Friday, 16 May 2025
World

‘พงษ์ภาณุ’ มอง!! แม้ FED แก้ปัญหาเร็ว แต่ยังไม่จบ เมื่อระเบิดเวลาจากอัตราดอกเบี้ย ยังรอซ้ำดาบสอง

(26 มี.ค.66) นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น และอดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้มุมมองถึงผลกระทบต่อการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ต่อภาคธนาคาร ผ่านรายการ ‘NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า’ ออกอากาศช่วงเช้า เวลา 07.00- 08.00 น. ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือวังนันทอุทยาน (ส.ทร.วังนันทอุทยาน) FM93 เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 66 ระบุว่า…

แม้เราจะมองเห็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างรวดเร็วของ Fed ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกับการแก้ปัญหาแบบเร่งด่วนที่เกิดขึ้น จาก ‘Bank Run’ ด้วยการเข้ามาค้ำประกันเงินฝาก ให้แบงก์เอาพันธบัตรไปวางค้ำและปล่อยกู้ในมูลค่าเต็มของราคาพันธบัตรนั้นๆ แต่จริงๆ แล้วปัญหามันยังไม่จบ ผมคิดว่า มันยังมีความเสี่ยงด้าน ‘Credit risk’ เป็นส่วนใหญ่ซ่อนอยู่ เช่น ความเสี่ยงของผู้กู้ที่อาจจะไม่สามารถชำระคืนได้ 

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า ‘Interest Rate Risk’ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สถาบันการเงินปล่อยกู้ไม่หมดเอย หรืออีกส่วนหนึ่งก็นำไปลงทุนในหลักทรัพย์เอย โดยเฉพาะอย่างหลังกับหลักทรัพย์ ที่เวลาเจอดอกเบี้ยขึ้นเมื่อไร ราคาทรัพย์มันมักจะตกลงตาม โดยเฉพาะกับกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีรายได้คงที่ แบบ ‘Fixed Income Securities’ (ตราสารหนี้) ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่ออกโดยรัฐบาลหรือองค์กรเอกชน ที่จ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่กำหนดไว้ตามกำหนดเวลา และชำระคืนเงินต้นเมื่อครบอายุของหลักทรัพย์

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ คือ สมมติว่าเราไปซื้อพันธบัตรรัฐฯ ไว้ 1 หมื่นบาท แล้วภายในระยะเวลา 5-10 ปี เขาก็จะคืนมาให้ 11,000 บาท โดยเงื่อนไขในพันธบัตรจะเขียนว่า รัฐบาลจะจ่ายดอกเบี้ย เป็นจำนวน 5 บาท ทุกวันที่นั้น วันที่นี้ และเมื่อครบกำหนด ก็จะชำระคืนเงินต้น ซึ่งจำนวนเงิน 5 บาทนี้ แม้ดอกเบี้ยจะขึ้นเร็ว-ขึ้นแรงแค่ไหน รีเทิร์นมันก็จะถูกฟิกซ์ไว้อยู่ดี

ผู้นำเยอรมนี ชี้ ธนาคารยักษ์ใหญ่ของประเทศยังแกร่ง แม้มีข่าว Deutsche bank จะกลายเป็นโดมิโน่รายต่อไป

ใครที่ตามข่าวในตลาดการเงินอย่างต่อเนื่องก็คงจะรู้ดีว่าตอนนี้ Deutsche Bank ธนาคารยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีกำลังถูกจับตามองจากนักลงทุนทั่วโลก หลังมีข่าวว่า Credit Default Swap (CDS) ได้พุ่งขึ้นทำระดับ New High ใหม่เหนือ 200 จุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ! โดย CDS จะพุ่งขึ้นเมื่อตลาดกังวลว่าบริษัทมีความเสี่ยงที่จะผิดชำระหนี้มากขึ้น ทำให้ตอนนี้มีแรง Panic ว่า Deutsche Bank จะกลายเป็นรายต่อไปหลังจาก SVB และ Credit Suisse หรือไม่ ?

(26 มี.ค.66) World Maker เผยว่า Olaf Scholz ผู้นำของเยอรมนีได้ออกมาประกาศชัดว่าธนาคารยักษ์ใหญ่ของประเทศยังมีความแข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรอย่างดี! ทำให้ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะล้มเหมือนธนาคารอื่น ๆ ในก่อนหน้านี้ โดยเขาได้ปฏิเสธว่า Deutsche Bank มีสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกับ Credit Suisse จึงไม่มีเหตุผลให้ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

ความเห็นของเขาเป็นไปเช่นเดียวกับ Jerome Powell ประธาน FED รวมถึง Joe Biden ผู้นำสหรัฐฯ และ Christine Lagarde ประธานของ ECB ที่พยายามออกมาสร้างความมั่นใจให้กับตลาดว่าภาคธนาคารของชาติตะวันตกยังคงมีความแข็งแกร่ง ในขณะที่ธนาคารกลางประกาศชัดเจนว่าได้เตรียมพร้อมสำหรับการ “จัดหาสภาพคล่อง” ในระดับที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด

ทั้งนี้ ผู้ที่มองโลกในแง่ร้ายกล่าวว่าวิกฤตครั้งนี้จะลุกลามไปใหญ่โตแน่นอน และทำให้เกิดการล่มสลายในระดับมหากาพย์ แต่ผู้ที่มองโลกในแง่ดีกล่าวว่าวิกฤตในครั้งนี้แตกต่างจากวิกฤตใหญ่ ๆ ในอดีตอย่างเช่น Great Depression ปี 1930 และวิกฤตการเงินโลกปี 2008 ซึ่งครั้งนี้จะผ่านไปได้ไม่รุนแรงเช่นนั้น เพราะมีความแตกต่างกันหลายอย่างและระบบการเงินโลกก็ถูกพัฒนาไปมากแล้วจากในอดีต แม้ว่าอาจเกิดความเสียหายในบางส่วนแต่ก็จะไม่ใช่หายนะ 

คำกล่าวของ Scholz เกิดขึ้นหลังจากหุ้น Deutsche Bank ร่วง -14% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนจะฟื้นตัวปิดตลาดที่ -8.53% พร้อมกับ CDS ที่พุ่งทำ New High และปรับตัวลดลงหลังจากนั้น ซึ่งโดยรวมแล้ว Deutsche Bank สูญเสีย Market Cap ไปราว 1 ใน 5 (-20%) ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น (ไม่ต่างจากธนาคารอื่นๆ ใน Wall Street ที่สูญเสียมูลค่าไปเช่นกัน)

นั่นทำให้นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาดจำนวนไม่น้อยยังไม่กล้าปักใจเชื่อคำกล่าวของกลุ่มผู้นำโลก แต่ก็ต้องบอกว่ามีนักวิเคราะห์บางคนที่มองในเชิงบวก ยกตัวอย่างเช่น Stuart Graham จาก Autonomous Research ที่ออกมากล่าวชัดเจนว่า Deutsche Bank จะไม่ใช่ Credit Suisse รายต่อไป

ขณะเดียวกันนี้ สถิติแสดงให้เห็นว่าลูกค้าแห่ถอนเงินอย่างน้อย -3.5 ล้านล้านบาทหรือ -1 แสนล้านดอลลาร์ออกจากธนาคารของสหรัฐฯ นับตั้งแต่เกิดวิกฤต Bank Run ขึ้นมา ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นโดยรวมของตลาดเสียหายอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับที่กองทุน Hedge Funds บางกลุ่มเริ่มเข้า Short Sell สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาฯ ! โดยมองว่าตลาดนี้จะได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่จากวิกฤตธนาคาร

ทั้งนี้ Hedge Funds จำนวนไม่น้อยกำลัง Short Sell ผ่านทางด้านหุ้นและอนุพันธ์เครดิต (Credit Deriavtives) โดยหุ้นเกือบ 40% ของ iShares US Real Estate ETF กำลังถูก Short Sell อยู่ ณ ตอนนี้

วิกฤตธนาคารที่เกิดขึ้นถือเป็นเพียงสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการ Short Sell ในตลาดอสังหาฯ สูงขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ตลาดอสังหาฯ ก็เริ่มมีสัญญาณความตึงเครียดเกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว อย่างที่ World Maker ได้เคยย้ำเตือนไปในหลายบทความที่ผ่านมา ว่านับตั้งแต่ดอกเบี้ย FED สูงขึ้น มันส่งผลให้ดอกเบี้ยบ้านสูงขึ้นตามไปด้วยในขณะที่ราคาบ้านเองก็อยู่ในระดับสูงลิ่วจนหลายคนเอื้อมไม่ถึงไปแล้ว

ดังนั้นเมื่อไปถึงจุดหนึ่งที่ตลาดตึงเครียดมาก ๆ ก็มีแนวโน้มที่ราคาอสังหาฯ จะร่วงลงได้ เนื่องจาก Demand หายไปเพราะดอกเบี้ยที่สูงขึ้นพร้อมกับราคาในก่อนหน้านี้ จนทำให้การซื้อบ้านแพงหูฉี่จนหลายคนไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตลาดอสังหาฯ ณ ปัจจุบัน

ยิ่งเมื่อ FED ได้ทำ QT โดยการเทขายพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรจำนองบ้าน (Mortgage Backed Securities : MBS) มันก็ยิ่งทำให้ตลาดอสังหาฯ ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตธนาคาร ดังนั้นเมื่อมีวิกฤต SVB, Credit Suisse และความกังวลที่แพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ทำให้แรง Panic ในอสังหาฯ พุ่งขึ้นไปอีกระดับพร้อมกันอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็ก-กลางในตลาด Real Estate อาจมีความเสี่ยงมากกว่าบริษัทใหญ่ ๆ ที่มีงบการเงินแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับที่วิกฤตเกิดกับธนาคารขนาดเล็ก-กลาง แต่ยังไม่เกิดกับธนาคารขนาดใหญ่เพราะมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดกว่า

