Tuesday, 20 May 2025
World

ชาวเน็ตขำก๊าก!! หลังเปิดตัว 'รถยนต์ไฟฟ้า’ คันแรกของ ‘รัสเซีย’  ชี้!! ดีไซน์แปลก-สะดุดตา ยกเป็น ‘รถยนต์ที่น่าเกลียดที่สุดในโลก’

(26 ธ.ค.66) แอมเบอร์ ยันตาร์ (Amber Yantar) รถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบรุ่นใหม่จากรัสเซียได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเพราะรูปลักษณ์ภายนอก หลังเปิดตัวโดย Avtotor ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติรัสเซียในเมืองคาลินินกราด ร่วมมือกับสถาบันโพลีเทคนิคมอสโก เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา รถคันนี้กล่าวกันว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของรัสเซียที่ผลิตโดยรัสเซีย 100%

งานนี้ รถยนต์ไฟฟ้ามีการออกแบบที่สะดุดตาและดึงดูดจินตนาการของผู้ชม ทำให้แฟน ๆ หัวเราะกับรูปลักษณ์จนขนานนามว่าเป็นรถยนต์น่าเกลียดที่สุดในโลก ตามรายงานแอมเบอร์ ยันตาร์ดูเหมือนจะเป็นผู้สืบทอดของ Fiat Multipla ปี 1998

ทางบริษัท Avtotor ประกาศว่ามีแผนจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแอมเบอร์ ยันตาร์ให้ได้มากถึง 50,000 คันในปี 2568 ที่โรงงานในเมืองคาลินินกราด โดยเสริมว่าส่วนประกอบหลักทั้งหมด เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า อินเวอร์เตอร์ แผงควบคุม และแบตเตอรี่ทั้งหมดจะได้รับการออกแบบและผลิตในรัสเซีย

แม้จะมีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคน้อยมาก แต่รถไฟฟ้าแอมเบอร์ ยันตาร์ มีราคาไม่แพงมากและมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 25kW/h นอกจากนี้ ผู้ขับขี่รถยนต์ยังสามารถเช่าแบตเตอรี่แทนการซื้อได้ รถจะไปถึงความเร็วสูงสุดที่ 105 กม./ชม. (65 ไมล์ต่อชั่วโมง)

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นรถแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่สนใจด้านเทคนิค เพราะมีแต่คนสนใจในเรื่องของรูปลักษณ์มากกว่าทำให้เกิดมีมและเรื่องตลกนับไม่ถ้วนในโลกออนไลน์ ทั้งนี้ ทางบริษัทไม่นิ่งนอนใจเผยว่า รถไฟฟ้าจะมีการออกแบบที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อเข้าสู่การผลิต และนี่เป็นเพียงต้นแบบรถยนต์ในการทดสอบ

‘จีน’ ออกแผนส่งเสริมความเจริญร่วมกัน ผ่าน ‘เศรษฐกิจดิจิทัล’ หนุนสร้างความสมดุลในการพัฒนา-อุดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ

(27 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า สำนักข้อมูลระดับชาติของจีน รายงานว่า จีนได้ออกแผนการดำเนินงานว่าด้วยการสนับสนุนความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ผ่านเศรษฐกิจดิจิทัลที่ยิ่งใหญ่และดีขึ้น

แผนการข้างต้นร่วมออกโดยสำนักฯ และคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ มุ่งสนับสนุนการบูรณาการเชิงลึกของเทคโนโลยีดิจิทัลและภาคเศรษฐกิจจริง พร้อมกับแก้ไขปัญหาการพัฒนาอันไม่สมดุล และไม่เพียงพอผ่านวิธีการทางดิจิทัล

จีนควรมีความก้าวหน้าเชิงบวกในการอุดช่องโหว่ระหว่างภูมิภาค พื้นที่เมืองและชนบท กลุ่มประชากรที่แตกต่างกัน ตลอดจนการบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน ผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลภายในปี 2025

ต่อจากนั้น จีนควรมีความก้าวหน้าอันเป็นรูปธรรมในการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ผ่านเศรษฐกิจดิจิทัลภายในปี 2030 โดยมีชุดแนวปฏิบัติทางนวัตกรรมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างภูมิภาคตะวันออกและตะวันตก พร้อมใช้ซ้ำและส่งเสริมทั่วประเทศ

