Saturday, 10 May 2025
World

'เยอรมัน' ควบคุมกิจการบริษัทน้ำมันของรัสเซีย เพื่อเป็นหลักประกันว่าประเทศจะไม่ขาดแคลนพลังงาน

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 17 กันยายน 2565 กล่าวว่า รัฐบาลเยอรมันนำโดยนายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ตัดสินใจเข้ายึดและควบคุมกิจการในเครือของ Rosneft (รอสเนฟต์) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัสเซียที่ดำเนินกิจการอยู่ในเยอรมนี

โดยบริษัทในเครือของ Rosneft ในเยอรมนี มีสัดส่วนของกำลังการกลั่นน้ำมันในประเทศ ประมาณ 12% และจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานเครือข่ายรัฐบาลกลาง (Federal Network Agency) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเศรษฐกิจและสภาพอากาศของเยอรมนี

นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์กล่าวในแถลงการณ์ว่า "เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามต่อความมั่นคงด้านแหล่งพลังงาน รัฐบาลจำเป็นจะต้องดำเนินการเช่นนี้ แม้จะเป็นการไม่สุภาพซักเท่าไหร่ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ บนพื้นฐานของการปกป้องประเทศของเรา"

การเข้าควบคุมกิจการของรัสเซียในครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เยอรมนีกำลังดิ้นรนที่จะเลิกพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล (น้ำมันดิบ) ของรัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะหยุดการนำเข้าน้ำมันทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ในขณะที่รัสเซียเองก็ตอบโต้ด้วยการหยุดการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังเยอรมนีผ่านท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1

โดยบริษัทรัสเซียที่จะถูกควบคุม ได้แก่ Rosneft Deutschland GmbH (RDG) และ RN Refining & Marketing GmbH (RNRM) รวมถึงสัดส่วนการถือครองหุ้นในโรงกลั่น 3 แห่ง ได้แก่ PCK Schwedt, MiRo และ Bayernoil

ช่อง 5 คิดถูกใช่ไหม? เลือกตัดลมหายใจคนเมียนมา แค่เพราะนักกิจกรรมบอก... "นทท.จะนำเงินมาสนับสนุนกองทัพพม่าเพื่อปราบปชช."

ช่อง 5 กับทางเลือกที่ถูกต้อง?

เป็นข่าวกระหึ่ม!! เมื่อรายการ บันทึกท่องเที่ยว The Exclusive ใน EP ล่าสุด ได้พาไปท่องเที่ยวกรุงเนปิดอว์ ออกอากาศ ตอนที่ 1 เมื่อ 5 ก.ย. 2565 และตอนที่ 2 เมื่อ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา

โดยในตอนที่ 1 ได้พาไปเที่ยวสถานที่สำคัญของเมืองหลวงกรุงเนปิดอว์ ได้แก่ ถนน 16 เลน, พระมหาเจดีย์อุปปาสันติ, พิพิธภัณฑ์อัญมณี, วัดเม้งหวุ่นเต่า, พิพิธภัณฑ์การทหาร และอื่นๆ  

นอกจากนี้ ในรายการยังได้เข้าพบกับ เตอ่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว แห่ง SAC และมีการสัมภาษณ์สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศเมียนมาอีกด้วย

และนี่น่าจะเป็นชนวนเหตุ ที่ทำให้ถูกโจมตีจากนักกิจกรรมประชาธิปไตย ว่ารายการได้รับการสนับสนุนจากรับบาลทหารเมียนมา ซึ่งในความรู้สึกของเอย่าเองนั้น ขอบอกว่า นี่มันเป็นเรื่องไร้สาระมาก!!

ถ้าจะให้เอย่าวิเคราะห์แตกเป็นประเด็น จะเล่าให้ฟังเป็นข้อๆ แบบนี้ละกัน...

