Monday, 19 May 2025
TheStatesTimes

กาฬสินธุ์ - ชลประทานกาฬสินธุ์ ยันปริมาณน้ำขนาดกลาง 17 แห่ง เพียงพอฤดูแล้ง

ผู้อำนวยการโครงการชลประทานกาฬสินธุ์เผยภาวะฝนทิ้งช่วงยังไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำชลประทาน อ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 17 แห่ง โดยภาพรวมมีปริมาณน้ำ 60%  ยืนยันเพียงพอใช้พ้นฤดูแล้ง พร้อมขอความร่วมมือประชาชนไม่ปล่อยน้ำทิ้ง ร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดและคุ้มค่ามากที่สุด

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของประชาชนในช่วงฤดูแล้ง ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน พบว่า มีการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งเพื่อการยังชีพและจำหน่าย เช่น ข้าวนาปรัง ข้าวโพด ถั่วลิสง ถั่วฝักยาว พืชตระกูลแตงอื่นๆ ขณะที่ปริมาณน้ำตามอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ซึ่งอยู่ในการดูแลของโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ทั้ง 17 แห่ง พบว่ายังมีเหลือเพียงพอต่อการอุปโภค บริโภคให้กับประชาชน โดยภาพรวมเฉลี่ยมีปริมาณถึง 60%

นายเกริงกรุง สุภัควนิช ผู้อำนวยการโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ปริมาณน้ำอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้ง 17 แห่ง ปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ที่เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภคในฤดูแล้งนี้ ทั้งนี้ในส่วนของพื้นที่ใช้น้ำของโครงการชลประทานกาฬสินธุ์ มีพื้นที่ทำการเกษตร โดยเฉพาะปลูกข้าวนาปรังประมาณ 1 หมื่นกว่าไร่ ในภาพรวมมีการบริหารจัดการน้ำอย่างทั่วถึงและเพียงพอ เฉลี่ยมีปริมาณถึง 60%  โดยเพียงมีอ่างเก็บ 4 แห่งคือ อ่างเก็บน้ำหนองหมาจอก ต.ยางตลาด อ่างเก็บน้ำหนองหญ้าม้า ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด, อ่างเก็บน้ำวังลิ้นฟ้า อ.ห้วยเม็ก และอ่างลำพะยังตอนบน อ.เขาวงเท่านั้น ที่มีปริมาณต่ำว่า 30% แต่ยังก็เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค 

นายเกริงกรุง กล่าวอีกว่า ในส่วนของการบริหารจัดการน้ำของโครงการชลประทานกาฬสินธุ์นั้น มีการวางแผนรับมือภัยแล้งให้มีประสิทธิภาพ โดยมีการจัดสรรเป็นน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ให้เพียงพอถึงต้นฤดูฝน เช่น มีการกักเก็บน้ำในช่วงเกิดภาวะน้ำท่วมตามแนวแม่น้ำชี อ.ฆ้องชัย เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้, มีการจัดการน้ำทั้งในส่วนของการเกษตรกรรม และโรงงานอุตสาหกรรมให้เพียงพอ, เตรียมเครื่องสูบน้ำ โดยประสานการทำงานร่วมกับสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อสูบน้ำระยะไกล ในกรณีเกิดภัยแล้ง, สร้างการรับรู้การใช้น้ำให้กับประชาชน พร้อมกับขอความร่วมมือประชาชนและเกษตรกรไม่ปล่อยน้ำทิ้ง ใช้น้ำอย่างประหยัด และคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งจะไม่ทำให้ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ

 

ผลวิจัย “บุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงเซ็กส์เสื่อม” ไม่ถูกต้อง เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าโวย ให้ข้อมูลผิด อันตรายยิ่งกว่า

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ECST เผยแพทย์ออสซี่ โต้ข้อสรุปว่าใช้บุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงเซ็กส์เสื่อมไม่ถูกต้อง ชี้การวิจัยไม่ได้แบ่งกลุ่มผู้ทำการศึกษาว่าเป็นผู้สูบบุหรี่มาก่อนหรือไม่ วอนกลุ่มต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าเลิกให้ข้อมูลที่ผิดๆ กับสังคมหรืออ้างงานวิจัยแค่ฉบับเดียวมาทำข่าว เพราะจะทำให้คนใช้บุหรี่ไฟฟ้าหันกลับไปสูบบุหรี่อีก ซึ่งอันตรายกว่าเดิม แนะนโยบายบุหรี่ไฟฟ้าไทยควรขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่ถูกต้องดีกว่าการสร้างความหวาดกลัว

นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “ลาขาดควันยาสูบ” หรือ ECST และแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน กล่าวว่า “ผลวิจัยที่สรุปว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศไม่ถูกต้อง ซึ่ง ดร.คอลิน เมนเดลซอห์น แพทย์ชาวออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้ป่วยติดบุหรี่ ชี้แจงว่าความจริงแล้วอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่ เนื่องจากผู้ที่เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยสูบบุหรี่มาก่อน แต่งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้มีการแยกกลุ่มตัวอย่างเป็นคนที่สูบบุหรี่อย่างเดียว คนที่เลิกสูบบุหรี่แล้วเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า และคนที่ใช้แต่บุหรี่ไฟฟ้า ทำให้การสรุปผลมีความคลาดเคลื่อนได้”

ดร. เมนเดลซอห์น ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างแผนควบคุมบุหรี่แห่งชาติของออสเตรเลีย ยังเสริมว่าการศึกษานี้สอบถามผู้ชายจำนวน 13,700 คนซึ่งมีเพียง 4.8% เท่านั้นที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า แต่การศึกษานี้มีข้อที่กังขาหลายประการ อันดับแรก รูปแบบการศึกษาที่เป็น cross sectional study ที่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่าง ไม่ได้เป็นการทำการทดลองเพื่อหาความสัมพันธ์กัน อีกทั้งไม่มีการเปรียบเทียบอัตราการเกิดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED) ในกลุ่มผู้ใข้บุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่เคยสูบบุหรี่ กับผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่เคยสูบบุหรี่มาก่อน เพื่อดูว่าแนวโน้มการเกิดอาการ ED ที่มากขึ้น นั้นที่แท้แล้วมาจากการสูบบุหรี่หรือเปล่า และอีกประการคือการศึกษายังพบว่าอัตราการเกิด ED ในผู้ชายที่สูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่มีสัดส่วนที่พอกัน ซึ่งน่าแปลกใจ เพราะเป็นทราบกันดีอยู่แล้วว่าการสูบบุหรี่ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

‘อัษฎางค์’ แนะ!! ดัน ‘กม.-จริยธรรมสังคมไทย’ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่จับต้องได้เสียที

นักวิชาการอิสระ ยกออสเตรเลียเข้มงวดกฎหมายและจริยธรรมทางสังคม ช่วยให้อุบัติเหตุทางถนนน้อย แนะไทยถึงเวลาต้องปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายและจริยธรรมทางสังคมตั้งแต่บัดนี้

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ทางม้าลายและรถพยาบาลฉุกเฉิน” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของออสเตรเลีย ระบุว่า เมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ธรรมชาติและพิสูจน์หาความจริงไม่ได้ แต่คนไทยให้ความเคารพเชื่อถือและไม่กล้าแตะต้องหรือกระทำผิดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ในขณะที่ออสเตรเลียและประเทศตะวันตกหรือประเทศชั้นนำของโลกมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่จับต้องได้ นั้นคือ กฎหมายและจริยธรรมทางสังคม

กฎหมายคือข้อบังคับ และจริยธรรมทางสังคมคือข้อควรปฏิบัติ เป็น 2 สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวตะวันตกและประเทศที่พัฒนาแล้ว ทางม้าลายและรถพยาบาลฉุกเฉิน คือตัวอย่างของสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเพราะเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในเรื่องของกฎหมายและจริยธรรมทางสังคมในประเทศที่พัฒนาแล้ว

“ผมอยู่ออสเตรเลียมา 20 ปี ภาพที่เห็นแล้วประหลาดใจและประทับใจนับตั้งแต่วันแรกๆ ที่มาอยู่จนถึงปัจจุบัน คือรถ ทุกคนพร้อมใจกันหยุดรถทันทีเมื่อมีคนย่างเท้าลงบนทางม้าลาย และรถทุกคันพร้อมใจกันชิดซ้ายทันทีที่ได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลฉุกเฉิน ในออสเตรเลีย อาจแทบจะพูดได้ว่า คุณสามารถเดินหลับตาหรือก้มหน้าดูมือถือในขณะที่เดินข้ามถนนบนทางม้าลายได้เลย เพราะรถที่วิ่งมาจะหยุดแบบทันทีทันใดเมื่อมีคนก้าวเท้าลงบนทางม้าลาย ผมไม่ได้บอกว่า ไม่เคยมีข่าวรถชนคนบนทางม้าลาย หรือข่าวรถชนกับรถพยาบาลฉุกเฉินเลย แต่ตลอด 20 ปีผมได้ยินข่าวนั้นเพียง 1 หรือ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งนั้นคืออุบัติเหตุจริงๆ ที่ไม่ได้เกิดจากการขับรถเร็ว เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ”

