Monday, 19 May 2025
World

‘โทนี ชุง’ แกนนำ นศ.เรียกร้อง ปชต.ฮ่องกงลี้ภัยไป ‘อังกฤษ’ รับ!! ทนใช้ชีวิตต่อไม่ไหว หลังต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว

(29 ธ.ค. 66) โทนี ชุง (Tony Chung) นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยฮ่องกงประกาศว่า…ตนตัดสินใจลี้ภัยไปอยู่อังกฤษเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากทนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวไม่ไหว หลังถูกทางการฮ่องกงกดดันให้เป็น ‘สาย’ ส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ และยังห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพใด ๆ

เมื่อปี 2021 ชุง ซึ่งตอนนั้นอายุ 20 ปี เป็นบุคคลอายุน้อยที่สุดที่ถูกศาลฮ่องกงสั่งจำคุกฐานละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลจีนนำมาใช้กับเกาะศูนย์กลางธุรกิจแห่งนี้ หลังเกิดการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่เมื่อช่วงปี 2019

ชุง ยอมรับสารภาพผิดข้อหา ‘ปลุกระดม’ และถูกจำคุกเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง

หลังได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ชุง เล่าว่าทุก ๆ วันเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว

“ผมกลัวที่จะออกจากบ้าน กลัวที่จะใช้โทรศัพท์สาธารณะ และกลัวจะถูกตำรวจความมั่นคงที่เดินอยู่ตามท้องถนนจับกุมอีกครั้ง” เขาระบุในคำแถลงซึ่งลงวันที่ 27 ธ.ค. แต่เพิ่งจะถูกโพสต์ลงโซเชียลมีเดียเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (29 ธ.ค.)

ชุง อ้างว่า เขาถูกห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพ และโดนตำรวจความมั่นคงข่มขู่ให้เป็น ‘สายสืบ’ หาข้อมูลและหลักฐานเพื่อเอาผิดกับนักเคลื่อนไหวคนอื่น ๆ

“พวกเขาเสนอจะให้เงินค่าเบาะแสกับผม และขอให้ผมส่งข้อมูลเกี่ยวกับนักเคลื่อนไหวคนอื่น ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าผมกลับตัวกลับใจแล้ว และเต็มใจที่จะร่วมมือกับตำรวจ”

ชุง เล่าว่า เขาเดินทางออกจากฮ่องกงด้วยข้ออ้างว่าจะไปพักผ่อนที่โอกินาวา และตัดสินใจขอความช่วยเหลือเมื่อพ้นจากดินแดนจีนมาแล้ว

“ในขณะที่ผมเผยแพร่คำแถลงนี้ ผมได้เดินทางมาถึงสหราชอาณาจักรโดยปลอดภัยแล้ว และได้ยื่นคำร้องขอลี้ภัยการเมืองอย่างเป็นทางการระหว่างที่เข้าเมือง” ชุง กล่าว

ชุง ถือเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองรายล่าสุดที่ตัดสินใจหลบหนีออกจากฮ่องกง หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว แอกเนส โจว (Agnes Chow) นักเคลื่อนไหวหญิงเจ้าของฉายา ‘มู่หลานตัวจริง’ ก็ประกาศว่าเธอได้ละเมิดเงื่อนไขประกันตัวเพื่อเดินทางไปศึกษาต่อที่แคนาดา และคาดว่าคงจะไม่กลับไปเหยียบแผ่นดินฮ่องกงอีก

ชุง เคยเป็นประธานกลุ่ม Student Localism ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียนมัธยมที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อราว 5 ปีก่อนเพื่อรณรงค์แยกฮ่องกงเป็นอิสระจากจีน ก่อนที่กลุ่มนี้จะปิดตัวไปในที่สุด

ปีนี้ทางการฮ่องกงได้ประกาศตั้งเงินรางวัล $1,000,000 ดอลลาร์ฮ่องกง สำหรับผู้ที่ให้เบาะแสนำไปสู่การจับกุมนักเคลื่อนไหวโปรประชาธิปไตย 13 คนที่หนีไปอยู่ต่างประเทศ

‘เรือดำน้ำไททัน’ ระเบิด โศกนาฏกรรมใต้พื้นมหาสมุทรที่โลกต้องจดจำ

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2023 ได้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่สร้างความสะเทือนใจให้คนทั้งโลก ภายหลังจาก ‘เรือดำน้ำไททัน’ (Titan) หรือ เรือดำน้ำนำเที่ยวขนาดเล็ก เพื่อพาลูกเรือทัวร์ชมซากของ ‘เรือไททานิก’ ขาดการติดต่อและสูญหายไป หลังจากที่เรือดำน้ำไททันดำลงไปได้ไม่นาน จนนำไปสู่ปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่ และไม่กี่วันต่อมา หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า พบซากชิ้นส่วนของเรือไททัน โดยคาดว่าเกิดการระเบิด เนื่องจากแรงดันน้ำมหาศาลใต้มหาสมุทร

