Saturday, 20 April 2024
เงินดิจิทัล

ตร.เตือน!! คิดก่อนลงทุน ‘เงินสกุลดิจิทัล’ เสี่ยงถูกหลอก - สูญเงินนับล้าน!!

วันที่ 16 ธ.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากกรณี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้าจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนในธุรกิจขุดบิตคอยน์ (Bitcoin)

โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนโดยทั่วไป โดยผู้เสียหายจะต้องโอนเงินทุนเป็นบิตคอยน์มาให้กับคนร้ายก่อน จากนั้นเมื่อคนร้ายได้เงินก็จะหลบหนีไปพร้อมเงินดังกล่าวและไม่สามารถติดต่อได้  ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 14 ล้านบาท จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังการชักชวนลงทุนเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะการลงทุนที่มีการอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงผิดปกติ หรืออ้างว่าจะได้ผลกำไรแน่นอน เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นการฉ้อโกง และหากพี่น้องประชาชนท่านใดมีความประสงค์ที่จะลงทุนเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ขอให้พี่น้องประชาชนตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบุคคลที่ชักชวนให้ลงทุนและรูปแบบของการลงทุนดังกล่าว ก่อนที่จะลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวง และหากผู้ที่ชักชวนให้ลงทุนมีการอ้างว่าได้รับใบอนุญาตในการประกอบกิจการดังกล่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย พี่น้องประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อของบุคคลและบริษัทที่ได้รับอนุญาตที่เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/App/BOTLicenseCheck/ ซึ่งจะสามารถตรวจสอบข้อมูลใบอนุญาตหรือใบขึ้นทะเบียนให้ประกอบธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยได้

 

แด่มิตรสหายเท่านั้น!! ‘รัสเซีย’ อาจเปิดชำระ ‘ค่าน้ำมัน-ก๊าซ’ ด้วยบิตคอยน์ เชื่อ!! ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มมูลค่าเงินรูเบิล

มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย เผยว่า ทางการรัสเซียกำลังพิจารณาให้ประเทศที่เป็นมิตร สามารถชำระค่าก๊าซและน้ำมันเป็นบิตคอยน์ได้ เพื่อเป็นทางเลือก ท่ามกลางการคว่ำบาตรจากนานาชาติ

พาเวล ซาวัลนี สมาชิกรัฐสภาและประธานคณะกรรมาธิการด้านพลังงานของสภาดูมา ของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียกำลังพิจารณาให้ “ประเทศที่เป็นมิตร” กับรัสเซีย สามารถชำระค่าน้ำมันและก๊าซด้วยบิทคอยน์ได้

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลัง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศว่าจะให้ประเทศ “ไม่เป็นมิตร” ชำระค่าก๊าซเป็นเงินสกุลรูเบิล ซึ่งสำนักข่าว RT ของรัสเซียรายงานว่า มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเงินสกุลรูเบิล ซึ่งอ่อนค่าไปมากกว่า 20% ในปีนี้

รัสเซีย คือ ผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลก และส่งออกน้ำมันดิบมากเป็นอันดับสองของโลก ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ส่งผลกระทบต่อค่าเงินรูเบิล และส่งผลให้ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น

ซาวัลนี เสริมว่า ทางการรัสเซียกำลังมองหาทางเลือกหลายๆ ทาง เพื่อรับการชำระค่าส่งออกพลังงาน เขายังกล่าวอีกว่า จีนและตุรกี เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่เป็นมิตร ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตร รัสเซียได้เสนอจีนมานานแล้วว่าให้เปลี่ยนการจ่ายเงินเป็นสกุลเงินของชาติตน เช่น หยวนและรูเบิล ส่วนตุรกีนั้น จะเป็นการชำระเงินด้วยเงินสกุลลีรา และรูเบิล นอกจากนี้ ก็สามารถจ่ายด้วยบิทคอยน์ได้ด้วยเช่นกัน

