Saturday, 10 May 2025
World

รัฐพิธีพระบรมศพ สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ ๒ การแสดงออกถึงความนับถือจากปวงชนชาวอังกฤษ

เรื่อง: อนุดี เซียสกุล อดีต Radio Journalist, วิทยุบีบีซีภาคภาษาไทย

รัฐพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ ๒ ของอังกฤษเริ่มขึ้นในวันพุธที่ ๑๔ กันยายนตามเวลาในกรุงลอนดอนคือ ๑๔.๒๒ น.

ขบวนเริ่มด้วยทหารรักษาพระองค์ที่เรียกว่า The Household Cavalry, The Grenadier และ Scots Guards ในเครื่องแบบเต็มยศงดงามนำขบวน ตามด้วยรถปืนใหญ่ที่มีแต่ล้อและรางสำหรับวางหีบพระบรมศพ หลังรถพระบรมศพ เป็นขบวนที่นำโดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓, เจ้าหญิงแอนน์, เจ้าชายแอนดรูว์ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เสด็จพระราชดำเนินตาม ในแถวถัดไปคือ เจ้าชายวิลเลียม, เจ้าชายแฮรี่ และพระราชวงศ์ใกล้ชิดพระองค์อื่น ๆ

นอกจากพระราชวงศ์แล้ว ในแถวถัดไปเป็นข้าราชบริพารที่สนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระราชินีนาถ และข้าราชบริพารของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นเจ้าชายมกุฎราชกุมารร่วมด้วย ขบวนพระบรมศพไม่ยาวนัก เพื่อให้ท่านเห็นภาพชัดเจน บนหีบพระบรมศพคลุมด้วยธงประจำพระองค์ คือ Royal Standard, มีพระมหามงกุฎ ชื่อ The Imperial State Crown และดอกไม้ที่สมเด็จพระราชินีทรงโปรดวางอยู่บนธงเช่นกุหลาบขาว (เมื่อพระบรมศพขึ้นตั้งในเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์แล้วจะมีลูกโลกและคทา มาวางเพิ่ม)

ขบวนพระบรมศพเคลื่อนออกจากพระราชวังบัคกิ้งแฮมตรงตามเวลาที่กำหนด สองข้างทางของถนนที่ชื่อว่า The Mall อันเป็นถนนหน้าพระราชวังเนืองแน่นไปด้วยประชาชนหากแต่เงียบกริบ ได้ยินแต่เสียงฝีเท้าของเหล่าทหารรักษาพระองค์

การนำเสด็จพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ ๒ ไปตั้งเป็นรัฐพิธีที่ 'เวสต์มินสเตอร์ ฮอลล์' (Westminster Hall) จะผ่านเส้นทางที่เป็นใจกลางกรุงลอนดอนซึ่งนักท่องเที่ยวจะรู้จักกันดี, เช่นผ่าน ตึกขาวสองข้างทางที่เรียกว่า Whitehall, Horse Guards Arch เข้าสู่ Parliament Square

สถานที่ที่เรียกว่า Westminster Hall นี้เป็นห้องโถงที่ใหญ่มากมีเพดานที่สร้างด้วยไม้ขนาดใหญ่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๑ แต่รอดพ้นไฟไหม้มาถึงสองครั้งและที่นี่เคยเป็นพระราชวังมาก่อนคือ Westminster Palace

เมื่อขบวนพระบรมศพมาถึงสถานที่ที่จะตั้งแล้ว ทหารพระจำพระองค์ได้เคลื่อนพระบรมศพไปยังแท่นที่ตั้ง, อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี  ซึ่งเทียบได้กับสมเด็จพระสังฆราชได้ทำพิธีทางศาสนาและพระผู้ใหญ่คนอื่น ๆ

ภายในห้องโถงนี้มีเหล่าขุนนาง นายกรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้าน, นักการเมืองระดับสูงจากสกอตแลนด์, เวลส์ และแขกอีกจำนวนมากยืนเรียงรายรอบ ๆ ห้องโถงอย่างเงียบสงบ เมื่อพิธีทางศาสนาและทางทหารเสร็จสิ้นลงแล้ว พิธีสุดท้ายคือ การยืนประจำการเฝ้าพระบรมศพทั้งสี่มุมโดยทหารรักษาพระองค์ซึ่งจะยืนก้มหน้าสงบนิ่งตลอดเวลาจนกว่าจะมีการเคลื่อนพระศพไปประกอบพิธีที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ในวันจันทร์หน้า หากแต่จะมีการผลัดเปลี่ยนตัวคนตามเวลาที่กำหนด

