ความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินตะวันตกเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว

นักวิเคราะห์เตือนว่า เราอาจอยู่ในช่วงต้นของ 'สงครามการเงิน' ที่ไม่ใช่แค่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่ยังรวมถึงความตึงเครียดกับยุโรป ที่พยายามตอบโต้การผลักดันนโยบายดอกเบี้ยต่ำและการลดการพึ่งพาระบบดอลลาร์ของทรัมป์

รายงานของสปุตนิกสรุปว่า ราคาทองที่พุ่งสูงครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการปฏิเสธดอลลาร์โดยตรง แต่เป็นการ 'ป้องกันตัว' จากความวุ่นวายของระบบที่กำลังถูกจัดระเบียบใหม่

'พล.ต.ท.สำราญฯ' ตรวจสภาพการจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเทศกาลสงกรานต์ 

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย.68) เวลา 16.30 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รองผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. , พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ตรวจสภาพการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเทศกาลสงกรานต์ 2568 บริเวณถนนพหลโยธิน และทางขึ้นลง M6 จ.สระบุรี

พบว่าการจราจรขาออกกรุงเทพมหานคร ปริมาณรถเริ่มเพิ่มมากขึ้น แต่ยังเคลื่อนตัวได้ คาดว่าปริมาณรถจะหนาแน่นตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันพรุ่งนี้

ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดให้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับปริมาณรถในทุกเส้นทาง โดยเฉพาะจุดที่มีการรวมตัวของรถเป็นจำนวนมาก เช่น ทางหลวงหมายเลข 1 (ทล.1) ถ.พหลโยธิน กม.54 (บริเวณ ต่างระดับบางประอิน) ซึ่งเป็นจุดรับรถจากวงแหวนตะวันตก รับประชาชนเดินทางมาจากภาคตะวันตก ภาคใต้ ทางลงโทลเวย์ และวงแหวนตะวันออก ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดช่องทางพิเศษเพื่อรองรับปริมาณรถในจุดวิกฤต บริเวณ ทล.1 กม.54 และ 58 เข้าช่องทางพิเศษ กม.74 เละ 85 

ในส่วนของประชาชนที่จะเดินทางไปภาคอีสาน ซึ่งต้องใช้เส้นทาง ถ.มิตรภาพ ทางกรมทางหลวง ได้เปิดใช้ M6 สามารถขึ้นได้ที่ต่างระดับด่านหินกอง ซึ่งมีทางขึ้นที่ ทล.33 กม.82 , ด่านพระพุทธฉาย ขึ้นที่ ทล.1 กม.99 และด่านบ้านนา - แก่งคอย ทล.3222 กม.10 ออกสู่จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง 163 กม. โดยเปิดใช้ขาออกกรุงเทพมหานคร วันที่ 11-13 เมษายน 2568 ส่วนขากลับเข้ากรุงเทพมหานคร วันที่ 15-17 เมษายน 2568 ซึ่งตำรวจทางหลวงคาดการณ์ว่า มอเตอร์เวย์ M6 จะมีประชาชนใช้วันละกว่า 1.8 แสนคัน สามารถแบ่งเบาการจราจร ถ.มิตรภาพ ช่องทางหลัก ได้กว่า 30% ซึ่งตั้งแต่การเปิดใช้ช่วงคืนของวันที่ 11 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ได้เสียงตอบรับที่ดีจากประชาชน ว่าได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น 

จากนั้น พล.ต.ท.สำราญฯ เดินทางไปยังจุดเปิดช่องทางพิเศษ ทล.1 (ถ.พหลโยธิน) กม.54 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 4 กิโลเมตร พร้อมรับฟังการบรรยายการเปิดช่องทางพิเศษ และตรวจจุดเปิดช่องทางพิเศษ และกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พล.ต.ท.สำราญฯ กล่าวว่า ฝากถึงพี่น้องประชาชนที่ใช้ทางมอเตอร์เวย์ M6 ขอให้เตรียมความพร้อมของผู้เดินทางและยานพาหนะ เติมน้ำมันให้พร้อม เนื่องจาก M6 เป็นเส้นทางยาว ไม่มีสถานีบริการน้ำมัน

นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนผู้ที่จะเดินทาง เตรียมความพร้อม 4 ด้าน ได้แก่
- เตรียมร่างกาย : พักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทาง
- เตรียมเส้นทาง : ตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง ทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางเลี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรหนาแน่น 
- เตรียมยานพาหนะ : ตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทาง
- เตรียมอารมณ์ : ทำจิตใจให้เบิกบาน ใจเย็น แม้อาจมีสถานการณ์ที่ไม่พึงพอใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ วิวาท

