Monday, 19 May 2025
TheStatesTimes

“ปนป.11 กลุ่มเสือ” ผุด โครงการ “สัมผัสแทนสายตา สู่การพัฒนาอย่างเท่าเทียม" ยกระดับ “สื่อภาพนูน” สู่คุณภาพชีวิตผู้พิการทางการมองเห็น

คณะนักศึกษาหลักสูตรผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย ปนป.11 กลุ่มเสือ  ใน สถาบันพระปกเกล้า จัดทำโครงการ “สัมผัสแทนสายตา สู่การพัฒนาอย่างเท่าเทียม”  เพื่อร่วมกันให้ความช่วยเหลือ และแบ่งปันทรัพยากร นำมาซึ่งการจัดการอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาผู้สอนในการผลิตสื่อภาพนูน (Tactile Taxture) อันเป็นเครื่องมือในการสื่อสารและสื่อการสอน ที่จะช่วยให้ผู้เรียนซึ่งเป็นผู้พิการทางการเห็น สามารถมองเห็นภาพและเข้าใจเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับบทเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นในประเทศไทย ทำให้ผู้พิการทางการเห็นได้รับผลกระทบอย่างมากขาดโอกาสทางการประกอบอาชีพ และการรับการศึกษาในช่วงระยะเวลาที่ภาครัฐและเอกชนต้องกำหนดนโยบายการเว้นระยะห่างทางสังคม

ซึ่งโครงการนำร่องยกระดับศักยภาพผู้พิการทางการเห็นด้วยสื่อภาพนูน จัดในระหว่างวันที่ 21-23 มกราคมที่ผ่านมา ณ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ  ซึ่งได้รับเกียรติจาก นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมงาน ได้แก่ นายประสงค์ สุบรรณพงษ์ ผอ.โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ, นายต่อพงศ์ เสลานนท์ อดีตนายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย, นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ประธานมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์, นางกรกนก ศิริวงษ์ รอง ผอ.สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ กระทรวงศึกษาธิการ, ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รอง ผอ.สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล(DEPA), รศ.ดร.ธัญลักษณ์ วีระสมบัติ จากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นายศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผอ.สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า และ นายกิตติพงษ์ เอื้อพิพัฒนากูล ที่ปรึกษามูลนิธิพัฒนาศักยภาพคนพิการ  

ทั้งนี้โครงการ “สัมผัสแทนสายตา สู่การพัฒนาอย่างเท่าเทียม” คณะนักศึกษาหลักสูตรผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย รุ่นที่ 11 กลุ่มเสือ นำโดย ผศ.ทพญ.วรณัน ประพันธ์ศิลป์, ร.ต.อ.ณัฏฐพงษ์ อินทร์ศร และคณะนักศึกษา ตั้งเป้าประสงค์จะใช้ประสบการณ์ที่ได้รับจากการศึกษาในหลักสูตรของสถาบันพระปกเกล้ามาปรับประยุกต์และประสานความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสื่อการเรียนการสอน อันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการศึกษาและเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต อันเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย

สำหรับโครงการนำร่องยกระดับศักยภาพผู้พิการทางการเห็นด้วยสื่อภาพนูน ได้มีการคัดเลือกโรงเรียนเป้าหมายจำนวน 10 โรงเรียน โรงเรียนละ 2 ท่าน เพื่อได้รับความรู้และนำไปพัฒนาต่อยอดในการปฎิบัติหน้าที่ ณ หน่วยงานเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้พิการทางสายตาในช่วงวัยต่างๆ โดยมีบุคลากรครูเข้าร่วมรับการอบรมทั้งหมดจำนวน 12 แห่ง ดังนี้

1. โรงเรียนการศึกษาคนตาบอด ขอนแก่น
2. โรงเรียนการศึกษาคนตาบอด นครราชสีมา
3. โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดร้อยเอ็ด
4. โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดร้อยเอ็ด
5. โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อนลพบุรี
6. โรงเรียนการศึกษาเด็กตาบอดพิการซ้ำซ้อนชะอำ
7. โรงเรียนธรรทิกวิทยา
8. โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา
9. โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ
10. โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ
11. โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
12. โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือในพระบรมราชินูปถัมภ์ จังหวัดเชียงใหม่

