Saturday, 10 May 2025
World

อิสราเอล-ฮามาส ตกลงหยุดยิงปล่อยตัวประกันแล้ว จ่อยุติสงครามที่ดำเนินมานาน 15 เดือน

(16 ม.ค.68) นายกรัฐมนตรีชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลเราะห์มาน อัล ทานี ของกาตาร์ ได้ประกาศว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคมนี้ พร้อมการปล่อยตัวประกันที่เหลือทั้งหมดกลับสู่ครอบครัว  

นายอัล ทานี ระบุว่า กาตาร์จะทำงานร่วมกับอียิปต์และสหรัฐอเมริกา เพื่อประกันว่าทุกฝ่ายจะปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว พร้อมแสดงความหวังว่านี่จะเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามในฉนวนกาซา  

ด้าน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันความสำเร็จของการเจรจาที่อียิปต์และกาตาร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง โดยข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยยุติการสู้รบ เปิดเส้นทางสำหรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์ และส่งตัวประกันกลับบ้าน  

ในระยะเริ่มต้นของการหยุดยิง ชาวปาเลสไตน์จะสามารถกลับไปยังบ้านเรือนของพวกเขาได้ และการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาจะเพิ่มขึ้น  

ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการเจรจาเพิ่มเติมในเฟสที่ 2 ของการหยุดยิง ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญสู่การสิ้นสุดความขัดแย้งอย่างถาวร หากการพูดคุยนี้ยืดเยื้อเกิน 6 สัปดาห์ ระยะเวลาการหยุดยิงจะขยายออกไปอีก  

ในเฟสที่ 3 ฮามาสจะปล่อยตัวประกันที่เหลือทั้งหมด ขณะที่แผนการฟื้นฟูฉนวนกาซาจะเริ่มต้นขึ้น  

ตลอด 15 เดือนของความขัดแย้งที่ผ่านมา ผู้นำระดับสูงและนักรบจำนวนมากของฮามาสเสียชีวิต ส่งผลให้กลุ่มดังกล่าวอ่อนแอลงในเชิงปฏิบัติ ข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ  

ไบเดนยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อตกลงนี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้คนในอิสราเอลได้กลับมาพบกับบุคคลอันเป็นที่รัก แต่ยังช่วยให้ฉนวนกาซาได้รับการฟื้นฟู โดยไม่มีกลุ่มฮามาสเข้ามาเกี่ยวข้อง  

การหยุดยิงระยะเวลา 6 สัปดาห์ จะเริ่มในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม โดยฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 33 คน ในขณะที่อิสราเอลจะถอนทหารออกจากพื้นที่พลเรือนในฉนวนกาซา พร้อมปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคน

เทียบภาพถ่ายเป็นทางการของ 'โดนัลด์ ทรัมป์' วาระแรก vs สมัยสอง ปธน.สหรัฐคนที่ 47

(16 ม.ค.68) โลกโซเชียลต่างฮือฮา เมื่อสำนักประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เปิดเผยภาพถ่ายอย่างเป็นทางการของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 ที่จะใช้ในโอกาสสถาปนารับตำแหน่งวันที่ 20 มกราคมนี้ ซึ่งทรัมป์มีท่าทางขึงขังอย่างชัดเจน แตกต่างกับภาพถ่ายอย่างเป็นทางการช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรกช่วงปี 2017-2021 ซึ่งเป็นภาพที่ทรัมป์แสดงรอยยิ้มอย่างชัดเจน

จากข้อมูลของทำเนียบขาวระบุว่า ภาพถ่ายของทรัมป์ ในสมัยแรกเมื่อปี 2017 ถูกถ่ายโดย Shealah Craighead หัวหน้าช่างภาพประจำทำเนียบขาวช่วงปี 2017 – 2021 ขณะที่ภาพถ่ายอย่างเป็นทางการของทรัมป์ที่ใช้ในปี 2025 นี้นั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผยว่าช่างภาพคนใดเป็นผู้ถ่าย