ด้าน เดวิด บรอดสต๊อค นักวิจัยจากสถาบันศึกษาพลังงานในสิงคโปร์ กล่าวกับ BBC ว่า รัสเซียรู้สึกได้ถึงอย่างรวดเร็วจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพยุงเศรษฐกิจ และบิทคอยน์คือสินทรัพย์ที่มีการเติบโตสูง ทำให้รัสเซียอาจได้ประโยชน์จากการรับการชำระเงินเป็นบิทคอยน์ แม้จะมีความเสี่ยงก็ตาม

ความเสี่ยงที่ว่าคือ มูลค่าของบิตคอยน์นั้นแกว่งมากถึง 30% ในปีนี้ ถ้าเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์ต่อเงินยูโร ซึ่งแกว่งไม่เกิน 5%

'แบงก์ชาติ' ร่วม 3 เอกชนเตรียมทดสอบสกุลเงินดิจิทัล คัดประชาชนร่วมเทสต์ 10,000 ราย ช่วงปลายปีนี้

ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมจับมือกับเอกชน 3 ราย เตรียมทดสอบสกุลเงินดิจิทัลช่วงปลายปี 2565 ถึงกลางปี 2566 ขณะเดียวกันก็เตรียมทดสอบในด้านนวัตกรรมเพื่อที่ธนาคารแห่งประเทศไทยนำมาปรับปรุงการออกแบบสกุลเงินดิจิทัลที่เหมาะสมกับบริบทของไทยในอนาคต

วชิรา อารมย์ดี รองผู้ว่าการ ด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางเพื่อให้ประชาชนใช้งาน (Retail Central Bank Digital Currency: Retail หรือ CBDC สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ) เป็นเรื่องที่ธนาคารกลางทั่วโลกให้ความสนใจ และอยู่ระหว่างศึกษาและพัฒนา เนื่องจากมีศักยภาพที่จะช่วยพัฒนาระบบการเงินในอนาคต

โดย ธปท. เตรียมจะขยายขอบเขตการศึกษาและพัฒนา Retail CBDC ไปสู่การใช้งานจริงในวงจำกัดร่วมกับภาคเอกชน โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ...

การทดสอบระดับพื้นฐาน เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบ รวมถึงรูปแบบของการนำเทคโนโลยีมาใช้งานจริงกับประชาชนรายย่อย โดยจะทดสอบการนำมาใช้ชำระค่าสินค้าบริการในพื้นที่เฉพาะ และในกลุ่มผู้ใช้งานประมาณ 10,000 ราย ที่กำหนดโดย ธปท. และภาคเอกชนที่ร่วมทดสอบ 3 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด โดยจะเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ไปจนถึงกลางปี 2566

4 ข้อดีของสกุลเงินดิจิทัล ที่ทุกธนาคารกลางต้องให้ความสำคัญ

นอกจากคริปโตแล้ว ในอนาคต สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง(central bank digital currency : CBDC) ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะสามารถใช้เป็นสื่อการชำระเงินชีวิตประจำวัน(retail CBDC) ได้ แต่ยังเป็นเทคโนโลยีที่ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังศึกษาและเร่งพัฒนาความเป็นไปได้

retail CBDC มีข้อได้เปรียบกว่าสื่อการชำระเงินอื่น ๆ คือมีความรวดเร็วในการทำธุรกรรมและมีการรองรับมูลค่าการชำระเงินต่อครั้งสูง มีความปลอดภัยสูง และหากกล่าวถึงประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและประชาชนแล้ว retail CBDC ก็มีประโยชน์ 4 ข้อดังนี้