สำหรับ ‘เรือดำน้ำไททัน’ (Titan) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้บริการทัวร์ชมซาก ‘เรือไททานิก’ ของ บริษัท โอเชียนเกต (Oceangate) โครงสร้างมีลักษณะคล้ายท่อเหล็กขนาดใหญ่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์และไทเทเนียม ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว Innerspace 1002 Electric Thrusters รองรับภารกิจต่อเนื่อง 96 ชั่วโมง พร้อมดำน้ำลึกสูงสุด 4,000 เมตร

ซึ่งราคาค่าตั๋วเดินทางของลูกค้าที่ต้องการทัวร์ชมซากเรือไททานิก อยู่ที่ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 8.7 ล้านบาท โดยใช้เวลาเดินทางไป-กลับ ทั้งหมด 8 วัน โดย ‘เรือวิจัยโพลาร์พรินซ์’ (Polar Prince) จะขนเรือดำน้ำไททันไปยังกลางมหาสมุทรแอตแลนติก เริ่มต้นจากเมืองเซนต์จอห์น รัฐนิวฟาวด์แลนด์ แคนาดา เดินทางระยะทาง 700 กิโลเมตรไปยังซากเรือไททานิก โดยออกเดินทางตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 มิ.ย. 2023 พร้อมผู้โดยสาร 5 คน (รวมพลขับ) ได้แก่

-ฮามิช ฮาร์ดิง นักธุรกิจและนักสำรวจชาวอังกฤษวัย 58 ปี
-ชาห์ซาดา ดาวู้ด นักธุรกิจชาวอังกฤษวัย 48 ปี
-สุเลมาน ดาวู้ด ลูกชายของชาห์ซาดา วัย 19 ปี
-พอล-อองรี นาร์โจเลต นักสำรวจชาวฝรั่งเศสวัย 77 ปี ฉายา ‘Mr.Titanic’
-สต็อกตัน รัช ผู้บริหารของโอเชียนเกต วัย 61 ปี

แต่หลังจากที่เรือดำน้ำไททันดำลงไปได้เพียง 90 นาที โดยใช้ความเร็ว 5.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อลงสู่ความลึก 3,800 เมตร ไททันได้ขาดการติดต่อกับเรือแม่ ทั้งที่โดยปกติแล้วไททันจะต้องติดต่อกับเรือแม่ซึ่งเป็นสถานีควบคุมบนผิวน้ำทุก 15 นาที และไททันก็ไม่ได้กลับขึ้นสู่ผิวน้ำตามเวลาที่กำหนดไว้คือ 16.30 น. และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสถานการณ์ ‘เรือดำน้ำสาบสูญใต้ทะเล’ โดยหน่วยเรือยามฝั่งของสหรัฐฯ ได้รับแจ้งเหตุ ก่อนที่ปฏิบัติการค้นหากู้ภัยจะเริ่มต้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่บัดนั้น

แต่สุดท้ายปฏิบัติการค้นหากู้ภัยเรือดำน้ำไททันประสบความล้มเหลว โดยมีรายงานว่า เรือค้นหาได้ยินเสียงระเบิดจากใต้น้ำ ซึ่งคาดว่าเกิดจากการที่เรือไททันถูกบีบอัดด้วยแรงกดของน้ำทะเล เนื่องจากเรือลงไปยังความลึกที่เกินกว่าความแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ทำตัวเรือจะทนทานได้ ต่อมา ได้มีการส่งยานสำรวจไร้คนขับลงไปตรวจสอบ สิ่งที่พบก็คือ ‘เศษซากชิ้นส่วนของเรือดำน้ำไททัน’ อันเป็นหลักฐานที่ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ลูกเรือทั้ง 5 คนนั้นได้เสียชีวิตแล้ว

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความไม่สมบูรณ์ของเรือดำน้ำไททันก็ถูกเปิดโปงออกมาเป็นระยะ ๆ เช่น วัสดุที่ใช้ทำตัวเรือหรือเปลือกเรือ ซึ่งมีความสำคัญที่สุด เพราะจะต้องรับแรงกดของน้ำเมื่อลงสู่ความลึก เป็นวัสดุที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบอย่างจริงจัง

ข้อบกพร่องของเรือดำน้ำไททันที่เคยถูกตรวจพบและได้รับการทักท้วง แต่ไม่ถูกแก้ไขใด ๆ ได้กลายเป็นตราบาปของโศกนาฏกรรม ตอกย้ำให้เห็นถึงความดื้อดึงของผู้มีอำนาจ เห็นแก่ผลประโยชน์ที่จะได้รับมากกว่าที่จะยึดมั่นในมาตรฐานวิชาชีพ จนนำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ที่ไม่มีอะไรสามารถย้อนคืนกลับมาได้อีก

แม้เศษชิ้นส่วนของเรือดำน้ำไททันจะถูกกู้ขึ้นมาได้แล้วบางส่วน แต่จิตวิญญาณของเรือไททัน และลูกเรือทั้ง 5 คน ได้ดำดิ่งลงสู่ห้วงมหาสมุทรแอตแลนติก และคงจะอยู่เคียงข้างซากเรือไททานิกตลอดไป

