Monday, 19 May 2025
TheStatesTimes

รมว.ยุติธรรม มอบนโยบายและติดตามงานดีเอสไอ แนะต้องศึกษาแก้ปัญหาจากต้นตอ นำเทคโนโลยีมาใช้ ปรับกฎหมายให้ทันสมัย จี้ เร่งทำงานครบ 6 เดือนต้องแถลง-ประเมิน KPI 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ตนได้เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและติดตามการดำเนินงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมี ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายคุณดร  งามธุระ คณะที่ปรึกษารมว.ยุติธรรม นายไตรยฤทธิ์  เตมหิวงศ์  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้อำนวยการกองคดี ในสังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าร่วมการประชุม โดยได้มีการรายงานถึงภารกิจที่สำคัญของแต่ละกองให้ตนได้รับทราบ โดยภาพรวมการดำเนินงานของดีเอสไอในปี 2564 ให้การช่วยเหลือประชาชนรวม 11,581 ราย รักษาผลประโยชน์ให้กับภาครัฐ เอกชนและประชาชน แบ่งเป็นด้านเศรษฐกิจ 12,739 ล้านบาท ด้านทรัพย์สินทางปัญญา 157 ล้านบาท ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม 2,149 ล้านบาท ด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ 676 ล้านบาท

 นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนต้องขอขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทุกท่าน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานร่วมกับตนมาเกือบ 3 ปี และเป็นหน่วยงานที่เป็นหน้าเป็นตาของกระทรวงยุติธรรม มีหลายเรื่องที่ทำได้สำเร็จให้กับสังคม และยังมีอีกหลายเรื่องที่เราต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีก เช่น คดียาเสพติด คดีรถหรู แชร์ลูกโซ่ สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาอุปสรรค เพราะการแก้ปัญหาไม่ได้แก้ตั้งแต่ต้นเหตุ หลายครั้งเราปล่อยให้เกิดขึ้นก็ต้องแก้อีก แต่หากเราสามารถแก้ตั้งแต่ต้นเหตุอาจจะตัดขั้นตอนได้ หรือทำรูปแบบดำเนินการ เช่น คดีแชร์ลูกโซ่ เราเหนื่อยมากเวลาคนมาร้องเรียน เราเจอมาหลายครั้งมีแชร์วงใหม่ๆเกิดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราแก้บ่อยๆก็จะเบื่อ ดังนั้นเราจะตัดต้นตอได้หรือไม่ เช่น การออกกฎหมายใหม่ การแก้กฎหมายเพื่อสกัดกั้น ทำให้งานของเราไม่เยอะ หากเราแก้ต้นเหตุได้ก็จะหยุดได้ อย่างที่ตนทำประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ การยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด และการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ดังนั้นการทำงานต้องทำให้ถึงต้นตอ เราจะทำงานได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ ต้องศึกษาและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์

‘บิ๊กตู่’ หอบคณะเยือนซาอุฯ ในรอบ 30 ปี หวังฟื้นฟูความสัมพันธ์หลังร้าวฉานนาน

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 25 มกราคม ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง (บน.6) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยเที่ยวบินพิเศษ เพื่อเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการในวันที่ 25-26 มกราคม 

โดยการเยือนซาอุดีอาระเบียครั้งนี้เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นไปตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเข้าเฝ้าและพบปะหารือกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย เพื่อส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน โดยมีรายงานว่าทั้งสองประเทศจะฟื้นฟูและยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งในด้านการต่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจ และแรงงาน

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางโดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางเยือนครั้งนี้จะมีโอกาสดีในการฟื้นความสัมพันธ์อันดีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดีกว่า 32 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับเกียรติในการที่ได้รับเชิญไปหารือ ฟื้นความสัมพันธ์เก่าๆ ก็ต้องดีขึ้น 

เมื่อถามว่า จะมีโอกาสที่แรงงานไทยจะได้กลับไปทำงานที่ซาอุฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ทุกเรื่อง จะได้มีการพูดคุยหารือ ซึ่งต้องเริ่มต้นกันก่อนและต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อศึกษาหารือร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องของคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี และเรื่องวิธีการต่างๆ ที่ต้องพูดคุยกันต่อไป ขณะเดียวกันไปเข้าเฝ้าฯ ในฐานะรัฐบาล ตามที่ข่าวออกไปแล้ว จึงขอให้รอฟังรายละเอียดหลังกลับมา

ทั้งนี้ นายกฯ ยังกล่าวฝากทิ้งท้ายด้วยว่า "ทำให้บ้านเมืองสงบสุขนะ"

เปิดตัวแปรพลิกเกม 'ท่องเที่ยวไทย'​ 'รุ่ง-รอด' ตลอดปี​ 65 | MEET THE STATES TIMES EP.57

📌เปิดตัวแปรพลิกเกม 'ท่องเที่ยวไทย'​ 'รุ่ง-รอด' ตลอดปี​ 65 !!
📌พลิกหน้าการท่องเที่ยวฝ่า ‘ยุคโควิด-19’!