ในออสเตรเลีย ถ้าเป็นถนนเล็กหรือเป็นถนนที่การจราจรไม่คับคั่ง จะมีทางม้าลายให้คนใช้ข้ามถนน ซึ่งประชาชนทุกคน ถูกปลูกฝังให้จอดรถทันทีเมื่อมีคนย่างเท้าลงบนทางม้าลาย ถ้าเป็นถนนใหญ่หรือถนนที่มีการจราจรหนาแน่นมากๆ จะมีไฟสัญญาณเขียว-แดงสำหรับบังคับรถให้จอดเวลามีคนข้ามถนน รถที่วิ่งในเมืองจะใช้ความเร็วได้เพียง 50 กม./ชม. ส่วนในเขตที่เป็นชุมชนหนาแน่น เช่น กลางใจเมืองหรือหน้าโรงเรียนในเวลานักเรียนมาโรงเรียนหรือเลิกเรียน จะวิ่งรถได้เพียง 40 กม./ชม. เท่านั้น ซึ่งเรื่องความเร็วรถนี้คือ ปัจจัยสำคัญสำหรับการป้องกันอุบัติเหตุรถในซิดนีย์วิ่งได้เพียง 40-50 กม./ชม. แต่รถกลับไม่ติดวินาศสันตะโรเหมือนในกรุงเทพ และไม่เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงอย่างสม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา เพราะอะไร

ปทุมธานี - จัดกิจกรรมจิตอาสา ทำความสะอาดและพัฒนาสถานที่สาธารณประโยชน์ เนื่องในวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมนตรี ลังกาพินธุ์ นายอำเภอสามโคก ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานีมอบหมายให้นางวัชรียา เสนาวรานนท์ ปลัดอำเภอสามโคกเป็นประธานเปิดกิจกรรมจิตอาสา ทำความสะอาดและพัฒนาสถานที่สาธารณะประโยชน์ เนื่องในวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมีนายชัยวัฒน์ หมู่เย็น นายกเทศมนตรีตำบลบางเตย / นายศักดา ชนนิยม กำนันตำบลบางเตย สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบางเตย ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบลสารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบางเตยพนักงานราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สมาชิก อส.และประชาชนจิตอาสาตำบลบางเตย เข้าร่วมทำความสะอาดและพัฒนาสถานที่สาธารณประโยชน์ ด้านนายชัยวัฒน์ หมู่เย็น นายกเทศมนตรีตำบลบางเตย

ได้กล่าวเสริมว่า วันนี้ได้ร่วมกับทางอำเภอสามโคก ฝ่ายปกครองตำบลบางเตย ทำความสะอาดพัฒนาสถานที่สาธารณะประโยชน์ ที่ว่าการอำเภอสามโคก(หลังเก่า) เนื่องในวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้นำเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบางเตย พนักงานราชการ ได้รวมด้วยช่วยกันทำความสะอาด โดยได้นำรถดับเพลิงบรรจุน้ำเต็มถังฉีดล้างพื้นทำความสะอาด ที่ว่าการอำเภอหลังเก่า ทำความสะอาดรูปปั้นสุนทรภู่ ปัด กวาด เก็บเศษกระดาษ เศษพลาสติก เศษหญ้า บริเวณรอบที่ว่าการอำเภอหลังเก่า

เปิดเอกสารลับสหรัฐฯ กรณี ‘บลูไดมอนด์’ แค่เรื่องลวงรายปีจากก๊วนล้มสถาบันฯ

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการพบหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ตอกย้ำข้อเท็จจริงว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไม่ได้เกี่ยวข้อง และมิได้ทรงครอบครอง ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียตามที่กล่าวหากัน โดยเฟซบุ๊กเพจ ‘ฤๅ - Lue History’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

แทบทุกปีจะมีข่าวลือเดิมๆ กุขึ้นว่า เพชรที่สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงสวมใส่ คือ ‘เพชรสีน้ำเงิน’ หรือที่เรารู้จักในชื่อ ‘บลูไดมอนด์’ (Blue Diamond) ซึ่งเป็นสมบัติที่ถูกขโมยมาจากราชวงศ์ไฟซาลแห่งซาอุดีอาระเบีย กลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดความบาดหมางขึ้นระหว่างซาอุดีอาระเบียและประเทศไทย

