Monday, 12 May 2025
World

ผู้นำคนต่อไปใครจะมาแทน 'จัสติน ทรูโด นายกฯใหม่แคนาดา เปลี่ยนแค่หน้าหรือพลิกแนวทาง

(8 ม.ค.68) จัสติน ทรูโด ผู้เป็นนายกแคนาดา มานานเกือบ 10 ปี ประกาศลาออกท่ามกลางกระแสโกรธเกรี้ยวจากประชาชนแคนาดา ตลอดจนขาดเสียงสนับสนุนจากภายในพรรค และเรตติ้งที่ตกต่ำ ได้กลายเป็นที่จับตาว่า ใครจะเข้ามาแทนที่ทรูโดในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา หนึ่งในชาติที่มีประเด็นข้อถกเถียงทางภูมิรัฐศาสตร์มากที่สุด ตั้งแต่ระดับเพื่อนบ้านอย่างสหรัฐอเมริกา ไปจนถึงท่าทีของแคนาดาต่อความขัดแย้งในยูเครน

สำนักข่าวสปุตนิกได้รวบรวมตัวเต็งที่น่าจับตามอง ในฐานะผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา

คริสเทีย ฟรีแลนด์ จากพรรคลิเบอรัล เป็นหนึ่งในผู้ที่คาดว่าจะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคลิเบอรัลคนใหม่แทนที่นายทรูโด โดยนางฟรีแลนด์ เคยเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.การคลังของทรูโด อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของเธอมีประวัติที่ชวนให้ถกเถียง เนื่องจากเธอเป็นหลานสาวของอดีตเจ้าหน้าที่นาซีเชื้อสายยูเครน โดยที่ผ่านมาฟรีแลนด์มีส่วนช่วยกระตุ้นการคว่ำบาตรรัสเซียของตะวันตกและเป็นผู้สนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน ซึ่งช่วยเสริมสร้างการสนับสนุนจากแคนาดาต่อรัฐบาลเคียฟ

โดมินิค เลอบล็อง รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนปัจจุบันของแคนาดา ผู้สนับสนุนแนวทางของทรูโดในการให้ความช่วยเหลือยูเครนอย่างเด็ดขาด ในเดือนที่แล้วเขาผลักดันให้ส่งอาวุธที่ถูกห้ามใช้ในแคนาดาไปยังรัฐบาลเซเลนสกี้

มาร์ค คาร์นีย์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ผู้ที่ในปี 2022 เคยออกมาตำหนิว่าความขัดแย้งในยูเครนเกิดขึ้นเพราะรัสเซีย โดยนายคาร์นีย์เป็นนักการธนาคารและผู้แทนพิเศษด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ แต่กลับมีแนวคิดขัดแย้งเพราะเขาสนับสนุนให้เพิ่มการลงทุนในพลังงานฟอสซิล ซึ่งจะเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

เมลานี โจลี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เธอเองก็มีบทบาทในการระดมทุนจากภาษีของชาวแคนาดาไปช่วยยูเครนด้วยเงินช่วยเหลือทางทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

และสุดท้าย นางอนิตา อานันด์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของแคนาดา ผู้สนับสนุนยูเครนอย่างเปิดเผย เธอรีบวิจารณ์การกระทำของรัสเซียในความขัดแย้งยูเครน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสนใจการกระทำที่โหดร้ายเช่นเดียวกันจากฝ่ายรัฐบาลเคียฟที่กระทำต่อทหารฝ่ายรัสเซีย

ทั้งนี้ ใครจะเป็นผู้นำคนถัดไปของแคนาดา และพวกเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญได้ดีขึ้นหรือไม่ 

'ทรัมป์' ส่งลูกชายเยือนกรีนแลนด์ เชื่อหวังฮุบน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ

(8 ม.ค.68) โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เดินทางเยือนกรุงนุก เมืองหลวงของกรีนแลนด์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หนึ่งวันหลังจากบิดาของเขากล่าวย้ำถึงความสนใจในเกาะกึ่งปกครองตนเองแห่งนี้ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของเดนมาร์ก

รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า ทรัมป์ จูเนียร์ ใช้เครื่องบินส่วนตัวเดินทางไปยังกรุงนุก โดยใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ราว 4-5 ชั่วโมงโดยไม่มีการเข้าพบเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นแต่อย่างใด เกาะแห่งนี้มีประชากรราว 57,000 คน และเป็นจุดหมายที่เขาเผยว่าตั้งใจจะเยี่ยมชมตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา

ทรัมป์ จูเนียร์ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X พร้อมวิดีโอจากห้องนักบิน ขณะเครื่องบินกำลังลงจอดบนดินแดนที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะว่า “กรีนแลนด์กำลังร้อน... แต่หนาวมาก!” เขาเสริมว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นการมาเยือนในฐานะนักท่องเที่ยว และพ่อของเขาก็ฝากคำทักทายมายังชาวกรีนแลนด์ด้วย

ความสนใจของทรัมป์ต่อกรีนแลนด์สร้างความฮือฮา เนื่องจากเขาเคยกล่าวไว้ว่า การที่สหรัฐเข้าควบคุมเกาะแห่งนี้เป็นสิ่งที่ “จำเป็นอย่างยิ่ง” พร้อมโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า “ทำให้กรีนแลนด์ยิ่งใหญ่อีกครั้ง!” แนวคิดดังกล่าวถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายต่างประเทศที่ไม่ยึดติดกับกรอบทางการทูตแบบดั้งเดิม

ด้านนายกฯ เมตต์ เฟรเดอริกสัน ของเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า เธอไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้กับพันธมิตรใกล้ชิดอย่างสหรัฐ และย้ำว่า “กรีนแลนด์ไม่ได้มีไว้ขาย” 

นายกฯ มิวต์ เอเกเด ของกรีนแลนด์เองก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า อนาคตของกรีนแลนด์ขึ้นอยู่กับชาวกรีนแลนด์ และการแสดงความคิดเห็นจากต่างชาติไม่ควรทำให้ดินแดนแห่งนี้เปลี่ยนทิศทางการพัฒนาของตัวเอง

กรีนแลนด์ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของกองทัพสหรัฐ และยังเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แร่ธาตุ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงพึ่งพาการประมงและการสนับสนุนจากเดนมาร์กเป็นหลัก

สมาชิกสภาจากกรีนแลนด์ อาจา เคมนิตซ์ กล่าวชัดเจนว่า เธอไม่ต้องการให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความทะเยอทะยานทางการเมืองของทรัมป์ พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการปกป้องดินแดนนี้จากอิทธิพลภายนอก

การเดินทางของทรัมป์ จูเนียร์ แม้จะถูกระบุว่าเป็นเพียงการเยือนส่วนตัว แต่ก็ยิ่งทำให้กรีนแลนด์กลายเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงในเวทีการเมืองโลก

Tencent-CATL ยืนยันไม่เกี่ยวกิจกรรมทหาร หลังกลาโหมสหรัฐฯ ขึ้นบันชีดำ 2 เทคฯ ยักษ์ใหญ่จีน

เทนเซ็นต์ (Tencent) บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่และคอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี จำกัด หรือซีเอทีแอล (CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของจีน ออกมาโต้แย้งกรณีถูกรวมอยู่ในรายชื่อบัญชีดำของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ด้วยข้ออ้างว่าบริษัททั้งสองแห่งให้การช่วยเหลือกองทัพจีน

วันอังคาร (7 ม.ค. 68) เทนเซ็นต์เผยกับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่าการรวมเอาเทนเซ็นต์ไว้ในรายชื่อบัญชีดำเป็นความผิดพลาดอย่างเห็นได้ชัด บริษัทฯ ปฏิเสธและยืนยันว่าเทนเซ็นต์ไม่ใช่บริษัทหรือซัพพลายเออร์ทางการทหาร โดยแม้ว่าการขึ้นบัญชีดำครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเทนเซ็นต์ แต่บริษัทฯ จะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ เพื่อแก้ไข “ความเข้าใจผิด” ครั้งนี้