ไปกับ ‘นางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช' ประธานกรรมการบริหารบริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด!

ในรายการ MEET THE STATES TIMES

ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

.

.

ผู้อำนวยการ WHO เตือนระวัง 'อันตราย' หากทึกทัก 'โอมิครอน' คือจุดจบโควิดระบาด

ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนในวันจันทร์ (24 ม.ค.) เป็นเรื่องอันตรายหากทึกทักว่าตัวกลายพันธุ์โอมิครอนเป็นลางแห่งจุดจบระยะเฉียบพลันของโควิด-19 เร่งเร้าประเทศต่างๆ ให้ยังคงมุ่งสมาธิในการเอาชนะโรคระบาดใหญ่

"มันอันตรายหากทึกทักว่าโอมิครอนจะเป็นตัวกลายพันธุ์สุดท้ายและเราอยู่ในช่วงท้ายเกม" ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก บอกกับที่ประชุมคณะกรรมการบริหารชุดหนึ่งขององค์การอนามัยโลก ในเรื่องของโรคระบาดใหญ่ที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปีและคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้วเกือบ 6 ล้านราย "ในทางตรงกันข้าม ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทั่วโลก เหมาะสำหรับตัวกลายพันธุ์ต่างๆ จะปรากฏเพิ่มเติม"

คำเตือนนี้ดูจะสวนทางกับความเห็นของดร.ฮานส์ คลูก ผู้อำนวยการภาคพื้นยุโรปขององค์การอนามัยโลก ที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ (23 ม.ค.) ว่าตัวกลายพันธุ์โอมิครอนได้ผลักให้โควิด-19 เคลื่อนเข้าสู่ขั้นใหม่ และอาจนำมาซึ่งจุดจบของโรคระบาดใหญ่ในยุโรป

คลูกกล่าวว่า "เมื่อครั้งระลอกการแพร่ระบาดของโอมิครอนที่กำลังเล่นงานทั่วยุโรปในปัจจุบันเบาบางลง โลกจะมีภูมิคุ้มกันหมู่หลายสัปดาห์และหลายเดือน ซึ่งเป็นผลจากการฉีดวัคซีนหรือเพราะคนมีภูมิคุ้มกันแล้วจากการติดเชื้อ และการแพร่ระบาดจะลดลงตามฤดูกาลเช่นกัน"

"เราคาดหมายว่าจะมีช่วงเวลาที่เงียบเชียบช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่โควิด-19 อาจกลับมาอีกในช่วงปลายปี แต่มันไม่จำเป็นที่มันจะกลับมาในรูปแบบของโรคระบาดใหญ่" คลูกกล่าว

แม้โอมิครอนโหมกระพือเคสผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นแตะระดับเกือบ 350 ล้านคน แต่มันส่งผลกระทบถึงตายน้อยกว่าและอัตราการฉีดวัคซีนในระดับสูง นำมาซึ่งมุมมองในแง่บวกว่าบางพื้นที่อาจผ่านพ้นสถานการณ์เลวร้ายของโรคระบาดใหญ่ไปแล้ว

รู้จัก 'เจ้าชาย มุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด' เจ้าของฉายา 'มิสเตอร์ เอเวอรีธิงส์' ผู้เปิดประตู 'ไทย-ซาอุฯ' หลังล้างรานาน 32 ปี

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย ในฐานะผู้นำประเทศ เพื่อฟื้นสัมพันธ์เป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี โดยระบุว่า “มิสเตอร์ เอเวอรีธิงส์ ผู้เปิดประตู ไทย-ซาอุฯ หลังจาก 32 ปี ที่หายไป”

สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด เป็นพระมหากษัตริย์ซาอุดีอาระเบียองค์ปัจจุบัน พระชนมพรรษา 79 พรรษา เสด็จขึ้นครองราชย์ หลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

