Thursday, 15 May 2025
Region

ชลบุรี - ผอ.โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่ ถึงทางตันจากพิษโควิด วอนผู้ใจบุญร่วมบริจาคเพื่อให้อยู่รอด

ผอ.โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยา ชี้หากสถานการณ์การบริจาคไม่ดีขึ้นคาด ตุลาคมนี้ ถึงทางตัน หลังโดนโควิด-19 เล่นงานมา 3 ระลอก โรงเรียนได้พยายามช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด วอนผู้ใจบุญร่วมบริจาคเงิน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนและของใช้จำเป็นในการดำรงค์ชีวิตประจำวัน

วันที่ 4 พ.ค.64 นายชิด สุขหนู  ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยา จังหวัดชลบุรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงสภาพคล่องของโรงเรียนตอนนี้ว่า ติดลบมานานแล้ว ตั้งแต่โควิด 19 ระลอกแรก จนถึงระลอก 3 ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าตั้งแต่ระลอกที่ 1 และระลอกที่ 2  ทางโรงเรียนได้ทำการแก้ไขปัญหาเรื่องของสภาพคล่องด้วยการปรับลดขนาดองค์กรลง การตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก รวมถึงหากิจกรรมระดมทุนที่พอจะสามารถทำได้ในช่วงที่ผ่านมาและลดรายจ่ายบางรายการลงที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค โควิด 2 ระลอกที่ผ่านมา พบว่าทุกคนต่างอ่อนล้าและอ่อนแรงในการต่อสู้กับโรคและต่อสู้กับการประคององค์กรให้อยู่รอด คณะครูได้พยายามร่วมกันระดมสมองในการที่จะหารายได้เข้าโรงเรียน เพื่อช่วยกันประคับประคองโรงเรียนให้อยู่รอด ด้วยการปลูกผักสวนครัวรับประทานเองเมื่อเหลือก็จะนำออกจำหน่ายหารายได้ให้กับโรงเรียน ที่ผ่านมายอมรับว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะมีผู้ใจบุญเดินทางมาบริจาคเงิน เพื่อสนับสนุนในการจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนและของใช้ที่จำเป็น เพราะทุกคนต่างก็แย่ไปพร้อม ๆ กัน แต่ก็ยังถือว่าในช่วงที่ผ่านมาพอจะมียอดบริจาค จากผู้มีจิตศรัทธาเข้ามาบ้าง  

แต่เมื่อมาถึงโควิด ระลอก 3 นี้พบว่าสาหัสมาก เนื่องจากจำนวนยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นจนน่าใจหาย ซึ่งทางโรงเรียนถือว่ายังโชคดีที่เด็กกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ได้กลับไปอยู่กับผู้ปกครอง เนื่องจากปิดเทอม ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายของทางโรงเรียนมีไม่มาก แต่ถ้าหลังเปิดเทอมแล้วตามที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศ ให้โรงเรียนทั่วประเทศเปิดเรียนพร้อมกันในวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เด็ก ๆ ก็จะกลับมาเรียนตามปรกติ ซึ่งในรอบนี้ทางโรงเรียนได้แจ้งไปยังผู้ปกครอง ในการนำเด็กเข้าเรียนว่าขอให้เด็กนักเรียนประถมศึกษากลับเข้ามาเรียนก่อน ในส่วนของระดับชั้นอนุบาล ขอความร่วมมือในการยังไม่ส่งเด็กนักเรียนเข้าเรียน     

          

โดยทางโรงเรียน ได้ให้เหตุผลเรื่องของการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงนี้ ซึ่งเกรงว่าเด็ก ๆ อาจจะไม่ปลอดภัย เพราะเด็กเล็กยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ดังนั้นในช่วงเปิดเทอมที่จะถึงนี้ ทางโรงเรียนจะต้องระดมทุน เพื่อรองรับนักเรียนที่จะกลับเข้าเรียน ซึ่งในส่วนของการเก็บค่าเทอมนั้น ทางโรงเรียนไม่สามารถเรียกเก็บได้จากผู้ปกครอง  เนื่องจากว่าเป็นองค์กรการกุศล แต่ถ้าหากพบว่าสถานการณ์ยอดการบริจาคยังไม่มีในช่วงนี้ ก็คาดว่าถึงช่วงเดือนตุลาคมนี้ ก็จะเข้าขั้นวิกฤต ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าทิศทางต่อไปจะเป็นเช่นไร

ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็เพียงขอรับน้ำใจจากผู้ที่มีจิตศรัทธา โดย ทางโรงเรียนขอรับบริจาคเงินทุน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การเรียน การสอน ซ่อมแซมอาคาร และของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน สำหรับการศึกษาของผู้พิการทางสายตา

โดยสามารถบริจาค ได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์  บัญชี ทุนบรมราชกุมารีเพื่อคนตาบอด (2536)  บัญชี 669-2-10787-4  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ปราจีนบุรี – พายุฝนถล่ม ตอนรุ่งสางน้ำท่วมรอระบาย ฉันทนาเดินลุยน้ำไปทำงาน

เมื่อเวลา 05.00 น.ที่ผ่านมาวันที 6 พค.64 เกิดพายุฝนฟ้าคะนองพื้นที่อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นานนับชั่วโมงกระทั่ง 06.00 น.ฝนซาเม็ดลง ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังที่รอระบายที่บ้านรัชดาป่าจิก ม.11 ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำสูง 30 ซม.ระยะทางยาว 50 ม.

ส่งผลให้การเข้าออกในซอยได้รับผลกระทบเนื่องจากว่าบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นแอ่งกระทะ ฝนตกทุกครั้งทำให้น้ำระบายไม่ทันนับชั่วโมงผู้ที่อยู่ในซอยเข้าออกลำบากรถยนต์และรถจักรยานยนต์ต้องค่อย ๆ ขับรถเข้าออกในซอย และบางคนต้องอ้อมไปใช้เส้นทางหลังโรงเรียนเข้าหมู่บ้านแทน คนที่มีบ้านอยู่กลางซอยต้องเดินลุยน้ำออกจากบ้านเพื่อไปทำงานและไปทำธุระด้านนอก นส.บังอร (นามสมมติ) พนักงานโรงงาน กล่าวว่าบ้านอยู่ทางด้านในซอยนี้ฝนตกหนักบริเวณนี้มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานลึกประมาณ 30-40 ซม.ระยะทางยาว 50 ม.ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำทำให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านในต้องลำบากลุยน้ำออกมาทำงานถ้าเป็นไปได้อยากจะให้มีการทำถนนบริเวณนี้ใหม่ให้สูงกว่าเดิมเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในแต่ละครั้งจะท่วมนานกว่าจะลด ณ.ขณะนี้เวลา 08.50 น.ฝนยังไม่หยุดตกคาดว่าจะตกริน ๆ ไปถึงเที่ยงตามคำพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาได้รายว่าทั่วทุกภาคจะมีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้


ภาพ/ข่าว  ลักขณา สีนายกอง

กรุงเทพฯ - สภากาชาดไทยร่วมกับสำนักอนามัย จัดทีมแพทย์ พยาบาลเสริมทัพฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้มีความเสี่ยงเขตคลองเตย

อนาคตเตรียมเปิดรับสมัครอาสาสมัครแพทย์ พยาบาล และมอบชุดธารน้ำใจโควิด ฯ สำหรับผู้กักตัว 14 วัน

วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 นายแพทย์พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ ทีมแพทย์ พยาบาลของสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ ที่ปฏิบัติงานร่วมกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร นำทีมโดย แพทย์หญิงกานดา ลิมิตเลาหพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายบริการทางการแพทย์ สำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ ปฏิบัติงานฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19  ให้แก่ผู้ที่มีความเสี่ยงในพื้นที่ชุมชนแออัดเขตคลองเตย โดยสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครตั้งเป้าในการฉีดวัคซีนประมาณวันละ 1,500 ราย ณ โลตัส พระรามสี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อช่วยควบคุมโรคระบาดในพื้นที่คลองเตย กรุงเทพมหานคร