ภาพรวมทั้งหมดนี้แสดงให้เราเห็นว่าในขณะที่เกิดสถานการณ์ปั่นป่วนที่หลายคนมองว่าเป็นวิกฤต แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่กำลังแสวงหาโอกาสในการทำกำไรท่ามกลางข่าวร้าย โดยถ้าซื้อแล้วไม่ได้กำไร พวกเขาก็เลือกที่จะ Short Sell แทน ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าตลาดสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้จะเคลื่อนตัวไปในทิศทางไหนต่อไปกันแน่ ? จะพังหรือพุ่ง ? จะรุ่งหรือร่วง ?

ทางด้าน FED และธนาคารกลางหลายแห่งเช่น ECB ล่าสุดยังคงตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยต่อไป โดยมองว่าทั้งระบบมีความยืดหยุ่นมากพอที่จะรับแรงกดดันด้านสภาพคล่องในระยะสั้น แม้มีวิกฤตด้านการธนาคารเกิดขึ้นให้เห็นเป็นรอยร้าวของระบบจากความตึงเครียดทางการเงินที่ถูกยกระดับขึ้นมา 

‘ซีเกมส์ 2023’ ใช้กรรมการเจ้าถิ่นทั้งหมด ‘กัมพูชา’ อ้าง!! ไม่มีงบให้ผู้ตัดสิ้นจากต่างชาติ

เข้าทำนองไม่พร้อมอย่าจัด แต่เอ๊ะหรือเป็นแผนของเจ้าภาพ กัมพูชา ที่ต้องการจะใช้กรรมการของตนเอง จึงอ้างว่าไม่มีงบให้กับผู้ตัดสินของชาติอื่น ๆ หรือชาติเป็นกลาง งานนี้ได้แต่งงว่าทำแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ

(26 มี.ค.66)ความเคลื่อนไหวการแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมนี้ ที่มาอย่างไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะทางฝั่งเจ้าภาพ กัมพูชา ที่ไม่พร้อมสักอย่าง ล่าสุดมีปัญหาเรื่องผู้ตัดสินอีก

‘อุทยานฯมณฑลซื่อชวน’ จับภาพ 'แพนด้ายักษ์' ขณะยกก้นถูต้นไม้ เผย เป็นการแสดงอาณาเขตเพื่อส่งสัญญาณ 'หาคู่'

(27 มี.ค. 66) เมื่อไม่นานนี้ สำนักงานข่าวซินหัวรายงานว่า กล้องอินฟราเรดที่ติดตั้งในอุทยานแห่งชาติแพนด้ายักษ์ มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน สามารถบันทึกคลิปวิดีโอและภาพแพนด้ายักษ์ป่าหลายตัวขณะออกทำกิจกรรมกลางแจ้ง

แพนด้าตัวหนึ่งได้วางขาหน้าลงบนพื้นแล้วยกก้นขึ้นถูกับต้นไม้ ซึ่งเป็นการทิ้งร่องรอยแสดงอาณาเขตของตัวเองไว้ จนเกิดเป็นภาพน่ารักชวนขบขันไม่น้อย

‘ปูติน’ กร้าว!! ‘รัสเซีย-จีน’ จับมือกันแบบโปร่งใส ย้อน ‘มะกัน-นาโต้’ ส่อแววรวมก๊ก เหมือน WW II

รัสเซียและจีนไม่ได้กำลังจัดตั้งพันธมิตรทหาร และความร่วมมือระหว่างกองทัพทั้ง 2 ชาตินั้น ‘มีความโปร่งใส’ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ให้ความเห็นที่มีการออกอากาศในวันอาทิตย์ (26 มี.ค.) ไม่กี่วันหลังเป็นเจ้าภาพต้อนรับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในเครมลิน พร้อมกล่าวหาย้อนกลับไปว่า เป็นสหรัฐฯ และนาโต้เองที่กำลังแสวงหาฝ่าย ‘อักษะใหม่’ คล้ายคลึงกับการจับมือกับระหว่างนาซี เยอรมนี ฟาสซิสต์ อิตาลีและจักรวรรดิญี่ปุ่น ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

ปูติน และสี ประกาศตัวเป็นพันธมิตร พร้อมสัญญาสานสัมพันธ์ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ในนั้นรวมถึงในขอบเขตด้านการทหาร ระหว่างการประชุมซัมมิตเมื่อวันที่ 20-21 มีนาคมที่ผ่านมา ในขณะที่รัสเซียกำลังประสบปัญหาในการรุกคืบในสมรภูมิรบ ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็น ‘ปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร’ ในยูเครน