‘ตำรวจ - พาณิชย์ - ปศุสัตว์’ เดินหน้ากวาดล้างนายทุน! กักตุนเนื้อหมูทั่วประเทศ กว่า 971 แห่ง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ตน รับผิดชอบ กำกับ ดูแล บังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กักตุนซากสุกรเพื่อเก็งกำไร จนทำให้ราคาเนื้อสุกรแพงขึ้น เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างกับประชาชน

ทั้งนี้ ได้มีหนังสือสั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินการ ดังนี้

1. ร่วมกับเจ้าหน้าที่พาณิชย์ ปศุสัตว์ หรือเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมกันออกตรวจสอบสถานที่เก็บสินค้าแช่แข็งหรือห้องเย็นที่ได้รับข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ ให้ครบถ้วน และสืบสวนหาข่าวเชิงลึกข้อมูลสถานที่เก็บสินค้าแช่แข็งหรือห้องเย็นที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนในพื้นที่รับผิดชอบ และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจสอบ หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

2. เชิญเจ้าของ/ผู้ให้เช่า หรือผู้ดูแลสถานที่เก็บสินค้าแช่แข็งหรือห้องเย็น มาให้ข้อมูล เพื่อทราบว่า ตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนที่ราคาจำหน่ายซากสุกรในพื้นที่จะปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นถึงปัจจุบัน มีผู้ใดหรือบริษัทใด ฝาก/เช่าสถานที่เก็บซากสุกร แต่ละรายที่นำฝากมีสถิตินำเข้า-ออก เพิ่ม ลด ผิดปกติหรือไม่ อย่างไร

 3. เชิญบุคคล หรือบริษัทที่นำซากสุกรมาฝากในสถานที่เก็บสินค้าแช่แข็งหรือห้องเย็น มาให้ข้อมูล เพื่อทราบจำนวนซากสุกรที่นำมาฝาก และตรวจสอบการเงินว่ามีความผิดปกติหรือไม่

 4. หน่วยที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดน ร่วมกับศุลกากร ด่านกักกันสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สกัดกั้นและป้องกันการลักลอบนำซากสุกรเข้าในประเทศ

 5. กำชับการตั้งด่านตรวจหรือจุดตรวจ หากพบมีการเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 หรือหากตรวจสอบพบว่า มีการกระทำความผิดอื่นๆ ที่เป็นการฝ่าฝืน กฎหมาย ประกาศ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ กล่าวอีกว่า กรณีห้องเย็น “ในจังหวัดปริมณฑล” ที่ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ม.ค.65 ที่ผ่านมานั้น พบว่ามีจำนวน 9 บริษัท ที่อาจเข้าข่ายมีความผิด เนื่องจากไม่มีเอกสารแจ้งการเคลื่อนย้ายซากสุกร และไม่มีการแจ้งปริมาณซากสุกรในความครอบครอง เกิน 5,000 กก. อาศัยอำนาจเจ้าพนักงานปศุสัตว์ อายัดซากสุกร รวมกว่า 895,739.54 กก. ไว้เป็นเวลา 15 วัน หากไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงได้ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้ง พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ฯ ต่อไป

สำหรับการตรวจสอบสถานที่เก็บสินค้าแช่แข็งหรือห้องเย็น ตลาดสด ศูนย์การค้า และสถานที่อื่นๆ ที่ใช้เก็บซากสัตว์ ในภาพรวมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. จนถึงขณะนี้ “มีการเข้าตรวจสอบแล้ว จำนวน 971 แห่ง พบการกระทำความผิด 9 แห่ง”

นอกจากนี้ ที่จังหวัดมุกดาหาร เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์มุกดาหาร ศุลการกรจังหวัดฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร สามารถจับกุมผู้ต้องหาขับขี่รถเทรลเลอร์ลากพ่วง บรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์ เดินทางมาจากต่างประเทศ ผ่านทางสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ภายในพบเนื้อหมูส่วนใหญ่เป็นหมูสามชั้น บรรจุใส่ถุงแช่แข็งกว่า 21,000 กก. วางทับซ้อนกันจำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท โดยไม่มีใบอนุญาตขนย้าย

 