เนปิดอว์นั้นไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวแต่อย่างใด ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเนปิดอว์ก็จะมาแค่ตามที่รายการบอกนั่นแหละ เพราะเมืองมันไม่ได้มีอะไรจริงๆ สามารถเที่ยวแบบ One Day Trip และกลับไปนอนที่ตองอู ซึ่งในตองอูยังมีอะไรที่น่าสนใจกว่า เช่นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาที่วัดเมียะสิโกง ที่พระเจ้าบุเรงนองอัญเชิญจากอยุธยามาไว้ที่ตองอู เมื่อได้อยุธยาเป็นประเทศราชแล้ว แถมด้วยโรงแรมที่ตองอูก็เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินของพระราชวังตองอูเก่า ซึ่งมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงอาถรรพ์ที่คนไทยบางคนเคยเจอด้วย แต่บอกเลยว่าโรงแรมนี้สวยงามและไม่เงียบเหงาเหมือนนอนที่เนปิดอว์แน่นอน

การไปขอสัมภาษณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว แห่ง SAC ก็ไม่ได้แปลกอะไรเลย เพราะการเดินทางเข้าเมียนมาไปเมืองไหนก็ตาม โดยเฉพาะการไปถ่ายทำรายการหรือภาพยนตร์ ก็ต้องทำเรื่องขออนุญาต ซึ่งการทำเช่นนี้มีมาก่อนยุคสมัยก่อนมีประชาธิปไตยด้วยซ้ำ อย่างตอนที่ผู้กำกับชาวต่างประเทศไปถ่ายภาพยนตร์เขาก็ขออนุญาตเช่นกัน   

ดังนั้นการที่เขาจะได้สัมภาษณ์กับท่านรัฐมนตรี จึงไม่แปลกเพราะเมียนมามีนโยบายที่กำลังจะเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่รายการคิดว่า มันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับผู้ชมด้วยซ้ำ

แต่เรื่องนี้สำนักข่าวประชาไทระบุว่า “กลุ่มนักกิจกรรมการเมืองแสดงความกังวลถึงประเด็นความปลอดภัย และชี้ว่านักท่องเที่ยวจะนำเงินมาสนับสนุนกองทัพพม่าเพื่อปราบประชาชน ผ่านค่าธรรมเนียมการทำวีซ่า จ่ายค่าประกัน และภาษี แม้ว่านักท่องเที่ยวสามารถเลี่ยงการพักในโรงแรม และการขนส่งที่มีกองทัพ และเครือข่ายของกองทัพเป็นเจ้าของก็ตาม นอกจากนี้ กลุ่มนักกิจกรรมขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกบอยคอตไม่มาเที่ยวพม่าระหว่างที่กองทัพยังคงบริหารประเทศอยู่” 

ซึ่งในความเป็นจริง ณ วันนี้ เมียนมาประกาศ Free-VISA ให้นักท่องเที่ยวไทยเข้ามาเที่ยวได้ 14 วันเหมือนแต่ก่อน ส่วนเรื่องการซื้อประกันภัยโควิดก็ไม่ได้มีแค่ในเมียนมาเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายประเทศเช่นกัน เอาประเทศใกล้ๆ เราอย่าง 'ลาว' ก็ Free-VISA แต่ก็ต้องซื้อประกันโควิดสำหรับใครก็ตามที่เข้าประเทศเช่นกัน

ขณะเดียวกัน การที่นักท่องเที่ยวจะจองโรงแรมใดๆ ก็ตาม สามารถ Booking ผ่าน Application หรือ Website ต่างๆ ได้ เหมือนที่เคยทำกันมาสมัยก่อนโควิดระบาด ดังนั้นนักท่องเที่ยวมีสิทธิ์จะเลือกหาข้อมูลโรงแรมใดก็ได้ที่สะดวกและมั่นใจในการใช้ชีวิตในเมียนมา โดยไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทหาร หรือ ฝ่ายใดเลย

โดยสรุปแล้ว หากการท่องเที่ยวในเมียนมากลับมาคึกคัก จะสร้างเม็ดเงินสะพัดมหาศาลให้แก่นักธุรกิจใหญ่, เจ้าของกิจการ, เจ้าของร้านค้า ไปจนถึงชาวบ้านที่มาขับรถ ขับเรือ ขายดอกไม้ ขับแท็กซี่ ฯลฯ ซึ่งคนเหล่านี้เป็นคนที่อาศัยในเมียนมาแล้วเดือดร้อนจากการระบาดของโรคโควิดและถูกซ้ำเติมจากความขัดแย้งทางการเมือง  