ด้านซีเอทีแอลเรียกการขึ้นบัญชีดำครั้งนี้ว่าเป็นความผิดพลาดเนื่องจากบริษัทฯ ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทหาร

ซีเอทีแอลเผยว่าการถูกขึ้นบัญชีดำไม่ได้จำกัดบริษัทฯ จากการทำธุรกิจกับหน่วยงานอื่นนอกเหนือจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และคาดว่าจะไม่มีผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจของซีเอทีแอล

ซีเอทีแอลทิ้งท้ายว่าจะเดินหน้าหารือร่วมกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจัดการปัญหานี้ ซึ่งรวมถึงการดำเนินการทางกฎหมายหากจำเป็น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นโดยรวม

สิงคโปร์ให้อำนาจตำรวจ คุมบัญชีปชช.สกัดสแกมเมอร์

(8 ม.ค. 68) สิงคโปร์สร้างความฮือฮาในวงการกฎหมายโลกด้วยการผ่านกฎหมายใหม่ที่มอบอำนาจให้ตำรวจควบคุมบัญชีธนาคารของบุคคล หากพบหลักฐานชัดเจนว่าบุคคลนั้นกำลังตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง โดยกฎหมายดังกล่าวผ่านการอนุมัติเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2025 และถือว่าเป็นกฎหมายฉบับแรกของโลกที่มีมาตรการเช่นนี้  

ภายใต้กฎหมายใหม่นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานสืบสวนอาชญากรรมทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ สามารถออกคำสั่งหยุดการทำธุรกรรมทางการเงินได้ทันที หากพบหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าผู้ถือบัญชีกำลังจะโอนเงินให้กับกลุ่มผู้หลอกลวง แม้ว่าเจ้าของบัญชีจะเต็มใจโอนเงินด้วยตัวเองก็ตาม  

สำหรับบุคคลที่ถูกสั่งจำกัดตามกฎหมายนี้ จะถูกระงับการใช้งานบัญชีธนาคาร การเข้าถึงตู้เอทีเอ็ม และวงเงินสินเชื่อ โดยยังคงอนุญาตให้ถอนเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้เพียง 30 วัน และสามารถต่ออายุได้สูงสุด 5 ครั้ง  
“เป้าหมายหลักของกฎหมายนี้คือการให้ตำรวจมีเวลามากขึ้นในการโน้มน้าวและแจ้งเตือนเหยื่อว่ากำลังถูกหลอกลวง รวมถึงขอความช่วยเหลือจากสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อ”  

ทั้งนี้ คำสั่งควบคุมจะถูกใช้ก็ต่อเมื่อไม่มีวิธีอื่นที่สามารถป้องกันเหยื่อได้ ซุนยังยกตัวอย่างกรณีหญิงวัย 64 ปีที่สูญเสียเงิน 400,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ให้กับผู้หลอกลวงที่อ้างว่าเป็นคนรัก  

ซุนเปิดเผยว่ามาตรการป้องกันในปัจจุบันไม่สามารถจัดการปัญหาหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก 86% ของกรณีหลอกลวงมาจากการที่เหยื่อโอนเงินด้วยตัวเอง และคิดเป็น 94% ของความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายนปีที่ผ่านมา  

ยูจีน ตัน นักวิเคราะห์การเมืองและศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยการจัดการสิงคโปร์ กล่าวว่า  
“นี่เป็นกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองสถานการณ์เฉพาะของสิงคโปร์ และยังไม่พบประเทศอื่นที่มีกฎหมายลักษณะเดียวกัน” 

แม้จะมีความกังวลว่ากฎหมายอาจเป็นการล่วงล้ำสิทธิส่วนบุคคล แต่เขาเชื่อว่ารัฐบาลสิงคโปร์มองว่าการหลอกลวงเป็นภัยคุกคามทางสังคมที่สร้างผลกระทบอย่างกว้างขวาง  