ผู้ช่วย ผบ.ตร.ยืนยัน ตำรวจทั่วประเทศพร้อมดูแลอำนวยความสะดวกการจราจรทุกเส้นทาง 

สมุทรปราการ-รดน้ำดำหัว นายก อบจ.สมุทรปราการ ข้าราชการร่วมขอพรสงกรานต์

เมื่อวันที่ (11 เม.ย.68) ที่ผ่านมา ณ บ้านขาวริมน้ำเจ้าพระยา ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ นายสุนทร ปานแสงทอง นายก อบจ.สมุทรปราการ จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระ เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ ประจำปี 2568 

โดยมีพระครูปลัดไพโรจน์ กตสาโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดในสองวิหาร พระมหาวิโรจน์ อัคคะปัญโญ เจ้าอาวาสวัดพุทธภาวนาราม นำคณะพระภิกษุสงฆ์วัดในสองวิหาร จำนวน 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ โดยคณะผู้บริหารได้ร่วมกันถวายภัตตาหาร ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล 

จากนั้น คณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภา อบจ. หัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน บุคลากรในสังกัด อบจ.สมุทรปราการ และกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ร่วมรดน้ำดำหัวขอพร 

นายสุนทร ปานแสงทอง นายก อบจ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย นายฉะโอด รุ่งเรือง ที่ปรึกษานายก อบจ.สมุทรปราการ และนายสมควร ชูไสว ประธานสภา อบจ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ใน อบจ. 

ภายในพิธีนำโดย นายอัครวัฒน์ อัศวเหม นายวรพร อัศวเหม นายต่อศักดิ์ อัศวเหม รองนายก อบจ.สมุทรปราการ นายสิทธิไชย เชื้อไทย นายพิษณุวัส คำงาม เลขานุการ นายก อบจ.สมุทรปราการ ตลอดจนคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรในสังกัด อบจ.สมุทรปราการ และกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า เข้าร่วมรดน้ำดำหัวขอพร เพื่อเป็นการแสดงความรักความเคารพนับถือและเป็นการขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานปล่อยแถวป้องกันปราบปราบอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 

เมื่อวานนี้  (11 เม.ย.68) เวลา 15.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และ อำนวยความสะดวก  ด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล , กองบัญชาการ ตำรวจท่องเที่ยว , โรงพยาบาลตำรวจ , เจ้าหน้าที่สังกัดกรุงเทพมหานคร และอาสาจราจร สน.ชนะสงคราม รวมจำนวนกว่า 950 นาย เข้าร่วมในพิธีปล่อยแถว ณ ทัองสนามหลวง

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายและสั่งการให้ทุกหน่วยงานยกระดับการปฏิบัติหน้าที่ให้สูงขึ้น ทั้งด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณจุดจัดงานเทศกาลสงกรานต์ทั่วประเทศ สถานีขนส่ง และจุดบริการต่างๆ ดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับประชาชน เดินทางไปกลับต่างจังหวัดด้วยความปลอดภัย พร้อมบังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลักอย่างเข้มงวด โดยเน้นหนักในขับรถในขณะเมาสุรา ขับรถเร็วเกินกำหนด และกวดขันจับกุมอาชญากรรม อาวุธปืน ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชน และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ไม่ได้อยู่บ้าน เข้าร่วม "โครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0)" เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัยในทรัพย์สินในช่วงเทศกาล

ผบ.ตร.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยทั่วประเทศพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ขอให้ประชาชนมั่นใจ เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวอย่างมีความสุขในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือสิ่งของผิดกฎหมายในพื้นที่ หรือในโซเชียลมีเดีย โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือ 1599 หรือสถานีตำรวจท้องที่ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ตำรวจญี่ปุ่นขอบคุณตำรวจไทยจับกุมหัวหน้าแก๊งใหญ่คอลเซ็นเตอร์

(12 เม.ย.68) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตร./ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ได้เข้าร่วมประชุมกับ นายโยชิโนบุ คุสึโนกิ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น , นายอาริชิกะ เอกุจิ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามอาชญากรรม , นายคาสึมิ โอกะซาวาระ ผู้บัญชาการกิจการระหว่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น/ที่ปรึกษาพิเศษของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น , นายเรียว ยาสึเอดะ ผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการสืบสวนระหว่างประเทศ , นายโยชิตากะ ซาโตะ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามอาชญากรรม 2  ณสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น (National Police Agency)   