ครม.เคาะ 2 ล้านสิทธิ ‘เราเทียวด้วยกัน’ เฟส 4 เริ่ม ก.พ.นี้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 4 กรอบวงเงิน 9,000 ล้านบาท โดยใช้จ่ายเงินกู้ตาม พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินโครงการเป็นตั้งแต่เดือน ก.พ. – ก.ค. 2565 ซึ่งรัฐจะสนับสนุนค่าโรงแรมที่พัก คนละไม่เกิน 10 ห้อง ในอัตรา 40% ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน จำนวน 2 ล้านสิทธิ และปรับลดสิทธิสำหรับตั๋วเครื่องบินลงเหลือ 6 แสนสิทธิ เนื่องจากการดำเนินโครงการในระยะที่ผ่านมาในส่วนของตั๋วเครื่องบิน ปรากฏว่าผู้ร่วมโครงการไม่ได้มีการใช้สิทธิเต็มสิทธิที่ให้อยู่แล้ว 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า มาตรการที่ได้รับอนุมัติครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวให้ประชาชนมีเกิดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 และมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาล โดย ครม. ยังมอบหมายให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พิจารณากำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการกำกับและติดตาม การดำเนินโครงการ เพื่อป้องกันการแสวงหา ประโยชน์จากการดำเนินโครงการโดยมิชอบ ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินโครงการ เป็นไปอย่างรอบคอบ โปร่งใส และสามารถ ตรวจสอบได้ต่อไป

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ ขอแสดงความเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะดำเนินการตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีละเว้น!!

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ ขอแสดงความเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะดำเนินการตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีละเว้น!!

24 ม.ค.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากเหตุการณ์ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจขับขี่รถจักรยานยนต์ชนแพทย์หญิงท่านหนึ่ง ขณะเดินข้ามถนนจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของผู้ขับขี่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทันที หลังจากได้รับการปฐมพยาบาลเสร็จ โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลซึ่งเป็นต้นสังกัดของตำรวจนายนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีทุกข้อกล่าวหาโดยไม่มีการละเว้นและให้ความเป็นธรรมกับผู้สูญเสียอย่างดีที่สุด

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในการสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์ และจะให้ความเป็นธรรมอย่างดีที่สุด พนักงานสอบสวน ที่รับผิดชอบคดีนี้ได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างรวดเร็วและครบถ้วนแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนคดีส่งพนักงานอัยการต่อไป

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญกับกรณีดังกล่าว ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีละเว้น ส่วนการดำเนินการทางวินัยนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาลก็จะดำเนินการควบคู่กันไป เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด

“แรมโบ้” อัด “ณัฐวุฒิ” ควรหุบปาก ประชาชนไม่เชื่อถือแกนนำม็อบสั่ง"เผาบ้านเผาเมือง"ทำประชาชนเดือดร้อน ยันนายกฯประยุทธ์ ไม่มีท้อถอย ยังทุ่มเทตั้งใจทำงานเต็มร้อย ทำมากกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ และไม่คิดทุจริตคดโกงเหมือนรัฐบาลยุคนายณัฐวุฒิเป็นรัฐมนตรี 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์เฟซบุ๊กนายกฯอยู่ในภาวะหมดสภาพ เปิดเพลงอย่ายอมแพ้ หมายถึงแพ้แล้ว 3ป. แตกหัก อยู่มา 8 ปี แก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ โดยยืนยันว่านายกฯ ไม่ได้หมดสภาพ และยังมีใจเต็มร้อยในการทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนโดยเฉพาะขณะนี้ประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 

ส่วนเรื่องทางการเมืองนายกฯย้ำหลายครั้งแล้วว่าเป็นเรื่องของพรรคการเมืองนายกไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์กับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรณ นายกฯย้ำเสมอว่ายังเคารพรักพูดคุยกันดีอยู่ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน

นายเสกสกล ย้ำว่าตลอดระยะเวลาการบริหารงานนายกฯได้แก้ปัญหาและพัฒนาประเทศมากกว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีนายณัฐวุฒิเป็นรัฐมนตรี ที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อประชาชนเลย เท่าที่เห็นก็มีแต่ทำเพื่อตัวเอง ครอบครัว และพวกพ้องเท่านั้น

“ขอย้ำอีกครั้งนายกฯ ไม่ได้ทำผิดอะไรและจะต้องทำงานช่วยเหลือประชาชนจนครบเทอม จะไม่ทอดทิ้งประชาชนอย่างแน่นอน