แผนการข้างต้นกำหนดการเตรียมการ 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ ส่งเสริมการพัฒนาระดับภูมิภาคเชิงประสานผ่านเศรษฐกิจดิจิทัล เดินหน้าการพัฒนาทางดิจิทัลในชนบท เพิ่มพูนความรู้ทางดิจิทัลของสาธารณชนเพื่อการจ้างงานที่ดีขึ้น และเกื้อหนุนการบริการทางสังคมอันครอบคลุมผ่านวิธีการทางดิจิทัล

ลิโอเนล เมสซี สุดยอดนักเตะระดับโลกแห่งปี

ท่าชูนิ้วชี้ขึ้นท้องฟ้าทั้งสองข้างหลังจากทำประตูได้ นับเป็นท่าประจำตัวของนักเตะระดับตำนานอย่าง ‘ลิโอเนล เมสซี’ ซึ่งเป็นท่าที่เขาอุทิศให้กับ ‘เซเลีย’ คุณย่าผู้เป็นที่รัก ผู้จุดประกายความสนใจด้านฟุตบอล และคอยผลักดันให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลระดับโลก น่าเศร้าที่เธอเสียชีวิตไปในปี 1998 และไม่เคยมีโอกาสได้เห็นเขากลายเป็นสุดยอดนักเตะอย่างในทุกวันนี้ 

…แต่ท่าดีใจอันเป็นเอกลักษณ์นี้ของเขาบ่งบอกว่า ‘คุณย่าเซเลีย’ จะอยู่กับเขาตลอดไป

เป็นเวลา 1 ปีแล้วที่ ‘ลิโอเนล เมสซี’ สุดยอดกองหน้าชาวอาร์เจนตินา แห่งฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา ผู้นำทัพอาร์เจนตินาเอาชนะฝรั่งเศส ในการดวลลูกโทษที่จุดโทษ 4-2 หลังเสมอกันในเกมรอบชิงชนะเลิศแบบสุดมัน 3-3 และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่เขารอคอยมากที่สุด ในอาชีพนักเตะมาครองได้ในที่สุด

ภาพของ เมสซี ที่นั่งอยู่บนรถแห่ฉลองแชมป์ฟุตบอลโลก ท่ามกลางแฟนฟุตบอลชาวอาร์เจนตินาที่มาต้อนรับมืดฟ้ามัวดินกว่า 5 ล้านคน เต็มพื้นที่ถนนในกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา ยังคงเป็นภาพที่ตราตรึงในหัวใจ และสร้างความประทับใจให้ชาวอาร์เจนตินา และแฟนบอลทั่วโลกเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ นับเป็นการได้แชมป์โลกครั้งแรกในรอบ 36 ปี นับจากยุคสมัยของ ‘ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา’ ทำให้ประชาชนชาวอาร์เจนตินาทั้งประเทศมีความสุขถึงขีดสุด

จนกระทั่ง เขาได้ย้ายมาค้าแข้งกับลีกฟุตบอลอย่าง ‘เมเจอร์ลีก ซอกเกอร์’ โดยก่อนหน้านั้น เมสซีได้คว้าแชมป์ ‘ลีกเอิง ฝรั่งเศส’ ให้กับ ‘สโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง’

จากนั้นจึงย้ายมาอยู่กับ ‘สโมสรฟุตบอลอินเตอร์ ไมอามี’ และได้คว้าแชมป์อีเอฟแอลคัพ หรือ ‘ลีกคัพ’ ได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นถ้วยแห่งเกียรติยศชิ้นแรกของสโมร หลังจากก่อตั้งทีมขึ้นมาเมื่อ 5 ปีก่อนอีกด้วย และเขายังคงเดินหน้าสร้างผลงานระดับตำนานอย่างต่อเนื่อง

ลิโอเนล เมสซี ดาวเตะวัย 36 ปี ได้รับเลือกคะแนนโหวตสูงสุดในการคว้ารางวัล ‘บัลลง ดอร์’ ของนิตยสารฟร็องส์ ฟุตบอล ประจำปี 2023 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา จากผลงานอันยอดเยี่ยมของเขาที่พาทีมชาติอาร์เจนตินา คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อปลายปีก่อน นับเป็นการคว้ารางวัลลูกบอลทองคำเป็นสมัยที่ 8 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาล

และก่อนจะหมดปี 2023 เมสซี ยังคงเดินหน้าคว้าเกียรติยศไม่มีที่สิ้นสุด โดยทางนิตยสาร TIME ได้ประกาศมอบรางวัล ‘นักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี 2023’ ให้กับ ลิโอเนล เมสซี กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินาและสโมสรอินเตอร์ ไมอามี จากเมเจอร์ลีก ซอกเกอร์ อีกด้วย

โดยข้อมูลช่วงหนึ่งในนิตยสาร TIME ระบุว่า “ปีนี้ ลิโอเนล เมสซี สามารถทำสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ เมื่อเขาเซ็นสัญญากับอินเตอร์ ไมอามี และเขาเปลี่ยนสหรัฐฯ ให้กลายเป็นประเทศแห่งฟุตบอล” เนื่องจากการมาถึงของเมสซีในครั้งนี้ ยังได้ช่วยกระตุ้นให้ศึกฟุตบอลของสหรัฐฯ อย่าง ‘เมเจอร์ลีก ซอกเกอร์’ มีจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขัน ราคาตั๋ว และการขายสินค้าที่ระลึก เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

‘บริษัทจีน’ ผลิต 'ลานจอดเฮลิคอปเตอร์' แบบเคลื่อนที่ได้ กางออกพร้อมใช้ใน 10 นาที แถมสะดวกต่อพื้นที่ที่ซับซ้อน

(27 ธ.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ชวนชมการสาธิตกาง ‘ลานจอดเฮลิคอปเตอร์แบบเคลื่อนที่ได้’ หรือโมบาย เฮลิแพด (Mobile Helipad) ซึ่งพัฒนาขึ้นเองโดยเซนซา เอวิเอชัน (SENSHA Aviation) บริษัทในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีน

ลานจอดเฮลิคอปเตอร์แบบเคลื่อนที่ได้นี้รับรองการขึ้นบินและลงจอดแนวดิ่งของอากาศยานด้วยความคล่องตัวสูง ซึ่งจะอำนวยความสะดวกแก่การขึ้นบนและลงจอดของเฮลิคอปเตอร์ในสภาพแวดล้อมซับซ้อน

‘โมบาย เฮลิแพด’ ซึ่งสามารถวิ่งสัญจรบนถนนหากอยู่ในสถานะพับเก็บ จะกลายเป็นลานกว้าง 9 เมตร ยาว 13 เมตร และมีพื้นที่ 117 ตารางเมตร เมื่อถูกกางออกมาภายในระยะเวลา 10 นาที

ทั้งนี้ ‘โมบาย เฮลิแพด’ ได้ผ่านการตรวจสอบรับรองผลทดสอบเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินและลงจอดแล้ว และจะเข้าสู่กระบวนการผลิตปริมาณมากอย่างเป็นทางการภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 การใช้งานหลักจะเป็นการลาดตระเวนในแนวหน้าและสภาพแวดล้อมซับซ้อนอื่น ๆ ซึ่งช่วยให้การขึ้นบินและลงจอดของเฮลิคอปเตอร์ไม่ได้จำกัดอยู่ที่พื้นดินหรือบนหลังคาเท่านั้น

‘จีน’ เดินหน้าปราบอาชญากรรม ‘แลกเปลี่ยนเงินตรา ตปท.’ ผิด กม. ทลายแล้วกว่า 200 คดี ภายใน 2 ปี พร้อมออก กม.ควบคุมเข้มข้น

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า สำนักบริหารเงินตราต่างประเทศแห่งรัฐของจีน ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานตุลาการทั่วประเทศตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อปราบปรามคดีอาชญากรรมอันเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เช่น การดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย คิดเป็นจำนวนมากกว่า 200 คดี

รายงานระบุว่า สำนักบริหารฯ ได้จัดการกรณีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย การหลีกเลี่ยง การฉ้อโกง และการละเมิดข้อบังคับอื่นๆ มากกว่า 1,100 กรณี ซึ่งนำสู่การปรับเงินรวม 1.5 พันล้านหยวน (ราว 7.44 พันล้านบาท)

