Sunday, 11 May 2025
World

‘จีน’ ค้นพบแหล่ง ‘แร่ยูเรเนียม’ ขนาดใหญ่ในพื้นที่จิงชวน ส่งผลให้ทรัพยากรยูเรเนียมของจีน เพิ่มขึ้นอย่างมาก

(12 ม.ค. 68) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของจีน ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ประกาศในวันนี้ (10 ม.ค.) ว่า มีการค้นพบครั้งสำคัญในการสำรวจแร่ยูเรเนียมในพื้นที่จิงชวนของแอ่งออร์ดอส (Ordos Basin) ซึ่งถือเป็นแหล่งแร่ยูเรเนียมขนาดใหญ่พิเศษแห่งแรกที่ถูกค้นพบในภูมิภาคอันเต็มไปด้วยหินทรายที่เกิดจากการทับถมด้วยลม

นอกเหนือจากพื้นที่ 200,000 ตารางกิโลเมตรในแอ่งออร์ดอสแล้ว ธรณีสัณฐานดังกล่าวยังพบได้ทั่วไปในพื้นที่อื่น ๆ ที่มีชั้นหินอันเป็นแหล่งกำเนิดน้ำมัน เช่น แอ่งทาริม (Tarim) จุงการ์ (Junggar) และซ่งเหลียว (Songliao)

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การค้นพบแหล่งแร่ยูเรเนียมจิงชวนจะเปิดโอกาสให้มีการสำรวจยูเรเนียมในจีนมากขึ้น และช่วยรับประกันความมั่นคงของจีนในด้านทรัพยากรยูเรเนียม

ยูเครนจับ 2 ทหารเกาหลีเหนือกลางเคิร์สก์ ท้าคิม-รัสเซียแลกตัวสะเทือนสงคราม

(13 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนเปิดเผยว่า ยูเครนสามารถจับกุมตัวทหารเกาหลีเหนือจำนวน 2 นายในพื้นที่สู้รบในภูมิภาคเคิร์สก์ โดยทหารทั้งสองถูกนำตัวมายังกรุงเคียฟเพื่อสอบปากคำและให้ข้อมูลกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติยูเครน (SBU)  

“เชลยศึกทุกคน รวมถึงทหารเกาหลีเหนือทั้งสองนาย จะได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่จำเป็น” เซเลนสกีกล่าว พร้อมระบุว่าสื่อมวลชนจะได้รับโอกาสสัมภาษณ์พวกเขาในอนาคต  

ทั้งนี้ ยูเครนระบุว่าทหารเกาหลีเหนือมีบทบาทสนับสนุนการสู้รบในภูมิภาคเคิร์สก์ ซึ่งยูเครนเริ่มการบุกโจมตีเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และยังคงควบคุมพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตรในบริเวณนี้  

ทหารเกาหลีเหนือนายหนึ่งระบุว่าตนเกิดในปี 2548 และเข้าร่วมกองทัพเกาหลีเหนือในปี 2564 อีกนายหนึ่งเกิดในปี 2542 และเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่ปี 2559 โดยมีตำแหน่งเป็นพลซุ่มยิง พวกเขาอ้างว่าไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าว่าจะต้องเข้าสู่สมรภูมิในยูเครน โดยผู้บังคับบัญชาบอกเพียงว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการฝึกยุทธวิธี  

หนึ่งในทหารกล่าวว่า ต้องการกลับเกาหลีเหนือ ขณะที่อีกนายกล่าวว่า หากมีโอกาส เขาอยากอาศัยอยู่ในยูเครน  

เซเลนสกีเสนอว่า ยูเครนพร้อมพิจารณาแลกเปลี่ยนตัวเชลยเกาหลีเหนือ หากผู้นำคิม จอง-อึน ยินยอมจัดการแลกเปลี่ยนดังกล่าวกับทหารยูเครนที่ถูกรัสเซียควบคุมตัว  

สำนักงานความมั่นคงของยูเครนและสำนักข่าวกรองเกาหลีใต้ (NIS) ยืนยันการจับกุมตัวทหารเกาหลีเหนือทั้งสองราย ระหว่างการสู้รบในเคิร์สก์เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา  

รายงานจากสำนักงานคณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ระบุว่า ตั้งแต่ทหารเกาหลีเหนือเข้าร่วมการสู้รบในสงครามรัสเซีย-ยูเครนเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว มีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตประมาณ 1,100 นาย ขณะที่ยูเครนประเมินตัวเลขไว้สูงกว่า คือประมาณ 3,000 นาย  

ยูเครนยืนยันว่าปฏิบัติต่อเชลยศึกตามหลักมนุษยธรรมและกรอบอนุสัญญาเวียนนา โดยการสอบปากคำเชลยศึกดำเนินการผ่านล่ามที่ได้รับการรับรองเพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม  