จามัส ลิม ส.ส.ฝ่ายค้านจากพรรคแรงงานแสดงความกังวลว่ากฎหมายนี้อาจแทรกแซงสิทธิในการทำธุรกรรมส่วนบุคคล แต่ยังคงสนับสนุนเนื่องจากเห็นถึงปัญหาการหลอกลวงที่ทวีความรุนแรงขึ้น  

ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยระบุว่าในปี 2023 สิงคโปร์สูญเสียเงินกว่า 650 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์จากกรณีหลอกลวง และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีก 10% ในปี 2024 พร้อมกับมูลค่าความเสียหายที่อาจเพิ่มขึ้น 40%  

ยูจีน ตัน เสริมว่า  “ปัญหาหลอกลวงกำลังอยู่ในจุดวิกฤติ หากยังไม่ถึงจุดนั้นแล้ว”  การออกกฎหมายใหม่นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสิงคโปร์ในการปกป้องประชาชนจากกลุ่มมิจฉาชีพ แม้จะเป็นการดำเนินการที่เข้มงวดและไม่เคยมีมาก่อนในโลก

ค้นพบลิเทียมแหล่งใหม่ ทะยานสู่เบอร์ 2 มหาอำนาจลิเทียมโลก

(8 ม.ค. 68) จีนสร้างความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการสำรวจแร่ลิเทียม ส่งผลให้ปริมาณสำรองลิเทียมเพิ่มขึ้นจาก 6% เป็น 16.5% ของปริมาณสำรองโลก พร้อมขยับอันดับจากที่ 6 ขึ้นสู่อันดับ 2 ของโลก

กรมสำรวจธรณีวิทยาจีนเผยว่า หนึ่งในความสำเร็จสำคัญคือการค้นพบแหล่งแร่ลิเทียมชนิดสปอดูมีนขนาดใหญ่ที่ทอดยาวถึง 2,800 กิโลเมตรในพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศ นอกจากนี้ การสำรวจทะเลสาบเกลือบนที่ราบสูงชิงไห่-ซีจ้าง ยังทำให้จีนก้าวขึ้นเป็นฐานสำรองลิเทียมจากทะเลสาบเกลือใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

ลิเทียมมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน การสื่อสารเคลื่อนที่ และเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ โดยจีนยังสามารถพัฒนาเทคโนโลยีการสกัดลิเทียมจากเลพิโดไลต์ แร่ที่มีปริมาณลิเทียมสูงแต่สกัดได้ยาก

ผู้เชี่ยวชาญมองว่าความก้าวหน้าเหล่านี้จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า และสร้างความสมดุลในตลาดลิเทียมโลกได้ในอนาคต

'สิงคโปร์-มาเลเซีย' ผุดแผนปั้น 'ยะโฮร์' ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ หวังเป็นศูนย์กลางการค้า-เทคโนโลยี แบบ 'เซินเจิ้น'

(8 ม.ค.68) สิงคโปร์และมาเลเซียประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ ด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 3,500 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าสิงคโปร์ถึง 4 เท่า และใหญ่กว่าเซินเจิ้น 2 เท่า โดยตั้งเป้าสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทะลุ 9 แสนล้านบาทต่อปี พร้อมทั้งสร้างงานนับแสนตำแหน่ง  

เขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่นี้มีเป้าหมายดึงดูดโครงการลงทุนกว่า 50 โครงการในช่วง 5 ปีแรก และเพิ่มเป็น 100 โครงการภายใน 10 ปีแรก ทั้งนี้ การร่วมมือดังกล่าวคาดว่าจะช่วยสร้างอาชีพนับแสนตำแหน่ง พร้อมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 2.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9 แสนล้านบาทต่อปี ภายในปี 2030  

พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่นี้จะตั้งอยู่บริเวณพรมแดนรัฐยะโฮร์ของมาเลเซีย เชื่อมต่อกับสิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบันมีผู้สัญจรผ่านพรมแดนกว่า 3 แสนรายต่อวัน ทำเลดังกล่าวถูกมองว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุน  

ความร่วมมือดังกล่าวถูกพูดถึงมาหลายปี โดยแผนเดิมคือการลงนามข้อตกลงตั้งแต่ปี 2024 แต่เนื่องจากนายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง ของสิงคโปร์ ติดโควิดในช่วงนั้น จึงเลื่อนมาเริ่มต้นในเดือนมกราคม ปี 2025  

นี่ไม่ใช่ความร่วมมือครั้งแรกระหว่างสองประเทศ ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์และมาเลเซียเคยพยายามพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงมูลค่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่โครงการดังกล่าวต้องชะลอไปเนื่องจากปัญหาทางการเงินและการจัดการ  

แม้จะมีความคืบหน้า แต่ยังคงมีประเด็นที่ต้องแก้ไข เช่น การจัดการเรื่องภาษีที่แตกต่างกัน (ภาษีเงินได้นิติบุคคลของสิงคโปร์อยู่ที่ 17% ขณะที่มาเลเซียอยู่ที่ 24%) รวมถึงปัญหาด้านระบบอนุญาตข้ามพรมแดน การนำยานยนต์เข้าสู่พื้นที่ และความแตกต่างในขั้นตอนดิจิทัล เช่น สิงคโปร์มีระบบ QR-code สำหรับข้ามแดนที่พัฒนาไปไกลกว่ามาเลเซีย  

ถึงแม้จะมีอุปสรรค แต่ทั้งสองประเทศยังคงเดินหน้าพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ โดยคาดว่าแรงจูงใจด้านภาษีและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ช่วยผลักดันให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จในอนาคต

ผู้นำเม็กซิโกสวนทรัมป์ เสนอเปลี่ยนชื่อ 'อเมริกาเหนือ' เป็น ‘เม็กซิกัน อเมริกา’ ยกประวัติศาสตร์บางรัฐในสหรัฐฯ เคยเป็นของเม็กซิโก

(9 ม.ค.68) ประธานาธิบดีคลอเดีย ไชน์บาว์มแห่งเม็กซิโกออกแถลงการณ์ตอบโต้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเสนอว่าภูมิภาคอเมริกาเหนือควรกลับไปใช้ชื่อดั้งเดิมว่า 'เม็กซิกัน อเมริกา' หลังทรัมป์แสดงความเห็นอยากเปลี่ยนชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' เป็น 'อ่าวอเมริกา'

การแถลงข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม โดยไชน์บาว์มย้ำว่า รัฐบาลเม็กซิโกคาดหวังความสัมพันธ์เชิงบวกกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมนี้ อย่างไรก็ตาม ไชน์บาว์มใช้โอกาสนี้วิจารณ์แนวคิดของทรัมป์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนชื่อ พร้อมชูแผนที่โบราณจากศตวรรษที่ 17 เพื่อสนับสนุนข้อเสนอของเธอ

ไชน์บาว์มกล่าวว่า 'อ่าวเม็กซิโก' ได้รับการยอมรับในระดับสากลโดยองค์การสหประชาชาติ (UN) และการเปลี่ยนชื่อดังกล่าวอาจก่อให้เกิดข้อโต้แย้งในวงกว้าง นอกจากนี้ เธอยังระบุว่าภูมิภาคอเมริกาเหนือ รวมถึงบางส่วนของอเมริกากลาง มีชื่อดั้งเดิมว่า 'เม็กซิกัน อเมริกา' ดังนั้น เธอจึงเสนอให้ทุกประเทศในบริเวณนี้กลับมาใช้ชื่อนี้ร่วมกัน เพื่อสะท้อนประวัติศาสตร์และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม

แถลงการณ์ของไชน์บาว์มมีขึ้นเพื่อตอบโต้คำพูดของทรัมป์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งทรัมป์กล่าวว่าจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น 'อ่าวอเมริกา' พร้อมทั้งวิจารณ์เม็กซิโกว่าเป็นประเทศที่ถูกครอบงำโดยขบวนการค้ายาเสพติด ไชน์บาว์มตอบกลับว่า “เม็กซิโกคือประเทศประชาธิปไตยที่ประชาชนมีอำนาจสูงสุด” และปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว

ทรัมป์ยังขู่ว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกถึง 25% และขึ้นบัญชีดำแก๊งค้ายาเสพติดในเม็กซิโกให้เป็น 'กลุ่มก่อการร้าย' ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ไชน์บาว์มมองว่าเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย

ดาราฮอลลีวูดหนีตายบ้านถูกเผาวอด งานประกาศผู้เข้าชิงออสการ์ถูกเลื่อน

(9 ม.ค.68) ดาราฮอลลีวูดหลายคนต้องอพยพหนีไฟป่าที่กำลังโหมไหม้รุนแรงรอบเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่กว่า 12,000 เอเคอร์ในย่านแปซิฟิกพาลิเซดส์ ที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองชายหาดซานตาโมนิกากับมาลิบู ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าดาราและคนดังหลายคน

ตามรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ ไฟป่าครั้งนี้ได้เผาผลาญบ้านของปารีส ฮิลตัน และทำให้เธอออกมาโพสต์ข้อความในอินสตาแกรมว่า “การที่ต้องมานั่งดูข่าวและเห็นบ้านของเราถูกไฟเผาในมาลิบู เป็นสิ่งที่ไม่มีใครควรต้องเจอ” พร้อมส่งกำลังใจให้กับทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าครั้งนี้

ไฟป่าครั้งนี้ยังส่งผลกระทบต่อวงการบันเทิงในฮอลลีวูด โดยงานประกาศรางวัล Critics Choice Awards ที่จะมีขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ถูกเลื่อนออกไป 2 สัปดาห์ และการประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ก็ถูกเลื่อนออกไป 2 วันเช่นกัน

ไฟป่าครั้งนี้เกิดจากกระแสลมแรงและแห้ง รวมถึงถนนหนทางที่คับแคบ ทำให้การอพยพเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยมีรายงานว่า เจมี ลี เคอร์ติส นักแสดงรางวัลออสการ์ได้โพสต์ข้อความในอินสตาแกรมว่าเธอปลอดภัยดี แต่ชุมชนของเธออาจถูกไฟไหม้

แปซิฟิกพาลิเซดส์เป็นพื้นที่ที่มีราคาบ้านเฉลี่ยสูงถึง 4.5 ล้านดอลลาร์ และเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เกตตีวิลลา นอกจากนี้ยังมีไฟป่าในหลายจุดรอบเมือง ทำให้การถ่ายทำภาพยนตร์ในบางพื้นที่ถูกยกเลิก รวมถึงรายการโทรทัศน์หลายรายการที่ต้องหยุดถ่ายทำ

มาร์ก แฮมิลล์ นักแสดงจาก 'สตาร์วอร์' ได้โพสต์ว่าเหตุการณ์ไฟป่าครั้งนี้เป็น 'เลวร้ายที่สุด' นับตั้งแต่ปี 2536 และเขาได้อพยพออกจากบ้านในมาลิบูเมื่อเย็นวันอังคาร (7 ม.ค.) พร้อมกับภรรยาและสุนัข ขณะเดินทางบนทางหลวงเลียบชายฝั่งแปซิฟิก พบไฟไหม้เล็กน้อยทั้งสองข้างทาง

นักวิชาการชี้แผนยึดกรีนแลนด์-คลองปานามา โอกาสทองจีนได้แต้มต่อครองใจนานาชาติ

(9 ม.ค. 68) ว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ดูเหมือนต้องการขยายอิทธิพลของสหรัฐฯ ด้วยการออกมาเผยความต้องกรของตนในการควบคุมกรีนแลนด์ ปานามา และแคนาดา ซึ่งถือเป็นแนวคิดการปรับแผนที่ของซีกโลกตะวันตกแบบใหม่อย่างแท้จริง