#เหตุการณ์ที่ต้องจำ

สงคราม ‘อิสราเอล-ฮามาส’ อีกหนึ่งความขัดแย้งที่สะเทือนโลกทั้งใบ

ปี 2566 กำลังจะจบลง แต่สิ่งที่คงยังไม่จบลงง่าย ๆ เห็นจะเป็นความขัดแย้งอันละเอียดอ่อน ที่ส่งแรงสั่นสะเทือนตะวันออกกลางให้สั่นคลอน นั่นคือ สงครามระหว่าง ‘อิสราเอล-ฮามาส’ ที่ได้เริ่มเปิดฉากโจมตีใส่กัน ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา และยังไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด

อีกทั้ง ประชาชนของทั้ง 2 ฝ่าย ก็ยังตกเป็นเหยื่อที่ต้องทนทุกข์จากพิษของสงคราม โดยชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์จำนวนมากยังคงติดอยู่ในประเทศ และเผชิญกับความยากลำบากเพราะขาดไฟฟ้า น้ำประปา และความสะดวกด้านสาธารณูปโภค

โดยเหตุการณ์ทั้งหมด เริ่มต้นมาจากการที่กลุ่มนักรบปาเลสไตน์ หรือ ‘ฮามาส’ ได้เปิดฉากระดมยิงจรวดหลายพันลูกจากฉนวนกาซา โจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.ผ่านมา พร้อมทั้งส่งกองกำลังติดอาวุธหลายสิบคน แทรกซึมเข้าไปโจมตีในหลายเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอล พร้อมจับตัวประกันไว้หลายคน ซึ่งมีแรงงานไทยด้วยจำนวนหนึ่ง

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ ‘เบนจามิน เนทันยาฮู’ นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ออกมาประกาศว่า เวลานี้ประเทศอิสราเอลอยู่ใน ‘ภาวะสงคราม’ อย่างเต็มรูปแบบ และยังได้ระดมทหารกองหนุนเพื่อมาร่วมต่อสู้แล้ว โดยเขาประกาศว่า นี่จะเป็นการแก้แค้นครั้งใหญ่ให้กับคนหนุ่มสาวทุกคนที่เสียชีวิต และจะเปลี่ยนฉนวนกาซาให้เป็น ‘เกาะร้าง’

กลุ่มฮามาสได้ออกมาอ้างเหตุผลว่า การโจมตีครั้งนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้ต่อความโหดร้ายทั้งหมด ที่ชาวปาเลสไตน์ต้องเผชิญจากอิสราเอลตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการกระทำของกองกำลังอิสราเอลที่บุก ‘มัสยิดอัล-อักซอ’ (Al-Aqsa) ในนครเยรูซาเล็ม อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม และการปฏิบัติที่เลวร้ายต่อนักโทษปาเลสไตน์ในเรือนจำอิสราเอล

การปะทะกันระหว่างฮามาสกับกองกำลังความมั่นคงของอิสราเอล ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตของ 2 ฝั่ง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ นักรบ และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังถือเป็นวิกฤติตัวประกันครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อีกด้วย

โดยยอดผู้เสียชีวิตทางฝั่งของชาวปาเลสไตน์ ล่าสุดสูงถึง 20,000 คน (ตัวเลขเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 66) นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มทิ้งระเบิดเพื่อตอบโต้การโจมตี ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1% ของประชากรจำนวน 2.2 ล้านคนในพื้นที่ฉนวนกาซา ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 4,100 คน หมายความว่า มีเด็กเสียชีวิตเฉลี่ย 1 คนในทุก 10 นาที (ตัวเลขเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 66)

ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตของทางฝั่งอิสราเอล ซึ่งมีทั้งชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติ เสียชีวิตมากกว่า 1,400 ราย จากการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยข้อมูลอย่างละเอียดของทางการอิสราเอล ได้ทำการพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตแล้ว 1,159 ราย พบว่า เป็นพลเรือน 828 ราย และเด็ก 31 ราย (ตัวเลขเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 66) อย่างไรก็ดี ระบบป้องกันภัยทางอากาศ (Iron Dome) ของอิสราเอล สามารถป้องกันความเสียหายร้ายแรง หรือการบาดเจ็บล้มตายเอาไว้ได้

ต่อมา ในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ประเทศกาตาร์ ซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ได้ออกมาเผยว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาส จะหยุดยิงเป็นเวลา 4 วัน และตัวประกันชุดแรก 13 คน ซึ่งเป็นผู้หญิงและเด็ก จะถูกปล่อยตัวออกมาฉนวนกาซา ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน และได้มามีการขยายเวลาหยุดยิงเพิ่มขึ้นอีก รวมเป็นระยะเวลา 7 วัน เพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกัน โดยมีประเทศกาตาร์ เป็นตัวกลางในการเจรจาข้อตกลง เพื่อช่วยเหลือตัวประกันที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ให้ได้รับอิสระ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายประกาศชัดเจนว่า จะกลับมาสู้รบกันอีกครั้ง หลังข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวสิ้นสุดลง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีฉนวนกาซาอีกครั้งในรอบสัปดาห์ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนข้อตกลงสิ้นสุด จึงถือเป็นการสิ้นสุดข้อตกลงหยุดยิงของทั้ง 2 ฝ่าย และเดินหน้าสู้รบกันต่ออีกครั้ง