จนถึงขณะนี้ รัสเซียและเกาหลีเหนือยังไม่มีการแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์นี้ ขณะที่ยูเครนเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่จะสามารถจับกุมตัวทหารเกาหลีเหนือเพิ่มเติมในอนาคต

"iPhone ถือเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่หลังจากนั้น Apple ดูเหมือนไม่มีนวัตกรรมใหม่ออกมาเลย สตีฟ จ็อบส์สร้าง iPhone ไว้ แล้ว 20 ปีผ่านไปก็ยังคงเหมือนเดิม"

(13 ม.ค. 68) มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก วิจารณ์แอปเปิล iPhone ขาดนวัตกรรม - ระบบปิดจำกัดการเติบโตของตลาด

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ได้ร่วมพูดคุยในรายการพอดคาสต์ Joe Rogan Experience โดยหัวข้อสนทนาครอบคลุมหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม การพบปะกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงประเด็นร้อนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแอปเปิล  

ระหว่างการสนทนา โจ โรแกนเล่าว่าเขาเปลี่ยนจากการใช้ iPhone ไปเป็น Android เนื่องจากไม่อยากผูกติดกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง และยังแสดงความไม่พอใจกับนโยบายการเก็บค่าธรรมเนียม App Store ของแอปเปิล  

ซักเคอร์เบิร์กได้เสริมมุมมองว่า แม้ iPhone จะเคยเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก แต่หลังจากนั้น แอปเปิลกลับไม่มีสิ่งใหม่ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอีกเลย เขาเปรียบว่า สตีฟ จ็อบส์ได้สร้าง iPhone ไว้แล้ว แต่หลังจากผ่านมา 20 ปี ทุกอย่างยังคงเดิม ทำให้เขาตั้งคำถามว่าแอปเปิลยังคงขาย iPhone ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ หรือไม่ เพราะโทรศัพท์มือถือมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่คนสร้างอัปเกรดอุปกรณ์ช้าลงเรื่อย ๆ ซักเคอร์เบิร์กยังมองว่าการเก็บค่าธรรมเนียม 30% เป็นวิธีที่แอปเปิลใช้รักษารายได้ให้เพิ่มขึ้นทุกปี  

นอกจากนี้ ซักเคอร์เบิร์กยังวิจารณ์แอปเปิลในเรื่องระบบปิด โดยยกตัวอย่าง AirPods ที่แม้จะเป็นสินค้าคุณภาพสูง แต่ถ้าหูฟังยี่ห้ออื่นสามารถใช้โปรโตคอลเชื่อมต่อกับ iPhone ได้แบบเดียวกัน ผู้บริโภคอาจมีทางเลือกที่หลากหลายและดียิ่งกว่าเดิม เขาเชื่อว่า ถ้าแว่นตา Ray-Ban Meta Glasses สามารถเชื่อมต่อในลักษณะเดียวกันได้ สินค้าจะมีความสะดวกและน่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานมากขึ้น  

เขายังทำนายว่าแนวทางของแอปเปิลในปัจจุบันอาจทำให้บริษัทต้องเจอกับความท้าทายจากคู่แข่งในเร็ววัน เพราะขาดการพัฒนานวัตกรรมใหม่มาเป็นเวลานาน  

ซักเคอร์เบิร์กยังกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลในหลายแง่มุม เช่น iMessage ที่มีการแบ่งแยกผู้ใช้ผ่านกล่องข้อความสีน้ำเงิน และวิจารณ์ว่า Apple Vision Pro ที่มีราคาสูงนั้นไม่ได้มอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าเทียบเท่ากับ Quest ของ Meta  

ความขัดแย้งระหว่าง Meta และแอปเปิลไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ Facebook เคยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากนโยบายใน iOS 14 ที่จำกัดการติดตามโฆษณา จนถึงขั้นซื้อโฆษณาประชดในหนังสือพิมพ์ และเมื่อปีที่ผ่านมา Meta ก็ได้ประกาศขึ้นราคาการบูสต์โพสต์บน iOS หลังจากที่แอปเปิลเริ่มคิดค่าธรรมเนียม 30% ในส่วนนี้

ย้อนตัวอย่างบริษัทดัง หวังใช้โซเชียลพลิกวิกฤต แต่กลยุทธ์ทำพิษ จากวิกฤตเป็นวิบัติ

(13 ม.ค. 68) ในยุคดิจิทัลที่โซเชียลมีเดียถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร สร้างแคมเปญการตลาด เพื่อโปรโมตแบรนด์ อีกทั้งรับมือกับ Crisis Management เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ที่ทำให้ชื่อเสียงของแบรนด์ตกต่ำลง การรับมือของบริษัทในยุคโซเชียลมีเดียสามารถพลิกสถานการณ์ได้ทั้งในทางบวกและลบ ล่าสุด OPPO บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำถูกวิจารณ์อย่างหนักจากกรณีแอปเงินกู้ที่เกี่ยวข้องกับการแอบเก็บข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใช้ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในวงกว้าง ท่ามกลางกระแสดราม่า กลับมีการผุดแฮชแท็ก #OPPOFighting จากพนักงานและกลุ่มผู้สนับสนุนแชร์กันมากมายบนโซเชียลมีเดีย