ด้านสำนักงานอัยการประชาชนสูงสุดของจีน ประกาศเตือนเกี่ยวกับข้อมูลการแลกเปลี่ยนกองทุนที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก บนเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ และแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิงหรือไลฟ์สด โดยสำนักงานฯ จะทำงานร่วมกับสำนักบริหารฯ เพื่อยกระดับการบังคับใช้กฎหมายและความร่วมมือทางตุลาการ ในการรักษาระเบียบของตลาดเงินตราต่างประเทศ

‘หนุ่มไต้หวัน’ จับของขวัญปีใหม่ ลุ้น!! นึกว่าจะได้พัดลมไฟฟ้า Dyson เฉลย!! เป็นนมผง-ช็อกโกแลต ทำชาวเน็ตขำก๊ากกับไอเดียสุดบรรเจิด

(28 ธ.ค. 66) ในช่วงสิ้นปีของทุกปีผู้คนจำนวนมากจะรวมตัวกับญาติ เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานในช่วงคริสต์มาสหรือวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อสังสรรค์ปาร์ตี้สนุกสนานในธีมต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์ รวมถึงหลาย ๆ คนมีการแลกเปลี่ยนของขวัญกันอีกด้วย บางคนก็ได้ของขวัญสุดหรู บางคนได้ของใช้ แต่บางคนได้ของขวัญสุดขำ

ดังเรื่องราวที่เป็นกระแสไวรัลในเฟซบุ๊กทางกลุ่มนิรนามในไต้หวัน เผยว่าชายในภาพจับฉลากได้ของขวัญห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับพัดลมไฟฟ้าของ Dyson มาก โดยไม่คาดคิดหลังจากแกะถุงดำออกต่างพากันขำกรามค้าง

โดยระบุว่า “หลังจากทานอาหารเสร็จ แผนกก็มีการแลกของขวัญกัน ธีมคือของที่ Costco เพื่อนร่วมงานได้รับของขวัญที่หัวหน้างานเตรียมไว้ ทุกคนตื่นเต้นมาก นึกว่าพัดลม Dyson แต่หลังจากเปิดดูเป็นนมผงและช็อกโกแลต 1 พวง ผู้ชมทั้งหมดพากันหัวเราะ คล้ายมากจริง ๆ ได้ไอเดียมาจากไหน ประทับใจมาก ทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์มาก”

พร้อมทั้งโพสต์ภาพความจริงของของขวัญว่าสิ่งที่อยู่ข้างใน คือ นมผงกระป๋องหนึ่งและช็อกโกแลตจำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ให้ถูกจงใจรวมเข้าด้วยกันเป็นรูปทรงของพัดลมไฟฟ้า

ภาพถ่ายดังกล่าวจุดประกายให้เกิดการพูดคุยอย่างดุเดือดในหมู่ชาวเน็ต “ช็อกโกแลตอร่อย เอามาผสมทำนมช็อกโกแลต”, “นึกว่าเป็นกระเช้าดอกไม้”, “แค่แพ็คกระป๋องนั้นก็นึกว่าจะกระโดดข้ามแล้ว”, “หน้าเหมือนไดสันจริง ๆ”, “หัวเราะแล้วหัวเราะอีก น้ำตาจะไหล”

‘ญี่ปุ่น’ ส่งซิกเปิดใช้ ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก’ หลังมีคำสั่งระงับใช้เมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 66 หน่วยงานกำกับพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ยกเลิกคำสั่งระงับการดำเนินงานของ ‘โรงไฟฟ้าคาชิวาซากิ-คาริวะ’ (Kashiwazaki-Kariwa) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในความเคลื่อนไหวซึ่งอาจปูทางไปสู่การเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้าแห่งนี้อีกครั้ง หลังจากที่ถูกสั่งปิดไปเมื่อ 2 ปีที่ก่อน

‘บริษัท โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ โค’ (เทปโก) มีความกระตือรือร้นที่จะเปิดใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดยักษ์แห่งนี้อีกครั้งเพื่อลดต้นทุน ทว่าการเปิดโรงไฟฟ้าจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากหน่วยงานท้องถิ่นจังหวัดนีงาตะ (Niigata) ซึ่งตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นด้วย