​ด้านนายแพทย์พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ กล่าวว่า “วันนี้สภากาชาดไทยมาร่วมสนับสนุนกทม.ในการระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ ที่มีการแพร่ระบาดหนักสุดในตอนนี้ ซึ่งก็คือพื้นที่คลองเตย มีทั้งทีมแพทย์และพยาบาลที่มาปฏิบัติงาน นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้เราจะระดมอาสาสมัครของสภากาชาดไทย ที่เป็นแพทย์หรือพยาบาลที่มีจิตอาสา มาช่วยภาครัฐในการระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอีก และสภากาชาดไทยได้เตรียมเปิดสิทธิ์ให้กับอสส. (อาสาสมัครสาธารณสุข)ในการคีย์ข้อมูลเข้าในระบบแอปพลิเคชั่นพ้นภัย สำหรับผู้ที่ อสส.ประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยง จำเป็นต้องกักตัวเอง 14 วัน เพื่อที่เมื่อข้อมูลเข้าระบบแล้ว สภากาชาดไทยจะได้จัดส่งชุดธารน้ำใจฝ่าวิกฤติ      โควิด-19 ไปสนับสนุน โดยอาศัยสนง.เขตต่าง ๆ เป็นตัวกลางในการประสานต่อไป ซึ่งชุดธารน้ำใจกู้ชีวิตฝ่าวิกฤติโควิด-19 นี้ สภากาชาดไทยได้ดำเนินการในส่วนภูมิภาคมาเป็นระยะเวลา 1 ปีเศษแล้ว โดยมีอสม.(อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) เป็นผู้คีย์ข้อมูลผ่านเข้าระบบแอปพลิเคชั่นพ้นภัยเข้ามา ซึ่งสภากาชาดไทยได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้กักตัวเอง 14 วัน ด้วยชุดธารน้ำใจฯ ดังกล่าวไปแล้วกว่า 1 แสนชุด”

​สำหรับประชาชนที่มีจิตศรัทธาจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับสภากาชาดไทย ที่จะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน สามารถบริจาคได้ในโครงการ “พลังใจ 99 บาท ก้าวผ่านวิกฤต COVID-19” เพื่อมอบชุดธารน้ำใจช่วยเหลือประชาชนที่ต้องกักกันตน ผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้และไร้ที่พึ่ง เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกัน และเยียวยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการสแกน QR CODE ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารใน ระบบ E-DONATION หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักสีลม ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 001-1-34567-0 หรือธนาคารกรุงไทย สาขาสุรวงศ์ ชื่อบัญชี "สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 023-6-06799-0 ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1664

ชลบุรี - พายุฝนกระหน่ำคืนเดียว วัดช่องแสมสารและวิหารหลวงพ่อดำเสียหายหลายแห่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (02.00 . ของวันที่ 6 พ.ค.64) ลมพายุพัดถล่มลงมาอย่างหนัก นอกจากนี้แล้วยังเกิดฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในเขตพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยเฉพาะวัดช่องแสมสาร ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับทะเล บริเวณพื้นที่ ต.แสมสาร ได้รับความเสียหายหลายแห่ง รวมถึงวิหารหลวงพ่อดำ ที่ตั้งอยู่บนเขาเจดีย์ ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน

เบื้องต้นคณะกรรมการวัดช่องแสมสารและชาวบ้าน ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเบื้องต้น พบว่ามีหลายจุด เช่น  หลังคาศาลาเมรุ หลังคาห้องรับสังฆทานวิหาร หลังคากุฏิเจ้าอาวาส เต้นบริเวณหน้าท้ามสหัมบดีพรหม กำแพงวัด หลังคาห้องรับรอง หลังคากุฏิพระเณร ต้นไม้น้อยใหญ่บริเวรวัด หลังคาศาลาการเปรียญ รวมถึงบริเวณวิหารหลวงพ่อดำ เขาเจดีย์ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่โชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งทางวัดช่องแสมสารก็จะตรวจสอบความเสียหายและทำการซ่อมแซมต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

ศรีสะเกษ - พายุฝนถล่ม 3 อำเภอ ทุเรียนภูเขาไฟที่กำลังใกล้สุกร่วงหล่น บ้านเรือนพังยับกว่า 50 หลังเรือน