เม็ดเงินเหล่านี้จะยกระดับความเป็นอยู่ของคนเมียนมาให้ดีขึ้น ทำให้ความขัดแย้งบรรเทาลง เพราะคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  

CIA ชี้!! จีนหวังกองทัพพร้อมลุย หากต้องบุกยึดไต้หวัน แม้ปักกิ่งจะต้องการรวมชาติกับเกาะแห่งนี้ด้วยสันติวิธี

เดวิด โคเฮน รองผู้อำนวยสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) เผยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ต้องการให้กองทัพของเขามีแสนยานุภาพพร้อมสำหรับบุกยึดไต้หวันภายในปี 2027 จากคำกล่าวอ้างของผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น อย่างไรก็ตาม โคเฮน เชื่อว่าปักกิ่งยังคงต้องการรวมชาติกับเกาะแห่งนี้ด้วยสันติวิธี

เคที โบ ลิลิส ผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็นเป็นผู้รายงานความคิดเห็นดังกล่าวของ โคเฮน ในขณะที่เธอระบุด้วยว่า สี ไม่ได้กำลังเตรียมการสำหรับรุกรานไต้หวันเร็วๆ นี้ แต่เขาอยากให้กองทัพมีแสนยานุภาพเพียงพอสำหรับการเข้าควบคุมไต้หวันโดยการใช้กำลัง

"เขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำเช่นนั้น แต่ขอให้กองทัพวางสถานะของเขาอยู่ในจุดๆ หนึ่ง ซึ่งหากว่าเขาต้องการทำเช่นนั้น เขาจะสามารถดำเนินการได้" ลิลิส อ้างคำพูดของโคเฮน "จากการประเมินของประชาคมข่าวกรองทั้งหมด ยังคงเชื่อว่า สี ให้ความสนใจเข้าควบคุมไต้หวันผ่านหนทางที่ไม่ใช่วิถีทางด้านการทหาร"

ปักกิ่งเน้นย้ำอย่างเปิดเผยว่ามีความตั้งใจผนวกไต้หวันเข้ากับจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยสันติวิธี และในสมุดปกขาวที่เผยแพร่ในเดือนสิงหาคม รัฐบาลจีนเน้นย้ำความตั้งใจไม่ใช้หนทางด้านการทหาร แต่ขอสงวนไว้ซึ่ง 'ทางเลือกของการใช้ทุกมาตรการที่มีความจำเป็น'

ไต้หวันปฏิเสธสูตร '1 ประเทศ 2 ระบบ' ที่ระบุอยู่ในสมุดปกขาวดังกล่าว โดยไทเปยืนกรานว่ามีเพียงประชาชนชาวไต้หวันเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินใจอนาคตของตนเอง

จับตา!! พระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ ๒ ความยิ่งใหญ่ที่เกินเปรียบและคนดังที่จะถูกคนทั่วโลกมองเห็น

เรื่อง: อนุดี เซียสกุล อดีต Radio Journalist, วิทยุบีบีซีภาคภาษาไทย

พระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ ๒ ของอังกฤษในวันจันทร์ที่ ๑๙ กันยายนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นพระราชพิธีที่ไม่อาจจะเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ใด ๆ ที่ผ่านมาได้

ในกรุงลอนดอน วิหารเวสต์มินสเตอร์ในเวลา ๑๑ โมงเช้าจะเนื่องแน่นไปด้วยแขกที่พระราชวังบักกิงแฮมเชิญจำนวน ๒,๐๐๐ คน นอกจากนี้ยังมีบรรดาแขกระดับสูงจากต่างประเทศอีก ๕๐๐ คนและนายทหารประจำการอีก ๔,๐๐๐ คนและคาดว่าอีกหลายพันล้านคนที่จะชมพระราชพิธีนี้ทางสื่อต่าง ๆ