โรงไฟฟ้าคาชิวาซากิ-คาริวะ ซึ่งมีกำลังผลิตสูงถึง 8,212 เมกะวัตต์ อยู่ในสถานะ Offline หรือ ‘ไม่มีการผลิตไฟฟ้า’ มาตั้งแต่ปี 2011 หลังจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่จังหวัดฟุกุชิมะ ทำให้ญี่ปุ่นตัดสินใจสั่งปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกือบทั่วประเทศในตอนนั้น

ต่อมาในปี 2021 หน่วยงานกำกับนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น (NRA) ได้มีคำสั่งแบนการดำเนินงานของเทปโกที่โรงไฟฟ้าคาชิวาซากิ-คาริวะ หลังพบว่า มีการละเมิดกฎความปลอดภัยหลายอย่าง ทั้งเรื่องมาตรการปกป้องวัสดุนิวเคลียร์ รวมถึงข้อผิดพลาดอื่น ๆ ที่ทำให้พนักงานซึ่งไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงพื้นที่เปราะบางของโรงไฟฟ้าได้

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด NRA ได้ยกเลิกคำสั่งห้ามเทปโกเคลื่อนย้ายเชื้อเพลิงยูเรเนียมใหม่เข้าไปยังโรงงาน หรือโหลดแท่งเชื้อเพลิงลงสู่เตาปฏิกรณ์ โดยอ้างผลตรวจสอบที่พบว่า บริษัทได้แก้ไขปรับปรุงระบบการจัดการจนเป็นที่น่าพอใจ

ราคาหุ้นเทปโกเริ่มดีดตัวขึ้นทันที หลังจากที่ NRA ออกมาแถลงเมื่อช่วงต้นเดือน ธ.ค. ว่ากำลังพิจารณายกเลิกคำสั่งห้ามปฏิบัติการโรงไฟฟ้าคาชิวาซากิ-คาริวะ หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและพูดคุยกับประธานเทปโกแล้ว

‘Xiaomi’ ประกาศเปิดตัว ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ คันแรก ตั้งเป้า!! จะขึ้นเป็นท็อป 5 ผู้ผลิตชั้นนำของโลก

(28 ธ.ค. 66) ‘เสียวหมี่ อีวี’ ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือของเสียวหมี่ ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านรายใหญ่ในจีน ประกาศเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เป็นครั้งแรกในวันนี้ กับรถซีดานรุ่น SU7 พร้อมประกาศเป้าหมายจะขึ้นเป็น 1 ใน 5 บริษัทรถยนต์อีวีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

รถอีวี เสียวหมี่ SU7 ซึ่งย่อมาจาก Speed Ultra เป็นรถยนต์ซีดาน 4 ประตูโดยมีทั้งหมด 3 รุ่นย่อยด้วยกันคือ SU7, SU7 Pro และ SU7 Max รถทั้งหมดจะถูกผลิตโดยบริษัท ปักกิ่ง ออโตโมทีฟ อินดัสทรี โฮลดิง (BAIC) ซึ่งเป็นบริษัทของทางการจีนในโรงงานที่กรุงปักกิ่ง โดยมีกำลังการผลิต 2 แสนคันต่อปี

สำหรับรถรุ่น SU7 จะเป็นเครื่องมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว กำลังสูงสุด 220 แรงม้า และสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้แบตเตอรี่เทอนารี ลิเธียม ส่วนรุ่น SU7 Pro และ SU7 Max จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 495 แรงม้า (มอเตอร์หน้า 220 และมอเตอร์หลัง 275 แรงม้า) และสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

รายงานข่าวอย่างไม่เป็นทางการระบุว่า รถอีวีคนแรกของเสียวหมี่รุ่นนี้คาดว่าจะมีราคาอยู่ระหว่าง 300,000 - 400,000 หยวน (ราว 1.5 - 2 ล้านบาท)

เล่ย จุน ผู้ก่อตั้งและปราะธานเจ้าหน้าที่บริหารของเสียวหมี่ กล่าวในการแถลงข่าววันนี้ว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการทดลองผลิตรถรุ่นดังกล่าว และคาดว่าจะพร้อมวางจำหน่ายได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

"ด้วยการทำงานอย่างหนักตลอด 15-20 ปีข้างหน้า เราจะก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 5 ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก โดยมุ่งมั่นที่จะยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมของจีน" เล่ย จุน กล่าว