อย่างไรก็ตาม หลังมีการเปิดเผยภาพถ่ายสมัยที่ 47 บรรดาชาวเน็ตอเมริกันหลายคนต่างแสดงความเห็นว่า การวางใบหน้าของทรัมป์คล้ายคลึงอย่างมากกับรูปถ่ายของทรัมป์เมื่อเดือนสิงหาคม 2023 ที่เรือนจำฟุลตันเคาน์ตี้ในแอตแลนตาหลังจากที่เขายอมมอบตัวในคดีกรรโชกทรัพย์เพื่อการเลือกตั้ง

รัสเซียเผยทหารเชลยยูเครน ติดพนันออนไลน์ แถมดื่มสุราอย่างหนัก ผลพวงเพราะเครียดสงคราม

(16 ม.ค.68) เจ้าหน้าที่ความมั่นคงทางชายแดนรัสเซียเผยกับสำนักข่าวสปุตนิกว่า ช่วงคืนวันคริสต์มาสออร์โธดอกซ์ บริเวณชายแดนกับเขตเบลโกโรดในทิศทางของเมืองคาร์คิฟ (Kharkov) มีกลุ่มทหารฝ่ายยูเครนเข้ายอมจำนนกับทางฝ่ายรัสเซีย ซึ่งต่อมาได้ให้การกับทางเจ้าหน้าที่รัสเซียถึงสภาพความเป็นอยู่ในช่วงสงคราม 

โดยระบุว่า ด้วยความตึงเครียดจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อ ทำให้ทหารยูเครนจำนวนมากติดเล่นพนันออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย ถึงขนาดที่แม้แต่ผู้บังคับบัญชาหน่วยยังมีส่วนร่วมในเรื่องดังกล่าว

ยูโรสลาฟ เชเวลยุค หนึ่งในทหารยูเครนที่ยอมจำนนมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่รัสเซียเผยว่า ทหารยูเครนบางรายถึงกับขโมยเงินของทหารด้วยกันเองเพื่อไปซื้อสุราและเล่นพนันออนไลน์เพื่อแก้เครียด โดยหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ถูกระบุว่าติดพนันออนไลน์คือ อดีตผู้บัญชาการหน่วยของเขา ร.ต. ซาบิยากา

"เขายืมเงินจากคนในหน่วยจำนวนมากและเล่นเกมคาสิโนผ่านโทรศัพท์มือถือของเขา หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์บางอย่าง โทรศัพท์ของเขาถูกแฮ็ก และทุกอย่างก็ผิดปกติ เขาถูกส่งไปประจำที่แห่งใหม่ และเขายังไม่ได้คืนเงินให้กับคนที่ยืมไป" เชเวลยุคกล่าว

ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นช่วงสัปดาห์เดียวกัน เจ้าหน้าที่ชายแดนยูเครนสองคนจากกลุ่มเดียวกันได้กล่าวในวิดีโอที่ได้รับจาก RIA Novosti ว่า มีการใช้สารเสพติดและการดื่มสุราเพื่อหนีความเครียดจนถึงขั้นเสียชีวิตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในหมู่ทหารยูเครนเนื่องจากความเหนื่อยล้าทางร่างกายและสภาพจิตใจที่ย่ำแย่จากสมรภูมิอันยาวนาน

ศึกษาพบชาวอเมริกันเลือก ‘ทำหมัน’ เพิ่มขึ้น ขณะเข้าสู่ ‘ยุคทรัมป์’ สมัยสอง

เมื่อวันพุธ (15 ม.ค. 68) เดอะวอชิงตันโพสต์รายงานแนวโน้มประชาชนในสหรัฐฯ จะเลือกทำหมันเพิ่มขึ้นเพราะหวั่นเกรงการถูกจำกัดการเข้าถึงการบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ระหว่างการบริหารประเทศสมัยที่ 2 ของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เตรียมเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