ลอร่า กุนสเบิร์ก Laura Kuenssburge ผู้ดำเนินรายการดังของโทรทัศน์บีบีซีชื่อ Sunday morning politic show เขียนรายงานของเธอว่า ที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ในวันจันทร์นี้แม้ว่าจะเป็นเวลาของความเศร้าโศกในการไว้อาลัยต่อสมเด็จพระราชินีฯ ที่จากไป แต่ขณะเดียวกันในพระราชพิธีนี้จะเป็นช่วงเวลาที่บรรดาประมุขของประเทศ, ประธานาธิบดี, นายกรัฐมนตรี และนักการเมืองระดับสูงมาร่วมชุมนุมกันอันมีความหมายว่า นอกจากจะไว้อาลัยต่อประมุขของประเทศที่มีบทบาทสำคัญในเวทีโลกและแทบจะทุกประเทศในโลกรู้จักพระองค์เป็นอย่างดีแล้ว เหตุการณ์ในวันจันทร์นี้ ทุกสื่อจะจับจ้องมาที่กรุงลอนดอนและบุคคลที่มางานนี้ ก็จะถูกมองเห็นไปทั่วโลก ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ไม่ง่ายนัก

นักการทูตคนหนึ่งบอกกับลอร่าว่า ผู้ที่ไม่ได้มาร่วมครั้งนี้อาจพลาดภาพประวัติศาสตร์ของยุคนี้ไปเลย และที่เขาเคยเห็นในการประชุมสุดยอดของผู้นำประเทศต่าง ๆ ในหลายครั้ง ผู้นำบางประเทศจะพยายามเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีฯ ให้ใกล้ที่สุด บางคนถึงกับจะสะกิดคนที่เฝ้าอยู่ใกล้ ๆ แล้วให้ถอยห่างออกมาเพื่อให้ตนได้เข้าไปแทนที่บ้าง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถทางด้านการทูตที่จะหาใครเปรียบเทียบได้กับพระองค์

ในรายงานข่าวชิ้นนี้ ทำให้เห็นอีกว่าแขกระดับสูงไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรีจะเดินทางด้วยรถบัสมายังวิหารเวสต์มินสเตอร์อย่างเท่าเทียมกัน เนื่องจากจำนวนแขกมีมากเกินกว่าจะใช้รถส่วนตัวเฉพาะบุคคลได้ แต่ขณะเดียวกันอาจมีผลดีทางด้านการทูตอยู่ไม่น้อย เพราะบรรดาผู้นำเหล่านี้อาจใช้ช่วงเวลานี้พูดเจรจาความเมืองต่อกันอย่างใกล้ชิด แม้จะไม่มาก แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่นำไปสู่การเจรจาหลักต่อไปได้

เมื่อดูรายพระนาม และรายนามของแขกที่ตอบรับว่าจะเสด็จหรือมาร่วมในพระราชพิธีพระบรมศพในวันจันทร์ที่ ๑๙ กันยายนนี้แล้ว เห็นได้ว่าเป็นการชุมนุมของประมุขของประเทศในยุโรปและเอเชีย และผู้นำประเทศครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง ซึ่งถ้าท่านผู้อ่านได้ดูการถ่ายทอดทางโทรทัศน์คงได้เห็นบรรดาแขกเหล่านี้

สำหรับแขกคนหนึ่งที่ได้รับเชิญเช่นกันคือ เอิร์ล แห่งสเปนเซอร์ หรือน้องชายของเจ้าหญิงไดอาน่าผู้ล่วงลับ แม้ว่าอาจมีความสัมพันธ์ที่ไม่สนิทนักกับอดีตพี่เขย คือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ 

ส่วนแขกอีกคนหนึ่งที่จะขาดไม่ได้คือ แองเจลา เคลลี่ ผู้ช่วยส่วนพระองค์และช่างเสื้อพระจำพระองค์เป็นเวลา ๓๐ ปี กล่าวกันว่าแองเจล่าเป็นผู้ที่สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ ๒ ทรงให้ความไว้ว่างใจมากคนหนึ่งหรืออาจเรียกได้ว่าเป็นคนสนิทก็ได้ และแองเจล่าผู้นี้ได้ถวายคำแนะนำเรื่องฉลองพระองค์และพระมาลาจนนำมาสู่จุดเด่นเป็นแฟชั่นและได้รับการยกย่องว่าเธอออกแบบฉลองพระองค์และพระมาลาได้อย่างงดงาม 