การกระทำเหล่านี้มักจะทำคำถามบนเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างความภักดีที่แท้จริงของพนักงานกับแคมเปญที่พยายามสร้างเพื่อฟื้นภาพลักษณ์องค์กร ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นกับแบรดน์ขนาดใหญ่หลายแบรนด์ทั่วโลกมากแล้ว

หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดคือกรณีของ Volkswagen ในช่วงที่มีเรื่องอื้อฉาว Dieselgate ในปี 2015 เมื่อบริษัทถูกจับได้ว่าติดตั้งซอฟต์แวร์ในรถดีเซลเพื่อโกงการทดสอบการปล่อยมลพิษ ทำให้รถผ่านการตรวจสอบตามกฎระเบียบได้ในขณะที่ปล่อยมลพิษที่เป็นอันตรายเกินขีดจำกัดทางกฎหมาย เมื่อกลายเป็นประเด็นได้มีบรรดาพนักงานและกลุ่มผู้ภักดีต่อแบรนด์Volkswagen บางคนก็ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อปกป้องบริษัท ภายใต้แฮชแท็กอย่าง #VW และ #DieselgateIsNotWhatYouThink โพสต์เหล่านี้พยายามลดความรุนแรงของปัญหาโดยเน้นที่ประวัติการสร้างสรรค์นวัตกรรมและความพยายามด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทแทน อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์จำนวนไม่น้อยโต้แย้งว่าโพสต์เหล่านี้ดูเหมือนเป็นความพยายามประชาสัมพันธ์เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องอื้อฉาวมากกว่าการสนับสนุนพนักงานอย่างแท้จริง

ในทำนองเดียวกัน ในเหตุการณ์ของ United Airlines เมื่อปี 2017 ที่ผู้โดยสารรายหนึ่งถูกฉุดลากด้วยความรุนแรง ออกจากเที่ยวบินที่ระบบผิดพลาดจองตั๋วเกิน ส่งผลให้เกิดกระแสสังคมวิพากวิจารณ์สายการบินอย่างรุนแรง การจัดการสถานการณ์ที่ผิดพลาดของสายการบินทำให้เกิดการประณามอย่างกว้างขวาง โดยหลายคนตั้งคำถามถึงแนวทางการบริการลูกค้า อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว พนักงานของ United บางคนได้โพสต์ข้อความเพื่อปกป้องสายการบินโดยใช้แฮชแท็กเช่น #UnitedWeStand ข้อความเหล่านี้ซึ่งมักจะเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทต่อความปลอดภัยและการบริการลูกค้า ดูเหมือนจะขัดกับการรับรู้เชิงลบของสาธารณชน แม้ว่าพนักงานบางคนอาจโพสต์ข้อความด้วยความภักดีหรือความเชื่อส่วนตัวในค่านิยมของสายการบิน แต่บางคนก็สงสัยว่าโพสต์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองประชาสัมพันธ์ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างกว้างๆ

อีกหนึ่งกรณีที่เป็นที่รู้จักกันดีเกิดขึ้นกับ Nike ในปี 2018 เมื่อบริษัทเปิดตัวแคมเปญโฆษณาที่มีโคลิน แคเปอร์นิค อดีตผู้เล่น NFL เป็นพรีเซ็นเตอร์ แคเปอร์นิคกลายเป็นบุคคลที่ก่อให้เกิดความข้อถกเถียงในโซเชียลอเมริกัน จากกรณีที่เขาคุกเข่าระหว่างเพลงชาติเพื่อประท้วงความอยุติธรรมทางเชื้อชาติและสีผิว การตัดสินใจของ Nike ที่จะให้เขามีส่วนร่วมในแคมเปญทำให้เกิดทั้งการสนับสนุนและการต่อต้าน ในขณะที่ลูกค้าบางส่วนขู่ว่าจะคว่ำบาตรแบรนด์ พนักงานของ Nike จำนวนมากก็ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อปกป้องจุดยืนของบริษัท โดยโพสต์ภายใต้แฮชแท็กเช่น #Nike และ #JustDoIt ความแตกต่างในกรณีนี้คือพนักงานของ Nike ดูเหมือนจะแสดงการสนับสนุนแบรนด์ที่พวกเขาเชื่อมั่นอย่างแท้จริงมากกว่า # ที่เกิดขึ้นจากแคมเปญประชาสัมพันธ์