ทั้งนี้ จากกรณีที่ตำรวจไทยได้มีการระดมกวาดล้างขยายผลอย่างต่อเนื่องในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ทางตำรวจไทยได้มีการจับกุมนายยามากูชิ ชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งยามากูชิ-กุมิ ซึ่งเป็นแก๊งอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่น โดยนายยามากูชิ ได้ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ในประเทศกัมพูชา และเมืองเมีบวดี ประเทศเมียนมา และนายยามากูชิ ได้มาหลบซ่อนตัวอยู่ในแมนชั่นหรูย่านสาทร กรุงเทพมหานคร โดยทำธุรกิจเปิดเว็บไซต์ถ่ายภาพศิลปะราคาแพงบังหน้า 

ต่อมาหลังตำรวจไทยจับกุม นายยามากูชิ และส่งตัวกลับไปถึงประเทศญี่ปุ่น สื่อมวลชนทุกช่องและประชาชนชาวญี่ปุ่นได้ให้ความสนใจอย่างมาก ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นได้จัดทำประกาศนียบัตรขอบคุณตำรวจไทย และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทางตำรวจไทยจับกุมนายยามากูชิ ได้ 

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการหารือกับทางตำรวจญี่ปุ่น พบว่าในประเทศญี่ปุ่น ปัญหาการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ประชาชนจำนวนมากถูกหลอกลวงเอาเงินไปเป็นจำนวนเงินมหาศาล โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ไปลักลอบตั้งอยู่ในเขตเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา และประเทศกัมพูชา ซึ่งมีนายยามากูชิ เป็นหัวหน้าแก๊ง 

ในการหารือครั้งนี้ ทางไทยและญี่ปุ่นจะร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งสร้างปัญหาให้กับทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นให้หมดไป โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิดในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเดินหน้ามาตรการระเบิดสะพานโจร เพื่อกำจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ให้มาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ ในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย.68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานแถลงผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ ในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568 ณ ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ตามนโยบายของรัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการป้องกันปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยมีความห่วงใยประชาชนในห้วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาคเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และการก่อความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้นได้ ประกอบกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจมีคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศ จึงกำชับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงวันหยุดยาวดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. , พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่จะมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยมีเป้าหมาย ได้แก่ การกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด การติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ และความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดพร้อมของกลาง ดังนี้

ฝ่ายสืบสวนสอบสวน มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ การระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้แผนยุทธการ “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี” โดยระดมกวาดล้างอาชญากรรมระหว่างวันที่ 21 - 30 มีนาคม 2568 (รวม 10 วัน) สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด พร้อมของกลาง จำนวน 4,950 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 4,339 คน ดังนี้

1. จับกุมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน แบ่งเป็น 
- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนทั่วไป (On Ground) : ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 4,934  กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 30,000  นัด และวัตถุระเบิด จำนวน 725  ลูก แบ่งเป็น วัตถุระเบิดแบบมาตรฐาน ที่ใช้ในราชการทหาร จำนวน  30 ลูก และวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง/ประกอบเอง ได้แก่ ระเบิดปิงปอง ระเบิดไปท์บอม จำนวน 695 ลูก

- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนทางออนไลน์ (Online) : ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 464 กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 9,069 นัด และวัตถุระเบิดแบบมาตรฐาน ที่ใช้ในราชการทหาร จำนวน  22  ลูก

2. จับกุมบุคคลตามหมายจับ : โดยจับกุมบุคคลกระทำความผิดตามหมายจับค้างเก่า (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึง 30 กันยายน 2567) และหมายใหม่ (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงปัจจุบัน) และหมายจับศาล (คดีอาญา) รวมทั้งสิ้น 18,746 หมาย ผู้ต้องหา จำนวน 15,721 คน

ฝ่ายป้องกันปราบปราม ได้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ดังนี้
1. วันที่ 21 มีนาคม 2568 ระดมกวาดล้างปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง ภายใต้แผนยุทธการ “ธรณีนี้ มีขื่อมีแป” เป้าหมาย จำนวน 653 เป้าหมาย ผลการระดมมีผลการปฏิบัติ ตรวจค้นจับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน  218 คน ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 266 กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน  5,743  นัด , วัตถุระเบิด จำนวน 9 ลูก , ยาบ้า จำนวน 17,397.5 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 113.15 กรัม 

2. ห้วงวันที่ 24 - 30 มีนาคม 2568 ระดมกวาดล้างอาชญากรรมจับกุมความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ผลการระดมมีผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 593 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 595 คน มูลหนี้รวม จำนวน 12,330,300 บาท ของกลางประเมินมูลค่ารวม จำนวน 22,677,335 บาท

จากนั้น พล.ต.อ.ธนาฯ ร่วมตรวจสอบอาวุธปืนของกลาง หน่วยงานต่างๆ รายงานการจับกุมคดีรายสำคัญ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1 – 9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว 