นอกจากนี้ ยังมีแขกอีกคนหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ นั่นก็คือ จอห์น วอเรน ผู้ที่เป็นทั้งพระสหาย ที่ปรึกษาและผู้จัดการม้าแข่งของพระราชินี

มีการเปิดเผยว่านอกจากจะมีรายชื่อแขกที่ถูกเชิญแล้ว ก็ยังมีรายนามของประเทศที่สำนักพระราชวังบักกิงแฮมไม่เชิญด้วยเช่นกัน อาทิ ผู้นำรัสเซีย, เบราลุส, เมียนมา 

อย่างไรก็ดีได้มีการเชิญผู้นำจีนอย่างนายสีจิ้นผิง แต่ผู้นำจีนก็ได้ให้รองประธานาธิบดีมาร่วมงานแทน เช่นเดียวกันกับเกาหลีเหนือ ที่ส่งเพียงเอกอัครราชทูตมาแทน ขณะที่ประเทศซึ่งถูกจับตามองอย่างมากอีกประเทศหนึ่งคือซาอุดีอาระเบีย โดยพระราชวังบักกิงแฮมได้ทูลเชิญเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานมกุฎราชกุมารผู้ที่กำลังมีบทบาทสำคัญในประเทศ แต่คาดกันว่าเจ้าชายจะไม่เสด็จมา หลังพระองค์ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการเสียชีวิตของนักข่าวที่ชอบวิจารณ์ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย

อินเดีย-รัสเซีย ใกล้บรรลุข้อตกลงชำระเงิน เตรียมเริ่มค้าขายด้วยสกุลเงินรูปีเร็ว ๆ นี้

อินเดียจะเริ่มค้าขายกับรัสเซียด้วยสกุลเงินรูปีเร็ว ๆ นี้ จากการเปิดเผยของประธานสหพันธ์องค์กรการส่งออกของอินเดีย (FIEO) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 

ความคืบหน้านี้มีขึ้นตามหลังธนาคาร State Bank of India (SBI) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของประเทศ เห็นพ้องลดความซับซ้อนของกลไกชำระเงินแบบใหม่

"State Bank of India ออกโรงเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การค้าด้วยสกุลเงินรูปีกับรัสเซีย และมีธนาคารอื่น ๆ บางแห่งก็แสดงความสนใจเช่นกัน" A.Shaktivel ประธานสหพันธ์องค์กรการส่งออกของอินเดียบอกกับพวกผู้สื่อข่าว พร้อมระบุว่า อินเดียมี "กลไกชำระเงินด้วยรูปีที่ดีอยู่ก่อนแล้วในอิหร่าน ดังนั้นสิ่งเดียวกันนี้จะเกิดขึ้น (กับรัสเซีย)

ในเดือนกรกฎาคม ธนาคารกลางอินเดีย เผยแพร่หนังสือเวียน เรียกร้องบรรดาสถาบันการเงินทั้งหลายในประเทศให้เตรียมการต่าง ๆ เพิ่มเติมสำหรับการทำธุรกรรมนำเข้าและส่งออกด้วยสกุลเงินรูปี ความเคลื่อนไหวที่ออกแบบมาเพื่อลดการพึ่งพิงของรูปีต่อดอลลาร์ และถูกมองในฐานะแรงจูงใจส่งเสริมการค้ากับรัสเซียด้วยเช่นกัน

การส่งออกของอินเดียไปยังรัสเซียลดต่ำลงถึง 1 ใน 3 ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม สืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรอันครอบคลุมที่ตะวันตกกำหนดเล่นงานมอสโก ลงโทษกรณีรุกรานยูเครน