1. ช่วยลดพฤติกรรมการผูกขาดของธุรกิจการเงินภาคเอกชนรายใดรายหนึ่ง (monopolistic behaviors) เนื่องจากโดยส่วนใหญ่ ระบบการเงินมีแนวโน้มที่จะมีผู้เล่นภาคเอกชนไม่กี่ราย นำมาซึ่งการคิดต้นทุนค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็น บริการที่ไม่ได้คุณภาพ หรือการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในทางที่ไม่ถูกต้อง แต่ retail CBDC ซึ่งเป็นสกุลเงินภาครัฐที่ไม่ได้แสวงหากำไรและเป็นกลาง น่าจะช่วยลดผลกระทบของการครอบครองตลาดและการผูกขาดของภาคเอกชนได้ 

2. สร้างอุปสรรคต่อการดำเนินกิจกรรมในเศรษฐกิจนอกระบบ (grey economy) และเศรษฐกิจผิดกฎหมาย (black economy) เนื่องจากกิจกรรมส่วนใหญ่มักอาศัยเงินสดในการทำกิจกรรม การใช้ retail CBDC จะสามารถติดตามการทำธุรกรรมที่มีบทบาทในการลดกิจกรรมเหล่านี้ได้ (data trail for transactions) งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า เศรษฐกิจนอกระบบและเศรษฐกิจผิดกฎหมายของไทยรวมกันมีมูลค่าสูงถึงร้อยละ 60–70 ของ GDP ซึ่งประกอบไปด้วยธุรกิจประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพนัน การค้ามนุษย์ และยาเสพติด การมี retail CBDC จะสร้างอุปสรรคต่อการดำเนินกิจกรรมเหล่านี้ได้

ไขปม!! ต้นเหตุเข็นแคมเปญแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท อุปสรรคแลนด์สไลด์ ที่อาจไม่ได้มาจากแค่ 2 ลุง

โพลสายความมั่นคงที่ว่ากันว่าเป็นของ กอ.รมน. เมื่อเดือน มี.ค.ประเมินให้พรรคเพื่อไทยได้จำนวน ส.ส.ต่ำเตี้ยแค่ 164 ที่นั่ง แยกเป็น ส.ส.เขต 137 ปาร์ตี้ลิสต์ 27 ที่นั่ง ขณะที่ให้พรรคสองลุง คือ รทสช.และ พปชร.ได้คะแนนเว่อร์วังอลังการเท่ากันที่พรรคละ 84 เสียง...

ถ้าเป็นจริงตามโพลนี้พรรคเพื่อไทยก็มีทางเลือกเดียวคือ ช้อยเก็บฉาก...ไปรับบทฝ่ายค้านอีกสมัยได้เลย...

อย่างไรก็ตามอุปสรรคและหลุมขวากของพรรคเพื่อไทยที่ 'วงใน' ของพรรคสรุปวิเคราะห์กันในขณะนี้มิได้อยู่ที่พรรคของสองลุง...หากแต่อยู่ที่ 'พรรคส้ม-ก้าวไกล' ที่มาแย่งคะแนนตลาดเดียวกันหรือตกปลาบ่อเดียวกัน...

ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยพยายามหาเสียงตอกย้ำในพื้นที่อีสานและภาคเหนือว่า...เพื่อไทยไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง นัยว่าเพื่อให้ชาวบ้านร้านตลาดชัดเจนว่าพรรคก้าวไกล ตลอดจนพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงหน่อยกับพรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวกัน มีแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่เป็นพรรคของคนเสื้อแดงจริงๆ...เป็นพรรค 'ของจริง' ในฝ่ายประชาธิปไตย...

แต่กลยุทธ์ดังกล่าวก็ดูเหมือนจะไม่ตอบโจทย์สักเท่าใดนัก...มิหนำซ้ำยังโดนพรรคก้าวไกลโยนโจทย์กลับมารัดคอพรรคเพื่อไทยอีกด้วย นั่นคือโจทย์ที่ว่า...พรรคเพื่อไทยโปรดตอบให้ชัดว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรคของสองลุงโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐหรือไม่... เจอเข้าโจทย์นี้พรรคเพื่อไทยไปแทบไม่เป็น พยายามใช้คำว่าแลนด์สไลด์ เป้าหมาย 310 เสียงมากลบเกลื่อนก็เอาไม่อยู่...ช่วงหลังๆ ถึงค่อยหลุดออกมาว่ายังไงๆ ก็ไม่ร่วมกับพรรคเผด็จการสืบทอดอำนาจออกมาบ้าง...