เมื่อเวลา 22.00 วันที่ 5 พ.ค. 2564 นายบุญประสงค์ นวลสายย์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงใกล้ค่ำของวันนี้ (5พ.ค.2564) ได้เกิดเหตุวาตภัยพายุฝนตกหนักอย่างรุนแรงในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า มี 3 อำเภอประกอบด้วย อ.กันทรลักษ์ อ.เมือง และ อ.ปรางค์กู่ มีบ้านเรือนของชาวบ้านโดนลมพายุพัดบ้านเรือนพังเสียหายรวมจำนวนประมาณ 43 หลัง ต้นไม้ขนาดใหญ่โค่นล้มทับบ้านเรือนของชาวบ้านและต้นไม้ได้โค่นล้มขวางถนนตามเส้นทางถนนหลายสาย เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันตัดต้นไม้ออกจากถนนเพื่อให้รถราทุกชนิดสามารถใช้ในการสัญจรไปมาได้

นายบุญประสงค์ นวลสายย์  หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยต่อไปว่า  ขณะที่บริเวณบ้านซำตารมย์ ต.ตระกาจ อ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการปลูกทุเรียนภูเขาไฟจำนวนมาก ลมพายุได้พัดถล่มต้นทุเรียนภูเขาไฟที่มีผลผลิตลูกทุเรียนจำนวนมาก และผลทุเรียนใกล้จะสุกเกษตรกรเตรียมที่จะนำออกไปขายในท้องตลาดทั่วประเทศในช่วงประมาณเดือนมิถุนายน 2564 นี้ 

ปรากฏว่า พายุฝนที่พัดโหมกระหน่ำอย่างหนักได้ทำให้ลูกทุเรียนภูเขาไฟร่วงหล่นลงมาจากต้นลงมากองอยู่ใต้ต้นทุเรียนจำนวนมาก เกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียนต้องพากันเก็บลูกทุเรียนภูเขาไฟมากองรวมกันไว้ด้วยความเสียดายลูกทุเรียนภูเขาไฟที่ร่วงหล่นเสียหายจำนวนมาก

สรุปความเสียหายเบื้องต้นชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 33 ครัวเรือน ส่วนการช่วยเหลือนั้นอยู่ในระหว่างการสำรวจของอำเภอร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งจะได้เร่งให้การช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน

นายบุญประสงค์ ยังกล่าวด้วยว่า  นอกจากนี้แล้วยังได้เกิดฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในเขตพื้นที่อำเภอปรางค์กู่ ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรและโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นพบบ้านเรือนชาวบ้านเสียหาย ดังนี้ 1. บ้านหนองแต้ หมู่ที่ 11 ตำบลหนองเชียงทูน อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ บ้านเรือนเสียหาย  9 หลังคาเรือน  2. บ้านหนองตลาด หมู่ที่ 10 ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ  บ้านเรือนเสียหาย 1 หลังคาเรือน 

ซึ่ง นายเทเวศน์  มีศรี นายอำเภอปรางค์กู่ ได้สั่งการไห้ ปลัดอำเภอ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และผู้นำท้องที่ เร่งสำรวจความเสียหาย และแจ้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลหนองเชียงทูน และองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ศรี เร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนของชาวบ้านเพื่อให้สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ตามปกติเช่นเดิมอย่างเร่งด่วนต่อไปแล้ว


ภาพ/ข่าว  ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ – พิษโควิด !! คนร้ายงัดตู้เอทีเอ็ม หวังฉกเงินจากตู้

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 64  ร.ต.อ.สำราญศักดิ์ แซงเพชร ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุงัดตู้เอทีเอ็มที่บริเวณปั้ม ปตท.ท่าเรือ ต.โพธิ์ อ.เมืองศรีสะเกษ จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษทราบ และรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสายตรวจ เมื่อไปถึงพบว่า ที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณปั้มน้ำมันข้างร้านสะดวกซื้อ ด้านล่างของตู้เอทีเอ็มมีร่องรอยของประตูตู้เอทีเอ็มเปิดอ้าอยู่  บริเวณฝาปิดรูกุญแจเปิดออก คาดว่าประตูด้านล่างของตู้เอทีเอ็มถูกคนร้ายงัดออก  ซึ่งจากการตรวจสอบโดยรอบตู้เอทีเอ็มไม่พบร่องรอยความเสียหายแต่อย่างใด