"เราไม่ได้กำลังสร้างพันธมิตรทหารใหม่กับจีน" ปูตินกับผ่านสื่อมวลชนแห่งรัฐ "ใช่แล้ว เรามีความร่วมมือกันในขอบเขตการทำงานร่วมกันทางเทคนิคด้านการทหาร เราไม่ได้ปิดบังในเรื่องนี้ ทุกอย่างมีความโปร่งใส มันไม่ได้เป็นความลับใดๆ"

จีนและรัสเซียลงนามในข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนแบบไร้ขีดจำกัด เมื่อช่วงต้นปี 2022 ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า ปูติน ส่งทหารหลายหมื่นนายบุกเข้าไปในยูเครน ปักกิ่งระงับไว้ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของปูติน และนำเสนอแผนสันติภาพสำหรับยูเครน อย่างไรก็ตาม ตะวันตกปฏิเสธข้อเสนอแผนสันติภาพดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็นอุบายซื้อเวลาช่วยปูติน สำหรับคืนชีพกองกำลังของเขาในยูเครน

เมื่อเร็วๆ นี้ วอชิงตันแสดงความกังวลว่าปักกิ่งอาจมอบอาวุธให้รัสเซียบางอย่างที่จีนปฏิเสธ

ระหว่างแสดงความคิดเห็นผ่านสถานีโทรทัศน์ ปูติน ปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่า การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับปักกิ่งในขอบเขตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานและการเงิน อาจหมายความว่ารัสเซียกำลังพึ่งพิงจีนมากจนเกินไป โดยเขาบอกว่ามันเป็นมุมมองของคนขี้ระแวง "นานหลายทศวรรษแล้ว ที่มีความปรารถนาหันจีนให้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสหภาพโซเวียตและรัสเซีย" เขากล่าว "และในทางกลับกัน เราเข้าใจในโลกที่เราอาศัยอยู่ดี เราเล็งเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ร่วมระหว่างเรา และระดับของความสัมพันธ์พุ่งถึงจุดสูงสุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"

นอกจากนี้ ปูตินยังกล่าวหาสหรัฐฯ และนาโต้ ว่ากำลังหาทางสร้าง "ฝ่ายอักษะ' ระดับโลกใหม่ ที่เขาบอกว่ามีส่วนคล้ายคลึงกับการจับมือเป็นพันธมิตรในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่าง นาซี เยอรมนี ฟาสซิสต์ อิตาลี และจักรวรรดิญี่ปุ่น

ปูติน เอ่ยชื่อออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ ว่ากำลังต่อแถวเข้าร่วม 'นาโต้โลก' และพาดพิงถึงข้อตกลงด้านกลาโหมที่ลงนามโดยสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่นเมื่อช่วงต้นปี "นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกนักวิเคราะห์ตะวันตกกำลังพูดถึงเกี่ยวกับการที่ตะวันตกกำลังสร้างอักษะใหม่ แบบเดียวกับที่เคยจัดตั้งขึ้นในช่วงยุคทศวรรษ 1930 โดยรัฐบาลฟาสซิสต์เยอรมนี และอิตาลี และลัทธิทหารนิยมญี่ปุ่น" เขากล่าว

ผู้บริหาร IMF เตือน!! ความเสี่ยงเสถียรภาพการเงินโลก ใต้ตัวแปร 'สงคราม-แบงก์รัน-น้ำมัน-เศรษฐกิจถดถอย'

เศรษฐกิจและการเงินโลกจะไปรอดหรือพังยับ ?!? นั่นคือคำถามสำคัญที่สุดในหัวของใครหลายคน ณ ตอนนี้เลยทีเดียว 

(27 มี.ค. 66) World Maker เผยว่า Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการของ IMF ได้ออกมาเตือนว่า “ความเสี่ยงเกี่ยวกับเสถียรภาพด้านการเงินโลกได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”

โดยเฉพาะหลังจากเกิดวิกฤต Bank Run ในสหรัฐฯ ทำให้ IMF ต้องยกระดับการเฝ้าระวังวิกฤตทางการเงินให้สูงขึ้นกว่าเดิม ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความมั่งคั่งทางการเงินสูงกว่าตลาดเกิดใหม่ ซึ่งทาง IMF ย้ำว่าความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกตอนนี้อยู่ในระดับ 'สูงเป็นพิเศษ' ถือเป็นแผลซ้ำจากโควิด-19, เงินเฟ้อ และสงครามยูเครน

เมื่อ FED ขึ้นดอกเบี้ยและเริ่มทำ QT มาถึงระดับหนึ่ง เราจึงเริ่มเห็นรอยแตกร้าวเกิดขึ้นแล้ว ณ ปัจจุบันนี้ และแม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ-FED รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลทั่วยุโรปจะเร่งเข้ามา Take Action อย่างรวดเร็วพร้อมกับเสริมสภาพคล่องสำรองให้แก่ตลาด ซึ่งผ่อนคลายความตึงเครียดไปได้ระดับหนึ่ง แต่ทาง IMF ก็ย้ำว่าความไม่แน่นอนต่าง ๆ ยังอยู่ในระดับสูงมาก ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ยังต้องเฝ้าระวังอย่างละสายตาไม่ได้เลย

IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกลงจากเดิม 3.4% เหลือ 2.9% ในปีนี้ และคาดว่าในปี 2024 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.1% ขณะที่แถลงการณ์ล่าสุดชี้ว่าวิกฤตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้จะทำให้คนจำนวนมากทั่วโลก 'ยากจนลงและมีความปลอดภัยน้อยลง'

📌 ปัจจัยเชิงบวกที่สำคัญที่สุดในการพยุงเศรษฐกิจโลกจากมุมมองของ IMF ก็คือการฟื้นตัวของจีน โดยคาดการณ์ GDP ไว้ที่ +5.2% (เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์ปี 2022 ที่ 3%) ซึ่ง IMF คาดว่าการเติบโตของจีนจะคิดเป็นถึง 1 ใน 3 ของการเติบโตทั่วโลกในปี 2023 นี้ แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม

IMF ย้ำว่าหากต้องการให้โลกดีขึ้น สหรัฐฯ-จีนควรมุ่งเน้นไปที่การแข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์ พร้อมเรียกร้องให้มีการร่วมมือกันในบางส่วนระหว่างสหรัฐฯ-จีน แม้จะขจัดความตึงเครียดและมุมมองที่เห็นต่างไม่ได้ทั้งหมดก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่ามันถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่ว่าสหรัฐฯ-จีนจะเจรจากันได้ลงตัวหรือไม่ ? เพราะภาพที่ออกมาตอนนี้จะเห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายดูขัดแย้งกันในแทบทุกมิติ

นอกจากนี้ IMF เรียกร้องให้จีนใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มผลิตผลทางเศรษฐกิจพร้อมกับการปรับสมดุลใหม่ โดยเปลี่ยนจากการเน้นลงทุนไปสู่การเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยการบริโภคมากกว่าเดิม เนื่องจากจะมีความยั่งยืนมากกว่าและพึ่งพาระบบหนี้น้อยกว่า ยิ่งไปกว่านั้นจะช่วยพัฒนาในแง่ของความท้าทายด้านสภาพอากาศด้วย

IMF ขยายมุมมองว่าจีนควรยกระดับการคุ้มครองทางสังคม สวัสดิการสุขภาพ รวมไปถึงการรองรับภาคครัวเรือนจากภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และขณะเดียวกันก็จะต้องปฏิรูปตลาดโดยมุ่งเน้นไปที่การยกระดับการแข่งขันระหว่างภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะต้องมีการลงทุนด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางผลผลิตให้ได้อย่างมีนัยสำคัญ

⚠️ ซึ่งขณะเดียวกันกับที่ IMF มองจีนเป็นความหวังพยุงเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ล่าสุดทางปูตินประกาศว่ารัสเซียจะติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในเบลารุส หลังประเมินว่ามีแนวโน้มว่าการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ และชาติตะวันตกอาจทวีความรุนแรงขึ้น ขยายวงกว้างไปกว่าสงครามยูเครน

โดยปูตินกล่าวว่านี่เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ เองก็ได้มีการติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศพันธมิตรมานานแล้ว เป็นเหตุผลให้รัสเซียทำเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะการสร้างโรงเก็บอาวุธนิวเคลียร์จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากพึ่งมีข่าวว่ารัสเซียจะเกณฑ์ทหารเพิ่มอีก 400,000 นายเพื่อเสริมกำลังสำรองในกรณีที่สงครามยืดเยื้อยาวนาน โดยก่อนหน้านี้ก็ได้เกณฑ์เพิ่มไปแล้วหลักแสนคน

ทั้งนี้ รัสเซียไม่ได้ประกาศที่จะติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศพันธมิตรนับตั้งแต่ยุคการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและวิกฤตขีปนาวุธคิวบา ขณะที่ปัจจุบันเองสหรัฐฯ และ NATO กำลังส่งอาวุธจำนวนมากให้ยูเครนใช้ต่อต้านกองกำลังของรัสเซีย และทางด้านอังกฤษก็กล่าวว่าจะส่งอาวุธที่เกี่ยวข้องกับยูเรเนียมให้แก่ยูเครน ซึ่งเป็น 1 ในเหตุผลที่ปูตินประกาศแผนติดตั้งนิวเคลียร์ในเบลารุส เนื่องจากเขามองว่านี่เป็นการขู่ยกระดับความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ของชาติฝั่งตะวันตก

นั่นหมายความว่าทางรัสเซียก็ไม่ได้ยอมอ่อนข้อลงเลย ปูตินกล่าวว่ารัสเซียกำลังเพิ่มขีดจำกัดในด้านการผลิตอาวุธ และจะผลิตกระสุน-รถถังออกมาเป็นจำนวนมาก โดยเขาเคลมว่าปริมาณอาจจะมากกว่าที่สหรัฐฯ-พันธมิตรส่งให้ยูเครนถึง 3x เท่าตัว

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การยืนยันว่าโลกกำลังจะเกิดสงครามในระดับที่ยิงนิวเคลียร์ถล่มกัน เพราะดูเหมือนจะเป็นการเดินหมากเพื่อคานอำนาจกันในเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญและการป้องกันเชิงเสียมากกว่า แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีอะไรแน่นอน จึงไม่มีใครกล้ารับประกัน ณ จุดนี้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นมาหรือไม่ ?