การสู้รบกันระหว่าง ‘อิสราเอล-ฮามาส’ รอบล่าสุดนี้ ถือเป็นครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี และกลายเป็นการทำสงครามข้ามปี ตามรอย ‘รัสเซีย-ยูเครน’

#เหตุการณ์ที่ต้องจำ

‘จีน’ มั่นใจ!! ‘การค้าต่างแดน-ส่วนแบ่งตลาดโลก’ ฟื้นตัวดี พร้อมดึงผู้ประกอบการ ร่วมมือรักษาเสถียรภาพ ศก.ต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว ,ปักกิ่ง รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ของจีน แถลงข่าวว่า ‘จีน’ มั่นใจว่าจะสามารถรักษาเสถียรภาพโดยทั่วไป ของปริมาณการค้าระหว่างประเทศ และส่วนแบ่งในตลาดโลกในปีนี้

‘เหอ ย่าตง’ โฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่า การค้าระหว่างประเทศของจีน ค่อนข้างมีความแข็งแกร่งในปีนี้ สามารถเอาชนะผลกระทบจากความต้องการภายนอกหดตัว แนวโน้มขาลงของราคา และฐานสูงของปีก่อน

สำหรับปี 2024 จีนอาจประสบกับความไม่แน่นอนจากภายนอก แต่มีปัจจัยเกื้อหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยการเปิดกว้างของจีนจะยังคงสร้างผลประโยชน์ ขณะผลิตภัณฑ์ใหม่และธุรกิจรูปแบบใหม่ในการค้าระหว่างประเทศ จะปลดปล่อยศักยภาพเพิ่มขึ้น

เหอ เสริมว่า จีนมั่นใจว่า จะสามารถรักษาทิศทางขาขึ้นของการฟื้นฟูการค้าระหว่างประเทศ ภายใต้แรงสนับสนุนจากหลากหลายนโยบาย ที่มุ่งรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงความพยายามร่วมจากผู้ประกอบการ

ระทึก!! ‘เจแปนแอร์ไลน์’ เครื่องบินไฟไหม้บนรันเวย์ ‘ผู้โดยสาร-ลูกเรือ’ รวม 379 ชีวิต รอดตายยกลำ!!

(3 ม.ค. 67) อุบัติเหตุเครื่องบินของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ที่เกิดชนกับเครื่องบินของหน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นในสนามบินฮาเนดะ กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตกใจให้กับผู้ที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์

คำถามที่เกิดขึ้นตามมาคือการอพยพผู้โดยสารรวมทั้งลูกเรือ 379 ชีวิตออกมาอย่างปลอดภัย ที่ต้องบอกว่าไม่ต่างจากปาฏิหาริย์นั้นเกิดขึ้นอย่างไร จากภาพที่คนเห็นจากด้านนอกเมื่อเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว คือเปลวไฟสีส้มได้ระเบิดขึ้นบนรันเวย์ จากนั้นก็ดูเหมือนเครื่องบินของเจแปนแอร์ไลน์ก็พุ่งต่อไปบนรันเวย์ในสภาพไฟลุกท่วมลำ

บีบีซี รายงานว่า ผู้โดยสารบนเครื่องบินแอร์บัส A350 เที่ยวบินที่ JL516 จากชิโตเสะ ฮอกไกโด ระบุว่า พวกเขารู้สึกได้ว่าเครื่องบินชนกับอะไรบางอย่างขณะที่มันกำลังลงจอดที่สนามบิน จากนั้นมีความร้อนพวยพุ่งขึ้นตามด้วยควันหนาแน่น

สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของทุกชีวิตถูกปลุกขุ้น ผู้โดยสารต่างตะเกียกตะกายเพื่อหนีออกจากเครื่องบินที่เต็มไปด้วยกลุ่มควัน ด้วยตระหนักดีว่าชีวิตของพวกเขาขึ้นกับเสี้ยวเวลาไม่กี่วินาทีข้างหน้า

การที่ผู้โดยสารพร้อมด้วยลูกเรือทั้งหมดสามารถหลบหนีออกไปจากเครื่องบินได้นั้นถือเป็นเรื่องไม่ธรรมดา ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การอพยพที่เกิดขึ้นโดยปราศจากที่ติ และเทคโนโลยีใหม่ๆ มีส่วนอย่างสำคัญต่อการรอดชีวิตของพวกเขา

อันทอน เดเบ ผู้โดยสารชาวสวีเดนวัย 17 ปี กล่าวถึงความวุ่นวายหลังอุบัติเหตุดังกล่าว ขณะเครื่องบินหยุดอยู่บนรันเวย์ ให้หนังสือพิมพ์ Aftonbladet ของสวีเดนฟังว่า ห้องโดยสารทั้งหมดปกคลุมไปด้วยควันภายในไม่กี่นาที และควันพวกนั้นก็เหมือนเหมือนนรก เหมือนพวกเราอยู่ในนรกอย่างไรอย่างนั้น