แต่รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว มันเป็นแค่วงจรข่าวลือที่ยังคงหมุนเปลี่ยนวนเวียนกลับมาอยู่เรื่อยๆ จากพวก ‘กลุ่มต่อต้านราชวงศ์’ ที่คอยล้างสมองคนรุ่นใหม่ให้หลงเชื่อ เพื่อหวังผลเดิมๆ คือ ‘ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์’

ทั้งนี้ ข่าวลือที่ว่า สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงครอบครองเพชรซาอุฯ (บลูไดมอนด์) ปัจจุบันได้รับการ ‘พิสูจน์’ แล้วว่าเป็นเรื่องโกหกแทบทั้งสิ้น เช่น การนำภาพของสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ทรงสวมใส่เครื่องประดับอัญมณีสีน้ำเงินภาพหนึ่ง มาใส่คำบรรยายว่า คือ ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ของราชวงศ์ซาอุฯ ที่หายไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 แต่ต่อมาเมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดแล้ว พบว่า...

>> เครื่องประดับอัญมณีนั้นไม่ใช่เพชร แต่เป็น ‘ไพลิน’ ซึ่งได้รับการตกทอดมาในราชสำนักตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5

>> ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวได้ถ่ายไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2506 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนคดีเพชรซาอุฯ เกือบ 30 ปี

ดังนั้น ภาพดังกล่าว จึงเป็นการใส่ร้ายโจมตีสมเด็จพระพันปีหลวงด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ แถมยังถูกนำมาเผยแพร่ส่งต่อในโลกออนไลน์ทุกๆ ปี

แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ได้ปรากฏเอกสารลับ (โทรเลข) จากสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เรื่อง ‘คำสาปแห่งเพชรบลูไดมอนด์’ (THE CURSE OF THE BLUE DIAMOND) ที่ระบุชัดว่า ‘กลุ่มต่อต้านราชวงศ์’ อยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวลือว่า สมเด็จพระพันปีหลวงทรงครอบครอง ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย

“องอาจ” ยินดี ก้าวไกลเปิดตัว “วิโรจน์”ลงผู้ว่ากทม.เพิ่มทางเลือกให้คนกรุงเทพฯมากขึ้น ขณะที่”ดร.เอ้”ลงพื้นที่รับฟังความเห็นมาปรับใช้แก้ปัญหา-เปลี่ยนกรุงเทพฯ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลกทม.กล่าวถึงพรรคก้าวไกล เปิดตัวนายวิโรจน์ ลักษขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่พรรคก้าวไกลเป็นอีกพรรคการเมืองหนึ่งที่ประกาศเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ต่อจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ประกาศเปิดตัว นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือดร.เอ้ ไปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา  และการที่พรรคก้าวไกลเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. แสดงให้เห็นว่าเป็นพรรคการเมืองที่ให้ความสำคัญต่อการเมืองระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการเปิดตัวครั้งนี้ทำให้ประชาชนมีทางเลือกที่จะพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. มากขึ้น 

“ผมหวังว่าพรรคการเมืองต่างๆ จะเห็นความสำคัญของการเมืองระดับท้องถิ่นในกรุงเทพมหานครด้วยการพิจารณาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถมาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. เพื่อทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อกรุงเทพฯให้เป็นเมืองหลวงที่น่าอยู่ น่าอาศัยยิ่งขึ้น “นายองอาจ กล่าว

"นายกฯ” ห่วง เด็กติดโควิด-19 เพิ่ม เผย วัคซีนเด็กเริ่มฉีด 31 ม.ค.นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  ห่วงใยกรณีพบผู้ป่วยโควิด-19 ในเด็กเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กที่ได้รับเชื้อโควิด-19 จากคนในครอบครัว จึงขอให้ผู้ปกครอง พ่อ แม่ หลีกเลี่ยงพาเด็กไปในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก ไม่เพิ่มโอกาสในการรับเชื้อ และให้ผู้ปกครองที่ต้องอยู่ใกล้ชิดเด็ก เข้ารับวัคซีนให้ครบโดส เพื่อลดโอกาสที่จะนำเชื้อมาสู่เด็กเล็ก