ชอว์น นาริน ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซนต์โธมัสในแคนาดากล่าวกับ Sputnik  

"กรณีของกรีนแลนด์กลาวว่า กรีนแลนด์เป็นความหลงใหลที่แปลกประหลาดของเขาในอดีต ผมคิดว่าสำหรับเขา กรีนแลนด์เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติล้วน ๆ" นารินอธิบาย โดยชี้ว่าความหมกมุ่นนี้อาจเกี่ยวข้องกับการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และจีนในเรื่องแร่หายากและเส้นทางลอจิสติกส์ที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ 

นารินชี้ว่า แม้สหรัฐจะครอบครองกรีนแลนด์ได้จริง เพื่อหวังควบคุมห่วงโซอุปทาน แต่ก็ไม่สามารถแซงหน้าจีนในด้านนี้ได้ ในฐานะที่จีนเป็นชาติที่ควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการแปรรูปทั้งหมด โดยเฉพาะในด้านทรัพยากรธรรมชาติที่ทรัมป์หวังได้จากกรีนแลนด์
 
ขณะที่คลองปานามา ทรัมป์เคยอ้างเหตุผลในการทวงคืนคลองปานามา โดยว่าพื้นที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของจีน ทำให้เก็บค่าผ่านทางอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งชอว์น นาริน กล่าวว่า "ไร้สาระสิ้นดี" นารินตอบโต้ "มันไม่มีความแตกต่างอะไรเลยต่อสหรัฐฯ ว่าจะควบคุมคลองนี้หรือไม่ ไม่มีใครพยายามขัดขวางการเดินเรือของอเมริกาผ่านคลองนี้"  

ขณะที่ประเด็นแคนาดาจากการที่ทรัมป์ต้องการให้แคนาดา กลายเป็นมลรัฐที่ 51 ของสหรัฐ พร้อมกับการขู่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ได้สร้างความกังวลให้ชาวแคนาดา นารินกล่าวว่าคำพูดดังกล่าวเป็นเรื่อง "ไร้สาระ" และเปรียบเสมือนการขู่กรรโชก  

"คุณไม่ต้องการให้คนที่ไม่มีเสถียรภาพและคาดเดาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ เพราะมันสร้างความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองในความสัมพันธ์ที่ควรจะเป็นผู้ใหญ่" เขาเน้นย้ำ  

ในขณะที่ทรัมป์มองว่าจีนเป็นคู่แข่งสำคัญระดับโลกของสหรัฐฯ และพยายามโดดเดี่ยวจีน นารินชี้ว่า กลยุทธ์ในการเปลี่ยนแผนที่โลกเหล่านี้อาจผลักดันให้ประเทศอื่น ๆ เข้าใกล้ปักกิ่งมากขึ้น  

"จีนมีความน่าเชื่อถือและคาดการณ์ได้มากกว่าทรัมป์" เขากล่าว "นโยบายของปักกิ่งตรงไปตรงมา จีนละเมิดกฎหมายนานาชาติน้อยกว่าสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงการแทรกแซง และใช้วิธีการทางเศรษฐกิจในการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ พร้อมเน้นย้ำถึงผลประโยชน์ร่วมกันเสมอ"  

ไฟป่าแอลเอโหมหนัก!! เผาวอดย่านฮอลลีวูดฮิลส์-ร้านอาหารไทยชื่อดัง คร่าชีวิตแล้ว 5 อเมริกันนับแสนรายอพยพ

ตามรายงานจากเว็บไซต์ USA Today และ CNN (9 ม.ค.68) สถานการณ์ไฟป่าในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ยังคงทวีความรุนแรง เนื่องจากลมแรงทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 5 คน และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันหลายร้อยหลังคาเรือนถูกไฟเผาทำลาย และมีประชาชนกว่า 100,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่