และขอแนะนำว่านายณัฐวุฒิไม่ควรออกมาพูดอะไรทั้งนั้น เพราะไม่มีประชาชนคนใดเชื่อถือคนที่ชอบออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับม็อบ ทำความเดือดร้อนให้กับประชาชน อีกทั้งไม่เคยทำอะไรเพื่อประชาชน และประเทศชาติบ้านเมืองเลย ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีจนมาถึงวันนี้ ทางที่ดีควรหุบปากเพื่อเอาใจนายใหญ่ได้แล้ว

"นายใหญ่ทางไกลตอบแทนให้รางวัลเป็นรัฐมนตรีช่วยสองกระทรวงฯทั้งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแกนนำนปช.สั่งเผาบ้านเผาเมือง  แต่พอเป็นรัฐมนตรีฯ ช่วยบอกหน่อยว่าได้มีผลงานอะไรทำเพื่อประชาชนบ้าง เป็นรมช.พาณิชย์นั่งตอบนักข่าวเรื่องทุจริตโกงข้าวชาวนา ตอบไม่ได้สักเรื่อง เหมือนคนเป็นใบ้ ไปไม่เป็น คนเขาเห็นกันทั้งแผ่นดิน ยังจะมีหน้ามากล่าวหาคนอื่น ช่วยตักน้ำใส่กระโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองบ้างว่า เคยทำความดีอะไรให้บ้านเมือง นอกเหนือจากที่ถูกประชาชนกล่าวประนามว่าเป็นแกนนำ
"เผาบ้านเผาเมือง"

ครม.เคาะ “ไก่-เนื้อไก่” เพิ่มเป็นสินค้าควบคุม เหตุ เป็นทางเลือกอาหารแพง ยัน รัฐบาลช่วยเหลือทั้งเกษตรกร-ปชช. เชื่ออนาคตราคาสินค้าเกษตรลดลง

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบกำหนดสินค้าควบคุมประจำปี 2565 จำนวน 5 รายการ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) แบ่งเป็น 4 สินค้า ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมอยู่แล้วในปี 2564 คือ 1.หน้ากากอนามัย 2.ใยสังเคราะห์ ผ้าสปันบอนด์ เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย 3. ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ 4.เศษกระดาษและกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก ส่วนที่เพิ่มเติมคือ ไก่ และเนื้อไก่ เพราะปัจจุบันเป็นเนื้ออาหารสัตว์ทางเลือก ช่วงที่เนื้อหมู มีราคาแพง เพราะฉะนั้น ทาง กกร.จึงเสนอให้ครม.พิจารณาไก่และเนื้อไก่เป็นสินค้าควบคุมเพิ่มอีกหนึ่งชนิด เท่ากับว่าปี 2565 มีสินค้าควบคุม 5 รายการ เพิ่มเติมจากที่อยู่ในรายการก่อนหน้านี้ 51 รายการ อาทิ แชมพู ผงซักฟอก ไข่ไก่ สุกร เนื้อสุกร อาหารกึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า การที่ไก่และเนื้อไก่ เป็นสินค้าควบคุมเท่ากับว่าผู้ทำฟาร์มไก่และผู้ประกอบการ ต้องมีหน้าที่รายงานปริมาณการเลี้ยงและต้นทุนราคา โดยกกร.กำหนดให้ผู้เลี้ยงไก่ที่มีปริมาณการเลี้ยงตั้งแต่ 1 แสนตัวขึ้นไปและโรงชำแหละไก่ ที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 4 พันตัวต่อวัน ต้องแจ้งปริมาณการสต็อกและต้นทุนราคาการเลี้ยงสัตว์ให้คณะกรรมการทราบทุกเดือน เพื่อป้องกันการโก่งราคาและการกักตุนสินค้า 

"ส่วนกระแสที่ระบุว่ารัฐบาลนี้ปล่อยให้ราคาสินค้าแพงโดยไม่มีการดำเนินการใด คิดว่าหากสื่อและประชาชน ติดตามข่าวสารจะรับทราบข้อมูลและให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาล และเห็นได้ว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการรักษาระดับราคา แต่ขอทำความเข้าใจว่าสินค้าที่มีระดับราคาสูงขึ้นในด้านหนึ่งเป็นสินค้าเกษตร เพราะฉะนั้น พี่น้องชาวเกษตรก็มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการที่ระดับสินค้าเพิ่มสูงขึ้น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง รวมถึงพืชผลการเกษตรอีกหลายชนิด  บางชนิดขยับขึ้นแต่ ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค เพราะฉะนั้น การดำเนินการของรัฐบาลจึงต้องเป็นการสร้างสมดุลระหว่างให้เกษตรกรมีรายได้ ขณะเดียวกันรายได้ที่เพิ่ม ต้องไม่กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และรัฐบาลได้บูรณาการการทำงานและออกมาตรการช่วยเหลือหลายอย่าง" 