นั่นยังไม่นับเกมที่ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกลชักธงรบเรื่องการลบผลพวงการรัฐประหารเมื่อไม่มีกี่วันก่อนอีกด้วย...

วันนี้พรรคก้าวไกลจึงเป็นเสมือน 'ก้อนกรวดในรองเท้า' ของพรรคเพื่อไทยโดยแท้...ไม่เพียงมาประชันขันแข่งนโยบายการต่อเผด็จการ แต่นโยบายด้านเศรษฐกิจ นโยบายก้าวทันโลกพรรคก้าวไกลก็ไม่บันเบา เก็บกวาดตลาดคนรุ่นใหม่ไปได้เป็นกอบเป็นกำ...

ว่ากันว่าทั้งหมดดังกล่าวมาเป็นเป็นแรงผลักดันสำคัญส่วนหนึ่ง ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องงัดแคมเปญนโยบาย แจกเงินดิจิตัลคนละหนึ่งหมื่นบาทให้กับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งมีประมาณ 54 ล้านคน...ใช้งบประมาณ 5.4 แสนล้านบาท...

‘เฉลิม’ ลั่น หากงบแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทไม่พอ  จะไล่รื้อ ‘งบทหาร-เรือดำน้ำ-งบลับนายกฯ’ มาโปะ

‘เฉลิม อยู่บำรุง’ กร้าวถาม ‘เรือดำน้ำซื้อไปทำไม’ ถ้างบนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทไม่พอ ก็ไปรื้องบทหาร-งบลับนายกฯ มาใช้เป็นประโยชน์กับประชาชนดีกว่า  

(12 เม.ย. 66) ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ, ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย, นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ, นายวราวุธ ยันต์เจริญ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และ นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้สมัครส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 29 เบอร์ 9 เขตบางแค (เฉพาะแขวงบางแคเหนือ) และ แขวงบางไผ่, เขตหนองแขม (ยกเว้นแขวงหนองแขม) ร่วมพิธีเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย ที่ซอยบางแวก 97 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีพี่น้องประชาชนผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.อย่างอบอุ่น 

ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง กล่าวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ตนเองเป็น ส.ส.สมัยแรก เริ่มต้นที่เขตบางแค และวันนี้ ได้กลับมาช่วย ดร.กฤชนนท์ อัยยปัญญา หาเสียงที่เขตบางแคอีกครั้ง จึงรู้สึกอบอุ่นใจและมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งในเขตบางแคนี้แน่นอน ส่วนกรณีที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน กล่าวว่านโยบายเงินดิจิทัล ไม่มีกฎหมายรองรับและถ้าเข้าสภาฯ ส.ว.จะคว่ำนโยบายนี้ว่า นายไพบูลย์พูดไร้สาระ เหมือนมีคนเขียนบทละครมาให้พูด 

ตนขอเรียนว่า คนที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายพรรคเพื่อไทย เขาตกใจกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย เพราะทีมงานพรรคเพื่อไทยได้คิดผลิตนโยบายออกมาอย่างละเอียด รอบด้าน ตอบโจทย์ทั้งในมิติเศรษฐศาสตร์ มิติด้านกฎหมาย มิติด้านสังคม นโยบายเดียวสามารถแก้ปัญหาให้พี่น้องได้หลายมิติในเวลาเดียวกันและทรงพลัง จนพวกเขาเหล่านั้นนั่งอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ดังนั้น ถ้าใครถามอะไรพรรคเพื่อไทยตอบได้ทั้งหมด

ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม ออกมาบอกว่า งบประมาณปี 2567 เหลืองบประมาณให้ใช้แค่ไม่ถึง 200,000 ล้านบาทเท่านั้น ตนขอบอกว่า ที่เงินไม่พอก็เพราะพวกคุณใช้กันไปแบบไร้ประโยชน์ และถ้าเงินไม่พอจริง ผมก็จะไปรื้องบทหาร งบซื้อเรือดำน้ำ และงบลับของนายกรัฐมนตรีที่เขาปิดปากเงียบไม่เอ่ยถึง ถ้าไม่พอเราจะไปค้นมาใช้เอง

“บอกเงินเหลือแค่ 200,000 ล้านบาทไม่พอใช้ ไม่เป็นไร ถ้าเงินไม่พอ งบเรือดำน้ำเราจะซื้อไปทำไม กฎหมายเรารู้ ระบบราชการเรารู้ เราจะไปรื้องบทหาร งบลับที่นายกฯ นั้นแหละ ถืออยู่เงียบ ๆ เราจะไปเอางบที่ใช้กันอีลุ่ยฉุยแฉก เอามาเป็นงบประมาณมาใช้เพื่อปากท้องและความกินอยู่ที่ดีของประชาชน” ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง กล่าว

ด้าน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า ทีมงานของพรรคเพื่อไทยทำงานอย่างมียุทธศาสตร์ มีหลักคิด ทุกนโยบายของเพื่อไทยเช่นนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ตอบโจทย์อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเราคิดทั้งระบบภาพรวม ไม่ได้คิดออกมาเป็นส่วน ๆ ดังนั้น ถ้ามีคนวิพากษ์วิจารณ์นโยบายจุดไหน เราพร้อมยินดีตอบคำถาม และขอให้พี่น้องเชื่อใจว่า ทุกนโยบายของเพื่อไทยทำได้ ทำจริง และถ้าเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์เป็นรัฐบาลเมื่อใด เราจะลงมือทำนโยบายทันทีให้ประสบความสำเร็จเหมือนสมัยที่พรรคไทยรักไทยเคยทำในอดีต

‘จิ๊บ ศศิกานต์’ อัด นโยบายแจกเงินดิจิทัลของ ‘เพื่อไทย’ ชี้!! รูปแบบ-ที่มาของงบไม่ชัดเจน สะท้อนความเลื่อนลอย

(15 เม.ย. 66) ยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ อย่างกว้างขวางสำหรับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้แก่ประชาชน อายุ 16 ปีขึ้นไปในระยะเวลา 6 เดือน ภายใต้จำนวนงบประมาณมหาศาลถึง 54 หมื่นล้านบาท ด้วยความวิตกกังวลของหลายฝ่าย ว่าการใช้เงินจำนวนมากและแจกจ่ายแบบเหวี่ยงแหเช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อวินัยการเงิน การคลังและระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่ในขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ก็ยังคงยืนยันถึงความมั่นใจและประโยชน์ที่จะได้จากการทำโครงการนี้

ล่าสุด น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ หรือ ‘จิ๊บ’ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางแค ภาษีเจริญ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า เท่าที่ติดตามการชี้แจงจากแกนนำของพรรคเพื่อไทยหลายคน รวมถึงนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ก็เห็นว่านโยบายดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนในหลายประเด็น เช่น รูปแบบของเงินที่จะออกให้ประชาชนคนละ 1 หมื่นบาทนั้น จะเป็นรูปแบบอะไร มีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด อย่างตอนแรกบอกว่าจะแจกเป็นเหรียญดิจิทัล ต่อมาก็บอกจ่ายเป็นคูปองแทน ซึ่งเรื่องนี้ก็อยากจะเรียกร้องให้พูดให้ชัด ๆ เสียที อย่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนคนฟังสับสน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อยากจะย้ำเตือนความจำให้นายเศรษฐารับทราบว่า ที่ผ่านมาทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง ได้ออกมาประกาศชัดเจนตั้งแต่ปีที่แล้ว ถึงประเด็นการใช้จ่าย ชำระสินค้าผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล ว่าไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ให้บริการเกี่ยวกับการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้า

เพราะมีความกังวลจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เช่น อาจเกิดความเสี่ยงจากการสูญมูลค่าที่เกิดจากความผันผวนของราคา ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน ฯลฯ จึงอยากจะถามถึงนายเศรษฐาว่าได้ทราบเรื่องเหล่านี้หรือไม่

น.ส.ศศิกานต์ ยังเผยอีกว่า เมื่อไม่นานมานี้ทางเพื่อไทย ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็น ‘เหรียญ (คูปอง)’

คำถามก็คือ ไม่ว่าจะแจกในรูปแบบอะไรก็ตาม ก็ต้องมีจำนวนเงินงบประมาณจริง ๆ พร้อมจะแจกจ่าย ซึ่งเป็นจำนวนเงินกว่า ห้าแสนสี่หมื่นล้านบาท ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐา ได้อธิบายว่า ส่วนหนึ่งนำมาจากเงินภาษีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สองแสนหกหมื่นล้าน

อีกส่วนหนึ่งที่เหลือ นายเศรษฐา ใช้คำว่า “คาดว่า” จะนำมาจากภาษีของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ที่จะเกิดการหมุนเวียนหลายรอบ

‘ธีระชัย’ ชี้ ‘เงินดิจิทัลเพื่อไทย’ ควรปรับปรุงอีกหลายด้าน หวั่น!! ผิดธรรมาภิบาล-ข้อมูลการใช้จ่าย 54 ล้านคนรั่วไหล

(18 เม.ย.66) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงความเห็นเกี่ยวกับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาทหรือนโยบายเหรียญดิจิทัลเพื่อไทยว่า เป็นนโยบายที่ไม่สามารถทำได้จริงเนื่องจากเห็นว่าเหรียญดิจิทัลเพื่อไทยที่จะส่งเข้าไปในกระเป๋าตังค์ดิจิทัลนั้นออกแบบให้สามารถใช้ชำระหนี้ระหว่างประชาชนด้วยกันได้ แต่ในเนื้อหาทางเศรษฐกิจและในข้อเท็จจริง เหรียญดิจิทัลเพื่อไทย มีสภาพเป็นเงินตราอย่างหนึ่งซึ่งต้องเข้าบังคับภายใต้พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 

"ผมมีความเห็นว่า ถึงแม้กฎหมายกำหนดว่ายื่นขออนุญาตจากรัฐมนตรีคลังได้ก็ตาม แต่รัฐมนตรีคลังไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้แก่เอกชน เพราะพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 บัญญัติให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นองค์กรเดียวที่มีอำนาจและหน้าที่ในการออกเงินตรา" นายธีระชัยกล่าว

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า ในเชิงวิชาการจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไข ประกอบด้วย โครงการออกแบบให้มีการส่งเหรียญเข้าไปในระบบดิจิตอล โดยระบุว่า เป็นแนวคิดเหมือนกันกับการใช้คูปองจากรัฐบาล โดยมีการแจกคูปองให้กับประชาชนและประชาชนนำไปใช้ซื้อสินค้าหรือบริการ ลักษณะอย่างนี้จะเป็นการใช้รอบเดียว แต่แนวทางในการออกแบบของเหรียญดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยเป็นเหรียญที่สามารถนำมาใช้บนชำระหนี้ระหว่างประชาชนด้วยกันได้ 

"ลักษณะของเหรียญเช่นนี้มีถือว่าเป็นการออกเงินตราอย่างหนึ่ง และเมื่อมีสภาพเป็นเงินตราก็จะเข้าบังคับพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคและเป็นประเด็นที่ควรจะต้องมีการปรึกษาเพื่อจะหาทางออกให้เรียบร้อยก่อน เพราะในแง่ของกฎหมายระบุเอาไว้ว่า กรณีการออกเงินตราสามารถขออนุญาตจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้ก็ตาม แต่ตามความเห็นของผม รัฐมนตรีกระทรวงการคลังที่จะมาอนุญาตให้เอกชนรายใดรายหนึ่งให้ออกเงินตราทำไม่ได้ เพราะพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทยถูกบัญญัติให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจในการออกเงินตราเท่านั้น"