‘พันธมิตรยุโรป’ ข้องใจ!! แผนสกัดการโจมตีจาก ‘กลุ่มฮูตี’ ของสหรัฐฯ หลังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด-คลุมเครือ หวั่นเติมเชื้อไฟความรุนแรงเพิ่ม

‘กองทัพเรือสหรัฐฯ’ เดินหน้าตามแผนปฏิบัติการใหม่ล่าสุด ‘Operation Prosperity Guardian’ (OPG) ผนึกกำลังกับพันธมิตรหลัก ทั้งในยุโรป และตะวันออกกลาง รวมทั้ง แคนาดา และออสเตรเลีย ในการจัดตั้งกองกำลังป้องกันการโจมตีทางทะเลเฉพาะกิจ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดง ที่ตอนนี้กลายเป็นเป้าหมายของ ‘กองกำลังติดอาวุธฮูตี’ จนหลายบริษัทเดินเรือเปลี่ยนเส้นทาง งดแล่นผ่านทะเลแดง เพื่อความปลอดภัยของตน

‘ฮูตี’ เป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธชาวมุสลิม นิกายซายดิส นิกายย่อยสายหนึ่งของชีอะห์ ในเยเมน มีบทบาทสำคัญในการลุกฮือของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเยเมน ที่ได้รับการสนับสนุนจากซาอุดีอาระเบียในช่วงกระแสอาหรับสปริง จนกลายเป็นสงครามกลางเมืองในปี 2014 ที่กินเวลานานถึง 10 ปี จนถึงปัจจุบัน ที่มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 3.7 แสนคน และกลายเป็นคนพลัดถิ่นถึง 4 ล้านคน 

กองกำลังฮูตี ถือเป็นพันธมิตรสำคัญของอิหร่าน และ กลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน อีกทั้งยังประกาศตนเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตร ‘Axis of Resistance’ หรือ ‘กลุ่มอักษะแห่งการต่อต้าน’ แนวร่วมที่สนับสนุนกลุ่มฮามาส และต่อต้านการรุกรานของอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์

แผนการโจมตีเรือขนส่งในทะเลแดงของกลุ่มฮูติ เป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้าน และกดดันอิสราเอลให้ยุติการโจมตีทางทหารในฉนวนกาซา หลังจากที่เกิดสงครามเผชิญหน้าระหว่างอิสราเอล-ฮามาส เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเรือบรรทุกสินค้าลำแรกที่ถูกจี้โดยกลุ่มฮูตี คือ ‘เรือ Galaxy Leader’ เรือสัญชาติบาฮามาส ดำเนินการโดยบริษัทขนส่งญี่ปุ่น ‘Nippon Yusen’ แต่จดทะเบียนโดยบริษัทอังกฤษ ที่มี ‘อับราฮัม เรมี อันการ์’ มหาเศรษฐีชาวอิสราเอลถือหุ้นอยู่

โดยกลุ่มฮูตี ขู่ที่จะโจมตีเรือบรรทุกสินค้าทุกลำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ แหล่งเงินทุนของอิสราเอล และภายหลังครอบคลุมถึงเรือสินค้าที่เทียบท่าเรือของอิสราเอลด้วย ซึ่งจนถึงตอนนี้มีเรือขนส่งที่ถูกกลุ่มฮูตีโจมตีแล้วถึง 12 ลำ โดยอาวุธที่ใช้มีตั้งแต่โดรนพิฆาต, ขีปนาวุธจากพื้นผิวสู่พื้นผิว, ขีปนาวุธนำวิถี, จรวดร่อน และอื่นๆ ที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน

ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา กลุ่มฮูตี ยืนยันว่า ได้ใช้โดรนโจมตีท่าเรือเมืองไอลัต ของอิสราเอล และยิงขีปนาวุธโจมตีเรือขนส่ง ‘MSC United VIII’ ที่ออกจากท่าเรือคิง อับดุลลาห์ ของซาอุดีอาระเบีย เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองการาจี ในปากีสถาน หลังจากที่ทางกลุ่มได้ส่งสัญญาณแจ้งเตือนการโจมตีไปแล้ว 3 ครั้ง แต่ทว่าถูกเพิกเฉย