นอกจากนี้ยังมีกรณีของ Amazon เผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ในปี 2018 เกี่ยวกับสภาพการทำงานในคลังสินค้า โดยพนักงานอธิบายถึงชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานที่มาพร้อมค่าตอบแทนไม่สมเหตุสมผลท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว พนักงานของ Amazon บางส่วนได้ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อตอบโต้รายงานเชิงลบ โดยใช้แฮชแท็กเช่น #AmazonWorks โพสต์เหล่านี้เน้นย้ำถึงค่าจ้าง สวัสดิการ และด้านบวกอื่นๆ ของบริษัทในการทำงานที่ Amazon แม้ว่าโพสต์เหล่านี้อาจจริงใจ แต่โซเชียลส่วนใหญ่กลับมีข้อสงสัยเช่นกันว่าทีมประชาสัมพันธ์ของ Amazon สนับสนุนให้ส่งข้อความดังกล่าวเพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ของบริษัท

ทั้งนี้ ไม่ว่าโพสต์ติด # เหล่านั้นจะถูกทำขึ้นด้วยความจริงใจขอพนักงานในการสนับสนุนองค์กร หรือเป็นแคมเปญเพื่อการฟื้นภาพลักษณ์ก็ตาม แต่สิ่งสำคัญคือการดำเนินงานตอบสนองต่อข้อสงสัยของสาธารณะอย่างโปร่งใสและเจตนาที่จริงใจมากกว่า

สันนิฐานพลุปีใหม่จุดชนวนไฟป่าเผาแอลเอ เจอลมแรงยิ่งโหมไฟลาม คร่าแล้ว 24 ราย

(13 ม.ค. 68) สถานการณ์ไฟป่าในนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พบยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟป่าดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 24 รายแล้ว โดย16 ศพถูกพบในไฟป่า อีตัน และอีก 8 คนในพื้นที่พาลิเสดส์ โดยยังมีผู้สูญหายอย่างน้อย 16 คน

สำหรับความเสียหายล่าสุดไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดคือพาลิเสดส์ ซึ่งได้เผาผลาญพื้นที่กว่า58,000 ไร่ และควบคุมได้ 11% แล้ว ส่วนไฟป่าอีตัน ซึ่งเป็นไฟป่าที่ใหญ่เป็นอันดับ 2ได้เผาผลาญพื้นที่กว่า 35,400 ไร่ และควบคุมได้ 27% ส่วนไฟป่าเฮิร์ส ขยายตัวเป็นกว่า 2,000 ไร่ และเกือบจะควบคุมได้ทั้งหมด

หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยารัฐแคลิฟอร์เนียได้ออกคำเตือนว่า หลังจากสุดสัปดาห์ที่ลมค่อนข้างสงบ จนการดับเพลิงมีความคืบหน้ามากขึ้น ลมซานตาอานา ซึ่งเป็นลมร้อนและแห้งจากพื้นที่ทะเลทรายของแคลิฟอร์เนียจะพัดเข้าพื้นที่อีกครั้งตั้งแต่คืนวันอาทิตย์จนถึงวันพุธ โดยลมอาจมีความเร็วสูงสุดถึง96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะเป็นปัจจัยยิ่งโหมให้เพลิงทวีความรุนแรงมากขึ้นแม้ทีมดับเพลิงจะสามารถควบคุมไฟขนาดใหญ่ได้บางส่วน แต่เจ้าหน้าที่เตือนว่าลมที่กำลังมาอาจสร้างสภาวะลมที่อันตรายถึงขั้นวิกฤตทำให้ทั้งเขตลอสแอนเจลิสอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อไฟป่า

ขณะเดียวกันมีรายงานจาก  Washington Post ที่สันนิฐานว่า สาเหตุมหาภัยไฟไหม้ป่าในลอสแองเจลิส คาดว่าเกิดจากการลุกไหม้ของไฟที่เหลือจากไฟไหม้ครั้งก่อน ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากดอกไม้ไฟในวันปีใหม่ 

โดยจากการวิเคราะห์ของภาพถ่ายดาวเทียม วิทยุสื่อสาร วิดีโอ และการสัมภาษณ์ชาวบ้านในท้องถิ่นเชื่อว่า ไฟป่าพาลิเสดส์ เริ่มต้นในพื้นที่เดียวกับที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเคยดับไฟครั้งก่อน โดยในการรับมือกับไฟครั้งที่สองเจ้าหน้าที่ดับเพลิงตอบสนองช้า ประกอบกับกระแสลมที่โหมพัดกระหน่ำทำให้ไฟลุกลามจนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง 