'ไบเดน' ประกาศชัดจะส่งกองทัพปกป้อง 'ไต้หวัน' หาก 'จีน' เปิดฉากรุกรานเกาะแห่งนี้

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งซึ่งออกอากาศในวันอาทิตย์ (18 ก.ย.) ประกาศกร้าวกองกำลังสหรัฐฯ จะปกป้องไต้หวัน ในกรณีที่จีนเปิดฉากรุกราน ถ้อยแถลงชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมาของผู้นำรายนี้ในประเด็นดังกล่าว

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายการ 60 Minutes ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ไบเดนถูกถามว่ากองกำลังสหรัฐฯ จะปกป้องเกาะปกครองตนเองที่จีนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนหรือไม่ เขาตอบว่า "ใช่ ถ้าในความเป็นจริง มีการโจมตีอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน"

พอถูกถามเพิ่มเติมขอความกระจ่างชัด หมายความว่าสิ่งนี้ต่างจากยูเครน โดยกองกำลังสหรัฐฯ ทั้งชายและหญิงจะปกป้องไต้หวันในกรณีที่ถูกจีนรุกราน ใช่หรือไม่ เขาตอบว่า "ใช่"

คำสัมภาษณ์นี้ถือเป็นหนล่าสุดที่เหมือนว่า ไบเดน จะพูดเกินเลยขอบเขตนโยบายที่สหรัฐฯ ยึดถือมาช้านานเกี่ยวกับไต้หวัน แต่ขณะเดียวกัน คำพูดนี้ถือเป็นถ้อยแถลงที่ชัดเจนกว่าครั้งก่อน ๆ เกี่ยวกับพันธสัญญาของทหารสหรัฐฯ ในการปกป้องเกาะแห่งนี้

เมื่อสอบถามความคิดเห็นในเรื่องนี้ไปยังทำเนียบขาว ทางโฆษกทำเนียบขาวรายหนึ่งเน้นย้ำว่า นโยบายของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง "ก็อย่างที่ท่านประธานาธิบดีเคยพูดในเรื่องนี้มาก่อน ในกรุงโตเกียวเมื่อช่วงกลางปี ท่านอธิบายอย่างชัดเจนในตอนนั้นว่า นโยบายไต้หวันของเราไม่เปลี่ยนแปลง และนั่นยังคงเป็นความจริง"

บทสัมภาษณ์กับซีบีเอสครั้งนี้เป็นการบันทึกเทปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเวลานี้ประธานาธิบดีไบเดน อยู่ในสหราชอาณาจักร เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในวันจันทร์ (19 ก.ย.)

สหรัฐฯ ยึดถือนโยบายหนึ่งมาช้านาน ด้วยการทำให้เป็นเรื่องคลุมเครือว่าพวกเขาจะตอบโต้ทางทหารต่อกรณีมีเหตุโจมตีไต้หวันหรือไม่

GISTDA เผยภาพพายุ 'นันมาดอล' พัดถล่มญี่ปุ่น 'โตเกียว-คานากาวะ-คิวชู' เตรียมรับมือน้ำท่วม

เพจ GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้เผยภาพจาก #ดาวเทียมฮิมาวาริ8 🛰🛰🛰 ของญี่ปุ่น พร้อมระบุว่า...

🌪🌪🌪พายุหินหนามหน่อ (ซ้าย) เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 65 ที่ผ่านมาเกือบ 20 กว่าวัน เทียบกับ พายุนามาดอล (ขวา) ที่ถ่ายไว้เมื่อวันศุกร์ที่ 16 กันยายน 65 ด้วยดาวเทียมฮิมาวาริ-8 ณ ตำแหน่งใกล้เคียงกัน ซึ่งปัจจุบัน (19 กันยายน 65) พายุนันมาดอลกำลังพัดถล่มตอนใต้ของญี่ปุ่นด้วยความเร็วลมประมาณ 110 km/h 🌪🌪🌪

ทั้งนี้ อิทธิพลของพายุจะทำให้เกิดฝนตกหนัก และมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่มตามมา ทางการญี่ปุ่น ได้ประกาศเตือนประชาชนในกรุงโตเกียว จังหวัดคานากาวะ และเกาะคิวชู ให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมด้วย