เดเบบอกว่า เราทิ้งตัวลงบนพื้น จากนั้นประตูฉุกเฉินของเครื่องบินก็เปิดออกมา พวกเขาพุ่งตัวออกไปตามๆ กัน เราไม่รู้ว่าเรากำลังจะไปไหน ดังนั้นเราก็เลยวิ่งออกไปบนที่โล่ง มันวุ่นวายมาก

เดเบ พร้อมด้วยพ่อแม่และน้องสาวของเขาสามารถหลบหนีออกมาจากเครื่องบินได้โดยไม่มีใครได้รับอันตราย

ซาโตชิ ยามาเกะ วัย 59 ปี บอกว่า เขารู้สึกว่าเครื่องบินเอียงไปด้านข้าง และรู้สึกว่าเกิดแรงกกระแทกครั้งใหญ่ในการชนกันครั้งแรก ด้านผู้โดยสารอีกรายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า มีอุบัติเหตุเหมือนเครื่องบินชนกันระหว่างลงจอด เขาเห็นประกายไฟนอกหน้าต่าง ขณะที่ห้องโดยสารก็เต็มไปด้วยควัน

ผู้โดยสารบางคนเก็บภาพแสงสีแดงของประกายไฟจากเครื่องยนต์ขณะที่เครื่องบินหยุดนิ่งแล้ว อีกคนหนึ่งถ่ายวิดีโอเหตุการณ์ภายในตัวเครื่อง ที่แสดงให้เห็นถึงควันไฟที่พวยพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้โดยสารร้องตะโกน ด้านลูกเรือพยายามที่จะบอกว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรต่อไป

เอ็นเอชเคอ้างผู้โดยสารหญิงรายหนึ่งว่า บนเครื่องมืดลงเพราะไฟลามมากขึ้นหลังเครื่องจอด บนเครื่องบินเริ่มร้อนขึ้น และเธอก็คิอว่าตัวเองคนไม่รอด ด้านผู้โดยสารอีกคนบอกว่า แผนการหลบหนีทำได้ยาก เพราะใช้ประตูฉุกเฉินได้เพียงจุดเดียวทางด้านหน้าของเครื่อง เนื่องจากประตูฉุกเฉินของเครื่องบินทางตอนกลางและท้ายเครื่องบินไม่สามารถเปิดได้

ภาพและวิดีโอแสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาที่ผู้คนบนเครื่องบินกระโดดลงจากสไลเดอร์เป่าลมของสายการบิน บางส่วนก็ล้มลงขณะพยายามหนีออกจากเครื่องที่ไฟลุกไหม้ และวิ่งหนีออกไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยกว่า

ไม่มีใครถือกระเป๋าลากขึ้นเครื่องของตัวเองออกมา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น

อเล็กซ์ มาเชอรัส นักวิเคราะห์การบินบอกกับบีบีซีว่า ลูกเรือสามารถเริ่มการอพยพตามที่พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาในช่วงไม่กี่นาทีแรกหลังเกิดอุบัติเหตุขึ้น และในช่วง 90 วินาทีแรก ไฟที่ลุกไหม้เกิดขึ้นในพื้นที่เดียว ทำให้พวกเขามีช่วงเวลาสั้นๆ ที่จะพาทุกคนออกไปจากเครื่องบิน

มาเชอรัสบอกอีกว่า ลูกเรือเข้าใจชัดเจนว่าประตูไหนอยู่ห่างจากเปลวไฟ ซึ่งเป็นสาเหตุที่เราได้เห็นในรูปภาพว่า ประตูฉุกเฉินทั้งหมดไม่สามารถเปิดออกเพื่อให้ผู้คนหลบหนีได้ ขณะที่ผู้โดยสารเองก็มีส่วนช่วยลดความตื่นตระหนก ด้วยตัวอย่างเช่นที่พวกเขาไม่พยายามที่จะเอากระเป๋าออกมาจากที่เก็บของเหนือศีรษะ

เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งเป็นเพราะเครื่องบินแอร์บัส A350 เป็นหนึ่งในเครื่องบินเชิงพาณิชย์รุ่นแรกๆ ที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์คอมโพสิต ซึ่งมีความทนทานต่อการชนในครั้งแรกรวมถึงต่อเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นตามมา

ยามาเกะบอกว่า ในความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ผู้โดยสารใช้เวลาราว 5 นาทีก็สามารถออกจากเครื่องบินได้ จากนั้นในเวลาราว 10-15 นาที เขาก็เห็นเปลวไฟลามออกไปยังส่วนอื่นๆ ของเครื่องบิน

สึบาสะ ซาวาดะ วัย 28 ปี บอกว่า การที่พวกเขารอดตายมาได้ถือเป็นปาฏิหาริย์ แต่เขาก็มีคำถามเช่นกันว่า ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และเขาไม่มีแผนจะขึ้นเครื่องบินอีกครั้งจนกว่าจะได้รับคำตอบ

หลังจากใช้เวลาดับไฟที่ไหม้เครื่องบินหลายชั่วโมง ในที่สุดไฟบนเครื่องเจแปนแอร์ไลน์ก็ถูกควบคุมไว้ได้ โดยผู้โดยสารและลูกเรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพียง 14 คนเท่านั้น

ความโชคดีแบบเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นกับเครื่องบินเล็กของหน่วยยามฝั่งญี่ปุ่น ที่กำลังจะออกเดินทางไปช่วยผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวทางตะวันตกของญี่ปุ่น มีรายงานว่าลูกเรือ 5 คนเสียชีวิต ขณะที่กัปตันเครื่องบินแม้จะรอดตายแต่ก็บาดเจ็บสาหัส

ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งทำงานเพื่อไขคำตอบว่า เหตุใดเครื่องบินทั้ง 2 ลำจึงอยู่ในรันเวย์พร้อมกัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของโศกนาฎกรรมรับปีใหม่ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดเช่นนี้

'เทสลา' ถูก BYD แซงหน้าคว้าแท่นผู้ผลิตรถอีวีรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ยังคงรักษาบัลลังก์แชมป์ยอดขายรถอีวีแบบรายปีอยู่

(3 ม.ค.67) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสหรัฐฯ สูญเสียบัลลังก์ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรายใหญ่ที่สุดของโลกให้แก่ BYD บริษัทสัญชาติจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากตัวเลขยอดขายที่เผยแพร่ในวันอังคาร (2 ม.ค.)

ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติสหรัฐฯ ที่บริหารงานโดยอภิมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ส่งมอบรถยนต์ 484,507 คัน ในไตรมาส 4 ของปี 2023 อ้างอิงจากเอกสารของทางบริษัท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านั้นมากกว่า 11%

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่มากพอที่จะช่วยรักษาบัลลังก์ของเทสลา ในฐานะผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก เนื่องจากขณะเดียวกันทาง BYD คู่แข่งจากจีน ในวันจันทร์ (1 ม.ค.) รายงานว่ามียอดขาย 526,409 คัน ในช่วงเวลาเดียวกัน

ตัวเลขดังกล่าวเป็นการตอกย้ำความท้าทายต่างๆ ที่มีความเป็นไปได้ว่า ทางเทสลาจะต้องเผชิญในปีนี้ จากบรรดาคู่แข่งทั้งหลายที่กระตือรือร้นแสวงหาผลประโยชน์จากอุปสงค์กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของตลาดรถอีวี

หุ้นของเทสลาดิ่งลงทันทีหลังข่าวนี้ถูกแจ้งออกมา ก่อนฟื้นตัวขึ้นมาปิดลบไม่มากนัก

นอกเหนือจากเอาชนะเทสลา ในยอดขายรถไฟฟ้าล้วนแล้ว ทาง BYD ยังขายรถไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริดอีกมากกว่า 400,000 คัน ในไตรมาส 4 และโดยรวมแล้ว พวกเขามียอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมากกว่า 3 ล้านคันในปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เทสลายังคงรักษาบัลลังก์แชมป์ยอดขายรถอีวีในแง่ของรายปี โดยมีการส่งมอบรถยนต์มากกว่า 1.8 ล้านคันแก่ลูกค้าในช่วงต้นปีจนถึงเดือนธันวาคม ในขณะที่ตัวเลขยอดขายของ BYD ตลอดทั้งปี มีไม่ถึง 1.6 ล้านคัน

จับตา!! ‘ซาอุฯ’ เข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ ความทะเยอทะยานสู่ผู้ชนะแห่งประเทศโลกใต้

(3 ม.ค.67) สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของซาอุดีอาระเบีย รายงานในวันอังคาร (2 ม.ค.) ว่าซาอุฯ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยก่อนเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ว่าประเทศของพวกเขาจะศึกษารายละเอียดต่างๆ ก่อนเข้าร่วมกลุ่มตามที่ตั้งใจไว้ในวันที่ 1 มกราคม และจะดำเนินการตัดสินใจอย่างเหมาะสม

มกุฎราชกุมารฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย บอกว่ากลุ่มบริกส์ เป็นประโยชน์และเป็นช่องทางที่สำคัญในการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 

เดิมกลุ่ม BRICS ประกอบไปด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ แต่ได้เพิ่มสมาชิกอีกเท่าตัว โดยที่ ซาอุดีอาระเบีย พร้อมด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ อิหร่าน และเอธิโอเปีย จะเข้าร่วมในฐานะสมาชิกใหม่ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป

การเข้าร่วมของซาอุดีอาระเบีย มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการขยายอิทธิพลของจีนภายในซาอุดีอาระเบีย

แม้มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับสหรัฐฯ แต่ซาอุดีอาระเบียกำลังเดินตามเส้นทางของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ สืบเนื่องจากความกังวลว่า วอชิงตันมีความมุ่งมั่นต่อความมั่นคงในอ่าวอาหรับน้อยกว่าในอดีตที่ผ่านมา

จีน ซึ่งเป็นลูกค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบีย ส่งเสียงเรียกร้องให้ขยายขอบเขตของ BRICS ให้กลายมาเป็นตัวถ่วงดุลตะวันตก

การรับสมาชิกเพิ่มเติมของ BRICS ถือเป็นการขยายความความทะเยอทะยานของทางกลุ่ม ที่ประกาศว่าจะกลายมาเป็นผู้ชนะแห่งประเทศโลกใต้ แม้อาร์เจนตินาส่งสัญญาณเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาว่าพวกเขาจะไม่ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมกลุ่ม 