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ แนะนำว่าการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ให้เด็ก ควรทำควบคู่กับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง  โดยวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ที่จะเข้ามาถึงประเทศไทยวันที่  26 ม.ค.นี้  จำนวน 3 ล้านโดส จาก 10 ล้านโดส จะเริ่มให้บริการฉีดที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก)เป็นแห่งแรก ให้กับเด็กที่มีโรคประจำตัว เพราะเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยง ก่อนจะกระจายไปยังรพ.ต่างๆ และประสานกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับเด็กโดยกระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าจะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็ก ในวันที่ 31 ม.ค.นี้  จึงขอความร่วมมือผู้ปกครองให้พาบุตรหลานมารับการฉีดวัคซีนด้วยความสมัครใจ เพื่อความปลอดภัย ที่สำคัญ คือ วัคซีนใจ ด้วยการอธิบายให้เด็กมีความเข้าใจอาการของโรค การเจ็บป่วยโควิด -19  สามารถรักษาได้ รวมทั้งลดอคติกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 หรือหายแล้ว

เผย “บิ๊กตู่” ฉีดไฟเซอร์กระตุ้นเข็ม 4 พร้อม PCR ก่อนเยือนซาอุฯ พรุ่งนี้  มั่นใจไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงหลัง'ชัยวุฒิ'ติดโควิด ขากลับพร้อมปฏิบัติตามระเบียบ ศบค.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นเข็มกระตุ้นเข็มที่ 4  เมื่อวันศุกร์ ที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา จากบริษัทไฟเซอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่านายกรัฐมนตรีได้รับวัคซีน 4 เข็มตามมาตรฐานสาธารณสุข ก่อนที่จะเดินทางเยือนประเทศซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.) โดยคณะจะขึ้นเครื่องที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองกองบิน 6 ดอนเมือง ในเวลา 07.00 น. และเดินทางกลับถึงประเทศไทยในเวลา 08.45 น. ของวันรุ่งขึ้น(26 ม.ค.)

ทั้งนี้ แหล่งข่าวใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ระบุว่าหลังเดินทางกลับจากประเทศซาอุฯ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ ซึ่งรวมถึง น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ  และเจ้าหน้าที่สำนักโฆษกฯสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะปฏิบัติตามระเบียบของ ศบค.อย่างเคร่งครัดรวมถึงคณะที่เดินทางไปพร้อมกับนายกรัฐมนตรี  ทั้งนายดอน ปรมัตถ์สินัย รองนายกฯแบะ รมว.ต่างประเทศ  โฆษกและรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ครม. เคาะ คนละครึ่ง เฟส 4 ได้คนละ 1,200 บาท เริ่มใช้ 1 ก.พ. 65

ที่ประชุม ครม. อนุมัติโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จ่ายคนละ 1,200 บาท เริ่มใช้ 1 ก.พ.-30 เม.ย.

วันที่ 24 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) บนตึกไทยคู่ฟ้า

หนึ่งในวาระที่น่าจับตาคือ การรายงานการใช้เงินกู้ โดยคณะกรรมการกลั่นกรอง ที่มีเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธาน ลำดับ 3 ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2565 (คกง.)

‘องค์การอนามัยโลก’ ชี้!! การระบาดใกล้ถึงจุดสิ้นสุด หลัง Omicron ส่อแวว!! ทำระบาดใหญ่ยุโรปจบลง 

ฮันส์ คลูจ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรป กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron ในยุโรปกำลังเข้าสู่ระยะใหม่ ซึ่งอาจนำมาสู่จุดจบของการแพร่ระบาดในยุโรป 

“เป็นไปได้ว่ายุโรปกำลังก้าวเข้าสู่จุดสิ้นสุดของโรคระบาด”

คลูจ กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีโดยเสริมว่าโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนสามารถแพร่เชื้อให้กับชาวยุโรปถึง 60% ภายในเดือนมี.ค. 65

นอกจากนี้ เมื่อยุโรปผ่านการแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอนระลอกรุนแรงนี้ไปได้ ก็มีความเป็นไปได้ว่าโลกจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ไปอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ไม่ว่าจะด้วยวัคซีนหรือการติดเชื้อ และการแพร่ระบาดจะลดลงตามฤดูกาลด้วย

“เราคาดว่าจะมีช่วงเวลาที่เงียบสงบช่วงหนึ่ง ก่อนที่โควิด-19 จะกลับมาแพร่ระบาดอีกในช่วงปลายปีนี้ แต่อาจไม่ได้กลับมาในรูปแบบของโรคระบาดใหญ่ (Pandemic)” คลูจกล่าว

ขณะที่องค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคแอฟริกาได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในภูมิภาคลดลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกที่ 4 ซึ่งเชื้อโอมิครอนทำให้การแพร่ระบาดถึงจุดพีก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top