ไบเดนขู่ ‘สี จิ้นผิง’ ระวังหายนะจะมาเยือน หากคิดจะช่วยเหลือรัสเซีย

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า เขาได้พูดคุยกับ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่กำลังตัดสินใจผิดพลาดอย่างมหันต์ที่คิดจะฝ่ามาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกเพื่อเข้าไปช่วยเหลือรัสเซีย

สถานีข่าวช่อง CBS ของสหรัฐฯ ได้ออกอากาศงานสัมภาษณ์ โจ ไบเดน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 65 ที่ผ่านมา โดย ไบเดน กล่าวว่า เขาได้มีโอกาสพูดคุยกับสี จิ้นผิง ผ่านทางโทรศัพท์เมื่อไม่นานมานี้ และได้บอกกับผู้นำจีนอย่างเด็ดขาดว่า หากจีนมั่นใจว่า นักธุรกิจชาวอเมริกัน และชาติพันธมิตรอื่นๆ ยังคิดที่จะไปลงทุนในจีนอยู่ หลังจากที่จีนยังคงเลือกที่จะช่วยเหลือคบค้ากับรัสเซีย และเพิกเฉยต่อมติคว่ำบาตรของพันธมิตรชาติตะวันตก ขอบอกเลยว่า ผู้นำจีนคิดผิดอย่างมหันต์ และ จีนจะต้องรับผลกระทบหนักอย่างแน่นอนจากความผิดพลาดของตัวเอง 

โจ ไบเดน กล่าวต่อไปว่า ที่โทรไปนี่ ไม่ได้แค่ไปขู่ แต่เป็นการเตือนให้จีนได้รู้ถึงผลที่จะตามมาหากยังไม่คิดที่จะสนใจมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก แต่ทั้งนี้ ไบเดน ยอมรับว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ว่าจีนได้ส่งอาวุธ และทรัพยากรอื่นๆ ไปช่วยเหลือตามที่รัสเซียร้องขอ และไบเดนก็เชื่อมั่นว่า จีนยังต้องพึ่งพารายได้จากตลาดตะวันตกเป็นหลัก ดังนั้นจีนคงไม่ทำอะไรแตกแถวที่จะสร้างความหายนะให้กับเศรษฐกิจของตัวเอง

เศรษฐกิจรัสเซียได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกหลังจากที่รัสเซียนำทัพบุกยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ดังนั้นจีนจึงกลายเป็นตลาดสำคัญของรัสเซีย ทั้งการส่งออกน้ำมัน และสินค้าอื่นๆ โดยใช้เงินสกุลหยวน และระบบธุรกรรมการเงินของจีนในการซื้อขายได้ 

'ไบเดน' ประกาศการระบาดโควิดในสหรัฐฯ จบแล้ว!! แม้ยอดผู้เสียชีวิตยังพุ่งสูงเฉลี่ยวันละ 400 คน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศว่า การระบาดของโควิด-19 ยุติลงแล้วในสหรัฐฯ แต่เขาก็ยอมรับในการให้สัมภาษณ์รายการ 60 มินิตส์ (60 Minutes) ของซีบีเอสว่า "เรายังคงมีปัญหาอยู่ และยังมีงานต้องทำอีกมากเพื่อควบคุมโควิด แต่สถานการณ์กำลังดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ไม่มีใครต้องสวมหน้ากากอนามัยแล้ว สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดี"

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ในสหรัฐฯ ระบุว่า มีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโควิดเฉลี่ยมากกว่า 400 คนต่อวัน และในสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตจากโควิดในสหรัฐฯ มากกว่า 3,000 คน 

ด้านนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาว่า อัตราการเสียชีวิตรายวันจากโควิดในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง แต่ก็ยอมรับว่าสถานการณ์กำลังดีขึ้น แต่ยังไม่ถึงจุดที่สามารถบอกได้ว่าเราอยู่ร่วมกับโควิดได้ พร้อมเตือนว่าสหรัฐฯ อาจพบโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ได้อีก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่จะถึงนี้

สหรัฐฯ-แคนาดา ส่งเรือรบล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน หลัง 'ไบเดน' ประกาศจะปกป้องไต้หวัน หากจีนรุกราน