รวบชายวัย 40 โพสต์ขู่ฆ่าแกนนำรัฐบาล หลังผู้นำฝ่ายค้านเกาหลีใต้เพิ่งถูกแทง

(3 ม.ค. 67) The Korea Herald หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเกาหลีใต้ เสนอข่าว Police arrest man for murder threat on ruling party leader ระบุว่า ตำรวจเข้าควบคุมตัวชายวัย 40 ปี เมื่อเวลา 05.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังสืบทราบว่าชายคนดังกล่าวได้โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ขู่จะสังหาร ฮัน ดง-ฮูน (Han Dong-hoon) ประธานคณะกรรมการภาวะฉุกเฉินของพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายรัฐบาลในรัฐสภาเกาหลีใต้ เมื่อเวลา 21.40 น. ของวันที่ 2 ม.ค. 2567

ตามข้อมูลจากสถานีตำรวจกวางจู กวางซาน ผู้รับผิดชอบท้องที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นและจับกุมชายคนดังกล่าวที่บ้านพักในเขตกวางซาน - กู ในเมืองกวางจู ขณะที่ ฮัน มีกำหนดการลงพื้นที่เมืองกวางจูในวันที่ 4 ม.ค. 2567 ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญาของเกาหลีใต้ ตำรวจสามารถจับกุมผู้ที่ต้องสงสัยว่าอาจก่ออาชญากรรมได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ และหากมีความผิดจริง ผู้ต้องสงสัยนั้นอาจถูกลงโทษจำคุกอย่างน้อย 3 ปี

ขณะที่สำนักงานตำรวจเมืองกวางจู เพิ่งให้คำมั่นไปเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2567 ว่า จะคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับฮัน หลังจากที่ในวันดังกล่าวเพิ่งเกิดเหตุคนร้ายเป็นชายวัย 67 ปี ใช้อาวุธมีดแทง ลี แจ-มย็อง (Lee Jae-myung) ผู้นำพรรคประชาธิปไตยเกาหลี ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้านในรัฐสภาเกาหลีใต้ ได้รับบาดเจ็บ โดยล่าสุดอาการของลีพ้นขีดอันตรายแล้ว อยู่ในระหว่างพักฟื้นหลังการผ่าตัด  

‘อิสราเอล’ ส่งโดรนสังหารเจ้าหน้าที่ฮามาสถึงเลบานอน โจมตีอย่างโจ่งแจ้ง ละเมิดอธิปไตยชาติอื่นอย่างร้ายแรง

สำนักข่าว Reuters อ้างอิงแหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงในเลบานอน และ กองกำลังฝ่ายปาเลสไตน์ รายงานว่า นายซาเลห์ อัล-อาโรรี หนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาสถูกลอบสังหารเสียชีวิตแล้ว จากการโจมตีด้วยโดรนพิฆาตของอิสราเอล ภายในสำนักงานของกลุ่มฮามาสในเมือง Haret Hreik ชานกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของคืนวันที่ 2 ม.ค. 67 ทางการเลบานอนได้รับรายงานเหตุระเบิดภายในอาคารแห่งหนึ่งที่เมือง Haret Hreik ที่ต่อมาพบว่าเป็นสำนักงานของกลุ่มฮามาส และพบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุอย่างน้อย 6 คน หนึ่งในนั้นคือ นายซาเลห์ อัล-อาโรรี (57 ปี) สมาชิกคนสำคัญของโปลิตบูโร และหนึ่งในแกนนำของฝ่ายกองกำลังฮามาส ที่มีค่าหัวจากทางการสหรัฐฯ ถึง 5 ล้านเหรียญ 

ด้วยสงครามระหว่างกองกำลังฮามาส และ อิสราเอล ที่ผ่านมา ทำให้ ซาเลห์ อัล-อาโรรี ถูกหมายหัวจากกองกำลังป้องกันประเทศของอิสราเอล จนนำไปสู่การส่งโดรนลอบสังหารข้ามแดนมาโจมตีถึงเลบานอนในวันนี้ 

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเลบานอนกล่าวว่า เนื่องจากสำนักงานของกลุ่มฮามาสตั้งอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร 3 ชั้น และไม่มีตึกสูงอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง จึงง่ายต่อการล็อกเป้าโจมตีด้วยโดรน 

แรงระเบิดทำให้ตัวอาคารชั้น 3 เสียหายอย่างรุนแรง และเกิดเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยดับเพลิงของเลบานอน ยังพบซากชิ้นส่วน แขน ขา ของผู้เสียชีวิต กระจายเกลื่อนตามพื้นถนนด้านล่าง อย่างน่าสยดสยอง 

หลังจากเหตุการลอบสังหาร แดเนียล ฮาการี โฆษกประจำกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ได้ออกแถลงการณ์ว่า กองกำลังอิสราเอลอยู่ในระดับความพร้อมที่สูงมากในทุกพื้นที่ และทุกสถานการณ์ ทั้งเชิงป้องกัน และ เชิงรุก เพื่อต่อสู้กับกลุ่มฮามาสเป็นสำคัญ 