ไมเคิล วาเลนไทน์  ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่กล่าวว่าเขาอยู่บ้านในช่วงที่เกิดเหตุไฟไหม้ทั้งสองครั้ง และกล่าวว่าการตอบสนองของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงระหว่างทั้งสองครั้งนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง วานเลนไทน์กล่าว่า การตอบสนองจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเมื่อเกิดไฟป่าพาลิเสดส์ในวันอังคารนั้นช้ากว่าครั้งแรกที่เกิดไฟในวันปีใหม่

เมื่อเขากับภรรยาของเขาติดต่อกับแผนกดับเพลิงลอสแองเจลิส (LAFD) ห่างกัน 30 นาทีในวันอังคารเพื่อรายงานการเกิดไฟป่าพาลิเสดส์ วาเลนไทน์กล่าวว่าเขาต้องรอเพราะสายโทรศัพท์ขัดข้อง

ในขณะนั้น เจ้าหน้าที่ LAFD กำลังรับมือกับเหตุการณ์สองเหตุการณ์ในส่วนอื่นของเมืองและวางแผนที่จะเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์ไปยังไฟป่าพาลิเสดส์เมื่อมีโอกาส ตามรายงานจาก Washington Post ขณะเดียวกัน เฮลิคอปเตอร์ที่บรรทุกน้ำซึ่งพยายามตอบสนองในช่วงแรกไม่สามารถทำการบินได้เนื่องจากกระแสลมแรง

"ผมไม่เห็นตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเลย ไม่ว่าจะบนพื้นดินหรือในอากาศ ผมผิดหวังเพราะไฟครั้งที่สองลุกลามเร็วมากและไม่มีใครอยู่ที่นั่น" วาเลนไทน์กล่าว เขาเล่าว่าต้องใช้เวลาถึง 45 นาทีจนกว่าเขาจะเห็นเฮลิคอปเตอร์บินเหนือไฟแต่ก็ไม่สามารถดับไฟได้เพราะไม่มีแหล่งน้ำอยู่ใกล้ๆ

พื้นที่ลอสแองเจลิสได้รับคำเตือนเกี่ยวกับลมแรงและภัยแล้งในช่วงก่อนเกิดไฟป่า ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ถือเป็นปัจจัยหนุนในการทำให้จุดความร้อนใหม่ๆ ปะทุขึ้น

เรารู้ว่าไฟสามารถกลับมาประทุได้และเปลี่ยนจากการคุกรุ่นเป็นการลุกลาม มันเป็นไปได้มากที่บางอย่างจากไฟครั้งก่อนจะกลับมาลุกใหม่และก่อให้เกิดไฟ" ไมเคิล กอลเนอร์ ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเครื่องกลและนักวิทยาศาสตร์ไฟจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่เบิร์กลีย์ กล่าว

วอชิงตันโพสต์ยังเผยภาพถ่ายดาวเทียมที่ถูกถ่ายขึ้นประมาณ 20 นาทีหลังจากไฟป่าพาลิเสดส์ปะทุขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นภาพของควันที่ทับซ้อนกันกับรอยไฟไหม้เดิมในช่วงวันปีใหม่ที่เทมส์คาล ริดจ์ในเทือกเขาซานตาโมนิกา ซึ่งเป็นพื้นที่มีการแสดงพลุในคืนวันส่งท้ายปีเก่า

ไฟที่เกิดขึ้นในช่วงวันปีใหม่ได้ลุกลามเผาผลาญพื้นที่ราว 4 เอเคอร์อย่างช้าๆ แม้แทบจะไร้ลมพัด แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการควบคุม

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าเหตุไฟไหม้ป่าพาลิเสดส์ที่เกิดขึ้นในครั้งที่สองนั้น เกิดจากไฟไหม้ป่าที่มาจากพลุในคืนส่งท้ายปีเก่าหรือไม่ ทั้งเจ้าหน้าที่สืบสวนของรัฐและของรัฐบาลกลางได้ค้นหาต้นตอของไฟไหม้ป่าครั้งที่ 2 เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับสาเหตุถึงต้นเพลิงต่อไป

โฆษกรัฐบาลจีนปัดข่าวลือไวรัสปริศนา ยืนยันนักเดินทางมาเที่ยวยังปลอดภัย

(13 ม.ค. 68) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวว่าขนาดและระดับความรุนแรงของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจโดยรวมในจีนนั้นต่ำกว่าปีที่แล้ว และฝ่ายจีนจะเดินหน้าดำเนินการตามจำเป็นเพื่อรับรองความสะดวกสบายและความปลอดภัยสำหรับนักเดินทางจีนและนักเดินทางต่างชาติในจีน

เมื่อไม่นานนี้ หลายฝ่ายให้ความสนใจอย่างมากต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส (HMPV) ในจีน โดยนักเดินทางบางส่วนกังวลถึงความปลอดภัยในการเดินทางไปจีน และยังมีคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับ “ไวรัสปริศนาในจีน” แพร่อยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต

กัวเจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน โดยระบุว่าหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่กล่าวว่าเอชเอ็มพีวีไม่ใช่ไวรัสชนิดใหม่ แต่มีการแพร่ระบาดในมนุษย์มานานอย่างน้อย 60 ปีแล้ว และเป็นไวรัสทั่วไปที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน

กัวเผยว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสเอชเอ็มพีวีนั้นสามารถหายได้เอง การเรียกไวรัสทั่วไปชนิดนี้ว่าเป็นไวรัสปริศนาจึงขัดกับหลักวิทยาศาสตร์พื้นฐานและเป็นการปลุกปั่นความกลัว

รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชนจีนและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในจีน หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่และหน่วยงานด้านเทคนิคของจีนได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันต่างๆ และเผยแพร่ผลการเฝ้าระวังแล้ว

กัวเผยว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมโรคของจีนแจ้งให้สาธารณชนทราบหลายครั้งแล้วว่าควรใช้มาตรการป้องกันตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างไร นอกจากนี้ จีนและองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังติดต่อสื่อสารกันอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ และแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจอย่างทันท่วงที

หลายพื้นที่อุณหภูมิเลขตัวเดียว น้ำค้างแข็งโผล่ทั่วแขวงหัวพันและเชียงขวาง

(13 ม.ค. 68) สภาพอากาศหนาวเย็นที่ประเทศไทยกำลังเผชิญในช่วงนี้ ยังส่งผลกระทบถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว ซึ่งกำลังประสบกับอากาศหนาวจัดในรอบหลายปีเช่นกัน โดยในหลายพื้นที่ของลาว อุณหภูมิลดลงจนเหลือเพียงเลขตัวเดียว

เพจข่าว ກະເເສຂ່າວ (กระแสข่าว) รายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 13 มกราคม ระบุว่า แขวงหัวพันมีอุณหภูมิต่ำสุดเพียง 3 องศา ขณะที่แขวงหลวงน้ำทา แขวงหลวงพระบาง และแขวงบอลิคำไซ มีอุณหภูมิอยู่ที่ 8 องศา ส่วนแขวงสะหวันนะเขดวัดได้ 11 องศา และแขวงอัตตาปืออยู่ที่ 12 องศา ส่วนนครหลวงเวียงจันทน์อุณหภูมิลดลงเหลือ 10 องศา

ในแขวงเชียงขวาง เพจข่าวท้องถิ่นรายงานว่า คืนวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา อุณหภูมิลดต่ำสุดถึง 2 องศา ส่งผลให้ชาวบ้านต้องนำผ้าห่มมาคลุมวัวควายเพื่อช่วยคลายความหนาว

ขณะเดียวกัน เพจ TARGET Magazine รายงานว่าที่ซำเหนือ เมืองเอกของแขวงหัวพัน น้ำค้างแข็งได้ปกคลุมทุ่งหญ้าเป็นบริเวณกว้าง

นอกจากผลกระทบต่อคนและสัตว์เลี้ยงแล้ว อากาศเย็นจัดยังสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเกษตรกรในแขวงจำปาสัก เพจ ຂ່າວເສດຖະກິດ-ການຄ້າ Lao Economic Daily ระบุว่าสวนกาแฟของเกษตรกรในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ต้นกาแฟนับพันต้นแห้งตายจากสภาพอากาศหนาวเย็น

เปิดแผนลับเพนตากอน แม้ทรัมป์พลาดซื้อกรีนแลนด์ แต่เล็งส่งยามฝั่งคุม หวังปิดทางรัสเซียสู่อาร์กติก

(13 ม.ค. 68) การที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ สร้างความตะลึงไปทั่วโลกด้วยการป่าวประกาศว่าจะซื้อดินแดนกรีนแลนด์จากเดนมาร์กนั้น หากพิจารณาให้ลึกซึ้ง แนวคิดของทรัมป์แทบไม่ได้ต่างอะไรกับกลยุทธ์ของผู้นำสหรัฐคนก่อนหน้านี้ที่ให้ความสนใจในดินแดนกรีนแลนด์อยู่แล้ว

อิรินา สเตรลนิโควา นักวิเคราะห์ด้านการต่างประเทศจากมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งมอสโก กล่าวกับ Sputnik ตามแนวทางกลยุทธ์อาร์กติกที่เพนตากอนเผยแพร่กลางปี 2024 ระบุถึงบทบาทสำคัญของกรีนแลนด์ในแผนการของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ โดยการออกมาประกาศความสนใจซื้อดินแดนของทรัมป์ต่างเพียงบางจุดจากแผนการของเพนตากอนเพียงเท่านั้น

“กลยุทธ์ใหม่นี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการขยายศักยภาพของสหรัฐฯ สำหรับการดำเนินการในเขตอาร์กติก โดยเฉพาะด้านการสื่อสาร การข่าว การสอดแนม และความร่วมมือกับพันธมิตรและหุ้นส่วน” เธอกล่าว  

