Saturday, 10 May 2025
World

จวก 'บลินเคน' กลางวงแถลงลั่นควรขึ้นศาลโลก ปมหนุนยิวฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์

(17 ม.ค.68) เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายของนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก่อนที่เขาจะหมดวาระจากตำแหน่ง หลังการประกาศข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส รวมทั้งข้อตกลงเรื่องตัวประกัน

ในระหว่างการแถลงข่าว นายแซม ฮัสเซนี นักข่าวอเมริกันเชื้อสายจอร์แดน-ปาเลสไตน์ ผู้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของสถาบันเพื่อความถูกต้องของสาธารณะ และคอลัมนิสต์ในสื่อหลายแห่ง เช่น CounterPunch, The Nation, The Washington Post, USA Today และ Salon ได้ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกระทรวงต่างประเทศลากออกจากห้องแถลงข่าว หลังจากที่เขาพยายามถามเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ซึ่งบลิงเคนอ้างว่าเป็นความสำเร็จทางการทูตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

ฮัสเซนีถามบลิงเคนด้วยความไม่พอใจว่า ทำไมเขาถึงยอมให้ฝ่ายอิสราเอลจบสงครามในกาซา ซึ่งดำเนินมาเป็นเวลา 15 เดือนและคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนอย่างง่ายดาย และกล่าวว่า กระบวนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปาเลสไตน์ยังไม่สิ้นสุด

ในขณะนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามนำตัวฮัสเซนี ออกจากห้องประชุม โดยฮัสเซนีตะโกนว่า "อย่าแตะต้องผม!" พร้อมทั้งร้องเสียงดังว่า "กรุณาตอบคำถามของผมก่อน"

ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่พยายามพาตัวเขาออกจากห้อง เขายังตะโกนว่า "อาชญากร! ทำไมคุณไม่อยู่ที่กรุงเฮก!" โดยกล่าวถึงกรุงเฮก ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลอาญาระหว่างประเทศ

ฮัสเซนีกล่าวว่าเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพียงแค่พยายามถามคำถามเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ยินยอมตอบคำถาม โดยเฉพาะคำถามเกี่ยวกับระเบียบฮันนิบาล ไดเร็กทีฟ (Hannibal Directive) ซึ่งอนุญาตให้ทหารอิสราเอลดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของพลเรือนและทหารของตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวประกันตกไปอยู่ในมือศัตรู

บลิงเคนตอบกลับว่า ผู้สื่อข่าวต้องเคารพขั้นตอนการแถลงข่าว และเขาจะเปิดให้สอบถามหลังจากแถลงเสร็จสิ้นแล้ว ฮัสเซนีตะโกนสวนกลับไปว่า "ทุกคนจากองค์การนิรโทษกรรมสากลจนถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศบอกว่าอิสราเอลกำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แล้วคุณมาบอกให้ผมเคารพขั้นตอนงั้นหรือ"

หลังจากถูกนำตัวออกจากห้องแถลงข่าว ฮัสเซนีเขียนในโพสต์ของเขาว่า การกระทำนี้เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต และถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพียงเพราะเขาพยายามถามคำถามที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องการตอบ

นอกจากนี้ แม็กซ์ บลูเมนทาล บรรณาธิการของสำนักข่าว Grayzone News ได้กล่าวหาบลิงเคนว่าเขากำลังทำลายศาสนายูดาห์โดยการร่วมมือกับฟาสซิสต์ พร้อมกับชี้ว่า ครอบครัวของบลิงเคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล็อบบี้ยิสต์ให้กับอิสราเอล

บลูเมนทาลยังได้ถามบลิงเคนว่า "ทำไมคุณยังคงส่งอาวุธไปในขณะที่เรามีข้อตกลงในเดือนพฤษภาคม?" พร้อมกับถามว่า "ทำไมคุณให้บ้านของเพื่อนผมในกาซาถูกทำลาย?" ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศพยายามพาตัวเขาออกจากห้องแถลงข่าวเช่นเดียวกับนายฮัสเซนี 

ทั้งฮัสเซนีและบลูเมนทาลต่างไม่พอใจที่สงครามของอิสราเอลในกาซายังไม่ยุติลง แม้ว่าการโจมตีในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 จะผ่านมาเป็นเวลา 15 เดือนและทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน

‘ทรัมป์ – สีจิ้นผิง’ ต่อสายพูดคุย!! เดินหน้าความสัมพันธ์ เพื่อ 'จีน – สหรัฐฯ – โลก’ บนเส้นทาง การพัฒนาการค้า