ร.ต.อ.สำราญศักดิ์ แซงเพชร  ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบตู้เอทีเอ็มเบื้องต้นแล้วคาดว่า คนร้ายอาจจะงัดประตูของตู้เอทีเอ็มออกเพื่อหวังเอาเงินจากตู้เอทีเอ็ม แต่ว่าจากการตรวจตู้เอทีเอ็มแล้วไม่พบร่องรอยของตู้ถูกงัดแต่อย่างใด  อาจจะเป็นไปได้ว่า ประตูของตู้เอทีเอ็มอาจจะไม่ได้ถูกปิดล็อคกุญแจเอาไว้  ซึ่งตนจะได้ประสานงานกับธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาศรีสะเกษ เพื่อให้มาร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อไป


ภาพ/ข่าว ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

สุโขทัย - ตาลโตนดสุโขทัย ของอร่อยจากธรรมชาติ ภูมิปัญญาท้องถิ่น สืบสานทำกินคนถิ่นคีรีมาศ

“ตาลโตนด” เป็นพืชที่ขึ้นได้ในดินทุกชนิด มีความทนต่อฤดูแล้ง ทนน้ำท่วมขัง แต่ไม่ชอบดินที่เป็นกรดจัด สามารถปลูกแซมตามคันนาได้ หรือในแปลงพื้นที่การเกษตร เนื่องจากรากของตาลโตนดจะหยั่งลงลึก ทำให้ไม่แย่งอาหารกับนาข้าว และรักษาพื้นดินได้อย่างดี เป็นทั้งร่มเงายามหลบแสงแดดร้อน มักพบเห็นตามคันนามาตั้งแต่อดีตเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันก็เริ่มหายลดลง จากการเพิ่มพื้นที่และปรับเปลี่ยนที่ดินมาเป็นรูปแบบธุรกิจ ตามยุคสมัย

ตาลโตนดเป็นพืชที่สร้างอาหารได้หลากหลาย มีประโยชน์จากความหวานของธรรมชาติ เป็นทั้งขนม ของหวาน ผลไม้ และของคาว ในต้นเดียวกัน จุดเด่นของน้ำตาลโตนด จัดเป็นน้ำตาลเพื่อสุขภาพ ยอดนิยมของฝากในท้องถิ่นและคนทั่วไป น้ำตาลโตนด ถือเป็นน้ำตาลที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง เนื่องจากเป็นน้ำตาลที่มี ค่า Glycemic Index(GI) ต่ำ ค่า GI เป็นค่าที่บอกผลกระทบของอาหารที่บริโภคต่อน้ำตาลในกระแสเลือด ซึ่งหากสูง หมายถึงอาหารที่บริโภค ทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดสูง ซึ่งไม่ดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน หรือแม้แต่คนปกติ อีกทั้งยังมี วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น วิตามิน บี โดยเฉพาะ B12 ในปริมาณสูง แร่ธาตุ เช่น เหล็ก โพแตสเซียม แมกนีเซียม และธาตุอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว น้ำตาลโตนด ก็ยังมีรสชาติอร่อย เพิ่มรสชาติของอาหาร เครื่องดื่ม ทั้งชา กาแฟ หรือขนมต่าง ๆ ให้อร่อย หอมหวานกลมกล่อมมากขึ้นอีก

สนใจเรียนรู้หรือเข้าชมการทำน้ำตาลโตนด ซื้อเป็นของฝากจากสุโขทัย ภูมิปัญญาของชาวอำเภอคีรีมาศ ได้ที่ หมู่ 1 บ้านนากาหลง ตำบลนาเชิงคีรี อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย (ตรงข้ามโรงเรียนบ้านนากาหลง) คุณเบียร์ (เจ้าของผลิตภัณฑ์) สอบถามข้อมูลและสั่งจองได้ที่ 092-1964627