แต่ทว่า ด้าน นาจิบ มิกาตี นายกรัฐมนตรีแห่งเลบานอน แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ดังกล่าวว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงในระดับภูมิภาคที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอาชญากรรมครั้งล่าสุดของฝ่ายอิสราเอลใกล้กรุงเบรุต ยังไม่นับรวมการโจมตีของกองทัพอิสราเอลเป็นประจำแทบทุกวันทางตอนใต้ของเลบานอน ดังนั้นรัฐบาลเลบานอนจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับ ‘การโจมตีอย่างโจ่งแจ้ง’ ของฝ่ายอิสราเอลในดินแดนของตน ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยอย่างร้ายแรง 

เช่นเดียวกันกับถ้อยแถลงของกลุ่มกองกำลังฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน ได้ออกมาประณามการก่อเหตุลอบสังหารครั้งนี้ว่าไม่ต่างจากการโจมตีประเทศเลบานอนโดยตรงเช่นกัน ที่จะนำไปสู่การตอบโต้ที่รุนแรงมากขึ้นอย่างแน่นอนของฝ่าย ‘Axis of Resistance’ หรือ กลุ่มพันธมิตรแห่งการต่อต้าน - กองกำลังผสมที่มีเป้าหมายต่อต้านอิสราเอล และ สหรัฐอเมริกา ที่ประกอบด้วย อิหร่าน. กลุ่มฮามาส, กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน, กองกำลังติดอาวุธในอิรัก และกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน

ในอีกด้านหนึ่ง มาร์ก เรเจฟ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า อิสราเอลไม่ขอรับผิดชอบต่อการโจมตีสำนักงานฮามาสในเลบานอน แต่ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของฝ่ายใด ก็ชัดเจนว่าไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อโจมตีรัฐบาลเลบานอน แต่เพื่อทำลายกองกำลังฮามาสเท่านั้น 

แต่ถึงรัฐบาลอิสราเอลจะไม่ยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวกับการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาสในเลบานอน ทว่า แดนนี ดานอน อดีตนักการทูตอาวุโสของอิสราเอลและ สส. ในพรรคลิคุดของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู โพสต์ข้อความผ่าน X เพื่อแสดงความยินดีกับหน่วย IDF, ชินเบต, มอสสาด และกองกำลังรักษาความปลอดภัย ที่ประสบความสำเร็จในการกำจัดนายซาเลห์ อัล-อาโรรี

และได้ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ 7/10 (วันที่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีชุมชนอิสราเอลในชายแดนฉนวนกาซา) ก็ควรรู้ไว้ซะด้วยว่าเราจะตามล่า และปิดบัญชีพวกมันอย่างสาสม"

ก็คงไม่ต้องเดากันแล้วว่า เหตุการลอบสังหารข้ามพรมแดนแบบไม่ต้องเกรงใจเป็นฝีมือของใคร เพราะทุกคนคงเข้าใจตรงกัน

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

‘แบรนด์จีน’ เฮ!! ยอดขาย ‘EV’ ดีที่สุดในอิสราเอล ครองสัดส่วนถึงร้อยละ 60.98 ในปี 2023

(3 ม.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สมาคมผู้นำเข้ายานยนต์แห่งอิสราเอล รายงานว่ารถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ขนาดเล็กมาก รุ่นอัตโต 3 (Atto 3) ผลิตโดยบีวายดี (BYD) ผู้ผลิตยานยนต์ของจีน เป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจำหน่ายดีที่สุดในอิสราเอลในปี 2023

ซึ่งทาง สมาคมฯ เปิดเผยว่า รถยนต์รุ่นดังกล่าวซึ่งเข้าสู่ตลาดอิสราเอลเมื่อช่วงปลายปี 2022 มียอดจำหน่าย 14,244 คันในปี 2023

อีกทั้ง จี๋ลี่ ออโต กรุ๊ป (Geely Auto Group) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนอีกราย มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ รุ่นจีโอเมทรี ซี (Geometry C) รวม 7,129 คันในช่วงเดียวกัน ซึ่งครองอันดับสองด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในอิสราเอล

ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจำหน่ายดีเป็นอันดับสาม ได้แก่ เทสลา รุ่นโมเดล วาย (Tesla Model Y) ตามด้วย เทสลา รุ่นโมเดล 3 (Tesla Model 3)

ข้อมูลระบุว่า แบรนด์จีนครองสัดส่วนร้อยละ 60.98 ของยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าของอิสราเอลในปี 2023 โดยมียอดจำหน่าย 29,402 คัน มากกว่าตัวเลข 13,294 คันในปี 2022 กว่าสองเท่า

สำหรับยอดจำหน่ายยานยนต์เชื้อเพลิงน้ำมัน เชอรี ออโตโมบิล (Chery Automobile) ผู้ผลิตยานยนต์ของจีน ซึ่งเข้าสู่ตลาดอิสราเอลช่วงปลายปี 2022 ครองอันดับ 6 ด้วยยอดจำหน่าย 11,162 คันในปี 2023


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top