ครม.เห็นชอบ ร่างกฎกระทรวง 2 ฉบับ ไม่เก็บค่าปรับ-ต่ออายุเครื่องหมายการค้า-จ่ายค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรเกินกำหนด

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.อนุมัติร่างกฎกระทรวงพาณิชย์ รวม 2 ฉบับ คือ เพื่อเป็นการลดภาระและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเจ้าของเครื่องหมายการค้าและผู้ถือสิทธิบัตรที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ร่างกฎกระทรวง ฉบับแรก คือ ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมเพิ่มตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องหมายการค้า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ เป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมเพิ่ม(ค่าปรับ) ร้อยละ 20 ของค่าธรรมเนียมการต่ออายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง และเครื่องหมายร่วม ซึ่งเจ้าของเครื่องหมายจะต้องชำระเพิ่มในกรณีที่ไม่ได้ต่ออายุการจดทะเบียนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ฉบับที่ 2 คือ ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมเพิ่มตามกฎหมายว่าด้วยสิทธิบัตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมเพิ่ม (ค่าปรับ) ร้อยละ 30 ของค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งเรียกเก็บจากผู้ถือสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรที่ไม่ได้ชำระค่าธรรมเนียมรายปีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด 

ครม. อนุมัติ งบกลาง 1,084 ล้านบาท แก้ไขปัญหาโควิด จ้างบุคลากรทางการแพทย์ เพิ่ม 2,402 อัตรา 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)  ว่า ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จำนวน 1,084 ล้านบาท  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจจำนวน 2,402 อัตรา สำหรับโครงการจ้างแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ และสายงานบริการทางการแพทย์อื่น เป็นการจัดหาบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติมให้เพียงพอ สำหรับรองรับการระบาดของโรคโควิด-19  และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์

พิจิตร - เราจะไม่ทิ้งกัน ‘ส.ส.ภูดิท’ ลงพื้นที่ชุมชนบ้านหนองระมาน พร้อมนำถุงปันน้ำใจมอบให้ผู้สูงอายุ - รายได้น้อย –ป่วยติดเตียง และผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ด้วยความห่วงใย

ส.ส.ภูดิท อินสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพิจิตร เขต 2 และทีมงาน ได้ลงพื้นที่เพื่อพบปะและเยี่ยมเยือนประชาชนในพื้นที่ชุมชนบ้านหนองระมาน ม.3 บ้านเขาดิน ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ พร้อมรับฟังปัญหาเพื่อหาแนวทางแก้ไข และได้นำถุงปันน้ำใจไปมอบให้ผู้สูงอายุ  ผู้มีรายได้น้อยและไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงและผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้พร้อมมอบถุงปันน้ำใจด้วยความห่วงใย ท่ามกลางรอยยิ้มและความสุขที่ชาวบ้านต่างดีใจที่ส.ส.ภูดิท เข้ามาเยี่ยม

สำหรับชุมชนหนองระมานนี้อยู่ติดกับเหมืองทองอัครา ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างทั่วไปและเป็นคนงานในเหมือง พอเหมืองปิดก็ลำบากไปตาม ๆ กัน

 

ขอนแก่น - จัดโครงการ 3 ม. “มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม”

สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น สถาบันอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น สภาอุสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น และบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม)ขับเคลื่อนการพัฒนา สู่การเป็น Smart and Mice City