'สี จิ้นผิง' ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ SCO คาด!! อาจมีการหารือนอกรอบกับ 'วลาดิมีร์ ปูติน'

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน 2565 กล่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เดินทางถึงเมืองซามาร์กันด์ของประเทศอุซเบกิสถานเมื่อวันพุธ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (เอสซีโอ) ครั้งที่ 22 ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว

องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (เอสซีโอ) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2544 ในฐานะองค์กรทางการเมือง, เศรษฐกิจ และความมั่นคงที่เป็นคู่แข่งกับชาติตะวันตก โดยประกอบด้วยจีน รัสเซีย, อินเดีย, ปากีสถาน และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียกลางซึ่งแยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียตเดิม

สีจิ้นผิงได้เข้าร่วมประชุมหารือกับประธานาธิบดีชัฟคัต มีร์ซีโยเยฟ และนายกรัฐมนตรีอับดุลลา โอรีพอฟ ของอุซเบกิสถาน โดยสำนักข่าวซินหัวกล่าวว่า ประเด็นหารือเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความร่วมมือทวิภาคี เพื่อประโยชน์ร่วมกันในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ

พ่อแม่ชาวจีน ฟ้องศาลขอค่าเลี้ยงดูจากลูก 5 แสนหยวน ทั้งที่ทอดทิ้งไปตั้งแต่ 2 ขวบ - ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดู

พ่อแม่จีนยื่นฟ้องศาลบังคับให้ลูกสาวที่ตัวเองทอดทิ้งไปตั้งแต่เด็ก ๆ จ่าย 'ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา' เป็นเงิน 500,000 หยวน หลังจากเธอปฏิเสธที่จะออกเงิน 'ซื้ออพาร์ตเมนต์' ให้น้องชาย

หญิงสาวแซ่ 'จาง' วัย 29 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองกว่างโจว ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่อายุ 2 ขวบ เนื่องจากไม่มีเงินเลี้ยง และได้รับการอุปการะโดยคุณป้าของเธอซึ่งเธอเคารพรักเสมือนแม่แท้ ๆ ในขณะที่พ่อแม่ตัวจริงแทบไม่เคยติดต่อหาเธอเลย

แต่เมื่อไม่นานมานี้ จาง ได้ใช้เงินเก็บของเธอซื้ออพาร์ตเมนต์ให้ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง และเมื่อพอพ่อแม่ของเธอทราบข่าว พวกเขาก็รีบปรากฏตัวทันที และเรียกร้องให้เธอซื้ออพาร์ตเมนต์ให้ 'น้องชาย' แท้ ๆ ด้วยอีกคน

เมื่อ จาง ปฏิเสธ พ่อแม่ที่ไม่เคยเลี้ยงดูเธอก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง และไปยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อบังคับให้เธอจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นเงิน 500,000 หยวน หรือประมาณ 2.6 ล้านบาท

WHO เผย 'โควิด-19' ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ย้ำ!! อย่าการ์ดตก - ควรฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง 100%

(15 ก.ย. 65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลกระบุว่า ทั่วโลกไม่เคยเข้าใกล้จุดสิ้นสุดของโรคโควิด-19 เท่านี้มาก่อน ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิดมายาวนานหลายปี จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 6 ล้านคนทั่วโลก

ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการขององค์การอนามัยโลก กล่าวในงานแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์เมื่อวันพุธตามเวลาในสวิตเซอร์แลนด์ว่า ตอนนี้การระบาดของโรคโควิดยังไม่จบสิ้น แต่เริ่มมองเห็นจุดจบของโรคโควิดแล้ว ทั่วโลกยังคงจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อคว้าโอกาสในครั้งนี้ไว้ เฉกเช่นนักวิ่งมาราธอนที่ไม่หยุดวิ่งแม้มองเห็นเส้นชัยที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่จะวิ่งให้เร็วขึ้นด้วยพลังทั้งหมดที่มีอยู่ ทั่วโลกก็ไม่ควรการ์ดตกแม้มองเห็นจุดจบของโรคโควิดที่ใกล้เข้ามา เพราะหากเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ระบาดก็จะย่ำแย่ลง