📌 นอกเหนือจากสงครามของรัสเซียแล้ว ในอีกมุมหนึ่งของโลก จีนได้ประกาศปล่อยตัวนักลงทุนชิปชั้นนำที่เคยถูกรัฐบาลจับกุมเอาไว้ เพื่อให้มาช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมชิปของประเทศหลังจากโดนสหรัฐฯ สั่งคว่ำบาตรอย่างหนักไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีชิปขั้นสูง

บุคคลดังกล่าวก็คือ Chen Datong หัวหน้าฝ่ายการจัดการด้านการลงทุนของ Yuanhe Puhua (Suzhou) หรือที่รู้จักในชื่อ Hua Capital โดยก่อนหน้านี้ Chen ถูกควบคุมตัวท่ามกลางกระแสการสืบสวนอุตสาหกรรมชิปของรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งดูเหมือนจะมีความไม่พอใจบางอย่างเกิดขึ้น หลังจากมีการใช้เงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ไปกับการลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์แต่กลับยังไม่สามารถสร้างการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญได้

ดังนั้น การที่จีนตัดสินใจปล่อยตัว Chen และร้องขอให้เขามาช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมชิปต่อนี้ น่าจะถือเป็นสัญญาณสำคัญว่าจีนกำลังจะเดินหมากแบบพึง่พาตัวเองในแง่ของเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งก็ต้องรอดูกันว่าจีนจะพัฒนาไปได้รวดเร็วแค่ไหน เพราะตอนนี้ยังคงติดชะงักอยู่ในการผลิตชิประดับ Hi-Ends เป็นของตัวเอง

Chen ถือเป็น 1 ในนักลงทุนมือฉมังสำหรับอุตสาหกรรมชิปของจีน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าเขาจะเริ่มกลับมาทำงานเต็มตัวเมื่อไหร่ คาดว่าคงไม่นานเพราะจีนเองก็เร่งทุ่มเทพัฒนาชิปอยู่อย่างเต็มที่เพื่อให้ก้าวทันสหรัฐฯ ในแง่ของเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะเป็น 1 ในเสาหลักของโลกอนาคต

แต่ถึงกระนั้น ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าการกระทำของจีนถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือการบีบบังคับหรือไม่ ? เพราะในจังหวะที่นึกจะจับก็จับ แต่ในช่วงเวลาที่รัฐบาลต้องการความช่วยเหลือก็กลับปล่อยตัวออกมาได้เสียง่าย ๆ ซะอย่างนั้น ! เราจึงต้องจับตามองกันอย่างใกล้ชิดว่ายุทธวิธีของจีนในครั้งนี้จะประสานรอยร้าวภายในและพัฒนาก้าวทันสหรัฐฯ ได้สำเร็จตอนไหน ?

⚠️ พร้อมกันนี้ หลายประเทศที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ เริ่มสั่งแบนแอปฯ TikTok ออกจากสมาชิกรัฐบาล เนื่องจากความกังวลว่าตัวแอปฯ จะมีการส่งข้อมูลต่าง ๆ ไปให้รัฐบาลจีนใช้ ซึ่งฝ่ายตะวันตกมองว่าเป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ

‘ชายญี่ปุ่น’ โปรโมตร้านเสื้อผ้าจัดเต็ม ‘ใส่สูท’ พิชิตเขาคินาบาลู โว!! ปีนเสร็จสูทยังเนี้ยบ พร้อมเข้าประชุมต่อได้ทันที

(27 มี.ค. 66) ช่างตัดเสื้อชาวญี่ปุ่นกลายเป็นไวรัลใน TikTok หลังใส่สูทเต็มยศ พร้อมรองเท้าคัทชูและกระเป๋าเอกสาร ปีนขึ้นไปพิชิตยอดเขาสูงที่สุดในมาเลเซีย เพื่อพิสูจน์ว่าแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองนั้นคุณภาพดีขนาดไหน

สัปดาห์ที่แล้ว โนบุทากะ ซาดะ (Nobutaka Sada) วัย 49 ปี ได้ปีนขึ้นไปถึงยอดเขาคินาบาลู ซึ่งมีความสูง 4,095 เมตรจากระดับน้ำทะเลในชุทสูทสีฟ้าของแบรนด์ตัวเอง ทำเอาบรรดานักปีนเขาและชาวเน็ตถึงกับอึ้งในความ ‘สุดจัด’ ของชายจากแดนอาทิตย์อุทัยคนนี้