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 21  มกราคม 2565 ที่ โรงแรมคอนวีเนี่ยน จังหวัดขอนแก่น นายจารึก  เหล่าประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น  เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อความข้อตกลงความร่วมมือ โครงการ ๓ ม.(มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม)ระหว่างสำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น สถาบันอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น สภาอุสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นและบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น)โดยมี ผู้ร่วมลงนามดังนี้นายพงษ์ศักดิ์  ปรีชาวิทย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ,ดร.สิทธิพล พหลทัพ ผู้แทนผอ.สพม.ขอนแก่น,นายประภาส พรหมคำบุตร จัดหางานจังหวัดขอนแก่น,ดร.ประเสริฐ กลิ่นชู นายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราซูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯสยามบรมราชกุมารี ,ผศ.ดร.เกรียงกร ปัญญาประเสริฐกุล ประธานอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น อุปนายกฝ่ายวิจัยและพัฒนา สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี,นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น,นายปาณชัย สุวรรณวานิช รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น นายเดโช ปลื้มใจ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น),ตัวแทนบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ,นายวิเชียร  เนียมนิยมบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  นางสาวอรทัย พิพัตนผาติการย์รองผู้อำนวยการ Operation-HRบริษัท ชี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด,นางอาภรณ์ แว่วสอน ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสรรถภาพคนงานภาค 4,นางณัฐนรี แก้ววังปา นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดขอนแก่น ,นายเดโช ปลื้มใจ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสบริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น),ตัวแทนบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ,นายวิเชียร เนียมนิยมบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  นางสาวอรทัย พิพัตนผาติการย์รองผู้อำนวยการ Operation-HRบริษัท ชี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด,นางอาภรณ์ แว่วสอน ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสรรถภาพคนงานภาค 4,นางณัฐนรี แก้ววังปา นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดขอนแก่น ,นายขวัญชัย นารถบุญ แรงงานจังหวัดขอนแก่น สำนักงานแรงงานจังหวัดขอนแก่น,นายธีร์ ศรีอาษา ประกันสังคมจังหวัดขอนแก่น สำนักงานประกันสังคม จังหวัดขอนแก่น,นายธวัช วงศ์ริน นักวิชาการพัฒนาฝีมือแรงงานชำนาญการพิเศษ,นางอรวรรณ หินตะหัวหน้าศูนย์บริหารข้อมูลตลาดแรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, นางสาวอรทัย พิพัตนผาติการย์ ศูนย์บริหารข้อมูลตลาดแรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือและผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวเอกชนในจังหวัดขอนแก่น 18 แห่ง ร่วมลงนาม

นายจารึก เหล่าประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การดำเนินการโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือประกาศณียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดแรงงาน ได้มีงานทำและได้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นระหว่างทำงาน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันในรูปแบบพลังประชารัฐ โดยประสานความร่วมมือระหว่าง สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น สถานประกอบการ และสถาบันการศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน จังหวัดขอนแก่น ในการสร้างโอกาสให้แก่ประชาชนในด้านการมีงานทำ ได้รับค่าตอบแทน และสวัสดิการตามที่กฎหมายกำหนด เปิดโอกาสในการพัฒนาตนเอง เพื่อให้มีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น

นายจารึก กล่าวอีกว่าในระดับที่ตลาดแรงงานมีความต้องการ ถือเป็นการเพิ่มผลิตภาพแรงงานและช่วยยกระดับคุณภาพ ชีวิตของประชาชน รวมทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และได้กำลังแรงงานที่ตรงกับการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) ที่มีขึ้นในวันนี้ ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้ร่วมมือกันในการดำเนินการและขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ผมขอขอบคุณ สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม บริษัท ซีพีแรม จำกัด(ขอนแก่น) วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัดขอนแก่น และสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมการมีงานทำและเพิ่มทักษะความรู้ในด้านการพัฒนาแรงงาน เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของกำลังแรงงานของจังหวัดขอนแก่น และระบบเศรษฐกิจไทยต่อไป

ด้าน  นายพงษ์ศักดิ์  ปรีชาวิทย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงที่มาของโครงการ 3 ม. จากจังหวัดบึงกาฬ ถึง จังหวัดขอนแก่น เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้ดำเนินการ ในเรื่องนี้ โดยวันที่ 31 มีนาคม 2561 น.ส.กตพร สองเมืองสุข จัดหางานจังหวัดบึงกาฬ มอบหมายเจ้าหน้าที่ เดินทางไปส่งนักเรียน นักศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการ ๓ ม.(มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) จำนวน 22 คน โดยทำงานกับ บริษัท แซมโบ ชินโด (ประเทศไทย) จํากัด จำนวน 13 คน บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 6 คน บริษัท เคเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล( ประเทศไทย) จำกัด จำนวน  3 คน เพื่อขึ้นรถของวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) ณ สถานีบริการน้ำมัน ตำบลชุมแพ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top