จึงกลายเป็นที่มาของแผนปฏิบัติการล่าสุดของสหรัฐฯ ‘Operation Prosperity Guardian’ (OPG) ในการจัดตั้งกองกำลังป้องกันทางทะเลร่วมกับชาติพันธมิตรอีก 9 ชาติ ได้แก่ อังกฤษ, บาห์เรน, แคนาดา, เดนมาร์ก, กรีซ, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, ออสเตรเลีย และเซเชลส์

รวมกันเป็นหน่วยเฉพาะกิจที่ 153 ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังผสมทางทะเลของสหรัฐฯ ที่ตอนนี้มีเรือพิฆาตของอังกฤษ, เรือรบฟริเกตของกองทัพเรือกรีก และกองเรือของสหรัฐฯ บางส่วน อาทิ  USS Laboon, USS Carney และ USS Mason พร้อมอาวุธ, ระบบต้านขีปนาวุธและโดรนพิฆาต

แต่ทว่าการป้องกันการลอบโจมตีในเขตน่านน้ำทะเลแดงไม่ใช่เรื่องง่าย ที่เป็นสาเหตุให้อีก 3 ประเทศพันธมิตรใหญ่ และมีกองทัพเรือแข็งแกร่งอย่างฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน ขอถอนตัวตั้งแต่แผน OPG ยังไม่ทันเริ่ม เนื่องจากเป้าหมายของปฏิบัติการ OPG เพื่อรักษาเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับเรือพาณิชย์มีความคลุมเครือเกินไป ขอบเขตของแผนการอยู่ที่ตรงไหน กับพื้นที่ทางทะเลตลอดชายฝั่งของเยเมน ในเขตยึดครองของกลุ่มฮูตีที่มีระยะทางถึง 450 กิโลเมตร ที่สามารถยิงขีปนาวุธจากชายฝั่งโจมตีเรือสินค้าที่แล่นผ่านได้ตลอดเวลา

ซึ่งกองทัพเรือสหรัฐฯ และหลายชาติพันธมิตรที่เข้าร่วมแผน OPG มีระบบเรดา และปืนต้านขีปนาวุธที่ทันสมัย สามารถสกัดการโจมตีของกลุ่มฮูตีได้อยู่แล้ว แต่หากต้องจัดเรือรบคุ้มกันเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ ที่เต็มได้ด้วยตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมากและเทอะทะ ไม่สามารถแล่นได้เร็ว ก็ไม่ต่างจากเป้านิ่งที่ถูกเล็งได้ง่าย อีกทั้งกัปตันเรือบรรทุกสินค้ามักไม่ได้ถูกฝึกมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามแผนยุทธวิธีทางทหาร จึงเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคในการรับมือกับการโจมตี

อีกทั้งข้อจำกัดด้านอาวุธ ที่ติดตั้งภายในเรือรบคุ้มกัน และน้ำมันเชื้อเพลิง หากต้องเคลื่อนขบวนคุ้มกัน ตลอดพื้นที่เสี่ยงจากการโจมตี ที่ต้องใช้เวลาแล่นผ่านอย่างน้อย 16 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับกองกำลังฮูติที่มีคลังแสงสำรองไม่จำกัด และสามารถโจมตีได้ทุกทิศทาง ตลอด 24 ชั่วโมง

และหากปฏิบัติการ OPG หมายถึง ‘การป้องกัน’ นั่นก็หมายความว่า ต้องอยู่ในสถานะเป็นฝ่ายตั้งรับ ซึ่งกลุ่มฮูตีเองก็หาได้เกรงที่จะยิงขีปนาวุธ โจมตีกองเรือรบสหรัฐไม่ และได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อ 19 คุลาคมที่ผ่านมา โดยกองกำลังฮูติได้ปล่อยขีปนาวุธร่อน 4 ลูก กับโดรนพิฆาตอีก 15 ลูก ใส่เรือพิฆาต USS Carney ของสหรัฐฯ ขณะปฏิบัติภารกิจตามแผน OPG อยู่กลางทะเลแดง

ตามความเห็นของกองทัพเรือสหรัฐฯ มองว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสกัดการโจมตีของกองกำลังฮูตี หากไม่มีการโจมตีเชิงรุกจากฝ่ายสหรัฐฯ และพันธมิตรในปฏิบัติการ OPG ด้วยการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานขีปนาวุธของกองกำลังฮูตีที่อยู่ในแผ่นดินเยเมน ด้วยขีปนาวุธทำลายล้างสูงคืนไปบ้าง