'โรเจอร์ เฟเดอเรอร์' ประกาศแขวนแร็กเก็ต หลังมีอาการบาดบริเวณหัวเข่าเจ็บเรื้อรัง

โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ สุดยอดนักหวดลูกสักหลาดระดับตำนานชาวสวิส ประกาศแขวนแร็กเก็ตอย่างเป็นทางการ ปิดฉากเส้นทางเทนนิสอาชีพในวัย 41 ปี ยุติเส้นทาง 24 ปีเต็มบนสังเวียน

อดีตนักหวดหมายเลข 1 ของโลกเจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 20 สมัย ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่บริเวณหัวเข่าทำให้ไม่ได้ลงแข่งขันเลยในช่วงปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดเจ้าตัวประกาศผ่านโซเชียลมีเดียถึงการตัดสินใจเลิกเล่นกีฬาดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

"เป็นการตัดสินใจที่อันแสนยากลำบาก เพราะผมกำลังจะพลาดการแข่งขันทุกอย่างที่ผมเคยผ่านมันมาตลอด ขณะเดียวกันยังมีอะไรอีกหลายอย่างให้เฉลิมฉลอง ผมเล่นเทนนิสมามากกว่า 1,500 แมตช์ ตลอดระยะเวลา 24 ปี ตอนนี้ถึงเวลายุติการแข่งขันในอาชีพนักแข่ง ผมรักคุณ และจะไม่มีวันทิ้งคุณ"

"ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ผมต้องต่อสู้กับปัญหาอาการบาดเจ็บ การผ่าตัด อย่างที่ทุกคนทราบ และผมพยายามอย่างมากที่จะกลับมาแข่งขันด้วยร่างกายที่สมบูรณ์ แต่ผมทราบดีถึงขีดจำกัดของร่างกาย มันส่งสัญญาณเตือนผมมาตลอดว่ามันถึงปลายทางของอาชีพนักเทนนิส"

'ปูติน' พบปะหารือ 'สี จิ้นผิง' กระชับความร่วมมือต่อต้านชาติตะวันตก

'ปูติน' พบหารือ 'สี จิ้นผิง' วันพฤหัสบดี (15 ก.ย. 65) ในเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครน พร้อมกันนั้น กองทัพเรือ 2 ประเทศยังร่วมซ้อมรบทางยุทธวิธีในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางด้าน 'เซเลนสกี' ครวญเมืองและหมู่บ้านมากมายที่ชิงกลับมาได้ถูกกองกำลังรัสเซียทำลายเสียหายหนัก ขณะที่เมืองใหญ่เมืองหนึ่งกำลังเร่งซ่อมระบบประปาและเขื่อนที่ถูกขีปนาวุธมอสโกโจมตี

ทั้งนี้ ครีวีริห์ เมืองใหญ่ที่สุดในภาคกลางของยูเครนที่มีประชากรราว 650,000 คนช่วงก่อนสงคราม รวมทั้งเป็นเมืองเกิดของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนด้วย ถูกโจมตีด้วยจรวดร่อน 8 ลูกเมื่อวันพุธ (14 ก.ย. 65)

เซเลนสกี กล่าวระหว่างปราศรัยทางวิดีโอว่า หนึ่งในเป้าหมายที่ถูกโจมตีคือเขื่อนคาราชูนอฟ ซึ่งไม่มีความสำคัญทางทหาร แต่เป็นที่พึ่งพิงในชีวิตประจำวันของพลเรือนนับแสน

ด้าน โอเลคซานดร์ วิลกุล ผู้บัญชาการคณะบริหารทางทหารเมืองครีวีริห์ โพสต์บนเทเลแกรมว่า บ้านเรือน 112 หลังถูกน้ำท่วม แต่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งซ่อมแซมเขื่อนบนแม่น้ำอินฮูเล็ตส์ และน้ำที่ท่วมลดลงแล้ว

ในวันพุธ เซเลนสกียังเดินทางไปยังเมืองอีเซียม โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เมืองนี้เคยเป็นที่มั่นสำคัญของทหารรัสเซียในแตว้นคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน จนกระทั่งเมื่อ 4 วันก่อนหน้านั้นที่กองทัพรัสเซียถูกเคียฟตอบโต้กลับสายฟ้าแลบจนต้องถอยร่นออกไป

ผู้นำยูเครนเผยว่า เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายได้รับหลักฐานการฆาตกรรม ทรมาน และลักพาตัวชาวยูเครนโดยทหารรัสเซีย รวมถึงหลักฐานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนยูเครน

ทั้งนี้ รัสเซียยืนกรานปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่ได้พุ่งเป้าทำร้ายพลเรือน

วิดีโอการปราศรัยของเซเลนสกีเผยแพร่ออกมา หลังจากที่เจ้าตัวเดินทางกลับถึงกรุงเคียฟ และมีรายงานข่าวว่ารถยนต์ที่นั่งมาชนกับรถของพลเรือน กระนั้น เซียร์ฮี นิกิโฟรอฟ โฆษกประธานาธิบดี โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า เซเลนสกีไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงแต่อย่างใด

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย พบหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่เมืองซามาร์กันด์ ประเทศอุซเบกิสถาน ระหว่างที่ผู้นำทั้งสองต่างเข้าร่วมการประชุมซัมมิตขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ในวันพฤหัสฯ และวันศุกร์ ทั้งนี้เครมลินระบุว่า การพบหารือระหว่าง ปูติน กับ สี ครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง

ก่อนการพบกันดังกล่าว กองทัพเรือของ 2 ประเทศ เข้าร่วมซ้อมรบทางยุทธวิธีที่มีการใช้จรวดและเฮลิคอปเตอร์ในมหาสมุทรแปซิฟิก

ระหว่างการพบปะกันของ ปูติน กับ สี เมื่อตอนเดือนกุมภาพันธ์ ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่รัสเซียจะ 'ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร' ในยูเครน ทั้งสองฝ่ายประกาศความร่วมมือกันแบบ 'ไร้ขีดจำกัด' และหลายเดือนที่ผ่านมา ต่างฝ่ายต่างแสดงความสนับสนุนกันและกันในการเผชิญหน้ากับตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ ในกรณียูเครนและไต้หวัน พร้อมคำมั่นในการยกระดับความร่วมมือเพื่อต่อต้านฝ่ายตะวันตก

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวทางการทูตคือ ในวันศุกร์ (16 ก.ย.) สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ จะพิจารณาข้อเสนอของเซเลนสกี้ที่ต้องการร่วมปราศรัยในการประชุมสุดยอดประจำปีในสัปดาห์หน้าโดยจะส่งเป็นวิดีโอที่บันทึกล่วงหน้า ซึ่งทางฝ่ายรัสเซียไม่เห็นด้วย

หญิงอังกฤษประกาศเลิกโคฟเวอร์เป็น ‘ควีน’ เพื่อถวายความอาลัยต่อพระองค์ หลังทำมานาน 34 ปี

หญิงชาวอังกฤษวัย 89 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการแต่งกายเลียนแบบสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประกาศ 'ยุติบทบาท' ที่ทำมา 34 ปี เพื่อถวายความเคารพและความอาลัยต่อองค์พระประมุขที่เธอรู้สึกว่าเป็นเหมือน 'คนในครอบครัว'

แมรี เรย์โนลด์ส (Mary Reynolds) ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองเอปปิง มณฑลเอสเซกซ์ เริ่มหัดโคฟเวอร์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถตั้งแต่ปี 1988 ทว่าอันที่จริงมีคนเคยบอกเธอตั้งแต่อายุ 17 ปีว่า “รูปร่างหน้าตาคล้ายควีนมาก”

ความเหมือนโดยบังเอิญนี้เองทำให้เธอได้รับโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมในภาพยนตร์และซีรีส์หลายเรื่อง รวมถึงภาพยนตร์แอ็กชันคอมเมดี้ในปี 1990 เรื่อง Bullseye ที่มีพระเอกคนดังอย่าง 'เซอร์ โรเจอร์ มัวร์' ร่วมแสดงด้วย

เรย์โนลด์ส บอกกับสำนักข่าว PA ว่าเธอรู้สึกโชคดีที่เกิดมาหน้าตาคล้ายควีน แต่วันเวลาแห่งการรับบท 'ควีนตัวปลอม' ของเธอได้สิ้นสุดลงแล้ว

ยุโรปจี๊ด!! ‘รัสเซีย’ เตรียมเปิดโครงการ Siberia 2 เส้นทางท่อส่งก๊าซใหม่ ‘จีน-มองโกเลีย’ แทนที่ยุโรป

อเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีแห่งรัสเซีย ได้ยืนยันเสียงดัง ฟังชัด ผ่านสื่อช่อง Rossiya-1 ของรัสเซีย ว่ารัสเซียเตรียมเปิดโครงการท่อส่งก๊าซใหม่ Siberia 2 เชื่อมโยงระบบส่งก๊าซจากฝั่งตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน และจะส่งก๊าซผ่านมองโกเลียตรงไปลงที่จีนเลย ซึ่งโครงการ Siberia 2 จะมาแทนที่โครงการ Nord Stream 2 ท่อส่งก๊าซสู่ยุโรปของรัสเซีย

สำหรับโครงการ Siberia 2 นั้น จะเหลือก็เพียงแค่การพูดคุยตกลงกันในขั้นตอนสุดท้ายระหว่าง ‘รัสเซีย - มองโกเลีย - จีน’ จากนั้นจะเริ่มต้นวางท่อก๊าซได้ในปี 2024 นี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2030 สามารถส่งก๊าซได้ถึง 2 หมื่นลูกบาศก์เมตรต่อปี

แน่นอนว่านี่คือผลลัพธ์ หลังจากชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียจากกรณีสงครามในยูเครน จนทำให้รัสเซียต้องหาตลาดใหม่มาทดแทน ซึ่งจีนก็เป็นหนึ่งในผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่ที่สุดในโลก และนั่นก็ไม่มีอะไรที่รัสเซียต้องคิดนาน การเปลี่ยนเป้ามาจาก Nord Stream 2 มาโฟกัสที่ Siberia 2 เป็นหลักแทนจึงเป็นคำตอบที่ช่างลงตัว ในช่วงเวลาที่โครงการ Nord Stream 2 ซึ่งรัสเซียพัฒนาร่วมกับเยอรมัน เพื่อส่งก๊าซตรงเข้ายุโรป ถูกระงับอย่างไม่มีกำหนด ทั้ง ๆ ที่โครงการควรจะแล้วเสร็จตั้งแต่กันยายน 2021 

'เดวิด เบ็คแฮม' รอคิวนานถึง 12 ชั่วโมง เพื่อเข้าเคารพพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2

สกายสปอร์ต สื่อชั้นนำของประเทศอังกฤษ เปิดเผยคลิปวิดีโอที่ เดวิด เบ็คแฮม ตำนานนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินทางไปเข้าคิวพร้อมกับผู้คนนับพันเพื่อรอเข้าเฝ้าพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 เป็นเวลานานถึง 12 ชั่วโมงเต็ม

ทั้งนี้ เดวิด เบ็คแฮม ให้สัมภาษณ์เปิดใจผ่านสกายสปอร์ต ว่า “วันนี้เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก มันยากสำหรับประเทศของเรา และเป็นเรื่องที่ยากสำหรับทุกคนทั่วโลก ผมคิดว่าทุกคนรู้สึกได้ ความคิดของครอบครัวเรามันชัดเจนเช่นเดียวกับทุกคนที่นี่”

“เพราะเป็นสิ่งที่พิเศษที่ได้มาอยู่ตรงนี้เพื่อทำความเคารพ และได้รับฟังเรื่องราวต่างๆ ที่ผู้คนต่างต้องพูดถึง ช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดสำหรับผมคือการได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ ชั้นโอบีอี วันนั้นผมพาปู่ย่าไปกับผมด้วย พวกเขาเป็นคนที่เลี้ยงดูผมให้กลายเป็นผู้ที่นิยมในลัทธิราชาธิปไตย และหลงรักในราชวงศ์ รวมถึงภรรยาของผมด้วย”

พระราชพิธีสุดท้าย สิ้นสุดรัชสมัย 'สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ ๒' สู่ศักราชใหม่ 'พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓' ด้วยพระชนมายุ ๗๓ ปี

ในวันสุดท้ายของพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ ๒ ที่จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ ๑๙ กันยายนนี้ สำนักพระราชวังบักกิงแฮมได้ให้รายละเอียดกับสื่อมวลว่ามีหมายกำหนดการอะไรบ้าง ซึ่งน่าสนใจอยู่มาก

ผู้เขียนได้อ่านรายงานของบีบีซีภาคภาษาอังกฤษที่เขียนว่า The State Funeral ครั้งนี้ โดยอาจกล่าวได้ว่าเป็นเหตุการณ์พระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นต้นมากันเลยทีเดียว

หลังจากการตั้งพระบรมศพเป็นเวลา ๔ วันให้ประชาชนคนทั่วไปได้เข้าถวายสักการะและอาลัยที่เวสต์มินสเตอร์ฮอลล์แล้ว จะมีการเคลื่อนพระบรมศพไปยังวิหารเวสต์มินสเตอร์ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ด้วยรถปืนที่เคยใช้เคลื่อนพระบรมศพพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ ๗, พระเจ้าจอร์จที่ ๕ และพระเจ้าจอร์จที่ ๖ มาแล้ว 