‘จิ๊บ ศศิกานต์’ ชี้ ‘แจกเงินดิจิทัล’ หัวหน้าพรรคพูดไม่ตรงกับเอกสาร แนะ พิจารณานโยบายให้ถี่ถ้วน ต้องมีความชัดเจน-ทำได้จริง

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 66 จากกรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายหาเสียงด้วยการแจกเงินดิจิทัล จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในเรื่องงบประมาณที่จะนำมาใช้ รวมไปถึงประเด็นที่ว่า เงินดิจิทัลที่จะนำมาแจกนั้นขัดต่อกฎเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือไม่ เพราะถือเป็นการออกเงินตราอย่างหนึ่ง ซึ่งทาง ธปท.ยังไม่อนุญาตให้ดำเนินการ

แม้ว่าล่าสุด จะได้มีการแจงผ่านรายการพิเศษ ‘เลือกตั้ง 66 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ’ ตอน ยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ ทางช่อง 3 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 โดยระบุว่า ‘เงินดิจิทัล’ ที่จะแจกให้ประชาชนนั้น ไม่ใช่เงินดิจิทัล แต่เป็นเงินสกุลบาท ที่ใส่เข้าไปในกระเป๋าเงินดิจิทัล

‘Digital Baht’ สกุลเงินดิจิทัลแห่งโลกอนาคต โมเดลจากจีน พัฒนาเพื่อความก้าวหน้า หรือใช้เป็นเครื่องมือควบคุมคน?

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 66 นายวิชัย กัมบีร์ หรือ ‘โค้ชโรมมี่’ ได้พูดถึงเรื่อง ‘สกุลเงินดิจิทัล’ หรือ ‘Central Bank Digital Currency’ ผ่านช่องติ๊กต็อกชื่อ ‘rommie.v’ โดยระบุว่า…

ในอนาคต หลายประเทศทั่วโลกกำลังพยายามทำตามประเทศจีน คือการทำสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง หรือที่เขาเรียกกันว่า ‘Central Bank Digital Currency’ หรือที่ประเทศไทยอาจจะเรียกว่า ‘Digital Baht’ คือการที่สกุลเงินดิจิทัลถูกออกโดยธนาคารกลาง (รัฐบาล) แทนที่จะออกโดยธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะถูกทำให้เป็นออนไลน์ทั้งหมด สิ่งนี้อาจทำให้เกิดความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนกับเครื่องมือในการควบคุมคน

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ลองมาคิดกันดูว่า เมื่อรัฐบาลเป็นผู้ออกสกุลเงินแบบเบ็ดเสร็จ หากคุณทำตามคำสั่งรัฐบาล รัฐบาลก็จะอนุมัติเงินให้คุณโดยง่าย แต่ถ้าหากวันใดวันหนึ่งคุณไม่ทำตาม หรือฝ่าฝืนคำสั่งรัฐบาลเพียงเพราะคุณไม่เห็นด้วยในทางการเมือง หรือเรื่องใดๆ ของรัฐบาลขึ้นมา รัฐบาลก็อาจจะขัดขวาง และไม่อนุมัติการออกเงินดิจิทัลให้คุณ แม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นคนผิดก็ตาม ซึ่งนี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในประเทศจีน ณ ขณะนี้

“สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อก็คือ ทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย ดังนั้น เราไม่ควรที่จะไว้ใจให้ใครคนใดคนหนึ่งมากำหนดชะตาชีวิต โดยเฉพาะการมากำหนดว่า เราสามารถใช้เงินกับเรื่องใดได้ หรือไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดก็ตาม” โค้ชโรมมี่ กล่าว
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top