สำหรับแผนของทรัมป์นั้น “ถ้าพิจารณาว่าแผนนี้เป็นอะไรที่ใหม่หรือไม่คาดคิด คำตอบคือไม่ นี่เป็นเพียงวิธีการแสดงออกที่มีเอกลักษณ์ในแแบบเฉพาะตัวของทรัมป์เท่านั้น” สเตรลนิโควาอธิบาย  
 
นักเคราะห์จากมอสโกยังกล่าวว่า เหตุผลหลักเนื่องจากกรีนแลนด์เป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับการโจมตีด้วยขีปนาวุธ ซึ่งเป็นไปตามที่ระบุในแผนกลยุทธ์แอตแลนติกเหนือที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยแพร่เมื่อช่วงกลางปี 2024 โดยเพนตากอนมีแผนจะปรับปรุงยกระดับฐานทัพ Thule Air Base อย่างครอบคลุม

อย่างไรก็ตาม รัสเซียรับรู้ถึงแผนของสหรัฐฯ ล่วงหน้าก่อนที่ทรัมป์จะมีบทบาท ซึ่งมอสโกได้เตรียมมาตรการเพื่อจัดการกับความเสี่ยงต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตแล้ว

สเตรลนิโควาเชื่อว่าทรัมป์ไม่น่าจะประสบความสำเร็จในการซื้อกรีนแลนด์ แต่หากสำเร็จ สิ่งที่รัสเซียต้องกังวลอย่างยิ่งคือการลาดตระเวนของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ในพื้นที่ใกล้เคียงกรีนแลนด์ซึ่งจะทวีความถี่บ่อยขึ้น

“การส่งกำลังของสหรัฐฯ เพิ่มเติมในกรีนแลนด์จะลดศักยภาพการปฏิบัติการของกองเรือเหนือของรัสเซีย (Northern Fleet) และทำให้ฐานทัพเรือในเขตอาร์กติกของรัสเซียมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ แต่เราพร้อมรับมือ อย่างไรก็ตามที่สำคัญคือ จะไม่มีใครยอมขายกรีนแลนด์” เธอกล่าว  

สเตรลนิโควาชี้ว่า “หากสหรัฐไม่สามารถซื้อกรีนแลนด์ได้สำเร็จ สหรัฐจะใช่วิธีการส่งหน่วยยามฝั่ง (United States Coast Guard) เข้ามาลาดตระเวนในพื้นที่่แทน ซึ่งการกระทำนี้จะเป็นตัวกระตุ้นความตึงเครียดหลัก เพราะจากประสบการณ์และการกระทำของสหรัฐฯ ในทะเลจีนใต้และเอเชียตะวันออก หน่วยยามฝั่งเป็นเครื่องมือกดดันที่ถูกใช้งานบ่อยกว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ และมีความก้าวร้าวในการสร้าง ‘พื้นที่สีเทาทางทะเล’ มากกว่า เนื่องจากมีต่อการเผชิญหน้าน้อยกว่า 

หน้าที่หลักของรัสเซียคือป้องกันไม่ให้หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นความตึงเครียดหลัก เข้าใกล้กรีนแลนด์ 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ จะมีศักยภาพในการเข้ามาในพื้นที่อาร์กติกได้เมื่อใด เนื่องจากโครงการต่อเรือตัดน้ำแข็งของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ นั้นประสบปัญหาล่าช้ามาตลอด จึงทำให้หน่วยยามฝั่งฯ ยังไม่มีเรือที่พร้อมจะเข้ามายังพื้นที่ตอนในของกรีนแลนด์ได้

TikTok ปฏิเสธข่าวเล็งขายแอป ให้กับ Elon Musk เพื่อเลี่ยงการถูกแบน

(14 ม.ค. 68) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนพิจารณาขาย TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับอีลอน มัสก์ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำสั่งแบนได้

เจ้าหน้าที่จีนกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการขายธุรกิจ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับอีลอน มัสก์ หากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำสั่งแบนที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันจันทร์  

แม้ทางการจีนต้องการให้ TikTok ยังคงอยู่ภายใต้การบริหารของ ByteDance Ltd ซึ่งเป็นบริษัทแม่ แต่พวกเขาได้เริ่มหารือเกี่ยวกับแผนสำรองที่รวมถึงการขายกิจการให้กับอีลอน  

ByteDance ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งแบนต่อศาลสูงสุดของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม จากการหารือล่าสุดพบว่าผู้พิพากษามีแนวโน้มที่จะสนับสนุนคำสั่งแบนดังกล่าว  

ความตึงเครียดเกี่ยวกับการแบน TikTok ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใกล้เข้ารับตำแหน่ง พร้อมกับการประกาศนโยบายที่เข้มงวดต่อจีน  

ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ กำหนดเส้นตายให้ ByteDance จนถึงวันที่ 19 มกราคมนี้ เพื่อขาย TikTok มิฉะนั้นจะเผชิญกับคำสั่งแบนในสหรัฐฯ โดยมีข้ออ้างด้านความมั่นคงแห่งชาติ  

TikTok มีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ประมาณ 170 ล้านคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรประเทศ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติได้แสดงความกังวลว่า TikTok อาจเก็บข้อมูลของผู้ใช้ชาวอเมริกันและเป็นภัยต่อความมั่นคง สภาคองเกรสจึงลงมติสนับสนุนคำสั่งแบนนี้ในปีที่ผ่านมา  

หาก TikTok ถูกแบน อาจส่งผลดีต่อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของสหรัฐฯ เช่น Instagram ของ Meta Platforms และ YouTube ของ Alphabet Inc ที่ต่างเปิดตัวฟีเจอร์วิดีโอสั้นเพื่อตอบรับการแข่งขันจาก TikTok  

การขาย TikTok ให้กับอีลอน มัสก์ อาจช่วยให้แพลตฟอร์มนี้มีแนวทางดำเนินงานที่สอดคล้องกับปรัชญาการบริหารของเขา ซึ่งเคยเปลี่ยนโฉม Twitter ให้กลายเป็น X หลังการเข้าซื้อกิจการในปี 2023

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการพิจารณาขาย TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับอีลอน มัสก์ เว็บไซต์ Variety รายงานเพิ่มเติมว่า ตัวแทนของ TikTok ในอเมริกาได้ออกมาแถลงว่า บริษัทไม่สามารถให้ความเห็นต่อ "เรื่องราวที่มโนขึ้นมา" นี้ได้

คำแถลงดังกล่าวสะท้อนถึงท่าทีของ TikTok ที่ยังคงรักษาความเงียบเกี่ยวกับประเด็นที่มีการพูดถึงในวงกว้าง โดยไม่มีการยืนยันหรือปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับการขายกิจการในครั้งนี้

ยุนซอกยอล ได้ขึ้นเงินเดือน 3% แม้กำลังจะถูกถอดถอน อ้างปรับตามระเบียบ

ชาวเกาหลีใต้ไม่พอใจ หลังประธานาธิบดี 'ยุน ซอกยอล' ได้รับการขึ้นเงินเดือน แม้ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง

(14 ม.ค.68) รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ประธานาธิบดี ยุนซอกยอล ซึ่งถูกสั่งพักงานจากการประกาศกฎอัยการศึกโดยมิชอบ ยังคงได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี 3% เป็น 262.6 ล้านวอน (ประมาณ 6.2 ล้านบาท) ตามเกณฑ์เงินเดือนของเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากยุนยังดำรงตำแหน่งจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินขั้นสุดท้าย

ข่าวการขึ้นเงินเดือนของยุนสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในสังคมเกาหลีใต้ หลายคนแสดงความเห็นว่าการเพิ่มเงินเดือนให้แก่ผู้ถูกพักงานถือว่าไม่เหมาะสม บางคนบนโซเชียลมีเดียตั้งข้อสังเกตว่า การเพิ่มเงินเดือนของยุน 3% สูงกว่าอัตราการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศที่เพิ่มเพียง 1.7% ชาวเน็ตรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า “ค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นน้อยมาก แต่ยุนกลับได้เพิ่มถึง 3% นี่คือความยุติธรรมแบบไหน?”

ตั้งแต่ถูกถอดถอนในเดือนธันวาคม 2024 ยุนได้หลีกเลี่ยงการสอบสวนและการจับกุมในข้อกล่าวหาก่อกบฏและใช้อำนาจโดยมิชอบ เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อารักขาของยุนได้ขัดขวางการเข้าจับกุมภายในบ้านพักประธานาธิบดี ทำให้หมายจับหมดอายุลงในคืนวันที่ 7 มกราคม

อย่างไรก็ตาม ศาลท้องถิ่นได้อนุมัติการขยายหมายจับใหม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมแผนการจับกุมอีกครั้ง พร้อมขอความร่วมมือจากตำรวจ โดยระบุว่าการดำเนินการต้องหลีกเลี่ยงการสูญเสียหรือการนองเลือด

สำหรับการเปรียบเทียบ ผู้นำสหรัฐฯ มีเงินเดือนปีละ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 14 ล้านบาท) นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีเงินเดือนประมาณ 172,000 ปอนด์ (ประมาณ 7.25 ล้านบาท) ในขณะที่นายกรัฐมนตรีไทยมีเงินเดือนประมาณ 120,000 บาท

การเพิ่มเงินเดือนของยุนท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความเหมาะสม และยิ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชนที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top