การวิจัยพบการผ่าตัดทำหมันชายและการผ่าตัดทำหมันหญิงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่เดือนก่อนและหลังจากศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ตัดสินคดีด็อบส์ เวอร์เซิส องค์กรสุขภาพสตรีแจ็กสัน (Dobbs vs. Jackson Women’s Health Organization) ซึ่งมีคำวินิจฉัยในปี 2022 ที่ยุติสิทธิทำแท้งตามรัฐธรรมนูญที่มีมาเกือบครึ่งศตวรรษ

การศึกษาจากวารสารเฮลธ์ แอฟแฟร์ส (Health Affairs) พบว่าช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2022 มีการทำหมันชายเพิ่มขึ้นร้อยละ 95 และการทำหมันหญิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 ในกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 19-26 ปี โดยคณะนักวิจัยใช้เวชระเบียนมาวิเคราะห์และพบว่ารัฐที่มีแนวโน้มห้ามทำแท้งหลังจากคำตัดสินคดีด็อบส์ฯ มีการทำหัตถการคุมกำเนิดถาวรเพิ่มขึ้นมากกว่า

การวิจัยจากวารสารเจเอเอ็มเอ เฮลธ์ ฟอรัม (JAMA Health Forum) ที่เผยแพร่ช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2024 ชี้ว่าการทำหัตถการคุมกำเนิดถาวรในกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 18-30 ปี เพิ่มขึ้นหลังจากคำตัดสินคดีด็อบส์ฯ เช่นเดียวกัน

อิสราเอลฉะฮามาส ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขู่ไม่ลงนามจนกว่าทุกเงื่อนไขจะครบ

(17 ม.ค.68) ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอิสราเอลออกแถลงการณ์ในวันนี้ ระบุว่ากลุ่มฮามาสได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบางส่วน ที่ทำไว้ร่วมกับตัวแทนการเจรจาและอิสราเอล

แถลงการณ์ยังระบุเพิ่มเติมว่า คณะรัฐมนตรีอิสราเอลจะยังไม่ประชุมเพื่อให้การรับรองข้อตกลงดังกล่าว จนกว่าตัวแทนการเจรจาจะแจ้งให้อิสราเอลทราบว่าฮามาสได้ยอมรับเงื่อนไขทุกข้อในข้อตกลง อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าฮามาสละเมิดข้อตกลงในส่วนใด

ด้านกาตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนการเจรจา ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า อิสราเอลและฮามาสได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา โดยจะเริ่มมีผลในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม ตามข้อตกลง ฮามาสจะปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล แลกกับการที่อิสราเอลปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากคณะรัฐมนตรีและศาลฎีกาของอิสราเอล

ด้านสำนักข่าว NBC News รายงานว่า นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กำลังนำข้อตกลงเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ก่อนจะส่งต่อให้คณะรัฐมนตรีชุดใหญ่ หากผ่านการอนุมัติ จะส่งต่อไปยังศาลฎีกาเพื่อรับรองภายใน 24 ชั่วโมง

ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสแบ่งเป็น 3 ระยะคือ
ระยะแรกหยุดยิงเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ฮามาสปล่อยตัวประกันอิสราเอล 33 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก ผู้หญิง ผู้ชายอายุมากกว่า 50 ปี ผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ และทหารหญิงบางคน อิสราเอลปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์ประมาณ 2,000 คน

ระยะที่สองฮามาสปล่อยตัวประกันที่เหลือทั้งหมด และอิสราเอลปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์เพิ่มเติม

ระยะสุดท้ายฮามาสส่งคืนร่างของตัวประกันที่เสียชีวิต อิสราเอลดำเนินแผนฟื้นฟูฉนวนกาซาเป็นเวลา 3-5 ปี ภายใต้การดูแลของนานาชาติ

ผลกระทบเพิ่มเติม

ข้อตกลงยังระบุว่า อิสราเอลจะถอนกำลังทหารออกจากระเบียงฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นพื้นที่ระหว่างชายแดนฉนวนกาซาและอียิปต์ พร้อมทั้งอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับบาดเจ็บออกไปรักษาพยาบาล และส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา