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

นครนายก - รถพ่วง 22 ล้อเฉี่ยวชนรถ จยย.ล้มทับร่างเละเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ล้ม ทับร่างแหลกเละเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ร.ต.ท.หญิงวีรวัลย์ พุทธศิริ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก ได้รับแจ้งเหตุมีรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย บริเวณถนนแยกบายพาสศูนย์พระเทพฯ หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก จึงไปยังที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวร และกู้ภัยสว่างอริยะนครนายก พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 100 สีน้ำเงินทะเบียน กจว นครนายก 531 ถูกรถบรรทุกพ่วงเฉี่ยวชนล้มพังเสียหายข้างรถจักรยานยนต์พบศพนายอำนวย เนียมไทย อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/21 ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายกนอนเสียชีวิต ถูกล้อรถบรรทุกพ่วงหลังข้างซ้ายทับร่างเละตั้งแต่บริเวณช่วงเอวขึ้นไปถึงศรีษะแหลกเหลว เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เวรร่วมชันสูจน์พลิกศพถัดมา 100 เมตรพบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อสีขาวตัวแม่ทะเบียน 80-9683 กำแพงเพชรและลูกพ่วงทะเบียน 82-7593 มีนายสวิตต์ บัวธรรม อายุ 50 ปีเป็นคนขับรถบรรทุกพ่วงยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการบอกเล่าของ นายสวัตต์ บัวธรรม คนขับรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ เล่าว่าตนได้ขับรถบรรทุกหินมาจากโรงงานที่สระบุรีเพื่อจะนำหินไปส่งที่แพลนงานที่ปราจีนบุรี เมื่อถึงจุดเกิดเหตุเป็นแยกสัญญาณไฟแดงตนได้หยุดรถพอสัญญาณไฟเขียวตนได้ขับรถออกมาโดยไม่รู้ว่ามีรถจักรยานยนต์ขับตามหลังมาติด ๆ จึงได้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ล้มลงและทับทั้งรถและคนเสียชีวิตดังกล่าว

จากการบอกเล่าของนายปรมัตถ์ วงศ์คล้าย เป็นลูกเลี้ยงของนายอำนวย เนียมไทย ผู้เสียชีวิตเล่า พ่อเลี้ยงเป็นคนชอบส่องพระเครื่องและชอบเล่นพระเครื่อง ในวันเกิดเหตุได้ขับรถออกจากบ้านมาเพื่อจะไปหาเพื่อนที่ชอบเล่นพระเครื่องด้วยกันแถวหมู่บ้านไร่วิลเลจ ตำบลศรีนาวา และทางญาติ ๆ ก็เตือนว่าอย่าออกจากบ้านไปเลยฝนก็ตกหนักตลอดทั้งวัน จนมารับทราบข่าวจากกู้ภัยสว่างอริยะนครนายก โทรมาบอก ว่าพ่อเลี้ยงตนได้ถูกรถบรรทุกพ่วงชนเสียชีวิตแล้ว

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมถ่ายภาพเก็บข้อมูลหลักฐาน และได้เชิญตัวนายสวัตต์ บัวธรรม คนขับรถบรรทุกพ่วง ไปสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่  ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

มุกดาหาร - ตำรวจทางหลวงไล่สกัดรถเก๋งขนยาไอซ์ 11 ก.ก. เสียหลักลงข้างทางทิ้งรถหนีรอด

ตำรวจทางหลวงไล่สกัดรถเก๋งลักลอบขนยาไอซ์ขับหนีด้วยความเร็วสูงรถเกิดเสียหลักพุ่งลงข้างทางหนีต่อไม่ได้ทิ้งรถพร้อมยาไอซ์ 11 ก.ก.วิ่งเข้าป่าอาศัยความมึดหลบหนีไปได้