เรือรบสหรัฐฯ และแคนาดา ล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน เมื่อวันอังคาร (20 ก.ย. 65) ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ประกาศกร้าวเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ว่าอเมริกาจะปกป้องพิทักษ์ไต้หวัน ในกรณีที่ถูกจีนโจมตี

ยูเอสเอส ฮิกกินส์ เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีชั้นอาร์เลห์เบิร์ค แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ดำเนินการล่องเรือผ่านช่องแคบไต้หวันตามปกติในวันอังคาร (20 ก.ย.) เรือเอกมาร์ค แลงฟอร์ด โฆษกกองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง

แลงฟอร์ดกล่าวต่อว่า เรือรบของสหรัฐฯ ทำการล่องเรือ ในความร่วมมือกับเอชเอ็มซีเอส แวนคูเวอร์ เรือฟริเกต ชั้นแฮลิแฟกซ์ แห่งกองทัพเรือแคนาดา พร้อมระบุว่า "เรือทั้ง 2 ลำล่องผ่านแนวกันชนหนึ่งในช่องแคบ ที่อยู่นอกทะเลอาณาเขตรัฐชายฝั่งใด ๆ การล่องเรือนี้แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาของสหรัฐฯ พันธมิตรและคู่หูของเรา ที่มีต่อแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง"

เจ้าหน้าที่กลาโหมรายหนึ่ง เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า นับตั้งแต่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวันในช่วงต้นเดือนสิงหาคม อเมริกาพพบเห็นเรือและเรือดำน้ำของกองทัพเรือจีนเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก รอบ ๆไต้หวัน

แม้สหรัฐฯ เรียกมันว่าเป็นการล่องเรือตามปกติ แต่มันมีขึ้นหลังจาก ไบเดน ซ้ำเติมสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งเกี่ยวกับไต้หวัน ด้วยให้สัมภาษณ์กับรายการ 60 มินิตส์ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ว่าเขาจะใช้กองกำลังสหรัฐฯ ปกป้องเกาะแห่งนี้ หากว่าจีนพยายามรุกราน

ปักกิ่งอ้างอำนาจอธิปไตยเหนือไต้หวัน เกาะที่มีประชากร 23 ล้านคน แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เคยควบคุมมันก็ตาม นอกจากนี้แล้วปักกิ่งยังกล่าวอ้างอำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และขอบเขตอำนาจศาลเหนือน่านน้ำต่าง ๆ ในช่องแคบไต้หวัน ภายใต้กฎหมายของจีน และจากการตีความของพวกเขาเองต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฏหมายทะเล (UNCLOS)

อย่างไรก็ตามกองทัพเรือสหรัฐฯ บอกว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของช่องแคบแห่งนี้อยู่ในน่านน้ำสากล โดยอ้างคำนิยามของ UNCLOS เกี่ยวกับน่านน้ำอาณาเขต ซึ่งครอบคลุมรัศมี 12 ไมล์ทะเล (22.2 กิโลเมตร) จากชายฝั่งประเทศหนึ่ง ๆ ทั้งนี้อเมริกาส่งเรือรบล่องผ่านช่องแคบแห่งนี้เป็นประจำ แต่หลายสิบครั้งเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการ '60 มินิตส์' ของเครือข่ายทีวีซีบีเอสของสหรัฐฯ ซึ่งนำมาแพร่ภาพออกอากาศในวันอาทิตย์ (18 ก.ย.) ที่ผ่านมา เมื่อเขาถกถามว่ากองกำลังสหรัฐฯ จะเข้าป้องกันเกาะแห่งนี้หรือไม่ ไบเดน ก็ตอบว่า “ครับ ถ้าในทางเป็นจริงแล้ว มีการโจมตีอย่างชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

เมื่อถูกซักไซ้ว่า เขาหมายความว่ามันจะไม่เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาในยูเครนใช่ไหม โดยที่กองกำลังสหรัฐฯ ซึ่งก็คือชายและหญิงชาวอเมริกันจะเข้าพิทักษ์ป้องกันไต้หวันในกรณีที่จีนรุกรานหรือ ไบเดนก็ตอบว่า “ใช่”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top