แต่นั่นก็จะอยู่นอกเหนือขอบเขตของปฏิบัติการ OPG ที่มีไว้เพื่อ ‘รักษาเส้นทางที่ปลอดภัย’ สำหรับเรือสินค้าในทะเลแดง และการโจมตีกลุ่มฮูตีบนภาคพื้นดินในเยเมน มีความสุ่มเสี่ยงที่จะพลาดเป้า หรือขยายวงความขัดแย้งทางการเมืองในตะวันออกกลางมากขึ้น จากจุดเริ่มต้นเดิมที่เขตฉนวนกาซาในปาเลสไตน์เท่านั้น และอาจทำให้กลุ่มพันธมิตรที่เข้าร่วมในแผน OPG ทั้งยวง ถูกพ่วงเข้าไปในประเด็นความขัดแย้งที่มากขึ้น อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้

เพราะไม่มีใครอยากรับเผือกร้อน หรือหากระดูกแขวนคอเพิ่ม ดังนั้น ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน จึงขอถอนตัวจากปฏิบัติการ OPG โดยอ้างว่าไม่ต้องการอยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การรบของสหรัฐฯ แต่จะส่งเรือฟริเกตไปคุ้มกันเรือสินค้าของประเทศตัวเองจะสะดวกกว่า

ดั่งคำพังเพยที่กล่าวว่า “เรียนผูกได้ ก็ต้องเรียนแก้ได้” แต่ก่อนจะแก้ให้ถูกต้อง ก็ต้องมองให้ออกว่าปมที่เป็นปัญหา และคู่กรณีหลักนั้นอยู่ที่ไหน สุดท้ายปฏิบัติการชื่อเท่ๆ อย่าง ‘OPG’ อาจไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุก็ได้

‘กกต.รัฐเมน’ ฟัน!! ‘ทรัมป์’ ตัดสิทธิ์เลือกตั้ง ปธน.มะกัน หลังมีเอี่ยวในการก่อจลาจล บุกรัฐสภา เมื่อ 6 ม.ค. 2021

(29 ธ.ค. 66) เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่กำกับดูแลการเลือกตั้งในรัฐเมนของสหรัฐฯ ประกาศตัดสิทธิ์อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งขึ้นต้นในรัฐเมน ซึ่งทำให้ทรัมป์ถูกห้ามการลงสมัครเป็นรัฐที่ 2 จากบทบาทของเขาเกี่ยวกับเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ในวันที่ 6 มกราคม 2021

‘เชนนา เบลโลว์ส’ จากพรรคเดโมเครต ในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่กำกับดูแลเรื่องการเลือกตั้งของรัฐเมน ระบุว่า “ทรัมป์ยุยงให้เกิดการจลาจล เมื่อเผยแพร่คำกล่าวอ้างเป็นเท็จ เกี่ยวกับการฉ้อโกงการเลือกตั้งในปี 2563 โดยเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนเดินขบวนไปยังรัฐสภา เพื่อยุติไม่ให้ฝ่ายนิติบัญญัติรับรองผลการเลือกตั้ง”

การตัดสินใจดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติจากรัฐเมนกลุ่มหนึ่ง กล่าวว่า ทรัมป์ควรถูกตัดสิทธิ์ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ที่ห้ามมิให้บุคคลดำรงตำแหน่ง หากพวกเขามีส่วนร่วมในการจลาจลหรือการก่อกบฏ

อย่างไรก็ดี คำตัดสินดังกล่าว ซึ่งทรัมป์สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ จะมีผลเฉพาะการเลือกตั้งเบื้องต้นในเดือนมีนาคมนี้เท่านั้น แต่มันอาจส่งผลกระทบต่อสถานะของทรัมป์ในการเลือกตั้งทั่วไป ในเดือนพฤศจิกายนด้วย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ทรัมป์ถูกศาลสูงของโคโลราโดตัดสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้เขากลายเป็นผู้สมัครคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ถูกตัดสิทธิ์ในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจากการมีส่วนร่วมในการก่อกบฏ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top