‘ญี่ปุ่น’ มีความเสี่ยง!! เกิดแผ่นดินไหวมหึมา ‘เมกะเควก’ เพิ่มมากถึง 82% ในอีก 30 ปีข้างหน้า
(18 ม.ค. 68) คณะกรรมธิการวิจัยแผ่นดินไหวของญี่ปุ่นเพิ่มระดับความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มากเป็นร้อยละ 75-82 จากเดิมอยู่ที่ระหว่างร้อยละ 74-81 และประเมินว่าความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากเมกะเควกขนาด 8-9 แม็กนิจูดจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิคร่าชีวิตผู้คนหลายแสนรายและสร้างความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
แผ่นดินไหวระดับมหาวิปโยคที่อาจเกิดขึ้นเป็นผลจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกใน ‘ร่องลึกนันไก’ ซึ่งมีความยาวประมาณ 800 เมตร ทอดตัวขนานไปกับชายฝั่งแปซิฟิกของญี่ปุ่น
ร่องน้ำลึกก้นสมุทรนันไกอยู่บนแผ่นเปลือกโลกฟิลิปปินส์และกำลังมุดตัวหรือค่อยๆ เคลื่อนตัวอยู่ใต้แผ่นเปลือกโลกที่ญี่ปุ่นตั้งอยู่ หลังจากแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัวแล้วจะหยุดชะงัก กักเก็บพลังงานมหาศาล ก่อนปล่อยออกมาและเป็นสาเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดมหึมา
สำนักงานส่งเสริมการวิจัยแผ่นดินไหวของรัฐบาลระบุว่าในช่วง 1,400 ปีที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหวในร่องลึกนันไกทุกๆ 100-200 ปี โดยแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี 2489 หรือ 79 ปีก่อนและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดแผ่นดินไหวจะเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราร้อยละ 1
รัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ไว้เมื่อปี 2555 ว่าหากเกิดแผ่นดินไหวเมกะเควกขึ้นมาจะทำให้เกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งของเกาะหลักอาจทำให้เกิดสึนามิสูงกว่า 30 เมตร พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นบนเกาะหลัก ทั้งเกาะฮอนชูและชิโกกุจะถูกคลื่นยักษ์ถล่มภายในไม่กี่นาที
เมื่อเดือนส.ค.2567 กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นออกประกาศเตือนภัยแผ่นดินไหวขนาดมหึมาเป็นครั้งแรกตามกฎระเบียบที่ร่างไว้ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิที่ภูมิภาคโทโฮคุเมื่อปี 2554 และมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่อาจเกิดแผ่นดินไหวใหญ่แถบร่องลึกนันไก หลังเกิดแผ่นดินไหวที่ความรุนแรงขนาด 7.1 แม็กนิจูด ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 15 คน
แม้ประกาศยกเลิกคำเตือนหลังผ่านพ้นเหตุการณ์ระทึกขวัญไปได้ 1 สัปดาห์แล้ว แต่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกและพากันกักตุนข้าวสารและสิ่งของจำเป็นอื่นๆ
ทั้งนี้ เมื่อปี 2250 หรือเมื่อ 318 ปีก่อน ทุกส่วนของร่องลึกนันไกเคยแตกออกมาพร้อมกันทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่และยังเป็นแผ่นดินไหวที่ทรงพลังเป็นอันดับ 2 ของประเทศจนถึงทุกวันนี้
แผ่นดินไหวครั้งนั้นส่งผลให้ภูเขาไฟฟูจิปะทุเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในร่องลึกนันไก 2 ครั้งในปี 2397 และอีก 2 ครั้ง ในปี 2487 และ 2489
ที่มา : Khaosod