เมื่อกลางดึกวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุวิมล ได้รับแจ้งจากสายหลับว่ามีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 2 ฝั่งโขงลักลอบขนยาไอซ์ข้ามโขงทางเรือติดเคืองยนต์หางยาวข้ามแม่น้ำโขงข้ามฝั่งเข้ามาตามแนวชายแดนริมฝั่งโขงในพื้นที่ของ จ.มุกดาหาร จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญนำกำลังตำรวจทางหลวง ร่วมวางแผนก่อนใช้รถตำรวจทางหลวงหมายเลข 6512 กองกำกับการตำรวจทางหลวง ส.ทล. 5 ออกตรวจสอบตามถนนชะยางกูรเพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ขณะเจ้าหน้าที่ขับรถไปตามถนนชยางกูร ได้พบรถเก่งขับสวนทางมาด้วยความเร็วสูงโดยรถคันดังกล่าวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เป็นรถต้องสงสัยเจ้าหน้าที่จึงกลับรถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดเพื่อบังคับให้จอด แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมจอดขับเร่งความเร็วเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนรถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทางบริเวณ ก.ม.ที่12 หน้าโรงเรียนบ้านดอนม่วยตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นทางโค้งและมืด คาดว่าคนร้ายไม่ชำนาญเส้นทางประกอบกับเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ตรวจสอบพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อ toyota รุ่น vios สีบรอนซ์เงินไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่พบคนขับตรวจสอบภายในรถมีการดัดแปลงสภาพรถเพื่อใช้ในการกระทำความผิดพบกล่องกระดาษขนาดใหญ่วางอยู่บริเวณเบาะผู้โดยสารด้านหลัง จึงได้เปิดฝากล่องตรวจสอบพบยาไอซ์แพ็คบรรจุอย่างดีจำนวน 11 ห่อน้ำหนักโดยประมาณ11 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ด้านในส่วนคนร้ายทิ้งรถวิ่งเข้าป่าขางทางหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางพร้อมรถนำส่งสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหารเพื่อดำเนินการตามกฎหมายเตรียมขยายผลหาเจ้าของรถพร้อมกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 2 ฝั่งโขงกลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว ชุด ฉก.พญาอินทรีย์ / เดวิท โชคชัย จ.มุกดาหาร

จันทบุรี - เกิดพายุฝนลมแรง ในพื้นที่ บ้านช้างข้าม อ.นายายอาม ส่งผลบ้านเรือนราษฎรเสียหาย ต้นไม้ล้ม และมีเรือประมงพื้นบ้านถูกคลื่นซัดจม แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต

ที่บ้านช้างข้าม ต.ช้างข้าม อ.นายายอาม  จ.จันทบุรี พบบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำปากน้ำพังราด ถูกพายุฝนพัดเพิงพักที่ใช้ประกอบอาชีพประมงและเรือประมงขนาดเล็กจมใต้น้ำหลายลำ ใกล้กันก็มีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มลงมาทับบ้านเรือนประชาชนพังเสียหายแต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต จากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางผู้นำชุมชนได้ออกสำรวจความเสียหายของลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาตัวเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณตีสองครึ่ง เกิดลมพายุฝนกรรโชกแรงประมาณ 20 นาทีก็สงบลง ทรัพย์สินที่เสียหายส่วนใหญ่ เป็นเพิงพักพิงแบบชั่วคราวที่ใช้ในการวางอุปกรณ์ประมงหรือใช้ในการซ่อมแซมอุปกรณ์หาปลาทะเล เช่น แห อวน ที่สร้างอยู่ริมน้ำพังเสียหายและข้าวของเครื่องใช้ไหลไปตามกระแสน้ำ โดยทางผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยู่ระหว่างการสำรวจและรายงานให้กับทางอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อหาทางในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป ขณะที่ ปภ.จังหวัด และ อุตุนิยมวิทยาจันทบุรีได้แจ้งเตือนประชาชน ระวังพายุฝนฟ้าคะนองจากสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงวัน สองวันนี้

ด้านนายอ่อน บรรดาศักดิ์ ชาวบ้านหมู่ 8 ตำบลช้างข้าม ได้กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณตีสองครึ่ง พายุมาเร็วมากตั้งตัวไม่ทัน เวลาเพียงประมาณ 20 นาที ก็สร้างความเสียหายโชคดีไม่มีใครอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงไม่พบผู้บาดเจ็บและ เสียชีวิต


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top