(18 ม.ค. 68) ‘สำนักข่าวซินหัว’ รายงานว่า ‘สีจิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ตามคำเชิญของทรัมป์ โดยสีจิ้นผิงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการแสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง

สีจิ้นผิงชี้ว่าทั้งเขาและทรัมป์ต่างให้ความสำคัญกับการรักษาปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่ายอย่างยิ่ง หวังว่าสายสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ จะมีจุดเริ่มต้นที่ดีในวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ และพร้อมผลักดันความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นจากจุดเริ่มต้นใหม่

สีจิ้นผิงเน้นย้ำว่าทั้งจีนและสหรัฐฯ กำลังไล่ตามความฝันของตัวเองและมุ่งมั่นทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดียิ่งขึ้น โดยจีนและสหรัฐฯ มีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายและพื้นที่กว้างขวางสำหรับความร่วมมือ ทั้งสองประเทศสามารถเป็นหุ้นส่วนและมิตรสหาย มีส่วนส่งเสริมความสำเร็จของอีกฝ่าย และประสบความเจริญรุ่งเรืองอันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและโลกทั้งใบ

สีจิ้นผิงกล่าวว่าสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงคือจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสองประเทศใหญ่ที่มีสภาพการณ์แตกต่างกัน ย่อมต้องมีข้อแตกต่างไม่ตรงกันบางประการ ทว่ากุญแจสำคัญคือการเคารพผลประโยชน์หลักและข้อวิตกกังวลของอีกฝ่าย และแสวงหาหนทางอันเหมาะสมต่อการแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ

สีจิ้นผิงเสริมว่าปัญหาไต้หวันเกี่ยวข้องกับอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน ซึ่งจีนหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะดำเนินการด้วยความระมัดระวัง 

สีจิ้นผิงกล่าวว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ มีลักษณะของการได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ดังนั้นการปะทะคะคานและความขัดแย้งมิควรเป็นตัวเลือกของสองประเทศ

สีจิ้นผิงเรียกร้องทั้งสองฝ่ายยกระดับความร่วมมือ รวมถึงทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นรูปธรรม และดีงามยิ่งขึ้น ซึ่งเกื้อหนุนสองประเทศและโลกบนหลักการเคารพซึ่งกันและกัน การดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ เพื่อรักษาทิศทางของเรือลำยักษ์ทั้งสองอย่างจีนและสหรัฐฯ แล่นไปข้างหน้าบนเส้นทางการพัฒนาที่มีเสถียรภาพอันดีและยั่งยืน

ด้านทรัมป์ขอบคุณสีจิ้นผิงสำหรับการแสดงความยินดี กล่าวว่าเขาเชิดชูความสัมพันธ์อันดีของเขากับสีจิ้นผิง คาดหวังว่าจะเดินหน้าการพูดคุยสื่อสารต่อไป และรอคอยจะได้พบสีจิ้นผิงโดยเร็ววัน พร้อมเสริมว่าสหรัฐฯ และจีนเป็นกลุ่มประเทศสำคัญที่สุดในโลกวันนี้ ซึ่งควรรักษามิตรภาพอันยืนยาวและทำงานร่วมกันเพื่อคุ้มครองสันติภาพของโลก

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงและทรัมป์ได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประเด็นสำคัญอันเป็นที่วิตกกังวลร่วมกันในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เช่น วิกฤตยูเครน และความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ รวมถึงเห็นพ้องจะจัดตั้งช่องทางการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์และพูดคุยสื่อสารประเด็นสำคัญอันเป็นที่วิตกกังวลร่วมกันเป็นประจำ

‘ญี่ปุ่น’ มีความเสี่ยง!! เกิดแผ่นดินไหวมหึมา ‘เมกะเควก’ เพิ่มมากถึง 82% ในอีก 30 ปีข้างหน้า

(18 ม.ค. 68) คณะกรรมธิการวิจัยแผ่นดินไหวของญี่ปุ่นเพิ่มระดับความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มากเป็นร้อยละ 75-82 จากเดิมอยู่ที่ระหว่างร้อยละ 74-81 และประเมินว่าความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากเมกะเควกขนาด 8-9 แม็กนิจูดจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิคร่าชีวิตผู้คนหลายแสนรายและสร้างความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แผ่นดินไหวระดับมหาวิปโยคที่อาจเกิดขึ้นเป็นผลจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกใน ‘ร่องลึกนันไก’ ซึ่งมีความยาวประมาณ 800 เมตร ทอดตัวขนานไปกับชายฝั่งแปซิฟิกของญี่ปุ่น