ทรงมีพระมเหสี 3 พระองค์ พระราชบุตร 9 พระองค์

เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ เจ้าชาย มุฮัมมัด บิน ซัลมาน พระชันษาเพียง 36 ปี ผู้เป็นโอรสองค์ที่เจ็ดของกษัตริย์ซัลมาน และบุตรชายคนโตในจำนวนหกคนอันที่เกิดจากภรรยาคนที่ 3 ของกษัตริย์ซัลมาน ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทแห่งซาอุฯ 

ซึ่งทำให้พระองค์ขึ้นครองอำนาจเบ็ดเสร็จในหลายส่วน กล่าวคือ นอกจากเป็นมกุฏราชกุมารแล้ว เจ้าชาย มุฮัมมัด บิน ซัลมาน ยังดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ประธานสภากิจการฝ่ายเศรษฐกิจและพัฒนา เป็นประธานสภากิจการการเมืองและความมั่นคงเป็นที่ปรึกษาพิเศษของกษัตริย์และยังเป็นประธานกองทุนความมั่งคั่งซาอุฯ PIF

เจ้าชายซัลมานมีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่ที่ราว 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 600,000 ล้านบาท 

ทรงเป็นเจ้าของ ”เดอะชาโต หลุยส์ ที่ 14” ในลูฟวร์เซียนส์ ใกล้กับพระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส บ้านที่มีมูลค่าแพงที่สุดในโลก ด้วยราคา 313 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 10,600 ล้านบาท

นอกจากพระองค์ได้ประมูลภาพเขียนล้ำค่า “ซัลเวเตอร์มุนดี” ของเลโอนาร์โด ดา วินชี ในราคาประมูล 450 ล้านดอลลาร์ หรือราว 15,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาประมูลภาพวาดที่สูงที่สุดในโลก

ส่วนทรัพย์สินของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย มีมูลค่าประมาณ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 57 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่าราชวงศ์อังกฤษที่มีมูลค่า 425 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

พระองค์ทรงได้รับเสียงชื่นชมจากหลายชาติตะวันตกจากการเดินหน้าปฏิรูปสังคมซาอุดีอาระเบียในหลายด้าน โดยเฉพาะเปิดเสรีแก่สตรีมากขึ้น ท่ามกลางสังคมซาอุฯ ซึ่งเป็นแบบอนุรักษ์นิยมมาโดยตลอด

พระองค์เป็นผู้ริเริ่มแผนยุทธศาสตร์ Saudi Vision 2030 ซึ่งเป็นแผนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการลดการพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน แล้วหันไปเพิ่มความหลากหลายทางเศรษฐกิจ เช่น 

การพัฒนาภาคบริการสาธารณะ พัฒนาซาอุฯ ให้เป็น hub แห่ง logistic การเปิดกว้างด้านการท่องเที่ยว ส่งเสริมการลงทุน การเพิ่มการค้าระหว่างประเทศอื่นๆ ที่นอกเหนือจากอุตสาหกรรมน้ำมัน 

“ทิพานัน" ชี้ “นายกฯ” เยือนซาอุฯ ผลงานโบว์แดง เชื่อ เปิดช่อง "การค้า-แรงงาน-ลงทุน “ 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  เดินทางเยือนซาอุดิอาระเบีย ว่า การพบกันระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี นับเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อกัน โดยการฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศอาหรับ ประเทศแรกๆที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย ตั้งแต่วันที่1ต.ค.2500 และเป็นตลาดแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของไทยในตะวันออกกลาง เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับสองในตะวันออกกลาง และเป็นตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ นอกจากนี้เป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลาม ที่ผู้แสวงบุญชาวไทยต้องเดินทางไปยังเมือง เมกกะห์และมาดีนะทุกปี โดยปัจจุบันซาอุดิอาระเบีย เดินหน้าปรับภาคการผลิตที่มุ่งการลงทุนที่ไม่ใช่น้ำมัน จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยจะมีโอกาสเข้าไปลงทุน

คณะกรรมการแก้หวยแพงเรียกประชุมทันที หลัง “นายกฯ” ย้ำในครม.แก้หวยแพง ลงโทษคนหาผลประโยชน์ส่วนต่าง ย้ำแก้ปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงการแก้ปัญหาลอตเตอรี่เกินราคาว่าจากการหารือร่วมกับคณะกรรมการเมื่อวานนี้ที่มีนายอนุชา นาคาศัย  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน 