จากคลิป TikTok ที่เพื่อนนักปีนเขาอีกคนถ่ายไว้ ซาดะเดินขึ้นไปตามเส้นทางแคบๆ บนเขาเช่นเดียวกับนักปีนเขาคนอื่นๆ แต่ในขณะที่คนอื่นต้องใช้ไม้เท้าปีนเขาเพื่อประคองตัว เขากลับจับเพียงสายคล้องกระเป๋าเอกสาร และเดินขึ้นสู่ยอดเขาด้วยความมั่นใจ

ก่อนหน้านี้ ซาดะเคยใส่สูทไปตกปลา เล่นสกี ขี่จักรยานและดำน้ำดูปลามาแล้ว ซึ่งทุกครั้งเขาจะถ่ายคลิปบันทึกประสบการณ์เอามาแชร์ไว้ในช่อง YouTube ส่วนตัว

หลังจากพิชิตยอดเขาสำเร็จ ซาดะได้แชร์ภาพถ่ายตนเองพร้อมทิวทัศน์อันสวยงามลงในเฟซบุ๊ก และยังเล่าด้วยว่า เขาได้นอนค้างคืนในกระท่อมบนเขา ก่อนจะปีนป่ายขึ้นเขาท่ามกลางแสงดาว และไปถึงยอดเขาทันดูพระอาทิตย์ขึ้นพอดี

เบื้องลึกกองกำลังประชาชนแห่งเมียนมา  เส้นทางแห่งอุดมการณ์ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

หลังจากที่หนุ่มสาวหลายคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันเข้าป่าสู่พื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธที่เป็นแนวร่วมกับ NUG ในตอนนั้น…

- หลายคนได้ไปต่อหากมีเงินมีทองพอจะสามารถลี้ภัยต่อไปยังประเทศที่ 3 ได้ 
- หลายคนไปประเทศที่ 3 พร้อมกับทำตัว Low Profile เพื่อให้คดีการเมืองจบ จากนั้นค่อยกลับมาสู่มาตุภูมิเมียนมาอีกครั้งเมื่อทุกอย่างดีขึ้น
- บางคนไปแล้วก็กลายเป็น PDF ชั้นผู้นำ คอยจัดหาทุนจากต่างประเทศมาสนับสนุนกองกำลังที่ต่อสู้

ส่วนหนุ่มสาวอีกจำนวนหนึ่งที่เคยมีชีวิตเมืองแม้จะไปสู่อ้อมกอดของกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยอุดมการณ์ที่แน่วแน่ แต่ด้วยการใช้ชีวิตที่ต่างกันสุดขั้วหลายคนจึงเลือกที่จะถอนตัวออกมา บางคนยอมมามอบตัวภายใต้กฏอภัยโทษของรัฐบาลทหาร ในขณะที่อีกหลายคนอยู่ในค่ายที่เขาให้เข้าไม่ให้ออกและสุดท้ายเมื่อหนีออกมาแต่ก็ไม่ได้ถึงบ้าน

การดำเนินการของกลุ่ม PDF มีทั้งการก่อการกับทหาร พลเรือนที่ใกล้ชิดทหาร เจ้าหน้าที่รัฐบาล ไปจนถึงคนทั่วไปที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่แค่สงสัยว่าเป็นสายลับให้ทหาร รวมไปถึงการสร้างกลุ่มกองกำลังโดยเกณฑ์ชาวบ้านในดินแดนห่างไกลมาเป็นพวก ซึ่งแรกๆ ก็มีการให้ความร่วมมือของชุมชนกับกลุ่ม แต่หลังจากที่มีการระเบิดโรงไฟฟ้า ทำลายเสาสัญญาณโทรศัพท์ ระเบิดสะพาน เผาโรงเรียน ทั้งหมดทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่เห็นด้วยและเริ่มผละตัวออกจากการเป็นคนช่วยเหลือสนับสนุน NUG ไปอย่างช้าๆ

>> ในภาพของสงครามตัวแทน
จะเห็นได้ชัดว่ารัสเซียเป็นผู้เข้ามาช่วยสนับสนุนทางกองทัพรัฐบาลทหารของเมียนมาในขณะที่ฝั่ง NUG ก็ได้เข้าพบกับรองเลขาธิการของสหรัฐอเมริกาเพื่อขอการสนับสนุนและช่วยเหลือ แต่เหมือนการช่วยเหลือเหล่านั้นเริ่มถูกบีบให้แคบลงหลังจากที่ทางรัฐบาลทหารสั่งปิด NGO ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งเงินทุนให้กับฝ่ายต่อต้านของเมียนมา ทำให้กิจกรรมการสนับสนุนทุนถูกย้ายมาสู่ NGO ที่อยู่ในประเทศไทยที่เป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกับเมียนมายาวที่สุดและยังเป็นประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีความเกรงอกเกรงใจเหล่าประเทศทางตะวันตกอยู่ ทำให้คนในแม่สอดหรือข้าราชการในแม่สอดได้เห็นเหล่า พณ ท่านทูตหรือเอกอัคราชทูตทั้งหลายต่างเดินทางมายังแม่สอดด้วยเหตุผลว่ามาเยี่ยมชมค่ายอพยพหรือมาพบกับ NGO ที่ตั้งอยู่แถวนี้ โดยที่ก็น่าสงสัยว่านี่ใช่ภารกิจของทูตที่ต้องมาเยี่ยมชมคนที่ไม่ใช่คนในประเทศตนเองนั้นหรือ