กรมดับเพลิงแคลิฟอร์เนียเปิดเผยว่า ไฟป่าครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในไฟป่าที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของลอสแอนเจลิส โดยไฟป่าพาลิเซดส์ (Palisades Fire) ได้ทำลายพื้นที่กว่า 15,800 เอเคอร์ (ประมาณ 39,974 ไร่) และยังไม่สามารถควบคุมได้ โดยได้เผาบ้านเรือนมากกว่า 1,000 หลัง

ร้านอาหารไทยชื่อดัง 'ชลดาไทยลองบีช' (Cholada Thai Cuisine Long Beach) ซึ่งมีสาขาหลักในเมืองมาลิบู ก็ถูกไฟป่าเผาทำลายจนไม่เหลือซาก นับเป็นการสิ้นสุดตำนานของร้านอาหารที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่า 25 ปีตั้งแต่ปี 1999 เจ้าของร้านโพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมข้อความว่า "เรารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องประกาศว่า ร้านอาหารของเราถูกไฟป่าพาลิเซดส์เผาทำลาย ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก"

ขณะที่นครลอสแองเจลิสกำลังเผชิญกับไฟป่าหลายจุด โดยไฟได้ลุกลามไปยังฮอลลีวูดฮิลส์ (Hollywood Hills) เมื่อวันที่ 8 มกราคม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และบ้านเรือนอีกหลายร้อยหลังถูกเผาผลาญ เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังในการดับไฟและใช้น้ำอย่างเต็มที่

ประชาชนกว่า 100,000 คนได้รับคำสั่งให้อพยพ หลังจากที่สภาพอากาศแห้งแล้งและลมแรงทำให้การควบคุมไฟทำได้ยาก ไฟยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นในวันที่ 7 มกราคม

คริสติน ครอว์ลีย์ หัวหน้าสำนักงานดับเพลิงท้องถิ่นระบุว่า มีไฟป่าเพิ่มขึ้นอีกจุดในฮอลลีวูดฮิลส์ในช่วงค่ำวันที่ 8 มกราคม ทำให้ต้องอพยพประชาชนเพิ่ม และขณะนี้มีไฟป่าเกิดขึ้นพร้อมกันถึง 6 จุดในเทศมณฑลลอสแองเจลิส

ไฟป่า 5 จุดยังคงอยู่ในภาวะควบคุมไม่ได้ รวมถึงไฟป่าขนาดใหญ่ในฝั่งตะวันออกและตะวันตกของเมืองที่ยังคงลุกลามต่อไป

ไฟป่าที่ฮอลลีวูดฮิลส์ซึ่งได้รับการตั้งชื่อว่า Sunset Fire ได้ลุกลามเป็น 2 เท่าภายในไม่กี่นาที ขยายพื้นที่เป็น 20 เอเคอร์ ข้อมูลจาก Cal Fire ระบุ

สำนักงานดับเพลิงลอสแองเจลิสได้ออกคำสั่งอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ Hollywood Boulevard, Mulholland Drive, Freeway 101, และ Laurel Canyon Boulevard ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในวงการบันเทิง

ผลกระทบจากไฟป่าทำให้การประกาศผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ถูกเลื่อนออกไป 2 วัน เนื่องจากการประสบปัญหาจากเหตุการณ์ไฟป่า

ไฟป่าในย่าน Pacific Palisades ได้เผาพื้นที่กว่า 15,832 เอเคอร์ รวมถึงบ้านเรือนหลายร้อยหลัง ในขณะที่ไฟป่า Eaton ที่บริเวณเชิงเขาซานเกเบรียล ได้ทำลายพื้นที่ไปแล้ว 10,600 เอเคอร์ และมีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 5 คน

คาดว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากไฟป่านี้อาจสูงถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เกือบ 1 ล้านหลังคาเรือนในลอสแองเจลิสประสบปัญหาขัดข้องไฟฟ้าจากเหตุการณ์นี้ และทางการสั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่จนถึงวันที่ 9 มกราคม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top