ในครั้งนี้จะมีทหารเรือจำนวน ๑๔๒ นาย เป็นคนลากรถปืน (ขอเล่าประวัติการที่ทหารเรือเข้ามามีบทบาทในการลากรถปืนพระบรมศพนี้เริ่มมาตั้งแต่รัชสมัยพระราชินีวิคตอเรีย โดยดั้งเดิมมักจะใช้ม้าเป็นผู้ลาก แต่บังเอิญเกิดเหตุการณ์ในระหว่างพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียขึ้น โดยม้าที่ใช้ลากเกิดตกใจยกขาหน้าขึ้นจนเกือบทำให้หีบพระบรมศพตก ดังนั้นเมื่อใช้ม้าไม่ได้จึงใช้ทหารเรือที่อยู่ในขบวนเข้ามาลากรถปืนพระบรมศพแทนนับตั้งแต่นั้นมาและเป็นความภาคภูมิใจของเหล่าทหารเรือเป็นอย่างยิ่ง)

เหมือนเช่นการเคลื่อนพระบรมศพในวันพุธที่ ๑๔ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓, เจ้าหญิงแอนน์, เจ้าชายแอนดรูว์ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด จะเสด็จพระราชดำเนินตามพระบรมศพพร้อมกับเจ้าชายวิลเลี่ยม ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าชายมกุฎราชกุมาร, เจ้าชายแฮร์รี่ และปีเตอร์ ฟิลิปส์ พระโอรสของเจ้าหญิงแอนน์ ไปยังวิหาร

เนื่องจากเป็นงานรัฐพิธีของประมุขของประเทศ สำนักพระราชวังบักกิงแฮม จึงได้เชิญแขกต่างประเทศมาร่วมในงานด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นพระประมุขและทรงเป็นพระญาติของสมเด็จพระราชินี อาทิ พระเจ้าแผ่นดินในยุโรป, หรือพระประมุขของประเทศในเอเซีย, ประธานาธิบดี, ผู้นำประเทศหรือผู้แทนทั้งหมด จำนวน ๒,๐๐๐ คน และในจำนวนนี้จะเป็นแขกบุคคลที่มีบทบาทสำคัญและทำคุณงามความดีของประเทศอังกฤษเข้าร่วมด้วยจำนวน ๒๐๐ คน

มีการเปิดเผยจากสำนักพระราชวังบักกิงแฮมว่า ในขั้นตอนของพระราชพิธีพระบรมศพนี้นั้น ทางสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ ๒ ตอนที่ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ได้ทรงทราบในรายละเอียดด้วยและสิ่งหนึ่งที่พระองค์ได้ทรงให้เพิ่มคือ ทรงให้มีการเป่าปี่สก็อตปิดท้ายในพระราชพิธีในวิหารเวสต์มินสเตอร์

ซึ่งท่านผู้อ่านอาจได้เห็นขบวนนำพระบรมศพที่ยิ่งใหญ่สง่างามของเหล่าทหารปี่สก็อต, ทหารไอริช, ทหารอากาศและทหารอาสากูรข่า ส่วนสองข้างทางก็จะมีทหารเรือ, นาวิกโยธิน และทหารกองเกียรติยศยืนเรียงรายและมีวงดนตรีของทหารบรรเลงกันบ้างแล้ว

สำนักพระราชวังได้ประกาศเส้นทางที่ขบวนพระบรมศพจะเคลื่อนผ่านหลังพิธีในวิหารเวสต์มินสเตอร์ออกมาแล้วโดยจะเป็นเส้นทางภายในกลางกรุงลอนดอนและเส้นทางไปยังพระราชวังวินด์เซอร์ อันเป็นสถานที่สุดท้ายที่จะมีพระราชพิธีสำคัญที่สุดในโบสถ์ เซนต์ จอร์จ คือการส่งดวงพระวิญญาณและพิธีการฝังพระศพ

คาดว่าในวันนั้นจะมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ให้ชมกันจนจะเสร็จสิ้นพระราชพิธีและเป็นการสิ้นสุดรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ ๒ โดยสิ้นเชิง

อังกฤษจะเริ่มศักราชใหม่ของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่อย่างไร ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top