ร่องน้ำลึกก้นสมุทรนันไกอยู่บนแผ่นเปลือกโลกฟิลิปปินส์และกำลังมุดตัวหรือค่อยๆ เคลื่อนตัวอยู่ใต้แผ่นเปลือกโลกที่ญี่ปุ่นตั้งอยู่ หลังจากแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัวแล้วจะหยุดชะงัก กักเก็บพลังงานมหาศาล ก่อนปล่อยออกมาและเป็นสาเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดมหึมา

สำนักงานส่งเสริมการวิจัยแผ่นดินไหวของรัฐบาลระบุว่าในช่วง 1,400 ปีที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหวในร่องลึกนันไกทุกๆ 100-200 ปี โดยแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี 2489 หรือ 79 ปีก่อนและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดแผ่นดินไหวจะเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราร้อยละ 1

รัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ไว้เมื่อปี 2555 ว่าหากเกิดแผ่นดินไหวเมกะเควกขึ้นมาจะทำให้เกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งของเกาะหลักอาจทำให้เกิดสึนามิสูงกว่า 30 เมตร พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นบนเกาะหลัก ทั้งเกาะฮอนชูและชิโกกุจะถูกคลื่นยักษ์ถล่มภายในไม่กี่นาที

เมื่อเดือนส.ค.2567 กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นออกประกาศเตือนภัยแผ่นดินไหวขนาดมหึมาเป็นครั้งแรกตามกฎระเบียบที่ร่างไว้ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิที่ภูมิภาคโทโฮคุเมื่อปี 2554 และมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่อาจเกิดแผ่นดินไหวใหญ่แถบร่องลึกนันไก หลังเกิดแผ่นดินไหวที่ความรุนแรงขนาด 7.1 แม็กนิจูด ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 15 คน

แม้ประกาศยกเลิกคำเตือนหลังผ่านพ้นเหตุการณ์ระทึกขวัญไปได้ 1 สัปดาห์แล้ว แต่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกและพากันกักตุนข้าวสารและสิ่งของจำเป็นอื่นๆ

ทั้งนี้ เมื่อปี 2250 หรือเมื่อ 318 ปีก่อน ทุกส่วนของร่องลึกนันไกเคยแตกออกมาพร้อมกันทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่และยังเป็นแผ่นดินไหวที่ทรงพลังเป็นอันดับ 2 ของประเทศจนถึงทุกวันนี้

แผ่นดินไหวครั้งนั้นส่งผลให้ภูเขาไฟฟูจิปะทุเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในร่องลึกนันไก 2 ครั้งในปี 2397 และอีก 2 ครั้ง ในปี 2487 และ 2489

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เตรียมเสนอชื่อ ‘ฌอน เคอร์แรน’ ตำรวจลับที่ปกป้องตน เป็น!! ‘ผู้อำนวยการซีเคร็ตเซอร์วิส’ ชี้!! มีความเหมาะสม เป็นผู้รักชาติ

(18 ม.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ เตรียมคัดเลือกหนึ่งในทีมตำรวจลับที่ปกป้องตนในวันที่ถูกคนร้ายลอบยิงระหว่างปราศรัยหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย เป็นหัวหน้าหน่วยซีเคร็ตเซอร์วิส (Secret Service)

โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ระบุว่า บิดาของเขาจะเสนอชื่อ ฌอน เคอร์แรน (Sean Curran) ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยอารักขา ทรัมป์ ในวันนั้นขึ้นเป็นผู้อำนวยการซีเคร็ตเซอร์วิสคนใหม่

“ฌอน เป็นผู้รักชาติที่ยอดเยี่ยม และจะเข้ามาหยุดความบ้าคลั่งทุกอย่างเอาไว้ ไม่มีใครที่จะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากไปกว่าเขา!!”

ทรัมป์ จูเนียร์ โพสต์ X เมื่อวันศุกร์ (17 ม.ค.)ซีเคร็ตเซอร์วิส ถูกเพ่งเล็งและกดดันอย่างหนักเรื่องการทำงานที่หละหลวม หลัง ทรัมป์ ได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนถากเข้าที่ใบหูจากความพยายามลอบสังหารเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ปีที่แล้ว ณ เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย นอกจากนี้ ยังมาถูกคนร้ายพยายามปลิดชีพครั้งที่ 2 ที่สนามกอล์ฟในรัฐฟลอริดาเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ซึ่งครั้งหลังนี้โชคดีที่ ทรัมป์ ไม่ได้รับอันตราย

สิ่งที่คนพูดกันมากก็คือ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจากส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นไม่มีการประสานงานที่ดีพอ ทำให้คนร้ายมีโอกาสปีนขึ้นไปบนหลังคาอาคารและยิงใส่ ทรัมป์ ระหว่างหาเสียง ก่อนจะถูกมือปืนสไนเปอร์ยิงปลิดชีพ