โดยที่ประชุมหารือถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหา ในระยะสั้น โดยการกําหนดให้มีจุดตรึงราคาตามกําหนดตามโครงการสลาก 80 บาท  ระยะกลางให้คัดกรองผู้ขายสลากฯ ตามที่ได้เปิดลงทะเบียนผู้ซื้อจองล่วงหน้าสลากฯใหม่ และระยะยาว จะมีการจําหน่ายสลากฯ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์  หรืออาจจะออกเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ประชุมยังให้มีการดำเนินการพิจารณาใน 2 เรื่อง คือ 1.การกำหนดแนวทางในการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ 2. แนวทางคือการหาสาเหตุของสลากเกินราคา และกำหนดแนวทางข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ร่วมกันระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และสำนักปลัดสำนักนายกฯ

รวมถึงให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ 
อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่นายกฯได้ย้ำในที่ประชุม ครม.ถึงการแก้ไขปัญหาลอตเตอรี่ พร้อมให้ลงโทษผู้ที่จ้องแสวงหากำไร หาผลประโยชน์ส่วนต่างเกินราคา ซึ่งหากเป็นเจ้าหน้าที่ให้ลงโทษเด็ดขาดเจอใครที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการตามกฎหมายไม่มีละเว้นใครทั้งสิ้น เพื่อกำจัดกระบวนการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวให้หมดสิ้นไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญร่วมงานเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2565  ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย ระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 9 กุมภาพันธ์ 65 พร้อมขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมลงชื่อสะเดาะเคราะห์ สวดชัยมงคลคาถา [พะเก่ง]  เฮง เฮง เฮง ต้อนรับปีขาล

ระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 9 กุมภาพันธ์ 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยนายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ  ขอเชิญทุกท่าน ร่วม “สักการะหลวงปู่ไต้ฮง” ขอพรเนื่องในเทศกาลตรุษจีนเพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่  

ลงชื่อสวดชัยมงคลคาถา หรือ “พะเก่ง” เพื่อสะเดาะเคราะห์ ขอให้ครอบครัวมีสุข เสริมโชคลาภ เสริมดวงชะตา เสริมความมั่นคงสถาพร ตลอดปี พร้อมรับประทาน สาคูสิริมงคล  เพื่อความกลมเกลียวและอยู่เย็นเป็นสุข  รับฮู้ (ยันต์) ของหลวงปู่ไต้ฮง  ติดหน้าบ้าน หรือพกติดตัวเพื่อคุ้มครอง  เคาะระฆังทอง ให้ก้องกังวานเพื่อให้ชีวิตสดใส การงานรุ่งเรืองระบือไกล และร่วมขอพรเทพยดาฟ้าดินเนื่องในวันประสูติ (ทีกงแซ)  ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 8 ก.พ. 65  ขออำนาจฟ้าดินเป็นที่พึ่ง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ เช่น หลวงปู่ไต้ฮง ช่วยดลบันดาลให้ประสบโชคดีตลอดปีใหม่ (โดยในวันที่ 31 มกราคม และวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดบริการโต้รุ่ง)

เทศกาลตรุษจีน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เฮง ๆ ๆ  ต้อนรับปีขาล มูลนิธิฯ เปิดให้มีการทำบุญพะเก่งออนไลน์ 
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 หรือเฟซบุ๊ก แฟนเพจ facebook.com/atpohtecktung

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดให้มีมาตรการคุมเข้มทั้งในด้านการตั้งจุดคัดกรองเพื่อตรวจวัดอุณหภูมิโดยเจ้าหน้าที่ที่มีองค์ความรู้ด้านการช่วยเหลือฉุกเฉิน การจัดตั้งจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่าง ๆ การจัดทำสัญลักษณ์การเว้นระยะห่าง (Social Distancing) รวมถึงการขอความร่วมมือประชาชนผู้มีจิตศรัทธาสวมหน้ากากอนามัย  สแกน QR Code แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ทุกครั้งก่อนเข้าศาลเจ้าไต้ฮงกง และฝั่งสำนักงาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นอกจากนี้ยังจัดให้การฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ซึ่งมูลนิธิฯ ได้ริเริ่มดำเนินการอย่างเคร่งครัดเรื่อยมา เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชน และผู้มีจิตศรัทธาที่เดินทางร่วมทำบุญสาธารณกุศลกับมูลนิธิฯ  โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีน มูลนิธิฯ จะมีมาตรการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสทุกวันหลังปิดทำการในแต่ละวัน 

อัปเดตอาการ ‘น้องอุ้ม’ พยาบาล รพ.อุ้มผาง อาการสมองบวมดีขึ้น เริ่มขยับแขนขา

จากกรณี รถตู้พยาบาลฉุกเฉินของโรงพยาบาลอำเภออุ้มผาง จ.ตาก ชนกับรถบรรทุกพ่วง ส่งผลให้ น้องอุ้ม พยาบาลประจำรถฉุกเฉิน ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี

ล่าสุด วันที่ 24 มกราคม 65 โรงพยาบาลราชวิถี ได้ออกประกาศโรงพยาบาลราชวิถี เรื่องรายงานความคืบหน้าอาการ "น้องอุ้ม" นส.ปุณยวีร์ ศรีดวงแปง พยาบาล โรงพยาบาลอุ้มผาง มารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลราชวิถี (ฉบับที่ 3) ข้อความในประกาศระบุว่า

ความคืบหน้าอาการผู้ป่วยที่ได้ส่งตัวมารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี จากเหตุรถพยาบาลฉุกเฉินของโรงพยาบาลอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ชนกับรถบรรทุกพ่วง บนถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง เขตอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

สหรัฐฯ สั่งทหาร 'เตรียมพร้อมขั้นสูงสุด' รับมือวิกฤต ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ที่รอวันปะทุ

สหรัฐฯ สั่งการให้ทหาร 8,500 นาย "เตรียมพร้อมขั้นสูงสุด" ท่ามกลางเหตุเผชิญหน้าเกี่ยวกับยูเครน ชี้รัสเซียยังคงเดินหน้าเสริมกองกำลังของตนเองตามแนวชายแดนของประเทศ

จอห์น เคอร์บี โฆษกเพนตากอน ระบุว่า ทหารเหล่านี้อาจได้รับคำสั่งให้เข้าประจำการเพื่อสนับสนุนกองกำลังตอบโต้ของนาโต้ (Nato Response Force) หากว่านาโต้เคลื่อนไหวเสริมกำลังพลในเหล่าประเทศสมาชิกยุโรปตะวันออกของนาโต้ สืบเนื่องจากภัยคุกคามจากรัสเซีย

"ชัดเจนว่าเวลานี้รัสเซียไม่มีเจตนาลดสถานการณ์ความตึงเครียด" เคอร์บีบอกกับพวกผู้สื่อข่าว ระหว่างแถลงข่าวสั่งการให้ทหารเตรียมพร้อมขั้นสูงสุด

ทหารเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นกองกำลังภาคพื้นและหน่วยสนับสนุน ได้รับการแจ้งว่าให้เตรียมพร้อมสำหรับเคลื่อนพลภายใน 5 วันหากมีคำสั่งให้เข้าประจำการออกมา "สหรัฐฯ จะดำเนินการอย่างหนักแน่นในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ตอบโต้ความเคลื่อนไหวต่างๆ ของรัสเซียที่ทำร้ายเรา พันธมิตรของเราและคู่หูของเรา" เคอร์บี กล่าว

เคอร์บี บอกว่า หากมีการระดมพลกองกำลังตอบโต้ของนาโต้ ทหารสหรัฐฯ อาจถูกส่งเข้าประจำการเพื่อสนับสนุนความเข้มแข็งของกองกำลังชาติต่างๆ ในพันธมิตรนาโต้ตามแนวชายแดนของรัสเซีย "จำนวนมากของทหารเหล่านี้มีเจตนาเพื่อกองกำลังตอบโต้ของนาโต้"

ทั้งนี้ เคอร์บี้ ไม่ได้ระบุว่าสหรัฐฯ มีกำหนดการแน่นอนหรือไม่ว่าจะต้องเคลื่อนพลเมื่อใด และย้ำว่า การเตรียมการนี้มีจุดประสงค์ที่จะทำให้นาโต้มั่นใจว่า อเมริกาพร้อมที่จะเข้าช่วยหากต้องมีการใช้กำลังทหารเพื่อตอบโต้เหตุการณ์รุกรานยูเครนขึ้นมา

โฆษกเพนตากอน กล่าวว่า การเคลื่อนกำลังพลของสหรัฐฯ นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อกองกำลังพันธมิตรนาโต้ตัดสินใจสั่งให้มีการเดินทัพกองกำลังตอบโต้อย่างรวดเร็ว หรือ “หากมีการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์” ที่เกี่ยวข้องกับความตึงเครียดจากการสั่งสมกำลังทหารของรัสเซียที่ชายแดนติดกับยูเครน

ด้าน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เสริมว่าอาจมีการประจำการกองทหารอื่นๆ อีกบางส่วน โดยไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างเฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าทหารเหล่านี้จะไม่ถูกส่งเข้าประจำการในยูเครน ประเทศซึ่งกำลังหาทางเข้าเป็นสมาชิกของนาโต้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top