ปักกิ่ง เปิดให้บริการ ‘แท็กซี่ไร้คนขับ’ ย่านชานเมือง พร้อมเล็งขยายบริการสู่อีก 65 เมือง ภายในปี 2025

(27 มี.ค.66) หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี สื่อทางการจีน เปิดเผยว่าขณะนี้รถแท็กซี่ไร้คนขับพร้อมให้บริการแล้วในเขตชานเมืองกรุงปักกิ่ง ซึ่งนับเป็นความคืบหน้าใหม่ในภาคการขนส่งอัจฉริยะ และเป็นครั้งแรกที่ฝูงยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในมหานครระดับโลก

ก่อนหน้านี้ ปักกิ่งมอบใบอนุญาตแก่ไป่ตู้ (Baidu) ยักษ์ใหญ่วงการอินเทอร์เน็ตจีน และโพนีดอตเอไอ (Pony.ai) สตาร์ตอัปด้านการขับเคลื่อนอัตโนมัติ ให้สามารถมอบบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับได้อย่างเต็มรูปแบบ

ไป่ตู้และโพนีดอตเอไอ ซึ่งต่างเป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไร้คนขับของจีน ได้จัดสรรยานยนต์ไร้คนขับบริษัทละ 10 คัน เพื่อออกวิ่งสัญจรในพื้นที่ 60 ตารางกิโลเมตรของเขตอี้จวง บริเวณชานเมืองทางตอนใต้ของปักกิ่ง

รายงานเสริมว่าไป่ตู้วางแผนขยายบริการเรียกรถโดยสารอัตโนมัติผ่านแพลตฟอร์มสู่อีก 65 เมืองภายในปี 2025 และ 100 เมืองภายในปี 2030

ฮอนดูรัส ขีดเส้น ทูตไต้หวัน ออกจาก ปท.ใน 30 วัน หลังประกาศสะบั้นสัมพันธ์หันซบอก ‘จีน’ เต็มตัว

ไต้หวันต้องย้ายออกจากสถานทูตของพวกเขาในฮอนดูรัส ภายใน 30 วัน จากคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮอนดูรัสในวันจันทร์ (27 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีซิโอมารา คาสโตร ตัดความสัมพันธ์ไทเป แล้วหันไปเข้าข้างจีน ในความพยายามดึงดูดเงินลงทุนและการจ้างงานจากยักษ์ใหญ่เอเชียแห่งนี้

(28 มี.ค.66) อันโตนิโอ การ์เซีย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อออกคำสั่งดังกล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแห่งหนึ่งในวันจันทร์ (27 มี.ค.) ตามหลังคำแถลงของรัฐบาลเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ว่าพวกเขาได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับปักกิ่งอย่างเป็นทางการ พร้อมกับยุติความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษกับไต้หวัน

ในเวลาต่อมา ฝ่านค้ายหลักของ คาสโตร แถลงว่าพวกเขาขอสงวนไว้ซึ่งการถอนการสถาปนาความสัมพันธ์กับจีน หากพวกเขาก้าวเข้าสู่อำนาจ

จีน กล่าวอ้างมาช้านานกว่าไต้หวัน เกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และไม่มีสิทธิสานสัมพันธ์แบบรัฐกับรัฐ จุดยืนที่ไทเปปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว ทั้งนี้ จีนที่ปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ ระบุว่าประเทศต่างๆ ที่พวกเขามีความสัมพันธ์ด้วยจำเป็นต้องยอมรับจุดยืนของพวกเขา

การ์เซีย กล่าวว่า "30 วัน เป็นเวลาที่มากพอสำหรับแพกของเก็บกระเป๋าและเดินทางออกไป" พร้อมระบุเป้าหมายของเจ้าหน้าที่คือการเดินทางออกไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและเป็นมิตร

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายนี้ เน้นย้ำถึงความเป็นสำหรับการสานสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก "เราจำเป็นต้องไปในจุดนั้น เพื่อเสาะหาโครงการยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่จีนสามารถมอบให้เรา" เขากล่าว พร้อมบ่งชี้ว่าจีนจะลงทุนราว 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในฮอนดูรัส ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับแรงงานท้องถิ่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top