หลังถูกยิงที่บัตเลอร์ ทรัมป์ เอามือจับไปที่หูข้างขวาซึ่งมีเลือดอาบก่อนจะหมอบลงโดยมี เคอร์แรน และเจ้าหน้าที่ซีเคร็ตเซอร์วิสคนอื่นๆ เข้ามาช่วยป้องกัน จากนั้น ทรัมป์ ได้ยืนขึ้นอีกครั้งโดยมีตำรวจลับคุ้มกันรอบตัว พร้อมกับชูกำปั้นขึ้นฟ้าประกาศ “สู้! สู้! สู้!” ก่อนถูกนำตัวลงจากเวที

เผยช่องโหว่ ‘พ.ร.บ.สัญชาติ’ ส่งเสริม ‘จนท.รัฐ’ ทำผิดกฎหมาย จะรู้ได้อย่างไร?? ว่าเขาจงรักภักดีต่อ ‘พระมหากษัตริย์ไทย’

(19 ม.ค. 68) หลังจากที่คุณเต้ อาชีวะ  ได้ทำการขุดรากทำให้คนไทยได้ทราบว่ามีกลุ่มมาเฟียต่างด้าวหลายกลุ่มในประเทศไทย โดยที่สำคัญคือกลุ่มที่มีอยู่เป็นจำนวนมากนั้นเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มาจากเมียนมาและนั่นก็เป็นการสะท้อนว่า คนเหล่านี้ได้แอบเข้ามาอาศัยในประเทศไทยนานแล้ว  และมีการช่วยเหลือจากทั้งกลุ่มคนที่มาก่อนและคนไทยที่ใจดี

มากล่าวเรื่องคนไทยที่ใจดี  เอย่าได้ยินมาหลายครั้งเรื่องคนไทยที่ใจดีกับคนต่างด้าวจนบางทีก็ลืมไปว่าการใจดีนั้นมันเปิดสิทธิพิเศษให้แก่ลูกหลานเขาอันจะนำผลประโยชน์มาสู่ตัวของคนต่างด้าวเองในอนาคตและสิ่งนั้นคือการรับรองบุตรคนต่างด้าวนั่นเองเพื่อให้บุตรของคนต่างด้าวเข้าถึงสิทธิต่างๆเยี่ยงคนไทย  คำถามคือ  คนไทยเราพร้อมที่จะใช้ภาษีเราโอบอุ้มคนที่ไม่ได้จ่ายภาษีให้ประเทศไทยแล้วอย่างนั้นหรือ

ประเด็นอีกเรื่องที่คุณเต้หยิบยกขึ้นมาคือลูกหลานคนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยมีสิทธิ์ในการขอสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ. 2551  ยิ่งเอื้อให้เด็กต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยได้สัญชาติไทยได้ง่ายขึ้นเพราะคุณสมบัตินั้นเอื้อต่อการให้สัญชาติมากอาทิ เช่น ในมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 กำหนดไว้ว่า

ข้อ 1. บุตรของคนที่เข้าอพยพเข้ามาในราชอาณาจักรและอาศัยอยู่เป็นเวลานาน ครอบคลุมชนกลุ่มน้อย และกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติไว้เดิมรับรองสถานะให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักร อาทิ กลุ่ม เวียดนามอพยพ อดีตทหารจีนคณะชาติ จีนฮ่ออพยพพลเรือน จีนฮ่ออิสระ ไทยลื้อ ลื้อ ผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทย ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า เนปาลอพยพ ชาวเขา บุคคลบนพื้นที่สูง ลาวภูเขาอพยพ ม้งถ้ำกระบอก ผู้หลบหนีเข้าเมืองจากพม่า อดีตโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา ผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวกัมพูชา ชาวมอร์แกน และคนอพยพเข้ามาในราชอาณาจักรและอาศัยอยู่เป็นเวลานาน ที่ได้รับการสำรวจจัดท าทะเบียนตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะ และสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไปภายใต้เงื่อนไข ดังนี้ (1) บิดาหรือมารดาที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรและอาศัยอยู่เป็นเวลานานตามข้อ 1 ต้องมีหรือเคยมีชื่อและรายการบุคคลในทะเบียนประวัติ หรือเอกสารการทะเบียนราษฎร มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร และต้องเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าปี นับถึงวันที่บุตรยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือนายทะเบียนเพื่อขอมีสัญชาติไทย