พล.ต.อ.ธนาฯ กล่าวว่า ในการปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอขอบคุณทุกภาคส่วน และพี่น้อง ประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมุ่งมั่นทำงาน โดยจะทำการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุมอาชญากรรมในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธาและมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และขอฝากประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชน หากมีเบาะแส เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรมหรือเรื่องอื่นๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมอาชีวศึกษา เตรียมพร้อม 150 จุดบริการทั่วประเทศ สั่งการตำรวจจราจรจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว พาอาชีวะ-ขนส่งอาสา เข้าช่วยเหลือรถเสียช่วงสงกรานต์

เมื่อวันที่ (10 เม.ย.68) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุกพื้นที่ทั่วประเทศบูรณาการช่วยเหลือในกิจกรรม อาชีวะ-ขนส่ง อาสาช่วยประชาชน เทศกาลสงกรานต์ 2568 ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงคมนาคม โดย สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมการขนส่งทางบก และเครือข่ายภาคเอกชน ได้ร่วมจัดกิจกรรม จำนวน 150 จุดทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

ทั้งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพสูงสุด พล.ต.อ.ไกรบุญฯ ได้สั่งการว่า หากมีเหตุรถเสียบนเส้นทางจราจรใกล้เคียงกับจุดตั้งของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้ตำรวจจราจรในพื้นที่จัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมนำอาสาสมัครจากอาชีวศึกษาไปยังจุดเกิดเหตุโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การช่วยเหลือร่วมกัน ทั้งในด้านการเคลื่อนย้ายรถออกจากผิวจราจร และการซ่อมแซมเบื้องต้น ณ จุดเกิดเหตุ หากสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอันสั้น และไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจร ให้ดำเนินการในทันที เพื่อป้องกันการจราจรติดขัด และลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุจากการจอดรถเสียในจุดที่ไม่ปลอดภัย พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในแต่ละพื้นที่ ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจากสถานศึกษาในจุดบริการอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงเทศกาล เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ กิจกรรมอาชีวะ-ขนส่ง อาสาช่วยประชาชน เทศกาลสงกรานต์ 2568 "สงกรานต์ปลอดภัย เดินทางไปไหนก็มีความสุข" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 เวลา 06.00 - 18.00 น. จำนวน 150 จุด ทั่วประเทศ โดยมีบริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ 20 รายการ , เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หลอดไฟ รถจักรยานยนต์ , ช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินระยะ 5 กิโลเมตรจากจุดบริการ , ตรวจเช็คสภาพและชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า EV , บริการกาแฟ น้ำดื่ม อินเทอร์เน็ต ชาร์จแบต พักผ่อน นวด สอบถามเส้นทาง ฯลฯ อีกด้วย โดยประชาชนผู้ขับขี่ยานพาหนะสามารถค้นหาจุดบริการทั้ง 150 จุด ได้ที่เว็บไซต์ https://vecrsa.vec.go.th

ประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือกรณีรถเสีย หรือสอบถามเส้นทางการจราจร สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนกองบังคับการตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ตำรวจภูธรภาค 2 ล้ำต่อเนื่อง ใช้ AI – โดรน ตรึงพัทยา – บางแสน รักษาความปลอดภัยสูงสุด สงกรานต์ 2568

ตำรวจภูธรภาค 2 อัปเลเวลความเข้ม กวดขัน เมาขับ - ขับซิ่ง ระดมกำลังดูแลประชาชน นักท่องเที่ยว หลั่งไหลเที่ยวสงกรานต์ 2568 ภาคตะวันออก สร้างความมั่นใจวันไหลบางแสน – พัทยา ปลอดภัยสูงสุด ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำ  AI – โดรน - เสาแจ้งเหตุ ตรึง CCTV หลายพันตัว ซีลพื้นที่ ย้ำความอุ่นใจ เหตุด่วนให้นึกถึงตำรวจ “ที่แรก” โทร.191