รายงานเพิ่มเติมเผยว่า ในบรรดาตัวประกัน 33 คน อาจรวมถึงชาวอเมริกัน 2 คน ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและอาจมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์

PIA โดนจวกเละ เปิดเส้นทางบินปารีส แต่ภาพชวนระทึก คล้ายโศกนาฏกรรม 9/11

เมื่อวันที่ (10 ม.ค.68) สายการบินประจำชาติปากีสถาน ‘ปากีสถาน อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์’ หรือ PIA ได้กลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินระหว่างอิสลามาบัดและปารีสอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกสำนักงานความปลอดภัยการบินแห่งสหภาพยุโรป (European Aviation Safety Agency) สั่งระงับการบิน เนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับความสามารถของหน่วยงานการบินของปากีสถานในการรักษามาตรฐานความปลอดภัยตามข้อกำหนดสากล  

ในวันเปิดเที่ยวบินดังกล่าว โซเชียลมีเดียของ PIA ได้เผยแพร่ภาพโปรโมตการกลับมาของเส้นทางบินนี้ แต่กลับเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นเครื่องบินของสายการบินพุ่งตรงไปยังหอไอเฟล พร้อมฉากหลังเป็นสีของธงชาติฝรั่งเศส และข้อความว่า "Paris, we are coming today."  

ภาพนี้ทำให้ผู้คนในโซเชียลมีเดียนึกถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรม 9/11 ที่เครื่องบินถูกใช้เป็นอาวุธในการโจมตีอาคารในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2001 ส่งผลให้เกิดเสียงตำหนิในโลกออนไลน์ เช่น “คนทำกราฟิกของสายการบินควรเรียนประวัติศาสตร์ใหม่,” “ทีมการตลาดควรถูกไล่ออก,” และ “ใครคิดว่าโฆษณานี้เหมาะสม?”  

เกี่ยวกับประเด็นนี้ อิสฮัก ดาร์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของปากีสถาน เปิดเผยต่อที่ประชุมวุฒิสภาว่า นายกรัฐมนตรีชาห์บาซ ชารีฟ ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว และตำหนิว่าการเผยแพร่ภาพดังกล่าวเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย พร้อมสั่งการให้ตรวจสอบ ระบุผู้รับผิดชอบทันที อีกทั้งให้ถอดภาพจากแคมเปญโปรโมตทันที

ธุรกิจอเมริกันกระทบแน่หากแบน TikTok จับตาซีอีโอดีลทรัมป์ขอขยายแบนอีก 90 วัน

(17 ม.ค.68) ท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนว่า วันที่ 19 มกราคมนี้ ชี้ชะตาอนาคตแพลตฟอร์ม TikTok ในสหรัฐว่าจะถูกแบนหรือไม่ แต่ภายในองค์กรของ TikTok ที่สหรัฐเองก็ออกจดหมายเวียนเป็นการภายใน แจ้งข่าวต่อพนักงานว่าบริษัทมีแผนดำเนินการต่อไปอย่างปกติแม้จะมีความไม่แน่นอนจากการพิจารณาคดีของศาลสหรัฐฯ  

TikTok ระบุต่อพนักงานเป็นการภายในว่า บริษัทจะยังคงดำเนินงานต่อไปในตอนนี้ตามปกติ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแอปก็ตาม ย้ำว่ากฎหมายนี้มีผลเฉพาะส่วนการใช้งานแอปของคนอเมริกา แต่ไม่มีผลกับการทำงานของพนักงานของ TikTok

หากการแบนในวันที่ 19 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมาให้บริการในไม่ช้า เนื่องจากนาย Shou Zi Chew ซีอีโอของ TikTok เป็นหนึ่งในบรรดาแขกวีไอพีที่เข้าร่วมงานพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ ซึ่งมีรายงานข่าวว่านาย Shou Zi Chew ได้หารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ในประเด็นนี้แล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด

การแบน TikTok กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในสหรัฐฯ เนื่องจากจะมีผลกระทบกับผู้ใช้งานกว่า 170 ล้านคน ขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ เริ่มหันไปมองหาแอปทางเลือก โดยแอปที่ได้รับความนิยมมากขึ้นคือ RedNote (Xiaohongshu) ซึ่งกำลังเป็นกระแสในกลุ่มคนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ รวมถึงการเติบโตของแอปเรียนภาษาจีนอย่าง Duolingo ที่เพิ่มขึ้นกว่า 200%

อย่างไรก็ตาม การแบน TikTok อาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจขนาดเล็กและการทำการตลาดในอเมริกาเช่นกัน

ด้านสำนักข่าว AP ระบุว่าผลกระทบจากการแบน TikTok อาจส่งผลต่อธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ โดย TikTok ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการโปรโมทธุรกิจให้กับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก เช่น Desiree Hill เจ้าของธุรกิจซ่อมรถ Crown’s Corner Mechanic ในจอร์เจีย ที่สามารถขยายธุรกิจจากการใช้ TikTok และสร้างงานเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้น

รายงานจาก Oxford Economics ระบุว่า TikTok ส่งผลต่อการจ้างงานในสหรัฐฯ โดยสนับสนุนการจ้างงานกว่า 224,000 ตำแหน่ง และสร้างรายได้จากภาษีสูงถึง 5.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023

นอกจากการทำมาร์เก็ตติ้งแล้ว TikTok ยังเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ ได้สร้างโอกาสในการสร้างรายได้จากการทำคอนเทนต์ และผู้สร้างคอนเทนต์หลายล้านคนกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากการแบนนี้ เช่น Joanne Molinaro และ Eli Rallo ที่พึ่งพา TikTok ในการสร้างชื่อเสียงและรายได้

ขณะเดียวกันหากเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นแล้ว แม้ว่า Instagram และ YouTube จะพยายามเลียนแบบฟีเจอร์ของ TikTok เช่น Reels และ Shorts แต่ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับ TikTok ซึ่งมีอัลกอริธึมที่เข้าใจผู้ใช้และสามารถนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงใจได้เสมอ นอกจากนี้ TikTok ยังส่งเสริมการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเหมือนแอปอื่น ๆ

การแบน TikTok จึงไม่ใช่แค่การลบแอปออกไป แต่เป็นการตัดโอกาสทางธุรกิจและการสร้างชื่อเสียงของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ที่ต้องการสร้างตัวตนและทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มนี้ด้วยเช่นกัน

หลายรัฐในสหรัฐฯ สนับสนุนแนวคิดห้ามใช้มือถือในโรงเรียน ชี้ช่วยปกป้องสุขภาพจิตและเพิ่มสมาธิในนักเรียน

(17 ม.ค.68) แนวคิดการห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์มือถือในช่วงเวลาเรียนได้รับการสนับสนุนอย่างรวดเร็วในหลายรัฐของสหรัฐฯ ทั้งจากพรรคการเมืองหลักทั้งสองฝ่าย โดยมีอย่างน้อย 8 รัฐ ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา อินเดียนา ลุยเซียนา มินนิโซตา โอไฮโอ เซาท์แคโรไลนา และเวอร์จิเนีย ที่ได้ออกกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียนภายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และยังมีหลายรัฐที่กำลังพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวในปีนี้

สำนักข่าวเอพี (AP) รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ว่า "การผลักดันห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียนได้รับแรงผลักดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเด็ก ๆ และการร้องเรียนจากครูที่พบว่าโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งรบกวนสมาธิในชั้นเรียน"

วิเวก มูรตี นายแพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสกำหนดให้มีการติดป้ายเตือนเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้โซเชียลมีเดียต่อชีวิตเยาวชน กล่าวว่า โรงเรียนควรกำหนดช่วงเวลาที่ปราศจากโทรศัพท์มือถือเพื่อช่วยให้เด็ก ๆ สามารถมีสมาธิในการเรียนรู้ได้เต็มที่