(2) มีหลักฐานแสดงว่าเกิดในราชอาณาจักร ได้แก่ สูติบัตร ทะเบียนการเกิด หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.20/1) หรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด และต้องมีรายการบุคคลในทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร แล้วแต่กรณี

(3) ไม่ปรากฏหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น

(4) พูดและฟังภาษาไทยเข้าใจได้ ยกเว้นเด็กที่มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี

(5) มีความจงรักภักดีและเลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

(6) มีความประพฤติดี ไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคง และถ้าเคยรับโทษอาญา ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันที่ยื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทย เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ

ที่เอย่ายกมาแค่ข้อ 1 ก็เห็นช่องโหว่ในกฎข้อนี้แล้ว อาทิเช่น ในข้อย่อยข้อ 1 เป็นการส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่รัฐทำผิดกฎหมายได้อย่างง่ายมากโดยการทำบัตร 13 หลักให้คนเหล่านี้ซึ่งก็ไม่แปลกใจว่าทำไมต่างด้าวทุกคนพยายามจะเสียเงินเพื่อให้ได้บัตรชมพูมา หรือในข้อย่อยข้อ 5 ที่ว่า มีความจงรักภักดีและเลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข  เอาอะไรมาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจงรักภักดี ในขณะที่มีคลิปทหารกะเหรี่ยงที่ตายในสนามรบในกะเหรี่ยงมีบัตรไทย หรือบางคนมีบัตรประชาชนไทย  นั่นแปลว่าอะไร  นี่เอย่ายังไม่อยากสาวความไปถึงกลาโหมทราบไหมว่าฝึกลูกหลานชาติพันธุ์ให้เป็นทหารเกณฑ์ในไทยเพื่อไปรบในสงครามกะเหรี่ยงที่บ้านเขา  ไม่ทราบว่าคุ้มภาษีที่จ่ายให้กองทัพไหมละ  หรือข้อย่อยสุดท้ายการไม่ต้องโทษอาญาแผ่นดินไทยอาจจะไม่เพียงพอหรือเปล่าเพราะอย่างที่รู้กันบางคนหนีคดีประเทศเขามาอาศัยในประเทศเรากลายเป็นคนใหม่ชีวิตใหม่  

ถามว่า ณ บริบทประเทศไทยทุกวันนี้อยากได้คนเหล่านี้มาเป็นคนไทยหรือ  คนเหล่านี้ได้จ่ายภาษีบำรุงประเทศไทยสักเท่าไร  บางทีเราอาจจะต้องเปลี่ยนการคัดเลือกต่างชาติเข้ามาเป็นสัญชาติไทยโดยการไม่รับคนต่างด้าวที่มีลักษณะหลบหนีเข้าเมืองมาเป็นพลเมืองได้แล้ว เพราะดูจากประเทศที่เจริญรอบข้างเราไม่มีใครอยากให้คนเหล่านั้นมาขยับสถานะในประเทศตนเองเลย  นี่คงเป็นโจทย์สำหรับคนไทยเพราะยากไปสำหรับรัฐบาลไหนๆที่จะผลักดันเพราะผลประโยชน์มันสูงและต่อมรักชาติและสำนึกในชาติมันไม่มีค่าเท่ากับต่อมเงินตรา  บางทีคนไทยก็ควรจะเลิกเป็นคนใจดีแล้วหันกลับมามองคนในชาติบ้างเราไม่ได้แอนตี้คนต่างด้าวแต่เราต้องการคนต่างด้าวที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณที่เข้ามาแล้วสามารถผลักดันให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเป็นตัวถ่วงและสุดท้ายก็มาอ้างว่า ‘ต่างด้าวสร้างประเทศไทย’ ถามจากใจคนไทยด้วยกันว่าเวลาได้ยินคำนี้แล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้าง

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เผยกับ ‘เอ็นบีซี’ อาจเลื่อนกำหนด ‘แบนติ๊กต็อก’ ไปอีก 90 วัน หลังรับตำแหน่งในวันจันทร์ จากที่ต้องหยุดให้บริการในสหรัฐ วันอาทิตย์นี้

(19 ม.ค. 68) “เป็นไปได้มากที่จะยืดเวลาออกไป 90 วันเพราะมีความเหมาะสม ถ้าผมตัดสินใจแบบนั้น ผมอาจจะประกาศในวันจันทร์” ทรัมป์ กล่าวกับเอ็นบีซีเมื่อวันเสาร์ (18 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น

แอปติ๊กต็อกของจีนมีผู้ใช้ชาวอเมริกัน 170 ล้านคนหรือเกือบครึ่งหนึ่ง แอปช่วยเสริมพลังธุรกิจและสร้างวัฒนธรรมออนไลน์รูปแบบใหม่