เมื่อวันที่ (11 เม.ย.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (10 เมษายน 2568) ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ และ พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ระยอง ตราด ฉะเชิงเทรา สระแก้ว นครนายก ปราจีนบุรี และ จันทบุรี ขับเคลื่อนมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยมีผู้กำกับการสถานีตำรวจทุกแห่งในพื้นที่ ภ.2 ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับให้ตำรวจทั่วประเทศดำเนินการตามมาตรการเข้ม 5 ด้าน ประกอบด้วย มาตรการด้านการข่าว และการป้องกันเหตุ มาตรการการรักษาความปลอดภัยพื้นที่จัดงาน มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มาตรการด้านการจราจรและมาตรการประชาสัมพันธ์ ดังนั้นในส่วนของตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเป็นปลายทางสำคัญระดับโลก เป็นที่นิยมของคนไทย และนักท่องเที่ยว อีกทั้งมีประชากรหลัก และประชากรแฝง แรงงาน จำนวนมาก คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีผู้คนเดินทางออกจากพื้นที่เพื่อกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเดินทางมาเที่ยวในช่วงสงกรานต์ โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีที่เป็นพื้นที่จัดงานสงกรานต์ขนาดใหญ่ถึง 6 แห่ง  จึงกำชับให้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยว เน้นการสร้างความอุ่นใจ และดูแลให้บริการ 

ผบช.ภ.2 กล่าวว่า เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ภ.2 ดูแลพี่น้องประชาชนผ่าน 4 มาตรการ คือ 1.เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา ทั้งในพื้นที่จัดงานสงกรานต์ สถานีขนส่ง และเส้นทางคมนาคมสำคัญ 2.บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการละเลยการปฏิบัติตามกฎหมายอันเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ เช่น ดื่มสุราแล้วขับรถ การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน 3.บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 4.ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงมาตรการต่าง ๆ และขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวด้วยว่า ให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ ในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญระดับประเทศ ระดับโลก รวมถึงเที่ยวเทศกาลวันไหลที่บางแสน ในวันที่ 16 – 17 เมษายน และวันไหลพัทยาในวันที่ 19 เมษายน ตำรวจภูธรภาค 2 ระดมกำลังตำรวจท้องที่ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.2 ร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่เทศกิจเมืองพัทยาและเทศบาลเมืองแสนสุข ประสานกำลังกัน พร้อมสนับสนุนใช้เทคโนโลยีในการป้องกันอาชญากรรม และสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยทุกมิติ เช่น อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน กล้อง AI  เสาแจ้งเหตุอัจฉริยะ

รวมถึงระบบบริหารจัดการพื้นที่คัดแยก คัดกรองบุคคล วัตถุสุ่มเสี่ยงอันตรายไม่ให้เข้าพื้นที่ โดยการันตี บางแสน พัทยา ปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ งานวันไหลบูรณาการกำลังทุกส่วนร่วม 800 นาย ปูพรมกล้อง CCTV กว่า 5,000 ตัว

“ขอให้ประชาชนมั่นใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมงานจากทุกหน่วย เราจะดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้อย่างเต็มความสามารถ สร้างความอุ่นใจให้ประชาชน และยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน ขอให้ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ หากใครเดินทางไม่มีคนอยู่บ้านก็ฝากบ้านไว้กับตำรวจ ในช่วงที่เดินทาง หรือท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคตะวันออก มีเหตุด่วน ต้องการความช่วยเหลือ ขอให้นึกถึงตำรวจเป็นที่แรก โดยสามารถโทรสายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมดูแลทุกท่านด้วยความจริงใจ” ผบช.ภ.2 กล่าว

ประธานสวนนงนุชพัทยาได้รับรางวัลคนดีศรีเมืองชล เป็นกำลังใจให้ทำต่อไป

เมื่อวันที่ (12 เม.ย.68) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพานิชย์ นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานมอบโล่เกียรติคุณและเข็มเชิดชูเกียรติคนดีศรีเมืองชลจังหวัดชลบุรี ประจำปี 2567 ณ บริเวณลานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (ตรงข้ามหอพระพุทธหิงค์ฯ) อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี


โดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้รับรางวัลสาขาผู้ทำคุณประโยชน์และสร้างชื่อเสียงแก่จังหวัดชลบุรีกล่าวว่า รู้สึก ภาคภูมิใจ และเป็นเกียรติแก่ตนเองที่ได้รับรางวัลนี้ ซึ่งขณะที่มีการมอบรางวัลตนเองต้องเดินทางไป ทำการโปรโมทประเทศไทยสู่สายตาชาวโลกในงานขบวนพาเหรดดอกไม้ ( BLOEMENCORSO BOLLENSTREEK) ที่มีอายุเกือบ 100 ปีที่ประเทศเนเธอร์แลนด์จึงได้ให้นางพัทธนันท์ ขันติสุขพันธุ์ ผู้จัดการทั่วไปสวนนงนุชพัทยา เป็นตัวแทนในการรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ 

ทางด้านพัฒนาการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดชลบุรี ได้ดำเนินโครงการคนดีศรีเมืองชลจังหวัดชลบุรี มาตั้งแต่ปี 2527 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่อง เชิดชูเกียรติบุคคล ที่มีความเสียสละ มีการครองตน ครองคน ครองงาน เป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคคลทั่วไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top