ข้อมูลจากศูนย์สถิติการศึกษาแห่งชาติระบุว่า 77% ของโรงเรียนในสหรัฐฯ ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียนหากไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน แต่ข้อมูลนี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด เนื่องจากไม่ได้หมายความว่านักเรียนทุกคนปฏิบัติตามข้อห้ามเหล่านี้ หรือว่าโรงเรียนทุกแห่งจะบังคับใช้ข้อห้ามอย่างเคร่งครัด

เคียฟเผาศพทหารทิ้งกลางสนามรบ ปิดบังความจริง-เลี่ยงจ่ายเงินชดเชยครอบครัว

(17 ม.ค.68) สำนักข่าวสปุตนิกเผยว่า นายอิวาน คุตส์ (Ivan Kuts) เจ้าหน้าที่หน่วยชายแดนยูเครนที่ถูกทหารฝ่ายรัสเซียจับกุม ได้ให้ข้อมูลว่า รัฐบาลเคียฟได้สร้างเตาเผาศพทหารแบบเคลื่อนที่เพื่อจัดการกับศพทหารที่เสียชีวิตในสมรภูมิ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต

รายงานระบุว่า หนึ่งในเตาเผาศพแบบเคลื่อนที่อยู่ในเมืองคาร์คีฟ (Kharkiv) ซึ่งไม่สามารถรองรับศพของทหารจำนวนมากได้ จึงมีการนำเตาเผาศพเคลื่อนที่ออกมาใช้งาน 

"มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และผู้เสียชีวิตยิ่งมากขึ้น เตาเผาศพในเมืองคาร์คีฟไม่สามารถจัดการได้ จึงมีการนำเตาเผาศพเคลื่อนที่มาใช้งาน พวกเขาเผาศพทหารเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต" นายคุตส์กล่าวในคลิปวิดีโอให้การกับทหารรัสเซีย  

นอกจากนี้ คุตส์ยังกล่าวเสริมว่า ศพของทหารรับจ้างต่างชาติก็ถูกเผาเช่นกัน เพื่อปกปิดการมีอยู่ของพวกเขาในยูเครน  

ทั้งนี้ คุตส์และเจ้าหน้าที่ชายแดนอีก 5 คนจากหน่วยงานบริหารชายแดนของยูเครน ได้มอบตัวให้กับรัสเซียบริเวณชายแดนในภูมิภาคเบลโกรอด ในช่วงวันคริสต์มาสออร์โธดอกซ์ที่ผ่านมา

หวัง อี้ ลั่นจับมือชาติอาเซียน ปราบการพนันออนไลน์-แก๊งสแกมเมอร์

(17 ม.ค.68) นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในตอนหนึ่งของการหารือกับคณะผู้แทนจาก 10 ชาติสมาชิกอาเซียนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยให้คำมั่นว่ารัฐบาลปักกิ่งจะร่วมมืออย่างแข็งขันกับบรรดาชาติอาเซียนในการกวาดล้างการพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมข้ามพรมแดน

หวัง อี้  ซึ่งยังดำรงตำแหน่งสมาชิกกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุว่ากรณีการพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อไม่นานมานี้ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ได้ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์สำคัญของพลเมืองจีนและประเทศอื่น ๆ ซึ่งสถานการณ์นี้จำเป็นต้องได้รับการให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน  

นอกจากนี้ นายหวังยังเรียกร้องให้ประเทศที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบและดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดเพื่อกวาดล้างอาชญากรรมดังกล่าวให้สิ้นซาก รวมถึงปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยไม่ปล่อยให้ผู้กระทำความผิดหลบหนีการลงโทษ  

จีนยืนยันความพร้อมที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและความร่วมมือที่เป็นระเบียบในภูมิภาค นายหวังกล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top