เมื่อวันศุกร์ (17 ม.ค.) ติ๊กต็อกประกาศว่าต้องจอดำที่สหรัฐในวันอาทิตย์จนกว่ารัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะรับประกันว่า บริษัทอย่างแอปเปิ้ลและกูเกิล จะไม่ถูกบังคับให้ต้องปฏิบัติตามเมื่อคำสั่งห้ามมีผลบังคับใช้

กฎหมายแบนติ๊กต็อกออกมาเมื่อปีก่อน ศาลฎีกามีมติเอกฉันท์พิพากษายืนเมื่อวันศุกร์ ให้เวลาตัดขาดกับไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ที่มีฐานปฏิบัติการในจีนก่อนวันอาทิตย์ ไม่เช่นนั้นแล้วจะถูกห้ามใช้ในสหรัฐ เพื่อแก้ไขข้อกังวลติ๊กต็อกเสี่ยงเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติ

ด้านทำเนียบขาวเมินความเห็นของติ๊กต็อกเมื่อวันศุกร์ มองว่าเป็นมุกและย้ำในวันเสาร์ว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลทรัมป์ที่กำลังจะเข้ามาว่าจะทำอย่างไร จึงยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ว่าติ๊กต็อกต้องถึงคราวจอดำในวันอาทิตย์

“เราไม่เห็นเหตุผลสำหรับติ๊กต็อกหรือบริษัทอื่นๆ ที่จะทำอะไรไม่กี่วันก่อนรัฐบาลทรัมป์รับตำแหน่งในวันจันทร์” แครีน ฌ็อง ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวแถลง

หากไบเดนไม่ตัดสินใจอย่างเป็นทางการที่จะเลื่อนกำหนดเส้นตายออกไป 90 วัน บริษัทที่ให้บริการแก่ TikTok หรือโฮสต์แอปอาจต้องเผชิญกับภาระทางการเงินมหาศาล

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ทรัมป์อาจสั่งการโดยตรงให้กระทรวงยุติธรรม “ไม่ให้ความสำคัญ” หรือไม่บังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่แน่ชัดว่าการทำเช่นนั้นจะให้ความคุ้มครองทางกฎหมายได้เพียงพอแก่เจ้าของแอปสโตร์อย่างแอปเปิ้ลและกูเกิล รวมถึงบริษัทให้ข้อมูลสำคัญอย่างออราเคิล และบริการอื่นๆ ในติ๊กต็อก

เมื่อปี 2020 ทรัมป์เคยพยายามบีบให้ติ๊กต็กขายกิจการมาแล้ว และลั่นวาจาว่าจะแบนแต่ถูกศาลสหรัฐขวาง

‘CIA’ ใช้!! ‘ยูเครน’ เป็นฐานข่าวกรอง เปลี่ยนเกมยุทธศาสตร์ NATO ในยุโรป

(19 ม.ค. 68) จากรายงานของ Sputnik International (18 ม.ค. 2025) ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เริ่มต้นจาก "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2022 ได้เน้นถึงบทบาทสำคัญของ NATO และสหรัฐฯ ในการสร้างเครือข่ายข่าวกรองและขยายอำนาจทางทหารในยุโรป

การเริ่มต้นปฏิบัติการในยูเครน

รัสเซียอ้างว่าการปฏิบัติการในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อปลดปล่อยภูมิภาคดอนบาส หลังประชาชนในพื้นที่โดเนตสค์และลูกันสค์เผชิญการโจมตีจากกองกำลังของยูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยความขัดแย้งนี้มีรากฐานมาจากเหตุการณ์รัฐประหาร Euromaidan ในปี 2014 ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลยูเครนมีแนวโน้มสนับสนุนตะวันตกอย่างชัดเจน

ความร่วมมือระหว่าง CIA และยูเครน

หลังรัฐประหารในปี 2014 หน่วยข่าวกรองของยูเครนกลายเป็นพันธมิตรสำคัญของ CIA รายงานเผยว่ามีการส่งมอบเอกสารลับของรัสเซียให้กับ CIA อย่างต่อเนื่อง รวมถึงข้อมูลอาวุธลับ เทคโนโลยีสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และแผนการตัดสินใจทางการทหาร

CIA ได้สร้างฐานปฏิบัติการลับ 12 แห่งใกล้ชายแดนรัสเซีย และจัดตั้งโครงการฝึกอบรมหน่วยพิเศษยูเครนในชื่อ ‘Operation Goldfish’ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการต่อต้านรัสเซีย

อดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่าข้อมูลเหล่านี้มีมูลค่าสูงถึง "หลายร้อยล้านดอลลาร์" โดยมีความสำคัญต่อการพัฒนายุทธวิธีของ NATO

การติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ B61-12 ในยุโรป

สหรัฐฯ ได้เริ่มติดตั้งระเบิดนิวเคลียร์รุ่น B61-12 ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงล่าสุดในฐานทัพยุโรป โดยได้รับการอนุมัติให้ใช้งานภายใต้โครงการ "การแบ่งปันนิวเคลียร์" ของ NATO ระเบิดรุ่นนี้สามารถปรับพิสัยการทำลายล้างได้ตั้งแต่ 0.3-50 กิโลตัน

Jill Hruby หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงนิวเคลียร์แห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่าการติดตั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณไปยังรัสเซียว่า NATO พร้อมรับมือทุกภัยคุกคาม

ความคิดเห็นนักวิเคราะห์

Michael Maloof อดีตนักวิเคราะห์กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ วิจารณ์ว่า NATO กำลังเปลี่ยนจากพันธมิตรป้องกันตัวเป็นองค์กรเชิงรุก และการติดตั้งอาวุธนี้ทำให้ยุโรปมีความเสี่ยงต่อความขัดแย้งทางนิวเคลียร์มากขึ้น

Maloof ระบุว่าการเคลื่อนไหวของ NATO อาจกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งที่ยากต่อการควบคุม โดยยุโรปอาจกลายเป็นเป้าหมายสำคัญหากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและตะวันตกเพิ่มสูงขึ้น

บทสรุป

รายงานจาก Sputnik International ชี้ให้เห็นว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นมากกว่าการต่อสู้ในพื้นที่ แต่ยังเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ระดับโลกของ NATO และสหรัฐฯ ที่อาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงในระยะยาว

TikTok กลับมาแล้ว ขอบคุณทรัมป์ พร้อมตั้งบริษัทร่วมทุนถือหุ้น 50%

(20 ม.ค. 68) TikTok ออกแถลงการณ์ว่า กำลังอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูการให้บริการในสหรัฐอเมริกา ตามข้อตกลงกับผู้ให้บริการ หลังจากถูกคำสั่งแบนมีผลบังคับใช้ราว 12 ชั่วโมง พร้อมแสดงความขอบคุณต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มอบความชัดเจนและการรับรองที่จำเป็น เพื่อช่วยให้ TikTok สามารถให้บริการแก่ชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคนได้โดยไม่มีอุปสรรค รวมถึงสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กกว่า 7 ล้านแห่งในประเทศ  

TikTok ระบุเพิ่มเติมว่านี่เป็นการปกป้องสิทธิตามบทบัญญัติการแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1 (First Amendment) และเป็นการยืนหยัดต่อต้านการเซนเซอร์ที่ไม่เป็นธรรม พร้อมทั้งย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับประธานาธิบดีทรัมป์ในการหาทางออกระยะยาว เพื่อให้ TikTok สามารถดำเนินธุรกิจในสหรัฐอเมริกาได้อย่างยั่งยืน  

หนึ่งในแนวทางที่ถูกเสนอเพื่อรักษาการดำเนินงานของ TikTok ในสหรัฐฯ คือการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ ซึ่งจะมีบริษัทสัญชาติอเมริกันถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% โดยขณะนี้มีรายงานว่า ผู้ที่แสดงความสนใจถือหุ้นใน TikTok อาจรวมถึงบุคคลและองค์กรชื่อดัง เช่น อีลอน มัสก์ และบริษัท Amazon  

ทั้งนี้ TikTok ยังคงเดินหน้าหารือและแสวงหาทางเลือกที่จะช่วยรักษาการให้บริการแก่ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ และสนับสนุนการเติบโตของชุมชนธุรกิจต่อไป

ผมต่อต้านการแบน TikTok มานานแล้ว เพราะขัดกับเสรีภาพในการพูด แต่การที่ TikTok ให้บริการในสหรัฐฯ ได้ แต่ X (Twitter) ให้บริการในจีนไม่ได้ นั้นมันไม่ยุติธรรม

(20 ม.ค. 68) อีลอน มักส์ มหาเศรษฐีเจ้าของเทสลา และสเปซเอ็กซ์ ทวีตข้อความถึงกรณีที่แพลตฟอร์ม TikTok ไม่สามารถใช้งานในสหรัฐได้เนื่องจากคำสั่งแบนของศาลสูงสหรัฐ โดยนายมักส์ ทวีตข้อความระบุว่า "ผมต่อต้านการแบน TikTok มานานแล้ว เพราะขัดกับเสรีภาพในการพูด
แต่การที่ TikTok ให้บริการในสหรัฐฯ ได้ แต่ X (Twitter) ให้บริการในจีนไม่ได้ นั้นมันไม่ยุติธรรม บางอย่างควรต้องมีการเปลี่ยนแปลง"

มัสก์ กล่าวถึงกรณีที่ TikTok มีโอกาสกลับมาให้บริการในสหรัฐได้อีกครั้งภายหลังที่ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมอนุญาตให้ TikTok กลับมาให้บริการในสหรัฐได้อีกครั้ง แต่ต้องเป็นไปภายใต้เงื่อนไขที่มีบริษัทสัญชาติอเมริกันถือหุ้นร่วมด้วย 50% แต่ในขณะที่แพลตฟอร์ม  X (Twitter) ไม่แม้แต่จะสามารถให้บริการในจีนได้

ทูตเยอรมนีปูดแผนทรัมป์สมัยสอง สั่นคลอนประชาธิปไตย-ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีร่วมกุมอำนาจ

(20 ม.ค. 68) แอนเดรียส มิคาเอลิส เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำสหรัฐฯ  ออกคำเตือนว่า รัฐบาลใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและสื่อมวลชนในสหรัฐฯ โดยมีแนวโน้มที่จะให้อำนาจกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ร่วมกำหนดทิศทางการปกครองประเทศ รายละเอียดดังกล่าวถูกเปิดเผยในเอกสารลับที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รับการตรวจสอบ

เอกสารลับฉบับนี้ลงวันที่ 14 มกราคม พร้อมลายมือชื่อของแอนเดรียส โดยเนื้อหาในเอกสารระบุว่า วาระซ่อนเร้นของทรัมป์ในสมัยที่สองจะสร้าง "การสั่นคลอนระบบครั้งใหญ่" และนำไปสู่ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรัฐธรรมนูญ" ซึ่งจะรวบอำนาจไว้ที่ตำแหน่งประธานาธิบดี ขณะเดียวกันลดบทบาทของรัฐสภาและรัฐบาลมลรัฐ

เอกสารยังชี้ให้เห็นว่า หลักการประชาธิปไตยและกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลจะถูกลดทอนจนแทบไม่มีความหมาย หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย สื่อมวลชน และฝ่ายนิติบัญญัติจะถูกควบคุมให้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายของประเทศ

เมื่อวันที่ 19 มกราคม อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ยืนยันว่า เยอรมนีจะยังคงรักษาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ แต่จะยืนหยัดปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเช่นกัน เมื่อถูกถามถึงจุดยืนของเอกอัครราชทูตมิคาเอลิสต่อทรัมป์ แบร์บ็อคกล่าวว่า ท่านทูตเพียงปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบ
บทบาทสำคัญของฝ่ายตุลาการ

เอกสารลับยังระบุว่า ฝ่ายตุลาการ โดยเฉพาะศาลฎีกา จะมีบทบาทสำคัญต่อความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันวาระต่าง ๆ แม้ว่าศาลฎีกาจะมีแนวโน้มสนับสนุนการขยายอำนาจของประธานาธิบดี แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายยังเชื่อว่า ศาลจะสามารถยับยั้งสถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้

เอกสารยังกล่าวถึงความพยายามของทรัมป์ที่จะควบคุมกระทรวงยุติธรรมและ FBI เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง เช่น การกวาดล้างผู้อพยพ การล้างแค้นศัตรูทางการเมือง และการสร้างความคุ้มกันทางกฎหมายให้ตนเอง

แอนเดรียส มิคาเอลิส คาดการณ์ว่า ทรัมป์และอีลอน มัสก์ เจ้าของแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์เดิม) อาจมีบทบาทในการปราบปรามผู้วิพากษ์วิจารณ์ โดยใช้วิธีข่มขู่และบิดเบือนอัลกอริทึมบนแพลตฟอร์มออนไลน์

การสนับสนุนพรรคฝ่ายขวาจัดในเยอรมนีของมัสก์ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้เกิดความไม่พอใจในรัฐบาลเยอรมนี แม้ว่าจะยังไม่มีการถอนตัวจากแพลตฟอร์มดังกล่าว

ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมนีและสหรัฐฯ เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากนโยบายการค้าของทรัมป์ รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์เยอรมนีที่ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณด้านการทหารให้เป็นไปตามเป้าหมายของนาโต

แม้การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในสหรัฐฯ อาจไม่ส่งผลให้เอกอัครราชทูตต้องพ้นตำแหน่งโดยอัตโนมัติ เอกสารลับฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่ชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเยอรมนีต่อความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top